Nanthawan Laithong

ชวนเบิ่ง 5 สินค้าสุดคราฟต์จากวัตถุดิบของดีทั่วอีสานบ้านเฮา มีอิหยังแหน่??

1.เสื่อกกทอมือลายโมเดิร์น จังหวัด : อำนาจเจริญ เสื่อกกในความทรงจำของคนที่ยังไม่รู้จักแบรนด์ Thorr คงไม่พ้นภาพอุปกรณ์ปูรองนั่งสามัญประจำบ้าน แต่คุณอุ๋งอิ๋ง-ธัญญ์นภัส กิ่งสุวรรณ เจ้าของแบรนด์ พิถีพิถันผัดแป้งเสื่อกกบ้าน ๆ แปลงโฉมเป็นโฮมแวร์ที่น่ารัก เพื่อถ่ายทอดความงดงามจากถิ่นอีสาน “ของบ้าน ๆ ที่ดูถ่อมตัวแต่มีรสนิยม วูบวาบฉาบฉวยแต่ไม่รุนแรงก้าวร้าว ไม่จำเป็นต้องเหนือกว่าคนอื่นหรือดูฟุ่มเฟือยตลอดเวลา” คือ นิยามคาแรกเตอร์อันย่นย่อแต่ชัดเจนของ Thorr จากคุณอุ๋งอิ๋ง    แบรนด์นี้มีสินค้ามากมาย ยกตัวอย่างเข่น เสื่อทอลายมินิมอล เจือสีครามไว้อย่างมีจังหวะ เพียงหางตาสัมผัสก็รู้ทันทีว่านี่แหละลายเซ็นซึ่งเจ้าของแบรนด์ฝากเอาไว้ หัตถศิลป์สไตล์โมเดิร์นเกิดจากสองมือของพี่น้องชาวอำนาจเจริญ     2.เซ็ตกาน้ำชาปั้นมือ จังหวัด : สกลนคร เครื่องเคลือบรูปทรงแปลกตา ลวดลายจากดินธรรมชาติไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอ คือผลิตผลจากผืนดินแห่งบ้านดอนหมู จังหวัดสกลนคร   ดอนหมูดิน เป็นแบรนด์เทเบิลแวร์เนื้อเซรามิกชั้นดี เกิดจากความดิบแท้ดั้งเดิมวัถตุดิบขึ้นชื่ออย่างดินเหนียวในนา แร่ฟันม้า ดินเหนียวสีเหลือง เปลือกหอย และครามธรรมชาติ โดยมีจินตนาการของ คุณเปิ้ล-วัลย์ริยา เพ็งสว่างนักปั้น (เซรามิก) มือทอง และเอกลักษณ์ความเป็นสกลนคร    อีกทั้งยัง มีส่วนผสมสำคัญที่ถูกนำมาทำเป็นงานปั้นฟรีฟอร์ม ไม่รับปั้นรูปทรงตามใจ ไม่ใช้สีตามสั่ง ไม่ออกบูธตามงานแฟร์ใหญ่ ๆ เพราะดอนหมูดินบรรจงทำทุกขั้นตอนด้วยมือ ขอบข่ายงานสุดจิ๋วเพียงระดับชุมชนชาวบ้านเท่านั้น เอกลักษณ์ของสโตนแวร์จากดอนหมูดินคือทุกกระบวนการผลิตล้วนเป็นธรรมชาติ วิถี งานทุกชิ้นมีเอกลักษณ์ของตัวเอง     3.ดิฟฟิวเซอร์หินทราย จังหวัด : นครราชสีมา หินทรายแผ่นแบนหน้ากลมสีพาสเทล ล้อมรอบด้วยไม้โอ๊กลายสวย เรียกว่า Sandstone Diffuser หรือหินทรายกระจายกลิ่นทรงแปลกตาจากนวยนาด (Nuaynard) แบรนด์ของคู่สามีภรรยาที่ตัดสินใจกลับบ้านเกิดมาทำผลิตภัณฑ์เครื่องใช้เครื่องหอมจากวัตถุดิบอีสาน    นวยนาดเปลี่ยนหินทราย วัตถุดิบท้องถิ่นขึ้นชื่อแห่ง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ที่นิยมนำมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูป เอาเศษเหลือใช้มาทำเป็นดิฟฟิวเซอร์สุดเก๋ ผ่านการร่วมงานกับดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น โคคิเอะ อะสึชิ (Koike Atsushi) ผสานเข้ากับฝีมืออัตลักษณ์ของกลุ่มช่างหินทรายท้องถิ่นแห่งบ้านซับศรีจันทร์ ฐานที่มั่นของนวยนาดในอำเภอสีคิ้ว แห่งเมืองโคราชบ้านเอ็ง กลายมาเป็นคอลเลกชัน Isan Material     4.เก้าอี้หวาย จังหวัด : มหาสารคาม หวาย นอกจากเป็นวัตถุดิบขึ้นชื่อในชุมชน ยังเพียบพร้อมไปด้วยความยืดหยุ่นทนทาน บิดตัดดัดงอได้อย่างอิสระ อย่างที่วัสดุชนิดอื่น ๆ ทำไม่ได้   คุณลิตเติ้ล-สมฤทัย บุญใหญ่ แห่งแบรนด์ LITIN จึงหันมาออกแบบเฟอร์นิเจอร์โดยใช้หวายเป็นหลัก ผสมกับลวดลายกราฟิกร่วมสมัย ยิ่งได้ฝีมือการจักสานของพี่น้องชาวสารคามสูผู้สูคน งานที่ได้ จึงยังมีกลิ่นอีสานแฝงอยู่กับความประณีตสวยงามอย่างแนบเนียน เป็นลายเซ็นของแบรนด์ไปโดยปริยาย   LITIN พาฝีมือท้องถิ่นไปอยู่ตามโรงแรมและห้างร้านต่าง ๆ ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ยกตัวอย่างเช่น เก้าอี้สตูลสีสด แรงบันดาลใจจากรูปทรงตะโพน เครื่องดนตรีพื้นบ้าน ความเจ๋ง คือ คุณลิตเติ้ลนำวัสดุผิวหวายเหลือใช้จากขั้นตอนการผลิตอื่น …

