Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

[สรุปตามประเด็นปัญหาของขอนแก่น] ในเวที ดีเบต #KhonKaenNext⏩2025 “เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น 2568”

𝘿𝙚𝙗𝙖𝙩𝙚 [สรุปตามประเด็นปัญหาของขอนแก่น] ในเวที ดีเบต #KhonKaenNext⏩2025 “เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น 2568” . โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน รับชม รับฟัง ทีมงานเพียงอำนวยความสะดวกเพียงเท่านั้น ผู้สมัครแต่ละท่านได้นำเสนอมุมมองและนโยบายที่หลากหลายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสวัสดิการของประชาชน โดยมุ่งเน้นในด้านต่างๆ เช่น: . 💡𝟭. 𝗜𝗻𝗳𝗿𝗮𝘀𝘁𝗿𝘂𝗰𝘁𝘂𝗿𝗲 : การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมพื้นฐาน #เบอร์1 ทนายวสันต์ ชูชัย เน้นการแก้ไขปัญหาพื้นฐานที่ค้างคาอยู่ เช่น ปัญหาสวนสาธารณะ น้ำท่วม การจราจร ทางเท้าต่างๆ เพื่อให้เมืองมีความเป็นระเบียบวินัย สะอาด สะดวก และปลอดภัยสำหรับประชาชน. นโยบายเบื้องต้นจะให้ความสำคัญกับปัญหาพื้นฐาน โครงสร้างสังคม โครงสร้างการพัฒนาคนทุกด้าน ด้านสิ่งแวดล้อม การกำจัดขยะ ถนน การจราจร สวนสาธารณะ และการศึกษา. คุณภาพชีวิตที่ดีต้องมาจากพื้นฐานที่ดี. #เบอร์2 คุณนันทวัน ไกรศรีวันทนะ เห็นว่าบ้านเมืองควรพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้. นโยบายระยะสั้นที่เห็นได้ง่ายคือการปรับปรุงสวนสาธารณะ ซึ่งเมืองขอนแก่นมีศักยภาพและกายภาพดี แต่ขาดการดูแล บึงแก่นนครถูกทิ้งร้างมานาน. สิ่งแวดล้อมเป็นลมหายใจของเรา จึงต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตประชาชน. การจัดการขยะต้องเริ่มจากจิตสำนึกของประชาชนให้คัดแยกขยะในครัวเรือน. ปัญหาภัยพิบัติ (ส่วนมากคือน้ำท่วมซ้ำซาก) อยากขุดลอกท่อระบายน้ำทั่วเขตเทศบาล. #เบอร์3 คุณวรินทร์ เอกบุรินทร์ แก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ จราจร ซ่อมแซมถนน. อยากเห็นชาวขอนแก่นเติบโตในเมืองด้วยชีวิตที่ดี. ชีวิตประจำวันที่ดีเริ่มต้นที่ความราบรื่นปลอดภัย. ตื่นเช้ามาไม่เห็นขยะหน้าบ้าน ไปโรงเรียนบนถนนเรียบ ไม่มีรถติด ลูกหลานไปเรียนมีคุณภาพชีวิตดี มีห้องน้ำ ห้องพยาบาล สนามเด็กเล่นที่ดีในโรงเรียน. เดินไปทำงานบนทางเท้าที่ดี ไม่มีสิ่งกีดขวาง. กลับบ้านอย่างปลอดภัยบนถนนที่มีแสงสว่าง ทาสีตีเส้นดี มี CCTV. วันหยุดพาครอบครัวไปสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่นที่ดี ปลอดภัย. #เบอร์4 คุณเบญจมาพร ศรีบุตร เห็นปัญหาและโอกาสของเมือง. การทำโครงสร้างพื้นฐานของเมืองให้พร้อมรองรับโอกาสเป็นสิ่งสำคัญ. ถ้าเมืองยังมีห้องน้ำไม่สะอาด ขนส่งไม่สะดวก พื้นที่ไม่ปลอดภัย โอกาสต่างๆ อาจไม่เข้ามา. การทำทางเดินเท้าให้มีคุณภาพ การทลายจุดเสี่ยงเพื่อให้เดินทางปลอดภัย จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก. พื้นที่สาธารณะเป็นเสาหลักที่ 2 คือพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับทุกคน. ทำเพื่อให้คนมาเรียนรู้ ใช้ชีวิต ทำกิจกรรมนอกอาคารได้. นโยบายห้องสมุดเพื่อทุกคน สนามเด็กเล่นน่าเล่น พื้นที่สีเขียว. ห้องสมุดเมืองจะเปลี่ยนเป็น Working Space เป็นลานกิจกรรมให้คนทุกเพศทุกวัยใช้ร่วมกัน. นโยบายห้องน้ำสะอาดมากเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนใช้ชีวิตนอกบ้าน. #เบอร์5 คุณประสิทธิ์ ทองแท่งไทย คุณภาพชีวิตที่ดีเป็นเป้าหมายหลัก. เมืองที่น่าอยู่คือเมืองที่ใช้ชีวิตง่ายขึ้น ไม่ใช่แค่เน้นเทคโนโลยี แต่เน้นอำนวยความสะดวก. เรื่องของถนนและทางเท้ามีความสำคัญ. ถนนทำเท่าไหร่ก็ไม่พอเพราะรถมาก ต้องทำอย่างไรให้คนใช้รถน้อยลง. เพิ่มพื้นที่ทางเท้าและปรับปรุงทางเท้าให้ราบเรียบ เหมาะแก่การเดิน. **ที่สำคัญ ทางเท้าต้องมีร่มเงา** (ต้นไม้หรือชายคาอาคาร) เพื่อให้เดินได้สบาย ยกตัวอย่างสิงคโปร์. ไฟส่องสว่างสำคัญต่อความปลอดภัย ต้องอาศัยความร่วมมือภาครัฐและประชาชนช่วยกันเพิ่มแสงสว่างตามทางเดิน. […]

