Infographic

พื้นที่สีเขียวเฉลี่ยต่อคน จังหวัดใด๋หลายกว่าหมู่?

พื้นที่สีเขียวเฉลี่ยต่อคน  จังหวัดใด๋หลายกว่าหมู่?   พื้นที่สีเขียวในเขตเมืองสำคัญอย่างไร? ต้นไม้และพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองเป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดความอยู่ดีมีสุข (Well-Being) ของคนเมือง เมืองที่ดีควรมีพื้นที่สีเขียวในปริมาณที่เหมาะสม ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ยิ่งถ้าเมืองนั้นมีประชากรหนาแน่น พื้นที่สีเขียวก็จะยิ่งมีคุณค่า โดยเฉพาะต่อสุขภาวะทางกายและใจของคน รวมไปถึงคุณค่าต่อสิ่งแวดล้อมของเมืองที่ส่งผลเป็นวงกว้าง เช่น การลดอุณหภูมิความร้อน การดูดซับมลพิษทางอากาศ มลพิษทางเสียง การเป็นพื้นที่ชะลอน้ำ ระบายน้ำ เป็นต้น   โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดมาตรฐานเพื่อส่งเสริมให้เมืองต่างๆ พัฒนาและเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับจำนวนประชากรในแต่ละเมือง โดยกำหนดเอาไว้ว่า ประชาชน 1 คนควรมีพื้นที่สีเขียว 9-15 ตารางเมตร เมืองนั้นจึงถือว่าเป็นเมืองที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดี   ซึ่งประโยชน์ของพื้นที่สีเขียวมีมากมายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ด้านสุขภาพจิต ด้านสุขภาพทางร่างกาย ด้านสังคม นอกจากประโยชน์ทั้ง 3 ด้านนี้ พื้นที่สีเขียวก็ยังสร้างประโยชน์ให้แก่เมือง ทั้งการช่วยลดปัญหาฝุ่นควัน มลพิษต่างๆ ช่วยเพิ่มระดับคุณภาพทางอากาศ หรือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อีกด้วย   อีกทั้งเรายังควรอนุรักษ์รักษ์สิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น เพื่อให้มีพื้นที่สีเขียวให้คงอยู่และมีมากขึ้นต่อไปในอนาคต โดยเกิดเทรนด์ “การท่องเที่ยวสีเขียว” หนึ่งในรูปแบบการท่องเที่ยวสีเขียว คือ “การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Tourism)”   การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ หรือ Low Carbon Tourism เป็นการท่องเที่ยวที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและรบกวนสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำสามารถเป็นการท่องเที่ยวแบบง่ายๆ ตามความชอบของนักท่องเที่ยว เพียงแต่กิจกรรมการท่องเที่ยวนั้นต้องให้ความสำคัญรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการลดก๊าซคาร์บอน   ยกตัวอย่างเช่น การเลือกยานพาหนะในการเดินทาง การรับประทานอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบในท้องถิ่น การทำกิจกรรมท่องเที่ยวด้านสิ่งแวดล้อม เช่น กิจกรรมปลูกป่า ปลูกปะการัง การเก็บขยะ เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากกว่าการท่องเที่ยวแบบทั่วไป อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสให้กับกิจการที่เกี่ยวข้องกับการรักษ์โลกและเพื่อเพิ่มไอเดียในการพัฒนาธุรกิจของตนเองให้เข้ากับเทรนด์ในตอนนี้อีกด้วย   อ้างอิงจาก: สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #พื้นที่สีเขียว #พื้นที่สีเขียวต่อคน #พื้นที่สีเขียวต่อประชากร #LowCarbonTourism #การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ #บึงกาฬ #นครพนม #เลย  

พามาเบิ่ง “ยิ่งยง มินิมาร์ท” ตำนวนค้าปลีกสู่เจ้าพ่อร้านสะดวกซื้ออีสานใต้ กับวิถีการปรับตัวของห้างภูธร สร้างจุดแตกต่างในวงล้อมยักษ์ใหญ่

