Infographic

พาซอมเบิ่ง “โฮมวัน”

ผู้นำด้านร้านค้าปลีกและค้าส่งวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน ระดับร้อยล้านในภาคอีสาน อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ชวนเบิ่ง เส้นทางอาณาจักรจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง “โฮมฮับ”

“บริษัท โฮมฮับ จำกัด” ธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และตกแต่งบ้านครบวงจร ก่อตั้งโดย คุณองอาจ ตั้งมิตรประชา และคุณอาภาภรณ์ ตั้งมิตรประชา ในปีพ.ศ. 2519 โดยเริ่มจากการจำหน่าย สีทาอาคาร สีพ่นรถยนต์ เครื่องมือช่าง ปั๊มน้ำ อุปกรณ์การเกษตร ประดับยนต์ เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้ากับความต้องการสินค้าเกี่ยวกับบ้านที่มีความหลากหลาย ครบ และง่ายในการจัดหาด้วยตัวเองได้ โดยเมื่อก่อนใช้ชื่อภายใต้ชื่อ ร้านสีรุ้ง จำหน่ายสี และอุปกรณ์ทาสีทุกชนิดใจกลางเมืองอุบลราชธานี ในปี 2523 ได้เพิ่มสินค้าประเภทสีพ่นรถยนต์ ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี จึงขยายกิจการโดยเพิ่มสินค้าเครื่องมือช่างเข้าไป เมื่อปี พ.ศ.2543 ได้ขยายสาขา 2 ที่อำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เมื่อปี 2548 ได้เพิ่มสินค้าอุปกรณ์ก่อสร้างเต็มรูปแบบ พร้อมจดทะเบียนใหม่ในชื่อ สีรุ้งโฮมโปร ต่อมา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “โฮมฮับ” รวมทั้งขยายสาขาเพิ่มที่บ้านทัพไท และในปี 2554 ได้เปิดสาขาขอนแก่น และในปีนี้ได้เปิดสาขาอุดรธานี อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจต้องมีการจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสม ซึ่งต้องทําการศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการลงทุน โดยพิจารณาพื้นที่ที่มีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจที่เหมาะสมและสอดคล้องกับธุรกิจ พร้อมสํารวจพฤติกรรมและความต้องการสินค้าของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดนั้น ๆ ก่อน ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนรับมือกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต อ้างอิงจาก: https://homehub.co.th/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8…/ https://data.creden.co/company/general/0345542000140 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง #อุบลราชธานี #โฮมฮับ #ร้านสีรุ้ง #HOMEhub #ธุรกิจร้อยล้าน

พามาฮู้จัก “BONSUCRO”  มาตรฐานการผลิตอ้อยและน้ำตาลอย่างยั่งยืน

พามาฮู้จัก “BONSUCRO”  มาตรฐานการผลิตอ้อยและน้ำตาลอย่างยั่งยืน   ซึ่งหลักการทั้ง 5 ข้อข้างต้นครอบคลุมตลอดห่วงโซ่ของการผลิตอ้อยและน้ำตาลโดยต้องมีระบบที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เริ่มตั้งแต่   🔹 การตรวจสอบความถูกต้องของที่ดินก่อนการปลูกอ้อย 🔹 กระบวนการในระหว่างการปลูกอ้อย 🔹 การบำรุงรักษาอ้อย 🔹 การเก็บเกี่ยวและขนส่งอ้อย 🔹 กระบวนการผลิตน้ำตาลในโรงงาน 🔹 การซื้อ-ขายน้ำตาล   ความท้าทายของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทย ความต้องการน้ำตาล BONSUCRO จากไทยยังมีไม่มากนัก เนื่องจากตลาดส่งออกน้ำตาลของไทยส่งออกกลุ่มอาเซียน ซึ่งอาจยังไม่มีนโยบาย Low Carbon ในอุตสาหกรรมน้ำตาลเหมือนประเทศในกลุ่มยุโรป    อย่างไรก็ตาม กระแสโลกด้านสิ่งแวดล้อมทำให้หลายประเทศต้องปรับตัวและรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง ไทยในฐานะผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ของโลก เมื่อเห็นสัญญาณแนวโน้มของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น จึงต้องปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และยังสามารถขยายไปยังกลุ่มลูกค้าที่ต้องการมาตรฐานเท่านั้นได้    โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนโรงงานและไร่อ้อยให้ได้รับมาตรฐาน BONSUCRO มากขึ้น เพราะท้ายสุดหากไม่สามารถผลิตน้ำตาลให้ได้มาตรฐาน อาจทำให้สูญเสียลูกค้าที่ต้องการมาตรฐานเหล่านี้ไปอย่างน่าเสียดาย   อ้างอิงจาก: ธนาคารแห่งประเทศไทย mitrpholmodernfarm   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #BONSUCRO #มาตรฐานBONSUCRO 

