Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

ความหนาแน่นของประชากรในแต่ละพื้นที่และพีระมิดประชากรพม่า🇲🇲

🇲🇲 จากแผนที่ประชากรของพม่า มีความหนาแน่นประชากรเฉลี่ย 196.8 คนต่อตารางไมล์ (76.0 คนต่อตารางกิโลเมตร) เราจะเห็นว่าประชากรไม่ได้กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอทั่วประเทศ แต่มีการกระจุกตัวอยู่ในบางพื้นที่ เช่น ย่างกุ้ง , มัณฑะเลย์ และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำอิรวดี เพราะมีดินอุดมสมบูรณ์ เหมาะกับการเพาะปลูกข้าวและเกษตรกรรม ทำให้ผู้คนตั้งถิ่นฐานและพัฒนาเป็นเมืองใหญ่ ซึ่งมีประชากรหนาแน่นที่สุด โดยบางจุดมีประชากรมากกว่า 600 คนต่อตารางไมล์ (230 คนต่อตารางกิโลเมตร) ในขณะที่พื้นที่ภูเขาทางเหนือและตะวันออกของประเทศมีประชากรเบาบางมาก เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้มีสภาพอากาศที่ยากลำบาก การคมนาคมเข้าถึงยาก และไม่เหมาะกับการเกษตรขนาดใหญ่ ในด้านของพีระมิดประชากรจะเห็นได้ว่า มีลักษณะของ ประชากรอายุน้อยและกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน ไปสู่สังคมสูงวัย ซึ่งไทยของเรามีโอกาสได้รับผลดีจากโครงสร้างประชากรพม่าที่เป็นแบบนี้ในหลายด้านไม่ว่าจะเป็น แรงงานจากพม่าจะยังไหลเข้าสู่ ไทย และภาคอีสานมากขึ้น, การค้าชายแดนขยายตัว เมืองชายแดน เช่น เชียงราย ตาก แม่ฮ่องสอน ระนอง เป็นต้น มีโอกาสเพิ่มการค้าและการลงทุนกับฝั่งพม่า เพราะคนวัยแรงงานยังมีกำลังซื้อ   ปัจจัยที่มีผลต่อการกระจุกตัวของประชากร สภาพภูมิศาสตร์ – พื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำอิรวดีเป็นศูนย์กลางของเกษตรกรรมและเศรษฐกิจมาช้านาน ทำให้มีประชากรหนาแน่น เศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน – เมืองใหญ่อย่าง ย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การค้า และการคมนาคม จึงดึงดูดประชากรจากชนบท ประวัติศาสตร์และการปกครอง – อดีตอาณานิคมอังกฤษพัฒนาเมืองย่างกุ้งให้เป็นศูนย์กลางการปกครองและการค้าระหว่างประเทศ ทำให้เมืองนี้ยังคงเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด   พีระมิดประชากรของพม่า ประชากรวัยเด็กและเยาวชนยังเยอะ ประมาณ 40% ของประชากรพม่าอายุต่ำกว่า 20 ปี แสดงให้เห็นว่าประเทศยังมีอัตราการเกิดสูง แต่แนวโน้มเริ่มลดลง วัยแรงงานเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด ช่วงอายุ 20-49 ปี มีจำนวนมากกว่า 40% ของประชากรทั้งหมด ทำให้พม่ายังมีศักยภาพด้านแรงงานสูง และเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แนวโน้มเข้าสู่สังคมสูงวัยในอนาคต กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปเริ่มเพิ่มขึ้น แม้ตอนนี้จะยังไม่มาก แต่หากอัตราการเกิดลดลง อาจนำไปสู่ปัญหาขาดแคลนแรงงานในอนาคต 11 จุดผ่านแดน ไทย-พม่า 1. กิ่วผาวอก 2. บ้านเปียงหลวง 3. บ้านห้วยผึ้ง 4. บ้านห้วยต้นนุ่น 5. บ้านเสาหิน 6. บ้านริมเมย 7. ด่านเจดีย์สามองค์ 8. พุน้ำร้อน 9. บ้านสบวก 10. ปากน้ำระนอง 11. ท่าเทียบเรือสะพานปลา 10 จังหวัดชายแดนไทย-พม่า 1. เชียงราย 2. แม่ฮ่องสอน 3. เชียงใหม่ 4. ตาก 5. กาญจนบุรี 6. ราชบุรี 7. เพชรบุรี […]

ความหนาแน่นของประชากรในแต่ละพื้นที่และพีระมิดประชากรพม่า🇲🇲 อ่านเพิ่มเติม »

หวยออนไลน์ครองเมือง พาเปิดเบิ่ง สถิติคนไทยเสี่ยงโชคผ่านแอปฯ เว็บฯ พุ่งแรง วงเงินหมุนเวียนทะลุแสนล้าน

