SHARP ADMIN

การเลือกเอเจนซี่การตลาดในประเทศไทย เลือกเอเจนซี่ใหญ่หรือเล็กดี

  การเลือกเอเจนซี่การตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณเป็นเรื่องสำคัญ เพราะบางเอเจนซี่จะเหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่บางแห่งจะเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดของเอเจนซี่ก็มีผลต่อการทำงาน เช่น ทรัพยากรที่ใช้ ทีมงาน และขั้นตอนการทำงาน ไม่ว่าคุณกำลังมาหา เอเจนซี่รับทำ SEO ยิงแอดเฟสบุค หรือเอเจนซี่ด้านไหนก็ตาม การเลือกเอเจนซี่ที่เหมาะสมจะช่วยให้การทำงานร่วมกันราบรื่นและทำให้ธุรกิจเติบโตได้ดีขึ้น ในบทความนี้เราจะพูดถึงข้อดีและข้อเสียของเอเจนซี่ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เพื่อให้คุณเลือกเอเจนซี่ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด เอเจนซี่ขนาดใหญ่ เอเจนซี่ขนาดใหญ่มักจะมีทีมงานที่หลากหลายและมีความเชี่ยวชาญในหลายด้านของการตลาด ตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์ การทำโฆษณาออนไลน์ การวิเคราะห์ข้อมูล จนถึงการจัดการแคมเปญที่ซับซ้อน พวกเขามักจะทำงานกับลูกค้าใหญ่ๆ หรือแบรนด์ที่มีงบประมาณสูง และมักมีเครื่องมือหรือซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยในการทำงาน ข้อดีของเอเจนซี่ขนาดใหญ่: มีทีมงานหลากหลายและทรัพยากรที่ครบครัน เอเจนซี่ใหญ่มีทีมงานที่เชี่ยวชาญในหลายๆ ด้าน และมีเครื่องมือทันสมัยที่ช่วยให้การทำการตลาดเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค การจัดการแคมเปญที่มีหลายช่องทางเป็นต้น ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการกลยุทธ์การตลาดที่ซับซ้อนและครบวงจร ประสบการณ์ในการดูแลแบรนด์ใหญ่ เอเจนซี่ใหญ่มีประสบการณ์ในการทำงานกับแบรนด์ขนาดใหญ่ ซึ่งมักจะต้องการกลยุทธ์ที่มีความซับซ้อนและเป็นระเบียบ เช่น การวางแผนการตลาดในระยะยาว หรือการทำแคมเปญโฆษณาที่ครอบคลุมหลายช่องทาง มีมาตรฐานการทำงานที่ชัดเจน การทำงานในเอเจนซี่ขนาดใหญ่มีมาตรฐานและกระบวนการทำงานที่ชัดเจน ทำให้การดำเนินการทุกขั้นตอนมีความเป็นระเบียบและไม่เสียเวลา ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความชัดเจนและคาดการณ์ได้ ข้อเสียของเอเจนซี่ขนาดใหญ่: ค่าใช้จ่ายสูง เอเจนซี่ขนาดใหญ่มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีทรัพยากรและเครื่องมือที่ทันสมัย ซึ่งอาจไม่เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจที่มีงบประมาณจำกัด อาจขาดความยืดหยุ่น บางครั้งการทำงานกับเอเจนซี่ขนาดใหญ่จะมีขั้นตอนที่เป็นระเบียบและตายตัว ซึ่งอาจทำให้การปรับเปลี่ยนแคมเปญหรือกลยุทธ์ใหม่ๆ ทำได้ช้ากว่าเอเจนซี่ขนาดเล็ก บริการที่อาจไม่เน้นที่ลูกค้าแต่ละราย เอเจนซี่ใหญ่ที่มีลูกค้าหลายรายอาจไม่สามารถให้บริการที่เฉพาะเจาะจงกับธุรกิจขนาดเล็กได้เท่ากับเอเจนซี่ขนาดเล็ก เพราะพวกเขามักจะมีทีมงานที่ต้องดูแลลูกค้าหลายรายในเวลาเดียวกัน     เอเจนซี่ขนาดเล็ก เอเจนซี่ขนาดเล็กมักจะมีทีมงานที่ไม่ใหญ่ แต่เน้นให้บริการที่ใกล้ชิดและตอบสนองได้เร็วกว่า พวกเขามักจะมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวได้ดีตามความต้องการของลูกค้า ข้อดีของเอเจนซี่ขนาดเล็ก: บริการที่ใกล้ชิดและเป็นส่วนตัว หนึ่งในข้อดีที่สำคัญของเอเจนซี่ขนาดเล็กคือการให้บริการที่เป็นส่วนตัวและใกล้ชิด พวกเขาสามารถเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เร็วกว่า เพราะมีทีมงานที่ไม่มากและเน้นดูแลลูกค้าแต่ละรายอย่างใกล้ชิด ความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์ เอเจนซี่ขนาดเล็กสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์หรือตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความยืดหยุ่นหรือการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการเอเจนซี่ขนาดเล็กมักจะต่ำกว่า เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่สูงเหมือนเอเจนซี่ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจที่มีงบประมาณจำกัด ข้อเสียของเอเจนซี่ขนาดเล็ก: ทรัพยากรจำกัด เอเจนซี่ขนาดเล็กอาจขาดทรัพยากรหรือเครื่องมือที่ทันสมัยในการทำการตลาด ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถทำแคมเปญที่มีความซับซ้อนได้ดีเท่าเอเจนซี่ขนาดใหญ่ ขาดประสบการณ์ในบางด้าน การทำงานกับเอเจนซี่ขนาดเล็กอาจไม่สามารถให้คำปรึกษาได้ครอบคลุมทุกด้านของการตลาด เนื่องจากพวกเขามีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญที่จำกัดในบางด้าน   เอเจนซี่ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ การเลือกเอเจนซี่การตลาดที่เหมาะสมควรพิจารณาจากขนาดของธุรกิจและวัตถุประสงค์ทางการตลาดของคุณ ธุรกิจขนาดใหญ่: หากคุณเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการกลยุทธ์การตลาดที่ซับซ้อนและมีหลายมิติ เอเจนซี่ขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรและเครื่องมือครบครันจะเหมาะสม เพราะพวกเขาสามารถจัดการแคมเปญที่มีความซับซ้อนได้ ธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลาง: หากคุณเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลางที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์ และค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงเกินไป เอเจนซี่ขนาดเล็กอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะพวกเขาสามารถให้บริการที่ใกล้ชิดและตอบสนองได้เร็ว ท้ายที่สุด การเลือกเอเจนซี่การตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณจะช่วยให้คุณสามารถดำเนินกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลักดันธุรกิจของคุณไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงในตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการติดต่อปรึกษากับเอเจนซี่ที่คุณสนใจ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเชี่ยวชาญของพวกเขาในด้านที่คุณต้องการ และเพื่อดูว่ากระบวนการทำงานของเอเจนซี่นั้นเป็นอย่างไร ซึ่งจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าแนวทางการทำงานและบริการของพวกเขาตรงกับความต้องการและเป้าหมายของธุรกิจคุณหรือไม่ หากคุณกำลังมองหาเอเจนซี่การตลาดที่น่าไว้วางใจในประเทศไทย และมีประสบการณ์ในการทำการตลาดออนไลน์ให้กับธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กอย่างประสบความสำเร็จ ขอแนะนำให้ลองปรึกษากับ IBEX เอเจนซี่ที่ให้บริการด้าน SEO ในกรุงเทพ ที่นี่เป็นเอเจนซี่ขนาดกลางๆที่มีความสามารถในการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดและทั่วถึง ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะขนาดไหน ทีมงานที่ IBEX พร้อมให้คำปรึกษาและพัฒนากลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างตรงจุด ปรึกษาได้ที่ https://www.ibex.co.th/