พาซอมเบิ่ง อาณาจักร “ยงสงวน” ค้าปลีกท้องถิ่นเมืองอุบล

“ยงสงวน” ค้าปลีกท้องถิ่นอุบล เริ่มต้นธุรกิจจากรุ่นคุณปู่ คุณย่า เป็นธุรกิจโชห่วยใช้ชื่อว่า โค้วย่งง้วน หมายความว่า แหล่งน้ำที่ยั่งยืน พัฒนามาเรื่อย ๆ จนมีโกดังหลายจุด พอมาเป็นรุ่นพ่อรุ่นแม่ก็เปลี่ยนจากโชห่วยมาเป็นห้างสรรพสินค้า จนมีห้างต่างชาติเข้ามา แล้วมีการปรับเปลี่ยนจากห้างสรรพสินค้ามาเปิดศูนย์กระจายสินค้ายงสงวน กระจายสินค้าให้กับคนในอุบล “​​ยงสงวน” ก่อกำเนิดขึ้นในปี 2498 จากจุดเริ่มต้นร้านโชห่วย 1 คูหา 2 ชั้น โดยรุ่นแรก “คุณพ่องี่เต็ก แซ๋โค้ว” และ “คุณแม่เง็กเนย ไชยสงคราม” โดยร้านแรก ตั้งอยู่บนถนนยุทธภัณฑ์ ตรงกันข้ามกับโรงหนังกลาง ใช้ชื่อร้านว่า “โค้วย่งง้วน” จนกระทั่งในปี 2500 โค้วย่งง้วน ได้ย้ายร้านมาตั้งอยู่ที่มุมถนนพรหมเทพ ขยับขยายสู่ร้าน 2 คูหา ซึ่งต่อมาในปี 2503 ได้เกิดเพลิงไหม้ ทำให้ร้านโค้วย่งง้วน เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก และเปลี่ยนทำเลมาเป็นร้านใหม่ที่ถนนพรหมเทพ จากนั้นในปี 2519 ได้ย้ายร้านอีกครั้งมาที่ 77-81 ถนนพรหมเทพ เป็นร้านขนาด 3 คูหาและต่อมาได้เปลี่ยนชื่อร้านเป็น “ยงสงวน” ในปี 2525 ก้าวเดินของ ยงสงวน พริกผันสู่ก้าวที่ใหญ่ขึ้นในปี 2533 เมื่อเข้าประมูลสิทธิการก่อสร้างได้ และเปลี่ยนสู่ธุรกิจห้างสรรพสินค้า ภายใต้ชื่อ “ยงสงวน ช้อปปิ้งมอลล์” โดยมีคุณกำพล และคุณมลิวัลย์ ไชยสงคราม เป็นผู้บริหาร จนถึงปัจจุบัน ยงสงวนกรุ๊ป อยู่ภายใต้การบริหารงานของเงิน 3 ตระกูลไชยสงคราม ของสองพี่น้องคือ ประกิจ และ ประกอบ ไชยสงคราม ที่ช่วยกันสานต่อธุรกิจครอบครัวให้เติบโตอย่างแข็งแรง จนสามารถขยายบริษัทในเครือ จากเดิมที่มีเพียง ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสงวนช้อปปิ้งมอลล์ แตกอีก 2 บริษัท คือ “บริษัท ยงสงวนกรุ๊ป จำกัด” และ “บริษัท สหรุ่งธนเกียรติอุบล จํากัด” สำหรับ หัวใจสำคัญที่ทำให้คำปลีกท้องถิ่นอยู่รอดได้ คือ ต้องมีความซื่อสัตย์ ทั้งต่อตนเองและลูกค้า ทำธุรกิจด้วยความจริงใจ นึกถึงใจเขา ใจเรา เห็นอกเห็นใจคนอื่น ก็จะสามารถผ่านพ้นวิกฤติ ได้ไม่ยาก และในฐานะคนอุบลโดยกำเนิด ประกอบ และ ยงสงวนกรุ๊ป ยังให้ความสำคัญกับการตอบแทนบ้านเกิด ด้วยการจัดตั้ง “อุบล แฟมิลี่” ซึ่งเป็นกลุ่มที่รวมตัวกัน เพื่อทำกิจกรรมตอบแทนสังคมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การจัดงานวิ่งเพื่อการกุศล ซึ่งเป็น กิจกรรมที่เขาและครอบครัวชื่นชอบเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งนำรายได้ไปทำประโยชน์ในสถานที่ต่าง ๆ ของจังหวัด เมื่อถามถึงจุดแข็งของ ยักษ์ค้าปลีกท้องถิ่น ที่สามารถปรับตัวและอยู่รอดได้ คุณประกอบมองว่า …

