พิโกไฟแนนซ์ หนี้เพิ่มต่อเนื่อง NPL ทะลุ 20% “ภาคอีสาน” นำโด่ง มีหนี้หลายกว่าหมู่

นายสมเกียรติ จตุราบัณฑิต นายกสมาคมพิโกไฟแนนซ์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีทิศทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยหากดูเอ็นพีแอลก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 หนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน อยู่ที่ 12.54% ของยอดสินเชื่อคงค้าง หรือคิดเป็นเม็ดเงินราว 351 ล้านบาท และล่าสุดในเดือนมีนาคม 2566 ยอดค้างชำระเกิน 3 เดือน ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20.84% หรือคิดเป็น 1,350 ล้านบาท

ทั้งนี้ สินเชื่ออนุมัติสะสม ณ เดือนมีนาคม 2566 จำนวนบัญชีทั้งสิ้น 3.13 ล้านบัญชี ซึ่งเป็นจำนวนเงินรวม 3.12 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น สินเชื่อแบบมีหลักประกันจำนวน 4.34 แสนบัญชี เป็นจำนวนเงิน 1.21 หมื่นล้านบาท และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันจำนวน 2.69 ล้านบัญชี เป็นจำนวนเงิน 1.91 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ดี หนี้ NPL ที่ปรับเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะเกิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกร ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ราคาผลผลิตตกต่ำ รวมถึงในช่วงที่เกิดโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถขายสินค้าได้ ตลอดจนกลุ่มปศุสัตว์ การเลี้ยงสุกรและโคขุน เพื่อนำไปขายต่างประเทศ พบปัญหาเศรษฐกิจไม่สามารถส่งออกไปขาย ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงมีดอกเบี้ยผิดนัดค้างชำระสะสม แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ปรับดีขึ้น แต่รายได้ยังคงมีไม่เพียงพอชำระหนี้ค้างสะสม

“ยอมรับว่าหนี้ NPL ส่วนใหญ่เกิดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดติดชายแดนที่เป็นกลุ่มเกษตรเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะโคขุนเพื่อขายให้กัมพูชา แต่พบปัญหาราคาตก ทำให้ไม่มีเงินชำระหนี้ หรือกลุ่มรายได้ประจำที่อยู่ในกลุ่มโรงงาน ภาคตะวันออก ถูกลดโอที ค่าโบนัส ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง หรือกลุ่มผู้มีรายได้ประจำที่ลาออกจากงาน ทำให้ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้”

อีสาน ลูกค้าเบี้ยวหนี้เพียบ

นายบูรพงศ์ วรรักษ์ธารา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บูราพาณิชย์ จำกัด ผู้ประกอบการพิโกไฟแนนซ์ พลัส จ.ขอนแก่น กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้ตัวเลข NPL ของบริษัทขยับเพิ่มขึ้นใกล้ 20% แล้ว จากยอดปล่อยกู้สะสมประมาณ 20-30 ล้านบาท โดยกลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้ประกอบการธุรกิจค้าขาย กู้เฉลี่ย 1 แสนบาท/ราย และกลุ่มที่กู้เพื่อนำไปใช้จ่ายในครัวเรือน

ปัจจัยหลักมาจากค่าครองชีพของลูกค้าสูงขึ้น แต่เงินเดือนหรือรายได้เท่าเดิม สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้การชำระเงินกู้ของลูกค้าลดน้อยลง แม้กระทั่งเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการก็เริ่มชะลอการใช้หนี้ เพื่อกุมเงินไว้ก่อน เนื่องจากไม่แน่ใจในภาวะเศรษฐกิจ

ขณะนี้ภาพรวมหนี้เสียของพิโกไฟแนนซ์ในขอนแก่นมีจำนวนมากขึ้น ปัจจุบัน ตัวเลข NPL น่าจะอยู่ที่ 25-26% และมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปี 2565 ที่ผ่านมา จากรายได้ที่ไม่พอรายจ่าย โดยเฉพาะค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น สะท้อนจากปริมาณของหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น

สำหรับบริษัทเองปัจจุบันปล่อยกู้สะสมไปแล้ว 22 ล้านบาท เกิดหนี้เสียประมาณ 20% จากปีที่แล้วเพียง 10% กว่า ๆ ลูกค้ามาจากหลากหลายอาชีพ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีเงินเดือนประจำ ทั้งพนักงานค้าปลีก ค้าส่ง โรงงาน โรงพยาบาล เป็นต้น ที่ผ่านมามีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่มีรายได้แล้วแต่ไม่มาใช้หนี้ แต่นำไปใช้จ่ายในครัวเรือน บางคนจงใจเบี้ยวหนี้ ลาออกจากงานประจำแล้วหายไปเลย

“ส่วนใหญ่เราจะปล่อยกู้เฉลี่ยประมาณ 40,000 บาท/ราย สูงสุดไม่เกินรายละ 50,000 บาท และจากนี้ไปจะเพิ่มความเข้มงวดในการวิเคราะห์และปล่อยกู้มากขึ้น เช่น ความน่าเชื่อถือของสถานที่หรือบริษัทที่ลูกค้าทำงานอยู่ รายได้สุทธิต่อเดือนต้องสูง 7,000-8,000 บาทขึ้นไป เป็นต้น”

อ้างอิงจาก:

https://www.prachachat.net/local-economy/news-1351279

ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่

Leave a Comment

Your email address will not be published.

Scroll to Top