Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

ชวนเบิ่ง “แมงแคง” เมนูสุดแซ่บที่สร้างรายได้งามให้แก่ชาวอีสาน

ชาวบ้าน บ้านโนนขี้ตุ่น หมู่ 9 ต.ตลาดเเร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ใช้เวลาว่าง พากันออกหาเก็บแมงแคง ที่มาหากินและอาศัยตามต้นผักบุ้งที่เกิดตามแหล่งน้ำต่าง ๆ ในชุมชน มาปรุงเป็นอาหารและเป็นของฝากญาติ ๆ หรือขายสร้างรายได้ โดยแมงแคง ตัวเป็น ๆ จะมีกลิ่นฉุนคล้ายแมงดา แต่เมื่อปรุงเป็นอาหารจะมีกลิ่นหอมอร่อยมาก ซึ่งชาวบ้านจะนิยมทำเมนู น้ำพริกแมงแคง คั่ว ทอด ซึ่งแมงแคงจะมีรสชาติหอมมันอร่อยยิ่งกว่าแมงดาหรือแมงจี้ซอนมาก เป็นที่ชื่นชอบของชาวอีสาน หากนำไปขายส่วนใหญ่จะทำเป็นกองหรือใส่ถุงขายราคา กองหรือถุงล่ะ 20-50 บาท สามารถทำเงินให้กับผู้ที่หาของป่าได้ วันล่ะ 300-500 บาทเลยที่เดียวในระยะนี้ ด้าน คุณวรรณวิลัย โลมะบุตร ชาวบ้าน บ้านโนนขี้ตุ่น หมู่ 9 ต.ตลาดเเร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ เผยว่าตนเองและครอบครัวจะใช้เวลาว่างในช่วงเย็น พากันขับจักรยานยนต์นำถุงหรือขวดน้ำเปล่า ตระเวนออกหาเก็บ แมงแคง ตามแหล่งน้ำ โดยเฉพาะที่บริเวณริมห้วยหรือหนองฉิม ซึ่งอยู่บริเวณทิศตะวันออกของหมู่บ้านเป็นแหล่งน้ำที่เริ่มแห้งขอด มีต้นผักบุ้งเกิดขึ้นเยอะ และมีแมงแคงออกมาหากินเป็นจำนวนมาก คุณวรรณวิลัยและครอบครัวจึงได้นำเอาขวดน้ำเปล่าหรือถุงพลาสติดออกเดินหาเก็บแมงแคงที่หากินตามต้นผักบุ้ง เพื่อนำไปปรุงเป็นอาหาร ซึ่งเป็นเมนูเด็ดหากินยาก นาน ๆ จะมีให้กินครั้งหนึ่ง ซึ่งในการออกหาแมงแคงแต่ล่ะครั้งจะได้ประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อครั้ง หากนำไปขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าหรือเพื่อนบ้านจะได้ประมาณ 200-300 บาท แต่สำหรับคุณวรรณวิลัยและครอบครัว จะนำมาปรุงเป็นอาหารและนำเป็นของฝากแก่ญาติ ๆ ให้ได้กินเสียก่อน เพราะเป็นเมนูที่หากินได้ยากนานปีจะมีให้กินครั้งหนึ่ง โดยแมงแคงที่หามาได้คุณวรรณวิลัยจะนำมาล้างน้ำให้สะอาด จากน้ำก็นำมาคั่วใส่เกลือ หรือรสดี และตำน้ำพริก จิ้มกับมะขามเทศ นำกินกับข้าวเหนียวอร่อยสุด ๆ ไปเลย อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbiznews.com/business/1050660 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #แมงแคง #ชัยภูมิ #เมนูแซ่บอีสาน

ในเดือนแห่งความรัก พามาเบิ่ง Tinder เผย นครราชสีมา และ ขอนแก่น  เป็นจังหวัดที่ video call หลายสุด