การเลือกเอเจนซี่การตลาดในประเทศไทย เลือกเอเจนซี่ใหญ่หรือเล็กดี อ่านเพิ่มเติม »

“จังหวัดสนุก” เสน่ห์สีสันแห่งศรัทธา งามอลังการงานแห่ดาว

ตื่นตางานแห่ดาว “จังหวัดสนุก” เสน่ห์สีสันแห่งศรัทธา💗 ประเพณีสีสนุก สีสันเทศกาลแห่ดาว✨️Magical of Songkhon ททท.ชวนชมความสวยงามตระการตาของเทศกาลแห่ดาวอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนชาวคริสต์ใน 3 จังหวัดสนุก คือ สกลนคร มุกดาหาร และนครพนม ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ระหว่างวันที่ 20-27 ธ.ค.67 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) สำนักงานนครพนม ชวนเที่ยวงานเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาสกลุ่มจังหวัดสนุก (สกลนคร มุกดาหาร นครพนม) ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 20 – 27 ธันวาคม 2567 โดยกำหนดจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลที่เต็มไปด้วยความรื่นเริงและความสุข เพื่อเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้า ระลึกถึงและแสดงถึงความเชื่อความศรัทธา ของการส่งมอบความสุข ความรื่นเริง ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนในช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยพื้นที่กลุ่มจังหวัดสนุกเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ ศาสนาและความเชื่อ อยู่หลอมรวมกันอย่างกลมกลืนกลายเป็นเส้นทางแห่งศรัทธา 2 ศาสนา ที่ลงตัว สวยงาม เปี่ยมไปด้วยศรัทธา ทั้งการแห่ดาวบนบก และการแห่ดาวในดาวน้ำ ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สกลนคร -งานเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาสจังหวัดสกลนคร ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 20 – 26 ธันวาคม 2567  พบกับกิจกรรมภายในงานดังนี้ • วันที่ 20 ธันวาคม 2567 : ชม ชิม ช้อป แชะ สินค้าและอาหาร ชมโบราณสถาน ของหมู่บ้านคริสต์ ที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี ชมดนตรีวาไรตี้ ณ ถนนคนเดินชมดาวรอบอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลท่า หมู่บ้านท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร • วันที่ 21 ธันวาคม 2567 : ท่าแร่แล่นเด้อ Night Color Run 2024 ณ หมู่บ้านท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร • วันที่ 22 ธันวาคม 2567 : สีสันแห่งหนองหาร” การแห่ดาวทางน้ำ การแสดงแสง สี เสียง การแสดงละครประวัติบ้านท่าแร่ ณ สวนสาธารณะดอนเกิน หมู่บ้านท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร งานแห่ดาว ชุมชนท่าแร่ จ.สกลรคร • Highlight วันที่ 23 ธันวาคม 2567 : เวลา 18.00 น. มหัศจรรย์แห่งดวงดาว สุกสกาวความสุข”

