Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

ฮู้บ่ว่า?  ปลายปี 2565 จังหวัดใด๋ในอีสานที่มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หลายที่สุด  รวมถึงรถใหม่ป้ายแดงยี่ห้อใด๋ที่คนอีสานมัก!

ฮู้บ่ว่า?  ปลายปี 2565 จังหวัดใด๋ในอีสานที่มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หลายที่สุด  รวมถึงรถใหม่ป้ายแดงยี่ห้อใด๋ที่คนอีสานมัก!   อ้างอิงจาก:  กลุ่มสถิติการขนส่ง กองแผนงาน กรมการขนส่งทางบก #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #รถจดทะเบียน #รถใหม่   

พาส่องเบิ่ง เส้นทาง “ที่นอนดาร์ลิ่ง ขอนแก่น” ผู้ผลิตที่นอนชั้นนำของไทย

สร้างธุรกิจให้ได้รับการยอมรับกับตลาดในประเทศก็ยากระดับหนึ่ง แต่การที่จะทำให้ธุรกิจนั้นมีความยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับจากคู่ค้าทั่วโลกนั้นยากกว่า และยากที่สุดคือทำอย่างไรให้ธุรกิจนั้นก้าวผ่านกาลเวลาสู่ปี 60 ปี 70 หรือก้าวสู่ปีที่ 100 ให้ได้ภายใต้การแข่งขันที่นับวันจะทวีความรุนแรง คุณเพ็ญศรี แช่มปรีดา ทายาทรุ่นที่สองของผู้สร้างที่นอนไทย ถ่ายทอดประสบการณ์ 56 ปี ธุรกิจที่นอนไทยที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าและคู่ค้าทั่วโลก เริ่มต้นจาก คุณพ่อของคุณเพ็ญศรี คือ คุณประเสริฐ ประเสริฐวณิช ประธานบริษัท ก็ทำธุรกิจขายที่นอนแล้ว โดยเปิดร้านขายที่นอนร้านแรกที่ถนนเพชรบุรี ซึ่งสมัยนั้นที่นอนที่มีจำหน่ายในร้านทั่วไปจะเป็นที่นอนนุ่นแบบเย็บมือ แต่คุณพ่อของคุณเพ็ญศรีเป็นคนทันสมัย ท่านจึงติดต่อคู่ค้าจากต่างประเทศ นำเข้าที่นอนมาจำหน่าย ที่ร้านและกลายเป็นร้านขายที่นอนที่ทันสมัยที่สุดในเมืองไทย ต่อมาเมื่อธุรกิจขยายตัวจึงมีการสร้างโรงงานแห่งแรกและขยายเป็นโรงงานแห่งที่สองในเวลาต่อมา โดยนำนวัตกรรมที่นอนจากต่างประเทศมาผลิตเอง และเป็นที่มาของที่นอนแบรนด์ “ดาร์ลิ่ง เดอร์ลุกซ์” ในที่สุด การที่ได้เติบโตในครอบครัวที่ทำธุรกิจที่นอน ก็เหมือนเราทำธุรกิจนั้นไปในตัว พอโตขึ้นมาเป้าหมายก็คือการมารับช่วงธุรกิจต่อร่วมกับพี่ ๆ ในฐานะทายาทรุ่นที่สองคนหนึ่ง จึงเน้นเรื่องงานนวัตกรรม การตลาด การขาย การพัฒนาสินค้าใหม่ และการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก ให้ตลาดโลกรู้ว่าคนไทยนั่นมีศักยภาพและสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับที่นอนและเครื่องนอน รวมถึงการตอบโจทย์ความต้องการของคู่ค้า ซึ่งมักจะมีโจทย์ที่ยากหรือโจทย์แปลก ๆ เกิดขึ้นเสมอ ในที่สุดบริษัท ที่นอนดาร์ลิ่ง จำกัด ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องสถานที่ และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ เนื่องจากจะมีคำสั่งซื้อที่นอนและเครื่องนอนแบบต่าง ๆ ที่ผลิตและเป็นที่นิยมอยู่แล้วเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปี 2539 บริษัท ที่นอนดาร์ลิ่ง ขอนแก่น จำกัด จึงเกิดขึ้นโดยใช้งบประมาณลงทุนสร้างโรงงานประมาณ 200 ล้านบาท พร้อมขบวนการผลิตที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย บนพื้นที่ 48 ไร่เศษ ณ จังหวัดขอนแก่น เพื่อตอบโจทย์ตามคำสั่งซื้อของลูกค้าจากทั่วโลก ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้ยังเป็นฐานสำคัญของธุรกิจที่นอนในกลุ่ม CLMV ด้วย นิยามและความสำเร็จของ “ที่นอนดาร์ลิ่ง ขอนแก่น” ความสามารถในการผลิตที่นอนและเครื่องนอนตามโจทย์ที่ลูกค้าต้องการตามความเชี่ยวชาญของเรา โดยปราศจากข้อจำกัด ด้วยแนวทางในการดำเนินธุรกิจชัดเจนที่จะก้าวสู่ความเป็นผู้นำนวัตกรรมที่นอนและเครื่องนอนของไทย ซึ่งเน้นการผลิตด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสนองตอบตามความต้องการการใช้ที่นอนและเครื่องนอนของคนรุ่นใหม่ ทำให้ที่นอนและเครื่องนอนมีความหมายมากกว่าเพื่อการนอนเพียงอย่างเดียว แนวทางที่ชัดเจนนี้ทำให้เป็นบริษัทฯ ผลิตที่นอนไทยรายแรกและรายเดียว ที่ได้รับรางวัลแบรนด์ไทยดีเด่นเพื่อการส่งออกปี 2017 หรือ PM AWARD BEST THAI BRAND อ้างอิงจาก: https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0105539128345 https://www.thaihotelbusiness.com/peopl…/darling-mattress/ https://www.darling.co.th/about/ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ที่นอนดาร์ลิ่งขอนแก่น #ผู้ผลิตที่นอนชั้นนำของไทย #ขอนแก่น #ที่นอนดาร์ลิ่ง

