Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

เปิดเส้นทาง รถไฟสายอีสาน 19 ก.ค. นี้ เริ่มแล้ว ‘รถไฟกรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์’

การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมเปิดให้บริการ เที่ยวแรก 19 กรกฎาคม 2567 นี้ ขบวนรถโดยสารระหว่างประเทศ กรุงเทพ – เวียงจันทน์ เชื่อมต่อการเดินทางทั้ง 2 ประเทศ ไทย-สปป.ลาว เริ่มจำหน่ายตั๋วแล้วตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ภาพ: การรถไฟแห่งประเทศไทย รถไฟ กรุงเทพ – เวียงจันทน์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเดินขบวนรถโดยสารระหว่าง ประเทศไทย – สปป.ลาว เส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวนแรก ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ พร้อมกับเปิดให้ผู้โดยสาร จองตั๋วโดยสารได้ตั้งแต่ 10 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป ซึ่งเปิดให้บริการไป-กลับ ประกอบด้วย รถธรรมดา ชั้น 3 (พัดลม) 152 ที่ รถนั่งปรับอากาศ ชั้น 2 จำนวน 64 ที่นั่ง รถนั่งและนอนปรับอากาศ ชั้น 2 จำนวน 30 ที่นั่ง พ่วงไปกับขบวนรถเร็วที่ 133 นอกจากนี้ ยังได้เปิดให้บริการ เส้นทางอุดรธานี –  เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) – อุดรธานี ไป-กลับ อีก 2 ขบวน รวมเป็น 4 ขบวน/วัน   PERCULIAR BOY / Shutterstock.com   สามารถติดต่อซื้อตั๋วโดยสารและสำรองที่นั่งล่วงหน้า (สูงสุด 180 วัน) ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งผู้โดยสารจะต้องมี หนังสือเดินทาง (Passport) หรือ หนังสือผ่านแดน (Border Pass) เพื่อใช้ในการทำพิธีการทางศุลกากร และตรวจคนเข้าเมืองที่ สถานีหนองคาย และ เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ก่อนการเดินทางข้ามประเทศ เส้นทางกรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ เริ่มให้บริการ 19 ก.ค.นี้ สำหรับการเปิดเส้นทางเดินรถในครั้งนี้ ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย และรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว ได้ขยายเส้นทางขบวนรถไฟที่มีอยู่เดิม 4 ขบวน ซึ่งขบวนที่ได้รับความสนใจ คือ เส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเวียงจันทน์ เริ่มให้บริการในวันที่ 19 ก.ค.นี้ โดยรถจะออกจากกรุงเทพฯ ในช่วงกลางคืน และไปถึงเวียงจันทน์ในช่วงเช้า ภาพ: ThaiPBS สำหรับรูปแบบการให้บริการ รถจะออกเดินทางจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เวลา 21.25 น. โดยจะเดินทางไปถึงที่หนองคาย เวลา 07.55 น.ในวันรุ่งขึ้น ผู้โดยสารจะมีเวลาในการทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่ด่านสถานีหนองคาย 40 นาที จากนั้นก็ขึ้นรถเดินทางต่อ ในเวลา 08.35 น. โดยจะไปถึงที่สถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ในเวลา […]

เปิดเส้นทาง รถไฟสายอีสาน 19 ก.ค. นี้ เริ่มแล้ว ‘รถไฟกรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์’ อ่านเพิ่มเติม »

4 จังหวัดจากอีสาน โคราช สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลฯ เตรียมเปิดสาขาใหม่ TCDC หลังจากประกาศผล 10 ทีมผู้ชนะการประกวดแบบ ที่จะปลุกพลังความคิดสร้างสรรค์ทั่วประเทศไปกับ “ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (New TCDC) ใน 10 จังหวัด”

ประกาศผล 10 ทีมผู้ชนะการประกวดแบบ ที่จะปลุกพลังความคิดสร้างสรรค์ทั่วประเทศไปกับ “ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (New TCDC) ใน 10 จังหวัด” หลังจากการคัดเลือกอย่างเข้มข้น ตอนนี้เราได้ผู้ชนะการประกวดแบบ “ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (New TCDC) ใน 10 จังหวัด” ที่พร้อมจะมาเปลี่ยนโฉมพื้นที่และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทั่วประเทศมาเป็นที่เรียบร้อย ไปดูกันเลยว่า ทีมไหนที่จะมาเนรมิตพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ TCDC แห่งใหม่ในจังหวัดของคุณ! ขอขอบคุณนักออกแบบทุกท่านอีกครั้งที่ให้ความสนใจและร่วมส่งผลงานประกวดแบบ “ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (New TCDC) ใน 10 จังหวัด” ทั้ง 113 ทีม ที่ส่งผลงานกันเข้ามาถึง 173 ผลงาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทยในรอบ 20 ปี ติดตามศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (New TCDC) ใน 10 จังหวัดได้ที่ new.tcdc.or.th #NewTCDC #CEA การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานภูมิปัญญาท้องถิ่นและความคิดสร้างสรรค์ครั้งสำคัญในรอบ 20 ปี ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ หรือ Thailand Creative & Design Center (TCDC) ภายใต้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) สำนักนายกรัฐมนตรี มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมบนรากฐานการใช้ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงสร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงองค์ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ที่มีความพร้อมสำหรับการก้าวสู่อนาคต   TCDC กำลังขยายเครือข่ายไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อต่อยอดคุณค่าสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม พร้อมสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วยความคิดสร้างสรรค์ TCDC Chiang Rai : TCDC เชียงราย 1922 Architects (D098) TCDC Korat : TCDC นครราชสีมา บริษัท จั่นอาร์คิเทค จำกัด (D132) TCDC Pattani : TCDC ปัตตานี บริษัท ทรัพย์เปอร์ จำกัด (D010)   TCDC Phitsanulok : TCDC พิษณุโลก สถา ณ สถาปนิก (D017)   TCDC Phrae : TCDC แพร่ บริษัท เค ทู ดีไซน์ จำกัด (D011)   TCDC Phuket : TCDC ภูเก็ต บริษัท สวอน แอนด์ แมคคลาเรน