พาซอมเบิ่ง อาณาจักร “ยงสงวน” ค้าปลีกท้องถิ่นเมืองอุบล อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง จำนวนผู้ป่วยซึมเศร้า : จิตแพทย์ ของภาคอีสาน

พามาเบิ่ง จำนวนผู้ป่วยซึมเศร้า : จิตแพทย์ ของภาคอีสาน   ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าอัตราส่วนจิตแพทย์ต่อประชากรของไทยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก ในขณะที่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีจำนวนมากขึ้นทุกปีแต่จำนวนจิตแพทย์ในไทยกลับขาดแคลน   ข้อมูลจาก Mental Health ATLAS 2020 ขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า จำนวนจิตแพทย์ใน 156 ประเทศทั่วโลก มีค่ามัธยฐานของอัตราส่วนของจิตแพทย์อยู่ที่ 1.7 คนต่อประชากร 100,000 คน   โดยในประเทศไทยนั้น ตามรายงานจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช กรมสุขภาพจิต ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ระบุว่า ไทยมีจิตแพทย์รวม 845 คน คิดเป็นจิตแพทย์ 1.28 คนต่อแสนประชากร ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก   เมื่อพิจารณาจำนวนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าในอีสาน พบว่าจังหวัดที่มีผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.นครราชสีมา 19,158 คน 2.อุบลราชธานี 12,752 คน 3.ขอนแก่น 10,684 คน 4.บุรีรัมย์ 8,701 คน 5.ศรีสะเกษ 7,699 คน   เมื่อพิจารณาภาระความรับผิดชอบ พบว่า จิตแพทย์ในภาคอีสานนั้นมีภาระสูงสุด โดยจิตแพทย์ 1 คน ต้องดูแลผู้ป่วยจิตเวชสูงถึง 10,994 คน และต้องดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอีก 827 คน   โดยสาเหตุที่จิตแพทย์ขาดแคลนมาจากกระบวนการผลิตจิตแพทย์ที่ทำได้ยากและใช้เวลานาน ต้องรอจนกว่าแพทย์เรียนจบหลักสูตร 6 ปี ใช้ทุนอีก 3 ปี จึงจะกลับมาเรียนแพทย์เฉพาะทางต่อ จิตแพทย์ผู้ใหญ่ใช้เวลาเรียน 3 ปี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น 4 ปี   นอกจากระยะเวลาในการเรียนแล้ว ข้อจำกัดอีกอย่างหนึ่ง คือ การขาดแคลนอาจารย์ สำหรับจิตแพทย์ 1 คน ต้องใช้อาจารย์แพทย์ประมาณ 3 คน ด้วยอัตราแบบนี้ทำให้เพิ่มจำนวนได้ช้า เพราะคนที่อยู่ในระบบมีน้อย   ปัจจุบัน กรมสุขภาพจิตและสมาคมจิตวิทยาการปรึกษา อยู่ระหว่างการผลักดันมาตรฐานการให้บริการด้านจิตเวชให้ครอบคลุมจำนวนผู้ป่วยมากขึ้น แต่ต้องใช้เวลาอีกหลายปี นี่จึงเป็นโจทย์ใหญ่ในการแก้ปัญหาของภาครัฐ ที่ไม่เพียงต้องป้องกันและลดจำนวนผู้ป่วยจิตเวชและโรคซึมเศร้า แต่ยังต้องคำนึงถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำจากทรัพยากรสาธารณสุขที่ไม่เท่ากันในแต่ละพื้นที่อีกด้วย   อ้างอิงจาก : กรุงเทพธุรกิจ รายงานข้อมูลทรัพยากรสาธารณสุข ประจำปี 2564    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #จำนวนผู้ป่วยซึมเศร้า #จิตแพทย์ 