ชวนเบิ่ง “ธงมา คอนซูเมอร์ โปรดักส์” อาณาจักรผลิตเครื่องเทศและเครื่องแกงสำเร็จรูป

บริษัท ธงมา คอนซูเมอร์ โปรดักส์ จำกัด เป็นบริษัทจำหน่ายและศูนย์กระจายสินค้าอุปโภค บริโภค ภายในประเทศ เน้นลูกค้ากลุ่ม Traditional Trade (TT) ร้านค้าส่ง,ร้านค้าปลีกและร้านค้าโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ มีคลังสินค้าที่มีคุณภาพ รองรับการกระจายสินค้าทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ มากกว่า 35 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ ทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นผู้นำในด้านการให้บริการ ผู้นำในด้านการบริการด้านการจัดจำหน่าย และกระจายสินค้าที่มีศักยภาพ และบริการหลังการขาย บริษัทมีการสำรวจข้อมูลการตลาดของสินค้าที่จะมาเป็นคู่ค้ากับทางบริษัทเสมอ อีกทั้งมีพนักงานส่งเสริมการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย และมีพนักงานบริการหลังการขายเพื่อดูแลสินค้าให้อยู่ในสภาพที่พร้อมขายเสมอและส่งผลให้สินค้าของคู่ค้ากระจายสู่ตลาดอย่างยั่งยืน โดยช่องทาง การจัดจำหน่ายของบริษัทมีทั้งค้าส่งขนาดใหญ่แต่ละจังหวัง ค้าส่งขนาดกลางแต่ละอำเภอ รวมไปถึงร้านขายของชำ มินิมาร์ทและร้านโชว์ห่วยในแต่ละตำบล และหมู่บ้านกว่า 80,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ธงมา คอนซูเมอร์ โปรดักส์ รองรับการกระจายสินค้าทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ มากกว่า 35 สาขา ซึ่งครอบคุมพื้นที่ทั่วประเทศ อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากผู้ค้าซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ทางบริษัททำการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าในด้านความสามารถนำสินค้าสู่ตลาดได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมายและครอบคลุมตลาดทุกกลุ่ม บริษัทยังใส่ใจคู่ค้าเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันที่พร้อมก้าวไปด้วยกันอย่างมั่งคง โดย ธงมา คอนซูเมอร์ โปรดักส์ เป็นผู้นำในด้านการบริการด้านการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า และบริการหลังการขายซึ่งมีการเจริญเติบโตรวดเร็ว มีการนำเทคโนโนยีต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการการบริหารงานของทั้งบริษัท (SAP) ใช้ระบบการขายโดย Van sales (หน่วยรถเงินสด) ทั้งรถยนต์มากกว่า 100 คัน และรถจักรยานยนต์มากกว่า 100 คัน ใช้ระบบติดตามประเมินการขายโดย GPS ในรถยนต์ทุกคันมีโปรแกรมตรวจสอบยอดขายของสินค้าของคู่ค้าโดยใช้ B2B (Business to Business) และตรวจสอบความปลอดภัยของสินค้าแต่ละสาขาด้วยกล้อง CCTV อ้างอิงจาก: https://thongma-con.com/ https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0345557000426 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธงมาคอนซูเมอร์โปรดักส์ #จำหน่ายและศูนย์กระจายสินค้าอุปโภคบริโภค #อุบลราชธานี #ผลิตเครื่องเทศและเครื่องแกงสำเร็จรูป

