Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

อีสานสุดปัง “บีโอไอ” เผย 3 เหตุผล ดันอีสาน เป็นเมืองหลวง BCG อาเซียน ไตรมาสแรกปีนี้มียอดขอรับส่งเสริมลงทุนกว่า 3,800 ล้านบาท

นโยบายการพัฒนาเชิงพื้นที่ถือว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในภาพรวม โดยการขับเคลื่อน “ระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค” จะเป็นหนึ่งในกลไกที่จะช่วยกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน รวมทั้ง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) หรือ Northeastern Economic Corridor (NeEC) กำหนดพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา อุดรธานี หนองคาย และขอนแก่น ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพและโอกาสที่จะพัฒนาเป็นฐานอุตสาหกรรมชีวภาพ (Bioeconomy) แห่งใหม่ของประเทศและเป็นผู้นำในระดับอาเซียน ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ตลอดห่วงโซ่การผลิต รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) และมาตรการส่งเสริมการลงทุนชุดใหม่ที่สนับสนุนผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เน้นการลงทุนในอุตสาหกรรม BCG ทำให้มียอดการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.- มี.ค.) ของปี 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 24 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 3,800 ล้านบาท โดยการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร โดยมี 3 เหตุผลที่ภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ ได้แก่ 1.ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ภาคอีสานมีพื้นที่มากที่สุด คิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ หรือกว่า 160,000 ตารางกิโลเมตร และมีขนาดประชากรคิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ กว่า 22 ล้านคน ทั้งยังเป็นพื้นที่เพาะปลูกสูงถึง 43% ของประเทศ โดยมีการปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ มันสำปะหลัง อ้อย ข้าว และยางพารา ซึ่งวัสดุเหลือใช้จากพืชเหล่านี้ จะกลายเป็นวัตถุดิบล้ำค่าในการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ 2. มีความพร้อมพัฒนาต่อยอดงานวิจัย ภาคอีสานเป็นถิ่นกำเนิดของศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงเป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาที่มีขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และหน่วยงานวิจัยจำนวนมาก 3.ตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ภาคอีสานอยู่ในจุดที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน สามารถเป็นประตูเศรษฐกิจสู่ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่มีศักยภาพการเติบโตสูงได้อย่างดี จุดแข็งและสินทรัพย์เหล่านี้ ทำให้ภาคอีสานจะเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญในการดึงดูดการลงทุน และมีบทบาทช่วยขับเคลื่อนประเทศไปสู่เศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูปอุตสาหกรรมชีวภาพ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับอุตสาหกรรมในอนาคต รวมถึงบทบาทของภาคเอกชนในการร่วมขับเคลื่อนการลงทุน “ด้วยศักยภาพอันโดดเด่นของพื้นที่ NeEC ผนวกกับสิทธิประโยชน์บีโอไอที่มุ่งเน้นส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย และกระตุ้นให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม” โดยบีโอไอมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในรูปแบบคลัสเตอร์ ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงตั้งแต่วัตถุดิบต้นน้ำโดยเฉพาะวัตถุดิบการเกษตรท้องถิ่น ไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำมูลค่าสูง จะส่งผลให้ NeEC สามารถสร้างฐานการลงทุนอุตสาหกรรมชีวภาพแบบครบวงจร หรือไบโอคอมเพล็กซ์ และก้าวไปสู่การเป็นเมืองหลวง BCG (Bio-Circular-Green Industry) ของภูมิภาคอาเซียนได้ในที่สุด อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbiznews.com/business/1074037 ติดตาม …

อีสานสุดปัง “บีโอไอ” เผย 3 เหตุผล ดันอีสาน เป็นเมืองหลวง BCG อาเซียน ไตรมาสแรกปีนี้มียอดขอรับส่งเสริมลงทุนกว่า 3,800 ล้านบาท อ่านเพิ่มเติม »

