Nanthawan Laithong

พาซอมเบิ่ง ผลประกอบการ “Funai (Thailand)” อาณาจักรผลิตและจำหน่ายเครื่องรับโทรทัศน์พร้อมเครื่องเล่นและบันทึก

ฟูไนเป็นผู้นำตลาดโทรทัศน์ในอเมริกาและยุโรป ได้เริ่มจัดจำหน่ายในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำยุค ฟูไนนำผลิตภัณฑ์หลากหลายเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จากเครื่องรับโทรทัศน์และระบบโฮมเธียเตอร์ จนถึงเครื่องเล่นดีวีดีและบลูเรย์ และอีกหลากหลายอุปกรณ์ต่อพ่วง สินค้าของฟูไนจะนำคุณสู่โลกแห่งความบันเทิง ปฏิวัติการใช้สินค้าอิเลคทรอนิกส์ที่เคยมีมา ฟูไนอิเลคทริกนำเสนอสินค้าสู่ตลาดที่ราคาสมเหตุสมผลและสินค้าดิจิตอลอิเลคทรอนิกส์คุณภาพสูง ในหลายปีที่ผ่านมาแม้จะมีความต้องการเพิ่มขึ้นในตลาดผู้บริโภคสินค้าดิจิตอลอิเลคทรอนิกส์ การแข่งขันที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ราคาสินค้าลดลง อย่างไรก็ตามฟูไนเชื่อว่าการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงนั้นทำให้ฟูไนได้ ตระหนักอย่างเต็มที่ถึงศักยภาพของฟูไนและพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การแข่งขันอย่างมั่นใจ นับตั้งแต่การก่อตั้งฟูไนในปี 2504 ฟูไนได้กลับไปสู่พื้นฐานในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่สำคัญ ฟูไนเล็งเห็นความสำคัญและมุ่งเน้นความเร็วของทุกกิจกรรมทางธุรกิจ อีกทั้งยังเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์บนพื้นฐานของการตอบสนองอย่างรวดเร็วและถูกต้องจากความต้องการของตลาดและลูกค้า นอกจากนี้ ยังออกผลิตภัณฑ์ให้ทันเวลา โดยมุ่งเน้นความมีประสิทธิภาพของการบริหารจัดการผ่านระบบการผลิตที่เป็นลิขสิทธ์ ระบบการผลิต ของฟูไน (Funai Production System : FPS) และการใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพของเครื่องจักรในการผลิต เมื่อมองไปข้างหน้า ฟูไนจะมุ่งเน้นในการพัฒนาเครือข่ายของผลิตภัณฑ์และมุ่งมั่นที่จะรังสรรค์การเพิ่มมูลค่าใหม่ๆให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายขั้นต่อไปของฟูไนในการเป็น “ฟูไนยอดเยี่ยมระดับโลก” (Globally Outstanding Funai) ประเดิมทุนครั้งแรกในปี 2546 ด้วยจำนวน 700 ล้านบาท จากนั้นเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกในปี 2548 เพิ่มเป็น 900 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันได้เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกเป็น 1,568 ล้านบาท ปี 2561 รายได้รวม 10,070 ล้านบาท และกำไรรวม -539 ล้านบาท ปี 2562 รายได้รวม 11,489 ล้านบาท และกำไรรวม 114 ล้านบาท ปี 2563 รายได้รวม 9,430 ล้านบาท และกำไรรวม 180 ล้านบาท ปี 2564 รายได้รวม 9,819 ล้านบาท และกำไรรวม 236 ล้านบาท ปี 2565 รายได้รวม 9,975 ล้านบาท และกำไรรวม 341 ล้านบาท หากพิจารณาจากตัวเลขรายได้รวมและกำไรรวม 4 ปีย้อนหลัง จะพบว่า ฟูไน (ไทยแลนด์) มีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะกำไรจากปีแรก (2561) ติดลบร้อยล้านบาท แต่ในปัจจุบันกำไรพุ่งไปสูงถึงหลักหลายร้อยล้านบาท อ้างอิงจาก: http://www.funai.co.th/about.html https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0105546083874 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ฟูไนไทยแลนด์ #ฟูไน #นครราชสีมา #ธุรกิจระดับพันล้าน #FunaiThailand #Funai