ย้อนเบิ่ง สัดส่วนคนจน (ด้านรายจ่าย) ในภาคอีสานปี 64 

ย้อนเบิ่ง สัดส่วนคนจน (ด้านรายจ่าย) ในภาคอีสานปี 64    ก่อนอื่นต้องรู้ว่า ‘ความยากจน’ หรือ Poverty สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ ความยากจนด้านตัวเงิน (Monetary Poverty) และที่ไม่ใช่ตัวเงิน (Non-monetary poverty)  เครื่องมือวัดความยากจนด้านตัวเงิน คือ เส้นความยากจน (Poverty line) ดังนั้น ผู้ที่มีรายได้หรือค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคต่ำกว่าเส้นความยากจนจะถูกจัดให้เป็นคนจน จังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนสูงสุดในอีสาน ได้แก่ กาฬสินธุ์ 25.2% นครราชสีมา  21.01% หนองบัวลำภู 18.12%  จังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนต่ำสุดในอีสาน ได้แก่ มหาสารคาม   2.24%  เลย   0.97%  ขอนแก่น   0.58%   อ้างอิงจาก: ข้อมูลจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงานสถิติแห่งชาติ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ความยากจน #MonetaryPoverty  

พาส่องเบิ่ง “อุดรกระจกรถยนต์” ผู้นำตลาดกระจกรถยนต์อันดับหนึ่งของภาคอีสาน มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี

ย้อนเล่าถึงอดีตสมัยเริ่มเปิดร้านเมื่อ 10 กว่าปีก่อน คุณศมน กล่าวว่า “เมื่อก่อนตอนตั้งร้านใหม่ๆ รถยนต์เข้ามาติดตั้งกระจกแค่ 3 คันต่อวันก็ดีใจแล้ว” ซึ่งตรงข้ามกับภาพความสำเร็จในปัจจุบัน บริษัท อุดรกระจกรถยนต์ จำกัด มีตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมกว่า 17 จังหวัดทั่วภาคอีสาน ขึ้นแท่นผู้นำตลาดกระจกรถยนต์อันดับหนึ่งของภาคอีสาน มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี คุณศมนเริ่มต้นธุรกิจจากการค้าส่ง-ปลีกกระจกทุกยี่ห้อ โดยไม่มีการผลิตเอง เป็นเพียงแค่ซื้อมาขายไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำยาก แต่คุณศมนมีความคิดว่า “ถ้ารู้ลึก รู้จริงในงานของตัวเอง แม้จะไม่มีโรงงานผลิต ก็สามารถที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้” จึงมุ่งมั่นขวนขวายหาความรู้ด้วยการเข้าร่วมอบรมและสัมมนาอยู่เสมอ โดยมีโอกาสเข้าอบรมหลักสูตรกลยุทธ์การบริหารการตลาดยุคใหม่และหลักสูตรการตลาดเชิงกลยุทธ์เสริมพลังทัพธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการ คพอ. ซึ่งเปรียบเสมือนการส่องกระจกให้มองเห็นตัวเองชัดเจนขึ้น เริ่มตั้งแต่เรื่องการทำบัญชี ระบบหลังบ้านซึ่งทำผิดมาตลอด รวมถึงการให้บริการลูกค้าที่ยังไม่ได้มาตรฐาน การบริหารบุคลากรและการขนส่สินค้าก็ยังไม่เป็นระบบ เมื่อปรับปรุงแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้สำเร็จ อุดรกระจกรถยนต์ก็สามารถปรับโฉมภาพลักษณ์พร้อมขยายกลุ่มเป้าหมาย ด้วยศักยภาพการให้บริการที่ได้มาตรฐานระดับมืออาชีพเป็นที่มาของการเปลี่ยนสถานภาพจาก “ร้านค้า” กลายเป็น “ศูนย์กระจกรถยนต์” คุณศมนได้มองเห็นข้อผิดพลาดที่ไม่เคยรู้มาก่อน อย่างเรื่องการทำบัญชี ระบบหลังบ้านซึ่งสำคัญมาก แต่ปรากฏว่าทำผิดมาตลอดต้องใช้เวลาหลายปี เซ็ตระบบกันใหม่ หรือเมื่อก่อนไม่เคยมีการอบรมพนักงานว่าต้องให้บริการลูกค้าอย่างไร อาจารย์ที่ปรึกษาได้เข้ามาช่วยสร้างมาตรฐานขึ้นจนปัจจุบันได้จัดทำเป็นคู่มือพนักงานด้านขนส่งสินค้า แต่เดิมขนส่งไปจังหวัดต่าง ๆ เพียงอาทิตย์ละ 1 รอบ อาจารย์ก็ช่วยวางแผนให้มีระบบขนส่งที่กระจายสินค้าได้มากขึ้นถึงอาทิตย์ละ 3 รอบ ทุกวันนี้คุณศมนยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มพูนความรู้ ด้วยการเข้าอบรมโครงการอื่น ๆ ของกรมฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคุณศมนเปรียบว่าเป็นเหมือนการค่อย ๆ ปรับแต่งพลิกโฉมบ้าน แก้ไขจุดบกพร่อง ขยายพื้นที่ จนบ้านหลังนี้กลายเป็นบ้านหลังใหม่ที่มั่นคง มั่งคั่งและยิ่งใหญ่กว่าเดิม อ้างอิงจาก: https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0415540000567 https://www.prachachat.net/local-economy/news-551279 https://www.dip.go.th/…/2019-04-26…/2019-04-29-15-26-18 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อุดรกระจกรถยนต์ #ผู้นำตลาดกระจกรถยนต์ #อุดรธานี #ธุรกิจการค้ากระจก

