Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

พามาเบิ่ง🧐 “ตติเวชกุล” สกุลทองคำแห่งอีสาน ตระกูลค้าทอง 4 บริษัทยักษ์ใหญ่

ตระกูล ตติเวชกุล มีรายได้รวมกันราว 32,555.5 ล้านบาท คิดเป็น 53.0% ของทั้งภูมิภาค ชื่อบริษัท: บริษัท ห้างทองทองสวย จำกัด ที่ตั้ง: ขอนแก่น ปีที่จดทะเบียน: 2539 รายได้รวม (ล้านบาท): 18,611 (-13.7%) กำไร (ล้านบาท): 11 (25.5%) จำนวนสาขา: 13 สาขา รายชื่อกรรมการ นาย อุดม ตติเวชกุล นาง นัสริน ตติเวชกุล นาย วิศวพร ตติเวชกุล นาย วิชย ตติเวชกุล นางสาว วิรากานต์ ตติเวชกุล นาย วิชญ์พล ตติเวชกุล   ชื่อบริษัท: บริษัท ห้างทองแม่ทองพูล จำกัด ที่ตั้ง: ขอนแก่น ปีที่จดทะเบียน: 2543 รายได้รวม (ล้านบาท): 6,293 (+16.6%) กำไร (ล้านบาท): 2.8 (+36.6%) จำนวนสาขา: 13 สาขา รายชื่อกรรมการ นาย พิชัย ตติเวชกุล นางสาว พิมพ์พรรณ ตติเวชกุล นางสาว พิมพ์พร ตติเวชกุล   ชื่อบริษัท: บริษัท เอ็มทีพี โกลด์ จำกัด ที่ตั้ง: ขอนแก่น ปีที่จดทะเบียน: 2563 รายได้รวม (ล้านบาท): 1,113 (-0.4%) กำไร (ล้านบาท): 1.7 (+104.1%) รายชื่อกรรมการ นางสาว พิมพ์พรรณ ตติเวชกุล นาย พิชัย ตติเวชกุล นางสาว พิมพ์พร ตติเวชกุล   ชื่อบริษัท: บริษัท เอ็มทีพี บูลเลี่ยน จำกัด ที่ตั้ง: ขอนแก่น ปีที่จดทะเบียน: 2558 รายได้รวม (ล้านบาท): 6,539 (-27.6%) กำไร (ล้านบาท): 0.8 (-67.6%) รายชื่อกรรมการ นางสาว พิมพ์พรรณ ตติเวชกุล นาย พิชัย ตติเวชกุล นางสาว […]

พามาเบิ่ง🧐 “ตติเวชกุล” สกุลทองคำแห่งอีสาน ตระกูลค้าทอง 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ อ่านเพิ่มเติม »

