Nanthawan Laithong

พามาเบิ่ง แม่ค้าส้มตำเมื่อยใจหลาย มะนาวแพง 1,400 บาท/กระสอบ

แม่ค้าส้มตำโอด มะนาวแพง นอกจากมะนาวจะปรับราคาสูงขึ้นแล้ว ราคามะละกอยังขยับขึ้นรายวัน ล่าสุดมะนาวกระสอบละ 1,400 บาท มะละกอถุงละ 300 บาท แต่ยังต้องแบกรับต้นทุน ขายให้ลูกค้าในราคาเดิม ไม่ลดปริมาณเหตุเห็นใจลูกค้า ที่ร้านส้มตำอาหารอีสาน ต.ท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม นางอุทัยวรรณ สีธรรา แม่ค้าส้มตำ เปิดเผยว่า ร้านตนเองขายส้มตำ ไก่ย่าง และอาหารอีสาน ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ราคามะนาวมีการขยับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะมีผลกระทบมาจากน้ำท่วม ซึ่งปกติมะนาวจะแพงช่วงหน้าแล้ง ประมาณเดือนเมษายน แต่ปีนี้แค่เดือนมกราคมราคาก็ปรับขึ้นแล้ว ซึ่งร้านของตนจะซื้อมะนาวครั้งละครึ่งกระสอบ ตอนนี้ราคามะนาวที่ซื้อมาครึ่งกระสอบอยู่ที่ 700 บาท เต็มกระสอบก็จะอยู่ที่ 1,400 บาท นอกจากราคามะนาวที่แพงขึ้นแล้ว ซึ่งทางร้านจะใช้มะนาวแป้นจะได้รสชาตที่หอมและอร่อย วัตถุดิบหลักอีกอย่างของส้มตำก็คือ มะละกอ ก็มีการปรับราคาขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนช่วงปีใหม่ เคยซื้อมะละกอเกรดเอ เป็นมะละกอพันธุ์ดำเนิน ถุงละ 350 บาท ที่ผ่านมาซื้อมาราคาถุงละ 300 บาท ราคาจะปรับขึ้น ๆ ลง แล้วแต่วัน ซึ่งราคานี้ถือว่าเป็นราคาที่ยังสูงอยู่ จากเดิมที่เคยซื้อมาถุงละ 240-260 บาทเท่านั้น ทำให้ทางร้านต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละวัน แต่ยังคงขายให้ลูกค้าในราคาเท่าเดิม และไม่ลดปริมาณ เพราะสงสารลูกค้า อยากให้ลูกค้ากินอิ่ม สำหรับส้มตำแต่ละครก ก็จะใช้มะนาวครึ่งลูกถึงหนึ่งลูก แล้วแต่ลูกค้าจะสั่ง หากชอบเปรี้ยว ลูกค้าก็จะแจ้งก็จำเป็นต้องเพิ่มมะนาวไปให้ โดยทางร้านจะไม่ใช้น้ำมะนาวผสม หรือใช้มะขามเปียก เพราะรสชาติมันไม่ใช่ไม่อร่อยสู้ใช้มะนาวสดไม่ได้ หากถามว่าจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยยังไง สิ่งที่อยากจะขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คือ อยากให้มีการคุมเข้มจากต้นทางให้ถูกลงกว่านี้ เศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพสูง ข้าวของปรับตัวขึ้นสูงทุกอย่าง พ่อค้าแม่ค้าก็ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นตามไปด้วย อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbiznews.com/business/1047771 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #มะนาว #มหาสารคาม #ส้มตำ #มะนาวแพง #แม่ค้าส้มตำ