พามาฮู้จัก“ทุเรียนเสิงสาง” ราชาผลไม้ของดีที่คนจีนแห่ซื้อ

พามาฮู้จัก“ทุเรียนเสิงสาง” ราชาผลไม้ของดีที่คนจีนแห่ซื้อ   ขึ้นชื่อว่า “ทุเรียน” ราชาแห่งผลไม้ ที่เชื่อว่าทุกคนต่างชอบทุกเรียน ผลไม้ที่มีเอกลลักษณ์เฉพาะตัว และ 1 ปีก็มีให้หารับประทานเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าปัจจุบันจะมีการทำทุเรียนนอกฤดูกันบ้างแล้วในหลายพื้นที่แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ล่าสุดทุเรียนเสิงสาง ซึ่งกำลังมาแรงและได้รับความนิยมจากกลุ่มคนจีนและคนไทยที่ชื่นชอบรับประทานทุเรียนเป็นอย่างมากจนแทบไม่พอขาย บางต้นมีการลงชื่อจับจองตั้งแต่ทุเรียนยังไม่แก่เลยก็มี สร้างรายได้ให้กับชาวสวนทุเรียนเป็นอย่างมาก   เรามาทำความรู้จักทุเรียนเสิงสางกัน  ทุเรียนเป็นทุเรียนของอำเภอเสิง จ.นครราชสีมา นั้นมีการปลูกมากนานแล้ว เพียงแต่อาจจะรู้จักกันเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ทั้งนี้เอกลักษณ์ที่สำคัญของทุเรียนเสิงสาง คือ เนื้อละเอียดเป็นครีม และกลิ่นไม่แรง แตกต่างจากทางภาคใต้ ภาคตะวันออก เนื่องจากมีกรดกำมะถันน้อย ก่อให้เกิดความร้อนน้อยกว่าทุเรียนทางภาคอื่นๆ เพราะฉะนั้นเวลาที่รับประทานเข้าไปก็จะมีอาการเรอได้น้อย ทำให้ทุเรียนของอำเภอเสิงสางกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ราคาจำหน่ายทุเรียนเสิงสาง ที่สวน จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 140 บาท   และล่าสุดที่อำเภอเสิงสาง มีเกษตรกรหันมาปลูกทุเรียนเป็นพืชหลักในพื้นที่ 6 ตำบล กำลังให้ผลผลิตออกสู่ท้องตลาดแล้วกว่า 100 ไร่ และขณะนี้ทางอำเภอเตรียมที่จะผลักดันการปลูกทุเรียนให้มีคุณภาพเพิ่มขึ้นในรูปแบบของเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งคาดการณ์ว่าอีก 3-5 ปีข้างหน้าทุเรียนเสิงสาง จะสร้างรายได้เข้าพื้นที่ปีละประมาณ 80-100 ล้านบาท   อย่างเช่นที่บ้านดงเย็น ตำบลเสิงสาง อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา สวนทุเรียนของนายธวัชชัย สายทองทิพย์ อายุ 60 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนที่รอเกษียณ ได้ปลูกทุเรียนเอาไว้เป็นจำนวนมาก บนเนื้อที่ 15 ไร่ โดยทำสวนทุเรียนแบบเบญจพรรณหลากหลายสายพันธุ์ และในช่วงนี้ทุเรียนของอำเภอเสิงสางกำลังออกผลผลิตพอดี ทำให้มีเข้ามากว้านซื้อทุเรียนในเขตอำเภอเสิงสางเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันอำเภอเสิงสางมีพื้นที่ปลูกทุเรียนไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่   ซึ่งปีนี้อากาศค่อนข้างร้อนจัด ทำให้ทุเรียนไม่ค่อยติดผล จึงมีผลผลิตออกสู่ท้องตลาดไม่มากและยิ่งประเทศจีนมีความต้องการทุเรียนไทยสูง ราคาจำหน่ายจึงค่อนข้างสูงตามไปด้วย ซึ่งล่าสุดเข้ามาติดต่อขอซื้อทุเรียนไปแล้ว ชุดแรกเกือบ 1 ตัน สร้างรายได้ให้อย่างงดงาม แต่ทางสวนก็ยังเหลือทุเรียนไว้อีก 1 ชุด เพื่อเอาไว้ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากชิมทุเรียนเสิงสางได้มาชิมลิ้มลองกันอีกด้วย   ทางด้าน นางอมรรัตน์ ขอนพุทรา เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรของสำนักงานเกษตรอำเภอเสิงสาง ได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรในพื้นที่ปรับเปลี่ยนชนิดพืชที่จะนำมาปลูก ซึ่งเดิมเกษตรกรเคยปลูกแต่มันสำปะหลัง และเมื่อประสบปัญหาเรื่องโรคใบด่างระบาด เกษตรกรส่วนใหญ่จึงเริ่มหันมาปลูกทุเรียนในไร่มันสำปะหลังเพิ่มเติม จนปัจจุบันนี้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว    ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรอำเภอเสิงสางได้จัดการอบรมให้ความรู้ในเรื่องการตัดทุเรียนด้วย โดยกำชับทุกสวนที่จะตัดทุเรียนไปจำหน่าย ให้ตัดเฉพาะที่แก่จัดเท่านั้นเพื่อตัดปัญหาการร้องเรียนเรื่องทุเรียนอ่อน รับประทานไม่ได้ ถือเป็นการรักษาคุณภาพมาตรฐานทุเรียนเสิงสางเอาไว้ด้วย   อ้างอิงจาก:  ฐานเศรษฐกิจ, ผู้จัดการออนไลน์   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/  Website : https://isaninsight.kku.ac.th    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #ทุเรียน #ทุเรียนไทย #ทุเรียนเสิงสาง