[สรุปตามประเด็นปัญหาของขอนแก่น] ในเวที ดีเบต #KhonKaenNext⏩2025 “เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น 2568” อ่านเพิ่มเติม »

เมื่อผืนป่าอีสาน…จะเหลือป่าให้ลูกหลานเท่าไหร่? พาสำรวจเบิ่ง “สัดส่วนป่าไม้ในอีสาน” มีมากแค่ไหน

ประเทศไทยของงเรามีพื้นป่าอยู่ทั้งหมด 102 ล้านไร่ หรือมีสัดส่วนพื้นที่ป่ากว่า 31.5% ของพื้นที่หมดในประเทศ แล้วเคยรู้หรือไม่ว่าพื้นที่ป่าในภาคอีสานมีมากแค่ไหน?   โดยในภาคอีสานของเรามีพื้นที่ป่า 15.6 ล้านไร่ หรือคิดเป็นสัดส่วน 14.9% ของขนาดพื้นที่ทั้งหมดในภาคอีสาน ซึ่งลดลงจากปี 2516 เท่ากับ 16.1 ล้านไร่ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน (Land Use Change) จากพื้นที่ที่มีสภาพเป็นป่าไปเป็นพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ชุมชนหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือเกิดจากปัญหาไฟป่าที่มีความรุนแรงขึ้น (Forest Fire)   อีกหนึ่งสาเหตุหลักเป็นผลมาจากสมการที่ไม่สมดุลระหว่างแรงจูงใจทางเศรษฐกิจในระยะสั้นกับการรักษาสมดุลทางนิเวศในระยะยาว การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ความต้องการที่ดินเพื่อการพัฒนา และการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เข้มงวดเพียงพอ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้ผืนป่าในภาคอีสานค่อยๆ เลือนหายไปนั่นเอง โดยการขยายตัวทางการเกษตรยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มีการตัดไม้ทำลายป่า ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมของป่า และทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพของป่าไม้ การเกษตรเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ (โดยเฉพาะการเลี้ยงปศุสัตว์) และเกษตรกรรมเพื่อการยังชีพในท้องถิ่น   5 จังหวัดที่มีสัดส่วนพื้นที่ป่ามากที่สุด – มุกดาหาร คิดเป็น 32.8% หรือ 8.5 แสนไร่ – เลย คิดเป็น 32.2% หรือ 21.1 แสนไร่ – ชัยภูมิ คิดเป็น 31.5%  หรือ 25.0 แสนไร่ – อุบลราชธานี คิดเป็น 17.6% หรือ 17.2 แสนไร่ – สกลนคร คิดเป็น 16.9% หรือ 10.1 แสนไร่   จังหวัดมุกดาหาร เลย และชัยภูมิ ถือเป็นพื้นที่ที่มีสัดส่วนของป่าธรรมชาติหลงเหลืออยู่มากที่สุดในภาคอีสาน สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เป็นภูเขาและที่ราบสูง ซึ่งไม่เหมาะสมต่อการทำเกษตรกรรมหรือการตั้งถิ่นฐานถาวร ทำให้พื้นที่เหล่านี้ไม่ถูกแผ้วถางหรือพัฒนาเหมือนพื้นที่ราบลุ่มอื่นๆ   ในจังหวัดมุกดาหาร แม้จะเป็นจังหวัดชายแดน แต่กลับมีสภาพภูมิประเทศเป็นเนินเขาและป่าเบญจพรรณที่ทอดยาว โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ ซึ่งยังคงความสมบูรณ์ของป่าไม้เอาไว้อย่างดี ส่วนจังหวัดเลยมีแนวเทือกเขาหลายสายทอดผ่าน ไม่ว่าจะเป็นเทือกเขาภูหลวง และภูเรือ และภูพาน ซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้มาก ขณะที่จังหวัดชัยภูมิก็มีเทือกเขาพังเหยและภูแลนคาเป็นเสมือนแนวกันชนทางธรรมชาติ ที่ช่วยรักษาพื้นที่ป่าทั้งในเชิงระบบนิเวศและเชิงพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ   นอกจากนี้ พื้นที่ในจังหวัดเหล่านี้ยังได้รับการประกาศให้เป็นเขตอนุรักษ์ อย่างเช่น อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือป่าไม้ถาวร ทำให้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และไม่สามารถนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางเศรษฐกิจได้โดยง่าย การเข้าถึงที่ค่อนข้างลำบากในบางพื้นที่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยชะลอการบุกรุกพื้นที่ป่า ดังนั้น การที่มุกดาหาร เลย และชัยภูมิ ยังมีพื้นที่ป่าเหลืออยู่มาก จึงไม่ใช่เพียงผลจากธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการบริหารจัดการทรัพยากรและการวางนโยบายอนุรักษ์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นแบบอย่างสำคัญของการรักษาสมดุลระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมในภาคอีสานนั่นเอง   ในอีกด้านหนึ่งจังหวัดที่มีสัดส่วนป่าไม้ที่ต่ำที่สุด คือ จังหวัดมหาสารคาม มีสัดส่วนป่าเพียง 3.8% และร้อยเอ็ด 4.5% ซึ่งเป็นพื้นที่ราบส่วนใหญ่และมีการพัฒนาภาคเกษตรกรรมอย่างเข้มข้น สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินที่มีต่อผืนป่า ไม่ว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนจากภาคเกษตร การขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ

