Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

พามาเบิ่ง สะพานมิตรภาพ “ไทย-ลาว” ในภาคอีสานอยู่ที่ไหนบ้าง

พามาเบิ่ง สะพานมิตรภาพ “ไทย-ลาว” ในภาคอีสานอยู่ที่ไหนบ้าง . . สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 (หนองคาย-นครหลวงเวียงจันทน์) มูลค่าการค้า 82,211 ล้านบาท เปิดใช้งาน 2537 ความยาว 1,174 เมตร  ความกว้าง 12.7 เมตร . สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต)  มูลค่าการค้า 270,093 ล้านบาท เปิดใช้งาน 2549 ความยาว 1,600 เมตร ความกว้าง 12 เมตร . สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) มูลค่าการค้า 101,201 ล้านบาท เปิดใช้งาน 2554 ความยาว 780 เมตร  ความกว้าง 13 เมตร . สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) งบประมาณ 4,010 ล้านบาท การก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 80 % คาดเปิดใช้งาน 2567 ความยาว  1,350 เมตร . สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 6 (อุบลราชธานี-สาละวัน) งบประมาณ 5,097 ล้านบาท เตรียมเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณก่อสร้างในปี 2568 คาดเปิดใช้งาน 2571 ความยาว 1,607 เมตร . . อ้างอิงจาก: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), สำนักข่าวอิสรา และเดลินิวส์ ออนไลน์ . ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #สะพานมิตรภาพไทยลาว #สะพานมิตรภาพ #ไทยลาว

พามาเบิ่ง สะพานมิตรภาพ “ไทย-ลาว” ในภาคอีสานอยู่ที่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

🔎พามาเบิ่ง “มันสำปะหลัง” กว่า 16.6 ล้านตัน🥔🥔 มาจากไหนบ้างในภาคอีสาน

ในปี 2566 ประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลัง อยู่ที่ 10.5 ล้านไร่ และมีผลผลิต 30.6 ล้านตัน แล้วรู้หรือไหมว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตมันสำปะหลังมากแค่ไหน? . โดยในภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเรามีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังมากกว่า 5.6 ล้านไร่ หรือคิดเป็นสัดส่วน 54% ของขนาดพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั้งหมดในประเทศ และมีผลผลิตมากกว่า 16.6 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 55% ของผลผลิตมันสำปะหลังทั้งหมดในประเทศ  . หากพิจารณารายจังหวัด จะพบว่าผลผลิตมันสำปะหลังในภาคอีสานกระจุกตัวในจังหวัดนครราชสีมามากที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 23.82% รองลงมาเป็นชัยภูมิ (11.5%) อุบลราชธานี (9.65%) อุดรธานี (9.07%) และกาฬสินธุ์  (6.56%) . . แนวโน้มอุตสาหกรรมมันสำปะหลังจะเป็นอย่างไร? . คาดว่าผลผลิตมันสำปะหลังจะหดตัว เป็นผลจากประเทศไทยเผชิญสภาพอากาศแห้งแล้งจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งคาดว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยส่งผลต่อเนื่องราว 1-2 ปี (2567-2569) ประกอบกับการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง และการขาดแคลนท่อนพันธุ์เพาะปลูก ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตมีทิศทางหดตัว . อย่างไรก็ตาม อุปทานมัน สำปะหลังยังมีแรงหนุน เช่น (1) ราคาที่คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก (2) ปริมาณน้ำในเขื่อนที่ยังเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกในเขตพื้นที่ใกล้ระบบชลประทาน และ (3) แนวโน้มความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่จะขยายตัวตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ประกอบกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีมากขึ้น ทำให้หลายประเทศมีอุปสงค์เพื่อความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) เพิ่มขึ้น . . อ้างอิงจาก:  สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, วิจัยกรุงศรี . ติดตาม ISAN Insight ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight . #ISANInsight #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #มันสำปะหลัง #อุตสาหกรรมมันสำปะหลัง #อุตสาหกรรมมันสำปะหลังในอีสาน #มันสำปะหลังในอีสาน

🔎พามาเบิ่ง “มันสำปะหลัง” กว่า 16.6 ล้านตัน🥔🥔 มาจากไหนบ้างในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

2 ตระกูลเศรษฐีธุรกิจค้าปลีกวัสดุ 🏗 ตระกูล ”สุริยวนากุล” และ “ตั้งมิตรประชา” มูลค่ารวมกว่า 36,424 ล้านบาท