มาเด้อ “วันข้าวและชาวนาปี 66”  จ.นครราชสีมา วันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2566  ลุยโปรโมททำนายุคใหม่ ขายคาร์บอนเครดิต 

มาเด้อ “วันข้าวและชาวนาปี 66”  จ.นครราชสีมา วันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2566  ลุยโปรโมททำนายุคใหม่ ขายคาร์บอนเครดิต    กรมการข้าว พร้อมจัดใหญ่ งาน “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” 3 จังหวัด ขนทัพงานวิชาการทั่วประเทศ พร้อมเสิร์ฟถึงมือชาวนา เสวนาลดต้นทุนสู้ปุ๋ยแพง ทำนายุคใหม่ขายคาร์บอนเคดิต การใช้เทคโนโลยี-นวัตกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า กรมฯพร้อมจัดงาน “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” ประจำปี 2566 ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวม 3 จังหวัด โดยไฮไลท์งานปีนี้ กรมการข้าวจะมีการรณรงค์ถ่ายทอดเทคโนโลยีลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตร สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว   โดยในจังหวัดนครราชสีมา จัดขึ้นที่ Korat Hall ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล นครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2566  นายอานนท์ นนทรีย์ รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวเสริมว่า ภายในงานจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ นิทรรศการเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ , นิทรรศการเชิดชูเกียรติชาวนาและสถาบันชาวนา , นิทรรศการวิชาการ จากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน , การจัดเวทีเสวนาข้าวและชาวนาในหัวข้อเวทีเสวนา เรื่อง การลดต้นทุนการผลิตข้าวโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   นอกจากนี้จะมีการจำหน่ายสินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์ โดยเป็นสินค้าประเภทข้าวสารและสินค้าแปรรูป , การแสดงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาด้านข้าวและชาวนาและการแสดงวัฒนธรรม 4 ภาค กิจกรรมสาธิตและแข่งขันส่งเสริมงานวิชาการในข้าวไทย ตลอดจนกิจกรรมการประกวดวาดภาพสีโปสเตอร์ ภายใต้หัวข้อข้าวและชาวนาไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น , การประกวดงานศิลปะเรียงเมล็ดพันธุ์ข้าว ภายใต้หัวข้อ กสิกรรมนำไทยยั่งยืน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย     นางเนตรนภา หัตถ์ฐาปนวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา กล่าวว่า สำหรับการจัดงานที่จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2566 ภายในงานจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการเทิดพระเกียรติ 91 พรรษา , ขบวนแห่อัญเชิญพระแม่โพสพ , การแสดงเปิดงานชุด ยอน้อมวันทา บูชาพระแม่โพสพ , การสาธิตจัดแสดงนวัตกรรมข้าวในรูปแบบต่าง ๆ , นิทรรศการและการสาธิตด้านการลดต้นทุนการผลิตข้าว , กิจกรรมการประกวดหนุ่มข้าวเหนียว สาวข้าวหอม ปี 2566 , กิจกรรมการแข่งขันกินข้าว ตลอดจนเปิดให้ช้อป ชม ชิม ผลิตภัณฑ์ข้าวจากกลุ่มชาวนาทุกภาค …