พาซอมเบิ่ง “อีสเทิร์นไรซ์มิลล์” อาณาจักรโรงสีข้าวรายใหญ่ในภาคอีสาน

บริษัทฯ ประกอบธุรกิจประเภทการผลิต โดยให้บริการด้านการสีข้าว รับซื้อข้าวเปลือก-ข้าวสาร หอมมะลิ ข้าวเปลือกนาปรัง ข้าวเปลือกเหนียว กข.6 กข.10 เป็นต้น โดยมียอดการผลิตข้าวสารทุกโรงสีในเครือของ บริษัท ธนสรรไรซ์ จำกัด จำนวน 8,000 ตันต่อวัน ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวหอมมะลิตราจัสมิน เป็นข้าวหอมมะลิเกรดพรีเมี่ยม ข้าวสารดีคุณภาพส่งออกอีกหนึ่งแบรนด์ ในเครือธนสรรไรซ์กรุ๊ป ได้รับรางวัลข้าวดีที่สุดในโลก จากการแข่งขันกับนานาประเทศ ภายใต้งาน “World rice Conference 2016” ที่จัดขึ้น ณ จังหวัดเชียงใหม่ ประเดิมทุนครั้งแรกด้วยจำนวน 200 ล้านบาท จากนั้นเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกในปี 2557 เพิ่มเป็น 300 ล้านบาท ปี 2556 มีรายได้รวม 833 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 844 ล้านบาท ปี 2557 มีรายได้รวม 1,552 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 1,860 ล้านบาท ปี 2558 มีรายได้รวม 2,571 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,478 ล้านบาท ปี 2559 มีรายได้รวม 3,187 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,154 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้รวม 3,187 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,219 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้รวม 3,184 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,355 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้รวม 2,620 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,770 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 3,461 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,226 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้รวม 1,080 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,079 ล้านบาท หากพิจารณาจากข้อมูลการเพิ่มทุนจดทะเบียน และตัวเลขรายได้รวมที่งบการเงินที่ปรากฏ จะพบว่า มีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะรายได้จากปีแรก (2556) หลักร้อยล้าน ปัจจุบันพุ่งไปสูงถึงหลักพันล้าน จุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจโรงสีข้าว คุณศุภชัย เป็นนักธุรกิจรุ่นเก๋าในวงการโรงสีของประเทศ เริ่มต้นทำธุรกิจโรงสีข้าวในจังหวัดชัยนาท เมื่อ10 ปีก่อน ก่อนจะขยายฐานโรงสีไปยังจังหวัดต่าง ๆ อาทิ พิจิตร …

พาซอมเบิ่ง “อีสเทิร์นไรซ์มิลล์” อาณาจักรโรงสีข้าวรายใหญ่ในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง 8 อันดับบริษัทที่มีรายได้รวมมากที่สุดในภาคอีสาน เปลี่ยนไปส่ำใด๋ ในช่วง 3 ปี

อ้างอิงจาก: https://data.creden.co/ranking #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #บริษัทที่มีรายได้รวมมากที่สุด #อันดับบริษัทที่มีรายได้รวมมากที่สุด

