Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

พามาเบิ่ง จำนวนสถานพยาบาลที่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน และจำนวนเตียงในภาคอีสาน

ทั่วราชอาณาจักร แห่ง 1,401 เตียง 171,359   ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แห่ง 390 เตียง 43,943 เรียงน้อยไปมากโดย อิงจากจำนวนสถานพยาบาล เป็นหลัก จังหวัด แห่ง เตียง 1.นครราชสีมา 47 5,901 2.อุบลราชธานี 35 4,326 3.ขอนแก่น 33 5,291 4.อุดรธานี 29 3,166 5.บุรีรัมย์ 25 2,876 6.ศรีสะเกษ 24 2,344 7.ร้อยเอ็ด 21 2,237 8.สุรินทร์ 20 2,707 9.สกลนคร 20 2,284 10.กาฬสินธุ์ 19 1,839 ชัยภูมิ 18 2,008 เลย 17 1,370 มหาสารคาม 15 1,567 นครพนม 14 1,194 หนองคาย 12 1,180 ยโสธร 11 955 มุกดาหาร 8 710 บึงกาฬ 8 671 อำนาจเจริญ 7 674 หนองบัวลำภู 7 643 หมายเหตุ: จำนวนโรงพยาบาลรวมทั้งภาครัฐและเอกชน ข้อมูลมาจากปี 2566   สัดส่วนสถานพยาบาลรายภูมิภาคของไทย สัดส่วนจำนวนสถานพยาบาลรายภูมิภาคของไทย กรุงเทพฯ 10.35% ภาคกลาง 26.91% ภาคเหนือ 19.34% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 27.84% ภาคใต้ 15.56% สัดส่วนจำนวนตียงรายภูมิภาคของไทย กรุงเทพฯ 17.91% ภาคกลาง 26.99% ภาคเหนือ 16.52% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 25.66% ภาคใต้ 12.94%   👀🫵🏻”เบิ่งให้ชัด! สถานพยาบาลและเตียงผู้ป่วยในภาคอีสาน—พอไหมหรือยังต้องเพิ่ม?” . 🏥ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีสถานพยาบาลที่สามารถรองรับผู้ป่วยค้างคืนได้ 390 แห่ง และมีเตียงรวม 43,943 เตียง ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน ประมาณ 2 เตียงต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานสากลที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ที่ 3-5 เตียงต่อประชากร 1,000 คน (World …

พามาเบิ่ง จำนวนสถานพยาบาลที่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน และจำนวนเตียงในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ทุเรียนเวียดนามบุกตลาดจีน คู่แข่งสำคัญของไทยในเวลาเพียง 3 ปี