พามาเบิ่ง “4 ภูเขาไฟ” ยอดฮิต บุรีรัมย์-สุรินทร์ 

พามาเบิ่ง “4 ภูเขาไฟ” ยอดฮิต บุรีรัมย์-สุรินทร์    เมืองไทยมีวิวภูเขาสวยๆ หลายแห่ง แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าประเทศของเราก็มี “ภูเขาไฟ” ด้วยเช่นเดียวกัน แต่เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว โดยมีมากนับสิบแห่งและพบในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ อีกทั้งบางแห่งในปัจจุบันยังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เราสามารถไปเยี่ยมชมได้ ดังเช่นที่ “จังหวัดบุรีรัมย์-สุรินทร์” ในแถบอีสานใต้ ที่มีภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วหลายแห่ง   โดยทาง ISAN Insight & Outlook พามาเบิ่ง “4 ภูเขาไฟ” ยอดฮิต บุรีรัมย์-สุรินทร์    ภูเขาไฟพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ขอบปล่องทางทิศใต้เป็นที่ตั้งปราสาทหินพนมรุ้ง เทวสถานที่เดิมสร้างขึ้นในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15-18 สำหรับตัวอาคารปราสาทประธานก่อสร้างด้วยหินทรายสีชมพูอันงดงามสมส่วน ตามจุดต่างๆจะมีภาพสลักหินฝีมือวิจิตรประณีต นำโดย “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” และภาพ “ศิวนาฏราช” รวมไปถึงภาพจำหลักหินเป็นเรื่องราวต่างๆ ที่งดงามและค่อนข้างสมบูรณ์ นอกจากความงดงามอลังการแล้ว ทุกๆ ปีปราสาทหินพนมรุ้งยังมีสิ่งอันน่ามหัศจรรย์เกิดขึ้น กับปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก ลอดช่องผ่านบานประตูทั้ง 15 ช่องเป็นแนวเดียวกันได้อย่างพอดี โดยปีหนึ่งจะมีเพียง 4 ครั้งเท่านั้น คือ ขึ้น 2 ครั้ง ในช่วงเดือน เม.ย.และ ก.ย. ตก 2 ครั้ง ในช่วงเดือน มี.ค.และ ต.ค. นับเป็นความมหัศจรรย์และแสดงถึงความสามารถของผู้ออกแบบและสร้างปราสาทพนมรุ้งได้เป็นอย่างดี   ภูเขาไฟอังคาร จังหวัดบุรีรัมย์ เขาพระอังคารนี้เป็นเนินเขาฐานกว้าง เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟในยุคควอเทอร์นารีเมื่อประมาณ 700,000 ปีมาแล้ว หากมองจากที่สูงจะมองเห็นเป็นรูปพญาครุฑที่กำลังกระพือปีกหรือคว่ำหน้าหันหัวไปทางทิศใต้ โดยมีปากปล่องใหญ่อยู่ที่เขากระดูกซึ่งเป็นจุดสูงสุด เกิดจากหินหลอมละลายปะทุออกมาแล้วเย็นตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีการสร้างวัด มีหลักฐานว่าที่นี่เคยเป็นพุทธสถานมาแต่โบราณ โดยได้พบโบราณวัตถุคือใบเสมาหินบะซอลต์สมัยทวารวดีซึ่งพบเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยตั้งอยู่รอบอุโบสถ ใบเสมาเหล่านี้มีภาพสลักรูปบุคคล สถูป ดอกบัว และธรรมจักร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 อายุประมาณ 1,300 ปี   ภูเขาไฟกระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินบนสะพานแขวนเพื่อชมทัศนียภาพของปากปล่องภูเขาไฟที่มีลักษณะเป็นหลุมลึกได้ หรือหากอยากชมอย่างใกล้ชิดก็สามารถลงไปเดินบนทางเดินเท้าก่อด้วยหิน สามารถมองเห็นหินฟองน้ำ หรือหินลอยน้ำ กระจายอยู่โดยรอบ บนยอดเขากระโดงยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระสุภัทรบพิตร” พระพุทธรูปองค์ใหญ่คู่เมืองบุรีรัมย์ เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 12 ม. ฐานยาว 14 ม. หันหน้าไปทางด้านทิศเหนือ ในพระเศียรพระสุภัทรบพิตรยังมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้ อีกทั้งใกล้กับองค์พระยังเป็นที่ตั้งของ “มณฑปรอยพระพุทธบาทจำลอง” ที่มีรอยพระพุทธบาทจำลองสร้างประดิษฐานไว้ในปราสาทเขากระโดง   ภูเขาพนมสวาย จังหวัดสุรินทร์ นักท่องเที่ยวที่มายังเขาพนมสวายจะมาแวะกราบสักการะรูปเหมือนและอัฐิของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล เกจิแห่งเมืองสุรินทร์ที่เจดีย์หลวงปู่ดุลย์เพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนที่จะขึ้นไปยังเขาทั้ง 3 ยอด ยอดเขาที่อยู่ใกล้เจดีย์หลวงปู่ดุลย์คือ “เขาคอก” บนยอดเขาคอกเป็นศาลาอัฐมุขที่ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และใกล้ๆ กันนั้นมีศาลาเจ้าแม่กวนอิมให้สักการะกันด้วย จากนั้นขับรถต่อไปที่ “เขาชาย” …

พามาเบิ่ง “4 ภูเขาไฟ” ยอดฮิต บุรีรัมย์-สุรินทร์  อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง เส้นทาง “ทาเคชิ โกลด์ (Takeshi Gold)” อาณาจักรอาหารญี่ปุ่นรายใหญ่ในภาคอีสาน