“จังหวัดสนุก” เสน่ห์สีสันแห่งศรัทธา งามอลังการงานแห่ดาว อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง สะพานมิตรภาพ “ไทย-ลาว” ในภาคอีสานอยู่ที่ไหนบ้าง

พามาเบิ่ง สะพานมิตรภาพ “ไทย-ลาว” ในภาคอีสานอยู่ที่ไหนบ้าง . . สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 (หนองคาย-นครหลวงเวียงจันทน์) มูลค่าการค้า 82,211 ล้านบาท เปิดใช้งาน 2537 ความยาว 1,174 เมตร  ความกว้าง 12.7 เมตร . สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต)  มูลค่าการค้า 270,093 ล้านบาท เปิดใช้งาน 2549 ความยาว 1,600 เมตร ความกว้าง 12 เมตร . สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) มูลค่าการค้า 101,201 ล้านบาท เปิดใช้งาน 2554 ความยาว 780 เมตร  ความกว้าง 13 เมตร . สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) งบประมาณ 4,010 ล้านบาท การก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 80 % คาดเปิดใช้งาน 2567 ความยาว  1,350 เมตร . สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 6 (อุบลราชธานี-สาละวัน) งบประมาณ 5,097 ล้านบาท เตรียมเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณก่อสร้างในปี 2568 คาดเปิดใช้งาน 2571 ความยาว 1,607 เมตร . . อ้างอิงจาก: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), สำนักข่าวอิสรา และเดลินิวส์ ออนไลน์ . ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #สะพานมิตรภาพไทยลาว #สะพานมิตรภาพ #ไทยลาว

พามาเบิ่ง สะพานมิตรภาพ “ไทย-ลาว” ในภาคอีสานอยู่ที่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

🔎พามาเบิ่ง “มันสำปะหลัง” กว่า 16.6 ล้านตัน🥔🥔 มาจากไหนบ้างในภาคอีสาน

ในปี 2566 ประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลัง อยู่ที่ 10.5 ล้านไร่ และมีผลผลิต 30.6 ล้านตัน แล้วรู้หรือไหมว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตมันสำปะหลังมากแค่ไหน? . โดยในภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเรามีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังมากกว่า 5.6 ล้านไร่ หรือคิดเป็นสัดส่วน 54% ของขนาดพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั้งหมดในประเทศ และมีผลผลิตมากกว่า 16.6 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 55% ของผลผลิตมันสำปะหลังทั้งหมดในประเทศ  . หากพิจารณารายจังหวัด จะพบว่าผลผลิตมันสำปะหลังในภาคอีสานกระจุกตัวในจังหวัดนครราชสีมามากที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 23.82% รองลงมาเป็นชัยภูมิ (11.5%) อุบลราชธานี (9.65%) อุดรธานี (9.07%) และกาฬสินธุ์  (6.56%) . . แนวโน้มอุตสาหกรรมมันสำปะหลังจะเป็นอย่างไร? . คาดว่าผลผลิตมันสำปะหลังจะหดตัว เป็นผลจากประเทศไทยเผชิญสภาพอากาศแห้งแล้งจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งคาดว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยส่งผลต่อเนื่องราว 1-2 ปี (2567-2569) ประกอบกับการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง และการขาดแคลนท่อนพันธุ์เพาะปลูก ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตมีทิศทางหดตัว . อย่างไรก็ตาม อุปทานมัน สำปะหลังยังมีแรงหนุน เช่น (1) ราคาที่คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก (2) ปริมาณน้ำในเขื่อนที่ยังเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกในเขตพื้นที่ใกล้ระบบชลประทาน และ (3) แนวโน้มความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่จะขยายตัวตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ประกอบกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีมากขึ้น ทำให้หลายประเทศมีอุปสงค์เพื่อความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) เพิ่มขึ้น . . อ้างอิงจาก:  สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, วิจัยกรุงศรี . ติดตาม ISAN Insight ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight . #ISANInsight #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #มันสำปะหลัง #อุตสาหกรรมมันสำปะหลัง #อุตสาหกรรมมันสำปะหลังในอีสาน #มันสำปะหลังในอีสาน

🔎พามาเบิ่ง “มันสำปะหลัง” กว่า 16.6 ล้านตัน🥔🥔 มาจากไหนบ้างในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

2 ตระกูลเศรษฐีธุรกิจค้าปลีกวัสดุ 🏗 ตระกูล ”สุริยวนากุล” และ “ตั้งมิตรประชา” มูลค่ารวมกว่า 36,424 ล้านบาท