4 จังหวัดจากอีสาน โคราช สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลฯ เตรียมเปิดสาขาใหม่ TCDC หลังจากประกาศผล 10 ทีมผู้ชนะการประกวดแบบ ที่จะปลุกพลังความคิดสร้างสรรค์ทั่วประเทศไปกับ “ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (New TCDC) ใน 10 จังหวัด” อ่านเพิ่มเติม »

กรมทางหลวงผลักดันโครงการถนนทดลอง วิจัยและพัฒนานำขยะพลาสติกมาผสมในแอสฟัลต์คอนกรีต ทำถนนเส้นเข้าท่าอากาศยานนครราชสีมา

จากปัญหาขยะพลาสติกที่เพิ่มขึ้น และเป็นขยะอีก 1 ประเภทที่กำจัดได้ยาก หากปล่อยให้ย่อยสลายเองก็ใช้เวลานานมากราวๆ 500 ปี จึงจะสลายได้หมด และหากจะกำหนดด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น การเผาทิ้ง ก็จะก่อให้เกิดสารก่อมะเร็ง และไอกรดต่างๆ ที่ส่งผลทำให้โลกร้อนยิ่งขึ้นอีกด้วย   แม้ว่าในปัจจุบันมีการลดใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์ต่างๆ มากขึ้น แต่ทว่าก็มีการใช้สินค้าที่มีการบรรจุในห่อพลาสติกเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะสินค้าประเภทอาหารต่างๆ ที่คนนิยมซื้อแบบสำเร็จรูปมากยิ่งขึ้น ทำให้ปัญหาเรื่องขยะพลาสติกไม่ได้ลดน้อยลงเลย ซึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญพยายามคิดค้นหาวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำกลับมาใช้ใหม่ การกำจัดในหลายหลายรูปแบบ รวมถึงการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “การเอาขยะพลาสติกไปทำเป็นถนน” นั่นเอง   การนำขยะพลาสติกไปทำเป็นถนนนั้น จะใช้รูปแบบของการนำไปผสมกับยางมะตอยที่เราใช้ทำถนนกันปกติอยู่แล้ว ซึ่งพบว่าถนนมีความทนทานมากขึ้นกว่า 10 เท่า แถมยังมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการใช้ยางมะตอยเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญยังช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกได้อีกด้วย ขยะพลาสติกประเภทไหนเอามาทำถนนได้บ้าง ขยะพลาสติกที่จะนำมาทำถนนได้นั้น ต้องเป็นพลาสติกประเภทที่เรียกว่า เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic) เป็นพลาสติกที่หลอมเหลวเมื่อได้รับความร้อนและแข็งตัวเมื่อเย็นลง สามารถหลอมเหลวซ้ำได้หลายครั้งโดยไม่เสียคุณสมบัติเดิม พลาสติกประเภทนี้สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ โดยยังสามารถแบ่งย่อยได้อีกหลายประเภทตามสัญลักษณ์การรีไซเคิล   PETE (Polyethylene Terephthalate) หรือ PET เป็นพลาสติกใส แข็ง ทนแรงกระแทกดี ไม่เปราะแตกง่าย และกันแก๊สซึมผ่านดี ใช้ทำขวดบรรจุน้ำดื่ม ขวดน้ำมันพืช เป็นต้น HDPE (High Density Polyethylene) หรือ HDPE เป็นพลาสติกที่เหนียวและแตกยาก ค่อนข้างแข็งแต่ยืดได้มาก ทนทานต่อสารเคมีและสามารถขึ้นรูปทรงต่างๆ ได้ง่าย ใช้ทำขวดนม ขวดน้ำ และบรรจุภัณฑ์สำหรับน้ำยาทำความสะอาด ยาสระผม เป็นต้น PVC (Polyvinylchloride) หรือ PVC เป็นพลาสติกที่ทนทานต่อสารเคมีและความร้อน ใช้ทำท่อ ฉนวนกันความร้อน อุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น LDPE (Low Density Polyethylene) หรือ LDPE เป็นพลาสติกที่เหนียวและยืดหยุ่นสูง ใช้ทำถุงพลาสติก บรรจุภัณฑ์อาหาร ฟิล์มห่อหุ้ม เป็นต้น PP (Polypropylene) หรือ PP เป็นพลาสติกที่แข็งแรงและทนทานต่อการเสียดสี ใช้ทำขวดพลาสติก ภาชนะบรรจุอาหาร ชิ้นส่วนรถยนต์ เป็นต้น PS (Polystyrene) หรือ PS เป็นพลาสติกที่น้ำหนักเบาและราคาถูก ใช้ทำถาดใส่อาหาร ถ้วย ช้อน กล่องโฟม เป็นต้น Others (อื่นๆ) เป็นพลาสติกประเภทอื่น ๆ ที่ไม่สามารถจัดอยู่ในประเภทใดประเภทหนึ่งได้ เช่น ABS, POM, PC, PETG เป็นต้น สำหรับพลาสติกประเภท PVC นั้นทางผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำให้เอามาทำถนนเนื่องจากเมื่อถูกความร้อนเกิน 180 องศาเซลเซียส ตัวพลาสติก PVC จะระเหยกลายเป็นไอของกรดเกลือซึ่งเป็นอันตรายกับสิ่งมีชีวิตนั่นเอง ขั้นตอนการนำขยะพลาสติกมาทำเป็นถนน สำหรับขั้นตอนการนำขยะพลาสติกมาทำเป็นถนนนั้นก็มีหลายขั้นตอน ดังนี้ คัดแยกขยะพลาสติก โดยแยกพลาสติกประเภทต่าง ๆ ออกจากกัน เช่น พลาสติกแข็ง