ฮู้บ่ว่า ครั้งหนึ่งจีนเคยนำเข้าทุเรียนสดทั้งหมดจากไทยเพียงประเทศเดียว แต่ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี ทุเรียนจากเวียดนามได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ และกลายเป็นคู่แข่งหลักของไทย โดยครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 42%    . ในอดีต จีนนำเข้าทุเรียนโดยพึ่งพาการส่งออกจากไทยเพียงประเทศเดียว เนื่องจากคุณภาพของทุเรียนไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และความนิยมในกลุ่มลูกค้าชาวจีน ยิ่งผลักดันให้ทุเรียนไทยสามารถครองตลาดได้อย่างสมบูรณ์   . ผลผลิตของทุเรียนไทยกว่าครึ่งมาจากภาคตะวันออก โดยเฉพาะสามจังหวัดหลัก ได้แก่ จันทบุรี ระยอง และตราด ถือเป็นศูนย์กลางการผลิตทุเรียนของประเทศมาอย่างยาวนาน ด้วยสภาพภูมิอากาศและดินที่เอื้อต่อการปลูกทุเรียนคุณภาพสูง ส่งผลให้ในปี 2566 พื้นที่เหล่านี้ให้ผลผลิตรวมกว่า 776,914 ตัน และคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องในอนาคต ความสำคัญของภาคตะวันออกในการเป็นแหล่งผลิตหลักสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของเกษตรกรและโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมทุเรียน   นอกเหนือจากภาคตะวันออก ภาคใต้ก็เป็นอีกแหล่งผลิตสำคัญ โดยคิดเป็น 43% ของผลผลิตรวมของประเทศ ขณะที่พื้นที่อื่นๆ มีสัดส่วนประมาณ 6% แม้ว่าสัดส่วนของภาคใต้จะยังเป็นรองภาคตะวันออก แต่ก็มีแนวโน้มเติบโตเนื่องจากมีฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่แตกต่าง ทำให้สามารถกระจายผลผลิตเข้าสู่ตลาดได้ยาวนานขึ้น การกระจายพื้นที่เพาะปลูกในหลายภูมิภาคช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพอากาศและภัยธรรมชาติที่อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิต โดยทุเรียนของไทยก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน จากจุดเด่นด้านคุณภาพ รสชาติ และกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์   . ทุเรียนไทยไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภคภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีคุณภาพสูงจนสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ ตลาดจีน ซึ่งเป็นปลายทางหลักของการส่งออกทุเรียนสดจากไทย คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 97% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด นอกจากนี้ ไทยยังส่งออกทุเรียนไปยังกัมพูชา เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทุเรียนไทยในเวทีการค้าระหว่างประเทศ   . บทบาทของด่านการค้าชายแดนภาคอีสานในการส่งออกทุเรียนไทย ด่านการค้าชายแดนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีบทบาทสำคัญในการส่งออกทุเรียนไทยไปยังตลาดจีน โดยปัจจุบัน กว่า 80% ของการส่งออกทุเรียนไทยไปจีนดำเนินการผ่านด่านศุลกากรในภาคอีสาน โดยเฉพาะที่ ด่านมุกดาหาร ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าผ่าน สปป.ลาว ก่อนเข้าสู่จีน เส้นทางดังกล่าวช่วยลดระยะเวลาการขนส่งเมื่อเทียบกับเส้นทางเรือ ทำให้ทุเรียนสดสามารถคงคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น   ความสำคัญของด่านการค้าในภาคอีสานจะยิ่งเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ที่สูงขึ้นในตลาดจีน และการเติบโตของผลผลิตทุเรียนในประเทศ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ มูลค่าการค้าชายแดนของภาคอีสานขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของปริมาณสินค้าและมูลค่าทางเศรษฐกิจ . ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดทุเรียนจีนอย่างรวดเร็ว หลังจากที่จีนอนุมัติให้นำเข้าทุเรียนจากเวียดนามอย่างเป็นทางการในปี 2565 โดยเวียดนามสามารถใช้ข้อได้เปรียบในด้าน ต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า ระยะทางขนส่งที่ใกล้กว่า และฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่แตกต่างจากไทย ทำให้สามารถส่งออกทุเรียนไปยังจีนได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปริมาณการนำเข้าทุเรียนจากไทยจะไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่จีนกลับเพิ่มสัดส่วนการนำเข้าจากเวียดนามมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลมาจากกลไกราคา หรือแม้กระทั่งการขยายตัวของการผลิตทุเรียนไทยที่อาจถึงจุดอิ่มตัว   จากสถิติการนำเข้าทุเรียนของจีน พบว่า เวียดนามสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มขึ้นจาก 5% ในปี 2022 เป็น 32% และล่าสุดแตะระดับ 42% ส่งผลให้ไทยซึ่งเคยเป็นผู้ส่งออกรายเดียวต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักของทุเรียนไทย   . อนาคตของทุเรียนไทยในตลาดจีน แม้ไทยจะยังคงเป็นผู้นำในการส่งออกทุเรียนไปจีน แต่การแข่งขันจากเวียดนามทำให้ไทยต้องปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับคุณภาพสินค้า การพัฒนาเทคโนโลยีการเก็บรักษาเพื่อขยายช่วงเวลาส่งออก และการทำตลาดเชิงรุกเพื่อรักษาฐานลูกค้าในจีน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดทุเรียนจีนกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และผู้ส่งออกไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นในอนาคต   …

ทุเรียนเวียดนามบุกตลาดจีน คู่แข่งสำคัญของไทยในเวลาเพียง 3 ปี อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง แสงไทยเมทัลชีท กล้าฝันกล้าลอง 17 ปีสู่ความสำเร็จรายได้พันล้าน

