Infographic

พามาเบิ่ง จำนวนนักลงทุนไทย กว่า 2.8 ล้านคน กระจายอยู่ไหนบ้าง

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) เผยจำนวนผู้ลงทุนไทยทั้งหมด ณ เดือน กรกฏาคม 2567 2,800,000 คน  – กรุงเทพฯ 1,000,000 ราย – ปริมณฑล 520,000 ราย – ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 326,000 ราย – ภาคกลาง 285,000 ราย  – ภาคตะวันออก 253,000 ราย – ภาคเหนือ 194,000 ราย – ภาคใต้ 216,000 ราย จะเห็นได้ว่าจำนวนนักลงทุนสัญชาติไทย 2.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 4.24 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับ รายงาน Personal Finance and Investment Habits in Southeast Asia จาก Milieu Insight (มิลยู อินไซต์); บริษัทผู้ทำซอฟต์แวร์วิจัยด้านการตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทำการสำรวจพฤติกรรมและทัศนคติการเงินของคนใน 6 ประเทศอาเซียน จำนวน 3,000 คน จากสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์  พบว่า คนอาเซียนส่วนใหญ่เลือกออมเงินมากกว่าลงทุน สะท้อนจาก 54% ของคนในอาเซียน ไม่ได้แบ่งเงินเพื่อลงทุนอย่างจริงจัง มีคนเพียง 46% เท่านั้นที่ตื่นตัวในการแบ่งเงินไปลงทุน ความตื่นตัวในการลงทุน คนส่วนใหญ่ในภูมิภาค และสัดส่วนนักลงทุนไทยในตลาดหลักทรัพย์ สะท้อนว่า อาเซียนมีความรู้ทางการเงินต่ำ ประกอบกับมีรายได้น้อย จึงมีโอกาสเข้าถึง การลงทุนที่จำกัด ทำให้พลาดโอกาสในการสะสมความมั่งคั่ง และสร้างการเติบโตทางการเงิน ส่งผลต่อการมีอิสระทางการเงิน และจะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต เมื่อแต่ละประเทศในอาเซียน รวมถึงไทย ได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ  . การวางแผนทางการเงิน คือ กระบวนการวางแผนการใช้เงินในอนาคต  เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน ซื้อรถ ส่งลูกเรียน หรือเกษียณอายุอย่างมีความสุข การวางแผนที่ดีจะช่วยให้คุณบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากปัญหาทางการเงิน และสร้างความมั่นคงในชีวิต โดยการวางแผนทางการเงินมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ กำหนดเป้าหมาย: กำหนดเป้าหมายทางการเงินให้ชัดเจน เช่น ต้องการมีเงินเก็บเท่าไหร่ในกี่ปี วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเงิน: ประเมินรายรับ รายจ่าย และสินทรัพย์ที่มีอยู่ จัดทำงบประมาณ: วางแผนการใช้เงินในแต่ละเดือนให้สอดคล้องกับรายได้ ออมเงิน: สร้างวินัยในการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ ลงทุน: นำเงินออมไปลงทุนเพื่อให้เงินทำงานและเติบโต บริหารความเสี่ยง: ป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การประกันชีวิต การประกันสุขภาพ TOP 5 อุปสรรคการลงทุนของคนอาเซียน …

พามาเบิ่ง จำนวนนักลงทุนไทย กว่า 2.8 ล้านคน กระจายอยู่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🚅🛩⛴ 🐉เส้นทางมังกร: การเดินทางของคนจีนสู่อีสาน 2024🇨🇳