กรมทางหลวงผลักดันโครงการถนนทดลอง วิจัยและพัฒนานำขยะพลาสติกมาผสมในแอสฟัลต์คอนกรีต ทำถนนเส้นเข้าท่าอากาศยานนครราชสีมา อ่านเพิ่มเติม »

เริ่มแล้ว วันแรก!💥7 เดือน 7 นครพนม & เลย เทศกาลดึงดูดนักท่องเที่ยวเมืองรอง กระตุ้นเศรษฐกิจ

เริ่มแล้ว วันแรก!💥7 เดือน 7 นครพนม & เลย เทศกาลดึงดูดนักท่องเที่ยวเมืองรอง กระตุ้นเศรษฐกิจ . 🐉พิธีบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช 2567🙏 คณะนางรำกว่า 1,200 คนและแขกรับเชิญพิเศษ❤งดงาม อ่อนช้อย!! น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์ miss universe Thailand 2559 นำพิธีรำบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช นครพนม วันที่ 7 เดือน 7 ที่ผ่านมา นครพนมคึกคัก นักท่องเที่ยวหนาแน่น ที่พักเต็มทุกแห่ง โดยงานจัดตั้งแต่ 7-13 กรกฎาคม สร้างเม็ดเงินในพื้นที่และกระตุ้นการท่องเที่ยวยกระดับเข้าสู่เมืองท่องเที่ยวหลัก ภาพจาก: สำนักงานประชาสัมพันธ์นครพนม สุดยิ่งใหญ่! นครพนมเปิดงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ‘7 เดือน 7 ปี 67’ รวมพลังความเชื่อความศรัทธา มีนางรำร่วมรำบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช กว่า 1,200 คน วันที่ 7 ก.ค. 67 เวลา 19.00 น. นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ประจำปี 2567 ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ พร้อมด้วยนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายวันไซ พองสะหวัน เจ้าแขวงคำม่วง สปป.ลาว พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประชาชนชาวนครพนม นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งจังหวัดนครพนมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 7 – 13 กรกฎาคม 2567 ณ ลานพญาศรีสัตตนาคราช ริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม เพื่อสืบสานตำนานความเชื่อความศรัทธาชาวลุ่มน้ำโขงที่มีต่อพญานาค ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนมในการยกระดับเข้าสู่เมืองหลัก และกระจายได้จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชน สนับสนุน Soft Power ตามนโยบายของรัฐบาล อีกทั้งเป็นการยกระดับแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม ที่มา: สวท.นครพนม FM 90.25 MHz . 🐲เทศกาลผีตาโขน นครพนม . งานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน ประจำปี 2567 อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย วันที่ 7 กรกฎาคม 2567 เวลา 03:30 น. พิธีบวชพราหมณ์ ณ วัดโพนชัย เวลา 04:00 น. พิธีเบิกพระอุปคุต ณ บริเวณระหว่างลำน้ำหมัน ลำห้วยศอก เวลา 06:00 น.

เริ่มแล้ว วันแรก!💥7 เดือน 7 นครพนม & เลย เทศกาลดึงดูดนักท่องเที่ยวเมืองรอง กระตุ้นเศรษฐกิจ อ่านเพิ่มเติม »

Sabai: Pride of Isan fashion

เผยคอนเซ็ปต์ชุด Sabai: Pride of Isan fashion จาก สาขาออกแบบ สถาปัตย์ฯ มข. ส่งต่อผลงาน ISAN Soft Power สู่งาน THACCA SPLASH – Soft Power Forum 2024