ชวนเบิ่ง 5 สินค้าสุดคราฟต์จากวัตถุดิบของดีทั่วอีสานบ้านเฮา มีอิหยังแหน่?? อ่านเพิ่มเติม »

พาจอบเบิ่ง ศึกชิงโชห่วยเดือดสมรภูมิ “อีสาน” เป็นแนวใด๋แน่

สำหรับการเปิดศึกเพื่อแย่งชิงร้านค้าโชห่วยมาเป็นเครือข่ายของบรรดาซัพพลายเออร์-ค้าปลีกรายใหญ่ที่ลั่นกลองรบกันมาเกือบ 1 ปีเต็มๆ หากย้อนกลับไปจะพบว่า ทั้ง “บัดดี้มาร์ท” (สยามแม็คโคร)-“โดนใจ” (เบอร์ลี่ ยุคเกอร์) ที่พร้อมใจก้าวเข้ามาท้ารบกับ “ถูกดี มีมาตรฐาน” (ทีดี ตะวันแดง) เจ้าแรกที่ประกาศตัวช่วยชุบชีวิตบรรดาโชห่วยที่ว่ากันว่ามีอยู่ไม่ต่ำกว่า 4 แสนร้านค้าทั่วประเทศ ให้กลับมาเติบโตได้อย่างมืออาชีพ “บีเจซี” ประกาศพร้อมรบ ล่าสุด กลางเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา บีเจซี ได้ประกาศเปิดตัว “โดนใจ” บุกตลาดอย่างเต็มตัว หลังจากที่ได้เริ่มมีการทำโครงการแบบซอฟต์ลอนช์ ตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา เบื้องต้นตั้งเป้าดึงร้านโชห่วยเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายร้านโดนใจ ประมาณ 4,000 ร้านค้า จากขณะนี้ที่ร้านค้าโชห่วยที่เข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายแล้วประมาณ 1,000 ราย และในระยะยาวคาดว่าจะมี 30,000 ร้านค้า ภายในปี 2570 ด้วยการใช้เครือข่ายสาขาของบิ๊กซีที่มีสาขาขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 200 สาขา ในการป้อนสินค้าเข้าสู่ร้าน นอกจากนี้ยังมีแผนว่าในต้นปี 2566 จะมีการเปิดตัวพันธมิตรทั้งที่เป็นธนาคารพาณิชย์และบริษัทเจ้าของสินค้าที่จะมีการเปิดตัวพันธมิตรอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ โดนใจ โฟกัสไปที่ร้านค้าปลีกในชุมชนขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ที่ขายสินค้าให้กับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งผู้ประกอบการเหล่านั้นมีจุดอ่อนในเรื่องของการบริหารจัดการ “บัดดี้มาร์ท” บุกอีสาน จากก่อนหน้านี้ (31ตุลาคม 2565) ที่ยักษ์ธุรกิจค้าส่ง “สยามแม็คโคร” ได้ฤกษ์เปิดตัว ร้านบัดดี้มาร์ท โมเดลธุรกิจที่มุ่งปรับปรุงร้านโชห่วยให้เป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ หลังจากที่เริ่มนำร่องตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยโฟกัสฐานลูกค้าสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการร้านโชห่วยในพื้นที่ภาคกลางและอีสาน ซึ่งมีร้านโชห่วยหนาแน่น นอกจากนี้บริษัทยังมีการผนึกพันธมิตรที่เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ อาทิ ยูนิลีเวอร์ โอสถสภา เนสท์เล่ ไทยน้ำทิพย์ พีแอนด์จี มาจัดโปรโมชั่น แชร์ข้อมูลอินไซต์ลูกค้า จัดคอร์สอบรมด้านการบริการ-บริหารสต๊อกสินค้า รวมไปถึงดึงสถาบันการเงินอย่างธนาคารกรุงเทพ มาปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโมเดลบัดดี้มาร์ทในเงื่อนไขพิเศษ เช่น สามารถกู้เต็มวงเงินลงทุน ผ่อนนาน 5 ปี ดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาขาดสภาพคล่องและขาดความสามารถในการขอกู้เงินเพื่อปรับปรุงร้าน ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อดึงดูดผู้ประกอบการโชห่วยและผู้ที่สนใจลงทุนร้านบัดดี้มาร์ท สยามแม็คโคร ยังลดค่าลงทุนเริ่มต้นร้านบัดดี้มาร์ท 50% ฟรีค่าปรับปรุงร้าน 2 แสนบาท จากปกติที่ต้องใช้งบฯลงทุนเริ่มต้น 400,000 บาท (เงินค่าค้ำประกัน 200,000 บาท และค่าปรับปรุงร้าน 200,000 บาท) ถึง 31 ธ.ค. 2565 (จำกัดสิทธิ 300 ร้านค้าแรก) “ยอมรับว่า ในภาคอีสานจะเป็นสมรภูมิที่มีการแข่งขันสูง แต่ก็มั่นใจว่า ด้วยความที่แม็คโครนั้นอยู่คู่กับร้านโชห่วย บวกกับจุดแข็ง เช่น เรื่องของอาหารสด ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากรายอื่น ๆ จะทำให้มีความได้เปรียบและเป็นที่ต้องการของร้านค้าในชุมชน” ผู้จัดการโครงการบัดดี้มาร์ท สยามแม็คโครกล่าว “ถูกดี” ออนทัวร์ดึงลูกค้าข้ามปี ด้านต้นตำรับ “ถูกดี มีมาตรฐาน” …

พาจอบเบิ่ง ศึกชิงโชห่วยเดือดสมรภูมิ “อีสาน” เป็นแนวใด๋แน่ อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง เส้นทาง “แฟรี่พลาซ่า” ห้างสรรพสินค้าดังเก่าแก่ในภาคอีสาน