มาเด้อ “วันข้าวและชาวนาปี 66”  จ.นครราชสีมา วันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2566  ลุยโปรโมททำนายุคใหม่ ขายคาร์บอนเครดิต  อ่านเพิ่มเติม »

อีสานบนเริ่ดคักหลาย เอกชนบึงกาฬ ถก “กมธ.คมนาคม” หนุนขนส่งทางราง ดันสินค้าเกษตรบุกตลาดจีน เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร

นายเจตน์ เกตุจำนง ประธานกลุ่มสหกรณ์การเกษตรฯจำกัด จังหวัดบึงกาฬ และที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดบึงกาฬ ในฐานะภาคเอกชนของจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า จากการได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมกับ คณะกรรมาธิการ(กมธ.) คมนาคม วุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีพลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ เป็นประธาน เมื่อเร็วๆนี้ ได้รายงานข้อมูลด้านต่างๆของจังหวัดบึงกาฬ พร้อมเสนอแนะความต้องการในการสนับสนุนด้านการขนส่งโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการขนส่งระบบรางให้เกิดการเชื่อมโยงต่อกับโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟเส้นทางบ้านไผ่ ถึงนครนครพนม ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ให้ผ่านบึงกาฬถึงหนองคาย เพื่อให้เกิดโครงข่ายเชื่อมโยงความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางขนส่งลดต้นทุนค่าขนส่ง เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจยางพาราของภาคอีสานตอนบนที่มีผลผลิตเป็นจำนวนมาก นายเจตน์ กล่าวอีกว่า จังหวัดบึงกาฬมีพื้นที่ปลูกยางพารามากที่สุดของภาคอีสาน มีผลผลิตปีละประมาณ 14,000 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยการขนส่งลงไปสู่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อขนส่งไปยังตลาดยางพาราของเมืองกวางโจว หากสามารถขนส่งทางรางได้ จะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งยางพาราลดลงและใช้เวลาประมาณ 5 วันจะถึงปลายทางเร็วกว่าระบบล้อ 3 วัน ลดต้นทุนค่าขนส่งประมาณ 20% นอกจากนี้ยังจะเอื้อประโยชน์ให้กับพื้นที่อื่นๆอีกได้อย่างมากมาย จากการติดตามข่าวด้านการขนส่งทางราง พบว่า มีบริษัทขนส่งเอกชนเปิดการขนส่งสินค้าทางรางไปเชื่อมต่อเข้ากับโครงการรถไฟจีน-ลาว ล่าสุด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดบริษัทลูกคือ บริษัท พาส พลัส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ PASS ได้เปิดทดลองการขนส่งสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือของ บริษัท ปตท. นอกจากนี้ยังมีตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นสำหรับบรรจุพืชผักผลไม้ การเกษตร โดยเฉพาะทุเรียนไทย ไปยังตลาดกวางโจว ซึ่งเป็นตลาดเดียวกับยางพาราของไทย จึงมีความคิดที่จะมีการปรึกษาหารือกันในกลุ่มธุรกิจยางพาราในพื้นที่และใกล้เคียงว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ในการเปลี่ยนวิธีการขนส่งสินค้ายางพาราจากเดิม มาใช้การขนส่งทางระบบรางแทน ปัจจุบันยังไม่มีระบบรางผ่านพื้นที่บึงกาฬไปยังหนองคาย จะใช้วิธีบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ที่ต้นทางแล้ว บรรทุกรถยนต์ไปขึ้นรถไฟที่สถานีนาทา จังหวัดหนองคาย ซึ่งประหยัดเวลา ค่าขนส่งถูกกว่าระบบล้อ แล้วไปลงเรือที่ท่าเรือแหลมฉบัง ทั้งนี้ทางจังหวัดได้จัดเตรียมพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ในบริเวณโครงการก่อสร้างสะพาน สำหรับจัดทำเป็นพื้นที่รวมกองสินค้าส่งออก (CY) ผ่านสะพานอยู่แล้ว ซึ่งสามารถขยายพื้นที่ได้อีกด้วย ทั้งนี้ คณะ กมธ.การคมนาคม ให้ข้อเสนอแนะว่าพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ เป็นจังหวัดชายแดน น่าจะมีนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ในพื้นที่ จึงได้เสนอข้อมูลให้ กมธ.คมนาคมว่า จังหวัดบึงกาฬได้รับการคัดเลือกจาก การนิคมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ให้เป็น 1 ใน 6 พื้นที่ที่เหมาะสมจัดตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรม ในอนาคตน่าได้รับการสนับสนุนจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดบึงกาฬ และการจัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเช่นพื้นที่ชายแดนอื่นๆ พร้อมกันนี้ได้เสนอข้อมูลก่อสร้างท่าอากาศยานบึงกาฬ ซึ่งทางจังหวัดบึงกาฬได้จัดเตรียมพื้นที่ประมาณ 4,000 ไร่ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ทำการสำรวจศึกษาความเป็นไปได้แล้ว รวมทั้งรายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางหลวงสายอุดรธานี-บึงกาฬ และก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บ่อลิคำไซ) ณ เดือนมีนาคม 2566 ความก้าวหน้าอยู่ประมาณ 79% เร็วกว่ากำหนดประมาณ 1% อ้างอิงจาก: https://www.thansettakij.com/business/567472 ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website …