สาขาออกแบบ สถาปัตย์ฯ มข. ชูภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านชุดผ้าอีสานทรงคุณค่า จาก “ISAN Insight Summit 2024 : ISAN Soft Power ขุมทรัพย์ขับเคลื่อนอีสานใหม่สู่สากล” ที่ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา และได้เชิญ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ISAN Soft Power โอกาสและความท้าทายในการพลิกเศรษฐกิจอีสานให้รุ่งเรืองและยั่งยืน”  จึงทำให้ผลงานการออกแบบของคุณธรากร คำทอน ผู้ออกแบบและตัดเย็บชุด Sabai: Pride of Isan fashion สไบความภาคภูมิใจของแฟชั่นอีสาน ถูกเลือกนำไปนำเสนอผ่านชุดของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ต่อในงาน THACCA SPLASH – Soft Power Forum 2024 จัดขึ้นในวันที่ 28 มิถุนายน 2567 ที่ให้โอกาสนักออกแบบรุ่นใหม่ได้สืบสานคุณค่าผ้าทอพื้นถิ่นวัฒนธรรม นักออกแบบและทีมงานจาก สาขาวิชาการออกแบบ (สิ่งทอและแฟชั่น) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานออกแบบโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต่อยอดภูมิปัญญาผ้าทอพื้นถิ่นอีสาน พร้อมเชิญชวนคนไทยให้ช่วยกันอนุรักษ์สืบสานต่อยอดผ้าไทย โดยนำมาใช้ สวมใส่ หรือประยุกต์ใช้ในรูปแบบอื่น ๆ ในการต่อยอดภูมิปัญญาเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศต่อไป   รศ.ดร.กฤตภัทร ถาปาลบุตร  คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า หนึ่งในภารกิจหลักของคณะ คือ การส่งเสริมและยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น (Local Wisdom) ผ่านการออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประเพณีของภูมิภาคอีสาน โดยมีเป้าหมายในการรักษาและต่อยอดความรู้และทักษะที่ถูกสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมทั้งมุ่งมั่นในการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นส่วนสำคัญในการออกแบบ เพื่อให้ศิษย์ได้เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าและสะท้อนถึงวัฒนธรรมของภูมิภาค ซึ่งบ่มเพาะปลูกฝังแนวคิดทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน   คุณธรากร คำทอน ผู้ออกแบบและตัดเย็บชุด Sabai: Pride of Isan fashion เผยว่า“โจทย์คือการเอาผ้าเอกลักษณ์ของชาวอีสาน มาผสมผสานกันให้เป็น 1 ชุด ภายใต้ความเป็นภาคอีสานทั้งหมด ซึ่งผ้าแต่ละชนิดมีความเป็นตัวเองสูง ชัดเจนทางด้านลวดลาย เทคนิค และการใช้งาน โดยการนำผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าแพรวา และผ้าคราม มารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้ได้ จึงเป็นสิ่งที่ยากพอสมควร สิ่งที่นึกถึงคือ ผ้าเบี่ยง ผ้าสไบพาดหน้าอกของผู้หญิงในภาคอีสาน ที่แต่ละชนเผ่าจะมีการใช้ผ้าเบี่ยงเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงเผ่าพันธุ์ แสดงถึงภูมิปัญญาที่งดงามและผ่านการเวลา เรื่องราวและสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น สัมผัสถึงความสง่างามและทรงพลังของผ้าผืนเล็ก ๆ ที่มากมายไปด้วยเรื่องราว วิถีชีวิตและภูมิปัญญาของคนที่ราบสูงที่เราเรียกกันว่า คนอีสาน ผสมผสานความเป็นสากลด้วยโครงสร้างเสื้อสูท และใช้สีสันที่ทันสมัยเพื่อปรับภาพลักษณ์ของผ้าไทยให้ได้มากที่สุดเท่าที่ความสามารถเราจะทำได้   ทั้งนี้ได้รับคำปรึกษาและให้โอกาสในการได้ออกแบบและตัดเย็บ จากคณาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นสาขาวิชาการออกแบบ (การออกแบบสิ่งทอและแฟชั่น) ในฐานะของศิษย์เก่า ขอขอบพระคุณเหล่าคณาจารย์ทุกท่านที่ยังสนับสนุนและผลักดันศิษย์ไปในทางที่ดีเสมอมา” ผศ.ดร.ณัฏฐพงศ์ พรหมพงศธร ประธานหลักสูตรสาขาวิชาการออกแบบ ได้กล่าวว่า “งานชิ้นนี้เป็นงานที่ดี นำองค์ความรู้ภูมิปัญญาจากผ้าไทยมาพัฒนา ผสานทักษะฝีมือ

เผยคอนเซ็ปต์ชุด Sabai: Pride of Isan fashion จาก สาขาออกแบบ สถาปัตย์ฯ มข. ส่งต่อผลงาน ISAN Soft Power สู่งาน THACCA SPLASH – Soft Power Forum 2024 อ่านเพิ่มเติม »

ทีเซอร์เพลงใหม่ ‘ROCKSTAR’ ของ ‘ลิซ่า’

10 วิ โซเชียลแตก ทีเซอร์เพลงใหม่ ‘ROCKSTAR’ ของ ‘ลิซ่า’ พามาเบิ่ง LISA ซ่อนความเป็นไทยไว้ตรงไหนใน MV