สรุปข้อมูล คนจีนที่เดินทางเข้าในภาคอีสานของไทย ปี 2567 จากข้อมูลที่ให้มา เราสามารถวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมและแนวโน้มการเดินทางของชาวจีนเข้าสู่ภาคอีสานของไทยในปี 2567 ได้ดังนี้ จุดผ่านแดนยอดนิยม จุดผ่านแดนสะพานมิตรภาพ 1 จังหวัดหนองคาย เป็นจุดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการเดินทางเข้ามาของชาวจีน สะท้อนให้เห็นถึงความสะดวกในการเดินทางและความเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ จุดผ่านแดนอื่นๆ เช่น สะพานมิตรภาพ 2, 3 และช่องเม็ก ก็มีปริมาณผู้เดินทางเข้ามาในระดับที่น่าสนใจ ซึ่งบ่งบอกถึงความหลากหลายของเส้นทางที่ชาวจีนเลือกใช้ กลุ่มอายุ กลุ่มอายุ 25-34 ปี เป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุด สะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่สนใจการท่องเที่ยวและมีกำลังซื้อ กลุ่มอายุอื่นๆ ก็มีการกระจายตัวค่อนข้างดี ซึ่งบ่งบอกถึงความหลากหลายของกลุ่มเป้าหมายที่เดินทางมาเที่ยวภาคอีสาน เพศ เพศชาย มีจำนวนมากกว่าเพศหญิง กว่าเท่าตัว วิธีการเดินทาง การเดินทางทางบก เป็นวิธีการเดินทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด สอดคล้องกับข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าจุดผ่านแดนทางบกมีปริมาณผู้เดินทางสูงกว่าจุดผ่านแดนทางอากาศและทางน้ำ การเดินทางทางอากาศและทางน้ำ มีสัดส่วนน้อยกว่า ซึ่งอาจเป็นเพราะปัจจัยด้านระยะทางและความสะดวกในการเดินทาง ข้อเสนอแนะ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: ควรพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ภาคอีสานให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยว การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม: เน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่าง การสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยว: พัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย การประชาสัมพันธ์: สร้างสรรค์แคมเปญการตลาดและประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของภาคอีสานให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีน วิเคราะห์ถึงการเข้ามาของคนจีนในภาคอีสาน จากข้อมูลที่วิเคราะห์ข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า ภาคอีสานของไทยมีความน่าสนใจและมีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น การพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวในภาคอีสานจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง โดยพิจารณาจากกลุ่มอายุช่วง 25-34 ปี และ 35-44 ปี เป็นช่วงอายุที่ผ่านด่านเข้ามามากที่สุด รวมทั้ง เป็นเพศชายที่มากกว่าเพศหญิงกว่าเท่าตัว ด้วยความที่ข้อมูลชุดนี้มีเพียงจำนวนผู้ผ่านด่านแต่ละด่าน ไม่ได้แสดงลึกว่าเป็นผู้ถือครองวีซ่าประเภทไหนบ้าง จึงอาจจะไม่ทราบจุดประสงค์ของการเดินทางที่แท้จริงว่าเป็นการท่องเที่ยว หรือเข้ามาทำงาน แต่จากการลงพื้นที่สำรวจ และสัมภาษณ์คนในท้องถิ่นกลุ่มจังหวัดเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีด่านเหล่านี้ ก็จะพบว่า การมาถึงของฟรีวิซ่าจีนและช่วงวิกฤติเศรษฐกิจจีนทำให้มีชาวจีน เข้ามาในไทยมากขึ้น โดยส่วนมากในอีสานจะเข้ามาทำงาน เดินทางมาทำธุรกิจมากกว่าการท่องเที่ยว และอีกจุดที่น่าสังเกตอีก 1 จุดคือ การเดินทางทางบกมีสัดส่วนสูงสุด โดยด่านหนองคายมีจำนวนผู้ผ่านด่านชาวจีนมากที่สุด อาจจะด้วยสาเหตุที่มีทางรถไฟสายเวียงจันทร์-บ่อเต็น หรือ ทางรถไฟสายจีน-ลาว สามารถลำเลียงสินค้าและผู้โดยสารจากจีนตอนใต้ ผ่านลาวมาถึงไทยได้อีกเส้นทางหนึ่ง โดยเส้นทางนี้จะเชื่อมจากนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน มาที่บ่อเต็น สปป.ลาว และมีปลายทางที่นครหลวงเวียงจันทร์ ซึ่งอยู่ห่างจากจังหวัดหนองคายเพียงแค่ 24 กิโลเมตร ดังนั้นหากในอนาคต มีการเชื่อมต่อระบบรางของไทยเชื่อมกับ ลาว และ จีนตอนใต้ ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนคนจีนที่จะเดินทางเข้าสู่อีสานมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่ท้าทายมากขึ้นสำหรับคนท้องถิ่นในอีสาน ภาพ เส้นทาง รถไฟ จีน-ลาว หมายเหตุ: การวิเคราะห์ข้างต้นเป็นเพียงการวิเคราะห์เบื้องต้นจากข้อมูลที่ให้มา อาจมีความแตกต่างจากข้อมูลจริงได้ หากต้องการวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฤดูกาล: จำนวนนักท่องเที่ยวอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลท่องเที่ยว เทศกาล: การจัดงานเทศกาลต่างๆ อาจส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยว นโยบายของรัฐบาล: นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น การยกเว้นวีซ่า อาจส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยว สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ: สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศอาจมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยว การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมจะช่วยให้สามารถวางแผนและดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภาคอีสานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น …

พามาเบิ่ง🚅🛩⛴ 🐉เส้นทางมังกร: การเดินทางของคนจีนสู่อีสาน 2024🇨🇳 อ่านเพิ่มเติม »

💰หากแจกเงิน กลุ่มเปราะบาง คนอีสานจะได้รับเงินรวมกันกว่า 5.5 หมื่นล้าน เพราะ เป็นภูมิภาคที่มีประชากรเยอะสุด และคนจนเยอะสุด ตามด้วยภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ ตามลำดับ . หมายเหตุ: ​รอคำแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ข้อมูลที่นำเสนอเป็นการนำเสนอจำนวน ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเท่านั้น มิได้นับรวมผู้ที่ลงทะเบียนในแอพ "​ทางรัฐ" . ISAN Insight and Outlook พามาเบิ่ง จำนวนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ🏛️ . 💰กระแสแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทยังเป็นประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายให้การติดตามต่อเนื่อง ทั้งฝ่ายรัฐบาล, ฝ่ายค้าน, ธปท. รวมถึงภาคประชาชนอย่างเรา ๆ ที่รอเกณฑ์ที่แม่นยำว่าสุดท้ายจะได้รับเงินดิจิทัลหรือไม่ . โดยมีแหล่งข่าวแพร่สะพัดว่า การเดินหน้าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะมีการปรับเงื่อนไขเบื้องต้น จะเป็นการแจกเงินให้กับกลุ่มเปราะบางที่ลงทะเบียนไว้ก่อนเป็นอันดับแรกในวงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ตามที่สภาเห็นชอบอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท มาใช้แจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะเป็นการแจกเงินสดผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ในครั้งเดียว จำนวน 10,000 บาท . ซึ่งวิธีการดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนจากการใช้เงินผ่านระบบดิจิทัลเป็นการเติมเงินสดลงไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐก่อน ส่วนประชาชนกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มเปราะบางนั้นยังไม่ได้พิจารณา . โอกาสนี้อีสานอินไซต์พาเปิดจำนวนผู้สิทธิได้รับเงินดิจิทัลกลุ่มแรก ซึ่งคือจำนวนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน . โดยอีสานเป็นภูมิภาคที่มีจำนวนคนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ โดยมีจำนวนผู้ถือฯกว่า 5 ล้านราย คิดเป็นกว่า 40% ของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั่วประเทศ สะท้อนว่าอีสานยังเป็นภูมิภาคที่มีความเปราะบางทางเศรษฐกิจรายบุคคลอยู่มาก ที่ถึงแม้จะได้เงินกระตุ้นการบริโภคในระยะสั้นกว่า 50,000 ล้านบาท แต่ในระยะยาวก็ยังเป็นความน่าเป็นห่วงของอีสานว่าเศรษฐกิจยังเผชิญกับความเปราะบางที่สูง . ที่มา กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง . #เงินดิจิทัล #ISANInsightandOulook #เศรษฐกิจอีสาน #ISANEcon