ฮู้บ่ว่า? คนไทยกว่า 21.9 ล้านคน หรือ 40.1% ของคนไทยเล่นพนันหวยใต้ดิน โดยมีวงเงินหมุนเวียนในตลาดพนันหวยใต้ดิน 164,069 ล้านบาท สลากกินแบ่งรัฐบาล คนไทยกว่า 27.5 ล้านคน หรือ 50.3% ของคนไทยเล่นพนันสลากกินแบ่งรัฐบาล วงเงินหมุนเวียนในตลาดพนันสลากกินแบ่งรัฐบาล 160,239 ล้านบาท แผงขายสลาก คนเร่ขาย 138,295 ล้านบาท แอปจำหน่ายสลากเว็บไซต์ 18,020 ล้านบาท ไลน์ แอปแชทต่างๆ 3,650 ล้านบาท เฟซบุ๊ก TikTok โซเชียลมีเดีย 274 ล้านบาท สัดส่วนผู้เล่น (เล่นได้มากกว่า 1 ช่องทาง) แผงขายสลาก คนเร่ขาย 96.4% ไลน์ แอปแชทต่างๆ 2.3% เฟซบุ๊ก TikTok โซเชียลมีเดีย 0.3% แอปจำหน่ายสลากเว็บไซต์ 12.0%   หวยใต้ดิน คนไทยกว่า 21.9 ล้านคน หรือ 40.1% ของคนไทยเล่นพนันหวยใต้ดิน วงเงินหมุนเวียนในตลาดพนันหวยใต้ดิน 164,069 ล้านบาท เล่นกับเจ้ามือโดยตรง คนรับแทง คนเดินโพย 68.9% 113,040 ล้านบาท ไลน์ แอปแชทต่างๆ 17.0% 27,934 ล้านบาท เฟซบุ๊ก TikTok โซเชียลมีเดีย 3.0% 4,889 ล้านบาท เล่นโดยตรงกับเว็บไซต์ แอปพนัน 11.1% 18,206 ล้านบาท สัดส่วนผู้เล่น (เล่นได้มากกว่า 1 ช่องทาง) เล่นกับเจ้ามือโดยตรง คนรับแทง คนเดินโพย 80.2% ไลน์ แอปแชทต่างๆ 16.1% เฟซบุ๊ก TikTok โซเชียลมีเดีย 3.5% เล่นโดยตรงกับเว็บไซต์ แอปพนัน 11.6%   คนที่ซื้อสลากฯ ผ่านแอป/เว็ปไซต์ 28.1 % ระบุว่าการจำหน่ายผ่านแอป/เว็บไซต์ ส่งผลให้ซื้อสลากฯ เพิ่มขึ้น เฉลี่ย +337 บาท/เดือน สูงสุด +6,000 บาท/เดือน หมายเหตุ: เป็นข้อมูลสถานการณ์การพนันในสังคมไทย ปี 2566   การเติบโตของตลาดการพนันหวยในไทย กับการเปลี่ยนแปลงเชิงเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภค ตลาดการพนันในประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่ม “หวย” ซึ่งเป็นการพนันที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศ ข้อมูลสถานการณ์การพนันในสังคมไทย ปี

หวยออนไลน์ครองเมือง พาเปิดเบิ่ง สถิติคนไทยเสี่ยงโชคผ่านแอปฯ เว็บฯ พุ่งแรง วงเงินหมุนเวียนทะลุแสนล้าน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง Top 5 อุตสาหกรรม แรงงานนอกระบบของไทย

จำนวนแรงงานในตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้ง 9,712,273 คน โดยมีแรงงานในระบบ 2,290,872 คน แต่กลับมีแรงงานนอกระบบสูงถึง 7,421,401 คน จะพบว่าภาคอีสานมีแรงงานนอกระบบมากที่สุดอันดับ 1 ของประเทศ โดยเมื่อนำมาคิดสัดส่วนแรงงานนอกระบบในแต่ละภูมิภาคเทียบกับจำนวนแรงงานนอกระบบทั้งประเทศที่ 20,957,666 คน จะได้ ดังนี้ อีสาน 7,421,401 คน (35.4%) กลาง 4,918,196 คน (23.5%) เหนือ 4,295,682 คน (20.5%) ใต้ 2,937,453 คน (14.0%) กทม. 1,384,934 คน (6.6%) ภาคกลาง อุตสาหกรรม  จำนวนแรงงานนอกระบบ (คน) %เทียบกับทั้งภาค  เกษตรกรรม การป่าไม้และการประมง        1,711,268 26% การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมยานยนต์        1,608,275 25% ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร        1,104,113 17% การขนส่ง สถานที่เก็บสินค้าฯ            538,041 8% การผลิต            482,232 7%   ภาคเหนือ   อุตสาหกรรม  จำนวนแรงงานนอกระบบ (คน)  %เทียบกับทั้งภาค  เกษตรกรรม การป่าไม้และการประมง            2,779,065 65% การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมยานยนต์              530,865 12% ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร              251,482 6% การผลิต              221,281 5% การก่อสร้าง         