โซเชียลแตก เมื่อ ‘ลิซ่า’ ลลิษา มโนบาล หรือ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ศิลปินระดับโลก ได้ปล่อย MV TEASER เพลงใหม่ ‘ROCKSTAR’ ผ่านอินสตาแกรม @lalalalisa_m และทุกช่องทางของ ‘LLOUD’ บัญชีค่ายเพลงของตัวเองในเช้าวันนี้ (26 มิ.ย. 67) เรียกน้ำย่อยได้ยั่วใจมาก จนแทบอดใจรอเพลงเต็ม วันที่ 28 มิ.ย.นี้ไม่ไหวแล้ว แม้จะเป็นเพียง ทีเซอร์ที่มีความยาวแค่ 10 วินาทีแต่อัดแน่นด้วยเซอร์ไพรส์มากมาย ได้เห็นหลากหลายลุคสุดจี๊ด เปรี้ยว เท่ ซ่า และเซ็กซี่ ของ ‘ลิซ่า’ ที่สะท้อนตัวตนเธออย่างเต็มเปี่ยม มาพร้อมกับดนตรีและเสียงหนักแน่น ประกาศก้องว่า “Baby, I’m a rockstar” และที่ได้สร้างความฮือฮาว่อนโซเชียลมีเดียไทยทันที คือการที่ในทีเซอร์ดังกล่าวมีภาพโลเคชั่นในประเทศไทย นั่นคือ ‘เยาวราช’ หรือไชนาทาวน์แห่งกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังเลือกใช้นักแสดงและแดนเซอร์ที่เป็นคนไทยด้วย อีสาน อินไซต์ พามาเบิ่ง LISA ซ่อนความเป็นไทยไว้ตรงไหนใน MV เพลง ซึ่งนับเป็น 2 MV สำนึกรักบ้านเกิดจากผลงานของ ลิซ่า ผู้นำ Soft Power ความเป็นไทยไปประกาศศักดาให้ชาวโลกรับรู้อย่างแท้จริง 1. ชุดไทย + ชฎา รู้หรือเปล่าชุดไทยที่ลิซ่าใส่ MV เพลง ‘Lalisa’ เป็นชุดที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ไทยของแบรนด์พี่หมู ASAVA เลยนะ ซึ่งชุดทำจากผ้าไหมยกดอกลำพูน และรัดเกล้ายอดที่สวมใน MV ก็สร้างกระแส และเคยเป็นประเด็นในโลกโซเชียลมาแล้ว 2. อักษรไทย ช่วงต้น MV เพลง ‘Lalisa’ จะเห็นลิซ่าเดินอยู่ในตรอกแคบๆ ที่มีร้านอาหารคล้ายๆไชน่าทาวน์ ทางด้านขวามีป้าย “อาหารจานด่วน” ติดอยู่ด้านหน้า 3. การเต้นผสมผสานการฟ้อนรำ + ดนตรีไทย MV เพลง ‘Lalisa’ หากสังเกตท่าเต้นในช่วงนั้น จะมีท่าจีบสะบัดมืด กรีดกราย ผสมผสานไปกับท่าเต้นสมัยใหม่ ของลิซ่าจะไม่ชัดเพราะมองไม่ค่อยทันด้วย แต่แดนเซอร์ด้านหลังเธอกรีดมืดจีบชัดมาก นอกจากนั้นยังแอบใส่ ดนตรีไทย หลังจากซาวด์ดรอปลง เพื่อเปลี่ยนเข้าจังหวะแร็ปใหม่ชัดเจนมากว่ามีเสียงดนตรีไทยอยู่ในนั้น 4. เส้นอาณาเขตประเทศไทย ทีเซอร์เอ็มวีที่ออกมาก่อนหน้านี้ มีภาพลิซ่านั่งพร้อมภาพสะท้อนด้วยแสงฟ้าผ่า และลวดลายของฟ้าผ่าไม่ได้หนีไปไหนไกล คือเส้นอาณาเขตของประเทศไทยนั่นเอง ซึ่งถือเป็นการออกแบบเล็กๆ น้อยๆ ที่ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ 5. สถานที่ในไทย ปราสาทหินพนมรุ้ง สัญลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์บ้านเกิดของลิซ่าใน MV เพลง ‘Lalisa’ และ เพลงล่าสุดอย่าง ‘ROCKSTAR’

10 วิ โซเชียลแตก ทีเซอร์เพลงใหม่ ‘ROCKSTAR’ ของ ‘ลิซ่า’ พามาเบิ่ง LISA ซ่อนความเป็นไทยไว้ตรงไหนใน MV อ่านเพิ่มเติม »

Northern Thailand Food Valley Road Show

ครัวเหนือบินลัดฟ้าจากเชียงใหม่สู่อุดรธานี ยกทัพสินค้าระดับพรีเมี่ยมสู่ตลาดโลก ในงาน Northern Thailand Food Valley Road Show