พามาเปิดพอร์ต 2 ตระกูลเศรษฐีหุ้น ค้าปลีกวัสดุของอีสาน มูลค่ารวม 36,424 ล้านบาท . . ธุรกิจวัสดุก่อสร้างถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่สำคัญ และมีตลาดขนาดใหญ่ เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับที่อยู่อาศัย ซึ่งก็คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง โดยในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเราจะมี 2 บริษัทนั่นคือ “ดูโฮม” และ “โกลบอลเฮ้าส์” ที่เรามักจะหุ้นตากันดี เป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ของธุรกิจนี้ด้วยเช่นกัน . ธุรกิจของ GLOBAL ของตระกูล “สุริยวนากุล” ที่เติบโตมาจากต่างจังหวัด ที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี “วิทูร สุริยวนากุล” เป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจ ส่วนทางด้าน DOHOME มาจาก ตระกูล “ตั้งมิตรประชา” โดย อดิศักดิ์ และนาตยา ตั้งมิตรประชา สองสามี – ภรรยา เป็นผู้ก่อตั้ง โดยกิจการดังกล่าวเติบโตมาจากจังหวัดอุบลราชนี ทางอีสานอินไซต์จะพาทุกท่านมาดูมูลค่าสินทรัพย์(หุ้น) ของทั้งสองตระกูลกันค่ะ . บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) 1.น.ส. กนกวล สุริยวนากุล: 568,021,887 หุ้น (11.36%) มูลค่า 8,917 ล้านบาท 2.นาย เกรียงไกร สุริยวนากุล: 557,246,411 หุ้น (11.14%) มูลค่า 8,748 ล้านบาท 3.ด.ต. กอเดชา สุริยวนากุล: 193,798,827 หุ้น (3.87%) มูลค่า 3,042 ล้านบาท 4.นาย ก้องภพ สุริยวนากุล: 187,981,078 หุ้น (3.76%) มูลค่า 2,951 ล้านบาท 5.น.ส. ซานนา สุริยวนากุล: 184,817,705 หุ้น (3.70%) มูลค่า 2,901 ล้านบาท 6.นาย วิษฐ์ สุริยวนากุล: 30,656,492 หุ้น (0.61%) มูลค่า 481 ล้านบาท . บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) 1.นาย อดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา: 348,075,000 หุ้น (11.27%) มูลค่า 3,411 ล้านบาท 2.นาง นาตยา ตั้งมิตรประชา: 261,056,247 หุ้น (8.45%) มูลค่า 2,558 ล้านบาท

2 ตระกูลเศรษฐีธุรกิจค้าปลีกวัสดุ 🏗 ตระกูล ”สุริยวนากุล” และ “ตั้งมิตรประชา” มูลค่ารวมกว่า 36,424 ล้านบาท อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง กีฬาประจำชาติของแต่ละประเทศในเพื่อนบ้าน GMS

วันนี้จะพามารู้จักกีฬาประจำชาติของเฮาและเพื่อนบ้านเฮาเด้อ   ไทย : มวยไทย เป็นศิลปะการต่อสู้และกีฬาประจำชาติของประเทศไทยที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 700 ปี เป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่โดดเด่นด้วยการใช้อวัยวะทั้ง 8 ได้แก่ หมัด ศอก เข่า และเท้า ซึ่งเรียกกันว่า “ศาสตร์แห่งอาวุธทั้งแปด”   2.ลาว : ลูกข่าง เป็นกีฬาพื้นบ้านดั้งเดิมของประเทศลาวที่มีลักษณะการละเล่นสนุกสนาน นิยมเล่นกันในหมู่เด็กและผู้ใหญ่ในชนบทของลาว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือเวลาว่าง ถือเป็นกิจกรรมที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนและสะท้อนถึงความเรียบง่ายและความผูกพันกับวิถีชีวิตพื้นบ้านของชาวลาว   3.เวียดนาม : โววีนัม เป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของประเทศเวียดนาม ก่อตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษ 1930 โดยอาจารย์เหงียน ลก ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมการป้องกันตัวและความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจของคนเวียดนาม มีจุดมุ่งหมายเพื่อผสมผสานทักษะการต่อสู้กับคุณธรรมความเป็นมนุษย์   4.เมียนมาร์ : ชินลง หรือ “ชินโลน” เป็นศิลปะแบบดั่งเดิมหรือกีฬาโบราณ ที่มีมานานกว่า 1,500 ปี ของประเทศพม่า เป็นการผสมผสานกันระหว่างกีฬากับการเต้นรำ เล่นกันเป็นทีมไม่มีคู่ต่อสู้ แต่ละท่าในการเล่นต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักเพราะเป็นลีลาที่ยากมาก โดยมีตัวแกนอยู่ในวงคอยเป็นคนกำหนดทิศทางและท่ายากง่ายซึ่งทำให้คะแนนมากคล้าย ๆ ตะกร้อวงของบ้านเรา   5.กัมพูชา : กุนขแมร์ เป็นศิลปะการต่อสู้มือเปล่าดั้งเดิมของประเทศกัมพูชา มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะเด่นคือการใช้ทุกส่วนของร่างกาย เช่น หมัด ศอก เข่า และเท้า เพื่อโจมตีและป้องกันตัว คล้ายคลึงกับมวยไทยในประเทศไทย แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันในจังหวะการเคลื่อนไหวและเทคนิค