“ศูนย์สรรพสินค้าแฟรี่พลาซ่า” ผู้บุกเบิกธุรกิจห้างสรรพสินค้าของจังหวัดขอนแก่น ที่ได้ดำเนินธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลายาวนานถึง 50 ปี ความภูมิใจอันยาวนาน คู่ตำนานนครขอนแก่น คุณวรพงษ์ พัฒนพีระเดช หรือ คุณวรพงษ์ แซ่โง้ว เป็นคนจังหวัดขอนแก่นโดยกำเนิด นับตั้งแต่ปี 2504 เริ่มต้นสร้างรากฐานและความก้าวหน้าจากมรดกคุณพ่อเป็นเงินสด 315 บาท กับ บ้านเช่าและจักรเก่าอย่างละ 1 หลัง ตอนนั้นยังใช้ชื่อว่า “ฮั่วหลี” เป็นห้องแถวเล็กๆ ขนาด 1 คูหาเป็นร้านค้าตัดเสื้อผ้ากับการค้าขายเบ็ดเตล็ด คุณวรพงษ์ เริ่มต้นวงการค้าตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยที่ช่วงที่เคยทำที่ร้านของเขาซึ่งเป็นร้าน “ยี่ปั๊ว” ใหญ่ที่สุดในจังหวัดขอนแก่น ขณะนั้นด้วยวัยหนุ่มจึงพยายามเรียนรู้ พยายามจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาตรงหน้า เมื่อร้านของพี่เลยถูกไฟไหม้ เมื่อคราวไฟไหม้ตลาดขอนแก่นครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งนั้นพวกเขาไม่อยากทำการค้าต่อไปอีกจึงเซ้งกิจการทั้งหมดให้กับเถ้าแก่และภายใต้เงื่อนไขที่ว่า คุณวรพงษ์จะต้องอยู่ช่วยงานเขาด้วย คุณวรพงษ์อยู่ช่วยงานเถ้าแก่กิมสูงอยู่ 4 ปี ก็ออกมารับช่วงงาน ที่บ้านของตัวเอง ต่อมาเถ้าแก่ก็คิดขยายไปที่ทำเลใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม คุณวรพงษ์จึงคิดเอาบ้านไว้เอง เมื่อเถ้าแก่ย้ายไปแล้วคุณวรพงษ์จึงไปขอเช่า โดยตั้งชื่อร้านใหม่ว่า “ห้างแฟรี่” เมื่อปลายปี 2509 ต่อมาปี 2521 ได้ซื้อตึกแถว 3 ชั้น 9 คูหา เพิ่มที่จะทำห้างสรรพสินค้า แต่มีผู้ใหญ่และเพื่อนหลายคน เตือนว่าทำมาไกลเกินไป คุณวรพงษ์จึงทำการสำรวจตลาด โดยการจัดรายการขายสินค้าลดราคา 50% ทุกชิ้น ปรากฏว่าได้รับการต้อนรับจากลูกค้า จนถึงกับต้องปิดร้านขายเมื่อเห็นว่าประสบความสำเร็จ จึงได้เปิด ห้างสรรพสินค้าแฟรี่ทาวน์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในจังหวัดขอนแก่น เมื่อกิจการเริ่มใหญ่ขึ้นก็ต้องมีงานที่ต้องควบคุมมากขึ้นในตอนนี้เองที่ คุณวรพงษ์ ได้นำการบริหารงานอย่างมีระบบมาใช้ในการดำเนินกิจการในช่วงนี้ โดยให้ลูกสาวคนโตคือ คุณโฉมสุดา วโนทยาโรจน์ เข้ามาดูแลกิจการก่อนต่อจากนั้นลูกสาวคนที่ 2 คุณโฉมสุรีย์ อนุพรรณสว่าง ก็เข้ามาช่วยดูแล ประมาณ 5 ปี หลังจากนั้นลูกชายคนโต คุณพีระพล พัฒนพีระเดช ก็ได้เข้ามาช่วยอีกคนหนึ่งจนกิจการ สามารถขยายออกไปได้ถึง 17 คูหา เมื่อแฟรี่ทาวน์บริหารเริ่มคล่องตัวแล้ว คุณวรพงษ์ ก็กลับมาบริหารปรับปรุงแฟรี่ เดิมทำเป็น ศูนย์กิ๊ฟช็อปจัดสินค้า เน้นกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นโดยเฉพาะใช้ชื่อว่า “ห้างจูวีไนล์” ขยายจากเดิม 2 คูหาเป็น 3 คูหา โดยให้ลูกสาวคนที่ 2 คุณโฉมสุรีย์ อนุพรรณสว่าง เป็นผู้ดูแล จูวีไนล์เปิดตัว อย่างเป็นทางการในปี 2530 หลังจากจูวีไนล์ดำเนินกิจการได้ปีเศษ คุณวรพงษ์ใต้ซื้อที่ดินบริเวณถนนศรีจันทร์ เนื้อที่กว่า 9 ไร่ โดยมีโครงการที่จะสร้างศูนย์สรรพสินค้า ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ในปี 2530 โครงการศูนย์สรรพสินค้าแฟรี่พลาซ่า ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายโครงการ ของบริษัทบนเนื้อที่ดังกล่าวได้เปิดดำเนินการขึ้นให้ชื่อว่า “ศูนย์สรรพสินค้าแฟรี่พลาซ่า” ซึ่งเป็นการเปิดตัวอย่างสง่างามในความภูมิใจของชาวขอนแก่นที่มีศูนย์สรรพสินค้าที่ใหญ่สมบูรณ์และทันสมัยที่สุดในภาคอีสาน แต่เปิดดำเนินการได้ไม่นาน …