จังหวัดเชียงใหม่ โดย สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ จัดงาน Northern Thailand Food Valley Road Show นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน Northern Thailand Food Valley Road Show โดยมีนายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้เกียรติกล่าวการต้อนรับ พร้อมทั้งพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทนพาณิชย์จังหวัดอุดร ผู้แทนพาณิชย์จังหวัดหนองคาย ผู้แทนพาณิชย์จังหวัดหนองบัวลำภู รองประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี ที่ปรึกษา สนง.ส่งเสริมการค้าในต่างประเทศนครหลวงเวียงจันทน์ กลุ่มเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงาน ณ บริเวณลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อุดร จังหวัดอุดรธานี การจัดงาน Northern Thailand Food Valley Road Show ดำเนินการภายใต้โครงการกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกอาหารภาคเหนือในเขตพื้นที่เศรษฐกิจ CLMV โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 24 มิถุนายน 2567 ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลอุดร จังหวัดอุดรธานี ภายในงานพบกับ… การจัดแสดงสุดยอด Showcase นวัตกรรมสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป และบูธจำหน่ายสินค้า กว่า 40 คูหา การจัดเจรจาทางธุรกิจ (Business Matching) จาก Buyer กลุ่มประเทศ CLMV+จีน กิจกรรม Workshop สินค้านาทีทอง และลุ้นรับของรางวัลมากมาย เพลิดเพลินกับการแสดงศิลปวัฒนธรรม และกิจกรรมภาคบันเทิงตลอดการจัดงาน #สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ #จังหวัดเชียงใหม่ #NorthernThailandFoodValley #NorthernThailandFoodValleyRoadshow

ครัวเหนือบินลัดฟ้าจากเชียงใหม่สู่อุดรธานี ยกทัพสินค้าระดับพรีเมี่ยมสู่ตลาดโลก ในงาน Northern Thailand Food Valley Road Show อ่านเพิ่มเติม »

อัพเดตความคืบหน้า ‘แทรม’ ต้นแบบรถไฟฟ้ารางเบาสายแรกของอีสาน เข้าสู่กระบวนการผลิตแล้ว

. ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หลายเมืองในต่างจังหวัดได้มีการประกาศแผนก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาเพื่อยกระดับขนส่งสาธารณะในท้องถิ่น แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วยังไม่มีจังหวัดไหนสร้างเสร็จพร้อมใช้งาน . สำหรับรถแทรม (Tram) ขอนแก่น ยังมีการอัปเดตความเคลื่อนไหวของโปรเจกต์นี้อยู่ โดยเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา Isan Creative Festival 2022 มหกรรมแสดงศักยภาพความคิดสร้างสรรค์ของภาคอีสาน ได้มีการนำเอาแทรม ซึ่งเป็นต้นแบบรถไฟฟ้ารางเบามาจัดแสดงบริเวณป้ายรถเมล์ หน้าโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ในนิทรรศการที่มีชื่อว่า ‘Khon Kaen Urban Transit: ขนส่งสาธารณะเชื่อมเมือง’ . เพื่อให้ประชาชนได้รู้ความเป็นไปของระบบขนส่งสาธารณะเมืองขอนแก่นที่จะเกิดขึ้นในอนาคต . รถต้นแบบคันนี้ ถูกพัฒนามาจากรถแทรมของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยและพัฒนาต้นแบบรถไฟฟ้ารางเบาที่ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ โดยมี ดร.ไพวรรณ เกิดตรวจ และ มทร.อีสาน วิทยาเขตขอนแก่น เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ภายใต้การสนับสนุนของ สอวช. และ บพข. . คาดว่า กลางปี 2565 จะสามารถนำมาทดสอบวิ่งในพื้นที่จริง (มทร.อีสาน วิทยาเขตขอนแก่น และรอบบึงแก่นนคร) ได้ . ทั้งนี้ Road Map ไม่ใช่เพียงการทำระบบราง เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร แต่ต้องการต่อยอดไปสู่การผลิตในภาคอุตสาหกรรม เพื่อความแข็งแกร่งด้านการศึกษาวิศวกรรม หนุนการพัฒนาเมืองให้เป็น Smart City ตลอดจนสร้างงาน สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้คนท้องถิ่น . อย่างไรก็ตาม ในรอบเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เมืองขอนแก่นก็ได้ขับเคลื่อนมาแล้วหลายโปรเจกต์ . เมื่อปี 2550 หรือ 15 ปีที่แล้ว ที่ Smart City ยังไม่เกิด เมืองขอนแก่นเคยทำกิจกรรม Experiment บนถนน เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนเห็นว่า รถยนต์ส่วนบุคคลกินพื้นที่ผิวจราจรมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับขนส่งสาธารณะ . หรือเมื่อปี 2559 กลุ่มขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด (KKTT) ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เริ่มโครงการ ‘ขอนแก่นซิตี้บัส’ ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนที่เชื่อมขอนแก่นเข้ากับสถานีขนส่งหลักของเมือง โดยมีทั้งระบบติดตาม จีพีเอส ระบบวัดสถิติผู้ใช้งานในแต่ละวัน เพื่อในอนาคตจะกลายเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้ารางเบาและการขนส่งจากกรุงเทพฯ ถือเป็นหนึ่งในนโยบายช่วยกระตุ้นการลงทุนในจังหวัดและภูมิภาค . แน่นอนว่า ขอนแก่นไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ แต่จะมีอะไรอีกบ้าง ปูสาด (เสื่อ) รอโลด! เมื่อพิจารณาแผนการปรับปรุงสิ่งที่อยู่รอบๆ บึงแก่นนครที่อยู่ตามเส้นทางวิ่งรถแทรมก็เหมือนว่าการสร้างรถแทรมที่ขอนแก่นไม่ใช่แค่ทดลองสร้างทดลองวิ่งแต่เป็นการทดลองทำแผนธุรกิจด้วยว่าทำยังไงให้รถแทรมมันอยู่รอดได้ และต้องวางแผนพัฒนาอย่างองค์รวม โดยเรื่องความคุ้มค่าได้มีการศึกษาความคุ้มค่าในแง่ของการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบบึงแก่นนคร ไม่ใช่เพียงความคุ้มค่าจากเงินที่นำมาลงทุนแต่เป็นความคุ้มค่าเชิงเศรษฐกิจ รวมถึงการมี Knowledge และ know-how ด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมรถไฟรางเบา และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ผ่านการทำ วิศวกรรมย้อนกลับ(Reverse Engineering) จากเทคโนโลยีญี่ปุ่น โครงการรอบๆ บึงแก่นนครที่มีรถแทรมวิ่ง