ย้อนหลังไปเมื่อกว่า 30 ปีก่อนหน้านี้ เส้นแบ่งระหว่าง ห้างสรรพสินค้าภูธร กับห้างในส่วนกลาง มีออกมาอย่างชัดเจน โดยมีไลฟ์สไตล์หรือพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้ง 2 กลุ่ม ที่มีความแตกต่างเป็นตัวแบ่ง และห้างในต่างจังหวัดที่เรารู้จัก จึงมีออกมาในลักษณะของการเป็นห้างของคนท้องถิ่น ไม่ว่าห้างตันตราภัณฑ์ แห่งเชียงใหม่ เจริญศรี พลาซ่า จังหวัดอุดรธานี หรือยิ่งยง จังหวัดอุบลราชธานี แต่เมื่อต่างจังหวัด มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ผู้คนมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งจากผลผลิตทางการเกษตร ราคาที่ดิน ทำให้เกิดคนชั้นกลางที่มีการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับสังคมเมืองทั่วไป ทำให้มุมมองของกลุ่มทุนค้าปลีกจากส่วนกลาง ที่มีต่อคนต่างจังหวัดเปลี่ยนไป ยิ่งความเป็น Urbanization หรือความเป็นอยู่แบบสังคมเมือง แผ่ขยายไปอย่างรวดเร็วเท่าไร ก็ยิ่งเป็นตัวที่เข้ามากวักมือเรียกให้ยักษ์ค้าปลีกเหล่านี้ เร่งขยายการลงทุนเข้าไป เพื่อรองรับกับการเติบโตดังกล่าวที่เห็นภาพชัดเจนสุดก็มี กลุ่มเซ็นทรัล Retail Conglomerate ซึ่งมีทิศทางการลงทุนที่ชัดเจน ด้วยรูปแบบของโมเดลศูนย์การค้าที่สามารถเข้าไปในทุกไซส์ของตลาด โดยมีการผสานกองทัพธุรกิจในเครือทั้งหมดเข้าเป็นแพ็ก และเดินหน้าเข้าไปลงทุนอย่างเต็มรูปแบบ แน่นอนว่า การขยายตัวทั้งหมดกลายเป็นแรงกระตุ้นให้ห้างท้องถิ่นต้องเร่งปรับตัวเพื่อหาจุดยืนที่มั่นคงให้กับตัวเอง เหมือนกับที่ห้างยิ่งยงสรรพสินค้า ห้างภูธรชื่อดังของจังหวัดอุบลราชธานี ที่วันนี้มีการแปลงร่างตัวเองจากห้าง สรรพสินค้าสู่การเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ ภายใต้แบรนด์ Y Square Food Mall (Y2 Food Mall) ซึ่งมีที่มาจาก Y 2 ตัว ซึ่งย่อมาจาก ยิ่งยง เพราะธุรกิจเดิมคือ ทำห้างยิ่งยงสรรพสินค้า คุณไพบูลย์ จงสุวัฒน์ หรือ “โกเฒ่า” เจ้าของและผู้บริหารของคอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้ กล่าวว่า “Y Square Food Mall เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการปรับตัวของผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เลือกจะเจาะตลาดด้วยการสร้างนิช มาร์เก็ตของตัวเอง โดยเลี่ยงที่จะชนกับศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ขยายมาจากส่วนกลาง” ห้างยิ่งยง คือ 1 ในผู้ประกอบการห้างท้องถิ่นเก่าแก่ของภูธรในจังหวัดอุบลราชธานี เปิดตัวครั้งแรกในปี 2527 มีจุดกำเนิดที่แทบจะไม่แตกต่างจากห้างต่างจังหวัด คือเป็นร้าน “เซ็นเตอร์” ที่ขายเสื้อผ้า กางเกงยีนส์มาก่อนที่จะขยับขยายมาเปิดห้างเมื่อกิจการเติบโตขึ้น ห้างท้องถิ่นรายนี้ถูกดึงเข้ามาร่วมทุนกับกลุ่มเซ็นทรัลในปี 2538 ที่ในตอนนั้น เซ็นทรัลได้ร่วมทุนกับโรบินสัน พร้อมกับขยายสาขาของโรบินสันออกไปในต่างจังหวัด ส่วนหนึ่งจะมีการดึงเอาห้างท้องถิ่นมาร่วมทุนด้วย เพื่อให้ง่ายต่อการทำตลาด การร่วมทุนกับกลุ่มทุนจากส่วนกลางดูเหมือนจะดี เพราะแทนที่จะแข่งกับเขา ก็หันมาเป็นพันธมิตรร่วมกันทำตลาดแทน แต่เมื่อกลุ่มเซ็นทรัลเข้าไปลงทุนเปิดศูนย์การค้าเองพร้อมนำโรบินสันเข้าไปเป็นแมกเน็ตหนึ่งในศูนย์ สาขาที่ร่วมทุนกับยิ่งยงจึงต้องปิดตัวลง แต่สัญญาที่เซ็นกันยังเหลือ ซึ่งถ้าไม่ทำต่อก็ต้องปิดตัวลง นั่นหมายถึงเป็นการปิดตำนานของห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของจังหวัดอุบลราชธานีด้วย เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ “โกเฒ่า” ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 2 ต้องกลับมาลงทุนปลุกตำนานที่มีชีวิตนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง “โกเฒ่า” ยังกล่าวอีกว่า คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่นี้ จะเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในจังหวัดอุบลราชธานี โดยจะมีร้านอาหารชื่อดังของจังหวัดอุบลราชธานี และจากส่วนกลางเข้ามาเปิดในศูนย์ อาทิ ร้านอินโดจีน เป็นร้านอาหารเวียดนามชื่อดังของอุบล ร้าน Y-Space ที่ประกอบด้วย 4 ร้านย่อย คือ U-bao, Summer Spoon, Rocky และ Trocadero ร้านยำนัว …