พาเลาะเบิ่ง จากเหนือจรดใต้ 3 อันดับจังหวัดที่มี GPP สูงสุดในแต่ละภูมิภาค

ใครคือ “แชมป์” GRP และเบื้องหลังขุมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย? จากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภาค หรือ GRP ล่าสุดปี 2566 จะพบว่า กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังคงครองบัลลังก์ความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง ด้วยมูลค่าขนาดเศรษฐกิจสูงถึง 8,570,179 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 47.7% ของ GDP ทั้งประเทศ ตัวเลขนี้สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของเมืองหลวงและพื้นที่โดยรอบในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการบริโภคของประเทศ อย่างไรก็ตาม การมีสัดส่วนที่สูงเกือบครึ่งหนึ่งของ GDP ทั้งประเทศ ก็อาจเป็นประเด็นที่น่าพิจารณาถึงความสมดุลและความเสี่ยงของการพึ่งพาเศรษฐกิจในพื้นที่เดียว   ภาคตะวันออก รองแชมป์ ด้วยมูลค่าขนาดเศรษฐกิจ 3,229,062 ล้านบาท คิดเป็น 18.0% ของ GDP ทั้งประเทศ ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของภาคตะวันออกนั้น ส่วนหนึ่งมาจากบทบาทสำคัญในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ ปิโตรเคมี และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ   สำหรับภูมิภาคอื่นๆ ภาคอีสาน มีมูลค่าขนาดเศรษฐกิจ 1,808,413 ล้านบาท (10.1%), ภาคใต้ มี 1,437,591 ล้านบาท (8.0%), ภาคเหนือ มี 1,390,863 ล้านบาท (7.7%), ภาคกลาง (ที่ไม่รวมกรุงเทพฯ และปริมณฑล) มี 881,689 ล้านบาท (4.9%), และ ภาคตะวันตก มีมูลค่าขนาดเศรษฐกิจน้อยที่สุดที่ 636,869 ล้านบาท (3.5%)   ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างของขนาดเศรษฐกิจและโครงสร้างทางเศรษฐกิจของแต่ละภูมิภาค ซึ่เป็นผลมาจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ โครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายการพัฒนาที่แตกต่างกัน   เปิดขุมทรัพย์เศรษฐกิจรายจังหวัด 3 อันดับขนาดเศรษฐกิจสูงสุดแต่ละภูมิภาค ใครคือดาวเด่น ใครคือม้ามืด? ภาคเหนือ: เชียงใหม่นำทัพ ผนังเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากหลากหลายมิติ เชียงใหม่ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งด้วยขนาดเศรษฐกิจ 277,477 ล้านบาท สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้พึ่งพาเพียงภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่ง แต่เป็นการผสมผสานระหว่างการท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ อุตสาหกรรมหัตถกรรมและสินค้าพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ และภาคเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่มสูง รองลงมาคือ นครสวรรค์ (124,649 ล้านบาท) ซึ่งอาจได้รับอานิสงส์จากการเป็นจุดเชื่อมต่อทางการค้าและโลจิสติกส์ที่สำคัญของภาคเหนือตอนล่าง และ กำแพงเพชร (121,156 ล้านบาท) ที่อาจมีภาคเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก   ภาคอีสาน: นครราชสีมาคือ “พี่ใหญ่” ขอนแก่นและอุบลฯ ตามติดด้วยศักยภาพที่แตกต่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี นครราชสีมา เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ด้วยขนาดเศรษฐกิจสูงถึง 343,510 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นผลมาจากขนาดของจังหวัด จำนวนประชากร และการเป็นศูนย์กลางทางการค้า และการคมนาคมของภูมิภาค ขอนแก่น (225,107 ล้านบาท) ตามมาเป็นอันดับสอง ด้วยศักยภาพในด้านการค้า

พาเลาะเบิ่ง จากเหนือจรดใต้ 3 อันดับจังหวัดที่มี GPP สูงสุดในแต่ละภูมิภาค อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดเบิ่ง “ม.ราชภัฏ” ในอีสาน ใครครองบัลลังก์นักศึกษาครูมากสุด

มหาวิทยาลัยราชภัฏเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยสำคัญของประเทศที่มีการกระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาคกว่า 38 แห่ง ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค โดยมหาวิทยาลัยราชภัฎเป็นแหล่งผลิตบัณฑิตครูสำคัญของไทย โดยนักศึกษาครูมากกว่าครึ่งของประเทศมาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ   อีสานอินไซต์จึงขอพาดูจำนวนนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏในแต่ละแห่งว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และนักศึกษาเรียนครูสาขาอะไรมากที่สุด   ขุมพลังผลิตครูจากรั้ว “ม.ราชภัฏ” ทั่วไทย การศึกษาไทย “ครู” ยังคงเป็นฟันเฟืองสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนอนาคตของชาติ แล้วใครคือผู้สร้างและบ่มเพาะ “ครูของแผ่นดิน” เหล่านี้?   ข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศในปีการศึกษา 2567 พบว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศได้หล่อหลอมนักศึกษาครูมากถึง 74,250 คน ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่ง หรือ 48% ของจำนวนนักศึกษาครูทั้งหมดในประเทศ จำนวนนี้ตอกย้ำสถานะของมหาวิทยาลัยราชภัฏในฐานะ “หนึ่งในแหล่งผลิตครู” ของประเทศ   หากลงลึกในระดับภูมิภาค จะพบว่า ภาคอีสาน เป็นภูมิภาคที่มีจำนวนนักศึกษาครูมากที่สุด ด้วยตัวเลขสูงถึง 30,175 คน จาก 11 สถาบันในภูมิภาคนี้ ตัวเลขนี้อาจสะท้อนถึงความต้องการครูที่สูงในพื้นที่ หรืออาจเป็นผลมาจากความเข้มแข็งและชื่อเสียงของคณะครุศาสตร์ในมหาวิทยาลัยราชภัฏของภาคอีสาน รองลงมาคือ ภาคกลาง ที่มีนักศึกษาครู 22,614 คน จากจำนวนมหาวิทยาลัยที่มากถึง 14 แห่ง สะท้อนถึงความสำคัญของการผลิตครูในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นและมีความหลากหลายทางการศึกษา ขณะที่ ภาคเหนือ มีจำนวน 15,416 คนจาก 8 มหาวิทยาลัย และ ภาคใต้ มีจำนวนนักศึกษาครูน้อยที่สุดที่ 6,045 คน จาก 5 มหาวิทยาลัย   หากลงไปดูมหาวิทยาลัยราชภัฏในภาคอีสาน พบว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้วยจำนวนนักศึกษาครูสูงสุดถึง 3,581 คน ตามมาด้วยสองสถาบันเก่าแก่และมีชื่อเสียงในภาคอีสานอย่าง มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ที่มี 3,427 คน และ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ที่มี 3,242 คน ซึ่งถือว่าเป็น 3 อันดับมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีนักศึกษาครูมากสุดในประเทศ การที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏจากภาคอีสานครองอันดับต้นๆ ยิ่งเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของภูมิภาคนี้ในการผลิตครู   อย่างไรก็ตาม การที่ภาคอีสานมีจำนวนนักศึกษาครูมากที่สุด อาจเป็นผลดีในการตอบสนองความต้องการครูในภูมิภาค แต่ก็อาจนำมาซึ่งคำถามถึงการกระจายโอกาสทางการศึกษาและการบรรจุครูในภูมิภาคอื่นๆ นอกจากนี้ จำนวนนักศึกษาครูในแต่ละมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แม้จะอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ก็เป็นสิ่งที่ต้องศึกษาถึงปัจจัยที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นขนาดของมหาวิทยาลัย ศักยภาพของคณะครุศาสตร์ หรือความต้องการครูในพื้นที่นั้นๆ   โดยตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของการเป็นครู จำนวนนักศึกษาในปัจจุบันไม่ได้หมายถึงจำนวนครูที่จะเข้าสู่ระบบในอนาคต ทั้งอัตราการสำเร็จการศึกษา และความสามารถในการสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาเพิ่มเติม นอกจากนี้ ข้อมูลนี้ยังจำกัดอยู่เฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งไม่ได้รวมถึงสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ ที่มีการผลิตครูเช่นกัน     อ้างอิงจาก: – กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม   ติดตาม ISAN Insight

พาเปิดเบิ่ง “ม.ราชภัฏ” ในอีสาน ใครครองบัลลังก์นักศึกษาครูมากสุด อ่านเพิ่มเติม »

พาไปฮู้จัก🧐 6 บริษัทรุ่นใหญ่ในอีสาน อยู่มายาวนานกว่า 60 ปี🏢

ชื่อบริษัท: ห้างหุ้นส่วนจำกัด เฮียบหงวนมิลเลอร์ จังหวัด: อุดรธานี ปีที่จดทะเบียน: 2500 อายุบริษัท: 68 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 10 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: จำหน่ายรถยนต์ ขายอะไหล่ ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: จำหน่ายรถยนต์และอะไหล่รถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ รายได้รวม (ล้านบาท): 1,918.5 (-28.8%) กำไร (ล้านบาท): 34.9 (-25%)   ชื่อบริษัท: บริษัท เมรัยชัยภูมิ จำกัด จังหวัด: ชัยภูมิ ปีที่จดทะเบียน: 2503 อายุบริษัท: 65 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 21 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: ขายส่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: ขายส่ง สุรา เบียร์ รายได้รวม (ล้านบาท): 1,279.2 (-2.3%) กำไร (ล้านบาท): 6.0 (+2,123.9%)   ชื่อบริษัท: ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอี๊ยะฮั้วอุบล จังหวัด: อุบลราชธานี ปีที่จดทะเบียน: 2504 อายุบริษัท: 64 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 6 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: ขายปลีกเบียร์ และสินค้าเบ็ดเตล็ด ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: ขายส่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รายได้รวม (ล้านบาท): 1,309.1 (-7.1%) กำไร (ล้านบาท): 6.1 (-1.2%)   ชื่อบริษัท: บริษัท สหเรือง จำกัด จังหวัด: มุกดาหาร ปีที่จดทะเบียน: 2506 อายุบริษัท: 62 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 774 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: ผลิตและขายส่งน้ำตาลทราย ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: โรงงานน้ำตาล รายได้รวม (ล้านบาท): 3,074.7 (+2.0%) กำไร (ล้านบาท): 462.1 (+6.1%)   ชื่อบริษัท: บริษัท โค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด จังหวัด: ขอนแก่น ปีที่จดทะเบียน: 2507 อายุบริษัท: 61 ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท): 2,000 ธุรกิจที่ทำตอนจดทะเบียน: เข้าซื้อหุ้นในบริษัทอื่นและกิจการอื่น (บริษัทโฮลดิ้ง) ธุรกิจที่ทำปัจจุบัน: ขายยานยนต์ รายได้รวม (ล้านบาท): 5,330.8 (-33.6%) กำไร

