รายงานแห่งชาติฉบับที่ 4 (NC4) ได้เผยให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด
.
จากข้อมูลในรายงาน พบว่า 7 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ขอนแก่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ และร้อยเอ็ด มีความเสี่ยงสูงสุดต่อภัยความร้อน และจังหวัดนครราชสีมายังมีความเสี่ยงสูงสุดทั้งภัยแล้งและน้ำท่วมอีกด้วย
.
ทั้งนี้ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของประเทศไทย
ภาคการจัดการทรัพยากรน้ำ ปัญหาการขาดแคลนน้ำ การปนเปื้อนของน้ำ และการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิตล้มเหลว โดยเฉพาะในจังหวัดนครราชสีมาซึ่งมีความเสี่ยงสูงสุด รองลงมาคือ กรุงเทพมหานคร อุบลราชธานี ขอนแก่น และนครสวรรค์
บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ที่มีที่ตั้งโรงงาน อยู่ที่ จ.ขอนแก่น และ จ.มหาสารคาม ได้แก่ บจ.ขอนแก่นบริวเวอรี่ และ บจ.มหาสารคามเบเวอเรช มีแนวทางที่องค์กรธุรกิจใช้ในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มีมาตรฐานการบำบัดน้ำเสียของโรงงาน รวมถึงไม่สร้างมลพิษทางน้ำ อันเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่โรงงานต้องใช้ร่วมกับชุมชน, นอกเหนือจากการแสวงหาผลกำไร บริษัทจึงให้ความสำคัญกับ “ความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร(CSR)” โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างประโยชน์ต่อชุมชน, สังคม, และสิ่งแวดล้อม และร่วมแก้ปัญหา และจัดการทรัพยากรน้ำ ภัยแล้ง และความสะอาดของแหล่งน้ำ ที่เป็นปัญหาในภาคอีสาน
สิงห์อาสา ร่วมกับ ม. ขอนแก่น สร้างแหล่งน้ำชุมชนยั่งยืนภาคอีสานต่อเนื่องปีที่ 6 รองรับการใช้น้ำเพียงพอตลอดท้งปี
สิงห์อาสา โดย มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เดินหน้าขยายโครงการสิงห์อาสาสร้างแหล่งน้ำชุมชนอย่างยั่งยืนปีที่ 6 ที่บ้านโนนรัง ต.สาวะถี อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น เพื่อสร้างแหล่งน้ำขนาดใหญ่รองรับการใช้น้ำของชุมชนตลอดทั้งปี เป็นทั้งบ่อกักเก็บน้ำในฤดูฝน ป้องกันน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก และเป็นแหล่งน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งอย่างยั่งยืน โดยนับตั้งแต่ปี 2563 มีแหล่งน้ำชุมชนสิงห์อาสาในจังหวัดภาคอีสานถึง 8 แห่ง ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ชาวบ้านมีน้ำใช้เพียงพอและยังสามารถใช้น้ำทำการเกษตร เช่น การปลูกข้าว พืชผัก ผลไม้ และยังเป็นแหล่งอาหารของชุมชน สร้างรายได้เพราะมีปลาในบ่อให้ชาวบ้านจับเป็นอาหารได้ รวมถึงระบบน้ำประปาสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งปี
ปัญหา ‘ภัยแล้ง’ เป็นหนึ่งในความเดือดร้อนสำคัญของพี่น้องภาคอีสานมาเป็นระยะเวลานาน ประกอบกับความแปรปรวนของสภาพอากาศในปัจจุบันจากภาวะโลกเดือด ทั้งปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญาที่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้ ทำให้ความรุนแรงของปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำ เพื่อใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน และสำหรับทำการเกษตรมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ทั้งด้านคุณภาพชีวิต สุขภาพ รวมถึงรายได้ที่ไม่เพียงพอของผู้คนในพื้นที่