ISAN Insight and Outlook พามาเบิ่ง จำนวนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ISAN Insight and Outlook พามาเบิ่งจำนวนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หากแจกเงิน กลุ่มเปราะบาง คนอีสานจะได้รับเงินรวมกันกว่า 5.5 หมื่นล้าน เพราะ เป็นภูมิภาคที่มีประชากรเยอะสุด และคนจนเยอะสุด ตามด้วยภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ ตามลำดับ.หมายเหตุ: ​รอคำแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ข้อมูลที่นำเสนอเป็นการนำเสนอจำนวน ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเท่านั้น มิได้นับรวมผู้ที่ลงทะเบียนในแอพ “​ทางรัฐ”.ISAN Insight and Outlook พามาเบิ่งจำนวนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.กระแสแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทยังเป็นประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายให้การติดตามต่อเนื่อง ทั้งฝ่ายรัฐบาล, ฝ่ายค้าน, ธปท. รวมถึงภาคประชาชนอย่างเรา ๆ ที่รอเกณฑ์ที่แม่นยำว่าสุดท้ายจะได้รับเงินดิจิทัลหรือไม่.โดยมีแหล่งข่าวแพร่สะพัดว่า การเดินหน้าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะมีการปรับเงื่อนไขเบื้องต้น จะเป็นการแจกเงินให้กับกลุ่มเปราะบางที่ลงทะเบียนไว้ก่อนเป็นอันดับแรกในวงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ตามที่สภาเห็นชอบอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท มาใช้แจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะเป็นการแจกเงินสดผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ในครั้งเดียว จำนวน 10,000 บาท.ซึ่งวิธีการดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนจากการใช้เงินผ่านระบบดิจิทัลเป็นการเติมเงินสดลงไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐก่อน ส่วนประชาชนกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มเปราะบางนั้นยังไม่ได้พิจารณา.โอกาสนี้อีสานอินไซต์พาเปิดจำนวนผู้สิทธิได้รับเงินดิจิทัลกลุ่มแรก ซึ่งคือจำนวนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน.โดยอีสานเป็นภูมิภาคที่มีจำนวนคนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ โดยมีจำนวนผู้ถือฯกว่า 5 ล้านราย คิดเป็นกว่า 40% ของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั่วประเทศ สะท้อนว่าอีสานยังเป็นภูมิภาคที่มีความเปราะบางทางเศรษฐกิจรายบุคคลอยู่มาก ที่ถึงแม้จะได้เงินกระตุ้นการบริโภคในระยะสั้นกว่า 50,000 ล้านบาท แต่ในระยะยาวก็ยังเป็นความน่าเป็นห่วงของอีสานว่าเศรษฐกิจยังเผชิญกับความเปราะบางที่สูง.ที่มา กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง.