แสงไทยเมทัลชีท กล้าฝันกล้าลอง 17 ปีสู่ความสำเร็จรายได้พันล้าน ความทะเยอทะยาน และการไม่ยอมแพ้ สู่ความสำเร็จขององค์กร และมิตรภาพ ชื่อบริษัท: บริษัท แสงไทยเมทัลชีท จำกัด ปีที่ก่อตั้ง: พ.ศ. 2551 ที่ตั้ง: หนองบัวลำภู ผู้ก่อตั้ง: คุณ ทัศพงษ์ สง่ามงคลศรี (แบงค์) รายได้ (2566): 1,030 ล้านบาท (+6% YoY) กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (2566): 9 ล้านบาท (+107% YoY) ส่วนแบ่งรายได้รวมในอีสาน* (2566): 32% จำนวนสาขา: 17 สาขา ขอนแก่น 2 สาขา ชัยภูมิ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด 2 สาขา สุรินทร์ หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี 2 สาขา ภาคกลาง 1 สาขา ภาคตะวันออก 2 สาขา ภาคเหนือ 3 สาขา   ไทม์ไลน์จุดเริ่มต้นจากตนเอง สู่ธุรกิจเพื่อนฝูง คุณแบงก์วัย 23 ปี หลังจากไปทำงานหาประสบการณ์อยู่ 1 ปี กลับมาช่วยธุรกิจก่อสร้างของครอบครัวที่ จ.หนองบัวลำภู แต่อยากทำอะไรด้วยตัวเอง เลยเริ่มต้นออกมาทำธุรกิจ คุณแบงค์มองเห็นโอกาสในธุรกิจผลิตเมทัลชีทที่ส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่ กทม. และต้องกระจายมายังต่างจังหวัด สมัยก่อนจึงยังเป็น Blue Ocean ก่อตั้งบริษัท แสงไทยเมทัลชีท ในปี พ.ศ. 2551 เริ่มต้นศึกษา และลงมือด้วยตนเองทุกอย่างจึงเข้าใจปัญหา เริ่มเปิดสาขาแรกที่หนองบัวลำภูบ้านเกิด และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าหลังจากเปิดบริการมา 4 – 5 เดือน มีความคิดอยากขยายธุรกิจ จึงเริ่มชวนเพื่อนเข้ามาทำงานด้วยกัน จนถึงปัจจุบันผู้บริหารแต่ละสาขาก็คือกลุ่มเพื่อนที่ค่อยๆเติบโตขึ้นมาด้วยกัน เนื่องจากเห็นโอกาสในธุรกิจ จึงขยายสาขาต่อเนื่องทุกปีจนปัจจุบัน มีทั้งหมด 17 สาขา พ.ศ. 2565 ก่อตั้งบริษัท โซลาร์ วิง เอนเนอร์ยี่ จำกัด สร้างความท้าทายใหม่ และเป้าหมายในการเป็นที่ 1 ของต่างจังหวัดเหมือนแสงไทยเมทัลชีท เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงโซลาร์เซลล์ได้มากขึ้น พ.ศ. 2566 แสงไทยเมทัลชีทรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งการตลาดในอีสาน 32%   เมทัลชีทเป็นวัสดุมุงหลังคาที่ได้รับความนิยมหลากหลายทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่น ทั้งความแข็งแรง ทนทานต่อสภาพอากาศ และอายุการใช้งานที่ยาวนาน …

พามาเบิ่ง แสงไทยเมทัลชีท กล้าฝันกล้าลอง 17 ปีสู่ความสำเร็จรายได้พันล้าน อ่านเพิ่มเติม »

พาสำรวจเบิ่ง คนไทย 34.5 ล้านคนเล่นพนัน เงินหมุนเวียนทะลุ 8 แสนล้าน อีสานครองแชมป์ยอดนักพนันมากสุดในประเทศ

