จังหวัดในภาคอีสานที่มีรายได้เกินพันล้าน
จังหวัด | รายได้จากการเลี้ยงหมูเนื้อ (ล้านบาท) | รายได้จากการเลี้ยงไก่เนื้อ (ล้านบาท) | รายได้จากภาคธุรกิจการเกษตรรวม (ล้านบาท) |
บุรีรัมย์ | 2,122 | 8,513 | 13,351 |
นครราชสีมา | 767 | 6,620 | 11,604 |
อุบลราชธานี | 226 | 4,339 | 4,794 |
ชัยภูมิ | 573 | 1,899 | 3,555 |
ขอนแก่น | 1,334 | 2 | 3,659 |
สุรินทร์ | 3 | 1,014 | 3,001 |
ภูมิภาค | รายได้จากการเลี้ยงหมูเนื้อ (ล้านบาท) | รายได้จากการเลี้ยงไก่เนื้อ (ล้านบาท) | รายได้จากภาคธุรกิจการเกษตรรวม (ล้านบาท) |
ภาคกลาง | 43,142 | 42,783 | 131,993 |
กรุงเทพและปริมณฑล | 27,694 | 48,307 | 121,291 |
ภาคอีสาน | 6,414 | 22,559 | 42,975 |
ภาคใต้ | 1,725 | 11,917 | 23,164 |
ภาคเหนือ | 5,624 | 2,852 | 19,368 |
ตัวอย่างธุรกิจ
จังหวัด | ตัวอย่างธุรกิจ | รายได้ (ล้านบาท) | กำไร (ล้านบาท) |
อุบลราชธานี | บริษัท ก้าวหน้าไก่สด จำกัด | 4,339 | 160 |
ขอนแก่น | บริษัท ทองอุไรพัฒนา จำกัด | 1,163 | -19 |
ชัยภูมิ | บริษัท อรรณพชัยภูมิฟาร์ม จำกัด | 846 | 4 |
บุรีรัมย์ | บริษัท สินพรพงศ์ จำกัด | 700 | 8 |
นครราชสีมา | บริษัท ไทยเจริญพัฒนาเกษตรผสมผสาน จำกัด | 613 | -21 |
สุรินทร์ | บริษัท เคเอ 88 ฟาร์ม จำกัด | 255 | 11 |
ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
สถานการณ์เนื้อสุกรและเนื้อไก่ของไทย และทิศทางตลาดโลก
เนื้อไก่และเนื้อสุกรนับเป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายเมนูอาหารไทย รายงานจากกรมปศุสัตว์ระบุว่า ในปี 2565 คนไทยบริโภคเนื้อไก่เฉลี่ย 32.9 กิโลกรัมต่อคนต่อปี หรือประมาณ 2.7 กิโลกรัมต่อเดือน ขณะที่การบริโภคเนื้อสุกรเฉลี่ยอยู่ที่ 21.7 กิโลกรัมต่อคนต่อปี หรือประมาณ 1.8 กิโลกรัมต่อเดือน ซึ่งสะท้อนถึงความแตกต่างด้านราคาที่ส่งผลต่อความสามารถในการเข้าถึง โดยเนื้อสุกรมีราคาสูงกว่าเนื้อไก่ จึงถูกบริโภคน้อยกว่า
อุตสาหกรรมเนื้อสุกรและเนื้อไก่ของไทยเป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญของภาคเกษตรกรรมไทย ไม่เพียงเป็นแหล่งโปรตีนหลักของผู้บริโภคภายในประเทศ แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจทั้งในด้านการจ้างงาน การกระจายรายได้ และการส่งออก โดยในช่วงปี 2566-2568 สถานการณ์ของเนื้อสุกรและไก่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของทิศทางการผลิต การบริโภค และโอกาสในตลาดโลก
สถานการณ์ภาพรวมของโลก
ในเวทีการบริโภคอาหารระดับโลก “เนื้อไก่” ยังคงครองตำแหน่งโปรตีนจากสัตว์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เนื้อไก่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ได้แก่ ราคาที่เข้าถึงง่าย ไขมันต่ำ และระยะเวลาการเลี้ยงที่สั้นเพียง 5–7 สัปดาห์ ทำให้สามารถหมุนเวียนการผลิตได้รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ผู้บริโภคในหลายประเทศยังให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือมองหาแหล่งโปรตีนที่ดีต่อร่างกาย ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เนื้อไก่กลายเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคในหลากหลายประเทศ ทั้งในตลาดเกิดใหม่และตลาดพัฒนาแล้ว