อัพเดตความคืบหน้า ‘แทรม’ ต้นแบบรถไฟฟ้ารางเบาสายแรกของอีสาน เข้าสู่กระบวนการผลิตแล้ว อ่านเพิ่มเติม »

อวดโฉมเด่น “ลายมรดกโลกบ้านเชียง” จากอัตลักษณ์ท้องถิ่น อุดรฯ สู่แฟชั่นในชุดนักกีฬาทีมชาติไทย Olympic games 2024 ณ กรุงปารีส

𝐁𝐄 𝐎𝐔𝐑 𝐒𝐏𝐈𝐑𝐈𝐓 𝐎𝐋𝐘𝐌𝐏𝐈𝐂 𝐆𝐀𝐌𝐄𝐒 𝟐𝟎𝟐𝟒 𝐓𝐇𝐀𝐈𝐋𝐀𝐍𝐃 𝐍𝐀𝐓𝐈𝐎𝐍𝐀𝐋 𝐓𝐄𝐀𝐌 𝐂𝐎𝐋𝐋𝐄𝐂𝐓𝐈𝐎𝐍 ชุดแข่งขันและชุดเดินทางนักกีฬาทีมชาติไทยในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 33 ภายใต้แรงบันดาลใจ “Be Our Spirit” สปิริตของคนไทยหลอมรวมเป็นหนึ่งถูกส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นแรงผลักดันให้เรามีความมุ่งมั่น ไปสู่ชัยชนะและความสำเร็จ นำเสนอสปิริตของคนไทยผ่านลวดลายไทยประยุกต์จากมรดกโลกบ้านเชียง มรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของไทยที่ได้รับการยอมรับจากเวทีโลก ประยุกต์กับลวดลายจากการทอผ้าของชุมชน เทคนิคการทำผ้าย้อมครามแบบดั้งเดิม และอัตลักษณ์ของชุมชนบ้านเชียงที่ยังคงสืบสานต่อกันมาถึงปัจจุบัน ให้นักกีฬาได้สวมใส่เพื่อถ่ายทอดความภาคภูมิใจนี้สู่ปารีสเมืองแฟชั่น ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ทั้งยังให้ความสำคัญเรื่องของนวัตกรรมเสื้อโปโลรีไซเคิลจากขวดพลาสติกช่วยลดปัญหาโลกร้อนอย่างยั่งยืน รู้จักลาย ‘มรดกโลกบ้านเชียง’ ที่ใช้ในชุดนักกีฬาทีมชาติไทย Olympics Paris 2024 . ปีนี้ ‘แกรนด์สปอร์ต’ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ออกแบบและผลิตชุดให้นักกีฬาทีมชาติไทย ภายใต้แรงบันดาลใจว่า “Be Our Spirit” โดยมีจุดเด่นที่สำคัญคือการใช้ ลวดลาย “มรดกโลกบ้านเชียง” . ภาพจาก วิกิชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เรามาทำความรู้จัก ‘แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง’ 1 ใน 7 มรดกโลกของไทยกันก่อน . เมื่อปี พ.ศ. 2535 องค์การยูเนสโก (UNESCO) ขึ้นทะเบียนให้ ‘แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง’ เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ‘บ้านเชียง’ ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี มีการค้นพบว่า บริเวณนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของที่ฝังศพของคนก่อนประวัติศาสตร์ คือยุคโลหะ เมื่อราว 5,000 กว่าปีมาแล้ว . เป็นที่ตั้งถิ่นฐานยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมสังคม และเทคโนโลยีของมนุษย์ ทั้งเรื่องการเกษตร การผลิต และการใช้โลหะ โดยศิลปะเครื่องปั้นดินเผาของบ้านเชียงที่ค้นพบ มีทั้งภาชนะดินเผาสมัยต้น สมัยกลาง และสมัยปลาย ซึ่งล้วนมีเอกลักษณ์โดดเด่น . เลือกลวดลายสะท้อนมรดกไทย ที่คนทั่วโลกยอมรับ . นายธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม รองประธานอำนวยการ บริษัทในเครือแกรนด์สปอร์ต กล่าวถึงลวดลายที่นำมาใช้ในการออกแบบชุดนักกีฬาทีมชาติไทย ในโอลิมปิกปารีส 2024ว่า เพื่อสะท้อนถึงความเป็นไทยและมรดกไทย ที่ได้รับการยอมรับจากคนทั้งโลก คือ ‘มรดกโลกบ้านเชียง’ เป็นการส่งต่อจิตวิญญาณ จากบรรพบุรุษผสมผสานกับความเป็นสากลในปัจจุบัน . โดย ‘แกรนด์สปอร์ต’ ได้วิจัยค้นคว้า และประชุมร่วมกับผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบสร้างสรรค์ผ้าและสิ่งทอ (FTCDC) มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี รวมทั้งได้ขอข้อมูลและคำแนะนำจากพิพิธภัณฑ์บ้านเชียง กรมศิลปากร และไปคุยกับชุมชนชาวบ้านเชียง ที่ยังคงสืบสานเรื่องของการทอผ้า การย้อมผ้าคราม และทำเครื่องปั้นลายบ้านเชียง ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะ และมีชื่อเสียงเป็นที่น่าจดจำ จึงนำลวดลายสีผ้าครามและความรู้ต่างๆ เหล่านี้มาประยุกต์ออกแบบชุดแข่งขันและชุดเดินทางให้สวยงามในมหกรรมเวทีระดับโลก ทั้งยังให้ความสำคัญเรื่องของนวัตกรรมเสื้อโปโลรีไซเคิลจากขวดพลาสติก ช่วยลดปัญหาโลกร้อนอย่างยั่งยืน . นอกจากนี้ ทีมงานของแกรนด์สปอร์ตได้พูดคุยกับนักกีฬารวมถึงเจ้าหน้าที่ทีม