อีสานบนเริ่ดคักหลาย เอกชนบึงกาฬ ถก “กมธ.คมนาคม” หนุนขนส่งทางราง ดันสินค้าเกษตรบุกตลาดจีน เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร อ่านเพิ่มเติม »

เริ่ดคัก ! ขอนแก่นจัดงาน “KhonKaen Pride For All” ส่งเสริมความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ

เริ่ดคัก ! ขอนแก่นจัดงาน “KhonKaen Pride For All” ส่งเสริมความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ   วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เวลา 17.00 น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลขอนแก่น นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เป็นประธานเปิดงาน “KhonKaen Pride For All” เทศกาลไพรด์ Pride Month LGBTQ Pride Parades ไพรด์พาเหรด สำหรับงาน “KhonKaen Pride For All” เทศกาลไพรด์ Pride Month LGBTQ Pride Parades เป็นความร่วมมือระหว่าง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลขอนแก่น ร่วมกับ เทศบาลนครขอนแก่น / มหาวิทยาลัยขอนแก่น /มหาวิทยาลัยศรีปทุม / บริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง / เครือข่ายความหลากหลายทางเพศภาคอีสาน(IDGN) และสปป.ลาว ร่วมสร้างปรากฏการณ์เฉลิมฉลองความสำเร็จแบบจัดเต็มทุกมิติของความไพรด์ การขับเคลื่อนให้มีการยอมรับ กลุ่ม LGBTQ+ ในเดือนมิถุนายนของทุกปีในหลายประเทศจะมีการจัดงานของกลุ่มคนผู้มีความหลากหลายทางเพศ ที่เราเรียกกันว่า เป็นเดือนแห่ง เทศกาลไพรด์ หรือ Pride Month โดยมักจะมีการเดินพาเหรดที่เรียกว่า LGBTQ Parades หรือ ไพรด์พาเหรด (Pride Parade) เป็นเทศกาลที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศจะเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคัก ร่วมโบกธงสีรุ้ง เพื่อเป็นแรงผลักดันให้เกิดความเสมอภาคของชาว LQBTQ+ ทั่วโลก โดยภายในงานประกอบไปด้วย ขบวน Pride Parade ชมพาเหรดสีรุ้ง กับแฟชั่นสุดปังอลังการ รวมที่สุดแห่งความหลากหลาย , สนุกกับการประกวด Pride Contest Fashion Show พร้อมร่วมประกวด Miss LGBTQ+ Khonkaen ชิงเงินรางวัลกว่า 30,000 บาท และชมแฟชั่นโชว์สุดปัง! Rainbow Runway จากเหล่านางงาม และเซเลบริตีชื่อดัง   อ้างอิงจาก:  https://www.77kaoded.com/news/aekkapongputta/2444090    ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่  Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/  Website : https://isaninsight.kku.ac.th    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #Pride Month #ขอนแก่น #LGBTQ #ความหลากหลายทางเพศ 