ชวนเบิ่ง ศึกกิจการสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคอีสาน

จุดเริ่มต้น “น้ำมันศรีพลัง” “เครือศรีไทยใหม่” เริ่มจากธุรกิจโรงสีข้าวในอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ในปี 2506 และได้ขยายไปสู่ธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ธุรกิจขนส่งสินค้า ธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจส่งออกข้าวสารไปต่างประเทศ “กลุ่มศรีพลัง” เป็นหนึ่ง ในกลุ่มธุรกิจในเครือศรีไทยใหม่ โดยดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เริ่มจากสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ ในปี 2513 จนปัจจุบัน น้ำมันศรีพลัง ยึดมั่นในเรื่องความซื่อสัตย์กับลูกค้าเสมอมา โดยจะรับน้ำมันจากคลังน้ำมันที่มีคุณภาพเท่านั้น ได้แก่ คาลเท็กซ์ เอสโซ่ เชลล์ ปตท. บางจาก ไทยออยล์ และไออาร์พีซี นอกจากนี้ ยังใช้รถบรรทุกน้ำมันของบริษัท ฯ เอง เพื่อทำการจัดส่งให้กับลูกค้า ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพและเวลาทุกขั้นตอนได้ โดยเฉพาะการควบคุมการจอดรถในที่ที่กำหนด จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบการจอดรถเป็นประจำทุกวันจากระบบจีพีเอส และถ้ามีการจอดรถนอกจุดที่กำหนด โดยไม่มีเหตุผลอันควร โดยเฉพาะการจอดใกล้แหล่งซื้อขายน้ำมันเถื่อน จะถูกลงโทษโดยให้ออกจากงานทันที ในขณะเดียวกันทางศรีพลังก็ให้รายได้และสวัสดิการกับพนักงานขับรถที่เหมาะสม ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับน้ำมันที่มีคุณภาพเต็มร้อย ปริมาณเต็มลิตร อย่างแท้จริง ในขณะที่จุดเริ่มต้น “จักราชการปิโตรเลียม” บริษัท จักราชการปิโตรเลียม จำกัด เป็นบริษัทในเครือ บริษัท พี โอ ออยล์ จำกัด ประกอบธุรกิจจำหน่ายและรับจ้างขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซปิโตรเลียมเหลว และประกอบธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน สถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลวและโรงบรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลว ร้านค้าแก๊ส โรงแรม และบริหารธุรกิจแฟรนไชส์ อเมซอน ร้านค้าเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ผ่านมาคุณพงษ์ศักดิ์นิยามตัวเอง เพื่อ “เป็นผู้นำธุรกิจการขนส่งและการบริการ” บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นพัฒนาพร้อมขยายสาขาสถานีบริการน้ำมัน สถานีบริการก๊าซ โรงบรรจุก๊าซ ร้านค้าก๊าซ รถขนส่งน้ำมัน รถขนส่งก๊าซ และธุรกิจบริหารแฟรนไชส์เรื่อยมา จนถึงปัจจุบันมีสาขามากถึง 27 แห่ง และรถขนส่งจำนวน 100 คัน เพื่อการบริการให้กับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างเพียงพอ และ ไม่หยุดนิ่งที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตามเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ อ้างอิงจาก: https://www.sripalang.com/ https://www.pooilstation.com/%E0…/614c4f6a0ac79700137754b8 https://data.creden.co/company/general/0305543000755 https://data.creden.co/company/general/0415544000073 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #จักราชการปิโตรเลียม #น้ำมันศรีพลัง #สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง #น้ำมันเชื้อเพลิง

