Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

ข้อมูลน่าฮู้ 🇹🇭อีสาน กับ 🇨🇳จีน

สิพามาเบิ่ง ข้อมูลน่าฮู้ของอิสาน กับ จีน   . ภาคอีสานของไทย และประเทศจีนแม้ว่าจะเปรียบเทียบกันได้ยากในด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากขนาดของพื้นที่ จำนวนประชากร รวมถึงทรัพยากรที่ต่างกันมาก แต่ด้วยประวัติศาสตร์ การย้ายถิ่นฐานของประชากร และการค้าที่มีร่วมกันมาอย่างยาวนาน จึงทำให้ภาคอีสานส่วนหนึ่งก็ได้รับอิทธิพลมาจากจีนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงของอีสานยังคงต้องพึ่งพาจีนเป็นหลัก เนื่องจากการเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งนำมาสู่โอกาสมากมายที่นำมาซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่ภาคอีสานรวมถึงประเทศไทยจำเป็นต้องมองเห็นความสำคัญ   . ➤ด้านเศรษฐกิจ ภาคอีสาน: เศรษฐกิจภาคเกษตรกรรมมีรายได้จากการปลูกข้าว ข้าวโพด อ้อย และยางพารา มี GRP อยู่ที่ 1.76 ล้านล้านบาท โดยที่มีค่าแรงขั้นต่ำโดยเฉลี่ยในปี พ.ศ. 2567 อยู่ที่ 343 บาทต่อวันและมีรายได้เฉลี่ยต่อประชากรอยู่ที่ 95,948 บาทต่อปี นอกจากนี้อิสานยังมีประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักคือ ลาว, จีน และเวียดนาม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่อยู่ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งสัมพันธ์กับวิสัยทัศน์ของภาคอิสานที่ต้องการจะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศในแถบ GMS นี้ โดยในปัจจุบัน การนำเข้าสินค้าฝั่งอีสานมีสัดส่วนการนำเข้าสินค้าจากจีนมากขึ้นเป็นอันดับที่ 1 แซงหน้าลาวที่เคยเป็นประเทศที่เรานำเข้าสินค้ามากที่สุดในครั้งอดีต ซึงเกิดขึ้นจากรถไฟลาวจีน ที่เป็นทางเชื่อมสำคัญในการลำเลียงสินค้าทั้งจากจีนมาไทย และจากไทยไปยังจีน   จีน : เป็นประเทศมหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกสินค้ามากที่สุดในโลก โดยมีสินค้าสำคัญอย่าง อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักรและอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงยานยนต์และส่วนประกอบ ที่เป็นสินค้าที่มูลค่าสูงและเป็นที่ต้องการของหลายประเทศทั่วโลก ทั้งนี้จีนยังคงมีปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ควรเฝ้าระวังหลายด้าน เช่น ผลกระทบจากนโยบายทางการค้า เงินฝืด และราคาที่พุ่งสูงของอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งรายได้เฉลี่ยต่อประชากรที่ไม่สูงมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าของ GDP เนื่องจากประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ทำให้การกระจายรายได้ไปยังพื้นที่ชนบทยังทำได้ไม่ทั่วถึงมากนัก    . ➤ด้านภูมิศาสตร์ ภาคอีสาน: ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของไทย มีพื้นที่ประมาณ 168,854 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 20 จังหวัด ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง มีเทือกเขาภูพานและภูหลวงเป็นแนวแบ่งเขตทางทิศตะวันตก แม่น้ำสายสำคัญได้แก่ แม่น้ำโขง แม่น้ำชี และแม่น้ำมูล  จีน: เป็นประเทศที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 – 4  ของโลก และมีพรมแดนติดกับประเทศอื่นๆมากถึง 14 ประเทศ ทำให้มีสภาพภูมิประเทศที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ โดยมีแม่น้ำสายหลักอยู่ 2 เส้นคือแม่น้ำหวงและแม่น้ำแยงซี ปัญหาด้านภูมิศาสตร์ที่พบคือ ปัญหาการขยายตัวของทะเลทราย    . ➤ด้านประชากร ภาคอีสาน: มีประชากรประมาณ 21.7 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยลาว พูดภาษาไทยอีสาน จีน: มีประชากรมากเป็นอันดับ 1 ของโลก ทำให้มีความหลากหลายของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่    . ➤ด้านวัฒนธรรม ภาคอีสาน: ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย ขอม […]

ข้อมูลน่าฮู้ 🇹🇭อีสาน กับ 🇨🇳จีน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง⭐ดาวรุ่ง ดาวร่วง ภาคอีสานปี 2024

