Infographic

ISAN Insight & Outlook สิพามาเจาะลึก ประวัติ ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์

ISAN Insight & Outlook สิพามาเจาะลึก ประวัติ ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์   “ เมืองฟ้าแดดสงยาง โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมผู้ไทย ผ้าไหมแพรวา  ผาเสวยภูพาน มหาธารลำปาว  ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี ”   แพรวา หรือ ผ้าไหมแพรวาเป็นผ้าทอมืออันเป็นการทอผ้าแพรวามีมาพร้อมกับวัฒนธรรมของชาวภูไท ซึ่งเป็นชนกลุ่มหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดในบริเวณแคว้นสิบสองจุไทย (ดินแดนส่วนเหนือของลาว และ เวียดนาม ซึ่งติดต่อกับดินแดนภาคใต้ของจีน) อพยพเคลื่อนย้ายผ่านเวียดนาม ลาว แล้วข้ามฝั่งแม่น้ำโขงเข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่แถบเทือกเขาภูพานทางภาคอีสานของไทย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร สกลนคร โดยยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อ การแต่งกาย และการทอผ้าไหมที่มีภูมิปัญญาในการทอด้วยการเก็บลายจากการเก็บขิด และการจก ที่มีลวดลายโดดเด่น ที่มีภูมิปัญญาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก บรรพบุรุษและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ผ้าแพรวาจึงเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มชนที่สืบเชื้อสายมาจาก กลุ่มภูไท   ผ้าแพรวามีความหมายรวมกันว่า ผ้าทอเป็นผืนที่มีขนาดความยาว 1 วา หรือ 1 ช่วงแขน ใช้สำหรับคลุมไหล่หรือห่มสไบเฉียงที่เรียกว่าผ้าเบี่ยงของชาวผู้ไทย ซึ่งใช้ในโอกาสที่มีงานเทศกาลบุญประเพณีหรืองานสำคัญอื่นๆ โดยประเพณีทางวัฒนธรรมของหญิงสาวชาวภูไทจะต้องยึดถือปฏิบัติคือ จะต้องตัดเย็บผ้าทอ 3 อย่างคือ เสื้อดำ ตำแพร (หมายถึงการทอผ้าแพรวา) ซิ่นไหม ผ้าแพรวานิยมทอด้วยไหมทั้งผืน มีสีสัน ลวดลาย ที่หลากหลายนับเป็นผ้าไทยอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมสูง ในหมู่ผู้นิยมผ้าไทยทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะที่บ้านโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีการทอผ้าไหมแพรวาที่งดงามและมีชื่อเสียง ผ้าแพรวาได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากโครงการศูนย์ศิลปาชีพพิเศษในสมเด็จ พระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมพสกนิกรชาวอำเภอคำม่วง เมื่อปี พ.ศ. 2520 ได้ทอดพระเนตรเห็นชาวภูไท บ้านโพน แต่งตัวโดยใช้ผ้าแพรวาห่มตามแบบสไบเฉียง หรือเรียกว่า ผ้าเบี่ยง ได้ทรงสนพระทัยมากจึงโปรดให้มีการสนับสนุน และได้มีพระราชดำริให้ขยายหน้าผ้าให้กว้างขึ้น เพื่อที่จะได้นำไปใช้เป็นผ้าผืนสำหรับตัดเสื้อผ้าได้ อีกทั้งพัฒนาลวดลายให้เหมาะสมตามความต้องการของตลาด การพัฒนาการทอผ้าแพรวาเกิดขึ้นเพราะพระบารมีของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถที่ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นความงาม และคุณค่าแห่งศิลปะชิ้นนี้ในครั้งนั้น   – ลวดลายและกรรมวิธีการทอ ลวดลายผ้าแพรวานับเป็นผ้ามรดกของครอบครัว โดยในแต่ละครัวเรือน จะมี ผ้าแซ่ว ซึ่งเป็นผ้าไหมส่วนใหญ่ทอพื้นสีขาว ขนาดประมาณ 25 x 30 เซนติเมตร มีลวดลายต่าง ๆ เป็นต้นแบบลายดั้งเดิมแต่โบราณที่ทอไว้บนในผืนผ้าเป็นแม่แบบดั้งเดิมที่สืบต่อมาจากบรรพบุรุษ บนผ้าแซ่วผืนหนึ่งๆมีอาจลวดลายมากถึงประมาณกว่าร้อยลาย การทอผ้าจะดูลวดลายจากต้นแบบในผ้าแซ่วโดยจะจัดวางลายใดตรงส่วนไหน หรือให้สีใดขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ทอ เกิดเป็นเอกลักษณ์ของผ้าแพรวาจากการวางองค์ประกอบของลวดลายต้นแบบและการให้สีสรรของผู้ทอ ลวดลายของแพรวามีลักษณะคล้ายคลึงกับลายขิดอีสาน แตกต่างกันอยู่บ้างที่ ความหลากหลายของสีสันในแต่ละลวดลาย แต่มีลักษณะรวมกันคือ ลายหลักมักเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของลายผ้า ส่วนสีสันบนผ้าแพรวาแต่เดิมนิยมพื้นสีแดงคล้ำย้อมด้วยครั่ง มีลายจกสีเหลือง สีน้ำเงิน สีขาว และสีเขียวเข้มกระจายทั้งผืนผ้าสอดสลับในแต่ละลายแต่ละแถว   ส่วนประกอบของผ้าแพรวา ผ้าแพรวา เป็นผ้าทอจากเส้นใยไหม ที่มีลักษณะลวดลายผสมกันระหว่างลายขิดและจกบนผืนผ้า ในกระบวนการขิดจะใช้วิธีเก็บลายขิดบนผ้าพื้นเรียบโดยใช้ไม้เก็บขิด คัดเก็บขิดยกลายโดยต้องนับจำนวนเส้นไหมแล้วใช้ไม้ลายขิดสานเป็นลายเก็บไว้ ในการทอเก็บลายจะแบ่งเป็นช่วง แต่ละช่วงเก็บลายไม่เหมือนกัน …