พามาเบิ่ง กีฬาประจำชาติของแต่ละประเทศในเพื่อนบ้าน GMS อ่านเพิ่มเติม »

ก้าวหน้าไก่สด จากฟาร์มคุณภาพ สู่ธุรกิจไก่เนื้ออันดับ 5 ของไทย

“ก้าวหน้าไก่สด” เป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกเนื้อไก่อย่างครบวงจรในภาคอีสาน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ด้วยกระบวนการที่ครอบคลุมตั้งแต่ฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ ฟาร์มไก่เนื้อ โรงเชือด และโรงงานผลิตไก่ปรุงสุกแช่แข็งเพื่อการส่งออก ไก่ที่เลี้ยงโดยบริษัทคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของจำนวนไก่ทั้งหมดในระบบ ช่วยให้สามารถควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทก้าวหน้าไก่สดยังสนับสนุนเกษตรกรด้วย โครงการไก่ประกันราคา โดยบริษัทจัดหาลูกไก่ให้เกษตรกรนำไปเลี้ยงจนโต และซื้อคืนเพื่อส่งเข้าสู่กระบวนการผลิต ทั้งนี้ เพื่อให้คุณภาพการเลี้ยงเป็นไปตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์ บริษัทให้การสนับสนุนด้านอาหาร เครื่องมือและอุปกรณ์การเลี้ยง อีกทั้งยังมีทีมสัตวแพทย์คอยให้คำปรึกษา ตรวจสุขภาพไก่ และเยี่ยมเยียนฟาร์มของเกษตรกรอย่างสม่ำเสมอ ด้วยแนวทางนี้ บริษัทไม่เพียงแต่ยกระดับคุณภาพสินค้า แต่ยังส่งเสริมความยั่งยืนให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ สร้างผลประโยชน์ร่วมกันทั้งต่อชุมชนและองค์กรอย่างยั่งยืน ก้าวหน้าไก่สด ดำเนินธุรกิจทั้งในตลาดภายในประเทศและการส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยในส่วนของการส่งออก ประเทศคู่ค้าหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น, อังกฤษ, และประเทศต่าง ๆ ใน สหภาพยุโรป ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าตามสั่งที่มีลักษณะเฉพาะตัว ช่วยสร้างความโดดเด่นและแตกต่างในตลาดโลก อีกทั้งยังจัดอยู่ในหมวด สินค้าพรีเมียม ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าระดับสูงได้เป็นอย่างดี สำหรับตลาดภายในประเทศ บริษัทมุ่งเน้นการจำหน่ายชิ้นส่วนไก่สด เครื่องในไก่สด รวมถึงชิ้นส่วนอื่น ๆ ของไก่ที่ไม่สามารถรับประทานได้ เช่น ขนไก่ ผ่าน เทคนิคพิเศษในการผลิต ซึ่งทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากไก่ได้ทุกชิ้นส่วนอย่างคุ้มค่าและครบถ้วน   ในปี 2566 ที่ผ่านมา แม้ว่ารายได้รวมของบริษัทก้าวหน้าไก่สดจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย สาเหตุหลักมาจากราคาของไก่ในตลาดที่ลดลง เนื่องจากปริมาณไก่ในท้องตลาดมีมาก ส่งผลให้ราคาตลาดปรับตัวลดลงตามกลไกอุปสงค์และอุปทาน อีกทั้งเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์มีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น แต่มูลค่าส่งออกลดลง เนื่องจากประเทศผู้ผลิตหลักหลายประเทศในทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปแอฟริกา และทวีปเอเชีย ประสบปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ทำ ให้มีความต้องการนำ เข้าเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์จากไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีน ขณะที่ราคาไก่เนื้อในประเทศปรับตัวลดลง ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของไทยลดลง อย่างไรก็ตาม ในด้านการบริหารจัดการภายใน บริษัทสามารถปรับปรุงการจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าปีที่ผ่านมา ด้วยการควบคุมต้นทุนในกระบวนการผลิตและการจัดการทรัพยากรที่ดี ส่งผลให้ต้นทุนรวมลดลงอย่างชัดเจน แม้ว่ารายได้จะลดลง แต่กำไรสุทธิกับปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการปรับตัวและบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทสามารถรักษาความสามารถสร้างกำไรได้ แม้ราคาไก่ในตลาดจะมีการปรับตัวลดลงก็ตาม ภาคอีสานเป็นภูมิภาคที่มีเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่มากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากสภาพพื้นที่ที่เหมาะสมและวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร โดยจังหวัดที่มีจำนวนไก่เนื้อมากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา 15 ล้านตัว บุรีรัมย์ 6.4 ล้านตัว ชัยภูมิ 5.3 ล้านตัว อุบลราชธานี 5.3 ล้านตัว ขอนแก่น 1.8 ล้านตัว จะเห็นได้ว่าจังหวัดอุบลราชธานีเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญสำหรับการเลี้ยงไก่เนื้อในประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท “ก้าวหน้าไก่สด” บริษัทไม่เพียงแต่เลี้ยงไก่เอง แต่ยังมีการร่วมมือกับเกษตรกรในพื้นที่ผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการไก่ประกันราคา ส่งผลให้เกษตรกรได้รับโอกาสสร้างรายได้ที่มั่นคง ขณะเดียวกันบริษัทก็สามารถจัดการคุณภาพของไก่ได้ตามมาตรฐาน ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่น แต่ยังเป็นประโยชน์ทั้งต่อเกษตรกรและบริษัทในระยะยาว สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาภาคการเกษตรและสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมไก่เนื้อ เมื่อพิจารณาถึงคู่แข่งสำคัญของบริษัทก้าวหน้าไก่สด พบว่า 4 อันดับแรกของบริษัทคู่แข่งที่มีรายได้สูงกว่ามักตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง โดยหากพิจารณาสัดส่วนการครองตลาดผ่านรายได้รวม บริษัทก้าวหน้าไก่สดครองส่วนแบ่งตลาดทั่วประเทศอยู่ที่ 3.33% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่สูงในอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความเข้าถึงง่าย และไม่ได้จำกัดอยู่เพียงผู้เล่นรายใหญ่ แต่ยังมีผู้ประกอบการรายเล็กจำนวนมากที่เป็นคู่แข่งซึ่งไม่อาจมองข้ามได้ สำหรับรายชื่อ 5 อันดับแรกของบริษัทที่มีรายได้สูงสุดในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อ

ก้าวหน้าไก่สด จากฟาร์มคุณภาพ สู่ธุรกิจไก่เนื้ออันดับ 5 ของไทย อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดเบิ่ง 20 อันดับอำเภอที่มีเงินฝากมากสุดในอีสาน💳💰