ในเดือนแห่งความรัก พามาเบิ่ง Tinder เผย นครราชสีมา และ ขอนแก่น  เป็นจังหวัดที่ video call หลายสุด   ปี 2564 ผลจากสถานการณ์การล็อกดาวน์ชาว Gen Z  ผู้ใช้งาน  Tinder  ทั่วโลกมีการใช้วิธีเดทผ่าน วิดีโอคอล (video call) โดยมีการระบุถึง “ วิดีโอคอล (video call) ” ในหน้าประวัติส่วนตัวบน Tinder เพิ่มมากขึ้นถึง 52% โดยสมาชิกในจังหวัดนครราชสีมา และขอนแก่น เป็น 2 จังหวัดที่มีการพูดคุยกันผ่านวิดีโอคอลมากที่สุดในประเทศไทย    ถึงแม้จะมีการล็อกดาวน์บางส่วน ทำให้การมาเจอกันยากขึ้น แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคของนักเดตชาวไทย เพราะพวกเขาใช้ฟีเจอร์ Passport ปักหมุดไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อตามหาคู่เดตในฝัน โดยเมืองยอดนิยมในต่างประเทศ ที่ Gen Z ชาวไทย ใช้ฟีเจอร์ Passport ไปปักหมุด ได้แก่ 1) กรุงโซล 2) ลอนดอน 3) นิวยอร์ก 4) โตเกียว 5) ลอสแอนเจลิส ส่วนจังหวัดยอดนิยมในประเทศไทย ที่คนนิยมปักหมุด คือ 1) กรุงเทพฯ 2) เชียงใหม่ 3) ขอนแก่น 4) ปทุมธานี 5) หาดใหญ่ (สงขลา)   นอกจากนี้ คนไทยวัย Gen Z ยังมองหาการสร้างคอนเนกชันกับผู้คนใหม่ ๆ ที่อยู่ใกล้กัน เพื่อได้นัดเจอกันได้ในชีวิตจริง และเพื่อที่จะหาเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันได้ ทั้งสองคำนี้จึงถูกนำมาใช้เพิ่มขึ้น โดยคำว่า “นัดเจอ” เพิ่มขึ้นถึง 77% และคำว่า “หาเพื่อนเที่ยว” เพิ่มขึ้นกว่า 85%  อีกทั้ง Tinder พบว่ามีการระบุถึงคำว่า “กางเต็นท์” เพิ่มมากขึ้น 3.2 เท่าในหน้าประวัติส่วนตัวบน Tinder ของคนไทย ภูเขา และ ทะเล ก็เป็นสถานที่เดทที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และการฉีดวัคซีนถือเป็นรายการแรกของเช็คลิสท์ในการเตรียมตัวออกเดท พบว่า มีการระบุถึงคำว่า “วัคซีน” มากขึ้น 27 เท่า ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการออกเดท และจะเห็นได้ว่าสมาชิกของ Tinder มีการพูดถึง “สิ่งเล็กๆน้อยๆ” บนหน้าประวัติส่วนตัวบน Tinder เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อย่างการสร้างความสัมพันธ์กันผ่านความชอบ …

ในเดือนแห่งความรัก พามาเบิ่ง Tinder เผย นครราชสีมา และ ขอนแก่น  เป็นจังหวัดที่ video call หลายสุด อ่านเพิ่มเติม »