ISAN Insight & Outlook สิพามาเจาะลึก ประวัติ ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ อ่านเพิ่มเติม »

ม่วนคัก ! ปีแห่ง Music Concert Economy ในอีสาน   เมื่อคอนเสิร์ต กลายเป็นแหล่งทำเงินสร้างมูลค่า

ม่วนคัก ! ปีแห่ง Music Concert Economy ในอีสาน   เมื่อคอนเสิร์ต กลายเป็นแหล่งทำเงินสร้างมูลค่า   ในอีก 4 ปีข้างหน้ามีการคาดการณ์ว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมอิเวนต์ด้านดนตรี จะเติบโตและสร้างมูลค่าสูงถึง 1.26 ล้านล้านบาท โดยอิเวนต์ด้านดนตรีอย่าง ‘ทัวร์คอนเสิร์ต’ กลายเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่ทรงพลังและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับโลกอย่างมหาศาล ซึ่งในปี 2023 มีมูลค่าโดยรวมสูงถึง 1.17 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว   การจัดทัวร์คอนเสิร์ต ทำให้เกิดรายได้ทั้งจากการขายบัตร สินค้าที่ระลึก บริการร้านอาหาร ที่พัก ระบบขนส่งมวลชน รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ ซึ่งเป็นการดึงดูดให้ผู้ชมจากทั่วประเทศ ไปจนถึงต่างประเทศอีกด้วย ที่ได้ชมคอนเสิร์ตของศิลปินที่ชื่นชอบจากสถานที่ที่ตนสามารถเดินทางไปได้ และทำให้เกิดรายได้และมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลตามมา   โดยภาคอีสานปีนี้ถือว่าเป็นปีแห่งคอนเสิร์ตเลยก็ว่าได้ ภาคอีสานถือเป็นตัวเลือกอีกทางหนึ่งที่ผู้จัดสนใจที่จะมาเยือนภาคอีสาน โดยเริ่มจากปีที่แล้วที่ คอนเสิร์ต Big mountain ที่จัดที่ จ.นครราชสีมา อยู่แล้ว ยังตีตลาดเอาใจสายม่วน โดยการเชิญหมอลำระเบียบวาทะศิลป์อีกด้วย    อีกทั้งจังหวัดขอนแก่น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดในประเทศไทยที่มีศักยภาพมาก ในการจัดคอนเสิร์ต เนื่องจากมี KICE ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ขอนแก่น ที่สามารถคว้าคิวศิลปินระดับโลก และศิลปินดังระดับประเทศ มารวมอยู่บนเวทีเดียวกันได้ และเป็นสถานที่จัดหลักเลยทีเดียว ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก อาจส่งผมให้พัฒนาด้านโลจิสติกต์เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางมาชมคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ สอดคล้องกับความตั้งใจของทีมผู้จัดงานคอนเสิร์ตที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และพื้นที่ทุกภาคส่วนในภาคอีสาน เมื่อกรุงเทพมหานครจัดคอนเสิร์ตได้ ขอนแก่นก็สามารถจัดคอนเสิร์ตได้เช่นกัน   ไหนใครอยากไปคอนเสิร์ต หรือเคยไปดูเทศกาลดนตรีในอีสานที่ไหนกันอีกบ้าง ??  comment กันได้เลยค่า    อ้างอิงจาก:  ฐานเศรษฐกิจ, brandage, brandthink, fungjai, kice, mellowpop   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/  Website : https://isaninsight.kku.ac.th  Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #ขอนแก่น #เขาใหญ่ #Bigmountain #เฉียงเหนือเฟส #CATEXPOขอนแก่น #PainttheTownConcert #MARKTUAN #SoundkaenMusicFestival #YAMS

