Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

เริ่ดแฮง ! กระทรวงการอุดมศึกษา  ดันสินค้าชุมชน U2T for BCG อีสานศรีสะเกษ-สุรินทร์ 

เริ่ดแฮง ! กระทรวงการอุดมศึกษา  ดันสินค้าชุมชน U2T for BCG อีสานศรีสะเกษ-สุรินทร์    เมื่อพูดถึงจังหวัดศรีสะเกษและสุรินทร์ หลายคนมักนึกถึงสินค้าชุมชนที่หลากหลาย ทั้งสินค้าทางการเกษตร พืชผัก ข้าว ผ้าไหม เครื่องจักสานต่างๆ เป็นต้น ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมและเพิ่มมูลค่าทางวัตถุดิบให้เกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่ขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทยไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ได้ดำเนินโครงการ “มหาวิทยาลัยสู่ตำบล U2T for BCG” เพื่อเพิ่มมูลค่า ยกระดับสินค้าชุมชนให้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน   โดย ดร.ดนุช ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เจ้าของฉายา “มิสเตอร์ U2T” ลงพื้นที่ลุยกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์และแนะนำผลิตภัณฑ์สินค้า U2T for BCG” ที่จังหวัดศรีสะเกษ และสุรินทร์ต่อเนื่อง พร้อมช่วยเหลือและสนับสนุนชุมชนทุกรูปแบบ นำองค์ความรู้ต่างๆ ทั้งคลินิกเทคโนโลยี, Science Park และศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ (UBI) ที่มีอยู่ มาช่วยพัฒนาสินค้าให้ชุมชนตั้งแต่จิ้งหรีดจนถึงจานดาวเทียม จิ้งหรีดก็พัฒนาทำเป็นโปรตีนผง ซึ่งมีโปรตีนสูงมาก และสามารถทำราคาขายได้ดีกว่า ส่วนดาวเทียม ก็มีสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ดูแลเรื่องดาวเทียม ที่ดูแลสภาพอากาศให้สินค้าทางการเกษตร    ด้านการผลักดันสินค้า U2T ไปจนถึงการส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของชุมชนว่า มีความต้องการถึงขั้นไหน เช่น ทำตลาดออนไลน์ ขอ อย. ต้องการเอาสินค้าเข้าไปขายในห้างสรรพสินค้า หรือไปไกลถึงขั้นส่งออกตลาดต่างประเทศ แต่ ณ วันนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาดแล้ว ในเรื่องของการช่วยเหลือ ส่งเสริมและสนับสนุนในเรื่องของการทำมาร์เก็ตติ้งออนไลน์ เพราะสินค้าผลิตไม่ทันขาย   ปีงบประมาณ 2566 อว. ยังคงมุ่งเน้นเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและบริการด้าน BCG หรือ Bio Circular Green Economy ในพื้นที่ด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อให้ผลิตภัณฑ์และบริการออกสู่ตลาดอย่างเป็นระบบ จังหวัดศรีสะเกษและสุรินทร์ มีจุดได้เปรียบในหลายๆ เรื่อง มหาวิทยาลัยและชุมชนจึงนำทรัพยากรต่างๆ ในแต่ละชุมชน แต่ละตำบล แต่ละอำเภอมาเพิ่มมูลค่าเป็นสินค้าใหม่ๆ รวมถึงนำทรัพยากรที่เป็นของเสียมาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างเงิน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนมากขึ้น   ยกตัวอย่างเช่น สินค้าภายใต้แบรนด์ “กูยรงระ” ของชุมชนบ้านรงระ ต.ตูม อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีหลากหลายผลิตภัณฑ์ทั้งข้าวสาร ปลาส้ม ปลาร้าบรรจุขวด โลชั่นทาผิว แชมพูสระผม โคลนหมักผม ผ้าไหม ผ้าทอ กระเป๋าผ้าปักมือ เป็นต้น ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากโครงการ U2T …

เริ่ดแฮง ! กระทรวงการอุดมศึกษา  ดันสินค้าชุมชน U2T for BCG อีสานศรีสะเกษ-สุรินทร์  อ่านเพิ่มเติม »

ออนซอนคักหลาย “สมใจ” จับมือ “เงินติดล้อ” ใช้แพลตฟอร์มไอที หนุนธุรกิจพันธมิตรผู้ขายรถจักรยานยนต์