🏦💳ปี 2567 ถือเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัว และหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจก็คือ “เงินฝาก” ในระบบธนาคาร อ้างอิงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเผยให้เห็นข้อมูลน่าสนใจของ 20 อันดับอำเภอทั่วภาคอีสาน ที่มีปริมาณเงินฝากสูงสุดในปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของแต่ละพื้นที่   5 อันดับอำเภอที่มีเงินฝากมากที่สุดในภาคอีสาน – อำเภอเมืองนครราชสีมา มียอดเงินฝากกว่า 117,322 ล้านบาท – อำเภอเมืองขอนแก่น มียอดเงินฝากกว่า 92,014 ล้านบาท – อำเภอเมืองอุดรธานี มียอดเงินฝากกว่า 82,680 ล้านบาท – อำเภอเมืองอุบลราชธานี มียอดเงินฝากกว่า 53,433 ล้านบาท – อำเภอเมืองร้อยเอ็ด มียอดเงินฝากกว่า 29,222 ล้านบาท   💸จะเห็นได้ว่า “อำเภอเมืองนครราชสีมา” ครองอันดับ 1 ด้วยยอดเงินฝากสูงถึง 117,322 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของจังหวัดนครรสีมาซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคอีสาน อีกทั้งยอดเงินฝากในจังหวัดยังสอดคล้องกับรายได้ต่อหัวมากที่สุดในภาคอีสานด้วย รวมถึงมีธุรกิจและอุตสาหกรรมที่มากในพื้นที่ ซึ่งนักลงทุนมักเลือกที่จะลงทุนในอำเภอเมืองนครรามชสีมามากเพราะมีศักยภาพในการเติบโตสูง   ซึ่งส่วนใหญ่อำเภอที่มีเงินฝากส่วนใหญ่จะกระจุกตัวในอำเภอเมืองแต่ละจังหวัด จะมีอำเภอปากช่องที่เป็นอำเภอที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มาก มีธุรกิจเกี่ยวกับการค้าและบริการที่มากซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ แต่ที่น่าสังเกตุคืออำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี และอำเภอชุมแพ, อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่นที่ติดอันดับ 3 อำเภอนี้ถือว่าอำเภอที่มีศักยภาพที่สูงและยังมีการลงทุนของธุรกิจการค้าและบริการทั้งขนาดกลางและขนาดย่อมภายในอำเภอที่มาก อีกทั้งยังเป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่อีกด้วย   💳อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินฝากในบัญชีธนาคาร อาจไม่ได้สะท้อนความมั่งคั่งทั้งหมดของแต่ละคน เพราะปัจจุบันประชาชนฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์น้อยลง เพราะดอกเบี้ยต่ำ   📈หลายคนจึงนิยมนำเงินไปลงทุน เนื่องจากมีผลตอบแทนสูงกว่า เช่น หุ้น กองทุน ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ เพื่อเพิ่ม Passive Income และมีจำนวนไม่น้อยที่อาจเลือกเก็บเงินส่วนหนึ่งแบบเงินสด เพื่อสะดวกต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน     อ้างอิงจาก: – ธนาคารแห่งประเทศไทย – กรุงเทพธุรกิจ  – Moneybuffalo – โดย Thosapol จากเว็บไซต์ thethaiger.com   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #บัญชีเงินฝาก #บัญชีธนาคาร #เงินฝาก

พาเปิดเบิ่ง 20 อันดับอำเภอที่มีเงินฝากมากสุดในอีสาน💳💰 อ่านเพิ่มเติม »