เมื่อพูดถึงภาคอีสาน นึกถึงอิหยังแหน่ ?  Soft Power อีสานสไตล์ ที่ใคร ๆ บ้ควรมองข้าม

เมื่อพูดถึงภาคอีสาน นึกถึงอิหยังแหน่ ?  Soft Power อีสานสไตล์ ที่ใคร ๆ บ้ควรมองข้าม   อีสานทุกวันนี้ เป็น Soft Power ได้ในระดับโลก ในปัจจุบันที่ทุกประเทศหันมาแข่งขันกันสร้างพลังอ่อน หรือ Soft Power  ถ้า soft power ของเกาหลีคือซีรีย์ ภาพยนตร์และเพลง K-Pop สหรัฐฯ อเมริกามีภาพยนตร์และเพลง ญี่ปุ่นมีอนิเมะและมังงะ ส่วนประเทศไทย นอกจากมวย วิชานวด ก็มี ‘ความอีสาน’ นี่แหละที่เป็นอีก Soft Power น่าสนใจของประเทศ ทั้งในแง่ศิลปะวัฒนธรรม ภาษาถิ่นและวิถีชีวิต เพราะทุกวันนี้ภาคอีสานของไทยได้รับการยอมรับในระดับโลก ทั้งอาหารจานเด็ดอย่างส้มตำและลาบ ที่แม้แต่เชฟระดับโลกพยายามปรับปรุงสูตรอย่างไร ก็ดูไม่แซ่บเท่าชาวอีสานตำเอง   วัฒนธรรมดนตรี และการทอผ้าทั้งผ้าไหมมัดหมี่ยกดอก ผ้ากาบบัว หรือที่โด่งดังไปทั่วโลกล่าสุด และอีกมากมายที่ทุก ๆ ท้องถิ่นของอีสานมีเทคนิคและงานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะมีอะไรกันอีกบ้าง มาดูกันเลยค่า ~   อ้างอิงจาก:  GDH559, Agenda, trueid, Youtube, Creative Economic Agency, BangkokPost, PositioningMag, Brandinside, BLTbangkok, Springnews    ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/   Website : https://isaninsight.kku.ac.th   Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #SoftPower 