นางสาวธนิตตา ชัยคณารักษ์กูล และ นายบัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สมใจ 2559 จำกัด (“สมใจ”) ผู้ประกอบธุรกิจเช่าซื้อและผู้ให้บริการสนับสนุนการดำเนินงานของผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ จับมือ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดยนายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เพื่อร่วมลงทุนเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ โดยได้เสนอขายหุ้นให้ บมจ.เงินติดล้อ ไม่เกิน 10% ด้านนายบัณฑิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สมใจ 2559 จำกัด กล่าวว่า “สมใจ” มีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจเช่าซื้อและผู้ให้บริการสนับสนุนการดำเนินงานของผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ มากกว่า 40 ปี ซึ่งปัจจุบันสมใจมีพันธมิตรผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์กระจายตัวอยู่หลากหลายภูมิภาคทั่วประเทศ และยังคงเปิดรับพันธมิตรผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยสนับสนุนบริการด้านสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ให้กับพันธมิตรผ่านการใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Platform) ของเงินติดล้อ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ท่ามกลางการกำกับดูแลธุรกิจที่เข้มข้นจากหน่วยงานภาครัฐในปัจจุบัน โดยการจับมือกับเงินติดล้อในฐานะผู้นำธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถที่มีจุดแข็งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีไอทีในครั้งนี้ เพื่อติดปีกสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับสมใจและพันธมิตรผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น 1.การใช้ช่องทางการขายร่วมกันเพื่อเพิ่มยอดขายรถจักรยานยนต์ให้กับพันธมิตร 2.การทำการตลาดร่วมกันเพื่อเพิ่มการรับรู้และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้กับพันธมิตรในแต่ละพื้นที่ 3.การให้คำแนะนำและความช่วยเหลือในการขยายเครือข่ายสาขาของพันธมิตรผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ 4.การบริหารและการควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน รวมถึงการพัฒนาบุคลากรร่วมกัน เป็นต้น นายปิยะศักดิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ”เงินติดล้อ” กล่าวว่า เหตุผลที่เงินติดล้อร่วมลงทุนใน บริษัท สมใจ 2559 จำกัด นั้น เนื่องจากประทับใจการดำเนินงานโดยผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์และความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างและสร้างสรรค์ นอกจากนี้ การใช้สินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์อาจถือเป็นการกู้ยืมเงินในระบบครั้งแรกของประชาชน เงินติดล้อจึงต้องการมีส่วนช่วยยกระดับมาตรฐานและความเป็นธรรมในกระบวนการสินเชื่อประเภทนี้อีกด้วย อ้างอิงจาก: https://www.koratdaily.com/blog.php?id=15514 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #เงินติดล้อ #สมใจ

ปังคักหลาย ธุรกิจหมอลำ ฟื้นจากโควิด เดินสายโกยรายได้ก่อนปิดฤดูกาล

กำลังครึกครื้นทั่วไทยสำหรับกิจกรรมการแสดงหมอลำ หนึ่งในเวทีความบันเทิงที่ฟื้นตัวกลับมาแล้วอย่างเต็มรูปแบบหลังเกิดโควิด-19 โดยเฉพาะเวทีหมอลำใหญ่ “ลำเรื่องต่อกลอน” ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากทุกเพศทุกวัย รวมยอดคนดูนับหมื่นคนต่อคืน สร้างรายได้และเงินสะพัดหลายล้านบาทต่อเดือน หมอลำเงินดีกว่าค่าแรงขั้นต่ำ เฉพาะในจังหวัดขอนแก่น 26 อำเภอ ที่เป็นเมืองหมอแคนแดนหมอลำมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มีวงหมอลำกระจายอยู่เกือบทุกอำเภอ ช่วงการแสดงคือออกพรรษา-ช่วงเข้าพรรษา ระยะเวลารวมประมาณ 9 เดือน หลังจากนั้นถึงจะหยุดพักงาน โดยหมอลำกลอนแบบดั้งเดิมราคาจ้างอยู่ที่ 2-3 หมื่นบาท/งาน/วัน หมอลำซิ่งหรือหมอลำกลอนประยุกต์ราคาอยู่ที่ 4-6 หมื่นบาท/งาน/วัน ถัดมาเป็นหมอลำเรื่องต่อกลอน ซึ่งเป็นหมอลำวงใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุด ในจังหวัดมีเกือบ 20 วง ทั้งวงเล็กวงใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ 2 แสนบาทขึ้นไป คณะใหญ่ที่มีชื่อเสียงหากไม่มีคนจ้างงานก็สามารถแสดงแบบเก็บบัตรหน้างานได้ เพราะมักจะมีแฟนคลับ มีพ่อยก แม่ยก เป็นจำนวนมาก “สำหรับหมอลำที่โด่งดังที่สุดในภาคอีสานขณะนี้ จะเป็นหมอลำเรื่องต่อกลอน 3 อันดับแรก คือ ระเบียบวาทะศิลป์ ประถมบันเทิงศิลป์ และรัตนศิลป์อินตาไทยราษฎร์ ราคาจ้างงานขั้นต่ำจะอยู่ที่ 2.5 แสนบาท/งาน/วัน บุคลากร 300-400 คน/วง คณะที่เหลือก็รองลงมา ทั้งคนและราคาจ้างก็ลดหลั่นลงตามลำดับ เรียกได้ว่าในธุรกิจหมอลำสร้างเงินสะพัดได้หลายร้อยบาทต่อเดือนต่อปี แต่ประเมินค่อนข้างยากเพราะแต่ละวงมีขนาดไม่เท่ากัน อัตราการจ้างงานก็ต่างกัน ความถี่การรับงานหรือการแสดงก็เฉลี่ยไม่ได้” “คุณราตรี ศรีวิไล” บอกว่า อาชีพหมอลำหากมีชื่อเสียงจะหาเงินได้มากกว่าเงินเดือนค่าแรงขั้นต่ำ อาจได้มากถึง 2-3 หมื่นบาท/เดือน ระดับแดนเซอร์เฉลี่ยขั้นต่ำ 500 บาท/คืน ยิ่งช่วงเทศกาลจะได้มากเป็นพิเศษ โดยคณะหมอลำใหญ่ที่มีชื่อเสียงเมื่อหักค่าใช้จ่ายหลังการแสดงและแบ่งค่าแรงในวงแล้ว จะได้กำไรไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท/วัน แต่อาชีพนี้มีความเสี่ยงคือความไม่แน่นอน เพราะไม่ใช่งานประจำที่มีเงินเดือนตลอด เป็นอาชีพที่กอบโกยได้เฉพาะในช่วงนี้เท่านั้น “อย่างไรก็อยากฝากถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้ามาช่วยดูแลสนับสนุนหมอลำพื้นถิ่นในพื้นที่มากขึ้น มากกว่าวงคอนเสิร์ตสตริงหรือเพื่อชีวิต และอยากให้เข้ามาพัฒนาหมอลำรุ่นใหม่เพื่อเชื่อมโยงศิลปะและวัฒธรรมมากขึ้น เพราะหมอลำยุคใหม่หลายคนไม่มีความรู้และวิ่งตามสื่อ วิ่งตามกระแสมากเกินไป จนขาดความเป็นศิลปะและวัฒนธรรมที่เป็นรากเหง้าแท้จริง” อ้างอิงจาก: https://www.prachachat.net/local-economy/news-1209533 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจหมอลำ #หมอลำ #การแสดงหมอลำ