พามาเบิ่ง Top 5 อุตสาหกรรม แรงงานนอกระบบของไทย อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง ระดับความรุนแรงในไทย จากเหตุแผ่นดินไหว 28 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา

แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 28 มีนาคม 2568 ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและธุรกิจ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น. เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ที่ประเทศเมียนมา บริเวณรอยเลื่อนสะกาย ที่เมืองมัณฑะเลย์ ส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงหลายพื้นที่ในประเทศไทย ระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวในบางจังหวัดของไทยวัดได้ตั้งแต่ 3.0 – 5.7 โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคกลางที่ได้รับแรงสั่นสะเทือนชัดเจน เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน แต่ยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาคเศรษฐกิจและธุรกิจในประเทศไทย   ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่ออาคารสูงในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง แม้ว่าจะไม่มีการพังถล่มรุนแรงในหลายพื้นที่ แต่ก็มีรายงานความเสียหายต่อโครงสร้างบางส่วนของอาคารสำนักงาน โรงแรม และคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะในเขตที่มีอาคารเก่าซึ่งไม่ได้ออกแบบให้รองรับแผ่นดินไหว   ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับมาตรฐานการก่อสร้างที่สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนได้ ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จึงอาจต้องปรับแผนการออกแบบและการตลาดเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป   ผลกระทบต่อธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม – การชะลอตัวของการลงทุน นักลงทุนบางส่วนอาจมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม และโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน – ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวบางส่วน โดยเฉพาะชาวต่างชาติ อาจมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย ส่งผลให้มีการยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางมายังประเทศไทย โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวในภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ที่ได้รับแรงสั่นสะเทือนอย่างชัดเจน – การประกันภัยและมาตรการความปลอดภัยทางธุรกิจ เหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้หลายธุรกิจเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับ กรมธรรม์ประกันภัยแผ่นดินไหว มากขึ้น บริษัทประกันภัยอาจต้องปรับอัตราเบี้ยประกันหรือขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต   ทำไมแผ่นดินไหวในพม่าเมื่อ 28 มีนาคม 2568 ถึงส่งแรงสั่นสะเทือนถึงไทย? เหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนมาถึงประเทศไทยได้ เนื่องจากปัจจัยทางธรณีวิทยาหลายประการ ดังนี้: รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault): จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่บริเวณรอยเลื่อนสะกาย ซึ่งเป็นรอยเลื่อนที่มีพลังและมีการเคลื่อนที่ในแนวระนาบ การเคลื่อนที่ของรอยเลื่อนนี้ทำให้เกิดการปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปแบบคลื่นแผ่นดินไหว ซึ่งสามารถเดินทางไปได้ในระยะทางไกล ขนาดและความลึกของแผ่นดินไหว: แผ่นดินไหวครั้งนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ (7.7 แมกนิจูด) และมีจุดศูนย์กลางค่อนข้างตื้น (10 กิโลเมตร) แผ่นดินไหวขนาดใหญ่และตื้นจะทำให้เกิดคลื่นแผ่นดินไหวที่ทรงพลัง ซึ่งสามารถเดินทางไปได้ไกลและส่งผลกระทบในพื้นที่ห่างไกลได้ ลักษณะทางธรณีวิทยาของประเทศไทย: บางพื้นที่ในประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือและกรุงเทพมหานคร มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่สามารถขยายคลื่นแผ่นดินไหวได้ โดยธรณีสัณฐานที่ตื้นของกรุงเทพมหานครยังเสี่ยงต่อคลื่นสั่นสะเทือนจากระยะไกล และแผ่นดินที่เป็นพื้นดินอ่อนจากอดีตที่เคยอยู่ใต้ทะเลก่อนจะกลายเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ และกลายเป็นแผ่นดินเกิดใหม่ในไม่กี่พันปีที่ผ่านมา ระยะทาง: ถึงแม้ว่าจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวจะอยู่ในเมียนมา แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยมากนัก ทำให้คลื่นแผ่นดินไหวสามารถเดินทางมาถึงประเทศไทยได้ แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเมียนมานี้ เป็นอีกเหตุการณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต แม้ว่าผลกระทบในระยะสั้นจะทำให้เศรษฐกิจบางภาคส่วนได้รับความเสียหาย แต่หากมองในระยะยาว นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ประเทศไทยพัฒนามาตรฐานโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายด้านความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน และเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในอนาคต แม้ภาคอีสานจะมีความเสี่ยงหรือได้รับผลกระทบต่ำจากรอยเลื่อนในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหว โดยรอยเลื่อนในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคตะวันเฉียงเหนือ มีดังต่อไปนี้ รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) ประเทศเมียนมา: เป็นรอยเลื่อนที่มีพลังและมีความยาวมาก การเคลื่อนที่ของรอยเลื่อนนี้สามารถส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แม้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะอยู่ห่างไกล แต่แผ่นดินไหวขนาดใหญ่จากรอยเลื่อนนี้ก็สามารถส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงได้ กลุ่มรอยเลื่อนเมืองหงสา สปป.ลาว: รอยเลื่อนนี้วางตัวในแนวตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ การเคลื่อนไหวของรอยเลื่อนนี้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียง

พาส่องเบิ่ง ระดับความรุนแรงในไทย จากเหตุแผ่นดินไหว 28 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา อ่านเพิ่มเติม »

3 อันดับโรงเรียน ส่งลูกศิษย์พิชิต ม.ขอนแก่น มากที่สุด

(1) ISAN Insight & Outlook พาชมสถิติเด็กปี 1 มข. ปี 2567 มาจากโรงเรียนไหนกันบ้าง รวมถึงแสดงจำนวนว่าแต่ละโรงเรียนมีเด็กนักเรียนมาเรียนต่อจำนวนมากเท่าใด.ภูมิภาคหลักของนักศึกษายังมาจากอีสานเป็นหลัก โดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่นที่เป็นสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ตามด้วยจังหวัดหัวเมืองใหญ่ในอีสานเป็นหลัก นอกจากนี้ในภูมิภาคอื่น มาจากกรุงเทพฯ เป็นหลัก ตามด้วยหัวเมืองใหญ่ในภาคต่าง ๆ เช่น ชลบุรี เชียงใหม่.ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนนักเรียนที่เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นในปี 2567 สะท้อนถึงศักยภาพของโรงเรียนต่างๆ ในการส่งเสริมให้นักเรียนก้าวสู่ระดับอุดมศึกษา อย่างไรก็ตาม การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะการปฏิวัติดิจิทัล (Digital Revolution) ที่กำลังพลิกโฉมตลาดแรงงานอย่างรวดเร็ว.ดังนั้น การเตรียมความพร้อมให้มีทักษะที่จำเป็นในยุคตลาดแรงงานดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากตลาดแรงงานไทยยังต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกดิจิทัล (Digital revolution) ที่มาแรงมาเร็ว..ทักษะอะไรต้องมีสำหรับงานอนาคตรายงาน Future of Jobs Report 2025 จาก World Economic Forum เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดแรงงานในอนาคต ระบุว่า การคิดเชิงวิเคราะห์ ยังคงเป็นทักษะหลักที่เป็นที่ต้องการมาก เป็นสิ่งจำเป็นในปี 2025 ตามมาคือทักษะด้านความยืดหยุ่น การปรับตัว และความเป็นผู้นำ.ส่วนทักษะที่มาแรง และเป็นที่ต้องการมากที่สุด คือ AI และ Big Data ตามมาด้วยทักษะความรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และความรู้ด้านเทคโนโลยี นอกจากนี้ ทักษะที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ ความอยากรู้อยากเห็น การปรับตัวเก่ง การเรียนรู้เร็ว และไฝ่รู้ตลอดชีวิต จะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปี 2025 – 2030.ตลาดแรงงานกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยอิทธิพลของ AI, Big Data และพลังงานหมุนเวียน ที่เข้ามาพลิกโฉมวิถีการทำงานในช่วงปี 2025 – 2030 งานบางประเภทจะหายไป ขณะที่อาชีพใหม่ ๆ จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม..(2) เรียนจบไวใน 3 ปี! เทรนด์ใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่อยากนำหน้าในยุค Data & AIถ้าพูดถึงอนาคตของตลาดแรงงาน หนึ่งในทักษะที่ทุกบริษัทต้องการมากที่สุดหนีไม่พ้น Data & AI เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้กำลังเข้ามาปรับเปลี่ยนทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่การเงิน สุขภาพ ไปจนถึงธุรกิจสตาร์ทอัพ.แล้วเราจะสามารถก้าวทันโลกยุคใหม่ได้ยังไงในยุคที่เทคโนโลยี Data Analytics และ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนทุกอุตสาหกรรม การก้าวทันโลกยุคใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็น เทรนด์การศึกษาในปัจจุบันจึงมุ่งเน้นไปที่การเรียนจบไว พร้อมกับการเตรียมทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในตลาดแรงงานในอนาคต โดยต้องเป็นการเรียนรู้เครื่องมือที่ใช้งานจริง แทนการนั่งฟังบรรยายเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงผ่าน Project-Based Learning, Case Study ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก โลกการทำงานยุคใหม่ต้องการมากกว่าความรู้ในห้องเรียน และการเรียนรู้ที่ตรงจุด จะทำให้คุณก้าวล้ำกว่าคนอื่นได้เร็วยิ่งขึ้น..ปรับตัวให้เร็ว เพราะอนาคตไม่รอใครจากข้อมูลแนวโน้มแรงงานโลก คาดว่า 22% ของงานทั้งหมดจะเปลี่ยนไปภายในปี 2030 ใครที่ปรับตัวได้เร็ว มีทักษะด้าน AI,