พามาฮู้จัก “BEARHOUSE” ชานมไข่มุกที่กำลังรุกตลาดอีสาน

BEARHOUSE คือ ร้านชานมไข่มุกเปิดใหม่ย่านสยามสแควร์ของยูทูบเบอร์ชื่อดังเจ้าของแชนเนล Bearhug อย่าง คุณซาน–ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช และ คุณกานต์–อรรถกร รัตนารมย์ โดยจุดเด่นของร้านอยู่ที่ไข่มุกโมจิเคี้ยวหนึบหนับที่เขาและเธอคิดสูตรและผลิตขึ้นโดยมีแป้งข้าวไทยเป็นส่วนประกอบ จุดเริ่มต้นของ “BEARHOUSE” เป็นอย่างไร? ย้อนกลับไปถึงวันที่คุณซานที่ชื่นชอบชานมไข่มุกเจ้าหนึ่งที่เคยได้ชิมที่ต่างประเทศมาก และอยากกินรสชาตินั้นทุกวัน จนถึงขั้นติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์มาเปิดในประเทศไทย แต่คำพูดที่ว่า “ทำไมเราถึงไม่ทำชานมไข่มุกแบรนด์คนไทยให้คนต่างชาติต่อแถวซื้อบ้าง ทำไมเราถึงไม่ส่งออกของไทยบ้าง” ของคุณกานต์ หุ้นส่วนคนสำคัญของร้านนี้ ก็ทำให้คุณซานฉุกคิดและมีภาพร้านชานมไข่มุกของตัวเองปรากฏขึ้นในใจ คุณซานใช้เวลาพัฒนาสูตรต่างๆนานถึง 6-7 เดือน ก่อนจะเกิดเป็น “BEARHOUSE” เป้าหมายของ “BEARHOUSE” ในอนาคต ปี 2566 นี้วางแผนที่จะขยายร้านเพิ่มอีก 10 สาขา เพื่อให้สิ้นปีนี้มีครบ 33 สาขาในไทย จากขณะนี้ 23 สาขาโดยดำเนินการเองทั้งหมดไม่มีการขายแฟรนไชส์แต่อย่างใด ยังคงเน้นไปที่ กรุงเทพฯ ปริมณฑลและภาคอีสานมากขึ้น เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี เน้นเปิดตามศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ มากกว่าเปิดแบบสแตนด์อโลน ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเริ่มขยายไปทางภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ และภาคใต้เช่น หาดใหญ่ นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกันภายในปี 2568 ซึ่งเอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะเป็นรูปแบบใดดี การขายลิขสิทธิ์แฟรนไชส์กับการหาผู้ร่วมทุน ส่วนแผนระยะยาว ตั้งเป้าเปิดร้านแบร์เฮาส์ให้ได้รวมในไทย 109 สาขา ภายในปี 2571 และมีแผนที่จะเข้าตลาดหุ้นด้วย เบื้องต้นมองไปที่ตลาด MAI ก่อน ในส่วนยอดขายที่ผ่านมา ในปี 2562 มีประมาณ 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเป็น 82 ล้านบาท ในปี 2563 และเพิ่มขึ้นเป็น 104 ล้านบาท ในปี 2564 ส่วนปี 2565 ทำได้ 210 ล้านบาท ซึ่งเติบโตมากถึง 79% ซึ่งผู้บริหารทั้งสองยืนยันว่า เป็นการเติบโตที่สูงที่สุดในตลาดร้านชาในไทย ซึ่งการเติบโตเป็นผลมาจากการที่ขยายสาขามากขึ้น และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเมนูใหม่ๆต่อเนื่อง และการมีผลิตภัณฑ์อื่นๆเพิ่มเติม จำหน่ายในร้าน เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้หลากหลาย ทั้งนี้ยอดขายเฉลี่ยของร้านแบร์เฮาส์มีประมาณ 8,000 แก้วต่อวัน แบ่งเป็น ซื้อหน้าร้านหรือวอล์กอิน 60% และดีลิเวอรี่ 40% ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 50% อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – ผู้จัดการออนไลน์ – a day ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : …

พามาฮู้จัก “BEARHOUSE” ชานมไข่มุกที่กำลังรุกตลาดอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง อาณาจักร เต่าบิน ในภาคอีสาน

นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น FSMART เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเดินหน้าในการขยายตู้อัตโนมัติ เครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า “GINKA Charge Point” รวมถึงตู้จำหน่ายเครื่องดื่มชงสดอัตโนมัติ “เต่าบิน” อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยวางแผนจะตั้งตู้เต่าบินให้ได้ 1 หมื่นตู้ ภายในสิ้นปีนี้ โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ของตู้เต่าบิน พบว่า มีจำนวนยอดขายเครื่องดื่ม อยู่ที่ 19.56 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ 9.95 ล้านแก้ว โดยมียอดขายอยู่ที่ 592 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 346 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะขยายจุดติดตั้งในพื้นที่ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีให้บริการอยู่ 6,142 ตู้ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566) จากแผนที่วางไว้ปีนี้ที่ 8,500-10,000 ตู้ ทั้งหมดจะช่วยสนับสนุนให้กลุ่มลูกค้าประจำ และเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่เข้าถึงบริการ และมีโอกาสซื้อเครื่องดื่มจากตู้จำหน่ายเครื่องดื่มชงสดอัตโนมัติ “เต่าบิน” มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 26.71% ของ FSMART ที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 บริษัทมีรายได้ 509 ล้านบาท ลดลง 0.2% เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และลดลง 12.7% เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อจะลดลง แต่กำลังซื้อของผู้บริโภคของกลุ่มที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางยังไม่มาก จากราคาสินค้าที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ยอดเติมเงินไม่เติบโตเท่าที่ควร แต่บริษัทยังสามารถรักษายอดใช้บริการและฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนกำไรสุทธิ 74.32 ล้านบาท ลดลง 4.3% เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา จากยอดเติมเงินที่ลดลงเล็กน้อย และจากการรับรู้กำไรส่วนได้เสียจากเงินลงทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อ้างอิงจาก: – TAO BIN – THAIRATH Money ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #TAOBIN #เต่าบิน