ชวนมาเบิ่ง ภาคอีสานใช้ไฟฟ้ากว่า 23,241 ล้านกิโลวัตต์ กระจายอยู่ไหนบ้าง

ในปี 2565 ประเทศไทยมีพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายและใช้จำนวน 141,001 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง แล้วรู้หรือไม่ว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายและใช้อยู่จำนวนเท่าไหร่?   ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายและใช้อยู่จำนวน 23,241 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง หรือคิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 16.5% ของพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายและใช้ทั้งหมดในประเทศ ถือว่ามากเป็นอับดับที่ 2 ของประเทศเลยทีเดียว โดยเป็นรองเพียงภาคกลางเท่านั้นที่ มีพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายและใช้อยู่ที่ 84,028 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง    เมื่อลงลึกไปดูการใช้ไฟฟ้าเป็นประเภทในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็พบว่า การใช้ไฟฟ้าในบ้านอยู่อาศัยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 90.8% รองลงมา คือ ใช้ในธุรกิจ 7.2% และใช้ไฟฟ้าสูบน้ำเพื่อการเกษตร 0.04%    แต่เมื่อไปดูการใช้ไฟฟ้าสูบน้ำเพื่อการเกษตร พบว่า ภาคอีสานใช้ไฟฟ้าสูบน้ำเพื่อการเกษตรมากกว่า 45.5% ของการใช้ไฟฟ้าสูบน้ำเพื่อการเกษตรทั้งหมดในประเทศ ซึ่งสาเหตุนั่นก็คือภาคอีสานเป็นแหล่งภาคการเกษตรที่สำคัญของประเทศนั่นเอง     5 อันดับจังหวัดที่มีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุด   อันดับที่ 1 นครราชสีมา 6,263 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง อันดับที่ 2 ขอนแก่น 2,579 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง อันดับที่ 3 อุบลราชธานี 1,712 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง อันดับที่ 4 อุดรธานี 1,622 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง อันดับที่ 5 บุรีรัมย์ 1,313 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง   จะเห็นได้ว่า นครราชสีมามีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุด เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่และยังเป็นแหล่งศูนย์กลางความเจริญของภาคอีสาน อีกทั้งยังมีนิคมอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมากมายในช่วง 10 ปีหลัง และนครราชสีมายังเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศ โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และวังน้ำเขียว จึงทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับการบริการเกิดขึ้นใหม่มากมาย ส่งผลให้การใช้ไฟฟ้าจึงมากกว่าทุกจังหวัด    อีกทั้งการใช้ไฟฟ้าที่มากทั้ง 5 จังหวัด ซึ่งอาจสะท้อนว่ามีครัวเรือนรายได้สูงอาศัยอยู่มากเนื่องจากความเจริญทางเศรษฐกิจและความสะดวกในการคมนาคม   ข้อมูลการใช้ไฟฟ้าสามารถใช้เป็นตัวแทนที่บ่งบอกการกระจายตัวของรายได้ครัวเรือนได้ ดังนั้น ความเหลื่อมล้ำในการใช้ไฟฟ้าจึงสามารถใช้เป็นตัวแทนเพื่อบ่งบอกความเหลื่อมล้ำของรายได้ครัวเรือนได้เช่นกัน ความเหลื่อมล้ำมีการเคลื่อนไหวตามฤดูกาล    โดยความเหลื่อมล้ำจะสูงที่สุดในฤดูร้อน และต่ำที่สุดในฤดูหนาว ซึ่งความมีฤดูกาล (seasonality) ของความเหลื่อมล้ำนี้เอง สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนถึงความเหลื่อมล้ำในการถือครองเครื่องใช้ไฟฟ้าของครัวเรือน เพราะครัวเรือนรายได้สูงมักถือครองเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบฟุ่มเฟือย เช่น เครื่องปรับอากาศ มากกว่า และจะมีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้สูงขึ้นในฤดูร้อน จึงทำให้ระดับการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนรายได้สูงแตกต่างจากครัวเรือนรายได้ต่ำอย่างชัดเจนในฤดูร้อนของทุกปี นอกจากความเหลื่อมล้ำในการใช้ไฟฟ้าจะแสดงความเป็นฤดูกาลภายในแต่ละปีแล้ว ยังมีแนวโน้มระยะยาวที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งบ่งชี้ถึงความเหลื่อมล้ำของรายได้ที่สูงขึ้นตามไปด้วย     อ้างอิงจาก:  – สำนักงานสถิติแห่งชาติ – การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค – สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ – Drdancando   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook …

ชวนมาเบิ่ง ภาคอีสานใช้ไฟฟ้ากว่า 23,241 ล้านกิโลวัตต์ กระจายอยู่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

ความท้าทายของการวิจัยและพัฒนาในกลุ่มประเทศ GMS: ไทยจะสามารถก้าวทันหรือจะถูกทิ้งห่าง?