ธุรกิจในภาคอีสานปี 2567 มีแนวโน้มทรงตัวแต่เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น จากจำนวนธุรกิจที่ปิดตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม อัตราการเกิดใหม่ของธุรกิจยังคงต่ำกว่าปีก่อนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่มีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนการจดทะเบียนใหม่หรือการเลิกกิจการมากกว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ เนื่องจากการเริ่มต้นของธุรกิจขนาดเล็กทำได้ง่ายกว่า แต่ก็ทำให้การเลิกกิจการเกิดขึ้นได้ง่ายเช่นเดียวกัน   ดาวรุ่งในภาคอีสานปี 2024 การผลิตสิ่งทอ การผลิตสินค้าในกลุ่มสิ่งทอประเภทของใช้ภายในครัวเรือนนั้นได้รับปัจจัยบวกจาก งานฝีมือในการทำผ้าไทยที่สะท้อนเอกลักษณ์และคุณค่าของภูมิปัญญาท้องถิ่นได้อย่างโดดเด่น ควบคู่ไปกับการยกระดับงานฝีมือให้ทันยุคสมัย การบริการด้านข้อมูลและเทคโนโลยี การขายสินค้าและเป็นตลาดกลางผ่านอินเทอร์เน็ตและแพล็ตฟอร์มโซเชียลมีเดียเติบโตขึ้น สะท้อนถึงเทรนด์พฤติกรรมการบริโภคที่คนคุ้นชินกับการซื้อของออนไลน์ ด้านการกีฬา ความบันเทิงและนันทนาการ กระแสการดูแลสุขภาพและการออกกำลังกายที่มาแรงในปัจจุบัน ทำให้ผู้คนหันมาสนใจในการใส่ใจดูแลตนเองเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโตขึ้น นอกจากนี้การพักผ่อนหย่อนใจ และความบันเทิงในด้านต่างๆก็ยังได้รับผลดีตามไปด้วย การผลิตสื่อผ่านช่องทางออนไลน์ และโฆษณา ผู้คนหลายช่วงวัยหันมาให้ความสนใจในการดูสื่อบันเทิงผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยูทูบเบอร์และผู้ผลิตคอนเทนต์ในสื่อออนไลน์ กลายเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง แต่การแข่งขันก็สูงตามเช่นกัน การสร้างสรรค์ศิลปะและความบันเทิง งานเทศกาลที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในภาคอีสาน ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจในกลุ่มการให้บันเทิงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต หมอลำ หรือรถแห่ ทำให้ธุรกิจในกลุ่มนี้ได้รับความนิยมและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง   ดาวร่วงในภาคอีสานปี 2024 การผลิตเครื่องจักรและเครื่องมือ การผลิตผลิตภัณฑ์เบ็ดเตล็ด สาเหตุของดาวร่วงในลำดับ 1 – 2 เนื่องจาก สินค้าในกลุ่มธุรกิจนี้ได้รับความท้าทายจากการนำเข้าของสินค้าจีนที่มีต้นทุนและราคาขายถูกกว่า ทำให้การแข่งขันของตลาดภายในประเทศนั้นสูงขึ้น อีกทั้งการส่งออกไปยังต่างประเทศในอนาคต เช่น สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกหลัก ได้รับผลกระทบจาก Trump 2.0 ที่จะทำให้การส่งออกเป็นไปได้ยากขึ้น การผลิตผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างได้รับผลกระทบจากในช่วงต้นปีที่ภาครัฐมีการเบิกจ่ายล่าช้า และเริ่มมีการเร่งเบิกจ่ายในช่วงสิ้นปี  สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มบ้านราคาสูงมีการเติบโตที่ชัดเจน ในขณะที่ตลาดอาคารชุดยังคงเหลือขายอยู่ในระดับสูง สถาบันกวดวิชา พฤติกรรมการเรียนพิเศษของนักเรียนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากทางเลือกที่หลากหลายขึ้น โดยการซื้อคอร์สเรียนออนไลน์ และวิธีอื่นๆ ซึ่งทั้งสะดวกสบายและยืดหยุ่นกว่าการเดินทางไปเรียนที่สถานที่จริง กิจกรรมด้านคอมพิวเตอร์บางประเภท ตลาดการจัดทำเว็บเพจ หรือโปรแกรมต่างๆในภาคอีสานเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ปัจจุบันผู้คนสามารถทำเองได้ง่ายขึ้น ลดการจ้างทำ และในธุรกิจบางประเภทได้เปลี่ยนจากการทำเว็บเพจเป็นการทำเพจในโซเชียลมีเดียที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าแทน   ดาวที่น่าจับตามอง การผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย มาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ และก่อให้เกิดการทะลักของสินค้าจีนราคาถูกเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งนำไปสู่การแข่งขันภายในประเทศที่รุนแรงยิ่งขึ้น คลังสินค้า และกิจกรรมสนับสนุนการขนส่ง ไปรษณีย์และการรับส่งเอกสาร/สิ่งของ สาเหตุที่ต้องระวังในลำดับที่ 2 – 3 เนื่องจาก การแข่งขันในธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มสูงขึ้นจากการขยายตัวของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อการพัฒนาเครือข่ายบริการที่ครอบคลุมการขนส่งแบบต่อเนื่องทุกประเภท นอกจากนี้ ธุรกิจยังเผชิญกับปัจจัยท้าทาย เช่น การเพิ่มขึ้นของต้นทุนขนส่ง และค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนเพื่อยกระดับประสิทธิภาพระบบขนส่ง ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลกดดันต่อความสามารถในการทำกำไร โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งมักเผชิญข้อจำกัดในด้านเงินทุน ขอบเขตการให้บริการ ระบบการจัดการเทคโนโลยี และเครือข่ายพันธมิตร ส่งผลให้การแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น   หมายเหตุ: การวิเคราะห์ดาวรุ่ง ดาวร่วงของธุรกิจในภาคอีสาน คิดจากร้อยละการเปลี่ยนแปลงของจำนวนการจดทะเบียนใหม่ จำนวนการเลิกกิจการ และทุนจดทะเบียนโดยเปรียบเทียบภายในปีพ.ศ. 2567 กับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า รวมถึงวิเคราะห์ประกอบกับปัจจัยภายนอกที่สามารถส่งผลต่อธุรกิจในกลุ่มนั้นๆ   อ้างอิงจาก บทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ไตรมาส 4/2567 โดย ISAN Insight & Outlook, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์, ศูนย์วิจัยกรุงศรี