เมื่อผืนป่าอีสาน…จะเหลือป่าให้ลูกหลานเท่าไหร่? พาสำรวจเบิ่ง “สัดส่วนป่าไม้ในอีสาน” มีมากแค่ไหน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ความหนาแน่นประชากรอีสาน จังหวัดไหน “เบียดเสียด” จังหวัดไหน “เงียบสงบ”❓

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ “ภาคอีสาน” เป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นภูมิภาคที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดของประเทศ เลยทำให้ภาคอีสาน เป็นภูมิภาคที่สำคัญที่สุด ภูมิภาคหนึ่งของประเทศไทย    ภาคอีสานมีเนื้อที่ประมาณ 168,883 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ประเทศไทย ที่น่าทึ่งคือ มีประชากรประมาณ 21.6 ล้านคน คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของคนทั้งประเทศ ซึ่งถือว่ามากพอๆ กับจำนวนประชากรของกัมพูชาและลาวรวมกัน   เศรษฐกิจอีสาน จากนาไร่ สู่เศรษฐกิจนอกภาคเกษตร ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของภาคอีสานเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีอัตราการเติบโตเป็นรองแค่ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมประเทศ การเติบโตนี้ทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยนไป จากพื้นที่เกษตรกรรมดั้งเดิม กลายเป็นภูมิภาคที่มีธุรกิจนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น สัดส่วนคนจนลดลง ระบบเศรษฐกิจพัฒนา กำลังซื้อเพิ่มขึ้นจากในอดีต   มูลค่าเศรษฐกิจยังเล็ก เมื่อเทียบกับส่วนอื่นของประเทศ แม้เศรษฐกิจจะเติบโต แต่เมื่อมองในเชิงสัดส่วน ภาคอีสานยังมี GPP (Gross Provincial Product) เพียง 1.8 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 10.1% ของ GDP ประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งอยู่ที่ราว 17.95 ล้านล้านบาท ในปี 2566 จังหวัดพื้นที่ที่มีความหนาแน่นสูงสุด มหาสารคาม ความหนาแน่นของประชากร 175 คน/ตร.กม หนองคาย ความหนาแน่นของประชากร 169 คน/ตร.กม สุรินทร์ ความหนาแน่นของประชากร 167 คน/ตร.กม ศรีสะเกษ ความหนาแน่นของประชากร 163 คน/ตร.กม ขอนแก่น ความหนาแน่นของประชากร 163 คน/ตร.กม.   มหาสารคามและหนองคาย มีความหนาแน่นประชากรมากสุด สำหรับ “มหาสารคาม” ความหนาแน่นของประชากรที่สูงอาจจะเป็นเพราะบทบาทของการเป็น “นครแห่งการศึกษา” ที่แข็งแกร่ง จังหวัดนี้เป็นเสมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วสารทิศ ด้วยการเป็นที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำหลายแห่ง ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การผลิตบัณฑิต หากแต่ยังสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจและสังคมที่เอื้อต่อการเติบโตของเมือง การไหลเข้ามาของนักศึกษา บุคลากรทางการศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ก่อให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัย บริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างต่อเนื่อง การขยายตัวของเมืองเพื่อรองรับประชากรที่เพิ่มขึ้นนี้เอง ที่นำไปสู่การรวมตัวของประชากรในพื้นที่อย่างหนาแน่น   นอกจากนี้ การเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการศึกษา ยังกระตุ้นให้เกิดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ร้านหนังสือ ร้านอาหาร สถาบันกวดวิชา ซึ่งเป็นการสร้างงานและดึงดูดผู้คนให้เข้ามาอยู่อาศัยและทำงานในพื้นที่มากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น มหาสารคามยังเป็นจุดเชื่อมต่อทางการคมนาคมที่สำคัญ ทำให้ผู้คนสัญจรและเข้ามาใช้บริการในจังหวัดนี้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความหนาแน่นของประชากรทั้งในแง่ของผู้อยู่อาศัยถาวรและประชากรแฝงนั่นเอง   ในขณะที่ “หนองคาย” กลับมีความแตกต่างออกไป ความหนาแน่นของประชากรในจังหวัดนี้ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการเป็น “ประตูสู่ล้านช้าง” จังหวัดชายแดนแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงประเทศไทยกับ สปป.ลาว โดยมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาวเป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ สังคม