พาส่องเบิ่ง เส้นทาง “ที่นอนดาร์ลิ่ง ขอนแก่น” ผู้ผลิตที่นอนชั้นนำของไทย

สร้างธุรกิจให้ได้รับการยอมรับกับตลาดในประเทศก็ยากระดับหนึ่ง แต่การที่จะทำให้ธุรกิจนั้นมีความยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับจากคู่ค้าทั่วโลกนั้นยากกว่า และยากที่สุดคือทำอย่างไรให้ธุรกิจนั้นก้าวผ่านกาลเวลาสู่ปี 60 ปี 70 หรือก้าวสู่ปีที่ 100 ให้ได้ภายใต้การแข่งขันที่นับวันจะทวีความรุนแรง คุณเพ็ญศรี แช่มปรีดา ทายาทรุ่นที่สองของผู้สร้างที่นอนไทย ถ่ายทอดประสบการณ์ 56 ปี ธุรกิจที่นอนไทยที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าและคู่ค้าทั่วโลก เริ่มต้นจาก คุณพ่อของคุณเพ็ญศรี คือ คุณประเสริฐ ประเสริฐวณิช ประธานบริษัท ก็ทำธุรกิจขายที่นอนแล้ว โดยเปิดร้านขายที่นอนร้านแรกที่ถนนเพชรบุรี ซึ่งสมัยนั้นที่นอนที่มีจำหน่ายในร้านทั่วไปจะเป็นที่นอนนุ่นแบบเย็บมือ แต่คุณพ่อของคุณเพ็ญศรีเป็นคนทันสมัย ท่านจึงติดต่อคู่ค้าจากต่างประเทศ นำเข้าที่นอนมาจำหน่าย ที่ร้านและกลายเป็นร้านขายที่นอนที่ทันสมัยที่สุดในเมืองไทย ต่อมาเมื่อธุรกิจขยายตัวจึงมีการสร้างโรงงานแห่งแรกและขยายเป็นโรงงานแห่งที่สองในเวลาต่อมา โดยนำนวัตกรรมที่นอนจากต่างประเทศมาผลิตเอง และเป็นที่มาของที่นอนแบรนด์ “ดาร์ลิ่ง เดอร์ลุกซ์” ในที่สุด การที่ได้เติบโตในครอบครัวที่ทำธุรกิจที่นอน ก็เหมือนเราทำธุรกิจนั้นไปในตัว พอโตขึ้นมาเป้าหมายก็คือการมารับช่วงธุรกิจต่อร่วมกับพี่ ๆ ในฐานะทายาทรุ่นที่สองคนหนึ่ง จึงเน้นเรื่องงานนวัตกรรม การตลาด การขาย การพัฒนาสินค้าใหม่ และการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก ให้ตลาดโลกรู้ว่าคนไทยนั่นมีศักยภาพและสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับที่นอนและเครื่องนอน รวมถึงการตอบโจทย์ความต้องการของคู่ค้า ซึ่งมักจะมีโจทย์ที่ยากหรือโจทย์แปลก ๆ เกิดขึ้นเสมอ ในที่สุดบริษัท ที่นอนดาร์ลิ่ง จำกัด ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องสถานที่ และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ เนื่องจากจะมีคำสั่งซื้อที่นอนและเครื่องนอนแบบต่าง ๆ ที่ผลิตและเป็นที่นิยมอยู่แล้วเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปี 2539 บริษัท ที่นอนดาร์ลิ่ง ขอนแก่น จำกัด จึงเกิดขึ้นโดยใช้งบประมาณลงทุนสร้างโรงงานประมาณ 200 ล้านบาท พร้อมขบวนการผลิตที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย บนพื้นที่ 48 ไร่เศษ ณ จังหวัดขอนแก่น เพื่อตอบโจทย์ตามคำสั่งซื้อของลูกค้าจากทั่วโลก ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้ยังเป็นฐานสำคัญของธุรกิจที่นอนในกลุ่ม CLMV ด้วย นิยามและความสำเร็จของ “ที่นอนดาร์ลิ่ง ขอนแก่น” ความสามารถในการผลิตที่นอนและเครื่องนอนตามโจทย์ที่ลูกค้าต้องการตามความเชี่ยวชาญของเรา โดยปราศจากข้อจำกัด ด้วยแนวทางในการดำเนินธุรกิจชัดเจนที่จะก้าวสู่ความเป็นผู้นำนวัตกรรมที่นอนและเครื่องนอนของไทย ซึ่งเน้นการผลิตด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสนองตอบตามความต้องการการใช้ที่นอนและเครื่องนอนของคนรุ่นใหม่ ทำให้ที่นอนและเครื่องนอนมีความหมายมากกว่าเพื่อการนอนเพียงอย่างเดียว แนวทางที่ชัดเจนนี้ทำให้เป็นบริษัทฯ ผลิตที่นอนไทยรายแรกและรายเดียว ที่ได้รับรางวัลแบรนด์ไทยดีเด่นเพื่อการส่งออกปี 2017 หรือ PM AWARD BEST THAI BRAND อ้างอิงจาก: https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0105539128345 https://www.thaihotelbusiness.com/peopl…/darling-mattress/ https://www.darling.co.th/about/ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ที่นอนดาร์ลิ่งขอนแก่น #ผู้ผลิตที่นอนชั้นนำของไทย #ขอนแก่น #ที่นอนดาร์ลิ่ง