ข้อมูลจากปี 2565 ระบุว่า ทั่วโลกมีการผลิตเนื้อไก่สูงถึง 101.8 ล้านตัน โดยมีประเทศผู้ผลิตหลักได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล จีน อินเดีย และกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป สำหรับประเทศไทยนั้น ครองอันดับที่ 7 ของโลกในด้านการผลิต คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3.2% ของปริมาณการผลิตทั่วโลก นับเป็นบทบาทที่สำคัญของไทยในฐานะผู้ผลิตและผู้ส่งออก โดยเฉพาะในตลาดเนื้อไก่ปรุงสุกแช่แข็ง ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร เช่น ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป ในขณะที่เนื้อไก่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตลาด “เนื้อสุกร” ก็ยังมีความสำคัญและได้รับความนิยมในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเนื้อสุกรในระดับโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ นั่นคือการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าและระบบฟาร์มที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เช่น สหรัฐอเมริกาและสเปน ซึ่งสามารถผลิตได้ในปริมาณมากและควบคุมต้นทุนได้ดี ส่งผลให้มีความได้เปรียบในการแข่งขันด้านราคา
สถานการณ์เนื้อสุกรในไทย
ในปี 2566 ภาคการผลิตสุกรของไทยเริ่มฟื้นตัวจากการระบาดของโรค ASF โดยมีจำนวนสุกรที่เข้าสู่ตลาดอยู่ที่ราว 20.46 ล้านตัว เพิ่มขึ้นถึง 29.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในปี 2568 คาดว่าอุปทานจะลดลงราว 2.4% จากมาตรการควบคุมจำนวนแม่พันธุ์และผลกระทบจากโรคระบาดบางพื้นที่ ประกอบกับเกษตรกรรายย่อยจำนวนไม่น้อยยังคงเผชิญปัญหาขาดทุนและทยอยเลิกกิจการ ทำให้การผลิตกระจุกตัวอยู่ในมือผู้ประกอบการรายใหญ่
ด้านการบริโภค เนื้อสุกรยังคงมีบทบาทสำคัญต่อผู้บริโภคชาวไทย แต่ก็ต้องเผชิญแรงกดดันจากราคาที่เพิ่มขึ้น ในปี 2568 คาดว่าความต้องการบริโภคจะลดลงประมาณ 1.7% จากปี 2567 โดยผู้บริโภคบางส่วนหันไปบริโภคเนื้อไก่แทนเนื่องจากราคาที่ประหยัดกว่า ในแง่ของราคานั้น ช่วงต้นปี 2567 ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มเฉลี่ยอยู่ที่ 66.01 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงจากปีก่อนถึง 25.7% ขณะที่ราคาขายปลีกเนื้อสุกรเฉลี่ยอยู่ที่ 128.03 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงเช่นกันตามอุปทานที่เพิ่มขึ้น แต่ในระยะถัดไป ราคาสุกรมีแนวโน้มขยับขึ้นตามต้นทุนฟาร์มและราคาสุกรมีชีวิต การส่งออกเนื้อสุกรของไทยยังมีสัดส่วนไม่มาก โดยตลาดหลักคือฮ่องกง เมียนมา และลาว ซึ่งเนื้อสุกรไทยมีข้อจำกัดในด้านโรคปากและเท้าเปื่อย หรือ FMD (Foot and Mouth Disease) และต้นทุนที่สูงกว่าคู่แข่ง ทำให้โอกาสขยายตลาดต่างประเทศยังคงจำกัด
สถานการณ์เนื้อไก่ในไทย
ในทางกลับกัน อุตสาหกรรมเนื้อไก่ของไทยยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยในปี 2566 ไทยผลิตเนื้อไก่ประมาณ 3.37 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3.1% จากปีก่อน และคาดว่าในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยราว 0.9% ตามแนวโน้มการบริโภคและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การบริโภคเนื้อไก่ภายในประเทศก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในปี 2566 อยู่ที่ 2.28 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.9% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 2.31 ล้านตันในปี 2567 โดยเนื้อไก่ยังเป็นทางเลือกยอดนิยมของผู้บริโภค เพราะมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ และราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