ห้ามพลาดเด้อสู “พาข้าว” จุดเช็กอินใหม่โคราช จุดพักรถของนักเดินทาง

ห้ามพลาดเด้อสู  “พาข้าว” จุดเช็กอินใหม่โคราช จุดพักรถของนักเดินทาง   เปิดบริการเป็นทางการ “พาข้าว” คอมมูนิตี้ มอลล์ใหม่สุดของโคราช เครือไทยสงวนทุ่ม 100 ล้าน เนรมิตเป็นจุดพักรถของนักเดินทาง และศูนย์รวมความสุขคนโคราชที่พลาดไม่ได้ “PHA-KHAO พาข้าว” คอมมูนิตี้มอลล์ โคราช ถือฤกก์ดีรับเทศกาลแห่งความรัก แกรนด์โอเพนนิ่งยิ่งใหญ่  “เครือไทยสงวน” ทุ่มทุนกว่า 100 ล. เนรมิตพื้นที่ 7 ไร่ หน้าสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 2 วางเป้าหมายเป็นจุดแวะพักรถของนักเดินทาง และศูนย์รวมความสุขของคนโคราช ท่ามกลางความร่มรื่นของแมกไม้ ร้านค้าแบรนด์ดังกว่า 40 ร้าน    โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิด โดยเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ (Community mall) หรือ “ศูนย์การค้าชุมชน” ที่ให้บริการสินค้าและบริการทั่วไปอย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังมี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวแสดงความยินดี และมีนายศรรบ หล่อธราประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสงวนโภชนา จำกัด กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ    นายศรรบ หล่อธราประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสงวนโภชนา จำกัด และบริษัท ไทยสงวนบริการ จำกัด ผู้บริหารสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 2 เปิดเผยว่า  โครงการ “พาข้าว” หรือ PHA-KHAO Rest Area @Korat  ได้เปิดให้บริการ เพื่อเป็นคอมมูนิตีมอลล์ (Community mall) หรือ “ศูนย์การค้าชุมชน” ที่ให้บริการสินค้าและบริการทั่วไป อย่างเป็นทางการ โดยมีร้านค้าเข้ามาเป็นพันธมิตรเปิดให้บริการกับโครงการเต็มพื้นที่   จากที่ได้ทดลองเปิดให้บริการลูกค้ามาระยะหนี่ง “พาข้าว” ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ที่เดินทางผ่านโคราชไปต่างจังหวัด และอำเภอต่าง ๆ  และแวะพักรถที่พาข้าวเพื่อมาเลือกซื้อและเลือกรับประทานอาหารขึ้นชื่อที่นี่ รวมถึงผู้โดยสารที่เดินทางมาสถานีขนส่ง เพื่อมาขึ้นรถโดยสารประจำทาง ตลอดจนประชาชนชาวโคราชในเขตตัวเมืองนครราชสีมา กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และนักท่องเที่ยว     โดยพาข้าวมีพื้นที่อเนกประสงค์ สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตลอดทั้งวัน ในโอกาสเปิดอย่างเป็นทางการ  ได้จัดพื้นที่ตลาด หรือ “พาข้าวแฟร์” โดยมีการออกบูทขายอาหารและสินค้าขึ้นชื่อของโคราช  และร้านค้าต่าง ๆ ในพาข้าวได้ จัดโปรโมชันพิเศษ เพื่อร่วมฉลองการเปิดโครงการ   ภายในโครงการมีสินค้าแบรนด์ดังต่าง ๆ เข้ามาเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เช่น KFC Drive Thru, เซเว่น อีเลฟเว่น, …