พามาฮู้จัก “แรมซาร์ไซต์” พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ ในภาคอีสาน

หลายคนยังไม่เข้าใจความหมายของ “พื้นที่ชุ่มน้ำ” ว่าคืออะไร? มื้อนี้ ISAN Insight & Outlook สิมาเว้าสู่ฟัง … แรมซาร์ไซต์หรือพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศนี้ ถือเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นตัวแทนหายากหรือมีลักษณะพิเศษเฉพาะ ซึ่งพบในเขตชีวภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม มีความสำคัญระหว่างประเทศสำหรับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับชนิดพันธุ์และชุมชนประชากรทางนิเวศของนกน้ำและปลา ภายใต้อนุสัญญาแรมซาร์ (Ramsar Convention) หรืออนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งเป็นอนุสัญญาที่จัดขึ้นที่เมืองแรมซาร์ ประเทศอิหร่านในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2514 อนุสัญญาฯ นับเป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาลเพื่อกำหนดกรอบการทำงานสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อการอนุรักษ์แหล่งที่อยู่อาศัยที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และยับยั้งการสูญหายของพื้นที่ชุ่มน้ำในโลก ซึ่งจะต้องมีการจัดการเพื่อใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด อนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้เมื่อปี 2518 และเพื่อให้เกิดความตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำ มีการกำหนดให้ทุกวันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก (World Wetlands Day) โดยในประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำกว่า 15 พื้นที่ที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar Sites) อ้างอิงจาก: – สำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ – โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำของประเทศไทย – กรุงเทพธุรกิจ – MGR Online ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #แรมซาร์ไซต์ #RamsarSites #พื้นที่ชุ่มน้ำ

พาจอบเบิ่ง ผลประกอบการ อาณาจักรค้าปลีกวัสดุก่อสร้างที่อยู่ในตลาดหุ้น ในครึ่งปีแรก 2566 .

บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ผลประกอบการ ครึ่งปีแรก 2566 มูลค่าหลักทรัพย์ (ณ วันที่ 11/08/66) 82,530 ล้านบาท รายได้ 17,787 ล้านบาท (-7.5% YoY) กำไร 1,586 ล้านบาท (-27.4% YoY) อัตรากำไรสุทธิ 8.9% . บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) ผลประกอบการ ครึ่งปีแรก 2566 มูลค่าหลักทรัพย์ (ณ วันที่ 11/08/66) 32,745 ล้านบาท รายได้ 16,569 ล้านบาท (+1.6% YoY) กำไร 298 ล้านบาท (-61.6% YoY) อัตรากำไรสุทธิ 1.8% . . หมายเหตุ: ข้อมูลผลประกอบการ ครึ่งปีแรก 2566 ณ วันที่ 14/08/66 . . อ้างอิงจาก: – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย – ลงทุนแมน ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #ธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง #GLOBAL #DOHOME #สยามโกลบอลเฮ้าส์ #โกลบอลเฮ้าส์ #ดูโฮ

พามาเบิ่ง นักเรียนอินเตอร์ ในอีสานมีหลายปานใด๋ ? 