จับตาเบิ่ง นโยบายดันไทยเป็น Medical Hub หนุนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ “ธุรกิจ wellness” เติบโตสูง

ข้อมูลสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในปี 2564 มีผู้สูงอายุที่อายุเกิน 60 ปี ประมาณ 13 ล้านคน หรือราว 20% ของประชากรทั้งประเทศ และมีการประเมินว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ปี 2575 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสูงสุดคือมีคนอายุเกิน 60 ปี สูงถึง 28% ทำให้กระแสการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ Wellness Tourism กลายเป็นธุรกิจมาแรง ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้ารายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2566 ไว้ 2.38 ล้านล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30 ล้านคน สร้างรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวชาวไทย 135 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 880,000 ล้านบาท ทำให้ธุรกิจ Wellness คึกคักมากยิ่งขึ้น ธุรกิจ Wellness จึงเป็นอีกหนึ่ง Mega Trend ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ยิ่งขณะนี้กระแสการรักสุขภาพ เทรนด์การดูแลสุขภาพในเชิงป้องกันและรักษามาแรง ทำให้อัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมดังกล่าวก้าวกระโดด วันที่ 5 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับภาคีเอกชน และ 10 เครือข่ายมหาวิทยาลัย ได้แก่ – มหาวิทยาลัยขอนแก่น – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ – มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน – มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี – มหาวิทยาลัยแม่โจ้ – มหาวิทยาลัยบูรพา – มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง – มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา – มหาวิทยาลัยพายัพ – มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี การส่งเสริมการลงทุนในเขตนวัตกรรมและพื้นที่ของ กฟผ. เพื่อพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ทั้งนี้ กฟผ. จะจัดทำแผนแม่บทบูรณาการเชื่อมโยงร่วมกับกฎบัตรไทยและเครือข่ายมหาวิทยาลัยในแต่ละภาคของประเทศ เพื่อกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์ประจำภาค สำหรับพัฒนาชุมชนในแต่ละจังหวัด โดยมีเขื่อนของ กฟผ. เป็นศูนย์กลางดำเนินงานและเชื่อมโยงสู่ชุมชนซึ่งจะนำร่องในพื้นที่เป้าหมาย 9 แห่งทั่วประเทศ ดังนี้ – ภาคเหนือ 2 แห่ง ได้แก่ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ และเขื่อนภูมิพล จ.ตาก – ภาคใต้ 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้ากระบี่ จ.กระบี่ และเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี – ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 แห่ง …

จับตาเบิ่ง นโยบายดันไทยเป็น Medical Hub หนุนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ “ธุรกิจ wellness” เติบโตสูง อ่านเพิ่มเติม »

ชัยภูมิ เริ่ดคักหลาย ขึ้นทะเบียนสินค้า GI “กล้วยหอมทองหนองบัวแดง”