ห้ามพลาดเด้อสู “พาข้าว” จุดเช็กอินใหม่โคราช จุดพักรถของนักเดินทาง อ่านเพิ่มเติม »

พาจอบเบิ่ง CCP เผยแผนธุรกิจปี 66 รุกตลาดภาคอีสาน ปักเป้ารายได้ 2,600 ล้านบาท

CCP เผยแผนธุรกิจปี 2566 ชูกลยุทธ์พัฒนา Precast พร้อมใช้ ขยายธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ รุกตลาดภาคอีสาน เตรียมลงเครื่องจักรใหม่ขยายกำลังการผลิต เพิ่มความสามารถทำกำไร ตั้งเป้ารายได้ 2,600 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรขั้นต้น 12% ภาพรวมเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว การลงทุนโครงการภาครัฐ โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) หนุนภาคเอกชนขยายตัวตาม ดันความต้องการใช้คอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่ม ขณะที่บริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทย่อย เร่งเดินหน้าตามแผน ดันรายได้เติบโตตามเป้า นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) พร้อมใช้งาน ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในปัจจุบัน ที่ต้องการความรวดเร็ว ประหยัดเวลา ลดต้นทุน ลดจำนวนแรงงานในการก่อสร้าง อีกทั้ง เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บ่อพัก รางระบายน้ำ ท่อระบายน้ำขนาดพิเศษ ท่อร้อยสายไฟใต้ดิน บล็อกปูพื้นทางเดิน บล็อกหญ้า รองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน และงาน Landscape ทั่วประเทศ อีกทั้ง เร่งขยายการให้บริการ ธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mix) ลักษณะ Mobile Plant ในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคอีสาน สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยจัดตั้งแพลนท์ปูนชั่วคราวที่สามารถรื้อถอนได้ รวมถึงให้บริการเช่ารถขนส่ง รถโม่ผสมคอนกรีต เพื่อสามารถเข้าพื้นที่หน้างานได้รวดเร็ว คงคุณภาพของคอนกรีตผสมเสร็จให้ลูกค้า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องผสมคอนกรีต ใน จ.หนองคาย คาดเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 1/2566 และเตรียมขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มเติมในเขตพื้นที่ จ.ระยอง จ.ฉะเชิงเทรา ภายในปีนี้ สำหรับการร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจ จัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการบริหารจัดการคลังสินค้า เขตปลอดอากร (Free Zone) ในโซนแหลมฉบัง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเฟสแรกได้ภายในไตรมาส 4/2566 ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทวางงบลงทุนเครื่องจักรใหม่ รวมถึงปรับปรุงโรงงานผลิต มูลค่า 80 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ลดจำนวนแรงงาน ลดความผิดพลาด ความสูญเสียในการผลิต เพิ่มความสามารถทำกำไร พร้อมทั้งเตรียมแผนบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อให้องค์กรสามารถดำเนินงานตามเป้าหมายในปีนี้ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ประมาณ 12 % ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ประมาณ 1,600 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2567 …

พาจอบเบิ่ง CCP เผยแผนธุรกิจปี 66 รุกตลาดภาคอีสาน ปักเป้ารายได้ 2,600 ล้านบาท อ่านเพิ่มเติม »

ปังหลาย !  GMM SHOW เผยพลัง Soft Power  ชวนเด็ก มข. ออกแบบ LOGO ในงาน “เฉียงเหนือเฟส”