อวดโฉมเด่น “ลายมรดกโลกบ้านเชียง” จากอัตลักษณ์ท้องถิ่น อุดรฯ สู่แฟชั่นในชุดนักกีฬาทีมชาติไทย Olympic games 2024 ณ กรุงปารีส อ่านเพิ่มเติม »

เผย คนไทยมีเงินติดบัญชี ไม่ถึง 5 หมื่นบาท กว่า 116 ล้านบัญชี (คิดเป็น 88%) และ 93 ล้านราย มีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 5,000 บาท

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เผยบัญชีเงินฝากต่ำกว่า 1 ล้านบาท ลดลง เหตุค่าครองชีพสูง คนต้องนำเงินออมออกมาใช้ ตะลึง ! พบบัญชีเงินฝากกว่า 80% มีเงินน้อยกว่า 5,000 บาท . . ขณะที่จำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง อยู่ที่ 15.96 ล้านล้านบาท ลดลง 1.32% ซึ่งเกิดจากปัจจัยความผันผวนทางเศรษฐกิจโดยในรายละเอียด พบว่า จำนวนผู้ฝากเงินที่มีเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาท หรือส่วนมากไม่เกิน 5,000 บาท ในเดือน ส.ค. 2566 อยู่ที่ 81 ล้านราย จากทั้งหมด 93.46 ล้านราย เติบโต 4.45% ซึ่งในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีเงินฝากไม่ถึง 5,000 บาท แต่จำนวนเงินฝากกลับเริ่มมีการหดตัวตั้งแต่ปี 2565 ที่ ติดลบ 0.63% และในเดือน ส.ค. 2566 ติดลบ 3.61% . ทั้งนี้ ผู้มีเงินฝากมากกว่า 50,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท มีการปรับตัวลดลง ทั้งจำนวนเงินฝากและจำนวนผู้ฝากตลอดช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้ฝากที่มีเงินฝากไม่มากนักจึงต้องนำเงินออมมาใช้จ่าย จนอาจทำให้สุขภาวะที่ดีทางการเงินอ่อนแอลงได้ . คนไทย 88% มีเงินติดบัญชีไม่ถึง 50,000 อ้างอิงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย แบ่งจำนวนบัญชีเงินฝากในกลุ่มต่างๆ พบว่ากลุ่มไม่เกิน 50,000 บาท เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด มีถึง 116 ล้านบัญชี เมื่อเทียบสัดส่วนกับจำนวนทั้งหมดราวๆ 130 ล้านบัญชี กลุ่มนี้มีมากถึง 88% นอกจากนี้ รายงานข่าวในช่วงปลายปีที่แล้ว พบว่าในกว่าร้อยล้านบัญชีที่ไม่ถึง 50,000 นั้น เฉลี่ยส่วนใหญ่ประชาชนมีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนด้วย โดยแบ่งจำนวนเงินฝากของคนไทยได้ดังนี้… ไม่เกิน 50,000 บาท มี 116 ล้านบัญชี 50,000 – 100,000 บาท มี 4.2 ล้านบัญชี 100,000 – 200,000 บาท มี 3.4 ล้านบัญชี 200,000 – 500,000 บาท มี 3.2 ล้านบัญชี 500,000 – 1,000,000 บาท มี 1.6

เผย คนไทยมีเงินติดบัญชี ไม่ถึง 5 หมื่นบาท กว่า 116 ล้านบัญชี (คิดเป็น 88%) และ 93 ล้านราย มีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 5,000 บาท อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top