“เวียดนาม มีจำนวนสิทธิบัตรสะสม มากกว่า ไทย แล้ว” งานวิจัยและพัฒนาถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างนวัตกรรมและเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขัน สิ่งที่จีนสามารถทำได้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมอย่างรวดเร็วเป็นผลมาจากการนำแนวคิดการพัฒนาแบบไล่กวด (catch-up development) มาใช้ โดยจีนอาศัยการใช้ตลาดในประเทศขนาดใหญ่เป็นเครื่องมือในการต่อรองกับบริษัทยักษ์ใหญ่จากตะวันตกเพื่อให้เกิดการถ่ายโอนเทคโนโลยีในหลายสาขาการผลิต นอกจากนี้ จีนยังสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้มาและเทคโนโลยีเหล่านี้ไปต่อยอดอย่างมีประสิทธิภาพ จนสามารถพัฒนาให้ทันหรือแม้กระทั่งล้ำหน้าตะวันตกในหลายด้าน อย่างไรก็ตาม แนวทางการพัฒนานี้ไม่ใช่สิ่งใหม่ เพราะประเทศในเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เคยใช้วิธีการคล้ายกันมาแล้ว เพียงแต่การพัฒนาเศรษฐกิจของจีนมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างออกไปตรงที่จีนได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มข้นจากภาครัฐ ทั้งในด้านนโยบายและทรัพยากร ซึ่งทำให้จีนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมของโลกได้อย่างรวดเร็ว ในภูมิภาค GMS (Greater Mekong Subregion) ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจมากที่สุดถ้าไม่นับจีน โดยส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยเฉพาะจากญี่ปุ่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ความไม่เสถียรทางการเมืองและการขาดความต่อเนื่องของนโยบายได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย ทำให้ประเทศยังคงติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลาง (middle-income trap) เนื่องจากการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ยังไม่เพียงพอ ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น เวียดนาม เวียดนามกลายเป็นจุดหมายสำคัญของการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งคล้ายกับสถานการณ์ของไทยในอดีต ปัจจุบัน เวียดนามมีแรงงานที่มีจำนวนและคุณภาพสูงกว่าไทย ซึ่งส่งผลให้ประเทศมีอำนาจในการบริโภคที่เพิ่มขึ้น และเป็นแรงจูงใจให้บริษัทต่างชาติเลือกที่จะลงทุนในเวียดนามเพื่อผลิตสินค้าและบริการในประเทศมากขึ้น นี่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เวียดนามมีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นขึ้นในภูมิภาค GMS. เวียดนามมีข้อได้เปรียบเชิงเศรษฐกิจที่สำคัญเพิ่มเติมนอกเหนือจากจำนวนและคุณภาพของแรงงานที่สูงกว่าไทย โดยเฉพาะในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในจุดเด่นคือการมีท่าเรือน้ำลึกที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการค้าระหว่างประเทศและการเชื่อมต่อทางโลจิสติกส์ โดยท่าเรือน้ำลึกเหล่านี้ช่วยลดต้นทุนในการขนส่งและเวลาในการขนส่งสินค้า ทำให้เวียดนามเป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการส่งออกที่มีต้นทุนต่ำและรวดเร็ว นอกจากนี้ เวียดนามยังได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาคุณภาพของการศึกษา โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) ซึ่งทำให้มีแรงงานที่มีทักษะสูงที่สามารถสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การมีแรงงานที่มีการศึกษาที่มีคุณภาพสูงทำให้เวียดนามสามารถดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมได้มากขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจในระยะยาว ด้วยการพัฒนาทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษา เวียดนามไม่เพียงแค่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค GMS แต่ยังมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้อำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้นในเวทีโลก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาตลาดที่มีศักยภาพสูงในระยะยาว. ภาคอีสานของไทยยังคงเผชิญกับปัญหาและความท้าทายที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ หนึ่งในปัญหาหลักคือการกระจายตัวของสถานศึกษาที่มีคุณภาพยังไม่ทั่วถึง ส่งผลให้การพัฒนาทักษะและคุณภาพของแรงงานในภาคอีสานยังคงต่ำกว่ามาตรฐานที่ต้องการ การขาดแคลนสถานศึกษาที่มีคุณภาพทำให้ภูมิภาคนี้ไม่สามารถผลิตบุคลากรที่มีทักษะสูงที่พร้อมจะสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมที่ใช้ความรู้และนวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การทำธุรกิจในภาคอีสานยังคงเผชิญกับอุปสรรคในการทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐ เนื่องจากการที่ระบบราชการและโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจยังมีความเข้มข้นอยู่เฉพาะในกรุงเทพฯ และภาคตะวันออก ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการในอีสานต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเข้าถึงบริการและการสนับสนุนจากภาครัฐ นี่เป็นปัจจัยที่ทำให้ภาคอีสานไม่สามารถพัฒนาศักยภาพในการผลิตงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีคุณภาพและปริมาณได้เต็มที่ ในเชิงเศรษฐศาสตร์ การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคอีสานสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การกระจายตัวของสถานศึกษาที่มีคุณภาพและการพัฒนาคุณภาพของแรงงานในภูมิภาคนี้จะช่วยเพิ่มผลิตภาพทางเศรษฐกิจ (economic productivity) ของภูมิภาค และลดความเหลื่อมล้ำในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค ในระยะยาว ภาคอีสานมีศักยภาพที่จะกลายเป็นแหล่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของไทย เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีประชากรมากที่สุดและมีพื้นที่กว้างขวาง หากสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการสนับสนุนจากภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาคอีสานจะสามารถดึงดูดการลงทุนและสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในอนาคต. ที่: WIPO, อุทยานวิทยาศาสตร์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จังหวัดขอนแก่น), กรมทรัพย์สินทางปัญญา

🔎พามาเบิ่ง “โรงไฟฟ้าในอีสาน” กระจายอยู่ที่ไหนบ้าง

พามาเบิ่ง “โรงไฟฟ้าในอีสาน” กระจายอยู่ที่ไหนบ้าง . ประเทศไทยมีโรงไฟฟ้ามากถึง 100 แห่ง แล้วเคยรู้หรือไม่ว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมากแค่ไหน? ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวล, โรงไฟฟ้าพลังน้ำ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม . . . 📍ชัยภูมิ – โรงไฟฟ้า บริษัท ภูเขียว ไบโอ-เอ็นเนอร์ยี จำกัด มีกำลังการผลิต 12 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย  – โรงไฟฟ้าเขื่อนจุฬาภรณ์ มีกำลังการผลิต 40 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ พลังน้ำ . 📍นครราชสีมา – โรงไฟฟ้าเขื่อนลำตะคอง มีกำลังการผลิต 500 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ พลังน้ำ – โรงไฟฟ้า บริษัท อุตสาหกรรมโคราช จำกัด มีกำลังการผลิต 15 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย – โรงไฟฟ้า บริษัท บัวใหญ่ ไบโอ เพาเวอร์ จำกัด มีกำลังการผลิต 7.3 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ แกลบ – โรงไฟฟ้า บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด มีกำลังการผลิต 26 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย – โรงไฟฟ้า บริษัท น้ำตาลราชสีมา จำกัด มีกำลังการผลิต 34 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย . 📍บุรีรัมย์ – โรงไฟฟ้า บริษัท สตึก ไบโอแมส จำกัด มีกำลังการผลิต 7.5 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ แกลบ, เปลือกไม้ – โรงไฟฟ้า บริษัท แอ๊ดวานซ์ไบโอพาวเวอร์ จำกัด มีกำลังการผลิต 9.8 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ แกลบ, เปลือกไม้ – โรงไฟฟ้า บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด มีกำลังการผลิต 14.8 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย …

🔎พามาเบิ่ง “โรงไฟฟ้าในอีสาน” กระจายอยู่ที่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

