Infographic

รายได้จากการท่องเที่ยวในภาคอีสาน เป็นจั้งใด๋ ? ปี 2566 (มกราคม-เมษายน)

รายได้จากการท่องเที่ยวในภาคอีสาน เป็นจั้งใด๋ ? ปี 2566 (มกราคม-เมษายน) ภาคอีสานมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 14 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 24,728.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.89% จากปี 2565 (มกราคม-เมษายน) ที่มีรายได้ 15,761.7 ล้านบาท โดยรายได้หลักยังคงมาจากคนในประเทศ    5 จังหวัดภาคอีสาน ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด ปี 2566 เทียบกับ ปี 2565 อันดับ 1. นครราชสีมา 4,298 ล้านบาท | 2,991 ล้านบาท อันดับ 2. ขอนแก่น 3,567 ล้านบาท | 2,574 ล้านบาท อันดับ 3. อุดรธานี 3,169 ล้านบาท | 1,693 ล้านบาท อันดับ 4. บุรีรัมย์ 2,363 ล้านบาท | 1,673 ล้านบาท อันดับ 5. อุบลราชธานี 1,910 ล้านบาท | 916 ล้านบาท จะเห็นว่า ปี 2566 การท่องเที่ยวในภาคอีสานมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากรัฐบาลเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่แนวโน้มดีขึ้น ทั้งนี้ ททท. คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศโดยเฉพาะจีนเดินทางเข้าไทยมากเป็นอันดับ 1 จำนวนไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน และมีแนวโน้มจะสูงถึงที่ 7-8 ล้านคน ขึ้นอยู่กับปริมาณเที่ยวบินในช่วงตารางบินฤดูหนาว 2566/2567 รองลงมาคือตลาดมาเลเซีย วางเป้าหมายไว้ที่ 4 ล้านคน อินเดีย 2 ล้านคน ส่วนรัสเซียและเกาหลีใต้ คาดมีไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน   อ้างอิงจาก: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  https://www.mots.go.th/news/category/705  https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230406132620675    ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/  Website : https://isaninsight.kku.ac.th    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #รายได้ท่องเที่ยวอีสาน #ท่องเที่ยวอีสาน #เที่ยวอีสาน

พาส่องเบิ่ง 7 อันดับธุรกิจรักษาสัตว์ เอาใจทาสหมาทาสแมว

อันดับที่ 1 บริษัท โรงพยาบาลสัตว์ปิยะมิตร จำกัด รายได้รวม 52 ล้านบาท กำไรรวม 540,284 บาท จังหวัด ขอนแก่น อันดับที่ 2 บริษัท โรงพยาบาลสัตว์ปากช่อง จำกัด รายได้รวม 23 ล้านบาท กำไรรวม 741,781 บาท จังหวัด นครราชสีมา อันดับที่ 3 บริษัท วาริน-อุบล เพ็ทแพชชั่น จำกัด รายได้รวม 17 ล้านบาท กำไรรวม 486,424 บาท จังหวัด อุบลราชธานี อันดับที่ 4 บริษัท พยัคฆ์ แอนิมอล เซ็นเตอร์ จำกัด รายได้รวม 7,108,435 บาท กำไรรวม 439,969 ล้านบาท จังหวัด มหาสารคาม อันดับที่ 5 ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี่เสือยาสัตว์ รายได้รวม 2,083,247 บาท กำไรรวม 87,179 บาท จังหวัด ขอนแก่น อันดับที่ 6 บริษัท โรงพยาบาลสัตว์อุดรแอร์พอร์ท จำกัด รายได้รวม 1,936,540 บาท กำไรรวม -206,084 บาท จังหวัด อุดรธานี อันดับที่ 7 ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงพยาบาลสัตว์ สีวลี รายได้รวม 1,882,049 บาท กำไรรวม 71,659 บาท จังหวัด ขอนแก่น หมายเหตุ: เป็นมูลนิติบุคคล เฉพาะประเภทธุรกิจกิจกรรมเกี่ยวกับสัตวแพทย์ (รหัสประเภทธุรกิจ 75000) อ้างอิงจาก: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram: https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #บริษัทในภาคอีสาน #ธุรกิจรักษาสัตว์ #ธุรกิจ #Business #ธุรกิจอีสาน

Pride Month 2023  ปักหมุดไพรด์อีสาน จัดที่ใด๋บ้าง ? 