ก็เธอมันเด็กอินเตอร์ พามาเบิ่ง นักเรียนอินเตอร์ ในอีสานมีหลายปานใด๋ ?    5 อันดับจังหวัดที่มีนักเรียนอินเตอร์รวมทุกระดับชั้นมากที่สุด (หน่วย:คน) อันดับที่ 1 นครราชสีมา จำนวน 64,515 อันดับที่ 2 ขอนแก่น จำนวน 47,502 อันดับที่ 3 อุบลราชธานี จำนวน 40,690 อันดับที่ 4 อุดรธานี จำนวน 36,756 อันดับที่ 5 ร้อยเอ็ด จำนวน 23,414   ในยุคที่โลกการสื่อสารไร้พรมแดน โอกาสการทำงานที่เปิดกว้างในทุกมุมโลก ทำให้โรงเรียนนานาชาติที่มีหลักสูตรการเรียนการสอนต่างประเทศ ที่เรียกกันว่า “โรงเรียนอินเตอร์” ในบ้านเรามีจำนวนมากขึ้น ชวนมาเจาะลึก 4 เหตุผลว่าทำไมพ่อแม่หลายคนจึงเลือกโรงเรียนอินเตอร์เป็นแผนการศึกษาของลูก   ภาษาอังกฤษ และภาษาที่ 3 เทียบเท่าเจ้าของภาษา ซึ่งโรงเรียนอินเตอร์ใช้ภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาหลักในการเรียนการสอน ซึ่งภาษาอังกฤษนับเป็นภาษากลางในการเข้าถึงความรู้ทุกอย่างในโลก นักเรียนโรงเรียนอินเตอร์มีโอกาสฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษอย่างเชี่ยวชาญรอบด้านทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน เทียบเท่าภาษาแม่ กรณีโรงเรียนอินเตอร์หลักสูตรจากประเทศที่มีการใช้ภาษาที่ 3 เช่น สิงคโปร์ สวิสเซอร์แลนด์ นักเรียนก็จะได้เรียนภาษาที่  3 อย่างเข้มข้นแบบประเทศเจ้าของหลักสูตรด้วย ชุดความคิดเชิงเหตุผลและสร้างสรรค์ (Creative and Critical Thinking Mindset) หลักการเรียนการสอนหลักสูตรอินเตอร์ ยังเน้นการตั้งคำถาม การคิดวิเคราะห์ การถกเถียงด้วยเหตุผล รวมไปถึงการสร้างสรรค์ ความกล้าแสดงออกตั้งแต่ยังเล็ก รวมถึงการให้ความสำคัญกับการอ่านที่หลากหลาย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการฝึกฝนบ่มเพาะวิธีการคิดของเด็กไปเป็นในแนวทางเชิงเหตุผลและสร้างสรรค์ ความเปิดกว้างความแตกต่างทางวัฒนธรรม (Cultural Diversity) การเรียนโรงเรียนอินเตอร์ที่มีนักเรียนหลายชาติหลายภาษามาอยู่และทำกิจกรรมร่วมกัน และโรงเรียนก็ส่งเสริมการแสดงออกของนักเรียนทุกเชื้อชาติ เช่นกิจกรรมวัน International Day ที่มีการออกบูธ แสดงศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนชาติต่างๆ  ฯลฯ เป็นการทำให้เด็กได้เรียนรู้และทำความเข้าใจความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรมของเพื่อนร่วมชั้น นำไปสู่การหล่อหลอมแนวคิดที่เปิดกว้างต่อความแตกต่างของผู้คนที่หลายหลายในโลกใบนี้ ความรู้เรื่องราวระดับโลก (Global Knowledge) จากการที่หลักสูตรโรงเรียนอินเตอร์มาจากต่างประเทศเด็กนักเรียนจึงมีโอกาสได้สัมผัสกับความรู้ต่างๆ ที่เป็นเรื่องราวสากลตั้งแต่ยังเล็ก เช่น อ่านหนังสือนอกเวลาที่เป็นงานเขียนของโรอัลด์ ดาห์ล  เรียนรู้ความโหดร้ายของ Holocaust (สังหารหมู่ชาวยิว) จากหนังสือไดอารี่ของแอนน์ แฟรงค์ ฝึกวาดรูปศิลปะจากภาพวาดของแวนโก๊ะ ซึมซับแนวคิดต่อต้านการแบ่งแยกสีผิวจากเรื่องราวของมาร์ติน ลูเธอร์คิงจูเนียร์    รับรู้เรื่องสิทธิคนพิการจากชีวประวัติเฮเลน เคลเลอร์ ฯลฯ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นพื้นฐานให้เด็กมีความรู้รอบตัวและสนใจประเด็นต่างๆ ในโลกตั้งแต่ยังเล็กอีกด้วย   อ้างอิงจาก:  สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน, scb https://www.isat.or.th/    ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : …

พามาเบิ่ง นักเรียนอินเตอร์ ในอีสานมีหลายปานใด๋ ?  อ่านเพิ่มเติม »

จัดใหญ่แฮง ! มหกรรมบ้านและคอนโดขอนแก่น 2023  16-20 สิงหาคม 2566 ณ ลานกิจกรรมชั้น 1 เซนทรัลขอนแก่น