พามาเบิ่ง ความหนาแน่นประชากรอีสาน จังหวัดไหน “เบียดเสียด” จังหวัดไหน “เงียบสงบ”❓ อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง งบประมาณเทศบาลอีสาน ใครคือเบอร์ใหญ่❓

งบประมาณจากภาครัฐถือเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาของเทศบาลนคร เม็ดเงินเหล่านี้ถูกจัดสรรเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในหลากหลายมิติ ตั้งแต่การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน การให้บริการสาธารณะ การพัฒนาคุณภาพชีวิต ไปจนถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น   การได้รับงบประมาณที่เพียงพอและสอดคล้องกับขนาดและความต้องการของเทศบาลนครแต่ละแห่ง ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนให้กับเมือง เทศบาลนครที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการงบประมาณนั้น ก็สามารถแปลงเม็ดเงินที่ได้รับมาเป็นโครงการและกิจกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อประชาชนและเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างชัดเจน แต่ในทางตรงกันข้ามเทศบาลที่ประสบปัญหาในการบริหารจัดการ อาจเผชิญกับข้อจำกัดในการพัฒนาและไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างเต็มที่   งบประมาณเทศบาลอีสาน การจัดสรรและการเติบโตที่แตกต่าง ภาพรวมงบประมาณของเทศบาลในภาคอีสานที่ปรากฏ เปรียบเหมือนเป็นกระจกสะท้อนทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่ซับซ้อนของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งแต่ละท้องถิ่นก็จะมีการเติบโต โอกาส และความท้าทายที่แตกต่างกัน   5 อันดับจังหวัดได้ที่งบประมาณเทศบาลมากสุด เทศบาลนครขอนแก่น 986 ล้านบาท เทศบาลนครนครราชสีมา 960 ล้านบาท เทศบาลนครอุดรธานี 804 ล้านบาท เทศบาลนครอุบลราชธานี 496 ล้านบาท เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด 453 ล้านบาท   ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี และอุบลฯ  Big 4 แห่งงบประมาณและความเจริญ เมื่อพิจารณาจากปริมาณงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลนครนครราชสีมา เทศบาลนครอุดรธานี และเทศบาลนครอุบลราชธานี ได้รับงบประมาณเทศบาลมากกว่าจังหวัดอื่นๆ สะท้อนให้เห็นถึงขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่โต ความเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และจำนวนประชากรที่หนาแน่น การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการศึกษา ทำให้เทศบาลเหล่านี้ได้รับงบประมาณมากกว่าจังหวัดอื่นๆ นอกจากนี้ การมีโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาแล้ว และการเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญ ยังดึงดูดกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลากหลายรูปแบบ ส่งผลให้มีงบประมาณเพียงพอต่อการพัฒนาเมืองในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา สาธารณสุข หรือการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย   ปลายแถวแห่งงบประมาณ เมื่อมองไปยังเทศบาลที่มีงบประมาณน้อยที่สุด เช่น เทศบาลเมืองบึงกาฬ เทศบาลเมืองหนองบัวลำภู และเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ซึ่งอาจเห็นข้อจำกัดทางด้านขนาดเศรษฐกิจ ฐานภาษี และจำนวนประชากร อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเหล่านี้ก็อาจเป็นแรงผลักดันให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการบริหารจัดการงบประมาณและการพัฒนาท้องถิ่น เทศบาลเหล่านี้อาจต้องพึ่งพาการบูรณาการความร่วมมือกับภาคส่วนอื่นๆ การดึงดูดการลงทุนเฉพาะกลุ่ม หรือการพัฒนาจุดแข็งทางวัฒนธรรมและธรรมชาติเพื่อสร้างความแตกต่างและโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ     อ้างอิงจาก: – สำนักงบประมาณ – สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ # #เศรษฐกิจอีสาน #เทศบาลนคร #เทศบาลนครในอีสาน  #เทศบาลนคร #เทศบาลเมือง

พาส่องเบิ่ง งบประมาณเทศบาลอีสาน ใครคือเบอร์ใหญ่❓ อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง “6 เทศบาลนคร” แห่งแดนอีสาน