Pride Month 2023  ปักหมุดไพรด์อีสาน จัดที่ใด๋บ้าง ?    “Pride Month” คืออะไร ทำไมตรงกับเดือนมิถุนายนและสำคัญกับ “LGBTQIAN+” พามาเบิ่งที่มาของ “Pride Month” ทำไมตรงกับเดือนมิถุนายนและสัญลักษณ์ของวันสำคัญนี้ทำไมถึงเป็นธงสีรุ้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ ชาว “LGBTQIAN+” ให้ความสนใจ จุดเริ่มต้นของเดือนแห่งความภาคภูมิใจ เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1960 ซึ่งยุคที่สังคมยังไม่เปิดรับผู้มีความหลากหลายทางเพศเหมือนในวันนี้ ส่งผลให้เกิดการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ บางคนถึงขับไล่ออกจากบ้าน พวกเขาจำต้องหลบปิดบังตัวตนไม่ให้ใครได้รู้ เมื่อยุคนั้นไม่มีใครยอมรับ สถานที่ปลอดภัยของพวกเขาจึงมีเพียงแค่ “บาร์เกย์” เอาไว้เป็นที่นัดไปรวมตัวกันเพื่อสังสรรค์ และเป็นที่พักสำหรับใครก็ตามที่ถูกบ้านขับไล่มา ด้วยการเลือกปฏิบัติ บาร์เกย์ในยุคแรกๆ จึงยังไม่ได้รับการยอมรับทางกฎหมาย พอจะไปจดทะเบียน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้จด เพียงเพราะว่าเป็นเกย์  ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงมักจะเปิดบาร์เกย์เถื่อน    กระทั่งเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 28 มิถุนายน 1969 คือ ตำรวจบุกจับกุมผู้ใช้บริการในบาร์เกย์  “สโตนวอลล์ อิน”  (Stonewall Inn)ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวกันของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นทรานส์ เกย์ และอื่นๆ แต่พวกเขาไม่ยอม สุดท้ายเหตุการณ์จึงบานปลาย มีการใช้ความรุนแรงในการปราบปราม เหตุการณ์ในครั้งนั้นจึงกลายเป็นชนวนให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิ ความเท่าเทียม และต่อสู้เพื่อเสรีภาพในการแสดงออกทางตัวตน แต่ยิ่งตำรวจปราบปรามมากเท่าไร ฝูงชนก็ยิ่งเดินทางมารวมตัวกันมากขึ้น จนนำไปสู่การเดินขบวนประท้วง ขบวนพาเหรด และการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่สื่อถึง “ไพรด์” (Pride) หรือความภาคภูมิใจในตัวเอง   โดยพวกเขาเริ่มจากการเคลื่อนไหวในมหานครนิวยอร์ก ก่อนจะขยายไปยังเมืองใหญ่อื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา และกระจายไปทั่วโลก  นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกวันที่ 28 มิถุนายน  จึงเป็นวันที่ทั่วโลกร่วมกันรำลึกถึงเหตุการณ์จลาจลสโตนวอลล์ (Stonewall Riots) อันเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิและความเท่าเทียมให้แก่กลุ่มความหลากหลายทางเพศมาจนถึงปัจจุบัน  แต่การระลึกถึงเหตุการณ์จราจลในวันนั้น ได้ขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดท้าย กลายเป็นเรียกร้องแบบทั้งเดือนยาวต่อเนื่อง เพื่อแสดงถึงตัวตนของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เป็นที่มาของเทศกาล “Pride Month” เดือนแห่งความภาคภูมิใจที่ยาวนานตลอดทั้งเดือนมิถุนายนนั่นเอง   สำหรับความหมายของ “LGBTQIAN+” นั้นย่อมาจากคำเรียกเพศวิถีต่างๆ ที่มีความหลากหลาย จากเดิมที่มีตัวอักษร “LGBT” แค่ 4 ตัว แต่ต่อมาได้ใส่ + เข้าไป เพื่อสื่อถึงความหลากหลายที่เพิ่มเข้ามา กระทั่งได้เพิ่มตัวอักษรเข้าไปอีก 4 ตัว กลายเป็น “LGBTQIAN+” ในปัจจุบันโดยมีความหมายดังนี้ “LGBTQIAN+” L : Lesbian คือ ผู้หญิงที่รักผู้หญิง G : Gay คือ ผู้ชายที่รักผู้ชาย B : Bisexual คือ คนที่ชื่นชอบได้ทั้งเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม T : Transgender คือ …