🔎พามาเบิ่ง “พื้นที่สีเขียวในเขตเมือง” กระจายอยู่ไหนบ้างในอีสาน🌳🕊️

ต้นไม้และพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองเป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดความอยู่ดีมีสุข (Well-Being) ของคนเมือง เมืองที่ดีควรมีพื้นที่สีเขียวในปริมาณที่เหมาะสม ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ยิ่งถ้าเมืองนั้นมีประชากรหนาแน่น พื้นที่สีเขียวก็จะยิ่งมีคุณค่า โดยเฉพาะต่อสุขภาวะทางกายและใจของคน รวมไปถึงคุณค่าต่อสิ่งแวดล้อมของเมืองที่ส่งผลเป็นวงกว้าง เช่น การลดอุณหภูมิความร้อน การดูดซับมลพิษทางอากาศ มลพิษทางเสียง การเป็นพื้นที่ชะลอน้ำ ระบายน้ำ เป็นต้น   ในปี 2567 ประเทศไทยมีพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองรวมกันทั้งหมดกว่า 7,540 ตารางกิโลเมตร หรือกว่า 4.7 ล้านไร่ โดยในภาคอีสานของเรามีพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองมากกว่า 581 ตารางกิโลเมตร หรือ 363,125 ไร่ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 7.7% ของขนาดพื้นที่สีเขียวทั้งหมดในประเทศเท่านั้น‼️   โดยจังหวัดที่มีพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองมากที่สุด อันดับที่ 1 ขอนแก่น 134.6 ตารางกิโลเมตร อันดับที่ 2 บุรีรัมย์ 69.0 ตารางกิโลเมตร อันดับที่ 3 นครราชสีมา 47.1 ตารางกิโลเมตร อันดับที่ 4 สกลนคร 38.3 ตารางกิโลเมตร อันดับที่ 5 อุบลราชธานี 37.8 ตารางกิโลเมตร   จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าจังหวัดขอนแก่นมีพื้นที่สีเขียวมากที่สุดในภาคอีสาน เนื่องจากมีโครงการขนาดใหญ่ในจังหวัดที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูสภาพป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียวในภาคอีสาน ซึ่งขอนแก่นเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้เป็นอย่างมาก ทำให้มีการปลูกป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างต่อเนื่อง   พื้นที่สีเขียวในเมืองนั้นเป็นของหายาก เพราะพื้นที่สีเขียวไม่ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยตรง เมื่อที่ดินในเมืองมีราคาสูงมาก ยิ่งเป็นทำเลใจกลางเมืองก็จะมีราคาสูงมาก ดังนั้นที่ดินจึงถูกพัฒนาเชิงพาณิชย์เป็นหลัก ความเป็นไปได้ในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองจึงมีจำกัด      หมายเหตุ: เป็นข้อมูลพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปี 2567 ณ วันที่ 19 ธ.ค. 2567    อ้างอิงจาก:  – สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) – Matichon   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook LINE Official : https://lin.ee/yIS5bdP   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #แวดล้อมอีสาน #พื้นที่สีเขียวในเขตเมือง #พื้นที่สีเขียว #พื้นที่สีเขียวเขตเมือง #ป่าในเขตเมือง

🔎พามาเบิ่ง “พื้นที่สีเขียวในเขตเมือง” กระจายอยู่ไหนบ้างในอีสาน🌳🕊️ อ่านเพิ่มเติม »

อุดรธานีมีคนเป็นหนี้น้อยสุดในอีสานจริงหรือ?