พาสำรวจเบิ่ง คนไทย 34.5 ล้านคนเล่นพนัน เงินหมุนเวียนทะลุ 8 แสนล้าน อีสานครองแชมป์ยอดนักพนันมากสุดในประเทศ . . คนไทยกว่า 34.5 ล้านคน หรือ 63.1 % ของคนไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เล่นการพนัน ผู้หญิง 17.7 ล้านคน ผู้ชาย 16.8 ล้านคน   สัดส่วนและประมาณการคนที่เล่นการพนัน ปี 2566 ภาคเหนือ 60.5% คิดเป็น 5.9 ล้านคน ภาคอีสาน 66.1% คิดเป็น 12.1 ล้านคน ภาคกลาง 57.2% คิดเป็น 6.4 ล้านคน กรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็น 68.2% 5.2 ล้านคน ภาคใต้ 62.0% คิดเป็น 4.7 ล้านคน   การขยายตัวของคนที่เล่นการพนันทั่วประเทศ 8 ปี ที่ผ่านมา คนไทยทั่วประเทศเล่นการพนันเพิ่มขึ้น 7.123 ล้านคน ประเภทการพนันที่คนไทยเล่น สลากกินแบ่งรัฐบาล 27.5 ล้านคน หวยใต้ดิน 21.9 ล้านคน ไพ่พนัน 4.7 ล้านคน สลอตแมชชีน/ตู้พนัน 4.1 ล้านคน พนันทายผลฟุตบอล 3.9  ล้านคน   วงเงินหมุนเวียนของการพนัน พนันทายผลฟุตบอล 270,415 ล้านบาท หวยใต้ดิน 164,069 ล้านบาท สลากกินแบ่งรัฐบาล 160,239 ล้านบาท พนันในบ่อนออนไลน์ 154,819 ล้านบาท หวยอื่นๆ (หวยต่างประเทศ หวยหุ้น จับยี่กี หวยปิงปอง หวยสัตว์) 97,738 ล้านบาท ถ้าคนอีสานจะถูกรางวัลที่หนึ่งแบบเเน่นอน 100% ต้องหาเงินกี่ปี? ที่มา: ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน

ถ้าคนอีสานจะถูกรางวัลที่หนึ่งแบบเเน่นอน 100% ต้องหาเงินกี่ปี?

ถ้าคนอีสานจะถูกรางวัลที่หนึ่งแบบเเน่นอน 100% ต้องหาเงินกี่ปี? คำตอบทำเอาน้ำตาไหล . เปิดคำนวณแล้ว! คนอีสานแต่ละจังหวัดต้องหาเงินซื้อเลอตเตอรี่กี่ปีกว่าจะมีโอกาสถูกรางวัลที่ 1 (โอกาส 1:1,000,000)โอกาสถูกรางวัลที่หนึ่งของสลากกินแบ่งรัฐบาลไทย . สลากกินแบ่งรัฐบาลไทยเป็นหนึ่งในรูปแบบการพนันที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ผู้คนจำนวนมากซื้อลอตเตอรี่โดยมีความหวังว่าจะถูกรางวัลที่หนึ่งและเปลี่ยนชีวิตของตนเองไปตลอดกาล อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในแง่ของสถิติ โอกาสในการถูกรางวัลที่หนึ่งนั้นถือว่าน้อยมาก . โอกาสถูกรางวัลที่หนึ่งมีเท่าไร? . สลากกินแบ่งรัฐบาลไทยมีหมายเลข 6 หลัก ตั้งแต่ 000000 ถึง 999999 ซึ่งหมายความว่ามีความเป็นไปได้ทั้งหมด 1,000,000 หมายเลข ในแต่ละงวดจะมีเพียงหนึ่งหมายเลขเท่านั้นที่ถูกรางวัลที่หนึ่ง ดังนั้นโอกาสที่ลอตเตอรี่ 1 ใบจะถูกรางวัลที่หนึ่งคือ . หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ 1 ใน 1,000,000 ซึ่งเป็นโอกาสที่ต่ำมาก บอกเลยว่า…น้ำตาจะไหล! 😭 หากต้องหาเงิน 80ล้านบาทจากรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนเพื่อซื้อฉลากกินเเบ่งรัฐบาลหนึ่งล้านใบ . จังหวัด ปี ขอนแก่น 345 ปี ศรีสะเกษ 336 ปี ร้อยเอ็ด 328 ปี อุบลราชธานี 328 ปี สกลนคร 323 ปี กาฬสินธุ์ 324 ปี มหาสารคาม 315 ปี อุดรธานี 314 ปี บุรีรัมย์ 304 ปี นครพนม 302 ปี สุรินทร์ 300 ปี ชัยภูมิ 293 ปี เลย 281 ปี ยโสธร 273 ปี หนองบัวลำภู 272 ปี มุกดาหาร 267 ปี บึงกาฬ 265 ปี หนองคาย 254 ปี นครราชสีมา 240 ปี อำนาจเจริญ 234 ปี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 296 ปี TOP 5 จังหวัดที่ต้องรอนานที่สุด: 1️⃣ ขอนแก่น: 345 ปี  2️⃣ ศรีสะเกษ: 336 ปี  3️⃣ ร้อยเอ็ด/อุบลฯ: 328 ปี  4️⃣ กาฬสินธุ์: 324 ปี  …