Pride Month 2023  ปักหมุดไพรด์อีสาน จัดที่ใด๋บ้าง ?  อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง อุบลราชธานี 1 ใน 4 จังหวัดนำร่องแคมเปญ “เที่ยวไทยถึงถิ่น เที่ยวได้ทั้งปี” กระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยว

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดงานแคมเปญ “เที่ยวไทยถึงถิ่น เที่ยวได้ทั้งปี” GO LOCAL, LOVE LOCAL โดยมี ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมของแผนงาน ปั้นเมืองรอง กระตุ้นท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ชูจุดแข็งศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ภายใต้ 3 แนวคิด ได้แก่ 1.Retail-Led Tourism ชูศูนย์การค้าเป็นเดสติเนชั่นสร้างเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชน 2. Cross-Region Mode! ส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามถิ่นข้ามภาค และ 3. National Soft Power ดึง DNA เมืองรอง จับมือท้องถิ่นสร้างอีเว้นท์ดึงดูดตลอดปี แคมเปญ “เที่ยวไทยถึงถิ่น เที่ยวได้ทั้งปี” GO LOCAL, LOVE LOCAL นำร่องเฟสแรก 4 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช – ดื่มด่ำเสน่ห์แห่ง “ธรรมะ-ธรรมชาติ-วัฒนธรรม” ที่ไม่ธรรมดา โปรโมท ธรรมะแลนด์มาร์กที่สายมูต้องไม่พลาด , “ธรรมชาติ” สุดอันซีน เห็นแล้วต้องอยากแชร์ให้ลูกรู้, และ “วัฒนธรรม” สัมผัสไลฟ์สไตล์ของคนท้องถิ่นแบบอินไซด์ อยุธยา – ท่องเที่ยวกรุงเก่าด้วยมุมมองใหม่ได้อรรถรส สัมผัสเมืองมรดกโลก, ไหว้พระทำบุญชมโบราณสถาน, สายคาเฟ่-สายกิน ฟินของอร่อย และท่องเที่ยวสไตล์วิถีชุมซน อุบลราชธานี – สัมผัสสน่ห์กับ 4 แสงแห่งดินแดนอีสานใต้ ได้แก่ แสงแรกยามรุ่งอรุณ, แสงธรรมจากเกจิอาจารย์ดัง, แสงเทียนแห่งประเพณีสุดงดงาม, และแสงอาทิตย์สุดล้ำเพื่อพลังงานสะอาด จันทบุรี – อินและฟินกับเมืองท่องเที่ยวเนื้อหอมแห่งภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นดื่มต่ำความงดูงามแห่งธรรมชาติสุดหลากหลาย, เต็มอิ่มกับผลไม้เลื่องชื่อเมืองจันท์ และมนต์เสน่ห์ชุมชนริมน้ำสุดคลาสสิก แคมเปญ ดังกล่าวฯ ที่เป็นต้นแบบที่ดีการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแบบได้ประโยชน์ทั้ง ห่วงโซ่อุปทาน ช่วย ททท. ไม่ว่าจะด้วยเรื่อง Dive Demand , Shape Supply หรือแม้แต่การThieve for Excellence ททท.จะเดินคู่ไปกับหน่วยงาน พันธมิตร แบบ 360 องศา ร่วมกันพัฒนา ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ กับแผนยุทธศาสตร์ ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) ผลักดัน การท่องเที่ยวชุมชน “เที่ยวไทยถึงถิ่น เที่ยวได้ทั้งปี” (Go Local , …