ร้านอาหารญี่ปุ่น “ทาเคชิโกลด์” เป็นความตั้งใจที่จะเข้าภาคอีสานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะคุณชัยวัฒน์เป็นคนนครราชสีมา แต่ได้ไปเริ่มที่ขอนแก่นก่อนเป็นสาขาแรกเมื่อปี 2561 แล้วก็ไปเปิดสาขาที่ ยูดีทาวน์ จ.อุดรธานี ปี 2562 และสาขานครราชสีมาปี 2563 ส่วนสาขา 4 จะเปิดที่อุบลราชธานี ปี 2564 ครอบครัวของคุณชัยวัฒน์ ทำธุรกิจขายวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้วที่กรุงเทพฯ ซึ่งทำมานาน 34 ปี ซึ่งส่งให้ร้านอาหารญี่ปุ่นหลักๆทั่วประเทศ จึงอยากแตกไลน์ธุรกิจของที่บ้าน และอยากสร้างแบรนด์ของตัวเอง จากนั้นได้มาบริหารที่ บริษัทเบียร์ไฮเนเก้น เป็นผู้จัดการ 9 ปีอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากนั่นก็ลาออกมาช่วยที่บ้าน และก็คิดว่าอยากแตกไลน์ออกมา เพราะมีวัตถุดิบอยู่แล้ว ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบ “ทาเคชิ” มาจากชื่อคนญี่ปุ่นไม่ได้มีความหมายอะไร แต่อยากตั้งชื่อให้คนเข้าถึงง่าย พูดถึงนึกถึงแล้วคนรู้จักเลย จึงได้ใช้ชื่อนี้ “ทาเคชิ” ที่ขอนแก่นถือว่าประสบความสำเร็จในเวลาแค่ 3 เดือน จากนั้นจึงได้ขยายสาขามีทุนไปต่อที่อุดร แล้วก็มาที่นครราชสีมา โดยสำหรับจุดเด่นของอาหารญี่ปุ่น คือ เป็นซอส 5 ตัวที่ร้านตีเอง เป็นสูตรเฉพาะของร้านเอง ส่วนเมนูอาหารมี 116 เมนู ซิกเนเจอร์ของร้าน คือ ทาเคชินิเคดิ, นิเคดิหน้าเยิ้ม, คันชี่โรล, และหัวปลาต้มซีอิ๊ว ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะ ราคาบุฟเฟต์แซลมอลสด 399 บาท ไม่รวมเครื่องดื่ม ซึ่งไม่จำกัดเวลา อ้างอิงจาก: https://www.koratstartup.com/235678/ https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0305563006767 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ทาเคชิ #อาหารญี่ปุ่น #ขอนแก่น #อุดรธานี #นครราชสีมา #Takeshi

พามาเบิ่ง เส้นทาง “โอชิเน” ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเจ้าดังประดับประเทศ