ชวนเบิ่ง เส้นทาง “แฟรี่พลาซ่า” ห้างสรรพสินค้าดังเก่าแก่ในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง 7 อันดับบริษัทที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุดในภาคอีสาน

เปลี่ยนไปส่ำใด๋แหน่ . . . อ้างอิงจาก: – CredenData #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #บริษัทที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุด #มูลค่าบริษัทมากที่สุด #บริษัทในภาคอีสาน

พามาเบิ่ง สถิติคนไทยซื้อ “สลากกินแบ่งรัฐบาล” ภาคอีสานอันดับหนึ่ง

ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันประจำปี 2565 คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานสถานการณ์การพนันในสังคมไทยปี 2564 ระบุว่า มากถึง 52.6% ของกลุ่มตัวอย่างที่ทำการสำรวจ ไม่ถือว่า การซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นการพนัน ในขณะที่ 35.2% มองว่าเข้าข่ายการพนัน ส่วนอีก 12.2% ไม่แน่ใจ นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ คือ การขยายตัวของธุรกิจการพนันเข้าสู่สังคมออนไลน์ ทำให้กลุ่มตัวอย่างถึง 13.9% ยอมรับว่า การได้พบเห็น ดารา นักร้อง หรือเน็ตไอดอล แสดงตัวว่าเล่นการพนัน มีส่วนกระตุ้นให้รู้สึกอยากเล่นการพนันด้วย ทั้งนี้ “สลากกินแบ่งรัฐบาล” คือ การพนันยอดนิยมอันดับหนึ่งของคนไทย โดยมีประมาณการของคนไทยที่เล่นสลากกินแบ่งรัฐบาลมากถึง 24,626,233 คน โดยในจำนวนนี้ แบ่งเป็นเพศหญิง 12.6 ล้านคน (51%) เพศชาย 11.9 ล้านคน (49%) โดยสามารถแยกออกเป็นกลุ่มอายุดังต่อไปนี้ 15-18 ปี : 342,000 คน (1.39%) 19-25 ปี : 2.2 ล้านคน (8.93%) 26-29 ปี : 2.2 ล้านคน (8.93%) 30-39 ปี : 5.2 ล้านคน (21.12%) 40-49 ปี : 5.5 ล้านคน (22.33%) 50-59 ปี : 6 ล้านคน (24.36%) 60 ปีขึ้นไป : 2.9 ล้านคน (11.78%) พื้นที่ที่มีประชากรเล่นสลากกินแบ่งรัฐบาลมากที่สุด ได้แก่ 1. ภาคอีสาน : 8.1 ล้านคน หรือ 44.6% ของจำนวนประชากรในภูมิภาค 2. ภาคกลาง : 4.8 ล้านคน หรือ 44% ของจำนวนประชากรในภูมิภาค 3. ภาคเหนือ : 4.4 ล้านคน หรือ 45.9% ของจำนวนประชากรในภูมิภาค 4. กทม.ปริมณฑล : 4.3 ล้านคน หรือ 55.8% ของจำนวนประชากรในภูมิภาค 5. ภาคใต้ : 2.8 ล้านคน หรือ …