ชวนเบิ่ง อุบลราชธานี 1 ใน 4 จังหวัดนำร่องแคมเปญ “เที่ยวไทยถึงถิ่น เที่ยวได้ทั้งปี” กระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยว อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง สถิติที่น่าสนใจของผู้ประกอบการ SMEs

อ้างอิงจาก: – สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #ผู้ประกอบการ #SMEs

มาฮู้จัก “ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม”  ผ้าซิ่นที่ “ลิซ่า BLACKPINK” เลือกใส่

มาฮู้จัก “ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม”  ผ้าซิ่นที่ “ลิซ่า BLACKPINK” เลือกใส่ ปลุกกระแสผ้าไทยจากจ.อุดรธานี ขายหมดแล้ว ! ร้านเผยช่วยกระจายรายได้ให้ชาวบ้าน   หลังจาก “ลิซ่า BLACKPINK” หรือ ลลิษา มโนบาล เกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี โพสต์อินสตาแกรม สวมผ้าไทย “ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม” ไปเที่ยววัดที่ จ.อยุธยา กับกลุ่มเพื่อน เป็นการปลุกกระแสผ้าไทยโด่งดังรู้จักไปทั่วโลก ทำให้ยอดขายขายดีมียอดสั่งจองจำนวนมาก ต้องรออีก 1 เดือน ถือเป็นการกระจายรายได้ให้กลุ่มทอผ้าเพราะมีแฟนคลับหันมาใส่ผ้าซิ่นไทยไปเที่ยววัดอยุธยาตามรอยลิซ่า   ผ้าซิ่น หรือ ผ้าถุง ผืนนี้มาจากร้าน @ชานเรือน นาข่า ‘Chanruen Nakha’ ซึ่งเป็นร้านของ เดียร์น่า ฟลีโป เพื่อนสนิทของลิซ่า ตั้งอยู่ที่ จ.อุดรธานี เป็นผ้ามัดหมี่ย้อมคราม งานหัตถกรรมผ้าทอที่ทางร้านให้ชาวบ้านในตำบลนาข่าและพื้นที่โดยรอบผลิตขึ้นมา โดยผ้าผืนนี้มีหลายขั้นตอน คนมัด คนทอ แยกกันทำ ทีละส่วน เป็นการกระจายรายได้ให้กับชาวบ้าน หลังลิซ่าโพสต์ลงในอินสตราแกรม มีคนสนใจและติดต่อทางร้านมาจำนวนมาก แต่ทางร้านต้องขออภัย ตอนนี้ผ้าถุงลายเดียวกับลิซ่าหมดสต็อก เพราะทางร้านไม่คาดคิดว่า ลิซ่าจะถ่ายรูปลงในอินสตราแกรม จนมีคนสนใจขนาดนี้ ทำให้ตอนนี้ต้องรอชาวบ้านผลิตขึ้นมาใหม่ สำหรับชุดที่ ลิซ่า BLACKPINK สวมใส่ ทั้งเสื้อและผ้าถุง เป็นผ้าฝ้ายทั้งหมด ใส่สบายในวันที่อากาศร้อน ตอนนี้ในอินสตราแกรมของร้าน มีคนเข้าไปคอมเมนต์ถามราคาจำนวนมาก อยากได้ทั้งชุดตามลิซ่า ซึ่งทางร้านได้แจ้งราคาอยู่ที่ 1,200 บาท แฟนคลับต่างประเทศ ก็เข้ามาคอมเมนต์ ว่ามีให้กดสั่งออนไลน์ ส่งต่างประเทศไหม อยากจะใส่ตามลิซ่า ด้านเพจเฟซบุ๊ก สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย ให้ข้อมูลไว้ว่า  ผ้าฝ้ายหมักโคลนเกิดจากวิถีการใช้ชีวิตประจำวันของชาวบ้านที่นุ่งผ้าออกไปทำงาน ทำไร่ ทำนา เปื้อนดินโคลน เมื่อกลับมาบ้านนำผ้าไปซัก พบว่าผ้ามีความนุ่ม และเงา ใส่แล้วดูดี สีน้ำเงินได้มาจากสีของต้นครามธรรมชาติ นำมาย้อมด้วยทักษะฝีมือของชาวบ้าน จนกลายมาเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน   ทางด้านนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้ออกมาขอขอบคุณน้องลิซ่า นางสาวลลิษา มโนบาล ที่ทำให้ผ้าย้อมครามหมักโคลนจากร้านชานเรือนนาข่า ตลาดผ้าบ้านนาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้เป็นที่รู้จักแก่สายตาชาวโลก ทำให้เกิดกระแสมีคนมาติดตามซื้อผ้าที่น้องลิซ่าสวมใส่เป็นจำนวนมาก ด้านนางสุวิมล ไชยวงศ์ อายุ 61 ปี เจ้าของร้านชานเรือน นาข่า คุณแม่ นางเอกสาว เดียร์น่า ฟลีโป นักแสดงสังกัดช่อง 3 เล่าว่า มียอดสั่งซื้อเข้าเป็นจำนวนมาก ผ้าลาย “ขอนาค”ไม่มีในสต็อก ตอนนี้เร่งทอตามคำสั่งซื้อจากลูกค้า ซึ่งลูกค้าต้องรออย่างน้อย 1 เดือน ตามคิวสั่งจอง เพราะเป็นงานทอมือ ซึ่งคนที่จะตามรอยน้องลิซ่าต้องเป็นผ้าทอมือเท่านั้น …