ปังหลาย !  GMM SHOW เผยพลัง Soft Power  ชวนเด็ก มข. ออกแบบ LOGO ในงาน “เฉียงเหนือเฟส”   พลังของคนรุ่นใหม่เบิกบานทั่วทุกสารทิศ อีกหนึ่งพลัง Soft Power ที่ทางผู้จัดงานเทศกาลดนตรีใหม่และใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน Chang Music Connection presents “เฉียงเหนือเฟส” (ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น พรีเซนต์ ‘เฉียงเหนือเฟส’) ได้เล็งเห็นถึงความสวยงามของวิถีทางวัฒนธรรมของชาวอีสาน นอกจากความสนุกทางดนตรีที่ทางผู้จัดอย่างทีม ‘All Area’ (ออลล์แอเรีย) ผู้จัดอันดับหนึ่งที่มีความเชียวชาญในการปั้นแบรนด์มิวสิดเฟสติวัลใหม่ ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ อย่างทีม ภายใต้หน่วยงาน ‘GMM SHOW’ (จีเอ็มเอ็มโชว์) ในเครือ ‘GMM GRAMMY’ (จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่) ให้ความสำคัญแล้ว    อีกทั้งยังมีอีกความภูมิใจที่ได้ชวนน้องๆ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มามีส่วนร่วมสร้างสรรค์ สะท้อนความเป็นอีสาน ความภาคภูมิใจ มาร่วมกันออกแบบ LOGO และ ลวดลาย Pattern ที่แสดงออกถึงความมีเอกลักษณ์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ตกแต่งภายในเทศกาลดนตรี “เฉียงเหนือเฟส” ครั้งนี้    โดยมีน้องๆ ให้ความสนใจร่วมส่งผลงาน ออกแบบตราสัญลักษณ์ (Logo) เฉียงเหนือเฟส และ ธง ซึ่งผู้ผ่านการคัดเลือกทั้ง 18 คน ได้รับเกียรติบัตร และบัตรเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรี “เฉียงเหนือเฟส” พร้อมทั้งโอกาสที่ได้ร่วมงานกับดีไซน์เนอร์ระดับประเทศ โดยในปีต่อๆ ไป ทางผู้จัดมีความตั้งใจที่จะชวนน้องๆ นักศึกษามหาวิทยาลัย จากทั่วทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาร่วมออกแบบสร้างสรรค์ ผลงานที่จะมาสื่อสารสะท้อนวิถีทางวัฒนธรรม และความภูมิใจของชาวอีสานสืบต่อไป   อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/entertainment/detail/9660000013141   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #เฉียงเหนือเฟส #GMM #มข

ปังคักหลาย เทรนด์ใหม่วาเลนไทน์ 2023 ที่ผ่านมา วัยทำงานฮิตมอบช่อเงินสดให้คู่รักแทนกุหลาบแดง

เทศกาลวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ร้านขายดอกไม้ต่าง ๆ ในตัวเมืองนครราชสีมามีความคึกคักเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะร้านขายดอกไม้สดที่ตลาดแม่กิมเฮง ภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ได้มีการนำช่อดอกไม้มาวางโชว์หน้าร้านเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งดอกไม้สด เช่น ดอกกุหลาบ ดอกลิลลี่ และดอกเบญมาศ ส่วนดอกไม้แห้ง และดอกไม้พลาสติกก็มีจัดเป็นช่อไว้มากเช่นกัน โดยมีลูกค้าแวะมาเลือกซื้อกันอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน นอกจากดอกไม้สด ดอกไม้พลาสติก และดอกไม้แห้งแล้ว หลายร้านยังมีการนำธนบัตรเงินสดมาจัดเป็นช่อดอกไม้มาวางขายหน้าร้านอีกด้วย เช่นที่ร้านอ้วนดอกไม้ ซึ่งเป็นร้านขายดอกไม้รายใหญ่ในตลาดแม่กิมเฮง ได้มีการนำธนบัตรชนิดต่าง ๆ มาจัดเป็นช่อดอกไม้วางขายหน้าร้าน โดยมีลูกค้ามาเลือกซื้อไปให้คนรักเนื่องในเทศกาลวันวาเลนไทน์อย่างต่อเนื่อง คุณศศิธร ไกรตรวจพล ผู้จัดการร้านอ้วนดอกไม้ ตลาดแม่กิมเฮง เปิดเผยว่า ปีนี้ทางร้านสั่งดอกกุหลาบมาจากหลายพื้นที่ ทั้งจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภาคเหนือ และประเทศจีน โดยสั่งเข้ามาทั้งหมด 30 ลัง เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าที่จะซื้อไปมอบให้คนรักในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ แต่เนื่องจากปีนี้ดอกไม้แพงกว่าปีที่แล้วถึง 3 เท่า ทำให้ร้านต้องปรับขึ้นราคาขายตามไปด้วย โดยมีขายตั้งแต่ต่ำสุดดอกละ 20 บาท ไปจนถึงดอกละหลายร้อยบาท อยู่ที่ความสวยงามและขนาดของดอก ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่นิยมซื้อดอกกุหลาบสดให้กัน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา ขณะเดียวกันสำหรับกลุ่มคนวัยทำงาน เริ่มมีการเปลี่ยนค่านิยม จากการให้ดอกกุหลาบสด ที่มีราคาแพง และใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ เปลี่ยนมาเป็นการให้ช่อดอกไม้ที่ทำจากเงินสดแทน เพราะเข้ากับยุคเศรษฐกิจปัจจุบันดี โดยทางร้านคิดค่าทำไม่แพง เช่น ช่อที่มีธนบัตรชนิด 100 บาท จำนวน 30 ใบ จะคิดค่าจัดช่อดอกไม้เพิ่มแค่ 800 บาท รวมเป็นราคา 3,800 บาท อยู่ที่ลูกค้าจะสั่งตามกำลัง ลูกค้าบางคนก็สั่งเป็นธนบัตรชนิด 20 บาท 100 บาท 500 บาท หรือแม้กระทั่งชนิด 1,000 บาทก็มี จะใส่ธนบัตรไปกี่ใบก็ได้ โดยทางร้านจะคิดแค่ค่าจัดช่อ 300-800 บาทเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ก็มีลูกค้าสั่งออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนทางร้านทำแทบไม่ทัน อ้างอิงจาก: https://www.ch-newsthailand.com/50653/ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #วาเลนไทน์ #Valentine #ธุรกิจ #ร้านขายดอกไม้ #นครราชสีมา