“สินภูฮ่อม” พบก๊าซธรรมชาติเพิ่ม 30 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน 🔎ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “แหล่งปิโตรเลียม” อยู่ที่ไหนบ้าง⛽️💡⚡️

“สินภูฮ่อม” พบก๊าซธรรมชาติเพิ่ม 30 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน  ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “แหล่งปิโตรเลียม” อยู่ที่ไหนบ้าง . . หากพูดถึงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ซึ่งเป็น “ต้นน้ำ” ของ อุตสาหกรรมพลังงาน นั้น ยุคบุกเบิก ปิโตรเลียม ในไทยปี 2514 รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติปิโตรเลียม เพื่อให้เอกชนทำการสำรวจแหล่งปิโตรเลียมอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น หลังจากนั้นได้ก้าวเข้าสู่ยุคโชติช่วงของการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม  . โดยเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในปี 2524 จากแหล่งก๊าซเอราวัณในอ่าวไทย และเริ่มผลิตน้ำมันดิบได้ในปี 2526 จากแหล่งสิริกิติ์ จังหวัดกำแพงเพชร ทำให้ประเทศไทยสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบในเชิงพาณิชย์ได้นับแต่นั้นมา . ประเทศไทยมีแหล่งปิโตรเลียมที่เป็นน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งแหล่งในทะเลอ่าวไทย และแหล่งบนบก โดยก๊าซธรรมชาติมีแหล่งผลิตในทะเล เช่น แหล่งเอราวัณ แหล่งบงกช แหล่งอาทิตย์ เป็นต้น และมีแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติบนบก เช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติสินภูฮ่อม จังหวัดอุดรธานี และแหล่งก๊าซธรรมชาติน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ในภาคอีสานบ้านเรานั่นเอง . . แหล่งก๊าซสินภูฮ่อม ตั้งอยู่บนแปลงสัมปทาน EU1 และ E5N ขนาดพื้นที่ 232.2 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและขอนแก่น . เริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2549 ชนิดของปิโตรเลียมที่ได้ คือ ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว โดยมีอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติ คิดเป็นสัดส่วน 3% ของปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติทั้งประเทศ โดยมีอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติเฉลี่ย 95 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และก๊าซธรรมชาติเหลว (Condensate) เฉลี่ย 200 บาร์เรลต่อวัน (ข้อมูลเดือนพฤษภาคม 2567) . ในช่วง 3 ปี 2560 – 2563 มีการจัดเก็บค่าภาคหลวงจากแหล่งก๊าซธรรมชาติสินภูฮ่อมรวม 2,425.2 ล้านบาท แบ่งเป็นการจัดสรรรายได้แผ่นดิน 970.1 ล้านบาท และจัดสรรรายได้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 1,455.1 ล้านบาท . เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ได้ขุดเจาะพบก๊าซธรรมชาติ โดยมีการประเมินอัตราการไหลของก๊าซธรรมชาติได้ที่ประมาณ 30 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งส่งผลดีต่อประเทศที่มีแหล่งพลังงานเพิ่ม สามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงานได้ท่ามกลางสภาวะความไม่แน่นอนของสถานการณ์พลังงานโลกในปัจจุบัน . . แหล่งก๊าซน้ำพอง ก่อตั้งขึ้นในปี 2522 และในปี 2533 เริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติเป็นครั้งแรก โดยมีพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมจำนวน 34.4 ตารางกิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อำเภอน้ำพอง และอำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น​ ก๊าซธรรมชาติที่ผลิตจากแหล่งดังกล่าวประมาณวันละ 15 ล้านลูกบาศก์ฟุต และถูกส่งไปเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้ประชาชนกว่าล้านครัวเรือนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ยังสร้างรายได้ให้แก่รัฐ รวมทั้งสิ้นประมาณ …

“สินภูฮ่อม” พบก๊าซธรรมชาติเพิ่ม 30 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน 🔎ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “แหล่งปิโตรเลียม” อยู่ที่ไหนบ้าง⛽️💡⚡️ อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง “แรมซาร์ไซต์”  พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศในภาคอีสาน🏔️🌳🍃