“เชฟหนุ่ม-กิตติศักดิ์ ลีล้อม” เขาเป็นคนอุบลฯ แท้ ๆ เกิดและเติบโตที่บ้านหนองเม็ก ตำบลหนองช้างใหญ่ อำเภอม่วงสามสิบ หลังจากเรียนจบมัธยมต้น ด้วยความที่บ้านมีฐานะค่อนข้างยากจน เขาตัดสินใจไม่เรียนต่อ แต่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปทำงานตามคำชักชวนของพี่ที่รู้จัก จุดหมายปลายทางคือร้านอาหารญี่ปุ่นเล็ก ๆ ย่านสุขุมวิท ณ เวลานั้น เด็กชายหนุ่มอายุ 17 ปี ตั้งเป้าหมายชีวิตเพียงว่าอยากมีหน้าที่การงานมั่นคง ส่งเสียตัวเองและครอบครัวได้ แต่หารู้ไม่ว่า อีกสิบกว่าปีต่อมา เขาจะกลายเป็นผู้บริหารร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีสาขาทั่วประเทศ ทำรายได้เฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และเป็นหัวหอกสำคัญในการสร้างงานสร้างรายได้ให้พี่น้องชาวอุบลฯ ตลอดจนคนหนุ่มสาวในภาคอีสาน รวมแล้วเฉียดพันชีวิต วันนี้ ISAN Insight & Outlook จะพามาดูจุดเริ่มต้นของ “โอชิเน” ว่าเป็นอย่างไร? หลังเรียนจบมัธยมต้น เชฟหนุ่มตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ มาทำงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ถนัดเรื่องการเรียนเท่าไหร่ อยากลองทำงานหาเงินแล้ว จึงตัดสินใจไปทำ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นในซอยสุขุมวิท 11 มีเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนญี่ปุ่น พอไปถึงเขาก็สอนทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่างการล้างผัก การเตรียมวัตถุดิบ การเก็บรักษาวัตถุดิบ ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่ผมได้ฝึกกับเชฟคนญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้ได้ซึมซับความเป็นระบบระเบียบมา อย่างที่ทราบว่าคนญี่ปุ่นเขาค่อนข้างเข้มงวด ทุกอย่างต้องเป๊ะตามมาตรฐานที่เขากำหนดไว้ เมื่อทำได้ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้น เชฟหนุ่มจึงเกิดความคิดว่า ถ้าเราเปลี่ยนร้านไปเรื่อย ๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากที่ใหม่ ๆ ก็น่าจะพัฒนาฝีมือตัวเองได้ พูดง่าย ๆ คือได้ทั้งประสบการณ์ ทั้งฝีมือ ทั้งเงินเดือน เชฟหนุ่มเลยตัดสินใจย้ายไปอีกที่หนึ่ง เป็นร้านที่ 2 ร้านนี้โดดเด่นเรื่องเส้นโซบะสด ทำจากแป้ง Buckweed ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น นอกจากนี้ก็มีวัตถุดิบพรีเมี่ยมจากญี่ปุ่น เช่น ปลาฮามาจิ ปลาหายากหลายชนิด ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่เราไม่เคยเห็นที่ร้านเก่า