พาจอบเบิ่ง ศึกชิงโชห่วยเดือดสมรภูมิ “อีสาน” เป็นแนวใด๋แน่

สำหรับการเปิดศึกเพื่อแย่งชิงร้านค้าโชห่วยมาเป็นเครือข่ายของบรรดาซัพพลายเออร์-ค้าปลีกรายใหญ่ที่ลั่นกลองรบกันมาเกือบ 1 ปีเต็มๆ หากย้อนกลับไปจะพบว่า ทั้ง “บัดดี้มาร์ท” (สยามแม็คโคร)-“โดนใจ” (เบอร์ลี่ ยุคเกอร์) ที่พร้อมใจก้าวเข้ามาท้ารบกับ “ถูกดี มีมาตรฐาน” (ทีดี ตะวันแดง) เจ้าแรกที่ประกาศตัวช่วยชุบชีวิตบรรดาโชห่วยที่ว่ากันว่ามีอยู่ไม่ต่ำกว่า 4 แสนร้านค้าทั่วประเทศ ให้กลับมาเติบโตได้อย่างมืออาชีพ “บีเจซี” ประกาศพร้อมรบ ล่าสุด กลางเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา บีเจซี ได้ประกาศเปิดตัว “โดนใจ” บุกตลาดอย่างเต็มตัว หลังจากที่ได้เริ่มมีการทำโครงการแบบซอฟต์ลอนช์ ตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา เบื้องต้นตั้งเป้าดึงร้านโชห่วยเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายร้านโดนใจ ประมาณ 4,000 ร้านค้า จากขณะนี้ที่ร้านค้าโชห่วยที่เข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายแล้วประมาณ 1,000 ราย และในระยะยาวคาดว่าจะมี 30,000 ร้านค้า ภายในปี 2570 ด้วยการใช้เครือข่ายสาขาของบิ๊กซีที่มีสาขาขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 200 สาขา ในการป้อนสินค้าเข้าสู่ร้าน นอกจากนี้ยังมีแผนว่าในต้นปี 2566 จะมีการเปิดตัวพันธมิตรทั้งที่เป็นธนาคารพาณิชย์และบริษัทเจ้าของสินค้าที่จะมีการเปิดตัวพันธมิตรอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ โดนใจ โฟกัสไปที่ร้านค้าปลีกในชุมชนขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ที่ขายสินค้าให้กับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งผู้ประกอบการเหล่านั้นมีจุดอ่อนในเรื่องของการบริหารจัดการ “บัดดี้มาร์ท” บุกอีสาน จากก่อนหน้านี้ (31ตุลาคม 2565) ที่ยักษ์ธุรกิจค้าส่ง “สยามแม็คโคร” ได้ฤกษ์เปิดตัว ร้านบัดดี้มาร์ท โมเดลธุรกิจที่มุ่งปรับปรุงร้านโชห่วยให้เป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ หลังจากที่เริ่มนำร่องตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยโฟกัสฐานลูกค้าสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการร้านโชห่วยในพื้นที่ภาคกลางและอีสาน ซึ่งมีร้านโชห่วยหนาแน่น นอกจากนี้บริษัทยังมีการผนึกพันธมิตรที่เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ อาทิ ยูนิลีเวอร์ โอสถสภา เนสท์เล่ ไทยน้ำทิพย์ พีแอนด์จี มาจัดโปรโมชั่น แชร์ข้อมูลอินไซต์ลูกค้า จัดคอร์สอบรมด้านการบริการ-บริหารสต๊อกสินค้า รวมไปถึงดึงสถาบันการเงินอย่างธนาคารกรุงเทพ มาปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโมเดลบัดดี้มาร์ทในเงื่อนไขพิเศษ เช่น สามารถกู้เต็มวงเงินลงทุน ผ่อนนาน 5 ปี ดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาขาดสภาพคล่องและขาดความสามารถในการขอกู้เงินเพื่อปรับปรุงร้าน ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อดึงดูดผู้ประกอบการโชห่วยและผู้ที่สนใจลงทุนร้านบัดดี้มาร์ท สยามแม็คโคร ยังลดค่าลงทุนเริ่มต้นร้านบัดดี้มาร์ท 50% ฟรีค่าปรับปรุงร้าน 2 แสนบาท จากปกติที่ต้องใช้งบฯลงทุนเริ่มต้น 400,000 บาท (เงินค่าค้ำประกัน 200,000 บาท และค่าปรับปรุงร้าน 200,000 บาท) ถึง 31 ธ.ค. 2565 (จำกัดสิทธิ 300 ร้านค้าแรก) “ยอมรับว่า ในภาคอีสานจะเป็นสมรภูมิที่มีการแข่งขันสูง แต่ก็มั่นใจว่า ด้วยความที่แม็คโครนั้นอยู่คู่กับร้านโชห่วย บวกกับจุดแข็ง เช่น เรื่องของอาหารสด ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากรายอื่น ๆ จะทำให้มีความได้เปรียบและเป็นที่ต้องการของร้านค้าในชุมชน” ผู้จัดการโครงการบัดดี้มาร์ท สยามแม็คโครกล่าว “ถูกดี” ออนทัวร์ดึงลูกค้าข้ามปี ด้านต้นตำรับ “ถูกดี มีมาตรฐาน” …

พาจอบเบิ่ง ศึกชิงโชห่วยเดือดสมรภูมิ “อีสาน” เป็นแนวใด๋แน่ อ่านเพิ่มเติม »

ฮือฮาหลาย ! พบรอยเท้าไดโนเสาร์แห่งใหม่ในไทย  อายุกว่า 140 ล้านปีที่กาฬสินธุ์ 

ฮือฮาหลาย ! พบรอยเท้าไดโนเสาร์แห่งใหม่ในไทย  อายุกว่า 140 ล้านปีที่กาฬสินธุ์    พบรอยเท้าของไดโนเสาร์พันธุ์กินเนื้อขนาดเล็กแห่งใหม่ของประเทศไทย ที่บ๋าชาด ในวนอุทยานภูแฝก ต.ภูแลนช้าง อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ คาดอายุกว่า 140 ล้านปี คาดอนาคตพัฒนาเพื่อท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 2 พร้อมด้วย นายดำรงศักดิ์ ชูศรีทอง หัวหน้าวนอุทยานภูแฝกเข้าตรวจสอบบริเวณบ๋าชาด ในพื้นที่ วนอุทยานภูแฝก ตำบลภูแลนช้าง อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่มีการแจ้งพบร่องรอยที่คาดว่าเป็นรอยตีนไดโนเสาร์ จากนายทองดี สุปิรัยทร ชาวบ้านน้ำคำ หมู่ 6 ตำบลภูแล่นช้าง อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ เบื้องต้น จากการสำรวจพื้นที่บริเวณดังกล่าว ลักษณะเป็นลานหินขนาดใหญ่ พบรอยตีนไดโนเสาร์มากกว่า 10 รอย กระจายตัวอยู่บนลานหินทราย หมวดหินพระวิหาร ซึ่งมีอายุประมาณ 140 ล้านปี โดยรอยตีนไดโนเสาร์ที่พบ มีความยาวประมาณ 21-30 เซนติเมตร และกว้าง 17-31 เซนติเมตร คาดว่าน่าจะเป็นรอยตีนของไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดเล็ก สูงประมาณ 2 เมตร และยาวประมาณ 5 เมตร “ถือเป็นการค้นพบรอยตีนไดโนเสาร์แห่งใหม่ของประเทศไทย” รอยตีนไดโนเสาร์แห่งใหม่นี้ อยู่ในพื้นที่วนอุทยานภูแฝก ห่างจากบริเวณที่เคยมีการค้นพบรอยทางเดินไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ในอนาคตคาดว่าจะมีการพัฒนาแหล่งรอยตีนไดโนเสาร์บ๋าชาดแห่งนี้ ให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ศึกษา เรียนรู้ ที่สำคัญทางธรณีวิทยาต่อไป   อ้างอิงจาก กรุงเทพธุรกิจ   #ISANInsightAndOutlook #รอยเท้าไดโนเสาร์ #ไดโนเสาร์กินเนื้อ #วนอุทยานภูแฝก #ตำบลภูแล่นช้าง #อำเภอนาคู #กาฬสินธุ์