“พื้นที่ชุ่มน้ำ” ว่าคืออะไร? มื้อนี้ ISAN Insight & Outlook สิมาเว้าสู่ฟัง …    แรมซาร์ไซต์หรือพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศนี้ ถือเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นตัวแทนหายากหรือมีลักษณะพิเศษเฉพาะ ซึ่งพบในเขตชีวภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม มีความสำคัญระหว่างประเทศสำหรับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับชนิดพันธุ์และชุมชนประชากรทางนิเวศของนกน้ำและปลา ภายใต้อนุสัญญาแรมซาร์ (Ramsar Convention) หรืออนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งเป็นอนุสัญญาที่จัดขึ้นที่เมืองแรมซาร์ ประเทศอิหร่านในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2514    อนุสัญญาฯ นับเป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาลเพื่อกำหนดกรอบการทำงานสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อปี 2518 และเพื่อให้เกิดความตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำ มีการกำหนดให้ทุกวันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก (World Wetlands Day)   ในประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำกว่า 15 พื้นที่ที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar Sites) โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอยู่ทั้งหมด 3 แห่งด้วยกัน ได้แก่   พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง📍จังหวัดบึงกาฬ ขึ้นทะเบียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2544 ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นลำดับที่ 1,098 ของโลก เป็นบึงน้ำจืดธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่มีขนาดพื้นที่รวมกว่า 13,837.5 ไร่ ตั้งแต่ตำบลบ้านต้อง, ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา และ ตำบลบึงโขงหลง, ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง มีลักษณะแคบยาวเกิดจากลำห้วยหลายสายไหลมารวมกันน้ำมีความยาวประมาณ 13 กิโลเมตร ความกว้าง 2 กิโลเมตร ในบึงมีความลึกโดยเฉลี่ยประมาณ 0.5 – 1 เมตร โดยส่วนที่ลึกสุดประมาณ 6 เมตร บึงโขงหลงเป็นส่วนที่ราบน้ำท่วมถึงของแม่น้ำสงคราม น้ำจากบึงไหลลงสู่แม่น้ำสงครามก่อนออกแม่น้ำโขง   ปัจจุบันพื้นที่การเกษตรโดยรอบมีการเปลี่ยนแปลงเป็นสวนยางพารา ไร่ยาสูบ และสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 3.12 ล้านบาท/ปี โดยจำแนกเป็นมูลค่าจากการประมง 1.73 ล้านบาท/ปี การท่องเที่ยว 0.19 ล้านบาท/ปี และการบริการ 1.20 บาท/ปี     พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง📍จังหวัดบึงกาฬ ขึ้นทะเบียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2552 ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นลำดับที่ 1,926 ของโลก ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง ที่มีขนาดพื้นที่รวม 13,750 ไร่ เป็นแหล่งธรรมชาติที่มีความสำคัญมีคุณค่าการใช้ประโยชน์ด้านเป็นแหล่งประกอบอาชีพและการท่องเที่ยว ได้แก่ ด้านการประมง จัดเป็นแหล่งประมงปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของชาวบึงกาฬ สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนปีละจำนวนมาก ด้านการปศุสัตว์ เนื่องจากเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ของพืชอาหารและน้ำเหมาะสำหรับการเลี้ยงโคและกระบือด้วยวิธีธรรมชาติ ด้านการเกษตร พื้นที่เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดต่างๆ ปัจจุบันพื้นที่โดยรอบบางส่วนมีการทำสวนยางพารามากขึ้น และด้านการท่องเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณโดยรอบ ได้แก่ หลวงพ่อใหญ่ วัดโพธาราม ศาลเจ้าแม่สองนาง หาดทรายตามริมน้ำโขง หนองกุดทิง และหนองบึงกาฬ …

พามาเบิ่ง “แรมซาร์ไซต์”  พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศในภาคอีสาน🏔️🌳🍃 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🥇🥈🥉ความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ 🇹🇭 สุดยอดนักกีฬาผู้พิชิตเหรียญ โอลิมปิก 2024 และ สรุปผลการแข่งขัน #โอลิมปิก2024

พามาเบิ่ง🥇🥈🥉ความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ 🇹🇭สุดยอดนักกีฬาผู้พิชิตเหรียญ โอลิมปิก 2024 . สรุปผลการแข่งขัน #โอลิมปิก2024 ขอขอบคุณนักกีฬาไทย ผู้ฝึกสอน และผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน ที่สร้างผลงานและชื่อเสียงให้ประเทศไทยในมหกรรมโอลิมปิก 2024 ทุกคนเก่งมาก 👏👏 🥇1 เหรียญทอง 🥈3 เหรียญเงิน 🥉2 เหรียญทองแดง ยินดีกับนักกีฬาทุกคนที่คว้าเหรียญรางวัล 🥇🥈🥉และส่งกำลังใจให้นักกีฬาที่ไม่ได้เหรียญรางวัล คุณเก่งมากๆ เดินหน้าพัฒนาต่อไป เพื่อคนที่คุณรักและแฟนกีฬาทุกคน . 🥋เทควันโด 🥇พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ // เหรียญทอง 👏บัลลังก์ ทับทิมแดง // ตกรอบ 16 คนสุดท้าย 👏ศศิกานต์ ทองจันทร์ // ตกรอบชิงเหรียญทองแดง รอบแรก _____________________________________________________________________ 🥊มวยสากล 🥉จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง (66 กก.หญิง) // เหรียญทองแดง 👏ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด (51 กก.ชาย) // ตกรอบ 16 คนสุดท้าย 👏บรรจง สินศิริ (63 กก.ชาย) // ตกรอบ 8 คนสุดท้าย 👏วีระพล จงจอหอ (80 กก.ชาย) // ตกรอบ 32 คนสุดท้าย 👏จุฑามาศ รักสัตย์ (50 กก.หญิง) // ตกรอบ 8 คนสุดท้าย 👏จุุฑามาศ จิตรพงศ์ (54 กก.หญิง) // ตกรอบ 16 คนสุดท้าย 👏ธนัญญา สมนึก (60 กก.หญิง) // ตกรอบ 32 คนสุดท้าย 👏ใบสน มณีก้อน (75 กก.หญิง) // ตกรอบ 16 คนสุดท้าย _____________________________________________________________________ 🏋️‍♂️ยกน้ำหนัก 🥈ธีรพงศ์ ศิลาชัย (61 กก.ชาย) // เหรียญเงิน 🥈วีรพล วิชุมา (73 กก.ชาย) // เหรียญเงิน 🥉สุรจนา คำเบ้า (49 กก.หญิง) // เหรียญทองแดง 👏ดวงอักษร ใจดี (+81 กก.หญิง) …