อึ้งหลาย!  องุ่นเมืองหนาว ปลูกที่อุบลฯ  ได้ผลผลิตดีไม่แพ้ต่างแดน

อึ้งหลาย!  องุ่นเมืองหนาว ปลูกที่อุบลฯ  ได้ผลผลิตดีไม่แพ้ต่างแดน   สุดยอดดินไทยปลูกได้ทุกอย่าง องุ่นชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้สามารถปลูกได้ในพื้นที่แห้งแล้งของภาคอีสาน ที่จังหวัดอุบลราชธานี ผลผลิตและรสชาติที่ได้แทบไม่ต่างจากผลผลิตองุ่นที่ปลูกจากเกาหลีใต้ ที่สำคัญใช้ระยะเวลาแค่ 70-90 วันก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว โดยสวนองุ่นดังกล่าวตั้งอยู่ที่บ้านหนองกินเพลใต้ ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี น.ส.เด่นภา ถาวรสาย เจ้าของบ้านสวนองุ่นฮัน ลี เล่าถึงที่มาของการมาทำสวนว่า ตนและสามีเป็นเจ้าของสวนผลไม้อยู่ที่ประเทศเกาหลี จึงลองนำพันธุ์องุ่นไชน์มัสแคต และองุ่นพันธุ์มายฮาร์ต (องุ่นรูปหัวใจ) โดยใช้เทคโนโลยีมาต่อยอดปลูกที่บ้านเกิด เพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ในช่วงแรกมีความกังวล เพราะ จ.อุบลราชธานีอยู่ในดินแดนแห้งแล้งของอีสาน เดิมทำสวนยางพารา ปลูกข้าว แต่เมื่อลองทำปรากฏให้ผลเป็นที่น่าพอใจยิ่ง เพราะองุ่นที่นำมาปลูกได้ผ่านวิกฤตทั้งพายุโนรู ที่ทำให้มีน้ำมาก ทั้งที่เป็นช่วงต้องให้อดอาหารและน้ำต้องไม่มากจนเกินไป   ผลผลิตชุดแรกเก็บได้มากถึง 1,600 พวง เฉลี่ยขณะนี้น้ำหนักต่อพวงกว่า 4 ขีด เพราะให้ผลโตสมวัย ส่วนความหวาน หอม ก็ไม่น้อยหน้าจากต้นตำรับ ซึ่งเป็นที่นิยม ขณะนี้เหลือเพียงเสียงตอบรับจากผู้บริโภคเรื่องความกรอบเท่านั้น เพราะผลองุ่นจะให้ผลโตเต็มที่ เก็บขายได้จริงๆ ในราวเดือนมีนาคมถึงเมษายน ขณะนี้ก็อยู่ในช่วงให้ลูกค้าจองไว้ก่อน โดยองุ่นไซส์พรีเมียมหนักพวงละ 600 กรัมขึ้นไป กิโลกรัมละ 750 บาท ซึ่งมียอดจองแล้วกว่า 70 กิโลกรัม ที่เหลือยังเปิดจองไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด   โดยปีนี้คาดจะมีรายได้จากการขายองุ่นประมาณ 400,000 บาทเศษ และตั้งเป้าเก็บผลผลิตในรอบต่อไปในราวเดือนตุลาคมที่จะถึง ซึ่งสวนองุ่นของตนจะให้ผลผลิตได้มากถึง 8,000-9,000 พวง ซึ่งจะมีรายได้จากการเก็บผลผลิตขายกว่า 2 ล้านบาท โดยทั้งหมดเป็นราคาขายที่หน้าสวน จุดเด่นขององุ่นจากเกาหลีใต้ที่นำมาปลูก คือให้ผลผลิตต่อรอบเร็วกว่าในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ต้องใช้เวลาถึง 120 วันถึงจะเก็บผลผลิตได้ แต่ดินปลูกที่ประเทศไทยใช้เวลาเพียง 70-90 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตที่โตเต็มที่ออกขายได้แล้ว ขณะนี้กำลังคิดขยายต้นพันธุ์จำหน่ายให้แก่ผู้สนใจ โดยสามารถมาเรียนรู้วิธีการดูแล และการปลูกจากทางสวนได้ แต่ต้องเข้าใจว่าโรงเรือนใช้ปลูกอาจมีราคาสูงกว่าปกติ เพราะวัสดุใช้ทำโรงเรือนนำเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจากในประเทศไทยไม่มีขาย รวมทั้งผ้ายางที่ใช้คลุมก็เป็นแบบสะท้อนความร้อน ไม่ได้รับแดดและความร้อนเข้ามาในโรงเรือนที่ใช้ปลูกทั้งหมด ทั้งยังติดตั้งพัดลมระบายอากาศในช่วงที่อากาศร้อนจัดหน้าร้อนด้วย เพราะประเทศไทยมีอากาศร้อนกว่าที่เกาหลีใต้มาก สำหรับความมั่นคงแข็งแรงของโรงเรือนไม่ต้องห่วง มีความคงทน สามารถรองรับลมพายุโนรูเมื่อปีที่ผ่านมาแล้ว   ทั้งนี้ การปลูกองุ่นแค่เพียงปีเดียวเก็บผลผลิตออกขายได้แล้ว ต้องใส่ใจเรื่องการเตรียมแปลงปลูก เพราะองุ่นจะเจริญเติบโตเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับการเตรียมดินเป็นสำคัญ และควรปลูกแบบอินทรีย์ใช้มูลสัตว์เป็นปุ๋ย จะให้ผลดีที่สุด ส่วนสรรพคุณองุ่นมีมากมาย แต่ที่เห็นๆ คือ เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อปอด ม้าม และไต บำรุงโลหิต   อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์   #ISANInsightAndOutlook #อุบลราชธานี #วารินชำราบ #องุ่นไชน์มัสแคต #องุ่นพันธุ์มายฮาร์ต  