มาฮู้จัก “ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม”  ผ้าซิ่นที่ “ลิซ่า BLACKPINK” เลือกใส่ อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง 5 อันดับธุรกิจปลาน้ำจืด

หมายเหตุ: เป็นมูลนิติบุคคล เฉพาะประเภทธุรกิจการเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืด (รหัสประเภทธุรกิจ 3221) ปลาช่อน ปลาทับทิม ปลาแรด ปลานิล ปลาไน ปลาตะเพียน ปลาสลิด ฯลฯ การเพาะฟักและอนุบาลลูกพันธุ์ปลาน้ำจืด รวมถึงการเลี้ยงพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ปลาน้ำจืดเพื่อการเพาะพันธุ์ อ้างอิงจาก: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์#Business #ธุรกิจ #ธุรกิจปลาน้ำจืด #ธุรกิจอีสาน

สัตว์น้ำจืดอีสาน จังหวัดใด๋มีหลายที่สุด ? 

สัตว์น้ำจืดอีสาน จังหวัดใด๋มีหลายที่สุด ?    ที่มา: กองนโยบายและแผนพัฒนาการประมง กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/  Website : https://isaninsight.kku.ac.th  . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #สัตว์น้ำจืด #สัตว์น้ำจืดอีสาน