ชวนเบิ่ง “ธงมา คอนซูเมอร์ โปรดักส์” อาณาจักรผลิตเครื่องเทศและเครื่องแกงสำเร็จรูป

บริษัท ธงมา คอนซูเมอร์ โปรดักส์ จำกัด เป็นบริษัทจำหน่ายและศูนย์กระจายสินค้าอุปโภค บริโภค ภายในประเทศ เน้นลูกค้ากลุ่ม Traditional Trade (TT) ร้านค้าส่ง,ร้านค้าปลีกและร้านค้าโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ มีคลังสินค้าที่มีคุณภาพ รองรับการกระจายสินค้าทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ มากกว่า 35 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ ทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นผู้นำในด้านการให้บริการ ผู้นำในด้านการบริการด้านการจัดจำหน่าย และกระจายสินค้าที่มีศักยภาพ และบริการหลังการขาย บริษัทมีการสำรวจข้อมูลการตลาดของสินค้าที่จะมาเป็นคู่ค้ากับทางบริษัทเสมอ อีกทั้งมีพนักงานส่งเสริมการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย และมีพนักงานบริการหลังการขายเพื่อดูแลสินค้าให้อยู่ในสภาพที่พร้อมขายเสมอและส่งผลให้สินค้าของคู่ค้ากระจายสู่ตลาดอย่างยั่งยืน โดยช่องทาง การจัดจำหน่ายของบริษัทมีทั้งค้าส่งขนาดใหญ่แต่ละจังหวัง ค้าส่งขนาดกลางแต่ละอำเภอ รวมไปถึงร้านขายของชำ มินิมาร์ทและร้านโชว์ห่วยในแต่ละตำบล และหมู่บ้านกว่า 80,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ธงมา คอนซูเมอร์ โปรดักส์ รองรับการกระจายสินค้าทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ มากกว่า 35 สาขา ซึ่งครอบคุมพื้นที่ทั่วประเทศ อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากผู้ค้าซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ทางบริษัททำการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าในด้านความสามารถนำสินค้าสู่ตลาดได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมายและครอบคลุมตลาดทุกกลุ่ม บริษัทยังใส่ใจคู่ค้าเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันที่พร้อมก้าวไปด้วยกันอย่างมั่งคง โดย ธงมา คอนซูเมอร์ โปรดักส์ เป็นผู้นำในด้านการบริการด้านการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า และบริการหลังการขายซึ่งมีการเจริญเติบโตรวดเร็ว มีการนำเทคโนโนยีต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการการบริหารงานของทั้งบริษัท (SAP) ใช้ระบบการขายโดย Van sales (หน่วยรถเงินสด) ทั้งรถยนต์มากกว่า 100 คัน และรถจักรยานยนต์มากกว่า 100 คัน ใช้ระบบติดตามประเมินการขายโดย GPS ในรถยนต์ทุกคันมีโปรแกรมตรวจสอบยอดขายของสินค้าของคู่ค้าโดยใช้ B2B (Business to Business) และตรวจสอบความปลอดภัยของสินค้าแต่ละสาขาด้วยกล้อง CCTV อ้างอิงจาก: https://thongma-con.com/ https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0345557000426 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธงมาคอนซูเมอร์โปรดักส์ #จำหน่ายและศูนย์กระจายสินค้าอุปโภคบริโภค #อุบลราชธานี #ผลิตเครื่องเทศและเครื่องแกงสำเร็จรูป

พาส่องเบิ่ง “อุดรกระจกรถยนต์” ผู้นำตลาดกระจกรถยนต์อันดับหนึ่งของภาคอีสาน มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี

ย้อนเล่าถึงอดีตสมัยเริ่มเปิดร้านเมื่อ 10 กว่าปีก่อน คุณศมน กล่าวว่า “เมื่อก่อนตอนตั้งร้านใหม่ๆ รถยนต์เข้ามาติดตั้งกระจกแค่ 3 คันต่อวันก็ดีใจแล้ว” ซึ่งตรงข้ามกับภาพความสำเร็จในปัจจุบัน บริษัท อุดรกระจกรถยนต์ จำกัด มีตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมกว่า 17 จังหวัดทั่วภาคอีสาน ขึ้นแท่นผู้นำตลาดกระจกรถยนต์อันดับหนึ่งของภาคอีสาน มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี คุณศมนเริ่มต้นธุรกิจจากการค้าส่ง-ปลีกกระจกทุกยี่ห้อ โดยไม่มีการผลิตเอง เป็นเพียงแค่ซื้อมาขายไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำยาก แต่คุณศมนมีความคิดว่า “ถ้ารู้ลึก รู้จริงในงานของตัวเอง แม้จะไม่มีโรงงานผลิต ก็สามารถที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้” จึงมุ่งมั่นขวนขวายหาความรู้ด้วยการเข้าร่วมอบรมและสัมมนาอยู่เสมอ โดยมีโอกาสเข้าอบรมหลักสูตรกลยุทธ์การบริหารการตลาดยุคใหม่และหลักสูตรการตลาดเชิงกลยุทธ์เสริมพลังทัพธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการ คพอ. ซึ่งเปรียบเสมือนการส่องกระจกให้มองเห็นตัวเองชัดเจนขึ้น เริ่มตั้งแต่เรื่องการทำบัญชี ระบบหลังบ้านซึ่งทำผิดมาตลอด รวมถึงการให้บริการลูกค้าที่ยังไม่ได้มาตรฐาน การบริหารบุคลากรและการขนส่สินค้าก็ยังไม่เป็นระบบ เมื่อปรับปรุงแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้สำเร็จ อุดรกระจกรถยนต์ก็สามารถปรับโฉมภาพลักษณ์พร้อมขยายกลุ่มเป้าหมาย ด้วยศักยภาพการให้บริการที่ได้มาตรฐานระดับมืออาชีพเป็นที่มาของการเปลี่ยนสถานภาพจาก “ร้านค้า” กลายเป็น “ศูนย์กระจกรถยนต์” คุณศมนได้มองเห็นข้อผิดพลาดที่ไม่เคยรู้มาก่อน อย่างเรื่องการทำบัญชี ระบบหลังบ้านซึ่งสำคัญมาก แต่ปรากฏว่าทำผิดมาตลอดต้องใช้เวลาหลายปี เซ็ตระบบกันใหม่ หรือเมื่อก่อนไม่เคยมีการอบรมพนักงานว่าต้องให้บริการลูกค้าอย่างไร อาจารย์ที่ปรึกษาได้เข้ามาช่วยสร้างมาตรฐานขึ้นจนปัจจุบันได้จัดทำเป็นคู่มือพนักงานด้านขนส่งสินค้า แต่เดิมขนส่งไปจังหวัดต่าง ๆ เพียงอาทิตย์ละ 1 รอบ อาจารย์ก็ช่วยวางแผนให้มีระบบขนส่งที่กระจายสินค้าได้มากขึ้นถึงอาทิตย์ละ 3 รอบ ทุกวันนี้คุณศมนยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มพูนความรู้ ด้วยการเข้าอบรมโครงการอื่น ๆ ของกรมฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคุณศมนเปรียบว่าเป็นเหมือนการค่อย ๆ ปรับแต่งพลิกโฉมบ้าน แก้ไขจุดบกพร่อง ขยายพื้นที่ จนบ้านหลังนี้กลายเป็นบ้านหลังใหม่ที่มั่นคง มั่งคั่งและยิ่งใหญ่กว่าเดิม อ้างอิงจาก: https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0415540000567 https://www.prachachat.net/local-economy/news-551279 https://www.dip.go.th/…/2019-04-26…/2019-04-29-15-26-18 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อุดรกระจกรถยนต์ #ผู้นำตลาดกระจกรถยนต์ #อุดรธานี #ธุรกิจการค้ากระจก