พามาเบิ่ง “ยิ่งยง มินิมาร์ท” ตำนวนค้าปลีกสู่เจ้าพ่อร้านสะดวกซื้ออีสานใต้ กับวิถีการปรับตัวของห้างภูธร สร้างจุดแตกต่างในวงล้อมยักษ์ใหญ่ อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง เส้นทาง “สหเรือง” อาณาจักรโรงงานน้ำตาล ระดับหลายพันล้านในภาคอีสาน

บริษัท สหเรือง จำกัด ได้จดทะเบียนก่อตั้งกับกระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี พ.ศ.2506 ด้วยทุนจดทะเบียนครั้งแรก 2,200,000.00 ( สอง ล้านสองแสนบาทถ้วน) ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมประเภทโรงน้ำตาล ที่มีขนาดกำลังผลิต หีบอ้อย วันละ 1,802 ตัน และมีโรงงานเดิมตั้งอยู่เลขที่ 31/35 ถนนชยางกูร อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร (ขณะนั้น เป็น ต.นิคมคำสร้อย อ.มุกดาหาร จ.นครพนม) ต่อมาได้มีการก่อตั้งและขยายโรงงานฯ แห่งใหม่ เนื่องจากอ้อยมีปริมาณเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี สถานที่ตั้งคับแคบและมีปัญหาเรื่องแหล่งน้ำ จนไม่สามารถที่จะหีบอ้อยได้หมด บริษัทฯ จึงขออนุญาติย้ายและขยายกำลังการผลิต จาก 1,802 ตันต่อวัน มาเป็น 5,992 ตันต่อวัน โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในปี พ.ศ.2533 และทำการย้ายโรงงานจากที่เดิม มาตั้งใหม่ และขยายกำลังผลิตเพิ่ม มาเป็น 5,992 ตัน/วัน สถานที่ตั้งโรงงานในปัจจุบัน โรงงานตั้งอยู่ที่เลขที่ 76 หมู่ 8 บ.ป่าหวาย ต.บางทรายใหญ่ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ปัจจุบันโรงงานมีกำลังผลิต ตามใบอนุญาต 5,992 ตัน/วัน และจะทำการหีบอ้อยในแต่ละฤดู ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนมีนาคม ของปีต่อไป รวมเวลาหีบอ้อยประมาณ 120-150 วัน ทำการหีบอ้อยคิดเป็นปริมาณประมาณ 600,000 ตันของอ้อยที่ป้อนเข้าโรงงาน โดยอ้อยที่ป้อนเข้าโรงงานประมาณร้อยละ 80 เป็นอ้อยที่ปลูกในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ส่วนที่เหลือ จะกระจายอยู่ในพื้นที่รอยต่อจังหวัดใกล้เคียง เช่น จ.นครพนม อำนาจเจริญ อุบลราชธานี เป็นต้น อ้างอิงจาก: http://www.saharuang.com/ https://data.creden.co/company/general/0345506000011 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #สหเรือง #โรงงานน้ำตาล #มุกดาหาร #น้ำตาล #อ้อย #ธุรกิจพันล้าน

คนอีสาน ดื่มแอลกอฮอล์ หลายปานใด๋?