เมื่อพูดถึงภาคอีสาน หลายคนอาจทราบดีว่าเป็นภูมิภาคที่มีปัญหาหนี้สินครัวเรือนสูงที่สุดในประเทศไทย โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้ที่ไม่สอดคล้องกับรายจ่าย รวมถึงหนี้ที่เกิดจากการทำการเกษตรซึ่งต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านสภาพอากาศ ส่งผลให้กว่า 61% ของครัวเรือนในภาคอีสานมีหนี้สิน อย่างไรก็ตาม หากลงลึกถึงข้อมูลในระดับจังหวัด จะพบว่า อุดรธานี มีสัดส่วนครัวเรือนที่เป็นหนี้ต่ำที่สุดในภาคอีสาน   อุดรธานี: หนี้สินลดลง สวนทางกับแนวโน้มภาคอีสาน ข้อมูลปี 2566 ระบุว่า 46% ของครัวเรือนในอุดรธานีมีหนี้สิน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในภาคอีสาน และยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่อยู่ที่ 48% ยิ่งไปกว่านั้น หากเปรียบเทียบกับปี 2565 จะพบว่าสัดส่วนดังกล่าวลดลงถึง 22% ซึ่งสะท้อนถึงการปรับตัวเชิงบวกของครัวเรือนในจังหวัดนี้   เมื่อพิจารณา มูลค่าหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือน พบว่าอยู่ที่ 105,266 บาท ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยภาคอีสานที่อยู่ที่ 200,540 บาท วัตถุประสงค์หลักของการกู้ยืมในอุดรธานีคือเพื่อ อุปโภคบริโภค (มากกว่า 50%) รองลงมาคือเพื่อทำการเกษตร และประกอบธุรกิจ   หนี้สินครัวเรือนอุดรฯ: ต่ำทุกระดับรายได้ เมื่อเปรียบเทียบในทุกระดับรายได้ อุดรธานีมีสัดส่วนครัวเรือนที่เป็นหนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของระดับรายได้นั้นๆของภาคอีสาน โดยมีสัดส่วนครัวเรือนที่เป็นหนี้ต่อสัดส่วนครัวเรือนในกลุ่มรายได้นั้นๆ ดังต่อไปนี้ ครัวเรือนรายได้สูง: 42% (ค่าเฉลี่ยอีสาน 64%) มูลค่าหนี้สินเฉลี่ย 212,935 บาท/ครัวเรือน ครัวเรือนรายได้ปานกลาง: 47% (ค่าเฉลี่ยอีสาน 58%) มูลค่าหนี้สินเฉลี่ย 85,911 บาท/ครัวเรือน ครัวเรือนรายได้ต่ำ: 45% (ค่าเฉลี่ยอีสาน 65%) มูลค่าหนี้สินเฉลี่ย 57,005 บาท/ครัวเรือน   ภาระหนี้ต่ำ แม้รายจ่ายสูง แม้ว่าครัวเรือนในอุดรธานีจะมี สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้สูงถึง 83% แต่กลับมีมูลค่าหนี้สินต่อรายได้เพียง 5 เท่า ซึ่งต่ำที่สุดในภาคอีสาน และยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่อยู่ที่ 7 เท่า การที่ครัวเรือนอุดรธานีสามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจสำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้สินเรื้อรังในภูมิภาคนี้   บทเรียนจากอุดรธานี: แนวทางการพัฒนาแก้หนี้อีสาน การลดลงของหนี้สินครัวเรือนของอุดรธานีไม่เพียงสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการหนี้ของคนในพื้นที่ แต่ยังชี้ให้เห็นถึงแนวทางเชิงนโยบายที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในจังหวัดอื่น ๆ ของภาคอีสาน การสนับสนุนให้ครัวเรือนสามารถบริหารรายได้และรายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างความมั่นคงด้านการเงินและลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็น จึงเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาหนี้สินในระยะยาว   อุดรธานีเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนให้เห็นว่า การจัดการหนี้สินที่ดีไม่เพียงช่วยลดภาระทางการเงินของครัวเรือน แต่ยังสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระดับจังหวัดและภูมิภาคอีกด้วย พามาเบิ่ง🤐 💸หนี้ครัวเรือนอีสานปี 2566 สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ที่มา:  สำนักงานสถิติแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย หมายเหตุ: เป็นข้อมูลในปี 2566, ครัวเรือนรายได้ปานกลางหาจากค่าเฉลี่ยของครัวเรือนกลุ่มควินไทล์ที่ 2-4, ข้อมูลเชิงสถิติอาจมีความคลาดเคลื่อนจากค่าจริง