ชวนเบิ่ง เส้นทาง “ทาเคชิ โกลด์ (Takeshi Gold)” อาณาจักรอาหารญี่ปุ่นรายใหญ่ในภาคอีสาน

ร้านอาหารญี่ปุ่น “ทาเคชิโกลด์” เป็นความตั้งใจที่จะเข้าภาคอีสานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะคุณชัยวัฒน์เป็นคนนครราชสีมา แต่ได้ไปเริ่มที่ขอนแก่นก่อนเป็นสาขาแรกเมื่อปี 2561 แล้วก็ไปเปิดสาขาที่ ยูดีทาวน์ จ.อุดรธานี ปี 2562 และสาขานครราชสีมาปี 2563 ส่วนสาขา 4 จะเปิดที่อุบลราชธานี ปี 2564 ครอบครัวของคุณชัยวัฒน์ ทำธุรกิจขายวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้วที่กรุงเทพฯ ซึ่งทำมานาน 34 ปี ซึ่งส่งให้ร้านอาหารญี่ปุ่นหลักๆทั่วประเทศ จึงอยากแตกไลน์ธุรกิจของที่บ้าน และอยากสร้างแบรนด์ของตัวเอง จากนั้นได้มาบริหารที่ บริษัทเบียร์ไฮเนเก้น เป็นผู้จัดการ 9 ปีอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากนั่นก็ลาออกมาช่วยที่บ้าน และก็คิดว่าอยากแตกไลน์ออกมา เพราะมีวัตถุดิบอยู่แล้ว ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบ “ทาเคชิ” มาจากชื่อคนญี่ปุ่นไม่ได้มีความหมายอะไร แต่อยากตั้งชื่อให้คนเข้าถึงง่าย พูดถึงนึกถึงแล้วคนรู้จักเลย จึงได้ใช้ชื่อนี้ “ทาเคชิ” ที่ขอนแก่นถือว่าประสบความสำเร็จในเวลาแค่ 3 เดือน จากนั้นจึงได้ขยายสาขามีทุนไปต่อที่อุดร แล้วก็มาที่นครราชสีมา โดยสำหรับจุดเด่นของอาหารญี่ปุ่น คือ เป็นซอส 5 ตัวที่ร้านตีเอง เป็นสูตรเฉพาะของร้านเอง ส่วนเมนูอาหารมี 116 เมนู ซิกเนเจอร์ของร้าน คือ ทาเคชินิเคดิ, นิเคดิหน้าเยิ้ม, คันชี่โรล, และหัวปลาต้มซีอิ๊ว ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะ ราคาบุฟเฟต์แซลมอลสด 399 บาท ไม่รวมเครื่องดื่ม ซึ่งไม่จำกัดเวลา อ้างอิงจาก: https://www.koratstartup.com/235678/ https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0305563006767 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ทาเคชิ #อาหารญี่ปุ่น #ขอนแก่น #อุดรธานี #นครราชสีมา #Takeshi

พามาเบิ่ง เส้นทาง “โอชิเน” ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเจ้าดังประดับประเทศ