ชวนเบิ่ง เส้นทาง “เคี้ยงซุปเปอร์มาร์เก็ต”

ทายาทเคี้ยงซุปเปอร์มาร์เก็ตประสบการณ์ทำร้าน 20 ปี และการต่อยอดธุรกิจครอบครัวจากเคี้ยงพานิช ร้านค้าเจ้าใหญ่ในวงการค้าเครื่องดื่ม สู่ร้านที่เป็นทุกอย่างให้ชาวเมืองขอนแก่น จากร้านค้าของครอบครัวชาวจีนที่เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2480 สู่เคี้ยงพานิช ร้านค้ามีชื่อที่ขายสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ต่อมาดำเนินธุรกิจในชื่อ เคี้ยงซุปเปอร์มาร์เก็ต โดยเกิดขึ้นในวันที่ขอนแก่นยังไม่มีร้านสะดวกซื้อ เป็นร้านค้าท้องถิ่นที่เข้าใจคนในย่านมากกว่าใคร เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ตอนที่ทายาทรุ่นที่ 3 อย่าง คุณแบงค์-กมลวัฒน์ อภิชนตระกูล เปิด ‘K Mart by เคี้ยง’ ที่หลังมหาวิทยาลัยขอนแก่น แถวนั้นยังมีร้านสะดวกซื้อเพียงร้านเดียว จนวันนี้ที่บริเวณเดียวกันนี้ มีร้านสะดวกซื้อหลากหลายแบรนด์มากกว่า 20 ร้าน วิธีการทำธุรกิจของคุณแบงค์นับว่าแตกต่าง แทนที่จะทำร้านคอนเซปต์เดียว ขายของแบบเดียวกัน แล้วขยายไปให้มากๆ ในย่านชุมชนตามตำรา คุณแบงค์ทำให้ร้านทั้ง 6 สาขาไม่เหมือนกันเลย บางร้านขายของใช้ บางร้านขายของทำเบเกอรี่ หัวใจของการทำร้านเคี้ยงของแบงค์ คือการศึกษาพฤติกรรมลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุด เพื่อความสุขของลูกค้า ไม่ว่าคุณจะเดินเข้าเพื่อถามหาอะไรที่เคี้ยง คุณแบงค์จะเป็นคนหามาให้ ผลก็คือ เคี้ยงซุปเปอร์มาร์เก็ต ได้กลายเป็นมากกว่าร้านค้าท้องถิ่น เป็นที่พึ่งของลูกค้า และเป็นแรงบันดาลใจให้ธุรกิจท้องถิ่นอื่นๆ ว่าอย่ายอมแพ้และอย่ากลัว เคี้ยงซุปเปอร์มาร์เก็ต เริ่มต้นจาก อากงเม้ง แซ่อึ้ง ก่อตั้งร้านค้าชื่อ อึ้งเหลียงเซ้ง ในช่วง พ.ศ. 2480 – 2490 ดำเนินกิจการเรื่อยมา จนวันหนึ่งใน พ.