พาไปฮู้จัก🧐 6 บริษัทรุ่นใหญ่ในอีสาน อยู่มายาวนานกว่า 60 ปี🏢 อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดเบิ่ง “หมออีสาน” แบกรับภาระงานสุดโหด จังหวัดไหน “คนไข้ล้นมือ” หนักสุด ปี 66 

ในปี 2566 สัดส่วนแพทย์ต่อประชากรภาคอีสาน อยู่ที่แพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 2,565 คน ซึ่งสัดส่วนจำนวนแพทย์ในภาคอีสานแต่ละจังหวัดกลับมีตัวเลขที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก เพราะ WHO หรือองค์การอนามัยโลกได้แนะนำสัดส่วนมาตรฐานเอาไว้ โดยกำหนดว่าสัดส่วนที่เหมาะสมคือ แพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 1,000 คน นั่นเอง     โดย 5 จังหวัดแรกที่แพทย์แบกรับภาระมากที่สุด จังหวัดบึงกาฬ มีสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 5,003 คน จังหวัดหนองบัวลำภู มีสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 4,650 คน จังหวัดอำนาจเจริญ มีสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 4,202 คน จังหวัดนครพนม มีสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 4,150 คน จังหวัดชัยภูมิ มีสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากร 3,790 คน   สำหรับในจังหวัดที่แพทย์แบกรับภาระน้อยที่สุดนั้น คือ จังหวัดขอนแก่น โดยมีสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อจำนวนประชากรเพียงแค่ 1,080 คน ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนแพทย์ที่ไม่ห่างจากสัดส่วนมาตรฐานมากนัก   จากสัดส่วนข้างต้น ทำให้เห็นว่าปัญหาของจำนวนแพทย์ในประเทศไทยนั้น ขาดการกระจายตัวของแพทย์อย่างเห็นได้ชัดเจน   โดยปริมาณแพทย์ส่วนใหญ่มักกระจุกกันอยู่ที่จังหวัดหัวเมืองหลักของภาคอีสาน อาจเพราะว่าจังหวัดเหล่านั้นเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ด้วยก็เป็นได้ ซึ่งทำให้โรงพยาบาลเหล่านั้นต้องรับรักษาผู้ป่วยที่มาจากจังหวัดใกล้เคียงเพิ่มด้วยเช่นกัน   “หมออีสาน” แบกภาระงานสุดโหด ใน 4 จังหวัด “คนไข้ล้นมือ” วิกฤตอันดับต้นของประเทศ เมื่อสถิติจำนวนประชากรต่อแพทย์ในภาคอีสาน ปี 2566 เผยให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำและความตึงเครียดในระบบสาธารณสุขของภูมิภาคอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรากฏชื่อ 4 จังหวัดที่น่าตกใจ ได้แก่ บึงกาฬ, หนองบัวลำภู, อำนาจเจริญ และนครพนม ที่ติดอันดับจังหวัดที่มีอัตราส่วนประชากรต่อแพทย์สูงที่สุด 4 อันดับแรกของประเทศ สะท้อนถึงภาระงานอันหนักอึ้งที่บุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่เหล่านี้ต้องเผชิญ และอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพการรักษาและชีวิตของผู้ป่วย   การที่จังหวัดบึงกาฬมีอัตราส่วนประชากรต่อแพทย์สูงถึง 5,003 ต่อ 1 คน หมายความว่าแพทย์หนึ่งท่านต้องดูแลประชากรมากถึงห้าพันกว่าชีวิต เช่นเดียวกับหนองบัวลำภู (4,650 : 1), อำนาจเจริญ (4,202 : 1) และนครพนม (4,150 : 1) ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสถิติที่น่ากังวล แต่เป็นภาพสะท้อนของความยากลำบากในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ความเหนื่อยล้าของบุคลากร และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ สถานการณ์ “หมอไม่พอ” ในอีสาน โดยเฉพาะใน 4 จังหวัดดังกล่าว มีหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการกระจายตัวของบุคลากรที่ไม่สมดุล โดยแพทย์ส่วนใหญ่มักกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่และโรงพยาบาลประจำจังหวัด ในขณะที่โรงพยาบาลชุมชนและสถานีอนามัยในพื้นที่ห่างไกลเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรอย่างต่อเนื่อง 