พามาเบิ่ง⭐ดาวรุ่ง ดาวร่วง ภาคอีสานปี 2024 อ่านเพิ่มเติม »

สถิติสายดื่ม ในประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง

ฮู้บ่ว่า ประเทศลาวเป็นอันดับหนึ่ง ด้านปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยหนึ่งคนจะมีปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์อยู่ที่ 10.7 ลิตรต่อปี ประเทศ รวม  ผู้ชาย ผู้หญิง บริษัทเจ้าใหญ่ในตลาด ลาว 10.7 17.1 4.6 คาร์ลสเบิร์ก เอ/เอส (ส่วนแบ่งการตลาด 84%) เวียดนาม 8.7 14.1 3.5 ไฮเนเก้น เอ็นวี (ส่วนแบ่งการตลาด 42%) ไทย 8.3 13.4 3.5 ไทยเบฟเวอเรจ (ส่วนแบ่งการตลาด 45%) จีน 7.1 10.9 3 ไชน่ารีซอร์ส โฮลดิ้งส์ (ส่วนแบ่งการตลาด 22%) กัมพูชา 6.6 10.9 2.7 เขมรเบฟเวอเรจ (ส่วนแบ่งการตลาด 40%) เมียนมา 5.1 8.4 2 ไฮเนเก้น เอ็นวี (ส่วนแบ่งการตลาด 39%)    *หน่วยลิตร/ คน/ ปี . การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน โดยผสมผสานอยู่ในสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ทำให้ในปัจจุบันเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพื้นที่นั้นๆ ที่ผ่านการพัฒนาและปรับปรุงไปตามยุคสมัย ซึ่งเอกลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะแตกต่างกันไปตามสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศและผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ทำให้ในปัจจุบัน เราได้พบเห็นสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีความหลากหลายและมีคุณภาพที่ดีขึ้นกว่าในอดีต    แต่การบริโภคแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไปย่อมส่งผลเสียมากมาย ไม่ว่าจะด้านปัญหาสุขภาพ อัตราการเกิดอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้น รายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนคุณภาพชีวิตของคนในสังคมที่ลดลง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้หากไม่มาตรการควบคุมที่ชัดเจนและครอบคลุมมากเพียงพอ   . วัฒนธรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง  ในแถบลุ่มแม่น้ำโขงมีวัฒนธรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใกล้เคียงกัน เนื่องจากมีพรมแดนใกล้กัน มีสภาพภูมิศาสตร์และผลผลิตทางการเกษตรที่คล้ายกัน อีกทั้งยังมีวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์และการค้าร่วมกันมาตั้งแต่อดีต ทำให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์พื้นเมืองของแต่ละประเทศในแถบนี้มีความคล้ายคลึงกัน โดยส่วนมากมักจะเป็น เครื่องดื่มที่ได้จากการหมักข้าว ซึ่งจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามพื้นที่และภาษาที่ใช้ แต่ความนิยมในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งในปัจจุบันผู้คนในแถบนี้ก็ได้รับอิทธิพลจากประเทศตะวันตกมากขึ้น ทำให้เริ่มหันมาบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทเบียร์มากขึ้นแทนที่เครื่องดื่มพื้นเมืองที่ค่อยๆ ลดลงไป   . 🇱🇦ลาว  เป็นประเทศที่มีปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์ต่อคนใน 1 ปีมากที่สุดใน GMS โดยนิยมดื่มเบียร์มากที่สุด ตามมาด้วย เหล้าขาวและเหล้าสาโท ที่ได้จากการหมักข้าว และในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของลาวมีเจ้าใหญ่อยู่หนึ่งเจ้า ที่ครอบครองส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากถึง 84% ทำให้ลาวเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีแนวโน้มของการผูกขาดในตลาดสูงเป็นอันดับแรกใน GMS ด้วยเช่นกัน   . 🇹🇭ไทย  ประเทศไทยของเราเองก็มีปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อคนต่อปีสูงด้วยเช่นกัน โดยนับเป็นอันดับ 3 ในแถบลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งมีเบียร์และเหล้ารัมเป็นอันดับต้นๆในด้านความนิยมจากคนไทย นอกจากนี้ไทยยังนิยมเครื่องดื่มพื้นเมืองอย่าง เหล้าที่ได้จากการหมักข้าวด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในภาคอีสานที่เป็นแหล่งเพาะปลูกหลักของประเทศ และในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทยมีเจ้าใหญ่อยู่ด้วยกัน 2 เจ้าคือ ไทยเบฟเวอเรจและ บุญรอดบริวเวอรี่ ที่สองบริษัทนี้มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันสูงถึง 86%  