ทำให้ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มอีกมากมาย หลังจากนั้นเชฟหนุ่มย้ายร้านอีกประมาณ 2 – 3 ที่ ทั้งร้านอิซากายะ ร้านเทปปันยากิ ร้านที่เน้นเสิร์ฟเซ็ตเบนโตะ เรียกว่าได้ทำครบเกือบทุกประเภทของอาหารญี่ปุ่น จนมีโอกาสได้ไปทำที่ร้าน Tensui ทำอยู่ประมาณ 2 ปีก็ย้ายไปอยู่ร้าน Honmono Sushi ของเชฟบุญธรรม ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ช่วงที่ทำอยู่กับเชฟบุญธรรและเชฟบรรณฑูร ทั้งสองคนเป็นทั้งหัวหน้างานและอาจารย์ที่เชฟหนุ่มเคารพ สิ่งที่เชฟทั้งสองสอนนอกเหนือไปจากเรื่องการทำอาหาร คือเรื่องความสม่ำเสมอ หมั่นฝึกฝน พูดง่าย ๆ ว่าเมนูเดิม ทำ 10 ครั้งต้องเหมือนเดิมทั้ง 10 ครั้ง ถ้าทำได้แบบนั้นถือว่าโอเค ซึ่งต้องเริ่มจากการรู้ทฤษฎีก่อน ต้องมีความรู้ก่อน เมื่อทฤษฎีแม่น ก็ลองปฏิบัติ ฝึกฝนจนชำนาญเพื่อลดการสูญเสียหรือผิดพลาดให้น้อยที่สุด พอทำที่ Honmono Sushi ได้ประมาณ 1 ปี มีงานที่ต่างประเทศติดต่อเข้ามา ให้เชฟหนุ่มไปเป็นเชฟประจำร้านอาหารที่อเมริกา …

พามาเบิ่ง เส้นทาง “โอชิเน” ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเจ้าดังประดับประเทศ อ่านเพิ่มเติม »

ฮู้บ่ว่า การใช้เนื้อที่ดินทางการเกษตร ภาคอีสาน เป็นจั้งใด๋?

ฮู้บ่ว่า การใช้เนื้อที่ดินทางการเกษตร ภาคอีสาน เป็นจั้งใด๋?   การใช้ประโยชน์ที่ดินทางการเกษตร ในการปลูกข้าวเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเทียบกับพืชไร่ ไม้ผลและไม้ยืนต้น  โดยการใช้ประโยชน์ของที่ดินส่งผลต่อปริมาณของผลผลิต ซึ่งมีหลากหลายวิธีที่เป็นแนวทางการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ยกตัวอย่างเช่น โครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วงระยะที่ 1 ช่วงปากแม่น้ำเลย – เขื่อนอุบลรัตน์ เป็นการผันน้ำโขงมาเติมที่เขื่อนอุบลรัตน์ ในช่วงฤดูแล้ง หากดำเนินแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มพื้นที่ชลประทานเปิดใหม่ได้ 1.67 ล้านไร่ และมีน้ำไปเติมให้กับเขื่อนอุบลรัตน์ประมาณ 130 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี  ช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้กับพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ได้เป็นอย่างมาก ซึ่งผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย   อ้างอิงจาก: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #การเกษตร #การเกษตรอีสาน #ที่ดิน #ที่ดินอีสาน

พาส่องเบิ่ง “ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์” อาณาจักรขายปลีกวัสดุก่อสร้าง

บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2512 ที่จังหวัดขอนแก่น โดยเริ่มจากการเป็นธุรกิจครอบครัว มีหน้าร้านเป็นห้องแถว 2 ห้อง ก่อนจะขยายธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงสู่ปีที่ 53 โดยปัจจุบันมีหน้าร้านเป็นอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และมีการขยายสาขาไปจังหวัดอื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย ด้วยความมุ่งมั่นในการบริการและเอาใจใส่ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง จึงได้ขยายธุรกิจให้ครอบคลุมสินค้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือสำหรับช่าง งานเหล็กทุกชนิด วัสดุก่อสร้าง รวมทั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้านงานโลจิสติกส์ โดยมุ่งเน้นสินค้าคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม และยึดหลักในการอำนวยให้ความสะดวกลูกค้าว่า “มาที่นี่ได้ของครบจบในที่เดียว” (One Place Has All) แม้ปัจจุบันจะมีการเปิดสาขาใหม่ของกลุ่มทุนโมเดิร์นเทรดที่ขายสินค้าประเภทเดียวกันทั่วทั้งประเทศ รวมทั้งจังหวัดหัวเมืองใหญ่อย่างขอนแก่น แต่ด้วยความที่บริษัทมีทีมงานคอยแนะนำและให้คำปรึกษากับลูกค้า รวมถึงการจัดสรรสินค้าให้อย่างรวดเร็ว เช่น หากมาที่ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์ลูกค้าจะได้รับบริการที่รวดเร็วและได้สินค้าครบภายใน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่นำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดส่งหริการหาสินค้าตรงกับความต้องการลูกค้าอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือ ส่วนในกรณีที่ซื้อสินค้าไปแล้วมีปัญหาสามารถนำกลับมาให้ทีมงานช่วยแก้ไขได้ รวมทั้งสินค้าบางรายการที่ไม่สามารถหาซื้อตามออนไลน์หรือหาซื้อตามร้านอื่นไม่ได้ ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์สามารถจัดหาให้ได้ อีกทั้งบริษัทมีทีมพนักงานขายที่เชี่ยวชาญในการบริการกับลูกค้าในหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม หรือกลุ่มลูกค้าตามหมู่บ้าน อีกทั้งยังมีระบบจัดส่งที่บริการลูกค้าได้ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ขอนแก่น, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด และอุดรธานี โดยทุกครั้งที่ทีมขายลงพื้นที่จะมีให้คำปรึกษาและสอบถามถึงความต้องการของลูกค้าด้วยความเอาใจใส่ ทำให้ลูกค้าประทับใจและเลือกใช้บริการมาอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ในสถานการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่ช่วงนั้นร้าน Modern Trade ต่างๆ มียอดขายลดลงและหลายแห่งที่ต้องปิดกิจการ แต่ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์ยังสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการมี Long Term Relationship ที่ดีกับลูกค้า ทำให้ถูกนึกถึงเป็นเจ้าแรกเมื่อต้องการซื้อสินค้า ปัจจุบันไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์ มีการรวมทุกช่องทางที่ลูกค้าติดต่อแบรนด์ (Omni Channel) ได้ แม้รายได้หลักจะมาจากการขายผ่านหน้าร้านและการบริการลูกค้าถึงที่ แต่ก็ต้องมีช่องทางออนไลน์ด้วย เช่น Facebook, Shopee และ Line เพื่อส่งเสริมยอดขาย ทำให้เป็นที่รู้จัก ตอบทุกโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในการเข้าถึงสินค้า โดยสิ่งสำคัญที่บริษัทต้องมีก็คือ “ทีมงาน” ที่เข้าใจวัฒนธรรมและบริบทของคนในพื้นที่นั้นๆ เพื่อการวางแผนพัฒนาด้านการบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เส้นทางธุรกิจของ “ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์” เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า แม้กระแสตลาดออนไลน์จะมาแรง แต่บางธุรกิจกลับเหมาะแบบออฟไลน์มากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นทุกองค์กรก็ควรมีการตลาดแบบ Omni Channel โดยสิ่งที่ทุกบริษัทควรทำก็คือ การมีบริการที่ดี รวมถึงการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าไว้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งสิ่งนี้ได้กลายเป็นจุดแข็งในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยาวนานกว่า 53 ปีของ “ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์” อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbanksme.com/…/local-hero-thaipipat… https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0405529000165 https://www.tpphw.co.th/about-tpphw #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์ #วัสดุก่อสร้าง #ขอนแก่น

Scroll to Top