การมีแหล่งน้ำที่สะอาดในปริมาณที่เพียงพอ จึงเป็นหนึ่งปัจจัยพื้นฐานในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) จึงร่วมกับ “สิงห์อาสา” พร้อมด้วยบริษัท ขอนแก่นบริวเวอรี่ จำกัด บริษัทในเครือบุญรอดฯ และ เครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 สถาบัน สร้างสรรค์โครงการ “สิงห์อาสาสร้างแหล่งน้ำชุมชนอย่างยั่งยืน” ต่อเนื่องหลายปี เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำตามธรรมชาติให้ชาวบ้านมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี และยังทำหน้าที่เป็นบ่อกักเก็บน้ำและช่วยชะลอการหลากของน้ำในช่วงฤดูฝน ช่วยป้องกันปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่งด้วย
ขณะเดียวกันยังเป็นกลไกสำคัญในการเติมระดับน้ำใต้ดิน จากการใช้องค์ความรู้ทางวิชาการในการเลือกพื้นที่ และรูปแบบการขุดบ่อที่ลึกมากพอจนทำให้น้ำสามารถซึมผ่านชั้นหินอุ้มน้ำได้ เพื่อช่วยเพิ่มแหล่งน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งเพิ่มความมั่นคงทางอาหารภายในชุมชนได้มากขึ้น เพราะเมื่อปริมาณน้ำมากขึ้น นอกจากรองรับการอุปโภคในพื้นที่ได้พอเพียงแล้ว ยังทำให้มีน้ำสำหรับการทำการเกษตรเพิ่มเติม ทั้งการปลูกข้าว พืชผัก ผลไม้ รวมทั้งมีปลาในบ่อตามธรรมชาติ ให้ชาวบ้านจับเป็นอาหารได้ด้วย

คุณรวินทร์ ชมพูนุชธานินทร์ ผู้อำนวยการกลุ่มประชาสัมพันธ์ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด
คุณรวินทร์ ชมพูนุชธานินทร์ ผู้อำนวยการกลุ่มประชาสัมพันธ์ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า “จากประสบการณ์การทำงานในพื้นที่ร่วมกับมหาวิทยาลัยเครือข่ายสิงห์อาสา เราเห็นผลลัพธ์เชิงบวกจากการพัฒนาแหล่งน้ำชุมชนที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างชัดเจน ทั้งในพื้นที่ จ.ขอนแก่น จ.มหาสารคาม และจ.บุรีรัมย์ ซึ่งได้ดำเนินการสร้างแหล่งน้ำชุมชนจนถึงปัจจุบันไปแล้ว 9 แห่งทั่วภาคอีสาน โดยมีบ่อบริวารที่เชื่อมโยงกับแหล่งน้ำกว่า 100 บ่อ เพื่อยกระดับให้เป็นโมเดลการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อแก้ปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ อาหาร และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่คาดการณ์ว่าจะยังคงรุนแรงต่อเนื่องไม่มีจุดสิ้นสุด โดยมุ่งสร้างระบบที่ช่วยให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ อย่างยั่งยืน”
ความสำเร็จของ แหล่งน้ำชุมชน บ้านโนนกระยอม ตำบลแวงดง อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม ก่อสร้างเมื่อ 3 กรกฏาคม 2563
ภาพทีมงานสิงห์อาสา เมื่อ 1 มิถุนายน 2568 ในการติดตามความสำเร็จจากการสร้างแหล่งน้ำชุมชน ณ บ้านโนนกระยอม ตำบลแวงดง อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม
ภาพทีมงานสิงห์อาสา เมื่อ 1 มิถุนายน 2568 ในการติดตามความสำเร็จจากการสร้างแหล่งน้ำชุมชน ณ บ้านโนนกระยอม ตำบลแวงดง อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม
ภาพทีมงานคณะเกษตร มข. และสิงห์อาสา เมื่อ 1 มิถุนายน 2568 ในการติดตามความสำเร็จจากการสร้างแหล่งน้ำชุมชน ณ บ้านโนนสวรรคใหม่ ตำบลภูเหล็ก อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น
อ.มัลลิกา พร้อมด้วยนักศึกษาคณะเกษตร์ศาสตร์ ม.ขอนแก่น และสิงห์อาสา หารือและวางแผนในโครงการ“สิงห์อาสาสร้างแหล่งน้ำชุมชนอย่างยั่งยืน”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์มัลลิกา ศรีสุธรรม อาจารย์ประจำสาขาวิชาปฐพีศาสตร์และสิ่งแวดล้อม คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า “จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการพัฒนาแหล่งน้ำในหลายพื้นที่ภาคอีสานอย่างต่อเนื่อง คณะเกษตรฯ มข. และสิงห์อาสา ได้ร่วมกันผลักดันแนวคิด “บ่อพ่อ+บ่อแม่” มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นต้นแบบของระบบโครงข่ายบ่อกักเก็บน้ำที่เชื่อมโยงกัน สามารถรองรับน้ำฝนในฤดูฝน เติมน้ำใต้ดิน และกระจายน้ำไปยังบ่อลูกในพื้นที่ใกล้เคียง เพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บและใช้น้ำได้ตลอดปี ซึ่งช่วยให้ชุมชนมีน้ำใช้อย่างเพียงพอทั้งเพื่อการอุปโภค บริโภค และเกษตรกรรม อีกทั้งยังลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางน้ำ เช่น น้ำหลากและน้ำท่วมในฤดูฝน รวมถึงภัยแล้งอีกด้วย ตัวอย่างที่เห็นภาพชัดเจนคือที่ต.ภูเหล็ก อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งในอดีตเคยเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง โดยบ่อที่มีอยู่ก็ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะตื้นเขิน จนกระทั่งในปี 2563 คณะเกษตรฯ มข. ร่วมกับ สิงห์อาสา เข้าไปดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำชุมชนภายใต้แนวคิด บ่อพ่อ-บ่อแม่ โดยไม่เพียงแค่ขุดบ่อใหม่เท่านั้น แต่ยังปลูกพืชช่วยรักษาความชุ่มชื้น ช่วยพลิกฟื้นพื้นที่ที่เคยแห้งแล้งให้กลับมาเขียวชอุ่ม ชาวบ้านในพื้นที่มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการทำการเกษตร สร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านในด้านอื่นๆ ด้วย”
ภาพชาวบ้านใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำที่ขุดไว้
ทั้งนี้ สิงห์อาสายังร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 สถาบัน คอยติดตามสถานการณ์ พร้อมเฝ้าระวังภัยพิบัติในจังหวัดภาคอีสาน เพื่อลงพื้นที่ช่วยเหลือและบรรเทาภัยได้อย่างทันท่วงที โดยที่ผ่านมาเมื่อประสบภัยแล้งก็ได้จัดส่งรถน้ำดื่มเคลื่อนที่ แจกจ่ายน้ำสะอาด ติดตั้งแทงค์น้ำขนาดใหญ่ธนาคารน้ำดื่มสิงห์ และจะช่วยสนับสนุนองค์ความรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้การสร้างแหล่งน้ำชุมชนขยายพื้นที่ครอบคลุมทั่วทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้ชุมชนมีระบบน้ำที่มั่นคง พร้อมรับมือกับสภาวะอากาศแปรปรวนในอนาคต
พามาเบิ่ง 9 แหล่งน้ำชุมชน 3 จังหวัด ภาคอีสาน สิงห์อาสา จับมือ ม.ขอนแก่น
ปัจจุบันโครงการ “สิงห์อาสาสร้างแหล่งน้ำชุมชนอย่างยั่งยืน” ได้ขับเคลื่อนแล้วในหลายจังหวัดพื้นที่ภาคอีสาน ผ่านการพัฒนาโมเดลแหล่งน้ำชุมชนกว่า 10 แห่ง และมีแผนจะขยายพื้นที่เพิ่มเติมในอนาคต ผ่านองค์ความรู้ที่สามารถนำไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทในแต่ละพื้นที่ที่มีปัญหาขาดแคลนน้ำ ซึ่งหากสามารถเชื่อมโยงโครงข่ายแหล่งน้ำชุมชนให้เพิ่มมากขึ้นได้ในอนาคต ก็เชื่อได้ว่าปัญหาภัยแล้งในหลายๆ พื้นที่ของประเทศไทยจะสามารถบรรเทาเบาบางลงได้ในที่สุด