3 อันดับโรงเรียน ส่งลูกศิษย์พิชิต ม.ขอนแก่น มากที่สุด อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง 4 มหาลัยดังในอีสาน 👩🏻‍🎓🤎

พามาเบิ่ง 4 มหาลัยดังในอีสาน ..ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการศึกษาและวิจัย สี่มหาวิทยาลัยที่โดดเด่น ได้แก่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.)ก่อตั้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2509 เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีชื่อเสียงด้านการวิจัยและการเรียนการสอนในหลากหลายสาขา โดยเฉพาะด้านการแพทย์ วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเกษตรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยมีโรงพยาบาลศรีนครินทร์เป็นโรงพยาบาลหลักในการฝึกอบรมและให้บริการทางการแพทย์.มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.)เริ่มต้นจากวิทยาลัยวิชาการศึกษา มหาสารคาม ในปี พ.ศ. 2511 และได้รับการยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2537 มมส. มีความโดดเด่นด้านมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการศึกษาพื้นเมือง โดยมุ่งเน้นการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.)ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐที่เน้นการเรียนการสอนและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มทส. มีระบบการเรียนการสอนที่ทันสมัย มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมและงานวิจัยที่ตอบสนองต่อความต้องการของประเทศ.มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (มอบ.)ก่อตั้งเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 มอบ. มุ่งเน้นการพัฒนาท้องถิ่นและการวิจัยที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน มีความโดดเด่นด้านเกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาธารณสุขทั้งสี่มหาวิทยาลัยนี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นและประเทศ โดยมุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ การวิจัยที่มีประโยชน์ และการบริการวิชาการที่ตอบสนองต่อความต้องการของสังคม.หมายเหตุ: ข้อมูลปี 2566.อ้างอิงจาก:เว็บไซต์ของมหาลัย.ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่https://linktr.ee/isan.insight.#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #มหาวิทยาลัยขอนแก่น#มข #มหาวิทยาลัยมหาสารคาม #มมส #มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี #มทส #มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี #มอบ

พามาเบิ่ง 4 มหาลัยดังในอีสาน 👩🏻‍🎓🤎 อ่านเพิ่มเติม »