สถิติสายดื่ม ในประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง อ่านเพิ่มเติม »

ไทยหนึ่งในสามประเทศขุมพลังการผลิต Casio ทั่วโลก

1 ใน 8 โรงงานผลิต Casio ทั่วโลกตั้งอยู่ที่โคราช หนึ่งในฐานการผลิตและส่งออกสินค้าที่สำคัญทั้งนาฬิกา เครื่องคิดเลข ย้อนกลับไปในปี 1946 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Tadao Kashio (ทาดาโอะ คาชิโอะ) วิศวกรชาวญี่ปุ่น ได้ก่อตั้งบริษัท คาสิโอ คอมพิวเตอร์ จำกัด โดยเริ่มต้นจากการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์คีบบุหรี่ที่ชื่อว่า Yubiwa Pipe ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในยุคนั้น เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับสภาวะความเครียดหลังสงคราม ผู้คนจำนวนมากจึงหันมาสูบบุหรี่เพื่อผ่อนคลาย ต่อมาในปี 1949 ทาดาโอะ คาชิโอะ ร่วมกับน้องชายของเขาได้คิดค้นและพัฒนา เครื่องคิดเลข จนกระทั่งในปี 1957 พวกเขาเปิดตัว Casio 14-A ซึ่งเป็นเครื่องคิดเลขอิเล็กทรอนิกส์ที่มีฟังก์ชันหน่วยความจำเครื่องแรกของโลก ความสำเร็จนี้ทำให้ชื่อเสียงของ Casio แพร่หลายไปทั่วโลก ในปี 1974 ทาดาโอะ คาชิโอะ เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมนาฬิกาข้อมือ ซึ่งในขณะนั้นกำลังเผชิญกับวิกฤต Quartz Crisis หรือ วิกฤตนาฬิกากลไกแบบใส่ถ่าน ทาดาโอะจึงตัดสินใจบุกตลาดด้วยการเปิดตัว Casiotron นาฬิกาดิจิทัลระบบควอตซ์รุ่นแรกที่พัฒนามาจากเทคโนโลยี LCI Quartz ของเครื่องคิดเลข จุดเด่นของ Casiotron คือการเป็นนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ที่มีราคาย่อมเยา และมาพร้อมฟังก์ชัน ปฏิทินอัตโนมัติแบบดิจิทัล ที่ไม่จำเป็นต้องรีเซ็ตปฏิทินอีกเลย ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Casio กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนาฬิกา และปูทางสู่การสร้างสรรค์นาฬิการุ่นใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานและเทคโนโลยีในอนาคต สินค้าภายใต้แบรนด์ Casio ได้รับการส่งมอบไปยังลูกค้าทั่วโลก โดยมีการขยายเครือข่ายไปยังหลากหลายประเทศ ฐานการผลิตหลักตั้งอยู่ในญี่ปุ่น จีน และไทย พร้อมด้วยการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงกระบวนการประกอบเสร็จสมบูรณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน และสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ Casio ยังมีระบบจัดหาวัสดุและพันธมิตรทางธุรกิจที่ครอบคลุมหลากหลายประเทศ ส่งผลให้เกิดเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานในระดับโลก นอกจากนี้ Casio ยังถือครองสิทธิบัตรทางการค้ามากถึง 1,427 ฉบับใน 192 ประเทศ เพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ Casio ในปี 2566 สินค้าหลักของ Casio ที่วางจำหน่ายทั่วโลกสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มสำคัญ ได้แก่ ธุรกิจนาฬิกา คิดเป็นสัดส่วน 59.7% ของรายได้ทั้งหมด โดยสินค้าหลักคือ นาฬิกาที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยและดีไซน์ที่ทันสมัย ธุรกิจเพื่อการศึกษา คิดเป็นสัดส่วน 22.7% ของรายได้ทั้งหมด สินค้าในกลุ่มนี้เน้นตอบโจทย์ด้านการศึกษา เช่น พจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับสูง และเครื่องคิดเลขทางการเงิน ธุรกิจด้านเสียง คิดเป็นสัดส่วน 10.0% ของรายได้ทั้งหมด โดยสินค้าหลัก เช่น คีย์บอร์ดไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่รู้จักและใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ธุรกิจอุปกรณ์ระบบ คิดเป็นสัดส่วน 5.6%

ไทยหนึ่งในสามประเทศขุมพลังการผลิต Casio ทั่วโลก อ่านเพิ่มเติม »