พามาเบิ่ง สถิติคนไทยซื้อ “สลากกินแบ่งรัฐบาล” ภาคอีสานอันดับหนึ่ง อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง งานตรุษจีนโคราชที่ผ่านมา นทท.แห่เที่ยว “จอมพลถนนหัวมังกร 108 ปี” มื้อสุดท้ายคึกคักหลาย

เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ศาลหลักเมืองโคราช นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา พร้อมคณะสมาชิกสภา ฯ ร่วมพิธีไหว้สักการะศาลหลักเมือง รวมทั้งเจ้าพ่อไฉ่ซิงเอี้ย พิธีสวดมนต์ไทย-จีน ทำบุญสะเดาะเคราะห์ปีชง กราบไหว้สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งภายในงาน “เทศกาลตรุษจีนโคราช จอมพลถนนหัวมังกร 108 ปี ถนนแห่งวัฒนธรรม” ท่ามกลางบรรยากาศวัฒนธรรมไทย-จีน มีการประกวดการแต่งกาย การร้องเพลงจีนโดยองค์กรคนไทยเชื้อสายจีน ชม ชิม ช้อป อาหารระดับภัตตาคารและอาหารท้องถิ่นกว่า 180 ร้าน อีกทั้งยังมี การแสดงเชิดมังกรความยาว 55 เมตร ฉลองครบรอบ 555 ปี เมืองนครราชสีมา การแสดงสิงโต-มังกรดอกเหมย การประกวดการแต่งกายในชุด Mr.Chinese new year “เจ้าพ่อเชียงใช้” การแสดงงิ้วเปลี่ยนหน้ากากและมหัศจรรย์มนตรามายากล ท่ามกลางอากาศเย็นสบายพบนักท่องเที่ยวหลายพันคนเดินทางมาเที่ยวชมและพากันเซลฟี่บรรยากาศย้อนยุคกันอย่างเนืองแน่น เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมธรรมเนียมประเพณีของคนไทยเชื้อสายจีนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการย้อนรอยบอกเล่าความเป็นมา 108 ปี ถนนจอมพลชื่อเดิมถนนเจริญพาณิชย์ ซึ่งเป็นย่านการค้าสำคัญของเมืองโคราชและภาคอีสาน อดีตเคยเป็นศูนย์กลางของความเจริญเปรียบเสมือนหัวมังกรที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาครวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนไทยกับคนจีนทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบันที่มีความผูกพันกันมายาวนานและกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น อ้างอิงจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/1049614 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #งานตรุษจีน #โคราช #เทศกาลตรุษจีนโคราช #จอมพลถนนหัวมังกร #นครราชสีมา