พามาเปิดพอร์ต 2 ตระกูลเศรษฐีหุ้น ค้าปลีกวัสดุของอีสาน มูลค่ารวม 36,424 ล้านบาท . . ธุรกิจวัสดุก่อสร้างถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่สำคัญ และมีตลาดขนาดใหญ่ เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับที่อยู่อาศัย ซึ่งก็คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง โดยในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเราจะมี 2 บริษัทนั่นคือ “ดูโฮม” และ “โกลบอลเฮ้าส์” ที่เรามักจะหุ้นตากันดี เป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ของธุรกิจนี้ด้วยเช่นกัน . ธุรกิจของ GLOBAL ของตระกูล “สุริยวนากุล” ที่เติบโตมาจากต่างจังหวัด ที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี “วิทูร สุริยวนากุล” เป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจ ส่วนทางด้าน DOHOME มาจาก ตระกูล “ตั้งมิตรประชา” โดย อดิศักดิ์ และนาตยา ตั้งมิตรประชา สองสามี – ภรรยา เป็นผู้ก่อตั้ง โดยกิจการดังกล่าวเติบโตมาจากจังหวัดอุบลราชนี ทางอีสานอินไซต์จะพาทุกท่านมาดูมูลค่าสินทรัพย์(หุ้น) ของทั้งสองตระกูลกันค่ะ . บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) 1.น.ส. กนกวล สุริยวนากุล: 568,021,887 หุ้น (11.36%) มูลค่า 8,917 ล้านบาท 2.นาย เกรียงไกร สุริยวนากุล: 557,246,411 หุ้น (11.14%) มูลค่า 8,748 ล้านบาท 3.ด.ต. กอเดชา สุริยวนากุล: 193,798,827 หุ้น (3.87%) มูลค่า 3,042 ล้านบาท 4.นาย ก้องภพ สุริยวนากุล: 187,981,078 หุ้น (3.76%) มูลค่า 2,951 ล้านบาท 5.น.ส. ซานนา สุริยวนากุล: 184,817,705 หุ้น (3.70%) มูลค่า 2,901 ล้านบาท 6.นาย วิษฐ์ สุริยวนากุล: 30,656,492 หุ้น (0.61%) มูลค่า 481 ล้านบาท . บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) 1.นาย อดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา: 348,075,000 หุ้น (11.27%) มูลค่า 3,411 ล้านบาท 2.นาง นาตยา ตั้งมิตรประชา: 261,056,247 หุ้น (8.45%) มูลค่า 2,558 ล้านบาท

2 ตระกูลเศรษฐีธุรกิจค้าปลีกวัสดุ 🏗 ตระกูล ”สุริยวนากุล” และ “ตั้งมิตรประชา” มูลค่ารวมกว่า 36,424 ล้านบาท อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง กีฬาประจำชาติของแต่ละประเทศในเพื่อนบ้าน GMS

วันนี้จะพามารู้จักกีฬาประจำชาติของเฮาและเพื่อนบ้านเฮาเด้อ   ไทย : มวยไทย เป็นศิลปะการต่อสู้และกีฬาประจำชาติของประเทศไทยที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 700 ปี เป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่โดดเด่นด้วยการใช้อวัยวะทั้ง 8 ได้แก่ หมัด ศอก เข่า และเท้า ซึ่งเรียกกันว่า “ศาสตร์แห่งอาวุธทั้งแปด”   2.ลาว : ลูกข่าง เป็นกีฬาพื้นบ้านดั้งเดิมของประเทศลาวที่มีลักษณะการละเล่นสนุกสนาน นิยมเล่นกันในหมู่เด็กและผู้ใหญ่ในชนบทของลาว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือเวลาว่าง ถือเป็นกิจกรรมที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนและสะท้อนถึงความเรียบง่ายและความผูกพันกับวิถีชีวิตพื้นบ้านของชาวลาว   3.เวียดนาม : โววีนัม เป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของประเทศเวียดนาม ก่อตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษ 1930 โดยอาจารย์เหงียน ลก ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมการป้องกันตัวและความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจของคนเวียดนาม มีจุดมุ่งหมายเพื่อผสมผสานทักษะการต่อสู้กับคุณธรรมความเป็นมนุษย์   4.เมียนมาร์ : ชินลง หรือ “ชินโลน” เป็นศิลปะแบบดั่งเดิมหรือกีฬาโบราณ ที่มีมานานกว่า 1,500 ปี ของประเทศพม่า เป็นการผสมผสานกันระหว่างกีฬากับการเต้นรำ เล่นกันเป็นทีมไม่มีคู่ต่อสู้ แต่ละท่าในการเล่นต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักเพราะเป็นลีลาที่ยากมาก โดยมีตัวแกนอยู่ในวงคอยเป็นคนกำหนดทิศทางและท่ายากง่ายซึ่งทำให้คะแนนมากคล้าย ๆ ตะกร้อวงของบ้านเรา   5.กัมพูชา : กุนขแมร์ เป็นศิลปะการต่อสู้มือเปล่าดั้งเดิมของประเทศกัมพูชา มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะเด่นคือการใช้ทุกส่วนของร่างกาย เช่น หมัด ศอก เข่า และเท้า เพื่อโจมตีและป้องกันตัว คล้ายคลึงกับมวยไทยในประเทศไทย แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันในจังหวะการเคลื่อนไหวและเทคนิค

พามาเบิ่ง กีฬาประจำชาติของแต่ละประเทศในเพื่อนบ้าน GMS อ่านเพิ่มเติม »