(1) งบประมาณภาครัฐกับบทบาทขับเคลื่อนเทศบาลนคร งบประมาณจากภาครัฐถือเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาของเทศบาลนคร เม็ดเงินเหล่านี้ถูกจัดสรรเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในหลากหลายมิติ ตั้งแต่การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน การให้บริการสาธารณะ การพัฒนาคุณภาพชีวิต ไปจนถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น   การได้รับงบประมาณที่เพียงพอและสอดคล้องกับขนาดและความต้องการของเทศบาลนครแต่ละแห่ง ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนให้กับเมือง เทศบาลนครที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการงบประมาณนั้น ก็สามารถแปลงเม็ดเงินที่ได้รับมาเป็นโครงการและกิจกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อประชาชนและเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างชัดเจน แต่ในทางตรงกันข้ามเทศบาลที่ประสบปัญหาในการบริหารจัดการ อาจเผชิญกับข้อจำกัดในการพัฒนาและไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างเต็มที่   (2)อีสานอินไซต์พามาเบิ่ง 6 เทศบาลนครในภาคอีสาน เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น ถูกจัดตั้งในปี 2538 มีขนาดพื้นที่ 46 ตร.กม. มีประชากรกว่า 98,989 คน ด้วยความหนาแน่น 2,151.9 คน/ตร.กม. ขอนแก่นได้รับงบประมาณจากภาครัฐถึง 986 ล้านบาท ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของขอนแก่นในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การศึกษา และการคมนาคมของภาคอีสานตอนกลาง ความหนาแน่นของประชากรที่ค่อนข้างสูง บ่งชี้ถึงความต้องการในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะที่ซับซ้อน การได้รับงบประมาณที่สูงที่สุดในกลุ่ม อาจเป็นผลจากการพิจารณาถึงศักยภาพในการต่อยอดการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญของภูมิภาค   เทศบาลนครนครราชสีมา เทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งถูกจัดตั้งในปีเดียวกัน คือ 2538 มีขนาดพื้นที่ 37.5 ตร.กม. แต่กลับมีประชากรมากถึง 112,116 คน ส่งผลให้มีความหนาแน่นประชากรสูงที่สุดในกลุ่มที่ 2,989.8 คน/ตร.กม. แม้จะได้รับงบประมาณจากภาครัฐใกล้เคียงกับขอนแก่นที่ 960 ล้านบาท แต่ความแตกต่างของขนาดพื้นที่และความหนาแน่น แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันในการบริหารจัดการพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด การวางแผนผังเมืองและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชากรจำนวนมาก จึงเป็นสิ่งสำคัญของนครราชสีมา   เทศบาลนครอุดรธานี เทศบาลนครอุดรธานี มีขนาดพื้นที่ 47.7 ตร.กม. ใกล้เคียงกับขอนแก่น แต่มีจำนวนประชากร 113,178 คน และความหนาแน่น 2,372.7 คน/ตร.กม. ได้รับงบประมาณจากภาครัฐ 804 ล้านบาท การมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง ควบคู่ไปกับจำนวนประชากรที่สูง สะท้อนถึงศักยภาพในการขยายตัวของเมืองในอนาคต การได้รับงบประมาณที่สมดุล อาจบ่งชี้ถึงการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง    เทศบาลนครอุบลราชธานี เทศบาลนครอุบลราชธานี ถูกจัดตั้งในปี 2542 มีขนาดพื้นที่เพียง 29 ตร.กม. มีจำนวนประชากร 68,133 คน มีความหนาแน่น 2,349.4 คน/ตร.กม. ได้รับงบประมาณจากภาครัฐ 496 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด ควบคู่ไปกับงบประมาณที่น้อยกว่าสามเมืองแรก อาจเป็นข้อจำกัดในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และการขยายพื้นที่เมือง การบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ และการแสวงหาแหล่งรายได้เพิ่มเติม จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอุบลราชธานี การเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิต การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน ซึ่งเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการเติบโตภายใต้ข้อจำกัดด้านงบประมาณ   เทศบาลนครสกลนคร  เทศบาลนครสกลนคร ถูกจัดตั้งในปี 2555 มีขนาดพื้นที่ 54.5 ตร.กม. แต่มีจำนวนประชากรเพียง 49,691 คน ส่งผลให้มีความหนาแน่นอยู่ที่ 911.8 คน/ตร.กม. ได้รับงบประมาณจากภาครัฐ 410 ล้านบาท

พาส่องเบิ่ง “6 เทศบาลนคร” แห่งแดนอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🧐พลังงานข้ามพรมแดนไทยพึ่งพาไฟฟ้าจากลาวแค่ไหน