ชวนเบิ่ง งานตรุษจีนโคราชที่ผ่านมา นทท.แห่เที่ยว “จอมพลถนนหัวมังกร 108 ปี” มื้อสุดท้ายคึกคักหลาย

เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ศาลหลักเมืองโคราช นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา พร้อมคณะสมาชิกสภา ฯ ร่วมพิธีไหว้สักการะศาลหลักเมือง รวมทั้งเจ้าพ่อไฉ่ซิงเอี้ย พิธีสวดมนต์ไทย-จีน ทำบุญสะเดาะเคราะห์ปีชง กราบไหว้สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งภายในงาน “เทศกาลตรุษจีนโคราช จอมพลถนนหัวมังกร 108 ปี ถนนแห่งวัฒนธรรม” ท่ามกลางบรรยากาศวัฒนธรรมไทย-จีน มีการประกวดการแต่งกาย การร้องเพลงจีนโดยองค์กรคนไทยเชื้อสายจีน ชม ชิม ช้อป อาหารระดับภัตตาคารและอาหารท้องถิ่นกว่า 180 ร้าน อีกทั้งยังมี การแสดงเชิดมังกรความยาว 55 เมตร ฉลองครบรอบ 555 ปี เมืองนครราชสีมา การแสดงสิงโต-มังกรดอกเหมย การประกวดการแต่งกายในชุด Mr.Chinese new year “เจ้าพ่อเชียงใช้” การแสดงงิ้วเปลี่ยนหน้ากากและมหัศจรรย์มนตรามายากล ท่ามกลางอากาศเย็นสบายพบนักท่องเที่ยวหลายพันคนเดินทางมาเที่ยวชมและพากันเซลฟี่บรรยากาศย้อนยุคกันอย่างเนืองแน่น เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมธรรมเนียมประเพณีของคนไทยเชื้อสายจีนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการย้อนรอยบอกเล่าความเป็นมา 108 ปี ถนนจอมพลชื่อเดิมถนนเจริญพาณิชย์ ซึ่งเป็นย่านการค้าสำคัญของเมืองโคราชและภาคอีสาน อดีตเคยเป็นศูนย์กลางของความเจริญเปรียบเสมือนหัวมังกรที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาครวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนไทยกับคนจีนทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบันที่มีความผูกพันกันมายาวนานและกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น อ้างอิงจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/1049614 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #งานตรุษจีน #โคราช #เทศกาลตรุษจีนโคราช #จอมพลถนนหัวมังกร #นครราชสีมา