พาเปิดเบิ่ง “หมออีสาน” แบกรับภาระงานสุดโหด จังหวัดไหน “คนไข้ล้นมือ” หนักสุด ปี 66  อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง KUBOTA ผู้นำเบอร์ 1 รถเพื่อการเกษตรในไทย

ผู้ก่อตั้ง: Gonshiro Kubota ชื่อบริษัท: บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ปีที่ก่อตั้ง: พ.ศ. 2521 ที่ตั้งสำนักงานใหญ่: ปทุมธานี รายได้: 54,347 ล้านบาท (-7.6% YoY) กำไร (ขาดทุน): 4,838 ล้านบาท (-13.9% YoY) ยอดรถแทรกเตอร์จดทะเบียนครั้งแรกปี 2567: ทั่วประเทศ 40,222 คัน / ภาคอีสาน 19,606 คัน   จังหวัด จำนวนศูนย์บริการ (แห่ง) จำนวนตัวแทนจำหน่าย (แห่ง) รายได้จากตัวแทนจำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนรถรถแทรกเตอร์คูโบต้าจดทะเบียนครั้งแรก ปี 2567 (คัน) ชัยภูมิ ศูนย์บริการเทคนิค 1 8 1,335.7 1,876 ยโสธร ศูนย์บริการเทคนิค 1 5 540.9 452 อุบลราชธานี ศูนย์บริการเทคนิค 1 16 4,334.6 1,430 ศรีสะเกษ – 14 1,188.7 919 บุรีรัมย์ – 11 1,132.2 1,125 นครราชสีมา ศูนย์บริการเทคนิค 1 ศูนย์กระจายอะไหล่ 2 คลังสินค้า 8 28 3,165.3 3,153 สุรินทร์ ศูนย์บริการเทคนิค 1 11 1,806.1 869 อำนาจเจริญ – 4 259.8 336 หนองบัวลำภู – 5 977.3 729 บึงกาฬ – 7 3.2 216 หนองคาย – 4 722.9 353 เลย ศูนย์บริการเทคนิค 1 7 735.4 682 อุดรธานี ศูนย์บริการเทคนิค 1 15 3,552.8 1,754 นครพนม ศูนย์บริการเทคนิค 1 7 401.1 426 สกลนคร ศูนย์บริการเทคนิค 1 10

พามาเบิ่ง KUBOTA ผู้นำเบอร์ 1 รถเพื่อการเกษตรในไทย อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🧐โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทนทุกประเภทในอีสาน

พามาเบิ่ง “โรงไฟฟ้า” พลังงานทดแทนทุกประเภทในอีสาน . ภาคอีสานของเรา เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีศักยภาพด้านพลังงานทดแทนสูง ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรวม 2,842 เมกะวัตต์ (MW) เป็นอันดับสองของประเทศ รองจากภาคกลางที่มีกำลังการผลิต 4,143 MW และสูงกว่าภาคเหนือ (2,387 MW) และภาคใต้ (989 MW) โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในภาคอีสานมีหลายประเภท โดยลมเป็นแหล่งพลังงานหลัก รองลงมาคือชีวะมวลและ พลังงานแสงอาทิตย์   โดยสามารถจำแนกศักยภาพพลังงานหมุนเวียนในภาคอีสานได้ดังนี้ – โรงไฟฟ้าพลังงานลม (Wind Power Plants) – 1,266 MW พลังงานลมกลายเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดของภาคอีสาน ด้วยศักยภาพกระแสลมที่เหมาะสมในบางพื้นที่ ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง – โรงไฟฟ้าชีวมวล (Biomass Power Plants) – 691 MW ภาคอีสานมีวัตถุดิบชีวมวลที่อุดมสมบูรณ์ เช่น เศษวัสดุจากการเกษตร อ้อย ข้าว และมันสำปะหลัง ทำให้ชีวมวลเป็นพลังงานที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างยั่งยืน – โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power Plants) – 551 MW ด้วยปริมาณแสงแดดที่มีตลอดปี ทำให้ภาคอีสานเหมาะสมต่อการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนพลังงานในระยะยาว – โรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ (Large Hydro Power Plants) – 238 MW แม้ว่าภาคอีสานจะไม่มีเขื่อนขนาดใหญ่เท่าภาคเหนือ แต่ยังสามารถใช้ศักยภาพของแม่น้ำสายสำคัญเพื่อผลิตไฟฟ้าได้ – โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ (Biogas Power Plants) – 80 MW โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพใช้ของเสียจากฟาร์มปศุสัตว์และโรงงานอุตสาหกรรมเป็นแหล่งเชื้อเพลิง ช่วยลดปัญหามลพิษและสร้างพลังงานสะอาด – โรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก (Mini-Hydro Power Plants) – 6 MW แม้กำลังการผลิตจะไม่สูงมาก แต่โรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กยังสามารถช่วยกระจายพลังงานไฟฟ้าไปยังพื้นที่ห่างไกลได้ – โรงไฟฟ้าขยะ (Waste Power Plants) – 10 MW การนำขยะมาใช้ผลิตไฟฟ้าช่วยลดปริมาณขยะในชุมชนและเป็นอีกแนวทางในการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน – โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Power Plants) – 0 MW ยังไม่มีการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานนี้   ภาคอีสานเป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ เหมาะสำหรับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานลมและแสงอาทิตย์ซึ่งต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์หรือกังหันลมหากได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี การลงทุน และนโยบายที่ส่งเสริมพลังงานทดแทน ภาคอีสานสามารถเป็นศูนย์กลางพลังงานสะอาดที่สำคัญของไทยที่จะนำไปสู่ความมั่นคงทางพลังงานได้ในอนาคต . ที่มา: กระทรวงพลังงาน   หมายเหตุ: 1. ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2567 2.ไม่รวมกำลังการผลิตไฟฟ้านอกระบบ

พามาเบิ่ง🧐โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทนทุกประเภทในอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง GPP อีสานปีล่าสุด 2566 จังหวัด Big 5 of ISAN มีมูลค่ามากกว่า 50% ของขนาดเศรษฐกิจทั้งภาคอีสาน