จัดใหญ่แฮง ! มหกรรมบ้านและคอนโดขอนแก่น 2023  16-20 สิงหาคม 2566 ณ ลานกิจกรรมชั้น 1 เซนทรัลขอนแก่น “ราคาเด็ด ทำเลดี สินเชื่อโดน พร้อมส่วนลดของแถม ครบ จบ ในที่เดียว”   จัดโดยสมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น ร่วมกับ ขอนแก่นน่าอยู่ และ NocNoc โดยมีแพลตฟอร์มออนไลน์ขอนแก่นน่าอยู่  www.nayoo.co/khonkaen เตรียมตัวให้พร้อม! สมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่นเตรียมจัดมหกรรมบ้านและคอนโดขอนแก่น 2023 นี้ เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ศูนย์การค้าเซนทรัลขอนแก่น ภายในงานได้รวบรวมมากว่า 100 โครงการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร มีทุกทำเลในขอนแก่น พร้อมโปรโมชั่น ส่วนลด ของแถม โดยผสมผสานกิจกรรมการออกบูธร่วมกับการหาข้อมูลและการดูแบบบ้านเสมือนจริงผ่าน VR360 บนแพลตฟอร์มขอนแก่นน่าอยู่  www.nayoo.co/khonkaen “ขอนแก่นน่าอยู่” แหล่งรวมข้อมูลซื้อขาย-เช่า-รับสร้างบ้านที่ครบที่สุด ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องที่อยู่อาศัยเพื่อคนขอนแก่น วันที่ 3 สิงหาคม 2566  ณ อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จ.ขอนแก่น) นายสุเทพ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดขอนแก่น 2023 โดยมีนายวุฒิชัย ฉัตรชัยพลรัตน์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น, นายอาทร กันตวธีระ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดขอนแก่น ,นายณฐนน ธนินภัสสร รองประธาน​สภา​อุตสาหกรรม​จังหวัด​ขอนแก่น, นายภัคณัฏฐ์ บุญเชิดชัยยันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น่าอยู่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ขอนแก่นน่าอยู่ , นายอนุพงศ์ ทะสดวก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการค้าและพาณิชย์ บริษัท เบ็ตเตอร์บี มาร์เก็ตเพลส จำกัด หรือ NocNoc , นายอัสนี ศรีทองคำ เลขาธิการสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดขอนแก่น, ดร.อภิรชัย วงษ์ศรีวรพล ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, นายมนัสชัย จึงตระกูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ผู้แทนธนาคารกรุงเทพ, ผู้แทนธนาคารออมสิน, ผู้แทนธนาคารอาคารอาคารสงเคราะห์ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมกิจกรรมจำนวนมาก งานมหกรรมบ้านและคอนโดขอนแก่น 2023 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 16-20 สิงหาคม 2566 เป็นงานรวมบ้านและคอนโดที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ครั้งแรกกับการจัดงานที่ผสมผสานกิจกรรมผ่านระบบออนไลน์และออนไซต์ได้อย่างลงตัวผ่านการเลือกซื้อและดูบ้านเสมือนจริงผ่าน VR 360 บนเว็บไซต์ขอนแก่นน่าอยู่ www.nayoo.co/khonkaen และการออกบูธโครงการที่ลานโปรโมชั่นชั้น 1 เซนทรัลขอนแก่น จัดโดยความร่วมมือกันระหว่างสมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น หอการค้าจังหวัดขอนแก่น สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น ขอนแก่นน่าอยู่ และ NocNoc ในครั้งนี้มีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developer) …

จัดใหญ่แฮง ! มหกรรมบ้านและคอนโดขอนแก่น 2023  16-20 สิงหาคม 2566 ณ ลานกิจกรรมชั้น 1 เซนทรัลขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

นวัตกรรมพาม่วนหลาย จาก ม.ขอนแก่น ! “หมอลำเมตาเวิร์ส” (Molam Metaverse) ยกระดับหมอลำอีสานสู่โลกดิจิทัล