ถ้าคนอีสานจะถูกรางวัลที่หนึ่งแบบเเน่นอน 100% ต้องหาเงินกี่ปี? อ่านเพิ่มเติม »

ชวนมาเบิ่ง .. ทุนมังกรผงาดอีสาน 15 โรงงานจีนที่พลิกโฉมเศรษฐกิจภาคอีสาน

🇨🇳นักลงทุนชาวจีนเข้ามาลงทุนธุรกิจในภาคอีสานมูลค่ากว่า 1,846 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.4% ของมูลค่าที่นักลงทุนชาวจีนเข้ามาลงทุนทั้งหมดในประเทศ    ไทยเป็น 1 ในประเทศที่มีการพึ่งพาสินค้าจากจีนสูง โดยที่ผ่านมาไทยมีการนำเข้าสินค้าจากจีนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้จีนมองเห็นโอกาสในการขยายฐานการผลิตออกมาในไทย เพื่อลดต้นทุนและตอบสนองความต้องการของสินค้าจีนที่มีมากในตลาด ประเทศไทยเนื้อหอม ดึงดูดนักลงทุนจีน ตั้งโรงงานผลิตในไทย   การลงทุนจากจีนในโรงงานของไทยรวมไปถึงการตั้งโรงงานของจีน มักจะกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมที่ไทยมีการพึ่งพาสินค้าจากจีนสูง อย่างเช่น  อุตสาหกรรมการผลิตพลาสติก การผลิตยาง และโลหะที่มีจำนวนการตั้งใหม่ของโรงงานที่มีจีนลงทุนอยู่ด้วยมาก รวมถึงภาคการค้า ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่มีการลงทุนสูงถึง 56% เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขายส่งยางพาราและพลาสติก การขายส่งแร่โลหะ การขายส่งเสื้อผ้า และปลีกอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคม   การเข้ามาลงทุนของนักลงทุนชาวจีนในภาคอีสานกำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าปี 2567 เผยให้เห็นถึงการลงทุนของนิติบุคคลสัญชาติจีน 15 แห่ง ในหลากหลายอุตสาหกรรม สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของภาคอีสานที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ บจก.ซีแอนด์ดี รับเบอร์ (ประเทศไทย) 📍สกลนคร ธุรกิจการขายส่งยางพาราและพลาสติก มูลค่าการลงทุน 484 ล้านบาท   บจก.เซรีโค รับเบอร์ (ประเทศไทย) 📍เลย ธุรกิจการผลิตยางแผ่นและยางแท่ง มูลค่าการลงทุน 144 ล้านบาท   บจก.ไชน่า โคล นัมเบอร์ 3 ไมน์นิ่ง (ไทยแลนด์) 📍นครราชสีมา ธุรกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย มูลค่าการลงทุน 127 ล้านบาท   บจก.ฮั้วเซิ่งไทยรับเบอร์ 📍อุบลราชธานี ธุรกิจการขายส่งยางพาราและพลาสติก มูลค่าการลงทุน 74 ล้านบาท   บจก.ฮัวไท่ ไมนิ่ง อินดัสตรี้ 📍เลย ธุรกิจการขายส่งแร่โลหะ มูลค่าการลงทุน 59 ล้านบาท   บจก.ซี.แอล.เอส.อินดัสเทรียล 📍นครราชสีมา ธุรกิจการผลิตอุปกรณ์เครื่องเขียน มูลค่าการลงทุน 46 ล้านบาท   บจก.ธงทอง รับเบอร์ 📍มุกดาหาร ธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง มูลค่าการลงทุน 42 ล้านบาท   บจก.อาร์ที สกลนคร เทคโนโลยี 📍สกลนคร ธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก มูลค่าการลงทุน 30 ล้านบาท   บจก.ไทยคาลิ 📍นครราชสีมา ธุรกิจการขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ มูลค่าการลงทุน 26 ล้านบาท   บจก.ต้าทง พลาสติก (ไทยแลนด์) 📍นครราชสีมา ธุรกิจการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก มูลค่าการลงทุน 25 ล้านบาท   บจก.ฮงพลาสแพค 📍นครราชสีมา ธุรกิจการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก มูลค่าการลงทุน …