ด้านราคานั้น ไก่มีชีวิตหน้าฟาร์มในช่วงต้นปี 2567 อยู่ที่ 40.96 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 5.5% จากปีก่อน ขณะที่ราคาขายปลีกไก่สดทั้งตัวอยู่ที่ 72.50 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 2.1% ราคาที่ปรับตัวขึ้นสะท้อนถึงต้นทุนการเลี้ยงที่ยังอยู่ในระดับสูง และความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากตลาดภายในประเทศ จุดแข็งของอุตสาหกรรมเนื้อไก่ไทยคือการส่งออก โดยเฉพาะในกลุ่มไก่แปรรูป ซึ่งไทยเป็นผู้นำอันดับ 1 ของโลก มีส่วนแบ่งตลาดถึง 26.9% ของปริมาณการส่งออกไก่แปรรูปทั่วโลก และยังเป็นผู้ส่งออกไก่แช่แข็งอันดับ 6 ของโลก ตลาดหลักได้แก่ ญี่ปุ่น ยุโรป มาเลเซีย และกลุ่มประเทศฮาลาลในตะวันออกกลาง ความได้เปรียบของไทยอยู่ที่มาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร ระบบฟาร์มปิด และความเชื่อมั่นในคุณภาพจากคู่ค้า
จังหวัดบุรีรัมย์ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีศักยภาพโดดเด่นที่สุดด้านปศุสัตว์ของภาคอีสาน โดยเฉพาะในด้านการเลี้ยงหมูเนื้อและไก่เนื้อ ความสำเร็จของจังหวัดไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากปัจจัยหลายด้านที่ผสานกันอย่างลงตัว หนึ่งในหัวใจสำคัญคือโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร บุรีรัมย์มีตั้งแต่ฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ โรงเชือด ไปจนถึงโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมคุณภาพได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด
นอกจากนี้ จังหวัดยังเป็นพื้นที่เป้าหมายของการลงทุนจากบริษัทเอกชนรายใหญ่ในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ทั้งในรูปแบบของฟาร์มขนาดใหญ่และระบบเกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) ซึ่งเปิดโอกาสให้เกษตรกรในพื้นที่เข้าถึงองค์ความรู้ เทคโนโลยี และตลาดอย่างเป็นระบบ ปัจจัยด้านแรงงานก็เป็นอีกจุดแข็งสำคัญ บุรีรัมย์มีแรงงานและเกษตรกรที่พร้อมเรียนรู้และปรับตัวเข้าสู่ระบบการผลิตสมัยใหม่ อีกทั้งค่าจ้างแรงงานยังอยู่ในระดับแข่งขันได้ ขณะที่ภูมิประเทศซึ่งเป็นที่ราบเหมาะสมต่อการก่อสร้างโรงเรือนขนาดใหญ่ และระบบฟาร์มอุตสาหกรรม เมื่อรวมกับเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบาย เอื้อต่อการขนส่งทั้งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์แปรรูป ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า บุรีรัมย์คือหนึ่งในกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปศุสัตว์ของภาคอีสานอย่างแท้จริง
เมื่อพิจารณาในภาพรวม อุตสาหกรรมเนื้อไก่ไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออก ในขณะที่อุตสาหกรรมเนื้อสุกรเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งโรคระบาด ต้นทุนการผลิตสูง และการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ ความสามารถในการขยายตลาดของเนื้อสุกรจึงยังถูกจำกัด และมีแนวโน้มพึ่งพาตลาดในประเทศเป็นหลักต่อไป
หมูจีน หมูแดง หมูแพง หมูเถื่อน หมูทรัมป์ ห่วงโซ่เรื่อง หมูๆ ที่ไม่หมูของเกษตรกรไทย
อ้างอิง
- กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
- วิจัยกรุงศรี
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- LH Bank Business Research