🔎พาเปิดเบิ่ง “โรงสีข้าวแดนอีสาน” มูลค่ารวมกว่า 67,030 ล้านบาท กระจายอยู่ที่ไหนบ้าง

ในปี 2566 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีรายได้รวมจากธุรกิจโรงสีข้าวมากกว่า 67,030 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 20% ของมูลค่ารายได้ของโรงสีข้าวทั้งหมดในประเทศ   5 อันดับจังหวัดที่มีรายได้รวมมากที่สุด – ร้อยเอ็ด มีรายได้รวมกว่า 11,086 ล้านบาท – ศรีสะเกษ มีรายได้รวมกว่า 9,322 ล้านบาท – สุรินทร์ มีรายได้รวมกว่า 7,793 ล้านบาท – นครราชสีมา มีรายได้รวมกว่า 7,234 ล้านบาท – อุบลราชธานี มีรายได้รวมกว่า 5,913 ล้านบาท   จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า 3 จังหวัดแรกที่มีรายได้รวมมากที่สุดในภาคอีสาน อย่างร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และสุรินทร์ จะเป็นจังหวัดที่มีการปลูกข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทำให้มีวัตถุดิบในการผลิตข้าวจำนวนมาก ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นข้าวที่มีคุณภาพสูงและเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ และข้าว GI ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2550 อีกด้วย   โรงสีข้าวในทั้ง 3 จังหวัดข้างบน ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิต ทำให้ได้ข้าวที่มีคุณภาพสม่ำเสมอและปริมาณมาก อีกทั้งโรงสีหลายแห่งได้รับมาตรฐานสากล ทำให้สามารถส่งออกข้าวไปยังตลาดต่างประเทศได้     อ้างอิงจาก:  – เว็บไซต์ของบริษัท – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightandOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #ธุรกิจโรงสีข้าว #ธุรกิจโรงสีข้าวในอีสาน #โรงสีข้าว

🔎พาเปิดเบิ่ง “โรงสีข้าวแดนอีสาน” มูลค่ารวมกว่า 67,030 ล้านบาท กระจายอยู่ที่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

👫พามาเบิ่ง ความหนาแน่นของประชากรแต่ละจังหวัดในอีสานบ้านเฮา‼️

https://isaninsight.kku.ac.th/archives/1348โดยจากข้อมูลตัวเลขทางสถิติที่ไปรวบรวมมาของแต่ละจังหวัดในภาคอีสานนั้นเอง . อย่างที่ทราบกันว่าภาคอีสานเป็นภาคที่มีประชากร 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรไทยและรู้หรือไม่ว่าแค่ภาคอีสานภาคเดียวก็มีประชากรเกือบเทียบเท่า กัมพูชา และ ลาว รวมกันเสียอีก แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าภาคอีสานจะมีความหนาแน่นของประชากรเยอะที่สุด เนื่องจากกภาคอีสานนั้นมีพื้นที่ที่กว้างขวางระดับต้นๆของประเทศ ทำให้ความหนาแน่นนั้นกระจายตัวนั้นเอง . จังหวัด ประชากร เนื้อที่(ตร.กม.) ความหนาแน่นต่อ ตร.กม. มหาสารคาม 937,915 5,291.683 177.24 หนองคาย 514,021 3,026.534 169.84 สุรินทร์ 1,367,842 8,124.056 168.37 ศรีสะเกษ 1,450,333 8,839.976 164.07 ขอนแก่น 1,779,373 10,885.991 163.46 ร้อยเอ็ด 1,284,836 8,299.449 154.81 บุรีรัมย์ 1,573,230 10,322.885 152.4 กาฬสินธุ์ 968,065 6,946.746 139.36 อุดรธานี 1,558,528 11,730.302 132.86 หนองบัวลำภู 506,872 3,859.086 131.34 นครพนม 714,284 5,512.668 129.57 นครราชสีมา 2,625,794 20,493.964 128.13 ยโสธร 528,878 4,161.664 127.08 สกลนคร 1,142,657 9,605.764 118.96 อุบลราชธานี 1,869,608 15,744.85 118.74 อำนาจเจริญ 374,137 3,161.248 118.35 บึงกาฬ 420,487 4,305.746 97.66 ชัยภูมิ 1,113,378 12,778.287 87.13 มุกดาหาร 351,595 4,339.83 81.02 เลย 635,142 11,424.612 55.59 ตัวเลขเหล่านี้ไม่เพียงแค่บอกให้รู้ถึงความหนาแน่นของประชากรของจังหวัดนั้นๆได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถช่วยให้เห็นการกระจายตัวของประชากรในภาคอีสาน เข้าใจสังคมรอบข้าง และสามารถต่อยอดการใช้ข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ทรัพยากรและวางแผนการพัฒนาพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม เพื่อประโยชน์ตัวเราและรอบข้างในอนาคตได้อีกด้วย . ที่มา: กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย . หมายเหตุ: สถิติประชากรและเนื้อที่ที่เอามาหาความหนาแน่นมาจากปี 2566 . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #Politics #Social #สังคมอีสาน #สังคม #ประชากรอีสาน เจาะลึก แต่ละ Gen เป็นจั้งใด๋ ?