พามาเบิ่ง แม่ค้าส้มตำเมื่อยใจหลาย มะนาวแพง 1,400 บาท/กระสอบ

แม่ค้าส้มตำโอด มะนาวแพง นอกจากมะนาวจะปรับราคาสูงขึ้นแล้ว ราคามะละกอยังขยับขึ้นรายวัน ล่าสุดมะนาวกระสอบละ 1,400 บาท มะละกอถุงละ 300 บาท แต่ยังต้องแบกรับต้นทุน ขายให้ลูกค้าในราคาเดิม ไม่ลดปริมาณเหตุเห็นใจลูกค้า ที่ร้านส้มตำอาหารอีสาน ต.ท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม นางอุทัยวรรณ สีธรรา แม่ค้าส้มตำ เปิดเผยว่า ร้านตนเองขายส้มตำ ไก่ย่าง และอาหารอีสาน ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ราคามะนาวมีการขยับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะมีผลกระทบมาจากน้ำท่วม ซึ่งปกติมะนาวจะแพงช่วงหน้าแล้ง ประมาณเดือนเมษายน แต่ปีนี้แค่เดือนมกราคมราคาก็ปรับขึ้นแล้ว ซึ่งร้านของตนจะซื้อมะนาวครั้งละครึ่งกระสอบ ตอนนี้ราคามะนาวที่ซื้อมาครึ่งกระสอบอยู่ที่ 700 บาท เต็มกระสอบก็จะอยู่ที่ 1,400 บาท นอกจากราคามะนาวที่แพงขึ้นแล้ว ซึ่งทางร้านจะใช้มะนาวแป้นจะได้รสชาตที่หอมและอร่อย วัตถุดิบหลักอีกอย่างของส้มตำก็คือ มะละกอ ก็มีการปรับราคาขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนช่วงปีใหม่ เคยซื้อมะละกอเกรดเอ เป็นมะละกอพันธุ์ดำเนิน ถุงละ 350 บาท ที่ผ่านมาซื้อมาราคาถุงละ 300 บาท ราคาจะปรับขึ้น ๆ ลง แล้วแต่วัน ซึ่งราคานี้ถือว่าเป็นราคาที่ยังสูงอยู่ จากเดิมที่เคยซื้อมาถุงละ 240-260 บาทเท่านั้น ทำให้ทางร้านต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละวัน แต่ยังคงขายให้ลูกค้าในราคาเท่าเดิม และไม่ลดปริมาณ เพราะสงสารลูกค้า อยากให้ลูกค้ากินอิ่ม สำหรับส้มตำแต่ละครก ก็จะใช้มะนาวครึ่งลูกถึงหนึ่งลูก แล้วแต่ลูกค้าจะสั่ง หากชอบเปรี้ยว ลูกค้าก็จะแจ้งก็จำเป็นต้องเพิ่มมะนาวไปให้ โดยทางร้านจะไม่ใช้น้ำมะนาวผสม หรือใช้มะขามเปียก เพราะรสชาติมันไม่ใช่ไม่อร่อยสู้ใช้มะนาวสดไม่ได้ หากถามว่าจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยยังไง สิ่งที่อยากจะขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คือ อยากให้มีการคุมเข้มจากต้นทางให้ถูกลงกว่านี้ เศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพสูง ข้าวของปรับตัวขึ้นสูงทุกอย่าง พ่อค้าแม่ค้าก็ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นตามไปด้วย อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbiznews.com/business/1047771 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #มะนาว #มหาสารคาม #ส้มตำ #มะนาวแพง #แม่ค้าส้มตำ

เกษตรกรขอบคุณหลายๆ  “รมว.เกษตรฯ-กรมปศุสัตว์” ปราบหมูเถื่อนต่อเนื่อง

เกษตรกรขอบคุณหลายๆ  “รมว.เกษตรฯ-กรมปศุสัตว์” ปราบหมูเถื่อนต่อเนื่อง    ผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศขอบคุณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมปศุสัตว์ หลังเดินหน้าปราบปราม “หมูเถื่อน” อย่างจริงจัง ล่าสุดสามารถฝังทำลายหมูเถื่อนของกลางกว่า 7 แสนกิโลกรัม ตัดตอนวงจรหมูเถื่อนที่เกาะกินทำร้ายทำลายเกษตรกรไทยมานาน ส่งผลให้เกษตรกรมั่นใจ เร่งเพิ่มผลผลิตหมูปลอดภัยเพื่อคนไทย พร้อมฝากความหวังเดินหน้าจับ “ผู้บงการ” ล้างบางขบวนการนำเข้าหมูผิดกฎหมายให้สิ้น     ปราบปรามได้ถึงกว่า 1 ล้านกิโลกรัม ช่วยป้องกันไม่ให้หมูอันตรายปะปนเข้าสู่ตลาด ทำลายกลไกราคาสุกรในประเทศ และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคระบาด ASF ลงได้อย่างมาก รวมถึงเป็นการปกป้องผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากสารปนเปื้อนอันตรายในหมูเถื่อนด้วย ในนามของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ขอชื่นชมและขอบคุณท่านรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ท่านอธิบดีกรมปศุสัตว์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค    ผลงานในปี 2565 ที่กรมปศุสัตว์ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และกรมศุลกากร ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกรณีหมูเถื่อน มีจำนวนรวม 42 คดี ปริมาณน้ำหนักรวม 1,089,514 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 219 ล้านบาท โดยได้ดำเนินการกับซากสุกรของกลางเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.) เป็นส่วนที่ทำลายไปแล้ว จำนวน 179,612 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 71 ล้านบาท 2.) อยู่ในระหว่างดำเนินคดี จำนวน 186,116 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 25 ล้านบาท เมื่อคดีสิ้นสุดจะได้ดำเนินการทำลายต่อไป และ 3.) เป็นหมูเถื่อนที่เพิ่งทำลายไปเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2566 จำนวน 723,786 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 123 ล้านบาท   ด้าน นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า การกำจัดขบวนการหมูเถื่อนที่กรมปศุสัตว์ดำเนินการอย่างเข้มข้น ส่งผลให้ราคาสุกรในประเทศเริ่มคงที่ นับเป็นภารกิจที่ทำได้สำเร็จ สิ่งนี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรในภาคอีสาน กล้าที่จะลงหมูเข้าเลี้ยง ลดความกังวลเกี่ยวกับราคาที่ตกต่ำลงในช่วงที่มีหมูเถื่อนระบาดอย่างหนัก รวมถึงความกังวลด้านโรคระบาดที่อาจติดมากับหมูเถื่อน   โดยขณะนี้สถานการณ์การเลี้ยงหมูในภาคอีสานมีผลผลิตแม่พันธุ์อยู่ในระดับ 70% แล้ว เมื่อมีแนวโน้มการจัดการที่ดีเช่นนี้คาดว่าปริมาณแม่พันธุ์จะเพิ่มเป็น 90% ได้ภายในสิ้นปีนี้ การกำจัดอุปสรรคด้านหมูเถื่อนที่เข้ามาเบียดเบียนตลาดหมูของเกษตรกรไทย นับว่าช่วยให้เกษตรกรเกิดกำลังใจในการเลี้ยงหมู แม้จะมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่แพงขึ้นก็ตาม   อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/local/detail/9660000003908    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ปราบหมูเถื่อน #กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  #กรมปศุสัตว์   