ชวนมาเบิ่ง .. ทุนมังกรผงาดอีสาน 15 โรงงานจีนที่พลิกโฉมเศรษฐกิจภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พาสำรวจเบิ่ง ภาพรวม 2024 ธุรกิจ Delivery เติบโตขึ้น 20% แต่ร้านอาหารใหม่ 50% เจ๊งตั้งแต่ปีแรก

นายธนพงศ์ วงศ์ชินศรี หรือ “ต่อเพนกวิน” ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร บริษัท เพนกวินเอ็กซ์ จำกัด ระบุว่า อัตราการปิดตัวของธุรกิจร้านอาหารในปี 2567 สูงถึง 60% ปัจจัยหลักมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 15-20% ของยอดขาย นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนวัตถุดิบ 35% ค่าแรง 15-20% และค่า GP เดลิเวอรี 30% ซึ่งทำให้เจ้าของร้านแทบจะขาดทุนตั้งแต่ยังไม่เริ่ม   ทีมต่อเพนกวินได้เปิดเผยเทรนด์ธุรกิจอาหารที่น่าสนใจ โดยพบว่า “Economy of Scale” เป็นเรื่องของแบรนด์ใหญ่ที่แบรนด์เล็กสู้ไม่ได้ แต่ “Economy of Style” จะเป็นสิ่งที่ทำให้ SME ไปต่อได้ในอนาคต โดยร้านอาหารยุคใหม่ต้อง “Small but Style” คือร้านไม่ใหญ่แต่สไตล์ชัดเจน นอกจากนี้ “Specialty” ไม่ได้จำกัดอยู่ที่วงการกาแฟ แต่กระจายเข้าสู่วงการ Street Food โดย Street Food บ้านๆ แต่รสชาติและกระบวนการทำต้องไม่บ้าน และต้องเปิดใจเรียนรู้ความ Specialty มากขึ้น   ในยุคที่ Labor Cost สูงมาก การลดค่าใช้จ่ายโดยไม่กระทบ Quality Service กับ Product เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่ง “Lean Management” และการใช้เทคโนโลยีจะช่วยลดการทำงานซ้ำซ้อนได้ นอกจากนี้ การเพิ่มมูลค่าจากสินค้าเดิมๆ เช่น การเสิร์ฟในรูปแบบใหม่ๆ หรือการเพิ่มท็อปปิ้งพิเศษ จะช่วย “ทุบเพดาน” และเพิ่มโอกาสในการเติบโต   การตลาดแบบเดิมๆ ไม่เพียงพออีกต่อไป การสร้างสื่อของตัวเอง เช่น Jones Salad และ After Yum จะช่วยเปลี่ยนจากการขายใกล้เป็นการขายไกล โดยลูกค้าเลือกสั่งร้านที่อยู่ในรัศมี 3-4 กม. เท่านั้น ดังนั้น การต่อยอดเป็น Retail Product ส่งทั่วประเทศ จะช่วยเพิ่มช่องทางการขายโดยที่ Fixed Cost เท่าเดิม . แบรนด์ใหญ่ในกรุงเทพฯ ไปตีต่างจังหวัดมากขึ้น แต่สิ่งเดียวที่สู้ไม่ได้คือ Localize “From Local Heritage to a Unique Brand Identity” ร้านประจำจังหวัดไม่ใช่ร้านที่อยู่มานาน แต่เป็นร้านที่เอาอัตลักษณ์ของจังหวัดนั้นมาบวกกับตัวตนของตัวเอง   TikTok เปิดให้ขาย Affiliate Voucher โรงแรมแล้ว …

พาสำรวจเบิ่ง ภาพรวม 2024 ธุรกิจ Delivery เติบโตขึ้น 20% แต่ร้านอาหารใหม่ 50% เจ๊งตั้งแต่ปีแรก อ่านเพิ่มเติม »

กรุงเทพฯ อันดับ 1 ของโลกเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม! พาส่องเบิ่ง สถิตินักท่องเที่ยวเพื่อนบ้านเที่ยวไทย ปี 67

. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ได้อันดับที่ 1 เมืองที่นักท่องเที่ยวไปเที่ยวมากที่สุดในโลก มีทริปเที่ยวเข้ามามากถึง 32.4 ล้านเที่ยว   จำนวนผู้เยี่ยมเยือน % การเปลี่ยนแปลง รายได้จากผู้เยี่ยมเยือน % การเปลี่ยนแปลง กรุงเทพมหานคร 27 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.9% 677,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% ภาคกลางไม่รวมกรุงเทพฯ 6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 33.1% 22,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.5% ภาคตะวันออก 13 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18.6% 225,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% ภาคใต้ 26 ล้านคน เพิ่มขึ้น 27.0% 679,705 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% ภาคเหนือ 5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16.1% 55,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.0% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 31.7% 9,424 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.0%   ประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยว % การเปลี่ยนแปลง China 6,733,162 คน เพิ่มขึ้น 91.2% Malaysia 4,952,078 คน เพิ่มขึ้น 7.0% Laos 1,124,202 คน เพิ่มขึ้น 22.3% Vietnam 984,248 คน ลดลง 4.8% Cambodia 553,060 คน ลดลง 5.3% Myanmar 546,629 คน เพิ่มขึ้น 38.7%   หมายเหตุ: ข้อมูลจำนวนผู้เยี่ยมเยือน ปี 2567 ผู้เยี่ยมเยือน หมายถึง ผู้ที่เดินทางเพื่อการท่องเที่ยว และอื่น ๆ เช่น การเยี่ยมเพื่อน/ญาติ ทั้งที่พักค้างคืน และไม่พักค้างคืน โดยเป็นการพักค้างในสถานพักแรม บ้านญาติ/บ้านเพื่อน และอืน ๆ   ที่มา : กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา   กรุงเทพฯ …

กรุงเทพฯ อันดับ 1 ของโลกเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม! พาส่องเบิ่ง สถิตินักท่องเที่ยวเพื่อนบ้านเที่ยวไทย ปี 67 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ตลาดออนไลน์ ไทย🇹🇭-จีน🇨🇳 ต่างกันอย่างไร? ในวันที่ ‘อีคอมเมิร์ซไทยวิกฤติ’ ทุนนอกฮุบ สินค้าจีนทะลัก

การขยายตัวที่แตกต่างของไทยและจีนในการซื้อขายผ่านโซเชียลมีเดีย   ไทย :  ไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นของการใช้โซเชียลมีเดียในการซื้อขายออนไลน์ โดยเฉพาะการซื้อสินค้าผ่านร้านค้าออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่างๆ การซื้อขายผ่านไลฟ์สดมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นจากความนิยมในปัจจุบัน จีน สัดส่วนการซื้อขายผ่านโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นเป็น 16% จาก E-commerce ทั้งหมด ความนิยมของคนจีนที่จะซื้อของออนไลน์ผ่านช่องทางการไลฟ์สดในโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตลาด E-commerce ของจีนมีแนวโน้มที่จะเกิดการขยายตัวในรูปแบบ C2C มากขึ้น ที่มา: Euromonitor หมายเหตุ: การซื้อขายผ่านไลฟ์สด (Live Streaming E-Commerce) คือการขายสินค้าแบบเรียลไทม์ผ่านการไลฟ์สดในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook Live, TikTok Live, Shopee Live, Instagram Live, การซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มโซเชียล (Social comerce) คือการซื้อขายผ่านโซเชียลมีเดียหรือ market place เช่น Facebook, Instagram, LINE, TikTok   ‘อีคอมเมิร์ซไทยวิกฤติ’ ทุนนอกฮุบ สินค้าจีนทะลักครองส่วนแบ่งรวมกันกว่า 79% ผู้ประกอบการไทยต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติเป็นหลัก ไม่มีอำนาจต่อรอง 🇨🇳ลาซาด้า 🇨🇳+🇸🇬ช้อปปี้ 🇨🇳 TikTok [1]ตลาดซื้อขายออนไลน์ของไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการดังนี้: . การเติบโตของอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน: การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ง่ายขึ้นและการแพร่หลายของสมาร์ทโฟนทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและซื้อสินค้าออนไลน์ได้สะดวกยิ่งขึ้น การแพร่ระบาดของ COVID-19: การแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น เพื่อลดการสัมผัสและรักษาระยะห่างทางสังคม การพัฒนาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความหลากหลายของสินค้า บริการชำระเงิน และการจัดส่งสินค้า ทำให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์การซื้อสินค้าออนไลน์ที่ดีขึ้น การสนับสนุนจากภาครัฐ: ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการค้าออนไลน์และเศรษฐกิจดิจิทัล ทำให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคมีความมั่นใจในการซื้อขายออนไลน์มากขึ้น ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตลาดซื้อขายออนไลน์ของไทย: . [2]มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าหลายล้านล้านบาท ผู้บริโภคกลุ่มหลักที่ซื้อสินค้าออนไลน์คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 20-39 ปี สินค้าที่ได้รับความนิยมในการซื้อออนไลน์ ได้แก่ สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง อาหาร และเครื่องใช้ไฟฟ้า . แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ได้แก่ Shopee, Lazada แต่ล่าสุดหลังจากการกลับบ้าน ของ JD การมาของ TikTok ที่เป็น social media แต่เรามีระบบตะกร้าสินค้าเหมือน e-commerce และการผสมผสานการ live commerce กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและแจ้งส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้น ผลดีคือการแข่งขันของผู้ขายทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าและโปรโมชั่นที่มากขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องท้าทายต่อผู้ค้าขายหรือผู้ขายในช่องทางเหล่านี้ ที่กำลังเผชิญกับปัญหาสินค้าจีนทะลัก ซึ่งมีราคาถูกและทำให้ผู้ประกอบการไทย ประสบปัญหาด้านการแข่งขัน . [3]แนวโน้มตลาดอีคอมเมิร์ซไทยในอนาคต: ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI และ AR การซื้อขายสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Commerce) จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น …