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผย ว่า กรมฯ ได้ประกาศขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “กล้วยหอมทองหนองบัวแดง” ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากของจังหวัดชัยภูมิ โดยกล้วยหอมทองหนองบัวแดง เป็นการนำกล้วยหอมทองพันธุ์กาบดำจากจังหวัดลพบุรี มาปลูกในพื้นที่อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ และด้วยภูมิประเทศที่เป็นพื้นที่ราบสลับกับเนินเขาเตี้ย ภูเขาสูงสลับซับซ้อน ลักษณะดินร่วนปนทรายทำให้พื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะแร่ธาตุโปแตสเซียมที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของต้นกล้วย ส่งผลให้กล้วยหอมทองหนองบัวแดงมีผลยาวใหญ่ สีเหลืองนวล เนื้อแน่น เหนียวนุ่ม และมีเนื้อละเอียดกว่ากล้วยชนิดอื่น เปลือกมีความหนาและไม่มีจุดดำ เนื้อกล้วยจึงไม่ช้ำ ทำให้สะดวกและเอื้อต่อการขนส่ง ปัจจุบันมีการส่งออกกล้วยหอมทองหนองบัวแดงไปยังตลาดต่างประเทศที่สำคัญ คือ ประเทศญี่ปุ่น สามารถสร้างรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท โดยภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแนวทางที่จะส่งเสริมการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและขยายช่องทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายกล้วยหอมทองสดแบบบรรจุกล่องๆ ละ 12.5 กิโลกรัม มีตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศจำหน่ายประมาณ 1,000-2,000 กิโลกรัม/สัปดาห์ เช่น บริษัทคิงฟรุ้ต ที่ทำกล้วยส่งเซเว่นอิเลฟเว่นทั่วประเทศ และบริษัท บานาน่า เจ จังหวัดนครราชสีมา ส่วนตลาดต่างประเทศ คือ บริษัท พีพีเอฟซี เพื่อส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 3,000-5,000 กิโลกรัม/สัปดาห์ ผ่านทางเรือขนส่งสินค้า นอกจากนี้ ยังมีการแปรรูปผลผลิต อาทิ กล้วยตาก ภายใต้แบรนด์ ไทยดง (Thaidong) อีกด้วย อ้างอิงจาก: https://www.koratdaily.com/blog.php?id=15734 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #ชัยภูมิ #สินค้าGI #กล้วยหอมทองหนองบัวแดง #กล้วยหอม

ปังหลาย “ตำนัว” รุกตลาดเรดโอเชียน  ส่ง“น้ำปลาร้าปรุงรส” หนุน MUT 2023

ปังหลาย “ตำนัว” รุกตลาดเรดโอเชียน  ส่ง“น้ำปลาร้าปรุงรส” หนุน MUT 2023   “ตำนัว” รุกตลาดน้ำปลาร้าสำเร็จรูปส่ง 2 สูตรใหม่เสริมทัพชิงส่วนแบ่งตลาดเรดโอเชียน งัดกลยุทธิ์การตลาดหนุนส่งสาวงามจากจังหวัดสกลนครสู่เวทียูนิเวิร์สชิงมงกุฏนางงามระดับประเทศ Miss Universe Thailand 2023 นางสาวนิภารัตน์ สหเจริญพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทยโคริ โนมิโมโน จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำปลาร้าปรุงรส “ตำนัว” เผยว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีในการดำเนินธุรกิจผลิตน้ำปลาร้าสำเร็จรูปแบรนด์ “ตำนัว” บริษัทสามารถสร้าการเติบโตและขยายตลาดออกไปได้ทั่วประเทศและต่างประเทศ สร้างยอดขายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านขวด สร้างมูลค่ารายได้กว่า 300 ล้านบาท ปัจจุบันแบรนด์น้ำปลาร้าตำนัวมีวางจำหน่าย 2 สูตรหลัก คือ สูตรดั้งเดิม มี 2 ขนาด คือ 350 มล. และ 1,500 มล. ซึ่งเป็นสูตรที่ขายดีที่สุด เนื่องจากรสชาติที่ถูกปาก นำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย และ สูตรกัญชา เป็นสูตรที่จัดทำพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการความผ่อนคลายแต่ยังคงรสชาติและกลิ่นปล้าร้าอยู่ ซึ่งแบรนด์ของเราสามารถขอใบอนุญาตได้เป็นเจ้าแรกในไทย ใส่ได้กับอาหารทุกอย่าง แกง ตำ ยำ ซึ่งจะมีความเข้มข้นและนัวถูกปากคนไทย   พร้อมกันนี้ยังได้ ฉบับปรับสูตรใหม่ล่าสุด ให้สอดรับความต้องการบริโภคจากลูกค้า คือ สูตรดับเบิ้ลโหน่ง สำหรับกลุ่มลูกค้าสายอีสานฮาร์ดคอร์ ชอบกลิ่นโหน่ง แรงๆ มีกลิ่นเท็กซ์เจอร์ของเนื้อปลาที่ฉุน มีกลิ่นเฉพาะ ซึ่งเป็นสูตรที่ค่อนข้างผลิตยาก ด้วยความซับซ้อนของกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ความเข้มข้น และกลิ่นที่เป็นสูตรเฉพาะตามแบบฉบับของตำนัวเท่านั้น และ สูตรอโรมา กลิ่นไม่แรงมาก สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มลองทานปลาร้า แต่รับรองว่าได้รสนัวไม่แพ้รสอื่นๆ   นอกจากนี้ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคและสร้างประสบการณ์ร่วมกับผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ บริษัทฯ ได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาดครอบคลุม 360 องศา และร่วมสนับสนุนเวทีการประกวดระดับโลกเพื่อแสดงถึงความเป็นสากลอย่างเวทีมิสยูนิเวิร์สไทย์แลนด์ โดยได้ร่วมเป็น City Director ในเวที MUT Sakon Nakhon ส่งตัวแทนสาวงามจากสกลนครสู้ศึกในระดับประเทศ และพร้อมเสิร์ฟน้ำปลาร้า “ตำนัว” ทุกสูตรทั่วโลกในปี 2566 นี้   สำหรับแผนการขยายธุรกิจแบรนด์น้ำปลาร้าตำนัวในระยะ 1-5 ปีจากนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายการขยายฐานการผลิตเตรียมลงทุนกว่า 200 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานหมักปลาร้า ที่จังหวัดหนองคาย เพื่อควบคุมควบคุมมาตรฐานตั้งแต่ต้นน้ำไปยันปลายน้ำถึงมือผู้บริโภค รวมถึงเป็นการช่วยลดต้นทุนขาย ดันมาร์จินเพิ่มจากค่าขนส่งปลาร้าหมักจากเดิมเรามีพาร์ทเนอร์ที่จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนส่งมาที่โรงงานผลิต 2 แห่ง ที่จังหวัดหนองคายซึ่งเป็นโรงงานขนาดกลาง และที่จังหวัดสกลนครเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 120,000 ขวดต่อวัน เพื่อจำหน่ายภายใต้แบรนด์ตำนัวและช่องทาง OEM ซึ่งเป็นรายได้หลัก 2 ทางของบริษัทฯ …