👫พามาเบิ่ง ความหนาแน่นของประชากรแต่ละจังหวัดในอีสานบ้านเฮา‼️ อ่านเพิ่มเติม »

การกระจายรายได้ยโสธร จังหวัดที่มีความเหลื่อมล้ำสูงสุดในอีสาน?

ความเหลื่อมล้ำทางรายได้คือความแตกต่างในการกระจายรายได้ระหว่างบุคคลหรือกลุ่มประชากรในสังคม โดยแสดงให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างกลุ่มผู้มีรายได้สูงและผู้มีรายได้ต่ำ ซึ่งอาจสะท้อนถึงการเข้าถึงทรัพยากรและโอกาสที่ไม่เท่าเทียมกัน โดยความเหลื่อมล้ำทางรายได้สามารถประเมินได้โดยใช้สัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาค หรือ Gini Coefficient คือ ตัวชี้วัดระดับความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในสังคม โดยมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 ซึ่งหากค่าใกล้1 แสดงว่ามีความเหลื่อมล้ำทางรายได้สูง   ในปี 2566 สัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคของไทยมีค่าเท่ากับ 0.382 เมื่อพิจารณาภาคอีสาน พบว่ามีค่าสัมประสิทธิ์ 0.377 ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากภาคใต้ที่เท่ากับ 0.395 โดยจังหวัดในภาคอีสานที่มีค่าสัมประสิทธิ์มากที่สุดคือ ‘ยโสธร’ ที่มีครัวเรือน 1.4 แสนครัวเรือน โดยมีค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคเท่ากับ 0.440 บ่งบอกถึงระดับความเหลื่อมล้ำที่สูงเป็นอันดับ 1 ของภาคอีสานและสูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศ   เมื่อพิจารณาการกระจายรายได้ของครัวเรือนจังหวัดยโสธร โดยการแบ่งกลุ่มครัวเรือนเรียงตามระดับรายได้ออกเป็น 5 กลุ่มเท่ากัน กลุ่มละ 20% หรือเรียกว่ากลุ่มควินไทล์ (Quintile) พบกว่ากลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้สูงสุด 20% แรก  หรือกลุ่มควินไทล์ที่ 5 มีส่วนแบ่งรายได้กว่า 47% มีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนเท่ากับ 57,179 บาท ซึ่งส่วนแบ่งรายได้ของกลุ่มรวยสุดในยโสธรเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่เท่ากับ 40% แสดงให้เห็นถึงรายได้ที่กระจุกตัวเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มคนรวยในยโสธร    กลุ่มรายได้ระดับ 2 (ควินไทล์ที่ 4) ด้านของกลุ่มรายได้ระดับ 3 (ควินไทล์ที่ 3) และกลุ่มรายได้ระดับ 4 (ควินไทล์ที่ 2) ซึ่งอุปมานว่าเป็นกลุ่มที่มีรายได้กลางๆ มีส่วนแบ่งของรายได้เท่ากับ 13% 14% และ 16% ตามลำดับ ซึ่งมีสัดส่วนไม่แตกต่างกันมาก   ในด้านของกลุ่มครัวเรือนที่จนที่จนที่สุด หรือ กลุ่มควินไทล์ที่ 1 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนเท่ากับ 12,430 บาท ต่ำกว่ากลุ่มที่รวยที่สุดถึง 4.7 เท่า และมีส่วนแบ่งของรายได้เพียง 10% นอกจากนั้นยังพบว่ามีส่วนแบ่งที่ลดลงจากปี 2564 ที่มีส่วนแบ่ง 14% สวนทางกับกลุ่มครัวเรือนที่รวยที่สุด แสดงให้เห็นชัดถึงการกระจายรายได้ในสังคมมีความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นในจังหวัดยโสธร  ปัญหาความเหลื่อมล้ำในยโสธรจึงเป็นกรณีศึกษาสำคัญที่สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในระดับภูมิภาค และความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้อย่างยั่งยืน   หมายเหตุ: กลุ่มรายได้อ้างอิงจากการแบ่งครัวเรือนเรียงตามระดับรายได้ออกเป็น 5 กลุ่มเท่ากัน หรือกลุ่มควินไทล์, ข้อมูลเชิงสถิติอาจคลาดเคลื่อนจากค่าจริง   ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ, สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยโสธรเมืองพญาแถน แดนบั้งไฟ ผลักดันเทศกาลไทย ไปนานาชาติ

การกระจายรายได้ยโสธร จังหวัดที่มีความเหลื่อมล้ำสูงสุดในอีสาน? อ่านเพิ่มเติม »