คนอีสาน ดื่มแอลกอฮอล์ หลายปานใด๋?   จากการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ในปี พ.ศ. 2564 ประชากรไทยอายุตั้งแต่ 15 ปี ขึ้นไป มีอัตราการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ จำนวน 15.96 ล้านคน หรือคิดเป็น 28%    พบว่า ผู้หญิงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 10.6% ในปี 2560 เป็น 10.8% ในปี 2564  ในขณะที่ผู้ชายมีอัตราการดื่มฯ ลดลงจาก 47.5% ในปี 2560 เป็น 46.4% ในปี 2564   เมื่อสำรวจปัจจัยการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศพบว่า มีผู้ผลิตรายใหญ่เข้าครอบครองส่วนแบ่งในตลาด เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนสูงและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย อีกทั้งกฎระเบียบและมาตรฐานโรงงานผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงเป็นอุปสรรคในการเข้าสู่อุตสาหกรรมของผู้ประกอบการ SME    โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ปัจจัยส่วนบุคคล ด้านครอบครัว และด้านสภาพแวดล้อม อีกทั้งยังมีวัตถุประสงค์ในการดื่มเกี่ยวข้องด้วย มักเกิดจากการดื่มเพื่อลดความเครียดหรือเพื่อหลีกหนีจากปัญหา หรือเพื่อเข้าสังคม   ภาคอีสานอยู่ที่ 32% ถือว่ามีสัดส่วนนักดื่มอยู่ที่อันดับที่ 2 ของประเทศเลยทีเดียว คาดว่า ส่วนหนึ่งเกิดมาจากสภาพสังคมส่วนใหญ่ในภาคอีสานมีจำนวนผู้ใช้แรงงานสูง ซึ่งมีอาจส่งผลให้ดื่มเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าหรือเพื่อสังสรรค์หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาการทำงาน อีกทั้งยังมีการจัดงานรื่นเริงและสังสรรค์บ่อยครั้ง   อ้างอิงจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ดื่มแอลกอฮอล์ #สถิติการดื่มแอลกอฮอล์ #อัตราการดื่มแอลกอฮอลล์ 

ชวนเบิ่ง อาณาจักรมันสำปะหลัง “สงวนวงษ์อุตสาหกรรม” ระดับพันล้าน

คุณทศพล-คุณวลีพร ตันติวงษ์ เป็นผู้บุกเบิก ผลิตมันอัดเม็ด แป้งมัน ซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยได้ขยายกิจการเจริญก้าวหน้าของการผลิตแป้งมันและมันอัดเม็ดส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งเอเชียและยุโรป ทำให้เกษตรกรตื่นตัวปลูกมันสำปะหลังกันเกือบทั้งจังหวัด ไม่เพียงแต่ผลิตผลทางด้านการผลิตแป้งมันแล้ว กากมันที่เหลือเคยนำไปใช้อย่างอื่นเป็นอาหารสัตว์ แต่วันนี้โรงงานสงวนวงษ์ นำกากแป้งมันมาใช้ต่อเพื่อนำไปใช้ประโยชน์เอากากไปบ่มเป็นไบโอแก๊ส จนเกิดเป็นแก๊สมีเทนขึ้นมา หลังจากนั้นก็นำแก๊สดังกล่าวไปใช้เป็นพลังงานปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อนำไปจ่ายเป็นไฟฟ้าใช้กันในโรงงาน แล้วกากที่เหลือสุดท้ายก็กลายเป็นปุ๋ย เอ็น พี เค (N P K) มีเนื้อปุ๋ยที่ได้มาอย่างพิเศษมาใช้เป็นปุ๋ย มันสำปะหลังหรือต้นไม้ได้ทุกชนิด เพราะมันสำปะหลังใช้ได้ทุกส่วนของต้น บริษัท สงวนวงษ์ พยายามดึงแป้งในหัวมันให้มากสุด จนถึงกากออกให้มาก เพื่อสร้างความยั่งยืนในธุรกิจมันสำปะหลัง โดยเน้นไปถึง “ต้นน้ำ” จากชาวไร่ ได้ราคาดี หัวเชื้อแป้งสูง มีเครื่องจักรทันสมัย ใช้สารชีวภัณฑ์ ใช้โดรนบินสำรวจ ปราบศัตรูพืช เดิมทีโรงงานเก่าที่ผลิตมันอัดเม็ดและแป้งมัน ซึ่งโรงงานนี้มีพนักงานราว 800 คน ปริมาณรับหัวมันสดที่รับเข้ามาวันละเฉลี่ย 4,000-5,000 ตัน เพื่อผลิตแป้งมันและมันอัดเม็ดของธุรกิจที่ทำอยู่แล้ว เมื่อผลิตแล้วกากมันนำมาใช้ประโยชน์ จากนั้นกากมันสำปะหลังจะถูกถ่ายเทไปที่โรงบ่มแก๊ส ซึ่งลำเลียงลงไปที่บ่อหมัก เป็นการใช้กากมันเหลือมาเข้าบ่อบ่มไบโอแก๊สจนเป็นแก๊สบีเทน เพื่อไปสร้างเป็นพลังงาน กลายเป็นกระแสไฟฟ้า เพื่อส่งไปที่โรงไฟฟ้าที่เตรียมไว้แล้ว เป็นการประหยัดค่าไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมมันสำปะหลังและที่พัก เป็นไฮเทค ผลผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า ส่วนกากสุดท้ายที่เหลือนั้น เป็นการนำไปใช้เป็นปุ๋ย N P K มากที่สุด เป็นประโยชน์กับต้นไม้ทุกชนิด เนื้อปุ๋ยของเอ็น พี เค อ้างอิงจาก: https://www.technologychaoban.com/bullet…/article_209653 https://data.creden.co/company/general/0305517000077 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจมันสำปะหลัง #มันสำปะหลัง #นครราชสีมา #งวนวงษ์อุตสาหกรรม #โรงงานมันสำปะหลัง

