ผ้าไหมเทียม ทะลักจาก ชายแดน ไทย-ลาว #กระทบอุตสาหกรรมผลิตและทอผ้าไหมในอีสาน ตัดราคา 10 เท่า คุณภาพไม่ได้มาตรฐานพบ เป็นเส้นใยผสม เส้นใยพลาสติก ไม่ใช่ผ้าไหมแท้
ISAN Insight พามาเบิ่ง


.
[ข้อมูลมูลค่าผลิตภัณฑ์สินค้า “หม่อนไหม” ภายในประเทศ]
ปี 2564 ยังมีมูลค่าสูงถึง 6,614.12 ล้านบาท แบ่งเป็น







ข้อมูลมูลค่าของอุตสาหกรรมจาก “หม่อนไหม” จะพบว่าอุตสาหกรรมนี้ตั้งแต่ปลูกม่อน> เลี้ยงหนอนไหม> สาวไหม> ถักเส้นใย> ย้อมสี> จนทอผ้า ออกมาเป็นผืน ทุกๆ ขั้นตอนล้วนเป็นห่วงโซ่คุณค่า ที่หล่อเลี้ยง ชาวบ้านใน สายห่วงโซ่อุปทานการผลิต 86,482 ครัวเรือน(กรมหม่อนไหม ปี 2565) โดยข้อมูลคาดการณ์จากข้อมูลกรมพัฒนาชุมชน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล คาดการณณ์ว่าภาคอีสานเป็นแหล่งช่างฝีมือทอผ้าขนาดใหญ่ คาดว่ามีถึง 100,000-200,000 คน กระจายอยู่ทั่วทุกจังหวัดในภาคอีสาน

____________________________
[ความเป็นมาของท้องถิ่นสู่ผ้าไหมปักธงชัย]
.
สำหรับอำเภอปักธงชัย มีประวัติอันยาวนาน มีความสำคัญตั้งแต่สมัยกรงศรีอยุธยา โดยปรากฏวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะวัฒนธรรมด้านการแต่งกายหรือภูมิปัญญาด้านการทอผ้า ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา โดยสมัยก่อนนั้นอำเภอปักธงชัย (เมืองปัก) เป็นเมืองหน้าด่านของเมืองนครราชสีมา ในบริเวณดังกล่าวมาแต่โบราณ มีการทำนา ทำไร่ การปลูกหม่อน ปลูกฝ้าย เลี้ยงไหม ทอผ้าไหม ทอผ้าฝ้าฝ้ายด้วยกี่พื้นบ้าน ซึ่งเป็นการพอผ้าไว้ใช้ในครัวเรือนหรือแบ่งปันให้ญาติพี่น้อง หากมีเหลือก็จะนำไปแลกเปลี่ยนกันกับพ่อค้าคนกลาง ที่เรียกตัวเองว่า นายฮ้อย ซึ่งนายฮ้อยจะนำผ้าไหมไปขายยังพื้นที่ต่างๆ
อำเภอปักธงชัย ถือเป็นแหล่งที่มีการผลิตผ้าไหมที่สำคัญที่สุดของจังหวัดนครราชสีมา และมีการผลิตมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย จนมีการเรียกผ้าไหมที่ได้มีการผลิตในพื้นที่อำเภอปักธงชัยว่า “ผ้าไหมปักธงชัย” ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแหล่งผลิตผ้าไหมปักธงชัยเป็นสินค้าหัตถกรรมที่มีเอกลักษณ์และสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดนครราชสีมาเป็นอย่างมาก
ลักษณะของผ้าไหมปักธงชัยที่ได้ผลิตตามกรรมวิธีและภูมิปัญญาตั้งเดิมที่สืบทอดต่อกันมาคือ ผ้าพื้น ซึ่งทำการทอด้วยกี่พื้นบ้าน ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นกี่กระตูก ผ้าไหมมีลักษณะเป็นผ้าสีพื้น (ผ้าพื้นเรียบ)ทอแบบ 2 ตะกอ ผ้าไหมมีความกว้างไม่น้อยกว่า 40 นิ้ว เนื้อผ้าหนาแน่น สีคงทน ไม่ตก จนกระทั่งได้ทำการขึ้นทะเบียนกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ประกาศให้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “ผ้าไหมปักธงชัย” เมื่อ 4 ก.ค. 2565

____________________________
[ความสำเร็จของผ้าไหมปักธงชัย]
.
การสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ กระทรวงพาณิชย์ได้ผลักดันให้ผ้าไหมปักธงชัยเป็นสินค้า GI เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าที่เป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่น การขึ้นทะเบียน GI เป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นของไทย การขึ้นทะเบียนนี้ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าท้องถิ่นและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่อำเภอปักธงชัยกว่า 40 ล้านบาท/ปี การสร้างมูลค่าของสินค้าที่เป็นมาตรฐานชุมชนและภูมิปัญญาของท้องถิ่นนี้มีจุดประสงค์เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก กระจายรายได้ไปตั้งแต่ เกษตรกร ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม จนถึง ผู้ผลิตผ้าไหม
นอกจากนี้ ผ้าไหมพื้น ของปักธงชัยยังมีทั้งผลิตในระดับครัวเรือน วิสาหกิจชุมชน ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น บริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด (เฉพาะบริษัท Jim Thompson ที่ผลิตและค้าผ้าไหม) ย้อนหลังมีรายได้ดังนี้