พื้นที่สีเขียวในเขตเมืองต่อคนอีสาน กระจายอยู่ไหนบ้างในภาคอีสาน

จากข้อมูลพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองของประเทศไทยจำนวน 7,540 ตารางกิโลเมตร หรือกว่า 4.7 ล้านไร่ พบว่าเป็นพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองของภาคอีสานกว่า 581 ตารางกิโลเมตร หรือ 363,125 ไร่ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 7.7% ของขนาดพื้นที่สีเขียวทั้งหมดในประเทศเท่านั้น   5 อันดับจังหวัดที่มีพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองมากที่สุดในอีสาน   อันดับที่ 1 ขอนแก่น 134.6 ตารางกิโลเมตร อันดับที่ 2 บุรีรัมย์ 69.0 ตารางกิโลเมตร อันดับที่ 3 นครราชสีมา 47.1 ตารางกิโลเมตร อันดับที่ 4 สกลนคร 38.3 ตารางกิโลเมตร อันดับที่ 5 อุบลราชธานี 37.8 ตารางกิโลเมตร   แล้วพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรในอีสานเป็นเท่าไร?   องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ระบุค่าเฉลี่ยพื้นที่สีเขียวของเมืองว่าอย่างน้อยควรอยู่ที่  9 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งภาคอีสานมีพื้นที่สีเขียวเฉลี่ย 76 ตารางเมตรต่อคน หรือหากดูเป็นรายจังหวัด พื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากร 5 อันดับแรก ประกอบด้วย ขอนแก่น 155 ตารางเมตรต่อคน เลย 153 ตารางเมตรต่อคน มุกดาหาร 133 ตารางเมตรต่อคน ศรีสะเกษ 128 ตารางเมตรต่อคน บุรีรัมย์ 125 ตารางเมตรต่อคน   อย่างไรก็ตาม พื้นที่สีเขียวในเขตเมืองยังคงเป็นเสมือนของหายากอยู่ เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยตรง รวมไปถึงราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้การพัฒนาพื้นที่ถูกเน้นไปในเชิงพาณิชย์มากกว่า ดังนั้น ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องอาจต้องมีการวางแผนร่วมกันเพื่อจะพัฒนาพื้นที่สีเขียวให้สอดรับกับการขยายตัวของเมืองในอนาคตมากขึ้น  . อีกทั้งเรายังควรอนุรักษ์รักษ์สิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น เพื่อให้มีพื้นที่สีเขียวให้คงอยู่และมีมากขึ้นต่อไปในอนาคต โดยเกิดเทรนด์ “การท่องเที่ยวสีเขียว” หนึ่งในรูปแบบการท่องเที่ยวสีเขียว คือ “การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Tourism)”   การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ หรือ Low Carbon Tourism เป็นการท่องเที่ยวที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและรบกวนสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำสามารถเป็นการท่องเที่ยวแบบง่ายๆ ตามความชอบของนักท่องเที่ยว เพียงแต่กิจกรรมการท่องเที่ยวนั้นต้องให้ความสำคัญรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการลดก๊าซคาร์บอน   ยกตัวอย่างเช่น การเลือกยานพาหนะในการเดินทาง การรับประทานอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบในท้องถิ่น การทำกิจกรรมท่องเที่ยวด้านสิ่งแวดล้อม เช่น กิจกรรมปลูกป่า ปลูกปะการัง การเก็บขยะ เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากกว่าการท่องเที่ยวแบบทั่วไป อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสให้กับกิจการที่เกี่ยวข้องกับการรักษ์โลกและเพื่อเพิ่มไอเดียในการพัฒนาธุรกิจของตนเองให้เข้ากับเทรนด์ในตอนนี้อีกด้วย     อ้างอิงจาก:  – สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)    ติดตาม ISAN Insight & Outlook

พื้นที่สีเขียวในเขตเมืองต่อคนอีสาน กระจายอยู่ไหนบ้างในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง “อำเภอเมือง” ของจังหวัดใน Big 5 of ISAN