🎓พาเปิดโผ 5 คณะที่มีนักศึกษาปี 1 มากสุด แต่ละมหาวิทยาลัยชั้นนำในอีสาน ปี 67📚

พาเปิดโผ 5 คณะที่มีนักศึกษาปี 1 มากสุดแต่ละมหาวิทยาลัยชั้นนำในอีสาน ปี 67..การก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัยถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเยาวชน การตัดสินใจเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรีจึงสะท้อนถึงความมุ่งหวังและความฝันในอนาคต ข้อมูลนักศึกษาใหม่ปี 2567 จากมหาวิทยาลัยชั้นนำในภาคอีสาน แสดงให้เห็นถึงทิศทางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งล้วนมีเอกลักษณ์ ความโดดเด่น และแนวทางการพัฒนาที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของนักศึกษาและสังคมที่หลากหลาย.การเลือกมหาวิทยาลัยจึงเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ขึ้นอยู่กับความสนใจและเป้าหมายของแต่ละคน มหาวิทยาลัยในภาคอีสานทุกแห่งล้วนเป็นแหล่งบ่มเพาะความรู้ พร้อมที่จะสนับสนุนให้เยาวชนก้าวไปสู่อนาคตที่สดใส และร่วมสร้างสรรค์สังคมให้ดียิ่งขึ้น..มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ศูนย์กลางแห่งภูมิปัญญาอีสาน สู่ความเป็นเลิศระดับสากล.ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มข. ได้ก้าวขึ้นเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ให้ความรู้ แต่ยังเป็นแหล่งบ่มเพาะนักคิด นักวิจัย และผู้นำในหลากหลายสาขา มข. ยังให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา ทำให้เกิดผลงานวิจัยที่โดดเด่นและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ..มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ผู้นำด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งภาคอีสาน.เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่โดดเด่นในด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี ด้วยหลักสูตรที่ทันสมัยและเน้นการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ มทส. จึงเป็นแหล่งผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน นอกจากนี้ มทส. ยังเป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์..มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) แหล่งรวมศาสตร์แห่งอีสาน สู่การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน.เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่โดดเด่นในด้านความหลากหลายทางวิชาการและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน ด้วยคณะและสาขาวิชาที่ครอบคลุมทุกสาขา มมส. จึงเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ตอบสนองความต้องการของนักศึกษาที่มีความสนใจที่แตกต่างกัน มหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการให้ความรู้ทางวิชาการ แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนผ่านโครงการและกิจกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภาคอีสาน..มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ม.อุบลฯ): มุ่งเน้นการพัฒนาท้องถิ่น ด้วยการเรียนรู้แบบบูรณาการ.เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มุ่งเน้นการพัฒนาท้องถิ่น ด้วยหลักสูตรที่ตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและชุมชน นอกจากนี้ ม.อุบลฯ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาอย่างยั่งยืน. โลกกำลังหมุนเร็วขึ้นทุกวินาที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาถึงของการปฏิวัติดิจิทัล (Digital Revolution) ที่กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของตลาดแรงงานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การเตรียมความพร้อมด้วยทักษะที่จำเป็นในยุคดิจิทัลจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะตลาดแรงงานไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลที่มาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ . รายงาน Future of Jobs Report 2025 จาก World Economic Forum ได้ฉายภาพอนาคตของตลาดแรงงานไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า “การคิดเชิงวิเคราะห์” ยังคงเป็นทักษะหลักที่ตลาดต้องการมากที่สุดในปี 2025 ตามมาด้วยทักษะที่สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวและความเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่องค์กรต่างๆ มองหาในบุคลากร . อย่างไรก็ตาม ทักษะที่กำลังมาแรงและเป็นที่ต้องการอย่างมากคือ “AI และ Big Data” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามามีบทบาทในทุกอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ความรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และความรู้ด้านเทคโนโลยีก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ในขณะเดียวกัน ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ ความอยากรู้อยากเห็น การปรับตัว และการเรียนรู้ตลอดชีวิต จะทวีความสำคัญมากขึ้นในช่วงปี 2025-2030 . ตลาดแรงงานกำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมี AI, Big Data และพลังงานหมุนเวียนเป็นตัวเร่งสำคัญที่กำลังพลิกโฉมวิธีการทำงานในช่วงปี 2025-2030 งานบางประเภทอาจหายไป แต่ในขณะเดียวกัน อาชีพใหม่ๆ ก็จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม . ดังนั้น การเตรียมความพร้อมให้มีทักษะที่จำเป็นในยุคตลาดแรงงานดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากตลาดแรงงานไทยยังต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกดิจิทัล (Digital revolution) ที่มาแรงมาเร็ว . เรียนจบไวใน 3 ปี! เทรนด์ใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่อยากนำหน้าในยุค Data & AI ถ้าพูดถึงอนาคตของตลาดแรงงาน หนึ่งในทักษะที่ทุกบริษัทต้องการมากที่สุดหนีไม่พ้น

🎓พาเปิดโผ 5 คณะที่มีนักศึกษาปี 1 มากสุด แต่ละมหาวิทยาลัยชั้นนำในอีสาน ปี 67📚 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง 👀☕️ สถานการณ์การปลูกกาแฟในอีสาน ปี 2567