ตลาดคึกคักหลาย ! “กรมการค้าภายใน”  กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ชุมชน ต้อนรับปีกระต่าย

ตลาดคึกคักหลาย ! “กรมการค้าภายใน”  กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ชุมชน ต้อนรับปีกระต่าย   กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิด 180 ตลาดต้องชมทั่วประเทศไทย รับเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา กระตุ้นการสร้างรายได้ และฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชน นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 กรมการค้าภายในได้เปิดตลาดต้องชม 180 ตลาด คัดเลือกจากทั้งหมด 238 แห่งทั่วประเทศที่มีศักยภาพ ได้แก่ ภาคเหนือ 41 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 44 แห่ง ภาคกลาง 61 แห่ง ภาคใต้ 28 แห่ง และกรุงเทพฯ 6 แห่ง ซึ่งกิจกรรมมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2565-8 ม.ค. 2566 นี้ เพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก เป็นการรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว โดยตลาดต้องชมแต่ละแห่งมีกิจกรรมกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยมากมาย ให้ได้ชม ชอป ผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการจากฝีมือคนไทยเพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมากรมการค้าภายในได้จัดกิจกรรมเชิญชวนให้ประชาชนที่เดินทางท่องเที่ยวหรือเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่แวะท่องเที่ยว หรือพักรถที่ตลาดต้องชมของแต่ละจังหวัดตามเส้นทางไปยังจุดหมายปลายทาง ในทุกภาคของประเทศไทย ทั้งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ อีกทั้งเชิญชวนให้ประชาชนท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยซื้อหาสินค้า พร้อมไหว้พระทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล เริ่มต้นปีใหม่ ในตลาดต้องชมที่อยู่ในบริเวณเดียวกันหรือใกล้เคียงกับวัดดัง ตลอดจนสถานที่ทำบุญขอพร ซึ่งเป็นที่นิยมศรัทธาของประชาชนในแต่ละภาค  โดยภาคอีสาน ได้แก่ ตลาดพันปีจัมปีศรีนคร, ตลาดศูนย์วัฒนธรรมเรณูนคร, ตลาดร้อยปีเมืองย่า, ตลาดเทศบาลตำบลกมลาไสย, ตลาดต้องชมบึงโขงหลง, ตลาดต้นตาล สำหรับตลาดต้องชมแต่ละแห่งล้วนมีอัตลักษณ์ และเอกลักษณ์ของชุมชนที่แตกต่างกันออกไป มีความสวยงามของสถานที่ ประเพณี วิถีชีวิต ดนตรีที่ไพเราะเพลิดเพลิน ของกินน่าอร่อย สินค้าจากชุมชนที่หลากหลาย ให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้จับจ่ายใช้สอยหรือเป็นของฝากของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 และกรมการค้าภายในยังจะมีกิจกรรมดีๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนในแต่ละท้องถิ่นอยู่เสมอ   อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/onlinesection/detail/9660000001358    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ตลาดอีสาน #กรมการค้าภายใน #ตลาดพันปีจัมปีศรีนคร #ตลาดศูนย์วัฒนธรรมเรณูนคร #ตลาดร้อยปีเมืองย่า #ตลาดเทศบาลตำบลกมลาไสย #ตลาดต้องชมบึงโขงหลง #ตลาดต้นตาล  