ก้าวหน้าไก่สด จากฟาร์มคุณภาพ สู่ธุรกิจไก่เนื้ออันดับ 5 ของไทย

“ก้าวหน้าไก่สด” เป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกเนื้อไก่อย่างครบวงจรในภาคอีสาน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ด้วยกระบวนการที่ครอบคลุมตั้งแต่ฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ ฟาร์มไก่เนื้อ โรงเชือด และโรงงานผลิตไก่ปรุงสุกแช่แข็งเพื่อการส่งออก ไก่ที่เลี้ยงโดยบริษัทคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของจำนวนไก่ทั้งหมดในระบบ ช่วยให้สามารถควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทก้าวหน้าไก่สดยังสนับสนุนเกษตรกรด้วย โครงการไก่ประกันราคา โดยบริษัทจัดหาลูกไก่ให้เกษตรกรนำไปเลี้ยงจนโต และซื้อคืนเพื่อส่งเข้าสู่กระบวนการผลิต ทั้งนี้ เพื่อให้คุณภาพการเลี้ยงเป็นไปตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์ บริษัทให้การสนับสนุนด้านอาหาร เครื่องมือและอุปกรณ์การเลี้ยง อีกทั้งยังมีทีมสัตวแพทย์คอยให้คำปรึกษา ตรวจสุขภาพไก่ และเยี่ยมเยียนฟาร์มของเกษตรกรอย่างสม่ำเสมอ ด้วยแนวทางนี้ บริษัทไม่เพียงแต่ยกระดับคุณภาพสินค้า แต่ยังส่งเสริมความยั่งยืนให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ สร้างผลประโยชน์ร่วมกันทั้งต่อชุมชนและองค์กรอย่างยั่งยืน ก้าวหน้าไก่สด ดำเนินธุรกิจทั้งในตลาดภายในประเทศและการส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยในส่วนของการส่งออก ประเทศคู่ค้าหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น, อังกฤษ, และประเทศต่าง ๆ ใน สหภาพยุโรป ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าตามสั่งที่มีลักษณะเฉพาะตัว ช่วยสร้างความโดดเด่นและแตกต่างในตลาดโลก อีกทั้งยังจัดอยู่ในหมวด สินค้าพรีเมียม ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าระดับสูงได้เป็นอย่างดี สำหรับตลาดภายในประเทศ บริษัทมุ่งเน้นการจำหน่ายชิ้นส่วนไก่สด เครื่องในไก่สด รวมถึงชิ้นส่วนอื่น ๆ ของไก่ที่ไม่สามารถรับประทานได้ เช่น ขนไก่ ผ่าน เทคนิคพิเศษในการผลิต ซึ่งทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากไก่ได้ทุกชิ้นส่วนอย่างคุ้มค่าและครบถ้วน   ในปี 2566 ที่ผ่านมา แม้ว่ารายได้รวมของบริษัทก้าวหน้าไก่สดจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย สาเหตุหลักมาจากราคาของไก่ในตลาดที่ลดลง เนื่องจากปริมาณไก่ในท้องตลาดมีมาก ส่งผลให้ราคาตลาดปรับตัวลดลงตามกลไกอุปสงค์และอุปทาน อีกทั้งเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์มีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น แต่มูลค่าส่งออกลดลง เนื่องจากประเทศผู้ผลิตหลักหลายประเทศในทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปแอฟริกา และทวีปเอเชีย ประสบปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ทำ ให้มีความต้องการนำ เข้าเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์จากไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีน ขณะที่ราคาไก่เนื้อในประเทศปรับตัวลดลง ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของไทยลดลง อย่างไรก็ตาม ในด้านการบริหารจัดการภายใน บริษัทสามารถปรับปรุงการจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าปีที่ผ่านมา ด้วยการควบคุมต้นทุนในกระบวนการผลิตและการจัดการทรัพยากรที่ดี ส่งผลให้ต้นทุนรวมลดลงอย่างชัดเจน แม้ว่ารายได้จะลดลง แต่กำไรสุทธิกับปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการปรับตัวและบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทสามารถรักษาความสามารถสร้างกำไรได้ แม้ราคาไก่ในตลาดจะมีการปรับตัวลดลงก็ตาม ภาคอีสานเป็นภูมิภาคที่มีเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่มากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากสภาพพื้นที่ที่เหมาะสมและวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร โดยจังหวัดที่มีจำนวนไก่เนื้อมากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา 15 ล้านตัว บุรีรัมย์ 6.4 ล้านตัว ชัยภูมิ 5.3 ล้านตัว อุบลราชธานี 5.3 ล้านตัว ขอนแก่น 1.8 ล้านตัว จะเห็นได้ว่าจังหวัดอุบลราชธานีเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญสำหรับการเลี้ยงไก่เนื้อในประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท “ก้าวหน้าไก่สด” บริษัทไม่เพียงแต่เลี้ยงไก่เอง แต่ยังมีการร่วมมือกับเกษตรกรในพื้นที่ผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการไก่ประกันราคา ส่งผลให้เกษตรกรได้รับโอกาสสร้างรายได้ที่มั่นคง ขณะเดียวกันบริษัทก็สามารถจัดการคุณภาพของไก่ได้ตามมาตรฐาน ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่น แต่ยังเป็นประโยชน์ทั้งต่อเกษตรกรและบริษัทในระยะยาว สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาภาคการเกษตรและสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมไก่เนื้อ เมื่อพิจารณาถึงคู่แข่งสำคัญของบริษัทก้าวหน้าไก่สด พบว่า 4 อันดับแรกของบริษัทคู่แข่งที่มีรายได้สูงกว่ามักตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง โดยหากพิจารณาสัดส่วนการครองตลาดผ่านรายได้รวม บริษัทก้าวหน้าไก่สดครองส่วนแบ่งตลาดทั่วประเทศอยู่ที่ 3.33% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่สูงในอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความเข้าถึงง่าย และไม่ได้จำกัดอยู่เพียงผู้เล่นรายใหญ่ แต่ยังมีผู้ประกอบการรายเล็กจำนวนมากที่เป็นคู่แข่งซึ่งไม่อาจมองข้ามได้ สำหรับรายชื่อ 5 อันดับแรกของบริษัทที่มีรายได้สูงสุดในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อ