เป็นจั่งใด๋ ? ค่าใช้จ่ายครัวเรือน เดือนตุลาคม 2565

เป็นจั่งใด๋ ? ค่าใช้จ่ายครัวเรือน เดือนตุลาคม 2565    อ้างอิงจาก: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) https://www.price.moc.go.th/price/fileuploader/file_cpi/Cpi_tg.pdf?fbclid=IwAR0hBxR0NCj7NAhd11qIi0iLJVkMN4fVb_0uIJQisg6zElih_DUUnAgjacc    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ค่าใช้จ่ายครัวเรือน  

เงินเฟ้อภาคอีสาน 5.92% องค์ประกอบอิหยังเพิ่มขึ้นหลายที่สุด ?

เงินเฟ้อภาคอีสาน 5.92%  องค์ประกอบอิหยังเพิ่มขึ้นหลายที่สุด ?   สถานการณ์ “เงินเฟ้อ” ประจำเดือน ตุลาคม 2565 สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) แถลงข้อมูลการปรับตัวลดลงของเงินเฟ้อถึง 5.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (ต.ค. 64)   ดัชนีราคาผู้บริโภคจำแนกรายภาค พบว่า มีการขยายตัวสูงสุด คือ กรุงเทพฯและปริมณฑล 6.19%  รองลงมาเป็น ภาคกลาง 5.94%   ในส่วน ภาคเหนือ อยู่ที่ 5.93% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่ำกว่าภูมิภาคอื่น ๆ อยู่ที่ 5.92% และภาคใต้ 5.82% มีอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำที่สุด    เมื่อพิจารณาเป็นรายสินค้า พบว่า สินค้าสำคัญที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นในทุกภาค ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง และอาหารกลางวัน (ข้าวราดแกง) และกับข้าวสำเร็จรูป ส้าหรับสินค้าสำคัญที่ราคาลดลงในทุกภาคได้แก่ ผักกาดขาว ชิง และผักชี เป็นต้น   แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายน ปี 2565   คาดว่าจะชะลอตัว ตามราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จ้าเป็นต่อการครองชีพหลายรายการที่ชะลอตัวลง และบางรายการราคาทรงตัวแม้ว่าต้นทุนจะสูงขึ้น เนื่องจากมาตรการดูแลค่าครองชีพของภาครัฐ สถานการณ์น้้าท่วมในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย    ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าเกษตรเข้าสู่ตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อของไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงจากราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดิบที่อุปทานยังตึงตัว อุปสงค์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น จากการส่งออก การท่องเที่ยว และราคาสินค้าเกษตรสำคัญที่ยังอยู่ในระดับดี รวมถึงเงินบาทที่ยังอ่อนค่า ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป   ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2565 อยู่ที่ระหว่างร้อยละ 5.5 – 6.5 (ค่ากลางร้อยละ 6.0) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของไทย   อ้างอิงจาก: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)  กระทรวงพาณิชย์   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #เงินเฟ้อ #ดัชนีราคาผู้บริโภค #เงินเฟ้อเดือนตุลาคม