พามาเบิ่ง 5 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ในอีสาน

จากกระแสเงือกน้อยเมอร์เมด  มื้อนี่ ISAN Insight & Outlook สิพามาเบิ่ง 5 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในอีสาน   พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย จ.หนองคาย พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ตั้งอยู่ในตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมืองหนองคาย เป็นส่วนจัดแสดงสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ตื่นตาไปกับอุโมงค์ใต้น้ำยาวหลายสิบเมตร เหมือนกับการจำลองโลกใต้บาดาลลงไปสู่ชั้นล่าง ซึ่งเป็นโซนแสดงปลาน้ำจืด และปลาโบราณพื้นบ้าน ปลาลุ่มน้ำโขง ที่จัดแสดงไว้อย่างเป็นธรรมชาติ หรือภายในอุโมงค์ใต้น้ำ ที่นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจกับฝูงปลานานาชนิด มีทั้งปลาบึก ปลาตะเพียนสีสันสวยงาม และปลาอื่น ๆ อีกมากมาย การแสดงโชว์ดำน้ำ – วันอังคาร-ศุกร์ รอบ 14.00-14.30 น. – วันเสาร์-อาทิตย์ รอบ 11.00-11.30 น. และ 14.00-14.30 น.  วันและเวลาทำการ : ทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 09.00-17.00 น. ที่ตั้ง : เลขที่ 112 หมู่ 7 ตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย https://goo.gl/maps/AJnFHBcRK1tdxVVZ7  ค่าเข้าชม เด็ก นักเรียน นักศึกษา 30 บาท, ผู้ใหญ่ 50 บาท ยกเว้นค่าเข้าชม ผู้สูงอายุแสดงบัตรประจำตัวประชาชน และเด็กที่มีความสูงน้อยกว่า 90 เซนติเมตร   สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด  จัดแสดงปลาและสัตว์น้ำจืด พร้อมทั้งนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับปลาและสัตว์น้ำจืดชนิดต่างๆ มีส่วนแสดงพันธุ์สัตว์น้ำประกอบด้วย ตู้ปลาขนาดเล็กที่ฝังอยู่ในผนังรอบๆ อาคาร จำนวน 24 ตู้ ช่วงตรงกลางของอาคาร เป็นตู้ปลาขนาดใหญ่ 1 ตู้ กว้าง 8 เมตร ยาว 16 เมตร พร้อมอุโมงค์แก้วผ่านกลางตู้สำหรับให้ผู้เข้าชมเดินชมได้อย่างใกล้ชิดและรอบทิศทาง ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ : ถนนสุนทรเทพ (หน้าวัดบึงพระลานชัย) ตำบลในเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด 45000 โทรศัพท์ : 043-511-286 https://goo.gl/maps/iUxed16UvtqWwLAf7  วันและเวลาทำการ : เปิดให้เข้าชม วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 08.30 – 16.30 น. ค่าเข้าชม ไม่เสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชม (แต่มีตู้สำหรับให้บริจาคค่าอาหารสัตว์น้ำแทน)   สถานแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืด จ.สกลนคร ปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสกลนคร มีพื้นที่ทั้งหมด 157 ไร่ …

พามาเบิ่ง 5 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ในอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง 2 บริษัทผลิตไฟฟ้าในภาคอีสาน

ความเป็นมาของ “บริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น จำกัด” เป็นอย่างไร? โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น เป็นบริษัทในเครือกลุ่มบริษัทเคเอสแอล (KSL Group) 2546 สร้างบริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น จำกัด ที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าและผลิตไอน้ำโดยใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิงหลัก 2550 สร้างโรงงานแห่งใหม่ตั้งอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ตามแนวคิด Bio-Refinery Complex ซึ่งเป็นการจัดระบบการสร้างและการจัดการโรงงานน้ำตาลและผลิตภัณท์ต่อเนื่อง คือ โรงงานเอทานอล, โรงงานไฟฟ้า, และโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ ไว้ในที่เดียวกัน 2554 บริษัทได้ลงทุนเพิ่ม 1 โครงการ คือ โครงการสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าที่จังหวัดเลย 2555 บริษัทได้ลงทุนโครงการขยายกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า และปรับปรุงโรงงานน้ำตาลเพื่อเพิ่มความสามารถในการหีบอ้อย ที่จังหวัดขอนแก่น ในขณะที่ ความเป็นมาของ “บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด” เป็นอย่างไร? บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด เป็นเครือในกลุ่มบริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำตาลทรายที่มีประสบการณ์มากกว่า 45 ปี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2508 โดยคุณถวิล ถวิลเติมทรัพย์ จัดตั้งบริษัท อุตสาหกรรมหนองใหญ่ จำกัด ปี 2539 บริษัทได้ย้ายฐานการผลิตไปอยู่ที่ อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด และหลังจากนั้นได้ก่อตั้ง บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด ปี 2558 บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด เริ่มขายไฟให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยตามสัญญา ชนิด Firm 22 เมกะวัตต์ ปี 2561 บริษัทได้เปิดโครงการโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้า ที่อำเภอสีคิ้ว มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท ปี 2563 โรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยใช้ชื่อย่อที่ใช้ใน การซื้อขายหน่วยลงทุน คือ “KBSPIF” เพื่อเสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่บุคคลทั่วไป อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #ผลิตไฟฟ้าครบุรี #ธุรกิจ #โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น #โรงไฟฟ้า #Business

Scroll to Top