ก้าวหน้าไก่สด จากฟาร์มคุณภาพ สู่ธุรกิจไก่เนื้ออันดับ 5 ของไทย อ่านเพิ่มเติม »

อุดรธานีมีคนเป็นหนี้น้อยสุดในอีสานจริงหรือ?

เมื่อพูดถึงภาคอีสาน หลายคนอาจทราบดีว่าเป็นภูมิภาคที่มีปัญหาหนี้สินครัวเรือนสูงที่สุดในประเทศไทย โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้ที่ไม่สอดคล้องกับรายจ่าย รวมถึงหนี้ที่เกิดจากการทำการเกษตรซึ่งต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านสภาพอากาศ ส่งผลให้กว่า 61% ของครัวเรือนในภาคอีสานมีหนี้สิน อย่างไรก็ตาม หากลงลึกถึงข้อมูลในระดับจังหวัด จะพบว่า อุดรธานี มีสัดส่วนครัวเรือนที่เป็นหนี้ต่ำที่สุดในภาคอีสาน   อุดรธานี: หนี้สินลดลง สวนทางกับแนวโน้มภาคอีสาน ข้อมูลปี 2566 ระบุว่า 46% ของครัวเรือนในอุดรธานีมีหนี้สิน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในภาคอีสาน และยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่อยู่ที่ 48% ยิ่งไปกว่านั้น หากเปรียบเทียบกับปี 2565 จะพบว่าสัดส่วนดังกล่าวลดลงถึง 22% ซึ่งสะท้อนถึงการปรับตัวเชิงบวกของครัวเรือนในจังหวัดนี้   เมื่อพิจารณา มูลค่าหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือน พบว่าอยู่ที่ 105,266 บาท ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยภาคอีสานที่อยู่ที่ 200,540 บาท วัตถุประสงค์หลักของการกู้ยืมในอุดรธานีคือเพื่อ อุปโภคบริโภค (มากกว่า 50%) รองลงมาคือเพื่อทำการเกษตร และประกอบธุรกิจ   หนี้สินครัวเรือนอุดรฯ: ต่ำทุกระดับรายได้ เมื่อเปรียบเทียบในทุกระดับรายได้ อุดรธานีมีสัดส่วนครัวเรือนที่เป็นหนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของระดับรายได้นั้นๆของภาคอีสาน โดยมีสัดส่วนครัวเรือนที่เป็นหนี้ต่อสัดส่วนครัวเรือนในกลุ่มรายได้นั้นๆ ดังต่อไปนี้ ครัวเรือนรายได้สูง: 42% (ค่าเฉลี่ยอีสาน 64%) มูลค่าหนี้สินเฉลี่ย 212,935 บาท/ครัวเรือน ครัวเรือนรายได้ปานกลาง: 47% (ค่าเฉลี่ยอีสาน 58%) มูลค่าหนี้สินเฉลี่ย 85,911 บาท/ครัวเรือน ครัวเรือนรายได้ต่ำ: 45% (ค่าเฉลี่ยอีสาน 65%) มูลค่าหนี้สินเฉลี่ย 57,005 บาท/ครัวเรือน   ภาระหนี้ต่ำ แม้รายจ่ายสูง แม้ว่าครัวเรือนในอุดรธานีจะมี สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้สูงถึง 83% แต่กลับมีมูลค่าหนี้สินต่อรายได้เพียง 5 เท่า ซึ่งต่ำที่สุดในภาคอีสาน และยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่อยู่ที่ 7 เท่า การที่ครัวเรือนอุดรธานีสามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจสำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้สินเรื้อรังในภูมิภาคนี้   บทเรียนจากอุดรธานี: แนวทางการพัฒนาแก้หนี้อีสาน การลดลงของหนี้สินครัวเรือนของอุดรธานีไม่เพียงสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการหนี้ของคนในพื้นที่ แต่ยังชี้ให้เห็นถึงแนวทางเชิงนโยบายที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในจังหวัดอื่น ๆ ของภาคอีสาน การสนับสนุนให้ครัวเรือนสามารถบริหารรายได้และรายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างความมั่นคงด้านการเงินและลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็น จึงเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาหนี้สินในระยะยาว   อุดรธานีเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนให้เห็นว่า การจัดการหนี้สินที่ดีไม่เพียงช่วยลดภาระทางการเงินของครัวเรือน แต่ยังสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระดับจังหวัดและภูมิภาคอีกด้วย พามาเบิ่ง🤐 💸หนี้ครัวเรือนอีสานปี 2566 สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ที่มา:  สำนักงานสถิติแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย หมายเหตุ: เป็นข้อมูลในปี 2566, ครัวเรือนรายได้ปานกลางหาจากค่าเฉลี่ยของครัวเรือนกลุ่มควินไทล์ที่ 2-4, ข้อมูลเชิงสถิติอาจมีความคลาดเคลื่อนจากค่าจริง