พามาเบิ่ง ตลาดออนไลน์ ไทย🇹🇭-จีน🇨🇳 ต่างกันอย่างไร? ในวันที่ ‘อีคอมเมิร์ซไทยวิกฤติ’ ทุนนอกฮุบ สินค้าจีนทะลัก อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง รถรับจ้างสามล้อ(รถตุ๊ก ๆ) ในอีสาน

พามาเบิ่ง รถรับจ้างสามล้อ(รถตุ๊ก ๆ) ในอีสาน . ตุ๊กตุ๊ก เชื่อมโยงกับ วิถีชีวิตคนอีสาน รับส่งคน-ของทั่วตลาด เป็นพาหนะคู่ใจของพ่อค้าแม่ค้า  จังหวัด จํานวน(คัน) ร้อยละ % นครราชสีมา 691 52.43 ขอนแก่น 353 26.79 อุบลราชธานี 170 12.90 ชัยภูมิ 43 3.27 บุรีรัมย์ 42 3.19 นครพนม 10 0.76 สุรินทร์ 7 0.53 หนองคาย 1 0.08 ร้อยเอ็ด 1 0.08 ศรีสะเกษ สกลนคร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุดรธานี เลย ยโสธร หนองบัวลำภู มุกดาหาร บึงกาฬ อำนาจเจริญ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,318 ทั่วประเทศ 17,371  . คํานิยามของรถรับจ้างสามล้อ(รถตุ๊ก ๆ)   คือ ต้องมีลักษณะประทุน โดยมีที่นั่ง 2 ตอน หรือ 2 แถว ขนาดกว้าง ไม่เกิน 1.50 เมตร ยาวไม่เกิน 4 เมตร เครื่องยนต์ต้องมีความจุในกระบอกสูบรวมกันไม่เกิน 550 ลูกบาศก์เซนติเมตร . รถยนต์รับจ้างสามล้อหรือที่เราเรียกติดปากว่า รถตุ๊กๆ จากสถิติของกรมขนส่งทางบกรถตุ๊กๆ จดทะเบียนสะสมในอีสานอยุ่ที่  1,318 จาก 17,371  ทั่วประเทศ โดยอยู่ในกรุงเทพมหานครกว่าครึ่งหนึ่งของจํานวนรถทั้งหมด . ในอีสานมีรถตุ๊กๆอยู่เพียง 9 จาก 20 จังหวัด นครราชสีมา มีมากถึง 691 คัน (52.43%) รองลงมาคือ ขอนแก่น 353 คัน (26.79%) และ อุบลราชธานี 170 คัน (12.90%) .  แต่รู้หรือไม่? บางจังหวัดเหลือเพียง 1 คัน เช่น หนองคายและร้อยเอ็ด อีกไม่นานอาจเป็นเพียงตำนานของอีสาน!   ที่มา : กรมการขนส่งทางบก . ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook …

พามาเบิ่ง รถรับจ้างสามล้อ(รถตุ๊ก ๆ) ในอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top