พามาเบิ่ง สถานการณ์การปลูกกาแฟในอีสาน . การปลูกกาแฟในภาคอีสานของประเทศไทยเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าภาคนี้จะไม่ได้เป็นแหล่งปลูกกาแฟหลักของประเทศเหมือนภาคเหนือและภาคใต้ แต่ก็มีความพยายามในการส่งเสริมและพัฒนาการปลูกกาแฟในพื้นที่นี้ เนื่องจากมีบางพื้นที่ที่มีสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศเหมาะสมต่อการปลูกกาแฟ เช่น พื้นที่ภูเขาในจังหวัดเลย ชัยภูมิ ปัจจัยที่สนับสนุนการปลูกกาแฟในภาคอีสาน ได้แก่: 1.สภาพอากาศ: พื้นที่สูงในบางจังหวัดของภาคอีสานมีอากาศเย็นในฤดูหนาว ซึ่งเหมาะสมกับการปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า ที่ต้องการอุณหภูมิไม่ร้อนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่ต้องมีอากาศเย็น 2.การพัฒนาสายพันธุ์และวิธีการปลูก: การสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานเกษตรในพื้นที่เพื่อพัฒนาสายพันธุ์กาแฟให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการเพาะปลูก ทำให้เกษตรกรสามารถผลิตกาแฟที่มีคุณภาพได้ 3.การส่งเสริมจากรัฐบาลและชุมชนท้องถิ่น: มีโครงการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจใหม่ในภาคอีสาน ซึ่งกาแฟเป็นหนึ่งในพืชที่ได้รับการส่งเสริม เนื่องจากเป็นพืชที่มีตลาดรองรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ 4.การปลูกแบบผสมผสาน: เกษตรกรในภาคอีสานบางส่วนใช้การปลูกกาแฟร่วมกับพืชชนิดอื่น ๆ เช่น ไม้ผลหรือพืชสมุนไพร ทำให้เกิดการเกษตรที่ยั่งยืนและมีรายได้เสริมจากหลายแหล่ง . ถึงแม้ว่าการปลูกกาแฟในภาคอีสานยังอยู่ในระยะเริ่มต้นเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น แต่ก็มีศักยภาพที่จะเติบโตและกลายเป็นแหล่งผลิตกาแฟใหม่ของประเทศไทยในอนาคต . . หมายเหตุ : ข้อมูลปี 2567 . อ้างอิงจาก: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พาส่องเบิ่ง ราคาเมล็ดกาแฟโลกทำลายสถิติ! “ไทย-เวียดนาม” ส่งออกพุ่งทะยาน ในขณะที่เวียดนามที่เป็นผู้ส่งออกกาแฟอันดับที่ 2 ของโลก โดยเฉพาะเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้าที่เวียดนามขึ้นชื่อ พาส่องเบิ่ง ตลาดกาแฟประเทศเวียดนามเป็นจั่งใด๋แหน่ . . ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #กาแฟอีสาน #ปลูกกาแฟอีสาน #กาแฟดงมะไฟ #ธุรกิจกาแฟอีสาน  

พามาเบิ่ง 👀☕️ สถานการณ์การปลูกกาแฟในอีสาน ปี 2567 อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดโผ 15 มหาวิทยาลัยอีสานที่รับน้องศึกษาใหม่มากที่สุด ปี 67

  . จากข้อมูลการยื่นเข้าปีการศึกษา 2567 ของ #dek67 ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้ง 4 รอบ (TCAS) ISAN Insight ได้รวบรวมข้อมูลทั้ง 15 มหาวิทยาลัยมาให้ทุกท่าน ทั้งนี้จำนวนที่นักศึกษาปี 1 ที่เข้าศึกษาทึกระดับการศึกษาทั้ง ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ระดับปริญญาเอก ที่ปรากฏอยู่นี้ ไม่ได้การันตีถึงคุณภาพ หรือ ความนิยม เพราะจำนวนนักศึกษาแต่ละมหาวิทยาลัยนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้ง โควต้าจำนวนที่เปิดรับของแต่ละคณะ  คะแนนของแต่ละคณะในแต่ละรอบที่นักศึกษายื่น  จำนวนนักศึกษาที่ยื่นในแต่ละคณะที่อาจมียื่นเกินโควต้าที่รับ หรือน้อยกว่าโควต้าที่รับ  คณะ สาขา หรือ หลักสูตรเปิดรับ อาจมีจำกัดในเพียงมหาวิทยาลัยเท่านั้น .   จังหวัด มหาวิทยาลัย จำนวนนักศึกษาเข้าใหม่ มหาสารคาม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 14,435 คน ขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น 9,299 คน อุบลราชธานี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 5,013 คน นครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 4,917 คน นครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา 4,608 คน อุบลราชธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี 4,507 คน นครราชสีมา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 4,111 คน อุดรธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 4,015 คน นครพนม มหาวิทยาลัยนครพนม 2,875 คน สกลนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร 2,638 คน บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ 2,554 คน ขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน  วิทยาเขตขอนแก่น 2,259 คน สกลนคร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ สกลนคร 2,112 คน มหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 2,078 คน เลย มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย 1,881 คน หมายเหตุ: เป็นข้อมูลจำนวนนักศึกษาใหม่ ปี 2567 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ “อีสาน” เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการศึกษา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะและศักยภาพรองรับอุตสาหกรรมในอนาคต ล่าสุดจากข้อมูลของปี 2567 พบว่า 15 มหาวิทยาลัยในภาคอีสานมีจำนวนนักศึกษาใหม่เข้าศึกษาเป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการทางการศึกษาและการพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ขยายตัว มหาวิทยาลัย ศูนย์กลางของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีสาน จากข้อมูลจำนวนนักศึกษาใหม่ ปี 2567 พบว่า มหาวิทยาลัยมหาสารคามเป็นสถาบันการศึกษาที่มีนักศึกษาใหม่มากที่สุดในอีสานถึง 14,435 คน