อุดรธานีมีคนเป็นหนี้น้อยสุดในอีสานจริงหรือ? อ่านเพิ่มเติม »

หาได้ไม่พอจ่าย เเถมเสี่ยงส่งต่อหนี้เป็นมรดก เผยเหตุปัจจัยฉุดกําลังซื้อคนอีสานตํ่าสุดในประเทศ

ภาคอีสานถือเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีประชากรมากที่สุดและมีการพึ่งพาเศรษฐกิจฐานรากเป็นหลัก ทั้งด้านการเกษตร การบริโภคภายในประเทศ ข้อมูลจากธนาคารเเห่งประเทศไทย เผยดัชนีการบริโภคภาคเอกชน (Private Consumption Index : PCI) ของประเทศไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและอยู่เหนือระดับก่อนโควิด-19 แล้ว ขณะที่ การบริโภคภาคเอกชนของภูมิภาคค่อย ๆ ฟื้นตัวและยังอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนโควิด-19 โดยภาคอีสานฟื้นตัวช้ากว่าทุกภูมิภาค โดยการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 3 ในปี 2567 มีแนวโน้มหดตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า จากการใช้จ่ายสินค้า ประเภทกึ่งคงทนและคงทนที่มีแนวโน้มลดลง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคเอกชน มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง    การบริโภคภาคเอกชนมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอีสาน เป็นตัวชี้ทิศทางการอุปโภคบริโภคหรือการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ภาคธุรกิจ และรวมถึงการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งแสดงถึงกำลังซื้อโดยรวมของภาคเอกชน  หากการบริโภคลดลงย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนก็เป็นอีกภาพสะท้อนหนึ่งที่เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าคนในพื้นที่นั้นมีเงินสําหรับการจับจ่ายใช้สอยมากเเค่ไหน ดังเช่นนั้นหากจะสํารวจหรือกล่าวถึงเหตุปัจจัยที่มีผลต่อกำลังซื้อคนอีสานในช่วงที่ผ่านมาและสร้างแรงกดดันต่อการบริโภคของคนอีสาน มีความสําคัญเเละจําเป็นที่ต้องคํานึงเเละพิจารณาถึงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของภาคอีสาน    รายได้   ทราบหรือไม่ว่ากว่า  58%  ของครัวเรือนในภาคอีสานนั้นอยู่ในภาคการเกษตร เเละมีโครงสร้างของกําลังเเรงงานเเละเศรษฐกิจที่ไม่สอดคล้อง โดยมีเเรงงานอยู่ในภาคเกษตรเกินครึ่งเเต่กลับสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้เพียงเเค่  1 ใน 5 ของมูลค่าเศรษฐกิจในภูมิภาค  เเละทราบหรือไม่ว่าอาชีพเกษตกรกลับเป็นกลุ่มอาชีพที่มีคนอยากจนมากที่สุดหากใช้เส้นความยากจนเป็นเกณฆ์โดย 10.62% ของเกษตกรเป็นคนยากจน ซึ่งสูงกว่า สัดส่วนเฉลี่ยของประเทศที่ 4.54% เป็นเท่าตัว   ปัญหาความยากจนดังกล่าวมีสาเหตุมาจากรายได้การเกษตรที่ต่ำ โดยเกษตกรมีรายได้เฉลี่ยจากการเกษตรเพียง 233.61 บาท/วัน ซึ่งตํ่ากว่าค่าเเรงขั้นตํ่าของจังหวัดที่มีค่าเเรงขั้นตํ่าที่สุด ซึ่งอยู่ที่ 332  บาท/วัน นอกจากรายได้น้อยการผลิตยังมีประสิทธิภาพต่ำ จากข้อมูลขององค์การเเรงงานระหว่างประเทศ ประสิทธิภาพการผลิตของเเรงงานภาคเกษตร(รายวัน) เกษตรกรไทยผลิตได้เพียง 8.74 ดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเเละเเปซิฟิกเป็นเท่าตัว เท่ากับว่าลงเเรงมากเเต่ได้ผลน้อย    โดยระดับรายได้ของเกษตกรที่น้อยเช่นนี้มิได้เกิดจากความขี้เกียจ หรือไร้สมรรถนะของเกษตรกรไปซะทีเดียว เเต่ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก ราคาผลผลิตตํ่าเเละผันผวน เกษตกรกําหนดเองไม่ได้   เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรเน่าเสียได้ง่าย และเกษตรกรมีอำนาจต่อรองน้อยกว่าพ่อค้าคนกลาง เกษตรกรจึงมักถูกบีบให้ขายผลผลิตในราคาต่ำ เกษตรกรต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนในการทำเกษตรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น  โดยเฉพาะในครัวเรือนที่ปลูกข้าวและมันสำปะหลัง ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นน้อยกว่าต้นทุน การทําการเกษตรมีต้นทุนเเละความเสี่ยงสูง เช่น ด้านความเสี่ยงจากสภาพอากาศ โดยในภาคอีสานมีพื้นที่ชลประทานเพียงร้อยละ 7.8 ของพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด  จึงต้องพึ่งพิงน้ำฝนเป็นหลักเมื่อสภาพภูมิอากาศแปรปรวนย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิตและรายได้เกษตรกรที่จะนำไปใช้เพื่อการบริโภค  รายได้หลักที่มาจากเกษตรกรรมจึงมีความผันผวน ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศพึ่งพาฟ้าฝนเป็นหลัก ในช่วงก่อนโควิด-19 ขนาดเศรษฐกิจ (GRP) และรายได้ต่อหัวเฉลี่ย (GRP per capita) ของอีสานมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 3 และร้อยละ 4 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่รายได้ครัวเรือนเติบโตเพียงร้อยละ 1 ต่อปีเท่านั้น แสดงให้เห็นว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอีสานส่งผ่านมาที่รายได้ครัวเรือนอีสานเพียงเล็กน้อย ทำให้ครัวเรือนอีสานในปัจจุบันมีรายได้สำหรับนำไปใช้จ่ายอย่างจำกัด สะท้อนจากรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยของอีสานที่ต่ำที่สุดในประเทศเพียง 181,231 บาทต่อครัวเรือนต่อปี อีกทั้งสัดส่วนครัวเรือนที่มีรายได้ตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยในปี 2566 ในภาคอีสานที่อยู่ที่ 67 %เเทบจะไม่เปลี่ยนเเปลงไปจากอดีตเมื่อ 10 ปีก่อน  และจำนวนคนฐานะยากจนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนมากที่สุด ที่อีสานมีมากถึง 277,875 คน หรือร้อยละ