กาฬสินธุ์จัดใหญ่หลาย  “โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท” รวมชาติพันธุ์ผู้ไทหนึ่งเดียวในโลก

กาฬสินธุ์จัดใหญ่หลาย  “โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท” รวมชาติพันธุ์ผู้ไทหนึ่งเดียวในโลก   กาฬสินธุ์ เมืองน้ำดำพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมผู้ไทนานาชาติ “โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท” เนรมิตสวนเฉลิมพระเกียรติ เป็นจุดรวมชนเผ่าผู้ไททั่วภาคอีสาน รวมถึง สปป.ลาว และเวียดนาม เพื่อแสดงอัตลักษณ์ความเป็นหนึ่งเดียวและรวมชาติพันธุ์ผู้ไทหนึ่งเดียวในโลก เพิ่มความรวยเล็กๆ ไม่ใหญ่ๆ ผู้ไททำ สอดคล้องแนวทางการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 66 ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ อ่างเก็บน้ำห้วยสายนาเวียง ต.คุ้มเก่า อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานแถลงข่าวจัดมหกรรมผู้ไทนานาชาติ “โฮมรากเหง้าเหล่าผู้ไท” ประจำปี 2566 (ผู้ไทอินเตอร์เนชั่นแนล เฟสติวัล 2023) นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า งานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ อำเภอเขาวง ประจำปี 2566 กำหนดจัดขึ้นวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อเผยแพร่อัตลักษณ์ เอกลักษณ์ของชาวผู้ไท รวมทั้งฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ผู้ไท อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภายในงานจะได้พบกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมชาวผู้ไท ความหลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมชมวิถีชีวิตชาวผู้ไทใน จ.กาฬสินธุ์ และใกล้เคียง เช่น ชาวผู้ไทกาฬสินธุ์ ชาวผู้ไทสกลนคร ชาวผู้ไทนครพนม ชาวผู้ไทโสธร ชาวผู้ไทมุกดาหาร ชาวผู้ไทอุดรธานี รวมทั้งชาวผู้ไทจาก สปป.ลาว และชาวผู้ไทเวียดนาม การจัดงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติครั้งนี้เป็นการแสดงถึงความร่ำรวยเพื่อความสุขในปีกระต่ายทอง ตามหลักการทำงาน 3 รวย คือ ร่ำรวยวัฒนธรรม ร่ำรวยน้ำใจ ร่ำรวยสุขภาพ และ 3 ใจ คือ เข้าใจ ไว้ใจ และร่วมใจ เพื่อพัฒนา จ.กาฬสินธุ์ไปสู่เมืองแห่งความร่ำรวย และเมืองแห่งความสุข ชาวผู้ไทมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และสืบสานจากรุ่นสู่รุ่นอย่างเหนียวแน่น ทั้งด้านอาหาร การแต่งกาย ภาษา การแสดงดนตรีพื้นบ้าน พิธีกรรมและความเชื่อ ภายในงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติครั้งนี้จะได้ชมขบวนแห่รากเหง้าผู้ไทกาฬสินธุ์ จาก อ.เขาวง อ.นาคู อ.กุฉินารายณ์ อ.ห้วยผึ้ง อ.คำม่วง การแสดงพิธีกรรมเหยา เอาบุญเลาะตูบ กินข้าวฮ่วมพา (พาแลง) การแสดงศิลปวัฒนธรรมผู้ไท จำหน่ายสินค้าโอทอป  “ชาวกาฬสินธุ์และชาติพันธุ์ชาวผู้ไทจากหลายอำเภอเป็นเจ้าบ้านที่ดี และเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่จะมาร่วมงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติด้วยความยินดียิ่ง” ขอเชิญมาเที่ยวงานมหกรรมผู้ไทนานานาชาติโดยพร้อมเพรียงกัน ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ อ่างเก็บน้ำห้วยสายนาเวียง ซึ่งทางฝ่ายรักษาความปลอดภัย ทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง การันตีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวตลอดการจัดงาน   อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/local/detail/9660000003276  #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #กาฬสินธุ์ #ผู้ไท #โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท 

ฮู้จัก “สต็อกโฮล์ม” 🐐✨ SME ฟาร์มแพะมหาสารคาม ผู้บุกเบิกฟาร์มแพะครบวงจรภาคอีสานรายแรกๆ ของไทย