พาซอมเบิ่ง “ไพรัชโฮมเดคคอร์” อาณาจักรกระเบื้อง สุขภัณฑ์ ห้องน้ำ และห้องครัว รายใหญ่ในภาคอีสาน

เส้นทางของไพรัชโฮมเดคคอร์ เมื่อปี 2526 ก่อตั้งไพรัชเคหภัณฑ์ที่บริเวณ ถ.หลังเมือง โดยเริ่มก่อสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง เริ่มต้นได้รับแต่งตั้งเป็น “ตัวแทนจำหน่ายรหัส 4” ของเครือซีเมนต์ไทย คือตัวแทนเฉพาะสินค้ากระเบื้อง เซรามิค ภายใต้แบรนด์ COTTO ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 ย้ายที่ตั้งมาอยู่ที่สามแยก ถ.หน้าเมือง ตัดกับ ถ.รื่นจิตร โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ตัวแทนจำหน่ายรหัส 1” ของเครือซีเมนต์ไทย คือตัวแทนจำหน่ายสินค้าทุกชนิดของเครือซีเมนต์ไทย หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2538 เปิดคลังสินค้าบริเวณ ถ.หน้าเมือง เลยวัดหนองแวงมา 1.5 กิโลเมตร ก่อนถึงทางเลี่ยงเมืองติดกับบริษัทเสริมสุข (PEPSI) และเริ่มก่อสร้างสำนักงานใหญ่ของห้าง และในปี 2541 ได้เปิด Cementhai Homemart ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของห้าง และได้เปิดโชว์รูปกระเบื้องและสุขภัณฑ์ COTTO ที่สาขา ถ.หน้าเมือง จ.ขอนแก่น จากประสบการณ์อันยาวนานทางด้านกระเบื้อง สุขภัณฑ์ ห้องน้ำ และห้องครัว ทำให้ในวันนี้ “ไพรัชโฮมเคดคอร์” กลายเป็นศูนย์รวมกระเบื้อง สุขภัณฑ์ ห้องน้ำ ห้องครัว ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน มีกระเบื้องให้เลือกมากมายนับพันแบบ อีกทั้งการตกแต่งภายในที่ทันสมัยที่มีแอร์เย็นสบาย และยังมีตัวอย่างห้องโชว์กว่า 50 ห้อง จึงทำให้ไพรัชเป็นผู้นำทางด้านกระเบื้อง สุดท้ายนี้ ไพรัชโฮมเดคคอร์ไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนามาตรฐานโชว์รูม และการบริการ เพื่อให้สมกับคำว่า “ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกระเบื้อง” ของจังหวัดขอนแก่น อ้างอิงจาก: https://data.creden.co/company/general/0405547001101 https://prhomedecor.co.th/%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0…/ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจกระเบื้อง #สุขภัณฑ์ #ห้องน้ำ #ห้องครัว #ขอนแก่น #ไพรัชโฮม #ไพรัชโฮมเรคคอร์

ไตรมาส 3 (เดือนกรกฎาคม – กันยายน) มีการจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ หลายขึ้นปานใด๋ ?

ไตรมาส 3  (เดือนกรกฎาคม – กันยายน) มีการจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ หลายขึ้นปานใด๋ ?   5 อันดับจังหวัดที่มีนิติบุคคลที่จัดตั้งใหม่สูงสุด อันดับที่ 1    นครราชสีมา       409 ราย     ทุนจดทะเบียน 704.4   ล้านบาท อันดับที่ 2    ขอนแก่น             354 ราย     ทุนจดทะเบียน 547      ล้านบาท อันดับที่ 3    อุดรธานี              219 ราย     ทุนจดทะเบียน 301.1   ล้านบาท อันดับที่ 4    อุบลราชธานี       214 ราย     ทุนจดทะเบียน 987.1   ล้านบาท  อันดับที่ 5    ร้อยเอ็ด               126 ราย     ทุนจดทะเบียน 190.7   ล้านบาท   ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยภาพรวมเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาส 3 ว่า มีการปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ทยอยฟื้นตัว    แต่จากความผันผวนและไม่มั่นคงของสถานการณเศรษฐกิจโลก ทั้งในรูปของสถานการณ์เงินเฟ้อ รวมถึง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งจาก FED ส่งผลให้การลงทุนในอีสานมีแนวโน้มที่หดตัว และถึงแม้ จำนวนการจัดตั้งนิติบุคคลใหม่และดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจะปรับสูงขึ้น แต่ยังเพิ่มขึ้นในระดับที่ต่ำ   อ้างอิงจาก :  กรมพัฒนาธุรกิจการค้า    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #นิติบุคคลที่จัดตั้งใหม่  