“เชฟหนุ่ม-กิตติศักดิ์ ลีล้อม” เขาเป็นคนอุบลฯ แท้ ๆ เกิดและเติบโตที่บ้านหนองเม็ก ตำบลหนองช้างใหญ่ อำเภอม่วงสามสิบ หลังจากเรียนจบมัธยมต้น ด้วยความที่บ้านมีฐานะค่อนข้างยากจน เขาตัดสินใจไม่เรียนต่อ แต่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปทำงานตามคำชักชวนของพี่ที่รู้จัก จุดหมายปลายทางคือร้านอาหารญี่ปุ่นเล็ก ๆ ย่านสุขุมวิท ณ เวลานั้น เด็กชายหนุ่มอายุ 17 ปี ตั้งเป้าหมายชีวิตเพียงว่าอยากมีหน้าที่การงานมั่นคง ส่งเสียตัวเองและครอบครัวได้ แต่หารู้ไม่ว่า อีกสิบกว่าปีต่อมา เขาจะกลายเป็นผู้บริหารร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีสาขาทั่วประเทศ ทำรายได้เฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และเป็นหัวหอกสำคัญในการสร้างงานสร้างรายได้ให้พี่น้องชาวอุบลฯ ตลอดจนคนหนุ่มสาวในภาคอีสาน รวมแล้วเฉียดพันชีวิต วันนี้ ISAN Insight & Outlook จะพามาดูจุดเริ่มต้นของ “โอชิเน” ว่าเป็นอย่างไร? หลังเรียนจบมัธยมต้น เชฟหนุ่มตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ มาทำงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ถนัดเรื่องการเรียนเท่าไหร่ อยากลองทำงานหาเงินแล้ว จึงตัดสินใจไปทำ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นในซอยสุขุมวิท 11 มีเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนญี่ปุ่น พอไปถึงเขาก็สอนทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่างการล้างผัก การเตรียมวัตถุดิบ การเก็บรักษาวัตถุดิบ ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่ผมได้ฝึกกับเชฟคนญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้ได้ซึมซับความเป็นระบบระเบียบมา อย่างที่ทราบว่าคนญี่ปุ่นเขาค่อนข้างเข้มงวด ทุกอย่างต้องเป๊ะตามมาตรฐานที่เขากำหนดไว้ เมื่อทำได้ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้น เชฟหนุ่มจึงเกิดความคิดว่า ถ้าเราเปลี่ยนร้านไปเรื่อย ๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากที่ใหม่ ๆ ก็น่าจะพัฒนาฝีมือตัวเองได้ พูดง่าย ๆ คือได้ทั้งประสบการณ์ ทั้งฝีมือ ทั้งเงินเดือน เชฟหนุ่มเลยตัดสินใจย้ายไปอีกที่หนึ่ง เป็นร้านที่ 2 ร้านนี้โดดเด่นเรื่องเส้นโซบะสด ทำจากแป้ง Buckweed ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น นอกจากนี้ก็มีวัตถุดิบพรีเมี่ยมจากญี่ปุ่น เช่น ปลาฮามาจิ ปลาหายากหลายชนิด ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่เราไม่เคยเห็นที่ร้านเก่า ทำให้ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มอีกมากมาย หลังจากนั้นเชฟหนุ่มย้ายร้านอีกประมาณ 2 – 3 ที่ ทั้งร้านอิซากายะ ร้านเทปปันยากิ ร้านที่เน้นเสิร์ฟเซ็ตเบนโตะ เรียกว่าได้ทำครบเกือบทุกประเภทของอาหารญี่ปุ่น จนมีโอกาสได้ไปทำที่ร้าน Tensui ทำอยู่ประมาณ 2 ปีก็ย้ายไปอยู่ร้าน Honmono Sushi ของเชฟบุญธรรม ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ช่วงที่ทำอยู่กับเชฟบุญธรรและเชฟบรรณฑูร ทั้งสองคนเป็นทั้งหัวหน้างานและอาจารย์ที่เชฟหนุ่มเคารพ สิ่งที่เชฟทั้งสองสอนนอกเหนือไปจากเรื่องการทำอาหาร คือเรื่องความสม่ำเสมอ หมั่นฝึกฝน พูดง่าย ๆ ว่าเมนูเดิม ทำ 10 ครั้งต้องเหมือนเดิมทั้ง 10 ครั้ง ถ้าทำได้แบบนั้นถือว่าโอเค ซึ่งต้องเริ่มจากการรู้ทฤษฎีก่อน ต้องมีความรู้ก่อน เมื่อทฤษฎีแม่น ก็ลองปฏิบัติ ฝึกฝนจนชำนาญเพื่อลดการสูญเสียหรือผิดพลาดให้น้อยที่สุด พอทำที่ Honmono Sushi ได้ประมาณ 1 ปี มีงานที่ต่างประเทศติดต่อเข้ามา ให้เชฟหนุ่มไปเป็นเชฟประจำร้านอาหารที่อเมริกา …

พามาเบิ่ง เส้นทาง “โอชิเน” ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเจ้าดังประดับประเทศ อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง “ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์” อาณาจักรขายปลีกวัสดุก่อสร้าง

บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2512 ที่จังหวัดขอนแก่น โดยเริ่มจากการเป็นธุรกิจครอบครัว มีหน้าร้านเป็นห้องแถว 2 ห้อง ก่อนจะขยายธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงสู่ปีที่ 53 โดยปัจจุบันมีหน้าร้านเป็นอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และมีการขยายสาขาไปจังหวัดอื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย ด้วยความมุ่งมั่นในการบริการและเอาใจใส่ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง จึงได้ขยายธุรกิจให้ครอบคลุมสินค้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือสำหรับช่าง งานเหล็กทุกชนิด วัสดุก่อสร้าง รวมทั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้านงานโลจิสติกส์ โดยมุ่งเน้นสินค้าคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม และยึดหลักในการอำนวยให้ความสะดวกลูกค้าว่า “มาที่นี่ได้ของครบจบในที่เดียว” (One Place Has All) แม้ปัจจุบันจะมีการเปิดสาขาใหม่ของกลุ่มทุนโมเดิร์นเทรดที่ขายสินค้าประเภทเดียวกันทั่วทั้งประเทศ รวมทั้งจังหวัดหัวเมืองใหญ่อย่างขอนแก่น แต่ด้วยความที่บริษัทมีทีมงานคอยแนะนำและให้คำปรึกษากับลูกค้า รวมถึงการจัดสรรสินค้าให้อย่างรวดเร็ว เช่น หากมาที่ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์ลูกค้าจะได้รับบริการที่รวดเร็วและได้สินค้าครบภายใน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่นำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดส่งหริการหาสินค้าตรงกับความต้องการลูกค้าอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือ ส่วนในกรณีที่ซื้อสินค้าไปแล้วมีปัญหาสามารถนำกลับมาให้ทีมงานช่วยแก้ไขได้ รวมทั้งสินค้าบางรายการที่ไม่สามารถหาซื้อตามออนไลน์หรือหาซื้อตามร้านอื่นไม่ได้ ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์สามารถจัดหาให้ได้ อีกทั้งบริษัทมีทีมพนักงานขายที่เชี่ยวชาญในการบริการกับลูกค้าในหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม หรือกลุ่มลูกค้าตามหมู่บ้าน อีกทั้งยังมีระบบจัดส่งที่บริการลูกค้าได้ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ขอนแก่น, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด และอุดรธานี โดยทุกครั้งที่ทีมขายลงพื้นที่จะมีให้คำปรึกษาและสอบถามถึงความต้องการของลูกค้าด้วยความเอาใจใส่ ทำให้ลูกค้าประทับใจและเลือกใช้บริการมาอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ในสถานการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่ช่วงนั้นร้าน Modern Trade ต่างๆ มียอดขายลดลงและหลายแห่งที่ต้องปิดกิจการ แต่ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์ยังสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการมี Long Term Relationship ที่ดีกับลูกค้า ทำให้ถูกนึกถึงเป็นเจ้าแรกเมื่อต้องการซื้อสินค้า ปัจจุบันไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์ มีการรวมทุกช่องทางที่ลูกค้าติดต่อแบรนด์ (Omni Channel) ได้ แม้รายได้หลักจะมาจากการขายผ่านหน้าร้านและการบริการลูกค้าถึงที่ แต่ก็ต้องมีช่องทางออนไลน์ด้วย เช่น Facebook, Shopee และ Line เพื่อส่งเสริมยอดขาย ทำให้เป็นที่รู้จัก ตอบทุกโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในการเข้าถึงสินค้า โดยสิ่งสำคัญที่บริษัทต้องมีก็คือ “ทีมงาน” ที่เข้าใจวัฒนธรรมและบริบทของคนในพื้นที่นั้นๆ เพื่อการวางแผนพัฒนาด้านการบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เส้นทางธุรกิจของ “ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์” เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า แม้กระแสตลาดออนไลน์จะมาแรง แต่บางธุรกิจกลับเหมาะแบบออฟไลน์มากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นทุกองค์กรก็ควรมีการตลาดแบบ Omni Channel โดยสิ่งที่ทุกบริษัทควรทำก็คือ การมีบริการที่ดี รวมถึงการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าไว้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งสิ่งนี้ได้กลายเป็นจุดแข็งในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยาวนานกว่า 53 ปีของ “ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์” อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbanksme.com/…/local-hero-thaipipat… https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0405529000165 https://www.tpphw.co.th/about-tpphw #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์ #วัสดุก่อสร้าง #ขอนแก่น

พาส่องเบิ่ง “อาณาจักรณัฐกรุ๊ป”