พาส่องเบิ่ง เส้นทาง “ห้างทองทองสวย” อาณาจักรทองคำเจ้าใหญ่ในภาคอีสาน

บริษัทฯ เริ่มต้นจากการเป็นร้านทองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในตัวเมืองจังหวัดขอนแก่น ซึ่งก่อตั้งในปี 2518 โดยเป็นธุรกิจครอบครัว และได้ดำเนินกิจการสั่งสมประสบการณ์และขยายกิจการเรื่อยมา ปี 2542 ได้แยกตัวออกมาเพื่อเปิดร้านค้าส่งและได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ห้างทอง ทองสวย” จนถึงปัจจุบัน ห้างทองทองสวย ได้เริ่มต้นการผลิตทองคำรูปพรรณและทองคำแท่งเป็นของตนเอง ปี 2547 ประเทศไทยได้มีการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพของทองคำรูปพรรณในประเทศเป็นครั้งแรกขึ้น โดย สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และ ห้างทองทองสวย ได้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตทองคำรูปพรรณ 71 รายแรกของประเทศที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโดย สคบ. ให้เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายทองคำรูปพรรณได้ถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ บริษัท ห้างทองทองสวย จำกัด ได้รับการยอมรับจากร้านทองทั่วประเทศ และได้ขยายสาขาไปหลายจังหวัด ขยายโรงงานกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งได้ผลิตสินค้า บริการ และนวัตกรรม เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งปลีกและส่งอย่างเสมอมา บริษัทฯ ประเดิมทุนครั้งแรกในปี 2559 จำนวน 5 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 205 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้ 6,007 ล้านบาท และมีกำไร 5 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้ 7,815 ล้านบาท และมีกำไร 6 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้ 9,292 ล้านบาท และมีกำไร 8 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้ 17,193 ล้านบาท และมีกำไร 9 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้ 15,679 ล้านบาท และมีกำไร 7 ล้านบาท หากพิจารณาจากข้อมูลรายได้รวมและกำไรรวม จะพบว่า มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะรายได้จากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่หลักพันล้านบาท แต่ในปี 2563 บริษัทฯ สามารถทำรายได้พุ่งไปสูงถึงหลักหมื่นล้าน อ้างอิงจาก: https://thongsuay.co.th/about-us https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0405559002603 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ห้างทองทองสวย #ทองคำ #ขอนแก่น #ธุรกิจจำหน่ายทอง

พามาเบิ่ง 7 อันดับโรงพยาบาลที่มีรายได้รวมมากที่สุดในภาคอีสาน

งบการเงินปี 2564 เป็นจังใด๋แหน่ . . . อ้างอิงจาก: – CredenData #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #โรงพยาบาลที่มีรายได้รวมมากที่สุด #โรงพยาบาล #โรงพยาบาลภาคอีสาน

ชวนเบิ่ง ผลประกอบการ “โรงพยาบาลกรุงเทพ” ที่มีเครือข่ายอยู่ในภาคอีสาน

แต่ละหม่องเป็นจังใด๋แหน่? อ้างอิงจาก: เว็บไซต์ของบริษัท กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #โรงพยาบาลกรุงเทพ #โรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น #โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา #โรงพยาบาลกรุงเทพอุดร

พามาเบิ่ง ผลประกอบการ “ทัสคานี วิลล์” อาณาจักรอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในภาคอีสาน

โครงการได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงดงามของภูมิทัศน์ และบ้านเมืองในแคว้นทัสคานี ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี โครงการจึงถูกตั้งชื่อว่า ทอสกานา วัลเล่ ทีมงานตั้งใจที่จะสร้างสถานที่ให้เป็นที่อยู่อาศัย ที่มีสังคม และสิ่งอำนวยความสะดวก มีเอกลักษณ์ และไลฟ์สไตล์ ดังเช่น เมืองในชนบทของอิตาลี จึงออกแบบโครงการให้เป็นมากกว่า การตัดถนนแบ่งแปลงจัดสรร แต่ได้ออกแบบชุมชนเมืองในชนบทที่น่าอยู่ ที่เป็นที่พักผ่อน เป็นที่สังสรรค์ และเป็นที่ ๆ มีสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม บริษัทฯ ประเดิมทุนครั้งแรกด้วยจำนวน 60 ล้านบาท จากนั้นเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกในปี 2554, 2557 และ 2560 เพิ่มเป็น 200 ล้านบาท, 1,000 ล้านบาท และ 1,240 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งในปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท ปี 2556 มีรายได้ 377 ล้านบาท และมีกำไร 1 ล้านบาท ปี 2557 มีรายได้ 506 ล้านบาท และมีกำไร 8 ล้านบาท ปี 2558 มีรายได้ 495 ล้านบาท และมีกำไร 13 ล้านบาท ปี 2559 มีรายได้ 225 ล้านบาท และมีกำไร -64 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้ 580 ล้านบาท และมีกำไร 114 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้ 469 ล้านบาท และมีกำไร 443,045 บาท ปี 2562 มีรายได้ 176 ล้านบาท และมีกำไร -119 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้ 292 ล้านบาท และมีกำไร -25 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้ 892 ล้านบาท และมีกำไร 201 ล้านบาท หากพิจารณาจากข้อมูลการเพิ่มทุนจดทะเบียน และตัวเลขกำไรรวมที่งบการเงินที่ปรากฏ จะพบว่า มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะกำไรจากปี 2562 ที่ติดลบมากถึงหลักร้อยล้านบาท แต่บริษัทฯ ก็สามารถทำกำไรในปี 2564 พุ่งไปสูงถึงหลักหลายร้อยล้าน อย่างไรก็ตาม ในการทำธุรกิจต่าง ๆ ต้องมีการจัดการกับความเสี่ยงที่ต้องเจอให้เหมาะสม …