พาเปิดโผ 15 มหาวิทยาลัยอีสานที่รับน้องศึกษาใหม่มากที่สุด ปี 67 อ่านเพิ่มเติม »

พามาฮู้จัก รอยเลื่อนสะกาย ยักษ์หลับกลางเมืองพม่า ต้นเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ สะเทือนแรงถึงไทย

รอยเลื่อนสะกาย ต้นเหตุของแผ่นดินไหวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) ถือเป็นหนึ่งใน รอยเลื่อนมีพลัง (active fault) ที่สำคัญอันดับต้นๆ ในอาเซียนบ้านเรา ด้วยความยาวประมาณ 1,200 กิโลเมตร ทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ ผ่ากลางอกประเทศพม่า และพาดผ่านแทบทุกเมืองที่สำคัญ เช่น มิตจีนา, มัณฑะเลย์, เนปิดอว์, ย่างกุ้ง, และพะโค ทำให้รอยเลื่อนสะกายถือว่าเป็นรอยเลื่อนยักษ์ที่อยู่ใกล้คนมากเกินไปและไม่น่าไว้ใจในอนาคต   รอยเลื่อนสะกายมีลักษณะเป็นรอยเลื่อนที่เคลื่อนที่ได้ในลักษณะ แบบเฉือน (Strike-slip fault) ซึ่งแปลว่า แผ่นเปลือกโลกทั้งสองข้างของรอยเลื่อนจะเคลื่อนที่ขนานกันไปตามแนวรอยเลื่อน โดยไม่เกิดการหนีบหรือยกสูงของเปลือกโลก ในกรณีนี้ รอยเลื่อนสะกายจะเคลื่อนตัวในลักษณะ เลื่อนด้านซ้าย (Left-lateral fault) โดยที่แผ่นดินทั้งสองข้างจะเคลื่อนตัวไปในทิศทางตรงข้ามกัน   รอยเลื่อนสะกายเป็นขอบหรือรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกย่อยโบราณ 2 แผ่น คือ แผ่นซุนดา (Sunda Plate) และ แผ่นพม่า (Burma Plate) ซึ่งปัจจุบันถือเป็นส่วนหนึ่งของ แผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย (Eurasian Plate)   สาเหตุการเกิดแผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนสะกาย แผ่นดินไหวที่เกิดจากรอยเลื่อนสะกาย เป็นผลมาจาก การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ซึ่งเกิดจาก แรงเครียด (Stress) ที่สะสมอยู่ตามแนวรอยเลื่อน เป็นการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก แผ่นอินเดีย (Indian Plate) เคลื่อนตัว ชนกับแผ่นยูเรเชีย (Eurasian Plate)   สะกายเคยทำอะไรมาบ้าง? ⭐ปี 1972-2534 (562 ปี) พบแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ขึ้นไป ประมาณ 70 ครั้ง ⭐ปี 2507 – 2555 (48 ปี) พบแผ่นดินไหวขนาด 2.9-7.3 ประมาณ 276 ครั้ง จากการวิเคราะห์ข้อมูลแผ่นดินไหวในเชิงสถิติของ Pailoplee ประเมินว่ารอยเลื่อนสะกายนั้นมีศักยภาพพอที่จะเป็นแหล่งกำเนิดขนาดใหญ่ได้สูงถึง 8.6 โดยเฉพาะบริเวณเมืองมิตจีนา (Myitkyina) ทางตอนเหนือของรอยเลื่อนสะกาย   และจากการรวบรวมผลกระทบด้านแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากรอยเลื่อนสะกายบ่งชี้ว่า หากเกิดแผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนสะกาย “ประเทศไทย” มีโอกาสได้รับแรงสั่นสะเทือนในระดับ 4-5 ตามมาตราเมอร์คัลลี่แปลง    ในอดีต แถบภาคเหนือลามไปถึงกรุงเทพฯ เคยได้รับแรงสั่นสะเทือนจากรอยเลื่อนสะกายนี้ในระดับ 3 (จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.0 เมื่อ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2455 และ 7.0 เมื่อ 3-4 ธันวาคม พ.ศ. 2473)    ดังนั้นจึงไม่ใช่เฉพาะประเทศเมียนมาเท่านั้นที่ควรจะใส่ใจรอยเลื่อนสะกาย แต่คนไทยอย่างพวกเราก็ควรที่จะจับตาและเฝ้าระวังรอยเลื่อนสะกายอย่างไม่ให้คลาดสายตาเช่นกัน

พามาฮู้จัก รอยเลื่อนสะกาย ยักษ์หลับกลางเมืองพม่า ต้นเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ สะเทือนแรงถึงไทย อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top