ซึ่งการส่งออกผ้าพื้นจะเป็นวัตถุดิบหลักที่ทั้งในไทยและต่างประเทศ นำไปแปรรูปต่อ เช่น การขึ้นแพตเทิร์นและตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าสวมใส่, กระเป๋า, ผ้าพันคอ, หน้ากาก ฯลฯ ซึ่ง

____________________________
[ความท้าทายของอุตสาหกรรมผ้าไหมของไทย]
.
การมาของ ไหมเทียม แม้จะผลิตจากใยสังเคราะห์แต่ด้วยราคาที่ถูก เข้าถึงง่าย จับต้องได้ทำให้ได้รับความนิยมในคนหมู่มากหรือกลุ่มตลาดแมสที่สวมใส่ได้ทุกวัน ซึ่งจะแตกต่างจากผ้าไหมแท้ที่ราคาสูง เป็นกลุ่มตลาดพรีเมียม และสวมใส่ในโอกาสพิเศษ
แม้ว่าผู้บริโภคจะมีสิทธิ์เลือกสินค้าได้ แต่กลับมีผู้ผลิตที่ใช้ใยสังเคราะห์ผสมไหม หรือใยสังเคราะห์ 100% แต่กลับแอบอ้าง ‘ไหมเทียม’ เหล่านี้ว่าเป็น ‘ไหมแท้’ หรือร้านที่ขายทั้ง ไหมแท้ และ ไหมเทียม แต่กลับให้ข้อมูลบิดเบือนหรือสร้างความเข้าใจผิด ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้บริโภค และผู้ค้ารวมถึงผู้ผลิตผ้าไหมแท้ ได้รับผลกระทบจากยอดขายที่ลดลง

#ผ้าไหมเทียมทำจากอะไร
ผ้าไหมเทียมส่วนใหญ่ทำจากเส้นใยสังเคราะห์หรือเส้นใยกึ่งสังเคราะห์ ดังนี้:





และทาง ISAN Insight
เข้าสำรวจและสืบค้นก็พบว่า มีร้านค้าออฟไลน์และออนไลน์ ที่ขึ้นแพทเทิร์นเสื้อผ้า อย่างชุดจิตรลดา ที่ปกติตัดจากผ้าไหมแท้ แต่กลับใช้ผ้าไหมเทียมแทน และมีพฤติกรรมที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ โดยสินค้าเหล่านี้จะมีราคาเริ่มต้นที่ ฿399-฿1,800 ต่อชุด ในขณะที่ผ้าไหมแท้จะมีราคา เริ่มที่ ฿2,000-฿5,000 ต่อชุด

ที่น่าสนใจคือ แหล่งผลิตไหมเทียมเหล่านี้มีเส้นทางมาจากทั้งในโรงทอในไทย
ลาว
และจีน
ที่นำเข้ามามากขึ้น



ดังนั้น
ISAN Insight จึงอยากชวนทุกท่านในฐานะผู้บริโภคให้รู้เท่าทัน ผู้ค้า และไม่ตกเป็นเหยื่อที่อาจทำให้ได้สินค้าไม่มีคุณภาพ รวมทั้งขอเชิญชวนให้ทุกท่านเข้าใจถึงเส้นทางความมีราคาของ ‘ไหมแท้’ และอุดหนุนสินค้าไทยที่มีคุณภาพสูง คุ้มราคา และยังเป็นการช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมผ้าไหมไทยอีกด้วย

ทั้งนี้ สามารถเลือกซื้อ “ผ้าไหมปักธงชัย” ผ้าไหมแท้ได้ที่ ศูนย์ผ้าไหมปักธงชัย และ ร้านที่ได้รับการรับรองจาก กรมหม่อนไหม หรือ คลิกค้นหาร้านได้ที่
qsds.go.th/cersilk/


.
หมายเหตุ: ข้อมูลมูลค่าผลิตภัณฑ์สินค้า “หม่อนไหม” ภายในประเทศ ปี 2564
– จัดเก็บข้อมูลมูลค่าผลิตภัณฑ์สินค้าหม่อนไหมภายในประเทศ จำนวน 68 จังหวัด
– ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ประกอบด้วย เครื่องสำอาง วัสดุทางการแพทย
ที่มา:
– กรมหม่อนไหม
– กรมพัฒนาชุมชน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
– สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ CEA
– กรมทรัพย์สินทางปัญญา สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “ผ้าไหมปักธงชัย”
– กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์