พามาเบิ่ง ผลประกอบการ “ทัสคานี วิลล์” อาณาจักรอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ซอมเบิ่ง 7 อันดับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เจ้าใหญ่ในภาคอีสาน

เปลี่ยนไปส่ำใด๋แหน่ในช่วง 3 ปี อ้างอิงจาก: https://data.creden.co/ranking… #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจที่มีมูลค่าบริษัทรวมมากที่สุด #อันดับธุรกิจที่มีมูลค่าบริษัทรวมมากที่สุด #ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

พาซอมเบิ่ง ผลประกอบการ “3 เอี่ยม แห่งภาคอีสาน” อาณาจักรผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง

เรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่ม บริษัท เอี่ยมบูรพา เป็นอย่างไร?? กว่า 30 ปี ในอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังของ คุณสมศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ได้ประสบผลสำเร็จในการก่อตั้ง บริษัท เอี่ยมเฮง เมื่อปี 2540 โดยต่อมาได้มองว่าจังหวัดสระแก้วและจังหวัดใกล้เคียง ได้มีการเพาะปลูกมันสำปะหลังกันเป็นจำนวนมาก ทางคุณสมศักดิ์ จึงได้ก่อตั้ง บริษัท เอี่ยมบูรพา ขึ้นมา เพื่อใช้ผลิตแป้งมันสำปะหลังจากการรับซื้อหัวมันสดจากเกษตรกรในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรกลุ่มผู้เพาะปลูกให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พอกิจการของเอี่ยมบูรพาเติบโต ก็มีการขยายตัวและมีโรงงานเพิ่มในจังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ธุรกิจโรงงานแป้งมันนั้น เป็นการรับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกร แล้วทำการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง หรือสตาร์ช ซึ่งเป็นสินค้าหลักของโรงงาน โดยมีการปรับสเปกตามแต่ความต้องการของลูกค้า เช่น ส่งออกไปยังบางประเทศก็มีเงื่อนไขเพิ่มเติม ลูกค้าบางรายอาจมีเงื่อนไขอัตราส่วนสารเคมี หรือบางรายก็กำหนดว่าจะใช้ผลิตเป็นอาหาร ก็ต้องมีสัดส่วนองค์ประกอบให้ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ อ้างอิงจาก: https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0335553000111 https://datawarehouse.dbd.go.th/searchJuristicInfo https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0335559000113 http://www.eiamburapa.com/index_th.php?lang=TH https://brandinside.asia/eiamburapa-starches-business/ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #เอี่ยมบูรพา #เอี่ยมอุบล #เอี่ยมศิริ #เอี่ยมอำนาจ #ผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง #มันสำปะหลัง