ฮู้บ่ว่า? สปป.ลาว เป็นแหล่งซื้อไฟฟ้าที่สำคัญที่สุดของไทย ด้วยข้อตกลงการซื้อไฟฟ้ากว่า 10,500 เมกะวัตต์ ผ่านจุดรับในภาคอีสาน กระจายสู่หลายพื้นที่ทั่วประเทศ . ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ขยายความร่วมมือด้านพลังงานกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมีศักยภาพสูงในการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ ความร่วมมือนี้ได้พัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ภายใต้แนวคิด “Battery of Southeast Asia” ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้ารายหลักจากลาวอย่างต่อเนื่อง . ข้อมูลจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ระบุว่า ไทยมีข้อตกลงซื้อไฟฟ้าจากลาวรวมสูงถึง 10,500 เมกะวัตต์ โดยได้ลงนามในสัญญาไปแล้วประมาณ 9,342 เมกะวัตต์ และมีการรับไฟฟ้าในปี 2567 แล้วประมาณ 5,936 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นราว 10% ของความต้องการไฟฟ้าทั้งประเทศ โดยมีแหล่งผลิตสำคัญ ได้แก่ เขื่อนไซยะบุรี เขื่อนน้ำเทิน 2 และเขื่อนน้ำงึม 2 (พลังน้ำ) รวมถึงโรงไฟฟ้าหงสา (ถ่านหิน) . สาเหตุที่ไทยนำเข้าไฟฟ้าจากลาวมีหลากหลายปัจจัย ทั้งในด้านต้นทุนที่อาจต่ำกว่าการสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศ เนื่องจากลาวมีทรัพยากรพลังน้ำที่ไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตในบางโครงการต่ำกว่าการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ในไทย อีกทั้งยังช่วยหลีกเลี่ยงแรงต่อต้านจากสาธารณชนภายในประเทศ โดยเฉพาะในกรณีของถ่านหินและพลังน้ำ ที่มักมีข้อถกเถียงด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน . อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาไฟฟ้าจากลาวในระดับสูง อาจสร้างความกังวลในด้านความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว เพราะการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศมากเกินไป อาจทำให้ไทยเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ ภัยพิบัติในลาว หรือความไม่แน่นอนด้านนโยบาย นอกจากนี้ ยังมีข้อห่วงใยด้านสิ่งแวดล้อมจากโครงการเขื่อนขนาดใหญ่ที่ส่งผลต่อระบบนิเวศของแม่น้ำโขง และชุมชนในลาว ซึ่งอาจกลายเป็นประเด็นจริยธรรมที่ไทยในฐานะผู้บริโภคพลังงานต้องพิจารณา . หากเกิดวิกฤต ไม่ว่าจะจากภัยธรรมชาติ หรือความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างไทยกับลาว พื้นที่ภาคอีสานซึ่งเป็นจุดรับและกระจายไฟฟ้าจากลาว อาจได้รับผลกระทบเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะหากมีการหยุดส่งไฟฟ้าชั่วคราวหรือระยะยาว ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจและกิจกรรมในพื้นที่อย่างมีนัยสำคัญ หากกำลังการผลิตภายในประเทศไม่สามารถทดแทนได้ทัน . แม้ระบบพลังงานข้ามพรมแดนนี้จะช่วยให้ไทยได้รับประโยชน์ด้านต้นทุนและความยืดหยุ่นเชิงนโยบายอย่างมาก แต่ความสมดุลระหว่าง “ต้นทุนทางเศรษฐกิจ” กับ “ต้นทุนทางสังคมและสิ่งแวดล้อม” จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบด้าน พร้อมทั้งควรมีแผนสำรองรองรับความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งพลังงานภายนอกมากเกินไป ซึ่งอาจกระทบต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

พามาเบิ่ง🧐พลังงานข้ามพรมแดนไทยพึ่งพาไฟฟ้าจากลาวแค่ไหน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง เมื่อค่าแรงไล่ตาม “ค่าครองชีพ” ไม่ทัน จากราคาสินค้าปี 2559 สู่ 2568 พุ่งทะยาน

ปี 2559 ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567 ปี 2568 300 บาท 305-308 บาท 310-320 บาท 310-320 บาท 313-325 บาท 313-325 บาท 328 – 340 บาท 328 – 340 บาท 340-352 บาท 347-359 บาท   ทอง (1 บาท) 2559 21,500 บาท 2568 51,550 บาท เพิ่มขึ้น 30,050 บาท ≈ 139.77%   หมู (เนื้อแดง สะโพก ตัดแต่ง)  2559 152.50 บาท/กก. 2568 175.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 22.50 บาท ≈ 14.75%   ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 2559 3.75 บาท/ฟอง 2568 4.70 บาท/ฟอง เพิ่มขึ้น 0.95 บาท ≈ 25.33%   ทุเรียนหมอนทอง 2559 110.00 บาท/กก. 2568 225.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 115.00 บาท ≈ 104.55%   น้ำมันปาล์ม (ขวด1 ลิตร) 2559 40.00 บาท/ขวด 2568 57.50 บาท/ขวด เพิ่มขึ้น 17.50 บาท ≈ 43.75%   ข้าวสารเจ้า 100% ธรรมดา (ข้าวใหม่) 2559 405.00 บาท/15 กก. 2568 425.00 บาท/15

พามาเบิ่ง เมื่อค่าแรงไล่ตาม “ค่าครองชีพ” ไม่ทัน จากราคาสินค้าปี 2559 สู่ 2568 พุ่งทะยาน อ่านเพิ่มเติม »

มัดรวมให้อ่าน 5 คลิปบทสัมภาษณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น