ฮู้จัก “สต็อกโฮล์ม” 🐐✨ SME ฟาร์มแพะมหาสารคาม ผู้บุกเบิกฟาร์มแพะครบวงจรภาคอีสานรายแรกๆ ของไทย ทำความรู้จักกับธุรกิจฟาร์มแพะครบวงจรภาคอีสานรายแรกๆ ของไทยอย่าง “สต็อกโฮล์ม” (Stockholm) SME จาก จ.มหาสารคาม ที่เริ่มต้นด้วยการเปิดร้านอาหารสัตว์และต่อยอดจนเกิดเป็นฟาร์มแพะครบวงจรในที่สุด พร้อมกับมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจฟาร์มแพะในอนาคต เนื่องจากผลิตภัณฑ์จาก “แพะ” มีทิศทางตลาดเติบโตสูง จากความนิยมรับประทานเนื้อและนม รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปที่เพิ่มขึ้น ผลักดันให้มีผู้ประกอบการสนใจเข้ามาลงทุนทำธุรกิจฟาร์มเลี้ยงแพะ จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บุกเบิกธุรกิจฟาร์มเลี้ยงแพะเป็นรายแรกๆ ของเมืองไทย และพัฒนาจนยืนหนึ่งด้วยการเป็นฟาร์มเลี้ยงแพะครบวงจร ต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำแห่งเดียวในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะการเป็นศูนย์ผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งแพะ และต่อยอดธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง มีส่วนสำคัญ ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่คนท้องถิ่น โดย SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย เป็นเพื่อนร่วมทาง สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง เยาวลักษณ์ แดนพันธ์ หรือ “เจี๊ยบ” เจ้าของกิจการ เผยเส้นทางธุรกิจ “สต็อกโฮล์ม” เริ่มจากเปิดร้านขายสินค้าการเกษตร โดยเฉพาะ “อาหารสัตว์” อยู่ที่ อ.เมือง จ.มหาสารคาม ประกอบกับส่วนตัว เรียนจบด้าน “สัตวศาสตร์” จึงนำมารู้ มาขยายธุรกิจ ช่วยเสริมเกื้อหนุนกับธุรกิจเดิม ด้วยการทำฟาร์มเลี้ยง “แพะขุน” อยู่ที่ ต.หนองเรือ อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม เพราะมองแนวโน้มสินค้าจากแพะยังเป็นตลาดใหม่ในเมืองไทย โอกาสยังเปิดอีกกว้าง รวมถึง ข้อดีของการเลี้ยงแพะ มีวงจรตั้งท้องเพียง 5 เดือน ทำให้สามารถขายแพะได้ถึง 2 รอบต่อปี   ทั้งนี้เธอได้นำความรู้ด้าน “สัตวศาสตร์” มายกระดับฟาร์มเลี้ยงสู่ศูนย์ผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งแพะ ที่ได้มาตรฐานกรมปศุสัตว์ ซึ่งถือเป็นรายแรกของภาคอีสาน และเป็นรายที่สองของประเทศไทยจากทั้งหมดสามราย เปิดจำหน่ายน้ำเชื้อแพะให้แก่ผู้สนใจที่จะทำธุรกิจฟาร์มแพะ นำ “น้ำเชื้อ” ไปผสมเทียมเพื่อขยายพันธุ์ต่อไป โดยพ่อพันธุ์นำเข้ามาจากต่างประเทศ มีพระเอก คือ “แซมมี่ บอย” พันธุ์ Chammy America Bore Goat สุดยอดพ่อพันธุ์ สายแชมป์ นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ตอนอายุ 8 เดือน ในราคา 5 แสนบาท ปัจจุบันอายุประมาณ 3 ปี ถ้าจะขาย ราคาไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท   นอกจากนี้เธอยังอธิบายถึงจุดเด่นด้านบริการของ “สต็อกโฮล์ม” ที่นอกจากการจำหน่ายน้ำเชื้อแล้ว ยังสอนกระบวนการผสมเทียมแบบวิธีฉีดน้ำเชื้อผ่านช่องคลองให้ด้วย ซึ่งเป็นวิธีที่ง่าย ใครๆ ก็ทำได้ เหมาะแก่เกษตรกรหน้าใหม่หรือผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพนี้ สามารถนำไปต่อยอด ขยายพันธุ์แพะได้ด้วยตัวเองในอนาคต   ไอเดียธุรกิจยังไม่หยุดนิ่งเท่านั้น เธอได้เนรมิตพื้นที่ภายในฟาร์มให้กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้การเลี้ยงแพะครบวงจร เปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้ามาเรียนรู้ และเมื่อมีคนเข้ามาจำนวนมาก ต่อยอดเปิดโซนคาเฟ่ไว้รองรับ …

ฮู้จัก “สต็อกโฮล์ม” 🐐✨ SME ฟาร์มแพะมหาสารคาม ผู้บุกเบิกฟาร์มแพะครบวงจรภาคอีสานรายแรกๆ ของไทย อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top