📍อำเภอเมืองขอนแก่น มีขนาดพื้นที่ 953 ตารางกิโลเมตร และมีจำนวนประชากร 416,849 คน ซึ่งถือว่ามีความหนาแน่น 437 คน/ตารางกิโลเมตร โดยอำเภอเมืองขอนแก่นมีเงินฝากกว่า 92,014 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นอำเภอที่มีเงินฝากมากเป็นอับดับที่ 2 ของภาคอีสาน ส่วนราคาที่ดินแพงสุดในอำเภอ คือ ถนนศรีจันทร์ ราคามากสุด คือ 200,000 บาท/ตารางวา   ตัวอย่างโครงการใหญ่ภายในอำเภอ คือ Medical hub ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 5,300 ล้านบาท เป็นหนึ่งในเป้าหมายของภาครัฐ ที่ต้องการให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งมีการยกระดับและเพิ่มมูลค่าให้แก่สมุนไพรไทย แพทย์แผนไทย และภูมิปัญญาในการดูแลรักษาสุขภาพแบบไทย ทั้งยังสนับสนุนความร่วมมือและเชื่อมโยงผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ของไทยกับผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพทั่วโลกอีกด้วย     📍อำเภอเมืองนครราชสีมา มีขนาดพื้นที่ 756 ตารางกิโลเมตร และมีจำนวนประชากร 452,830 คน ซึ่งถือว่ามีความหนาแน่น 599 คน/ตารางกิโลเมตร โดยอำเภอเมืองขอนแก่นมีเงินฝากกว่า 117,322 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นอำเภอที่มีเงินฝากมากเป็นอับดับที่ 1 ของภาคอีสาน ส่วนราคาที่ดินแพงสุดในอำเภอ คือ ถนนชุมพล ราคามากสุด คือ 130,000 บาท/ตารางวา   ตัวอย่างโครงการใหญ่ภายในอำเภอ คือ ก่อสร้างทางลอดแยกประโดก ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 849 ล้านบาท โครงการนี้จะช่วยรองรับรถที่เดินทางมาตามถนนมิตรภาพ จาก จ.ขอนแก่น เข้าใช้อุโมงค์ทางแยกนครราชสีมาเลี้ยวขวาทิศทางมุ่งหน้าไป จ.สระบุรี และกรุงเทพฯ โดยไม่ต้องติดสัญญาณไฟจราจร นอกจากนี้มีระบบระบายน้ำ งานป้องกันอัคคีภัย งานก่อสร้างสะพานลอยคนเดินข้าม งานติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง งานป้ายจราจรและอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย   และก่อสร้างทางลอดแยกนครราชสีมา มูลค่าโครงการ 373 ล้านบาท โครงการนี้จะคอยช่วยแก้ปัญหาจราจรในเขตเมือง เพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนตัวของการจราจรบนทางหลวงสายหลัก ช่วยอำนวยความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ ลดต้นทุนทางด้านการคมนาคมขนส่ง และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันประเทศยั่งยืน     📍อำเภอเมืองอุดรธานี มีขนาดพื้นที่ 1,095 ตารางกิโลเมตร และมีจำนวนประชากร 408,566 คน ซึ่งถือว่ามีความหนาแน่น 373 คน/ตารางกิโลเมตร โดยอำเภอเมืองขอนแก่นมีเงินฝากกว่า 82,680 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นอำเภอที่มีเงินฝากมากเป็นอับดับที่ 3 ของภาคอีสาน ส่วนราคาที่ดินแพงสุดในอำเภอ คือ ถนนโพศรี ราคามากสุด คือ 180,000 บาท/ตารางวา   ตัวอย่างโครงการใหญ่ภายในอำเภอ คือ นิคมอุตสาหกรรมสีเขียวอุดรธานี ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 65,000 ล้านบาท การเกิดขึ้นของนิคมฯ จะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความเจริญเติบโตให้คนอีสานทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ

พาส่องเบิ่ง “อำเภอเมือง” ของจังหวัดใน Big 5 of ISAN อ่านเพิ่มเติม »

พาสำรวจเบิ่ง เงินฝากในอีสานกว่า 9.5 แสนล้านบาท แต่ละจังหวัดเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนในช่วง 10 ปี

🏦💳ข้อมูลสถิติจากธนาคารแห่งประเทศไทย คนไทยมียอดเงินฝากรวมในสถาบันการเงินภายในประเทศสูงถึง 17,399,541 ล้านบาท แล้วรู้หรือไม่ว่า ภาคอีสานมียอดเงินฝากรวมเท่าไหร่?   💸ยอดเงินฝากรวมในสถาบันการเงินของคนอีสาน มียอดรวมทั้งสิ้น 948,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 โดยส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในรูปบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ 688,652 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 72.6% เลยทีเดียว   5 อันดับจังหวัดที่มียอดเงินฝากรวมมากที่สุดในภาคอีสาน อันดับที่ 1 นครราชสีมา 183,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 ที่ผ่านมา อันดับที่ 2 ขอนแก่น 135,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 อันดับที่ 3 อุดรธานี 102,927 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 อันดับที่ 4 อุบลราชธานี 83,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 อันดับที่ 5 บุรีรัมย์ 50,754 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557   จะเห็นได้ว่าโดยถือว่ายอดเงินฝากเกือบ 60% กระจุกอยู่ใน 5 จังหวัดหลักของภาคอีสาน เนื่องจาก จังหวัดเหล่านี้เป็นเมืองใหญ่ที่มีภาคอุตสาหกรรม การค้า การบริการ และการเกษตร ทำให้มีรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจสูง และยังเป็นเป้าหมายของกลุ่มบริษัทข้ามชาติและบริษัทไทยขนาดใหญ่มาลงทุนในพื้นที่ ทำให้เกิดการจ้างงานและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน อีกทั้งเป็นจังหวัดที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูง ก็มักจะมีกำลังซื้อสูง เป็นแหล่งรวมสินค้าและบริการต่างๆ ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยสูง ซึ่งเงินส่วนหนึ่งก็ถูกนำมาฝากไว้ในธนาคาร และยังมีการเติบโตของเมืองและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินจำนวนมากอีกด้วย     อ้างอิงจาก: – ธนาคารแห่งประเทศไทย   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #บัญชีเงินฝาก #บัญชีธนาคาร #เงินฝาก

พาสำรวจเบิ่ง เงินฝากในอีสานกว่า 9.5 แสนล้านบาท แต่ละจังหวัดเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนในช่วง 10 ปี อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top