ชวนเบิ่ง “ตั้งงี่สุน” อาณาจักรซูเปอร์สโตร์รายใหญ่แห่งภาคอีสาน

ตั้งงี่สุน ถือเป็นซูเปอร์สโตร์ขึ้นชื่อ ที่ทำธุรกิจมาอย่างยาวนานในอุดรธานี และที่สำคัญ ตั้งงี่สุนยังมีรายได้มากถึง 3.7 พันล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ตั้งงี่สุนเกิดมาจากร้านโชห่วยเล็ก ๆ ในจังหวัดอุดรธานีเท่านั้น ต้นกำเนิดของตั้งงี่สุนมาจากอากงของ คุณมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ทายาทรุ่นที่ 3 ของตั้งงี่สุน ที่แบกเสื่อผืนหมอนใบจากเมืองจีนมาตั้งรกรากอยู่ที่อุดรธานี และประกอบอาชีพขายสินค้าเบ็ดเตล็ดในรูปแบบร้านโชห่วยค้าส่ง-ค้าปลีกมาอย่างยาวนาน จนในปี 2530 ตั้งงี่สุนได้ปรับเปลี่ยนธุรกิจจากร้านยี่ปั๊วที่ขายสินค้าให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าแบบค้าส่งแบบดั้งเดิม ที่บริการส่งสินค้าถึงร้านค้าของลูกค้าที่ซื้อสินค้าในราคาส่ง สู่ร้านซูเปอร์สโตร์ที่มีการจัดวางสินค้าบนเชลฟ์ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาเดินเลือกซื้อในร้านและขนสินค้ากลับไปกันเอง ซึ่งการปรับเปลี่ยนครั้งนั้นถือเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับวงการค้าส่งในประเทศไทย ที่ยังไม่มียี่ปั๊วคนไหนกล้าที่จะทำ โดยการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากคุณแม่เสาวลักษณ์ ซึ่งเป็นภรรยาของคุณพ่อปรีชา วีระรัตนโรจน์ ลูกชายของอากง ที่แต่งงานมาช่วยกิจการได้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศและสังเกตเห็นร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตในต่างประเทศ ซึ่งมีรูปแบบเป็นร้านโชห่วยขนาดใหญ่ และมีเชลฟ์วางสินค้าให้ลูกค้าได้หยิบเลือกเอง ไฮเปอร์มาร์เก็ตในต่างประเทศนี้เอง ทำให้คุณแม่เสาวลักษณ์ได้นำมาปรับใช้กับตั้งงี่สุนธุรกิจของพ่อสามี ซึ่งในตอนแรกที่มีการปรับร้านใหม่ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากลูกค้าที่ซื้อสินค้าค้าส่งว่า ไม่ได้รับความสะดวกสบาย เพราะต้องเดินทางมาซื้อสินค้าเอง แทนการโทรมาสั่งสินค้าจำนวนมาก ๆ และเรื่องนี้คุณแม่เสาวลักษณ์ได้แก้เกมว่า การเดินทางมาซื้อเองที่ร้านตั้งงี่สุนจะสามารถซื้อสินค้าในจำนวนเท่าไรก็ได้ จะซื้อเพียง 1 ชิ้นก็ขาย นอกจากนี้ ตั้งงี่สุนยังมีการนำระบบไอทีมาใช้ในการชำระค่าสินค้า เพื่อให้ราคาสินค้าเป็นราคาเดียวกันทั้งหมด แม้ใครจะเป็นคนขายก็ตาม เพื่อขจัดปัญหาเดิมที่เคยเป็นอยู่คือราคาที่ขายให้กับลูกค้าแต่ละคนไม่เท่ากัน และการปรับเปลี่ยนนี้ได้กลายเกิดเป็นต้นแบบที่ทำให้ตั้งงี่สุนผ่านร้อนผ่านหนาวในการแข่งขันจากคู่แข่งที่เป็นเชนสโตร์ได้จนถึงวันนี้ สิ่งที่ทำให้ “ตั้งงี่สุน” ประสบความสำเร็จตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คืออะไร?? กลยุทธ์ราคาที่ทั้งแถมและถูก ราคาขายสินค้าปกติส่วนใหญ่มีราคาจำหน่ายต่ำกว่าร้านค้าอื่น ๆ ที่เป็นไฮเปอร์ เพราะราคาสินค้าถูก เป็นเหมือนแรงจูงใจชั้นดี ที่ทำให้โชห่วยเข้ามาซื้อสินค้าในร้านตั้งงี่สุนแทนคู่แข่ง