1. บ้านโนนสวรรค์ใหม่ ตำบลภูเหล็ก อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น
- ขุดลอก : ก่อสร้าง 19 พฤษภาคม 2563
- พิกัด : 16°06’56.8″N 102°50’23.2″E
2. บ้านหนองแสง ตำบลศรีสว่าง อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์
- ขุดลอก : ก่อสร้าง 21 มิถุนายน 2563
- พิกัด : 15°38’10.0″N 102°59’03.0″E
3. บ้านโนนกระยอม ตำบลแวงดง อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม
- ขุดลอก : ก่อสร้าง 3 กรกฏาคม 2563
- พิกัด : (15.6053353, 103.0501629)
4. บ้านนาสีนวน ตำบลขัวเรียง อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น
- ขุดลอก : ก่อสร้าง 20 พฤษภาคม 2565
- พิกัด : (16.5350132, 102.2223172)
5. โรงเรียนบ้านดงน้อย ตำบลเสือโก๊ก อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม
- ขุดลอก : ก่อสร้าง 2 มิถุนายน 2565
- พิกัด: https://g.co/kgs/LRDp835
6. โรงเรียนบ้านหนองแคนโนนงามโชคชัย ตำบลห้วยเตย อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม
- ขุดลอก : ก่อสร้าง 4 พฤษภาคม 2566
- พิกัด: https://g.co/kgs/g2J7uQB
7. บ้านหนองแวงไร่ ตำบล อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
- ขุดลอก : ก่อสร้าง 10 เมษายน 2566
- พิกัด: 16°05’30.7″N 102°45’36.0″E
8. โรงเรียนขัวเรียงศึกษา ตำบลขัวเรียง อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น
- ขุดลอก : ก่อสร้าง 25 เมษายน 2567
- พิกัด: https://g.co/kgs/xL3dg31
9. บ้านโนนรัง ตำบลสาวะถี อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
- ขุดลอก : ก่อสร้าง 2 มิถุนายน 2568
- พิกัด: (16.5479167, 102.6635833)

แนวทางการขับเคลื่อนโครงการ ยังสอดคล้องกับภารกิจสำคัญของ สิงห์อาสา ที่มุ่งมั่นในการเติมความสุขและสร้างรอยยิ้มให้พี่น้องคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการทำงานร่วมกันของเครือข่ายที่แข็งแรงและกระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อทำความเข้าใจปัญหา ก่อนจะนำมาวิเคราะห์ เพื่อสามารถเข้าไปช่วยเหลือหรือบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องคนไทยได้อย่างตรงจุด รวมทั้งพัฒนาเป็นโมเดลที่สร้างให้เกิดความเข้มแข็งขึ้นภายในชุมชน ตามแนวทางของการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง
#สิงห์อาสา #แหล่งน้ำชุมชนอย่างยั่งยืน
ที่มา:
- กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม รายงานแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (Fourth National Communication: NC4), chapter1; https://eservice.dcce.go.th/e-book/124/index.html
- โครงการสิงห์อาสา, โครงการสิงห์อาสาสร้างแหล่งน้ำชุมชนอย่างยั่งยืนปีที่ 6
- SD Thailand , มากกว่าแค่ช่วยภัยแล้ง แต่สร้าง ‘โมเดลจัดการน้ำอย่างยั่งยืน’ ม.ขอนแก่น ผนึก สิงห์อาสา สร้างบ่อพ่อบ่อแม่ ขยายผล ‘แหล่งน้ำชุมชนอย่างยั่งยืน’ ในพื้นที่ภาคอีสาน