ชวนเบิ่ง “แมงแคง” เมนูสุดแซ่บที่สร้างรายได้งามให้แก่ชาวอีสาน

ชาวบ้าน บ้านโนนขี้ตุ่น หมู่ 9 ต.ตลาดเเร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ใช้เวลาว่าง พากันออกหาเก็บแมงแคง ที่มาหากินและอาศัยตามต้นผักบุ้งที่เกิดตามแหล่งน้ำต่าง ๆ ในชุมชน มาปรุงเป็นอาหารและเป็นของฝากญาติ ๆ หรือขายสร้างรายได้ โดยแมงแคง ตัวเป็น ๆ จะมีกลิ่นฉุนคล้ายแมงดา แต่เมื่อปรุงเป็นอาหารจะมีกลิ่นหอมอร่อยมาก ซึ่งชาวบ้านจะนิยมทำเมนู น้ำพริกแมงแคง คั่ว ทอด ซึ่งแมงแคงจะมีรสชาติหอมมันอร่อยยิ่งกว่าแมงดาหรือแมงจี้ซอนมาก เป็นที่ชื่นชอบของชาวอีสาน หากนำไปขายส่วนใหญ่จะทำเป็นกองหรือใส่ถุงขายราคา กองหรือถุงล่ะ 20-50 บาท สามารถทำเงินให้กับผู้ที่หาของป่าได้ วันล่ะ 300-500 บาทเลยที่เดียวในระยะนี้ ด้าน คุณวรรณวิลัย โลมะบุตร ชาวบ้าน บ้านโนนขี้ตุ่น หมู่ 9 ต.ตลาดเเร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ เผยว่าตนเองและครอบครัวจะใช้เวลาว่างในช่วงเย็น พากันขับจักรยานยนต์นำถุงหรือขวดน้ำเปล่า ตระเวนออกหาเก็บ แมงแคง ตามแหล่งน้ำ โดยเฉพาะที่บริเวณริมห้วยหรือหนองฉิม ซึ่งอยู่บริเวณทิศตะวันออกของหมู่บ้านเป็นแหล่งน้ำที่เริ่มแห้งขอด มีต้นผักบุ้งเกิดขึ้นเยอะ และมีแมงแคงออกมาหากินเป็นจำนวนมาก คุณวรรณวิลัยและครอบครัวจึงได้นำเอาขวดน้ำเปล่าหรือถุงพลาสติดออกเดินหาเก็บแมงแคงที่หากินตามต้นผักบุ้ง เพื่อนำไปปรุงเป็นอาหาร ซึ่งเป็นเมนูเด็ดหากินยาก นาน ๆ จะมีให้กินครั้งหนึ่ง ซึ่งในการออกหาแมงแคงแต่ล่ะครั้งจะได้ประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อครั้ง หากนำไปขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าหรือเพื่อนบ้านจะได้ประมาณ 200-300 บาท แต่สำหรับคุณวรรณวิลัยและครอบครัว จะนำมาปรุงเป็นอาหารและนำเป็นของฝากแก่ญาติ ๆ ให้ได้กินเสียก่อน เพราะเป็นเมนูที่หากินได้ยากนานปีจะมีให้กินครั้งหนึ่ง โดยแมงแคงที่หามาได้คุณวรรณวิลัยจะนำมาล้างน้ำให้สะอาด จากน้ำก็นำมาคั่วใส่เกลือ หรือรสดี และตำน้ำพริก จิ้มกับมะขามเทศ นำกินกับข้าวเหนียวอร่อยสุด ๆ ไปเลย อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbiznews.com/business/1050660 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #แมงแคง #ชัยภูมิ #เมนูแซ่บอีสาน