ศ. 2514 เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้สินค้าเสียหายทั้งหมด อากงจึงเลิกกิจการ ต่อมา คุณพ่อเคี้ยง-นรินทร์ อภิชนตระกูล ซึ่งเป็นลูกชายคนที่ 5 ตัดสินใจเปิดร้านเป็นของตัวเองในชื่อ เคี้ยงพานิช บนถนนศรีจันทร์ เริ่มต้นกิจการในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2515 แล้วเปลี่ยนชื่อจาก เคี้ยงพานิช มาเป็น เคี้ยงซุปเปอร์มาร์เก็ต ใน พ.ศ. 2534 ในสมัยที่ร้านสะดวกซื้อยังไม่เฟื่องฟูอย่างวันนี้ ขอนแก่นก็เหมือนทุกที่ที่เต็มไปด้วยร้านค้าท้องถิ่น เคี้ยงสร้างความแตกต่างด้วยสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ มีลูกค้าหลักคือ อาจารย์ในมหาวิทยาลัยและคนทั่วไปที่นิยมของจากต่างประเทศ เคี้ยงซุปเปอร์มาร์เก็ต เป็นร้านค้าที่เติบโตจากการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงที่ธุรกิจกำลังไปได้ดี เป็นช่วงเดียวกับที่มีข่าวแอลกอฮอล์ปลอมระบาดในเมือง แบงค์เล่าว่าคุณพ่อของเขาจะระมัดระวังเป็นพิเศษ หากมีใครเสนอสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าปกติ เขาจะสงสัยไว้ก่อน แล้วสั่งตรงจากบริษัท แม้จะมีราคาสูงกว่าแต่มั่นใจได้ที่สุด ปัจจุบันร้านเคี้ยงมีทั้งหมด 6 สาขา แต่ละสาขามีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันตามชุมชนที่อยู่ ได้แก่ สองร้านแรกในเมืองอย่าง เคี้ยงซุปเปอร์มาร์เก็ต (สาขาศรีจันทร์) และ เคี้ยงลิเคอร์สโตร์ (สาขาศรีจันทร์) หรือเคี้ยงมินิมาร์ท เน้นขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สาขาที่ 3 คือ เคี้ยงซุปเปอร์สโตร์ (สาขาหลังมอ-ยูพลาซ่า) เดิมตั้งชื่อว่าเคี้ยง แต่นักศึกษาชอบเรียกผิดแบงค์ก็เลยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘K Mart by …

ชวนเบิ่ง เส้นทาง “เคี้ยงซุปเปอร์มาร์เก็ต” อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง “ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง” ธุรกิจระดับร้อยล้านในภาคอีสาน

บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2558 โดยกลุ่มนายภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ ต่อมา ณ วันที่ 17 กันยายน 2561 ได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัท มหาชนจำกัด ภายใต้ชื่อ “บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)” (“บริษัท” หรือ “ACG”) ประกอบธุรกกิจถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) ที่ประกอบธุรกิจจำหน่ายและให้บริการในอุตสาหกรรมรถยนต์ และธุรกิจท่ีเก่ียวเนื่องอื่นๆ ทั้งน้ี เมื่อวันท่ี 27 มิถุนายน 2562 บริษัทได้เสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (“IPO”) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ และหลังจากนั้นได้เข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันท่ี 1 กรกฎาคม 2563 โดยบริษัทประกอบธุรกิจถือหุ้นในบริษัทอื่นซึ่งปัจจุบันมีบริษัทย่อย 2 แห่ง คือ ฮอนด้ามะลิวัลย์ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 99.74 ซึ่งประกอบธุรกิจจำหน่ายรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่ง งานบริการซ่อมและจําหน่ายอะไหล่ยี่ห้อฮอนด้า รวมทั้งนายหน้าสินเชื่อเช่าซื้อและประกันภัยรถยนต์ โดยฮอนด้ามะลิวัลย์เป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจผู้จำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซึ่งมีจำนวนโชว์รูมและ ศูนย์บริการมากที่สุดในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีจำนวนทั้งหมด 9 สาขาใน 5 จังหวัดที่มีศักยภาพสูงในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่ ขอนแก่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ ภูเก็ต และกระบี่ บริษัทย่อยอีกหนึ่งแห่ง คือ ออโตคลิก ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 99.00 ซึ่งประกอบธุรกิจจําหน่ายอะไหล่รถยนต์และให้บริการซ่อมแซม บำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อประเภทเร่งด่วน (Fast Fit) ทั้งนี้ ออโตคลิกได้มีการเปิดดำเนินการสาขาแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2564 มีจำนวนทั้งหมด 5 สาขา ซึ่งอยู่ในจังหวัดภูเก็ต 2 สาขา กรุงเทพและปริมณฑล 3 สาขา อย่างไรก็ตาม ภาพรวมผลการดำเนินงานกลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2564 จำนวน 28.22 ล้านบาท ลดลง 6.95 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.76 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งโดยรวมเกิดจากผลการดำเนินงาน ออโตคลิก ที่เพิ่งเริ่มเปิดดำเนินการ ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการ เตรียมความพร้อมตอนเริ่มการเปิดศูนย์บริการ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เกี่ยวกับการฝึกอบรมพนักงานโดยผู้เชี่ยวชาญในงานด้านบริการยานยนต์ เพื่อสร้างมาตรฐานและคุณภาพงานบริการ และการจัดทำแผนทางด้านการตลาดสื่อโฆษณา เพื่อให้เป็นที่รู้จักและลูกค้าที่ได้เข้ามารับบริการได้รับความพึงพอใจ แต่ในส่วนของฮอนด้ามะลิวัลย์มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.34 เมื่อเปรียบเทียบ กับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนสาเหตุหลักเกิดจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง จึงทำให้มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น อ้างอิงจาก: – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย – เว็บไซต์ของบริษัท #ISANInsightAndOutlook …

ชวนเบิ่ง “ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง” ธุรกิจระดับร้อยล้านในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง 6 อุทยานแห่งชาติ  ที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด

พามาเบิ่ง 6 อุทยานแห่งชาติ  ที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด   ข้อมูล ม.ค.- ก.ย. 2565   อ้างอิงจาก :  กรมชลประทาน #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อุทยานแห่งชาติ #นครราชสีมา #บึงกาฬ #นครพนม #ชัยภูมิ #อุบลราชธานี  #ศรีสะเกษ #เลย  