พามาเบิ่ง แม่ค้าส้มตำเมื่อยใจหลาย มะนาวแพง 1,400 บาท/กระสอบ

แม่ค้าส้มตำโอด มะนาวแพง นอกจากมะนาวจะปรับราคาสูงขึ้นแล้ว ราคามะละกอยังขยับขึ้นรายวัน ล่าสุดมะนาวกระสอบละ 1,400 บาท มะละกอถุงละ 300 บาท แต่ยังต้องแบกรับต้นทุน ขายให้ลูกค้าในราคาเดิม ไม่ลดปริมาณเหตุเห็นใจลูกค้า ที่ร้านส้มตำอาหารอีสาน ต.ท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม นางอุทัยวรรณ สีธรรา แม่ค้าส้มตำ เปิดเผยว่า ร้านตนเองขายส้มตำ ไก่ย่าง และอาหารอีสาน ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ราคามะนาวมีการขยับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะมีผลกระทบมาจากน้ำท่วม ซึ่งปกติมะนาวจะแพงช่วงหน้าแล้ง ประมาณเดือนเมษายน แต่ปีนี้แค่เดือนมกราคมราคาก็ปรับขึ้นแล้ว ซึ่งร้านของตนจะซื้อมะนาวครั้งละครึ่งกระสอบ ตอนนี้ราคามะนาวที่ซื้อมาครึ่งกระสอบอยู่ที่ 700 บาท เต็มกระสอบก็จะอยู่ที่ 1,400 บาท นอกจากราคามะนาวที่แพงขึ้นแล้ว ซึ่งทางร้านจะใช้มะนาวแป้นจะได้รสชาตที่หอมและอร่อย วัตถุดิบหลักอีกอย่างของส้มตำก็คือ มะละกอ ก็มีการปรับราคาขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนช่วงปีใหม่ เคยซื้อมะละกอเกรดเอ เป็นมะละกอพันธุ์ดำเนิน ถุงละ 350 บาท ที่ผ่านมาซื้อมาราคาถุงละ 300 บาท ราคาจะปรับขึ้น ๆ ลง แล้วแต่วัน ซึ่งราคานี้ถือว่าเป็นราคาที่ยังสูงอยู่ จากเดิมที่เคยซื้อมาถุงละ 240-260 บาทเท่านั้น ทำให้ทางร้านต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละวัน แต่ยังคงขายให้ลูกค้าในราคาเท่าเดิม และไม่ลดปริมาณ เพราะสงสารลูกค้า อยากให้ลูกค้ากินอิ่ม สำหรับส้มตำแต่ละครก ก็จะใช้มะนาวครึ่งลูกถึงหนึ่งลูก แล้วแต่ลูกค้าจะสั่ง หากชอบเปรี้ยว ลูกค้าก็จะแจ้งก็จำเป็นต้องเพิ่มมะนาวไปให้ โดยทางร้านจะไม่ใช้น้ำมะนาวผสม หรือใช้มะขามเปียก เพราะรสชาติมันไม่ใช่ไม่อร่อยสู้ใช้มะนาวสดไม่ได้ หากถามว่าจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยยังไง สิ่งที่อยากจะขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คือ อยากให้มีการคุมเข้มจากต้นทางให้ถูกลงกว่านี้ เศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพสูง ข้าวของปรับตัวขึ้นสูงทุกอย่าง พ่อค้าแม่ค้าก็ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นตามไปด้วย อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbiznews.com/business/1047771 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #มะนาว #มหาสารคาม #ส้มตำ #มะนาวแพง #แม่ค้าส้มตำ

ชวนเบิ่ง ศึกกิจการสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคอีสาน

จุดเริ่มต้น “น้ำมันศรีพลัง” “เครือศรีไทยใหม่” เริ่มจากธุรกิจโรงสีข้าวในอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ในปี 2506 และได้ขยายไปสู่ธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ธุรกิจขนส่งสินค้า ธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจส่งออกข้าวสารไปต่างประเทศ “กลุ่มศรีพลัง” เป็นหนึ่ง ในกลุ่มธุรกิจในเครือศรีไทยใหม่ โดยดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เริ่มจากสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ ในปี 2513 จนปัจจุบัน น้ำมันศรีพลัง ยึดมั่นในเรื่องความซื่อสัตย์กับลูกค้าเสมอมา โดยจะรับน้ำมันจากคลังน้ำมันที่มีคุณภาพเท่านั้น ได้แก่ คาลเท็กซ์ เอสโซ่ เชลล์ ปตท. บางจาก ไทยออยล์ และไออาร์พีซี นอกจากนี้ ยังใช้รถบรรทุกน้ำมันของบริษัท ฯ เอง เพื่อทำการจัดส่งให้กับลูกค้า ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพและเวลาทุกขั้นตอนได้ โดยเฉพาะการควบคุมการจอดรถในที่ที่กำหนด จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบการจอดรถเป็นประจำทุกวันจากระบบจีพีเอส และถ้ามีการจอดรถนอกจุดที่กำหนด โดยไม่มีเหตุผลอันควร โดยเฉพาะการจอดใกล้แหล่งซื้อขายน้ำมันเถื่อน จะถูกลงโทษโดยให้ออกจากงานทันที ในขณะเดียวกันทางศรีพลังก็ให้รายได้และสวัสดิการกับพนักงานขับรถที่เหมาะสม ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับน้ำมันที่มีคุณภาพเต็มร้อย ปริมาณเต็มลิตร อย่างแท้จริง ในขณะที่จุดเริ่มต้น “จักราชการปิโตรเลียม” บริษัท จักราชการปิโตรเลียม จำกัด เป็นบริษัทในเครือ บริษัท พี โอ ออยล์ จำกัด ประกอบธุรกิจจำหน่ายและรับจ้างขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซปิโตรเลียมเหลว และประกอบธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน สถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลวและโรงบรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลว ร้านค้าแก๊ส โรงแรม และบริหารธุรกิจแฟรนไชส์ อเมซอน ร้านค้าเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ผ่านมาคุณพงษ์ศักดิ์นิยามตัวเอง เพื่อ “เป็นผู้นำธุรกิจการขนส่งและการบริการ” บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นพัฒนาพร้อมขยายสาขาสถานีบริการน้ำมัน สถานีบริการก๊าซ โรงบรรจุก๊าซ ร้านค้าก๊าซ รถขนส่งน้ำมัน รถขนส่งก๊าซ และธุรกิจบริหารแฟรนไชส์เรื่อยมา จนถึงปัจจุบันมีสาขามากถึง 27 แห่ง และรถขนส่งจำนวน 100 คัน เพื่อการบริการให้กับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างเพียงพอ และ ไม่หยุดนิ่งที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตามเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ อ้างอิงจาก: https://www.sripalang.com/ https://www.pooilstation.com/%E0…/614c4f6a0ac79700137754b8 https://data.creden.co/company/general/0305543000755 https://data.creden.co/company/general/0415544000073 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #จักราชการปิโตรเลียม #น้ำมันศรีพลัง #สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง #น้ำมันเชื้อเพลิง