อุดรธานีมีคนเป็นหนี้น้อยสุดในอีสานจริงหรือ? อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🤐 💸หนี้ครัวเรือนอีสานปี 2566 สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ

พามาเบิ่งหนี้ครัวเรือนอีสานปี 2566 สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ..หนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนปี 2566 มีการปรับเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อน Covid-19 (ปี 2562) โดยหนี้ครัวเรือนของภาคอีสานในปีนี้สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ถึงแม้จะลดลงจากอันดับ 2 ในปี 2562 ก็ตาม แต่ก็ถือว่ามีการปรับเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือน.วัตถุประสงค์ในการกู้ยืม 3 อันดับแรกอุปโภคบริโภค 43.9%ทำการเกษตร 25.3%เช่า/ซื้อบ้านและที่ดิน 21.3%.อาชีพที่มีหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนสูงสุด 3 อันดับแรกลูกจ้างที่เป็นผู้จัดการ นักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงานวิชาชีพ 492,856 บาทผู้ถือครองทำการเกษตรที่เช่าที่ดิน 318,161 บาทผู้ประกอบธุรกิจของตนเอง 268,949 บาท.โดยภาคอีสานเป็นภาคที่มีจำนวนครัวเรือนที่มีหนี้สินสัดส่วนที่สูงสุดของประเทศ โดยมีสัดส่วนสูงถึง 60.8% และส่วนใหญ่เป็นการกู้ยืมเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคกว่า 43.9% สะท้อนให้เห็นว่าคนอีสานมีกำลังใช้จ่ายที่จำกัด ทำให้ต้องมีการกู้ยืมเพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้ในการอุปโภคบริโภค.และเมื่อมาดูอาชีพที่มีการกู้ยืมหนี้สินสูงที่สุดของภาคอีสาน พบว่า ลูกจ้างที่เป็นผู้จัดการ นักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงานวิชาชีพ มีการกู้ยืมเฉลี่ยสูงถึง 492,856 บาท เนื่องจากกลุ่มอาชีพนี้เป็นกลุ่มที่ได้รายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูงที่สุดในทุกอาชีพ โดยมีรายได้เฉลี่ยกว่า 53,156 บาทต่อเดือน ซึ่งทำให้มีเครดิตที่ดีในการกู้ยืม จึงทำให้กลุ่มอาชีพนี้มีการกู้ยืมที่สูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่นๆ.จึงสรุปได้ว่า หนี้สินครัวเรือนเฉลี่ยในปี 2566 นี้ มีการปรับเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงเศรษฐกิจอีสานที่ฟื้นตัวช้า รายได้ไม่พอรายจ่าย ทำให้ครัวเรือนต้องกู้ยืมเงินเพิ่มเติมเพื่อทดแทนรายได้ที่หายไป..อ้างอิงจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ.ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่https://linktr.ee/isan.insight.#ISANInsightandOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #หนี้ #หนี้ครัวเรือน #หนี้คนไทย #ดอกเบี้ย