มัดรวมให้อ่าน บทสัมภาษณ์ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น . #KKTCityupdate ชวนเจาะลึก บทสัมภาษณ์ กับ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น โดย DOC.KK และ Khon Kaen Let’s Go ขอนแก่นแล่นโลด ได้คุยกับทั้ง 5 ผู้สมัคร พร้อมด้วย 3 คำถามสำคัญของแนวนโยบาย วิสัยทัศน์ต่อการเข้ามาบริหารเทศบาลนครขอนแก่น . #ISANInsightAndOutlook #บ้านเมืองอีสาน #เทศบาลนคร #เทศบาลนครขอนแก่น   เบอร์ 1 คุณวสันต์ ชูชัย คลิปสัมภาษณ์ จาก ขอนแก่นแล่นโลด https://www.facebook.com/share/v/19hWuDSM7y/ คลิปสัมภาษณ์ จาก DOC.KK https://www.facebook.com/share/v/1Ad8WeVQQF/     เบอร์ 2 คุณเต๊าะ นันทวัลย์ ไกรศรีวรรธนะ คลิปสัมภาษณ์ จาก ขอนแก่นแล่นโลด https://www.facebook.com/share/v/16LR4uM7pT/ คลิปสัมภาษณ์ DOC.KK https://www.facebook.com/share/v/1AhyUpjhNN/     เบอร์ 3 คุณแนน วรินทร์ เอกบุรินทร์ คลิปสัมภาษณ์ จาก ขอนแก่นแล่นโลด https://www.facebook.com/share/v/1HbUJ1q1cZ/ คลิปสัมภาษณ์ DOC.KK https://www.facebook.com/share/v/194WL9XBvp/ เบอร์ 4 คุณอ๊อฟ เบญจมาภรณ์ ศรีละบุตร คลิปสัมภาษณ์ จาก ขอนแก่นแล่นโลด https://www.facebook.com/share/v/1CL2zV36p4/ คลิปสัมภาษณ์ DOC.KK https://www.facebook.com/share/v/16BzMcxBEq/   เบอร์ 5 คุณฤทธิ์ ประสิทธิ์ ทองแท่งไท คลิปสัมภาษณ์ จาก ขอนแก่นแล่นโลด https://www.facebook.com/share/v/19K6sNhPR4/ คลิปสัมภาษณ์ DOC.KK https://www.facebook.com/share/v/195eJAYRvL/ มัดรวมให้อ่าน บทสัมภาษณ์ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น นอกจากนั้น ISAN Insight เผยข้อมูล น่าฮู้ เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น อำเภอ เมืองขอนแก่น ขนาดพื้นที่ 46 ตร.กม. ประชากร 105,020 คน งบประมาณประจำปี 2566 ฿1.55 พันล้านบาท ประกอบไปด้วย จัดเก็บเอง: 466.20 ล้านบาท รัฐจัดสรร: 699.30

มัดรวมให้อ่าน 5 คลิปบทสัมภาษณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

👀พาเปิดเบิ่ง ขุมทรัพย์สุราอีสาน🥃🧊💰 อีสานจ่ายภาษีสุรากว่า 12,090 ล้านบาท มาจากไหนบ้าง?

📊ในปี 2567 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมูลค่าการจัดเก็บภาษีสุราทั้งหมดรวมกัน อยู่ที่ 12,090 ล้านบาท โดยจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีมูลค่าการเก็บภาษีสุราได้มากที่สุด 3,219 ล้านบาท รองลงมา คือ จังหวัดอุบลราชธานี 2,977 ล้านบาท และหนองคาย 2,814 ล้านบาท ตามลำดับ   🏆🥃5 อันดับจังหวัดที่มีมูลค่าการจัดเก็บภาษีสุรามากสุด – ขอนแก่น 3,219 ล้านบาท คิดเป็น 26.6% – อุบลราชธานี 2,977 ล้านบาท คิดเป็น 24.6% – หนองคาย 2,814 ล้านบาท คิดเป็น 23.3% – บุรีรัมย์ 2,626 ล้านบาท คิดเป็น 21.7% – นครราชสีมา 391 ล้านบาท คิดเป็น 3.2% และจังหวัด อื่นๆ ที่เหลือ 64 ล้านบาท คิดเป็น 0.5%   จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าจังหวัดที่มีการจัดเก็บภาษีสุราสูงสุดคือ ขอนแก่น มูลค่ากว่า 3,219 ล้านบาท ตามมาด้วยอุบลราชธานี (2,977 ล้านบาท), หนองคาย (2,814 ล้านบาท) และ บุรีรัมย์ (2,626 ล้านบาท) โดยทั้ง 4 จังหวัดนี้ก็มีโรงงานผลิตและจำหน่ายสุรารายใหญ่แห่งอีสาน จะเห็นได้ว่าการกระจายตัวของรายได้ภาษีนี้ไม่ได้เป็นไปตามขนาดของจังหวัดเสมอไป  โดยการจัดเก็บภาษีสุราที่สูงเช่นนี้ แสดงให้เห้นถึงขนาดตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใหญ่และมีศักยภาพในภาคอีสาน ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ไปจนถึงผู้ประกอบการร้านอาหารและสถานบันเทิง ต่างได้รับอานิสงส์จากกำลังซื้อของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ตาม ต่างก็ต้องเผชิญกับภาระภาษีที่สูง ซึ่งอาจส่งผลต่อการกำหนดราคาและผลกำไร   มูลค่า 12,090 ล้านบาทที่ภาคอีสานสามารถจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากสุราได้นั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่จำนวนเงิน แต่ยังสะท้อนถึงปริมาณการบริโภคที่มหาศาล และขนาดของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในภาคอีสาน📈   การทำความเข้าใจถึงประเภทของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับความนิยมในแต่ละพื้นที่ ก็จะช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น สุราพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาจมีบทบาทสำคัญในบางจังหวัด ในขณะที่เบียร์และสุรากลั่นอาจเป็นที่นิยมในเขตเมืองหรือจังหวัดที่มีการท่องเที่ยวสูง   ธุรกิจสุราในอีสานนั้นมีความเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจส่วนอื่นๆ ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการผลิต โรงงานผลิตเบียร์และสุรากลั่น ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เป็นแหล่งงานที่สำคัญในหลายจังหวัด นอกจากนี้ ยังมีอุตสาหกรรมสนับสนุนอื่นๆ เช่น การผลิตบรรจุภัณฑ์ การขนส่ง และการตลาด ที่ได้รับอานิสงส์จากธุรกิจสุรา   หรือแม้กระทั่งการค้าและการบริการ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก ร้านอาหาร สถานบันเทิง และธุรกิจท่องเที่ยว เป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสร้างรายได้และกระตุ้นการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจโดยรวม   อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจสุราจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคอีสาน แต่ก็ไม่อาจละเลยผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นได้ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากหรืออย่างไม่เหมาะสม นำมาซึ่งความเสี่ยงด้านสุขภาพ อุบัติเหตุ