นวัตกรรมพาม่วนหลาย จาก ม.ขอนแก่น ! “หมอลำเมตาเวิร์ส” (Molam Metaverse) ยกระดับหมอลำอีสานสู่โลกดิจิทัล   มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยทีมวิจัยโครงการวิจัยหมอลำกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์: วิถีการแปรเปลี่ยนนวัตกรรมและการประกอบการทางวัฒนธรรมในสังคมเสมือน โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจาก หน่วยบริหารและจัดการทุน ด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับทีมนักพัฒนา Metaverse จาก Khon Kaen InfiniteLand เปิดตัวนวัตกรรมดิจิทัลจากทุนทางวัฒนธรรมในพื้นที่โลกเสมือน “หมอลำเมตาเวิร์ส” (Molam Metaverse) ซึ่งเป็นพื้นที่เรียนรู้ใหม่ที่ทุกคนสามารถท่องโลกหมอลำผ่านพื้นที่โลกเสมือนจักรวาลนฤมิตร     การออกแบบหมอลำจักรวาลนฤมิตร (Molam Metaverse) มีเป้าหมายเพื่อเปิดพื้นที่และช่องทางการเรียนรู้รูปแบบใหม่ในยุคดิจิทัลโดยใช้กลไกและหลักคิดของ Metaverse โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้จากทุนทางวัฒนธรรมด้านหมอลำได้ทุกที่ทุกเวลาและเสมือนจริง นอกจากนั้นพื้นที่หมอลำเมตาเวิร์สยังสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มแผนที่วัฒนธรรม (Cultural Map) ที่เป็นเครือข่ายห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่เกี่ยวโยงกับการประกอบการธุรกิจที่อยู่ภายใต้คลัสเตอร์หมอลำซึ่งจะช่วยส่งเสริมและเพิ่มการรับรู้ไม่ใช่เฉพาะหมอลำเท่านั้น แต่เป็นการเพิ่มพื้นที่เข้าถึงการประกอบการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ด้วย   นอกจากนี้ Molam Metaverse จะเป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และพื้นที่ส่งเสริมการประกอบการในช่องทางดิจิทัลที่อำนวยประโยชน์แก่ธุรกิจหมอลำ ศิลปินหมอลำ และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในอนาคตพื้นที่ Molam Metaverse สามารถที่จะต่อยอดไปยังกิจกรรมและช่องทางอื่น ๆ เพิ่มเติมได้เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาเสริม เป็นช่องทางการเผยแพร่องค์ความรู้ เรื่องราว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานของหมอลำ เป็นการส่งเสริมการใช้เครื่องมือดิจิทัลในรูปแบบใหม่ ให้กลุ่มผู้ประกอบการหมอลำ และสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่กลุ่มผู้ใช้งานสู่การขยายฐานลูกค้าที่รับชมการแสดงหมอลำทั้งภายในและต่างประเทศได้ โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่รู้จักหมอลำมาก่อน   ผศ.ดร.ศิริศักดิ์ เหล่าจันขาม หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวว่า “หมอลำเมตาเวิร์ส” เกิดจากการตั้งคำถามพื้นฐานง่าย ๆ ที่ว่า ในยุคที่เมตาเวิร์สเข้ามามีอิทธิพลในกระแสสังคมดิจิทัล หมอลำจะเข้าไปอยู่ในพื้นเสมือนนั้นได้อย่างไร เราไม่ทราบหรอกว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เราอยากทดลอง ทดสอบ และอยากใช้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่ช่วยให้เกิดแนวความคิดและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะมาช่วยต่อยอดหมอลำให้ก้าวไปให้ทันยุคดิจิทัลให้ได้” หมอลำ เมตาเวิร์สนับเป็นนวัตกรรมดิจิทัลจากทุนทางวัฒนธรรมที่เป็นการเปิดพื้นที่ให้ให้คนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักหมอลำสามารถเข้าถึงเข้าถึงหมอลำได้ง่ายขึ้น โดยการวิจัยครั้งนี้คณะผู้วิจัยมุ่งศึกษาทดลองกับ หมอลำหมู่ หรือ หมอลำเรื่องต่อกลอน เป็นหลัก ในพื้นที่โลกเสมือนหมอลำเมตาเวิร์ส ผู้วิจัยได้ออกแบบพื้นที่เชื่อมต่อกันเป็น 2 โซน ประกอบด้วย   โซนที่ 1 เปิดโลกหมอลำ เป็นพื้นที่โถงกลางให้คนได้เห็นภาพบรรยากาศหน้าเวทีหมอลำ มีอวาร์ตาร์ออกลีลาท่าเต้นอยู่หน้าเวทีการแสดงหมอลำ เสมือนการฉายภาพมโนมติให้เกิดจินตนาการสำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักหมอลำ ก่อนที่จะเข้าไปสัมผัสโลกของหมอลำในขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ในพื้นที่โซนที่ 1 ยังจัดให้มีช่องทางการเชื่อมต่อเข้าถึงหมอลำคณะต่าง ๆ ผ่าน Social Network และการเข้าถึงฐานข้อมูล Cultural Map ที่เชื่อมโยง Supply Chain ต่าง ๆ ที่เกิดจากหมอลำ ในส่วนสุดท้ายของโซนที่ 1 จะเป็นจุดที่ Avatar สามารถว้าปเข้าไปเยี่ยมชมในโซนที่ 2   โซนที่ 2 หมอลำแกลอรี …

นวัตกรรมพาม่วนหลาย จาก ม.ขอนแก่น ! “หมอลำเมตาเวิร์ส” (Molam Metaverse) ยกระดับหมอลำอีสานสู่โลกดิจิทัล อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top