  จังหวัด GPP นครราชสีมา 343,510 ล้านบาท ขอนแก่น 225,107 ล้านบาท อุบลราชธานี 143,160 ล้านบาท อุดรธานี 124,478 ล้านบาท บุรีรัมย์ 108,467 ล้านบาท สุรินทร์ 92,775 ล้านบาท ร้อยเอ็ด 85,660 ล้านบาท ศรีสะเกษ 83,905 ล้านบาท ชัยภูมิ 78,665 ล้านบาท สกลนคร 71,494 ล้านบาท มหาสารคาม 69,450 ล้านบาท กาฬสินธุ์ 66,077 ล้านบาท เลย 62,798 ล้านบาท นครพนม 52,184 ล้านบาท หนองคาย 48,887 ล้านบาท ยโสธร 34,343 ล้านบาท หนองบัวลำภู 32,332 ล้านบาท มุกดาหาร 31,189 ล้านบาท บึงกาฬ 29,879 ล้านบาท อำนาจเจริญ 24,053 ล้านบาท มูลค่าเศรษฐกิจภาคอีสานเติบโตขึ้นกว่า 93% เมื่อเทียบกับปี 2552 หมายเหตุ: GPP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด) = ผลรวมของมูลค่าการผลิตสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย (Final Product) ของจังหวัดต่างๆ GPP อีสานปีล่าสุด 2566 จังหวัด Big 5 of ISAN มีมูลค่ามากกว่า 50% ของขนาดเศรษฐกิจทั้งภาคอีสาน . . ในปี 2566 ภาคอีสานมีมูลค่าเศรษฐกิจรวมกว่า 1,808,413 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าในส่วนนี้ คิดเป็นสัดส่วนได้เพียง 10.1% ของมูลค่า GDP ของประเทศไทยทั้งประเทศ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 18 ล้านล้านบาท . ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2552 – 2566) เผยให้เห็นภาพรวมของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ที่มีการเติบโตกว่า 93% เมื่อเทียบกับปี 2552 การพิจารณาข้อมูล GRP เป็นรายปีแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังปี 2556 ที่ GRP มีอัตราการเติบโตที่เร่งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเพิ่มขึ้นจาก 1,373,084 ล้านบาท ในปี 2556 สู่ 1,808,413

พาส่องเบิ่ง GPP อีสานปีล่าสุด 2566 จังหวัด Big 5 of ISAN มีมูลค่ามากกว่า 50% ของขนาดเศรษฐกิจทั้งภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

อีสาน 11 ปีที่เปลี่ยนไป พาส่องเบิ่ง รายได้ต่อหัวแต่ละจังหวัด ใครคือ “ดาวรุ่ง” ใครยัง “ท้าทาย”

GPP per Capita หมายถึง ค่าเฉลี่ยที่แสดงมูลค่าการผลิตของจังหวัดต่าง ๆ เฉลี่ยต่อประชากร 1 คน มิใช่ตัวเลขที่แสดงระดับรายได้ที่ประชาชนได้รับ GPP หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด หมายถึง ผลรวมของมูลค่าการผลิตสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย (Final Product) ของจังหวัดต่างๆ . และ GPP per Capita หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัว หมายถึง ค่าเฉลี่ยที่แสดงมูลค่าการผลิตของจังหวัดต่าง ๆ เฉลี่ยต่อประชากร 1 คน . GPP per Capita จะเป็นรายได้คาดการณ์ที่คน 1 คนจะทำรายได้ให้จังหวัด ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขที่แสดงระดับรายได้ที่ประชาชนได้รับ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าจังหวัดที่มี GPP อยู่ในอันดับต้นๆของภาค กลับมี GPP per Capita ไม่ได้อยู่อันดับต้นๆตามอันดับของ GPP เลย . สาเหตุมาจากอะไร? อีสานอินไซต์จะพาไปเบิ่ง . . จังหวัดที่มี GPP สูงที่สุดอย่างนครราชสีมาและขอนแก่น เป็นเพียง 2 จังหวัดที่มีอันดับของมูลค่า GPP สัมพันธ์กับอันดับของ GPP per Capita ที่เป็นอันดับ 1 และ 2 เหมือนกัน ถึงแม้จะมีประชากรจำนวนมาก แต่ประชากรยังสามารถสร้างรายได้ให้กับจังหวัดได้มาก เพราะ 2 จังหวัดนี้เน้นการทำอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้สูง แต่เมื่อสังเกตจังหวัดอื่นๆ เช่น อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สุรินทร์ ที่มีมูลค่า GPP อยู่ในอันดับต้นๆของภาค กลับมี GPP per Capita น้อยกว่าจังหวัดที่มีมูลค่า GPP ต่ำกว่า . สาเหตุหนึ่งเป็นผลมาจาก หลายจังหวัดสามารถสร้างมูลค่า GPP มาจากภาคเกษตรเป็นหลัก ซึ่งมีความไม่แน่นอนทั้งด้านปริมาณและราคาผลผลิต . ส่วนการผลิตภาคนอกเกษตรต่าง ๆ โดยเฉพาะการผลิตอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มาก จะมีสัดส่วนที่น้อย ทำให้ศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับจังหวัดโดยรวมอยู่ในระดับต่ำ และก็จะมีจังหวัดที่มี GPP per Capita สูงเป็นอันดับต้นๆ เช่น เลย หนองคาย และนครพนม แต่มีขนาดมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าจังหวัดอื่นๆ โดยเมื่อสังเกตจะพบว่าจังหวัดที่มี GPP per Capita สูง จะเป็นจังหวัดที่ติดกับชายแดน สามารถค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านได้ อีกทั้งยังมีเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เป็นตัวดึงดูดนักลงทุนและทำให้มูลค่าอุตสาหกรรมการผลิตหรือการค้าของจังหวัดมากพอ โดยการค้าผ่านชายแดนของไทยถือว่ามากเป็น 10% ของการค้าระหว่างประเทศทั้งหมด จึงเป็นสาเหตุให้จังหวัดสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้เพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ในจังหวัดจะมีจำนวนประชากรที่น้อยกว่าจังหวัดอื่นๆที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ . สรุปได้ว่า จังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ๆ ไม่จำเป็นที่ประชากรในพื้นที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับพื้นที่ได้มากตามไปด้วย