และกลยุทธ์การตั้งราคาสินค้านี้ยังเชิญชวนลูกค้าทั่วไปให้มาซื้อสินค้าปลีกในตั้งงี่สุนเช่นกัน นอกจากราคาที่ถูกแล้ว ยังมีกลยุทธ์ในการดึงดูดร้านค้าด้วยกลยุทธ์แถมสินค้าเพิ่มเข้าไป โดยในระยะเริ่มแรกของกลยุทธ์นี้ จะเน้นแถมสินค้าคนละ Category กับสินค้าที่จำหน่าย และสินค้านั้นเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นให้กับร้านโชห่วย เพื่อให้ร้านโชห่วยนำสินค้าไปขายต่อได้ หรือเป็นสินค้าที่คิดว่าลูกค้าทั่วไปจะสามารถนำไปใช้งานได้จริง โดยตั้งงี่สุนใช้วิธีการมัดสินค้าที่แถมรวมกับสินค้าที่จำหน่าย เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าง่ายขึ้น และลดความยุ่งยากในการที่ต้องให้ลูกค้านำใบเสร็จไปรับสินค้าอีกครั้งหนึ่ง ทำเลที่ตั้ง ตั้งงี่สุน มีทำเลที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งถือว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่ ที่มีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก และจังหวัดอุดรธานียังติดกับหนองคายซึ่งเป็นจังหวัดติดชายแดน เลย หนองบัวลำภู และอื่น ๆ ทำให้ตั้งงี่สุนไม่ได้มีลูกค้าเฉพาะในอุดรธานีเท่านั้น แต่ยังมีลูกค้าจากจังหวัดอื่น ๆ ที่เดินทางเข้ามาซื้อสินค้าไปขายปลีกต่อ โดยในปัจจุบัน ตั้งงี่สุนมีสัดส่วนลูกค้าจากอุดรธานี 85% ลูกค้าจากจังหวัดใกล้เคียง 10% และอีก 5% ที่เหลือเป็นลูกค้าจากประเทศลาวและเวียดนาม นอกจากนี้ตั้งงี่สุนยังใช้กลยุทธ์ ไม่ต้องขยายสาขามากเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการบริหารการจัดการ แต่อยู่ในพื้นที่ที่ลูกค้าเดินทางสะดวก โดยสาขาแรกของตั้งงี่สุนอยู่ในตัวเมือง เจาะกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในเมือง ส่วนสาขาที่สองอยู่ที่ถนนอุดร-เลย ห่างจากสาขาแรกประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักที่เดินทางสะดวก เจาะกลุ่มลูกค้าอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการฝ่ารถติดเข้ามาซื้อสินค้าจากตั้งงี่สุนในตัวเมืองอุดรธานี ศึกษาลูกค้าจากซัปพลายเออร์ ด้วยความเป็นร้านค้าในจังหวัดอุดรธานี การศึกษาเทรนด์ของผู้บริโภคจึงมาจากการพูดคุย ขอคำแนะนำ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเซลส์ของซัปพลายเออร์ เพื่อหาสินค้าและแคมเปญต่าง ๆ มาทำให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่โดยเฉพาะ โดยไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อไปซื้อข้อมูลจากบริษัท Research เพื่อมาทำตลาด ทั้งนี้ แม้การทำธุรกิจในวันนี้ตั้งงี่สุนอาจจะเจอคู่แข่งที่มากหน้าหลายตาที่เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการค้าปลีกและค้าส่ง แต่เพราะการปรับตัวเสมอของตั้งงี่สุน ทำให้ตั้งงี่สุนยังคงเป็นซูเปอร์สโตร์ที่มีการเติบโตจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงทุกวันนี้ อ้างอิงจาก: https://marketeeronline.co/archives/115022 https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0415543000517 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน …

ชวนเบิ่ง “ตั้งงี่สุน” อาณาจักรซูเปอร์สโตร์รายใหญ่แห่งภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง “จิ้งหรีด” โปรตีนทางเลือกในอนาคตที่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจในภาคอีสาน แต่ละจังหวัดเป็นจังใด๋แหน่

ความมั่นคงทางอาหารและความนิยมในกลุ่มอาหารแห่งอนาคต (Future food) สามารถสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการในภาคอีสาน ความต้องการอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นสวนทางกับประสิทธิภาพการผลิตอาหารที่เริ่มชะลอตัวลงซึ่งกำลังกระทบกับความสามารถในการเข้าถึงอาหาร รวมถึงความมั่นคงทางอาหารในแต่ละประเทศ โปรตีนจากแมลงมีการเติบโตมากที่สุดในกลุ่มโปรตีนทางเลือกต่างๆ และมีการขยายตัวของมูลค่าตลาด และผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โปรตีนทางเลือกที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ โปรตีนจากแมลง และควบคู่ด้วยเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง แต่การเพาะเลี้ยงแมลงที่ข้อได้เปรียบชัดเจน คือไม่จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยี หรือ R&D ในการผลิตที่สูง รวมถึงการที่ตลาดมีการขยายและรองรับการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ โปรตีนจากแมลงจึงเป็นอุตสาหกรรมที่เหมาะสมที่จะเข้ามาเป็นอุตสาหกรรมอาหารในอนาคตที่สุด การเพาะเลี้ยงแมลงมีความต้องการในการใช้ทรัพยากรการผลิตที่น้อย รวมถึงยังมีการปล่อยก๊าซเรือน กระจกในระดับที่น้อย เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตโคเนื้อ ประกอบกับสินค้าแปรรูปของแมลง เช่น ผงจิ้งหรีด เป็นสินค้าจําพวกโปรตีนที่มีมูลค่าสูง สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก ซึ่งที่ตั้งของไทยยังสะท้อนจุดแข็งในการเป็นฐานผลิตอุตสาหกรรมแมลง จากการที่เป็นแหล่งอาศัยของแมลงหลายชนิด และอยู่ใกล้กับตลาดผู้บริโภค แมลงที่กระจุกตัวในเอเชียตะวันออก โดยสินค้าแปรรูปของแมลง จัดอยู่ในกลุ่มสินค้าวัตถุดิบพิเศษสําหรับการประกอบอาหาร ซึ่งจะเป็นกลุ่มอาหารโปรจีนที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงขึ้น อีสานเป็นแหล่งที่เหมาะสมในการเป็นฐานผลิตแมลง ทั้งจากปัจจัยด้านสถานที่ตั้ง สภาพอากาศ รวมถึง ด้านต้นทุนที่อยู่ในจุดที่เหมาะสมกับภูมิภาคอื่น ​​สถานที่ตั้งและสภาพอากาศของไทย โดยเฉพาะภาคอีสานเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของแมลงกินได้ รวมถึงเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหลักกว่า 80% ของประเทศ อีกปัจจัยที่สนับสนุนโดยภาคอีสานมีฟาร์มจิ้งหรีดจำนวนมากที่สุด เป็นเพราะการใช้กากการของมันสำปะหลังที่สามารถทดแทนอาหารเพาะเลี้ยงได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นวิธีการลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมาก อีสานยังเผชิญความท้าทายในอุตสาหกรรมแมลงอยู่ 2 ประเด็นหลัก คือ การที่ผลิตภัณฑ์ยังออกมาในรูปของสินค้าขั้นต้น ยังงขาดการแปรรูป และการบริโภคแมลงยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ผลิตภัณฑ์จากแมลงในปัจจุบันของไทย ยังอยู่ในรูปของสินค้าขั้นต้นเป็นหลัก เช่น แมลงแช่แข็ง และแมลงทอด ซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้น้อย โดยการยกระดับอุตสาหกรรมแมลง ควรมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถสร้างมูลเพิ่มได้มากขึ้น เช่น การแปรรูปเป็นผงหรือสารสกัดจากแมลง ข้อจํากัดหลักของตลาดอาหารจากแมลง คือ การขยายตัวของเขตเมือง ซึ่งอ้างอิงจากงานวิจัยของญี่ปุ่น สะท้อนให้เห็นว่าการขยายตัวของสังคมเมืองกระทบกับการรับรู้และความคุ้นเคยในการบริโภคแมลง และทำให้ความต้องการบริโภคแมลงลดลง แต่เมื่อเปรียบเทียบอีสานกับภูมิภาคอื่น อีสานมีการขยายตัวของเขตเมืองที่ช้ากว่า ซึ่งสะท้อนความเหมาะสมในการเป็นแหล่งเพาะเลี้ยง ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากแมลง อ้างอิงจาก: www.thaicricketdb.com #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ผลิตภัณฑ์จากแมลง #แมลงแช่แข็ง #ธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรม #แมลงทอด #อาหารแห่งอนาคต #โปรตีนจากแมลง #อุตสาหกรรมแมลง

Scroll to Top