ในเดือนแห่งความรัก พามาเบิ่ง Tinder เผย นครราชสีมา และ ขอนแก่น  เป็นจังหวัดที่ video call หลายสุด

ในเดือนแห่งความรัก พามาเบิ่ง Tinder เผย นครราชสีมา และ ขอนแก่น  เป็นจังหวัดที่ video call หลายสุด   ปี 2564 ผลจากสถานการณ์การล็อกดาวน์ชาว Gen Z  ผู้ใช้งาน  Tinder  ทั่วโลกมีการใช้วิธีเดทผ่าน วิดีโอคอล (video call) โดยมีการระบุถึง “ วิดีโอคอล (video call) ” ในหน้าประวัติส่วนตัวบน Tinder เพิ่มมากขึ้นถึง 52% โดยสมาชิกในจังหวัดนครราชสีมา และขอนแก่น เป็น 2 จังหวัดที่มีการพูดคุยกันผ่านวิดีโอคอลมากที่สุดในประเทศไทย    ถึงแม้จะมีการล็อกดาวน์บางส่วน ทำให้การมาเจอกันยากขึ้น แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคของนักเดตชาวไทย เพราะพวกเขาใช้ฟีเจอร์ Passport ปักหมุดไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อตามหาคู่เดตในฝัน โดยเมืองยอดนิยมในต่างประเทศ ที่ Gen Z ชาวไทย ใช้ฟีเจอร์ Passport ไปปักหมุด ได้แก่ 1) กรุงโซล 2) ลอนดอน 3) นิวยอร์ก 4) โตเกียว 5) ลอสแอนเจลิส ส่วนจังหวัดยอดนิยมในประเทศไทย ที่คนนิยมปักหมุด คือ 1) กรุงเทพฯ 2) เชียงใหม่ 3) ขอนแก่น 4) ปทุมธานี 5) หาดใหญ่ (สงขลา)   นอกจากนี้ คนไทยวัย Gen Z ยังมองหาการสร้างคอนเนกชันกับผู้คนใหม่ ๆ ที่อยู่ใกล้กัน เพื่อได้นัดเจอกันได้ในชีวิตจริง และเพื่อที่จะหาเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันได้ ทั้งสองคำนี้จึงถูกนำมาใช้เพิ่มขึ้น โดยคำว่า “นัดเจอ” เพิ่มขึ้นถึง 77% และคำว่า “หาเพื่อนเที่ยว” เพิ่มขึ้นกว่า 85%  อีกทั้ง Tinder พบว่ามีการระบุถึงคำว่า “กางเต็นท์” เพิ่มมากขึ้น 3.2 เท่าในหน้าประวัติส่วนตัวบน Tinder ของคนไทย ภูเขา และ ทะเล ก็เป็นสถานที่เดทที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และการฉีดวัคซีนถือเป็นรายการแรกของเช็คลิสท์ในการเตรียมตัวออกเดท พบว่า มีการระบุถึงคำว่า “วัคซีน” มากขึ้น 27 เท่า ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการออกเดท และจะเห็นได้ว่าสมาชิกของ Tinder มีการพูดถึง “สิ่งเล็กๆน้อยๆ” บนหน้าประวัติส่วนตัวบน Tinder เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อย่างการสร้างความสัมพันธ์กันผ่านความชอบ …

ในเดือนแห่งความรัก พามาเบิ่ง Tinder เผย นครราชสีมา และ ขอนแก่น  เป็นจังหวัดที่ video call หลายสุด อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top