พามาเบิ่ง🥇🥈🥉ความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ 🇹🇭 สุดยอดนักกีฬาผู้พิชิตเหรียญ โอลิมปิก 2024 และ สรุปผลการแข่งขัน #โอลิมปิก2024 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง “สุราท้องถิ่นแดนอีสาน” มีมากแค่ไหนในแต่ละจังหวัด

“สุรา” ก้าว(หน้า)ไปทางไหน ? . “สุราก้าวหน้า” เป็นโยบายที่หวังสร้างรายได้ขยายการเติบโตของ SME รายย่อยของไทย โดยการแก้ พ.ร.บ.สรรพสามิต เปิดทางให้การผลิตเหล้าเบียร์ทำได้อย่างเปิดกว้างมากขึ้น ลดการผูกขาดของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อย สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ และสามารลดการผูกขาดธุรกิจสุราในกลุ่มนายทุนใหญ่เพียงไม่กี่กลุ่ม . . สุรากลั่นท้องถิ่นในภาคอีสาน . รายได้และการจำหน่ายสุรากลั่นท้องถิ่นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับการท่องเที่ยว เนื่องจากรูปแบบการจัดจำหน่ายที่ยังถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ผู้ผลิตเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายหน้าร้านโดยตรง การจำหน่ายในลักษณะนี้จำกัดโอกาสในการเข้าถึงตลาดกว้างขวาง อีกทั้งการผลิตสุรากลั่นท้องถิ่นยังคงไม่สามารถผลิตในปริมาณมากและมีราคาที่ถูกกว่าสุรากลั่นจากแบรนด์ใหญ่ในตลาดได้ ส่งผลให้ตลาดสุรากลั่นท้องถิ่นยังไม่สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงได้ในเร็ว ๆ นี้ รายได้ของสุรากลั่นท้องถิ่นจึงยังคงขึ้นอยู่กับกระแสการบริโภคของนักดื่มเป็นหลัก นอกจากนี้ ความจำเป็นในการพัฒนารสชาติและการตลาดอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเพื่อรักษาความน่าสนใจในตลาด แตกต่างจากแบรนด์ใหญ่ที่มีโอกาสติดตลาดได้ง่ายกว่าและสามารถจัดจำหน่ายได้อย่างทั่วถึง ซึ่งส่งผลให้แบรนด์ใหญ่มีรายได้ที่มั่นคงและสามารถคาดการณ์ได้มากกว่าสุรากลั่นท้องถิ่น . โดยสินค้าเกษตรที่นิยมนำไปใช้ผลิตสุรากลั่นในภาคอีสาน ได้แก่ ข้าวเหนียว และ อ้อย ซึ่งเป็นผลผลิตที่นิยมปลูกเป็นอย่างมากในภาคอีสาน ถ้าหากนำผลผลิตทางการเกษตรที่ไม่ได้ก่อให้เกิดมูลค่าส่งให้แก่โรงกลั่นเพื่อผลิตสุรากลั่นท้องถิ่นจะเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร . และธุรกิจสุรากลั่นท้องถิ่นจะส่งผลในทางบวกต่อ supply chian ทั้งต้นน้ำอย่างเกษตรกร และปลายน้ำอย่างร้านอาหารที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นหลัก . . ในปัจจุบันอุตสาหกรรมเบียร์ในบ้านเราเกือบทั้งหมดถูกครอบครองโดยผู้ผลิตรายใหญ่เพียง 2 รายเท่านั้น คือ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันราว 95% ของปริมาณจำหน่ายเบียร์ทั้งหมดในประเทศ  . ในขณะที่อุตสาหกรรมสุรา มีการแข่งขันที่น้อยกว่าเบียร์มาก เนื่องจากมีข้อจำกัดของกฎหมายที่ส่งผลให้ผู้ผลิตรายใหม่เข้าสู่ธุรกิจได้ยาก และถึงแม้จะเข้ามาได้ก็ไม่สามารถที่จะแข่งขันได้ ตลาดจึงถูกผูกขาดโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 80% ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีผลิตภัณฑ์สุราสำหรับตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกระดับกว่า 30 แบรนด์ . ปัจจุบัน ทิศทางของนโยบายสุราก้าวหน้ายังไม่แน่ชัดว่า ท้ายที่สุดจะไปทางไหน แต่ข้อกังวลและความท้าทายที่ละเลยไม่ได้ คือ การควบคุมการบริโภค โดยเฉพาะในเยาวชน รวมทั้งการติดตามและเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงของการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทย โดยเฉพาะการดื่มในระดับอันตราย การดื่มแล้วขับขี่ยานพาหนะ และผลกระทบทางสุขภาพระยะยาวที่อาจจะเป็นผลเกิดขึ้นตามมา จากการเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบทางสุขภาพกาย สุขภาพจิตและภาวะทางอารมณ์ รวมไปถึงสุขภาพสังคมด้วยเช่นกัน . . ในปัจจุบันสุราท้องถิ่นแดนอีสานมีการกระจายอยู่ทั่วภาคอีสาน ดังนี้ 📍กาฬสินธุ์ – พัวร์ (PUR) – สุราตรางูทอง 📍ขอนแก่น – คูน (Koon) 📍ชัยภูมิ – The Spirit of Chaiyaphum  – ไร่ฟ้าเปลี่ยนสี เหล้าเตยหอม  – Spirit of Laen kha 📍นครพนม – เหล้าอุเรณูนคร 📍นครราชสีมา – Red jungle  📍บุรีรัมย์ …

พามาเบิ่ง “สุราท้องถิ่นแดนอีสาน” มีมากแค่ไหนในแต่ละจังหวัด อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top