พาซอมเบิ่ง “อีสานพิมานกรุ๊ป” ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ระดับร้อยล้านในภาคอีสาน

อีสานพิมานกรุ๊ป ดำเนินธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 35 ปี โดยสร้างผลงานกว่า 89 โครงการ สร้างชื่อเสียงจนประสบความสำเร็จกับยอดขายบ้านและที่อยู่อาศัยกว่า 8,000 ยูนิต ทั้งในจังหวัดขอนแก่นและต่างจังหวัด เช่น อุดรธานี ร้อยเอ็ด และลำพูน ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม จนขึ้นแท่นเป็นบริษัทอสังหาฯอันดับต้นของขอนแก่น ภายใต้การบริหารงานของคุณชาญณรงค์ บุริสตระกูล กรรมการผู้จัดการบริษัท อีสานพิมานกรุ๊ป จำกัด และนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดขอนแก่น ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 อีสานพิมานกรุ๊ปเตรียมเปิดพรีเซล (presale) 4 โครงการอสังหาริมทรัพย์ รวมมูลค่าลงทุนกว่า 407 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการโคะอิ ศิลา 68 ยูนิต มูลค่าลงทุน 181 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮม 7 หลัง บ้านแฝด 16 หลัง และบ้านเดี่ยว 45 หลัง อยู่ติด ถ.เลี่ยงเมือง ทางทิศเหนือของจังหวัดขอนแก่น (ขอนแก่น-กาฬสินธุ์) 2.โครงการศิลาวิลเลจ เป็นบ้านแฝดทั้งหมด 50 ยูนิต มูลค่าการลงทุน 73 ล้านบาท อยู่ที่ ถ.เลี่ยงเมือง ทางทิศเหนือของจังหวัดขอนแก่น (ขอนแก่น-กาฬสินธุ์) 3.โครงการ COSI Condo มูลค่าการลงทุน 72 ล้านบาท รวม 79 ยูนิต อยู่ติด Lotus Extra (ถ.โนนม่วง-มข.) 4.โครงการคอนโดฯ Jompon Wellness Community มูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 80 ล้านบาท อยู่ติดบึงทุ่งสร้างขอนแก่น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็นกลุ่มย่อย ๆ มากขึ้น มีความคาดหวังมากขึ้นทั้งคุณภาพและการบริการ รวมถึงมีความกล้าจ่ายมากขึ้น แต่หลายรายไม่สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ ซึ่งบริษัทมีการศึกษาโครงการเรื่อย ๆ โดยพยายามลงทุนตามความต้องการภายในพื้นที่ รวมถึงมุ่งเน้นการเชื่อมโยงให้เป็นคอมมิวนิตี้หรือเป็นมิกซ์ยูส เช่น มีร้านค้าให้เช่า เป็นต้น ซึ่งจะพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน อีกทั้งเชื่อมกับโครงสร้างพื้นฐานของเมือง ระบบขนส่ง ระบบดิจิทัล และเทคโนโลยี เช่น การพัฒนาเพื่อรองรับกลุ่มฟรีแลนซ์ ที่ทำงานอยู่ที่บ้าน คุณชาญณรงค์ ฉายภาพรวมอสังหาฯในขอนแก่นว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมาค่อนข้างชะลอตัว เนื่องจากมีการลงทุนโครงการ ค่อนข้างมาก ประกอบกับธนาคารมีความระมัดระวัง เข้มงวดในการปล่อยกู้ยากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการในจังหวัดขอนแก่นก็ระมัดระวัง แต่สำหรับปัจจุบันเริ่มเห็นภาพ การลงทุนใหม่ ๆ ทั้งบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม และทาวน์โฮม มีการซื้อที่ดินใหม่ ซึ่งบ้านที่ขายดียังคงเป็นบ้านเดี่ยว ราคาประมาณ 3-4 …

พาซอมเบิ่ง “อีสานพิมานกรุ๊ป” ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ระดับร้อยล้านในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top