👀พาเปิดเบิ่ง ขุมทรัพย์สุราอีสาน🥃🧊💰 อีสานจ่ายภาษีสุรากว่า 12,090 ล้านบาท มาจากไหนบ้าง? อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง สถิติ “โรคแอนแทรกซ์” ในไทย หลังพบผู้เสียชีวิตรายแรกที่มุกดาหาร

(1) จากกรณีมีผู้ป่วยและเสียชีวิต 1 คน จากโรคแอนแทรกซ์ ในพื้นที่ ต.เหล่าหมี อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร หลังเข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2568 และเสียชีวิตในวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่ทางอำเภอดอนตาล จะประกาศพื้นที่เฝ้าระวังในพื้นที่   ข้อมูลเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2568 พบว่ามีผู้ป่วยสะสม 2 ราย โดยมีกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัส รวม 638 ราย แบ่งออกเป็นผู้ร่วมชำแหละเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อ 36 ราย ผู้รับประทานเนื้อดิบ 472 ราย และผู้สัมผัสร่วมบ้านผู้ชำแหละ 130 ราย ทั้งนี้ผู้สัมผัสได้รับยาป้องกันโรคครบแล้วทุกราย   นับว่าเป็นการเสียชีวิตจากโรคแอนแทรกซ์คนแรกของไทย และถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อแอนแทรกซ์ในไทยในรอบหลายปี   เหตุการณ์ที่ผ่านมาในไทย ในปี 2543 ยังพบการเกิดโรค 1 ครั้ง มีผู้ป่วยจำนวน 15 คน ขณะที่ในปี 2542 มีการเกิดโรค 4 ครั้ง มีผู้ป่วย 14 คน ทั้งนี้ ปีที่พบการระบาดมากที่สุดเกิดขึ้นในปี 2538 มีรายงานผู้ป่วย 102 คน และล่าสุดคือในปี 2560 มีรายงานพบผู้ป่วยชาย ซึ่งเป็นผู้ชำแหละแพะที่ตายแล้ว โดยสงสัยเป็นโรคแอนแทรกซ์ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก จนหาย และต่อมาสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้   (2) โรคแอนแทรกซ์คุกคามอีสาน  ปี 2568 นับเป็นปีที่สาธารณสุขไทยต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ หลังพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากโรคแอนแทรกซ์ในจังหวัดมุกดาหาร โดยข้อมูลล่าสุดชี้ว่าพื้นที่ภาคอีสานเริ่มเข้าสู่ภาวะเฝ้าระวังเข้มข้นทั้งในระดับพื้นที่ควบคุมโรคและพื้นที่ใกล้เคียง   แอนแทรกซ์คืออะไร? โรคแอนแทรกซ์เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ซึ่งสร้างสปอร์ที่ทนทานต่อสิ่งแวดล้อมและมีอายุยาวนาน เชื้อนี้สามารถแพร่สู่คนผ่านการสัมผัสสัตว์ติดเชื้อ การชำแหละ การบริโภคเนื้อดิบ หรือการสูดดมสปอร์เข้าสู่ปอด อัตราการเสียชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาสูงถึง 80% โดยเฉพาะในรูปแบบแอนแทรกซ์ปอด   พื้นที่เฝ้าระวังโรคแอนแทรกซ์ในอีสาน อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร – เป็นจุดศูนย์กลางการระบาด พบผู้เสียชีวิตรายแรก และผู้ป่วยอีก 2 ราย จังหวัดยโสธร – ผู้ว่าราชการประกาศเตือนทั้ง 9 อำเภอ และมีการเน้นมาตรการป้องกันในชุมชน เช่น งดบริโภคเนื้อดิบ งดชำแหละสัตว์ป่วย จังหวัดอำนาจเจริญ – ตรวจพบผู้เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อ และมีการสั่งปิดตลาดนัดโค-กระบือหลายแห่งในอีสานตอนล่าง เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ จังหวัดกาฬสินธุ์ – ยังไม่พบผู้ป่วยยืนยัน แต่เฝ้าระวังเข้มเนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายปศุสัตว์จากพื้นที่เสี่ยง โรคแอนแทรกซ์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ใช่โรคของ “สัตว์” เท่านั้น แต่คือภัยคุกคามที่ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย

พาส่องเบิ่ง สถิติ “โรคแอนแทรกซ์” ในไทย หลังพบผู้เสียชีวิตรายแรกที่มุกดาหาร อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top