พาส่องเบิ่ง เส้นทาง “ห้างทองทองสวย” อาณาจักรทองคำเจ้าใหญ่ในภาคอีสาน

บริษัทฯ เริ่มต้นจากการเป็นร้านทองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในตัวเมืองจังหวัดขอนแก่น ซึ่งก่อตั้งในปี 2518 โดยเป็นธุรกิจครอบครัว และได้ดำเนินกิจการสั่งสมประสบการณ์และขยายกิจการเรื่อยมา ปี 2542 ได้แยกตัวออกมาเพื่อเปิดร้านค้าส่งและได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ห้างทอง ทองสวย” จนถึงปัจจุบัน ห้างทองทองสวย ได้เริ่มต้นการผลิตทองคำรูปพรรณและทองคำแท่งเป็นของตนเอง ปี 2547 ประเทศไทยได้มีการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพของทองคำรูปพรรณในประเทศเป็นครั้งแรกขึ้น โดย สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และ ห้างทองทองสวย ได้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตทองคำรูปพรรณ 71 รายแรกของประเทศที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโดย สคบ. ให้เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายทองคำรูปพรรณได้ถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ บริษัท ห้างทองทองสวย จำกัด ได้รับการยอมรับจากร้านทองทั่วประเทศ และได้ขยายสาขาไปหลายจังหวัด ขยายโรงงานกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งได้ผลิตสินค้า บริการ และนวัตกรรม เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งปลีกและส่งอย่างเสมอมา บริษัทฯ ประเดิมทุนครั้งแรกในปี 2559 จำนวน 5 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 205 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้ 6,007 ล้านบาท และมีกำไร 5 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้ 7,815 ล้านบาท และมีกำไร 6 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้ 9,292 ล้านบาท และมีกำไร 8 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้ 17,193 ล้านบาท และมีกำไร 9 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้ 15,679 ล้านบาท และมีกำไร 7 ล้านบาท หากพิจารณาจากข้อมูลรายได้รวมและกำไรรวม จะพบว่า มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะรายได้จากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่หลักพันล้านบาท แต่ในปี 2563 บริษัทฯ สามารถทำรายได้พุ่งไปสูงถึงหลักหมื่นล้าน อ้างอิงจาก: https://thongsuay.co.th/about-us https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0405559002603 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ห้างทองทองสวย #ทองคำ #ขอนแก่น #ธุรกิจจำหน่ายทอง

พามาเบิ่ง 7 อันดับโรงพยาบาลที่มีรายได้รวมมากที่สุดในภาคอีสาน

งบการเงินปี 2564 เป็นจังใด๋แหน่ . . . อ้างอิงจาก: – CredenData #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #โรงพยาบาลที่มีรายได้รวมมากที่สุด #โรงพยาบาล #โรงพยาบาลภาคอีสาน

Scroll to Top