หาได้ไม่พอจ่าย เเถมเสี่ยงส่งต่อหนี้เป็นมรดก เผยเหตุปัจจัยฉุดกําลังซื้อคนอีสานตํ่าสุดในประเทศ อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🤐 💸หนี้ครัวเรือนอีสานปี 2566 สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ

พามาเบิ่งหนี้ครัวเรือนอีสานปี 2566 สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ..หนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนปี 2566 มีการปรับเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อน Covid-19 (ปี 2562) โดยหนี้ครัวเรือนของภาคอีสานในปีนี้สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ถึงแม้จะลดลงจากอันดับ 2 ในปี 2562 ก็ตาม แต่ก็ถือว่ามีการปรับเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือน.วัตถุประสงค์ในการกู้ยืม 3 อันดับแรกอุปโภคบริโภค 43.9%ทำการเกษตร 25.3%เช่า/ซื้อบ้านและที่ดิน 21.3%.อาชีพที่มีหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนสูงสุด 3 อันดับแรกลูกจ้างที่เป็นผู้จัดการ นักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงานวิชาชีพ 492,856 บาทผู้ถือครองทำการเกษตรที่เช่าที่ดิน 318,161 บาทผู้ประกอบธุรกิจของตนเอง 268,949 บาท.โดยภาคอีสานเป็นภาคที่มีจำนวนครัวเรือนที่มีหนี้สินสัดส่วนที่สูงสุดของประเทศ โดยมีสัดส่วนสูงถึง 60.8% และส่วนใหญ่เป็นการกู้ยืมเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคกว่า 43.9% สะท้อนให้เห็นว่าคนอีสานมีกำลังใช้จ่ายที่จำกัด ทำให้ต้องมีการกู้ยืมเพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้ในการอุปโภคบริโภค.และเมื่อมาดูอาชีพที่มีการกู้ยืมหนี้สินสูงที่สุดของภาคอีสาน พบว่า ลูกจ้างที่เป็นผู้จัดการ นักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงานวิชาชีพ มีการกู้ยืมเฉลี่ยสูงถึง 492,856 บาท เนื่องจากกลุ่มอาชีพนี้เป็นกลุ่มที่ได้รายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูงที่สุดในทุกอาชีพ โดยมีรายได้เฉลี่ยกว่า 53,156 บาทต่อเดือน ซึ่งทำให้มีเครดิตที่ดีในการกู้ยืม จึงทำให้กลุ่มอาชีพนี้มีการกู้ยืมที่สูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่นๆ.จึงสรุปได้ว่า หนี้สินครัวเรือนเฉลี่ยในปี 2566 นี้ มีการปรับเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงเศรษฐกิจอีสานที่ฟื้นตัวช้า รายได้ไม่พอรายจ่าย ทำให้ครัวเรือนต้องกู้ยืมเงินเพิ่มเติมเพื่อทดแทนรายได้ที่หายไป..อ้างอิงจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ.ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่https://linktr.ee/isan.insight.#ISANInsightandOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #หนี้ #หนี้ครัวเรือน #หนี้คนไทย #ดอกเบี้ย

พามาเบิ่ง🤐 💸หนี้ครัวเรือนอีสานปี 2566 สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top