พาซอมเบิ่ง เส้นทาง “บริษัท ช ทวี” ธุรกิจระดับพันล้านในภาคอีสาน

กลุ่มครอบครัวทวีแสงสกุลไทย (หรือ “กลุ่ม ช ทวี” ) โดยนายชอ ทวีแสงสกุลไทย และนางอุษา ทวีแสงสกุลไทย เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจรถขนส่งในจังหวัดขอนแก่น และเป็นผู้ริเริ่มธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกตั้งแต่ปี 2511 ต่อมาได้ขยายธุรกิจไปยังการผลิต และต่อตัวถังรถบัสในปี 2523 ได้ขยายการผลิตและต่อตัวถังรถพ่วง-กึ่งพ่วง และรถขนส่งประเภทต่าง ๆ กลุ่ม ช ทวี ได้พัฒนาเทคโนโลยีรถพ่วง รถเพื่อการพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง และมีความพิถีพิถันในการออกแบบตัวถัง รูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับแชสซีรถบรรทุกของลูกค้า เพื่อให้ได้โครงสร้างตัวถังบรรทุกที่แข็งแกร่งทนทานเหมาะสมกับประเภทของงานขนส่งใช้งานได้ในทุกสภาพถนน และทนทานต่อทุกสภาพภูมิอากาศ ในรุ่นที่สองของกลุ่ม ช ทวี นำโดยคุณสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย บุตรชายของคุณชอ ทวีแสงสกุลไทย และคุณอุษา ทวีแสงสกุลไทย ซึ่งจบการศึกษาด้านวิศวกรรมยานยนต์และการบริหารธุรกิจ จากประเทศญี่ปุ่น มองเห็นแนวโน้มความต้องการของระบบขนถ่ายสินค้าจำนวนมาก ด้วยรถพ่วงพิเศษขนาดใหญ่ รวมทั้งเล็งเห็นถึงความสำคัญของนวัตกรรม ด้านการต่อตัวถังรถบรรทุกที่อาศัยเทคโนโลยีชั้นนำจากต่างประเทศ ว่าจะมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรมรถพ่วง-กึ่งพ่วง ในอนาคตจึงได้ตัดสินใจก่อตั้ง บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด (“บริษัทฯ” หรือ “CHO”) เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2537 โดยการร่วมทุนระหว่างบริษัทของครอบครัว คือ บริษัท ขอนแก่น ช.ทวี (1993) จำกัด (“CTV-1993”) และบริษัทผู้ผลิต ตัวถังรถบรรทุก และรถพ่วงชั้นนำจากประเทศเยอรมนี คือ DOLL Fahrzeugbau GmbH (“DOLL”) เพื่อประกอบธุรกิจออกแบบ ผลิต ประกอบตัวถัง และติดตั้งระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวกับตัวถังรถบรรทุก รถพ่วง และรถขนส่งเพื่อการพาณิชย์ ด้วยทุนจด ทะเบียน 10.00ล้านบาท โดย CTV-1993 และกลุ่มผู้ถือหุ้นฝ่ายไทย ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 74 ของทุนจดทะเบียน และ DOLL ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 26 ของทุนจดทะเบียน กลยุทธ์ด้านสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ (Product) บริษัทย่อยมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้คุณภาพ และมาตรฐาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทย่อยจัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่น อาทิ ความทันสมัย มีนำ้หนักเบา มีความคงทน และง่ายต่อการซ่อมแซม เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทย่อยสามารถผลิตผนังไฟเบอร์กลาสแบบแซนวิชข้ึนรูปชิ้นเดียว (Sandwich GRP) โดย สามารถผลิตได้ความยาวต่อเนื่องสูงสุดถึง 15 เมตร ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตรายเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การบริหารจัดการความเสี่ยง ช ทวี ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงภายใต้การเปลี่ยนแปลงจากปัจจัย ภายในและภายนอก ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ จึงได้มีการแต่งต้ังประธานคณะผู้บริหารความ เสี่ยง เพื่อมาดำเนินงานในด้านการบริหารความเสี่ยงในภาพรวมท้ังองค์กร มีความเชื่อมโยงกันทุก ระดับ เพื่อจัดการความเสี่ยงท่ีมีอยู่ในระดับที่สามารถยอมรับได้ และติดตามการบริหารความเสี่ยง อย่างสม่ำเสมอ บริษัทได้มีการจัดทำการประเมินความเสี่ยงด้วยตนเองเพื่อร่วมกันประเมินความเสี่ยง ปัญหาและอุปสรรค …

พาซอมเบิ่ง เส้นทาง “บริษัท ช ทวี” ธุรกิจระดับพันล้านในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

สรุป เงื่อนไขค่าเบี้ยประกัน หักลดหย่อนภาษีได้เท่าใด๋

สรุป เงื่อนไขค่าเบี้ยประกัน หักลดหย่อนภาษีได้เท่าใด๋ อ้างอิงจาก :  กรมสรรพากร   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ลดหย่อนภาษี #กรมสรรพากร #ค่าเบี้ยประกัน 

Scroll to Top