อีสาน 11 ปีที่เปลี่ยนไป พาส่องเบิ่ง รายได้ต่อหัวแต่ละจังหวัด ใครคือ “ดาวรุ่ง” ใครยัง “ท้าทาย” อ่านเพิ่มเติม »

“พามาเบิ่ง! 🚨 7 วันอันตรายในอีสานบ้านเฮา! อุบัติเหตุสงกรานต์พุ่งสูง 🚨” สงกรานต์คือช่วงเวลาแห่งความสุข แต่ก็เป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในรอบปี 😢

“พามาเบิ่ง!  7 วันอันตรายในอีสานบ้านเฮา! อุบัติเหตุสงกรานต์พุ่งสูง ” สงกรานต์คือช่วงเวลาแห่งความสุข แต่ก็เป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในรอบปี  สถิติรวม จำนวนอุบัติเหตุ 303 จำนวนผู้บาดเจ็บ 283 จำนวนผู้เสียชีวิต 90 สาเหตุ อุบัติเหตุ การเสียชีวิต ขับรถเร็วเกินกำหนด 35% 44.4% ดื่มแล้วขับ 34.3% 22.2% ทัศวิสัย 24.4% 23.3% ยานพาหนะ รถจักรยานยนต์ 259 คัน รถปิกอัพ/กระบะ 52 คัน รถเก๋ง 22 คัน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงที่สุด มุกดาหาร 39 ขอนแก่น 36 สกลนคร 29 จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงที่สุด ร้อยเอ็ด 15 ขอนแก่น 12 นครราชสีมา 11 จังหวัดที่มีอุบัติเหตุสูงที่สุด ขอนแก่น 43 มุกดาหาร 39 ร้อยเอ็ด 28 . จากสถิติล่าสุดปี 67 เกิดอุบัติเหตุกว่า 303 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 283 คน และเสียชีวิตถึง 90ราย  .  สาเหตุหลักของอุบัติเหตุ: ขับรถเร็วเกินกำหนด เมาแล้วขับ ทัศนวิสัย . พาหนะที่เกิดเหตุบ่อยที่สุด: มอเตอร์ไซค์ . วิธีป้องกันง่าย ๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยง: งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขับ ใส่หมวกกันน็อกทุกครั้ง ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เคารพกฎจราจร  สงกรานต์ปีนี้ เราไม่อยากเห็นใครต้องจบชีวิตกลางถนนไม่อยากให้ครอบครัวไหนต้องรอคนที่ไม่มีวันกลับและไม่อยากให้เทศกาลที่ควรเต็มไปด้วยความสุข กลายเป็นความทรงจำที่เจ็บปวด “ขับขี่ปลอดภัย ไม่ประมาท ไม่ประสบอุบัติเหตุ” . ที่มา: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #ISANPolitics #สงกรานต์2568 #7วันอันตราย #เมาไม่ขับ #ขับขี่ปลอดภัย

“พามาเบิ่ง! 🚨 7 วันอันตรายในอีสานบ้านเฮา! อุบัติเหตุสงกรานต์พุ่งสูง 🚨” สงกรานต์คือช่วงเวลาแห่งความสุข แต่ก็เป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในรอบปี 😢 อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top