พามาเบิ่ง🤐 💸หนี้ครัวเรือนอีสานปี 2566 สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง คนอีสาน แต่ละ Gen มีพฤติกรรมการบริโภคแตกต่างกันแค่ไหน?

ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าใจกลุ่มผู้บริโภค คือ กุญแจสำคัญที่จะนำพาแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัลนี้   สำหรับ Customer Generation ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการแบ่งกลุ่มผู้บริโภคหรือลูกค้า (Segmentation) เพราะคนในแต่ละช่วงวัยหรือเจนเนอเรชัน พบอุปสรรคและความท้าต่างกัน ส่งผลให้คนแต่ละ เจน มีพฤติกรรมการบริโภคสินค้าแตกต่างกันออกไป การทำความเข้าใจกับ Customer Generation แต่ละกลุ่ม จะช่วยให้แบรนด์รู้ว่าควรจะออกผลิตภัณฑ์แบบไหน ทำการตลาดหรือควรมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาอย่างไร    โดยอีสานอินไซต์จะขอยกมา 4 Generation ได้แก่   Baby Boomer (ปี 2489 – 2507) ในภาคอีสานมีจำนวน 3,678,219 คน หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.4% ของคนอีสานเท่านั้น โซเซียลมีเดียที่ใช้บ่อย คือ Line, Facebook และ TikTok ตามลำดับ ซึ่งพฤติกรรมการบริโภคของคนกลุ่มนี้จะมัก (1)ซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพ เช่น วิตามิน อาหารเสริม และ (2)ซื้อสินค้าที่ถูกและคุณภาพเหมาะสมที่สุด ที่สำคัญคือต้องเน้นการขายที่ให้ข้อมูลง่ายๆ ไม่ซับซ้อน พร้อมกับวิธีการสั่งซื้อสินค้าที่สะดวก เพื่อตอบโจทย์คน Gen Baby Boomer   Gen X (ปี 2508 – 2522) ในภาคอีสานมีจำนวน 5,255,024 คน หรือคิดเป็นสัดส่วน 28.4% ของคนอีสาน โซเซียลมีเดียที่ใช้บ่อย คือ Line, Facebook และ TikTok ตามลำดับ ซึ่งพฤติกรรมการบริโภคของคนกลุ่มนี้จะระมัดระวังการใช้จ่ายมากกว่าคนรุ่นอื่นๆ และเลือกซื้อสินค้าและบริการมีคุณภาพสูง โดยกลุ่มนี้มักจะชอบการสะสมแต้มแลกของ มีระบบ Membership หรือโปรโมชั่นต่างๆ ก็ถือว่าสามารถดึงดูดคนกลุ่มนี้ได้ดี   Gen Y (ปี 2523 – 2540) ในภาคอีสานมีจำนวน 5,636,604 คน หรือคิดเป็นสัดส่วน 26.1% ของคนอีสาน โซเซียลมีเดียที่ใช้บ่อย คือ Facebook, TikTok และ Line ตามลำดับ ซึ่งพฤติกรรมการบริโภคของคนกลุ่มนี้มักจะซื้อสินค้าตามการรีวิวของ “อินฟลูฯ” และให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพ เช่น เครื่องดื่ม Non-Caffeine อีกทั้งยังสนใจเรื่องที่อยู่หรืออสังหาริมทรัพย์ โดยยึดหลัก  “Finding happiness in a rented home”   Gen Z (ปี 2541 – 2565) ในภาคอีสานมีจำนวน 6,136,918

พาส่องเบิ่ง คนอีสาน แต่ละ Gen มีพฤติกรรมการบริโภคแตกต่างกันแค่ไหน? อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top