“คุณวิชัย” เล่าให้ฟังว่า ปี 2565 จะครบ 20 ปีในการดำเนินธุรกิจ มีหลายอย่างที่ต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลง จากเดิมเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ในนาม“ณัฐ มอเตอร์เซลส์” มีการขยายสาขาไปตามอำเภอต่าง ๆ โดยการเช่าพื้นที่ ปัจจุบันกำลังเริ่มหาซื้อที่ดินในการสร้างโชว์รูปแห่งใหม่ เพื่อลดต้นทุนค่าเช่า ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ ทำคล้ายโชว์รูมรถยนต์ คือ มีที่จอดรถให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ มีจุดรับรถไว้บริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย เริ่มสาขาเปิดใหม่ในใจกลางเมือง คือ สาขาถนนทหาร และสาขาตลาดหนองบัว นอกจากนั้นได้เริ่มขยายสาขาออกต่างจังหวัด เริ่มต้นที่จังหวัดขอนแก่น ทั้งนี้ การซื้อที่ดินสร้างโชว์รูมใหม่ในต่างอำเภอ และรีโนเวตสาขาเก่า คาดจะใช้งบประมาณรีโนเวตประมาณ 100 ล้านบาท “จากที่ลูกค้าต้องเข้าไปในเมือง เดี๋ยวนี้ลูกค้าต้องการความสะดวกมากขึ้น มีที่จอดรถมากขึ้น เราเห็นตัวอย่างจากเซเว่นอีเลฟเว่น ตรงไหนมีที่จอดรถ ก็จะขายดีขึ้น เราก็ตอบโจทย์ลูกค้าแนวทางเดียวกัน แต่ก็ต้องลงทุน เรามองศักยภาพระยะยาว รองรับคนมาอยู่ต่างจังหวัดมากขึ้น” ในส่วนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าใหญ่ ในนาม “ณัฐ บิ๊กวิงค์” มองว่าตลาดรถจักรยานยนต์ใหญ่ยังไปได้ โดยณัฐ บิ๊กวิงค์ อุดรธานี ได้อันดับ 1 ของประเทศไทย รางวัลแข่งขันการขายดีลเลอร์ไซซ์ XXL จึงมีการขยายสาขาไปยังจังหวัดขอนแก่น ได้รับการตอบรับที่ดี “รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ ยอดขายยังดีแม้จะลดลง เรามีโปรโมชั่นดึงกำลังซื้อ ตอนนี้ตลาดบิ๊กวิงค์เริ่มเต็ม เราสามารถรองรับลูกค้าได้อีกหลายปี ความต้องการใหม่ ๆ ไม่ได้เร็วขึ้น ตลาดมอเตอร์ไซค์มีการเปิดตัวทางออนไลน์มาตลอด ต้นปีหน้าก็จะมีโมเดลใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาด” สำหรับธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์มือสอง มีเพียง 1 สาขา คือ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับณัฐ มอเตอร์เซลส์ สาขาตลาดหนองบัว (ข้างสนามเวสสุวรรณ) ในชื่อ “ณัฐ รถมือสอง” จะมีการรีโนเวตปลายปีนี้ “เท่าที่มอง ตลาดรถจักรยานยนต์มือสองโดยภาพรวมไม่ค่อยโต ตัวไหนที่ตลาดยังไม่ทำ เราก็เข้าไปทำเป็นช่องทางการตลาด เศรษฐกิจเป็นแบบนี้เราต้องเจาะเข้าไป มอเตอร์ไซค์ยอดขายเติบโตไม่ได้ลดลง รถครอบครัวเติบโต จากโรคระบาดคนย้ายกลับมาบ้านต่างจังหวัดกันมาก” “แนวโน้มการขายมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นสินค้าพื้นฐาน การเดินทาง คนไม่อยากใช้รถสาธารณะเพราะกลัวติดโรคระบาด ในต่างจังหวัดรถมอเตอร์ไซค์ยังเป็นพาหนะที่สะดวกสบายอยู่ และตอบโจทย์ไม่ใกล้ชิดคน จึงมีแนวโน้มเติบโตในต่างจังหวัด” ในส่วนของธุรกิจรถยนต์นิสสันในนาม “ณัฐ ออโต้คาร์” ในช่วง 3 ปีนี้ มีการขยายสาขา โดยในจังหวัดอุดรธานี 2 แห่ง และ จ.หนองคาย 1 แห่ง รวมเป็น 3 แห่ง และกลับมาปรับปรุงสาขาใหญ่ใน จ.อุดรธานี คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 60 ล้านบาท ในส่วนของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ในนาม “ณัฐ บาวาเรียน มอเตอร์” มีการปรับพื้นที่ด้านข้าง เพื่อขยายและเปิดขายรถบีเอ็มดับเบิลยูมือสอง ครั้งแรกในจังหวัดอุดรธานี …

พาส่องเบิ่ง “อาณาจักรณัฐกรุ๊ป” อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top