ปังหลาย “ตำนัว” รุกตลาดเรดโอเชียน  ส่ง“น้ำปลาร้าปรุงรส” หนุน MUT 2023 อ่านเพิ่มเติม »

ปลอดภัยหลายกว่าเดิม ! ธปท. ประกาศ “โอนเงินเกิน 50000” ต้องสแกนใบหน้า เริ่ม มิ.ย.นี้

ปลอดภัยหลายกว่าเดิม ! ธปท. ประกาศ “โอนเงินเกิน 50000” ต้องสแกนใบหน้า เริ่ม มิ.ย.นี้   ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทยได้วางแผนการป้องกันการทุจริตเพิ่มเติม โดยให้ธนาคารต้องเพิ่มมาตรการการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (ไบโอแมตริกซ์) เมื่อทำธุรกรรมผ่าน mobile banking เมื่อมีรายการการโอนเงิน หรือเติมเงินพร้อมเพย์/G-Wallet ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปต่อรายการ หรือยอดสะสมต่อวัน ครบทุก 200,000 บาท หรือต้องการปรับเพิ่มวงเงินโอนเงิน จ่ายเงินผ่านแอปฯ    ซึ่งปัจจุบัน ธนาคารได้ออกมาตรการดังกล่าวและทำการแจ้งเตือนลูกค้าผู้ใช้บริการ mobile banking ให้สามารถนำบัตรประชาชนปอัปเดตข้อมูล และสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนที่ธนาคารสาขาใกล้บ้านได้ตั้งแต่วันนี้   ​ธปท. ประกาศ 3 ชุดมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงินที่ดูแลตลอดเส้นทางการทำธุรกรรมทางการเงิน  โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ มาตรการป้องกัน ▪️ เพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพจะเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น ให้ สถาบันการเงินงดการส่งลิงก์ทุกประเภทผ่าน SMS อีเมล ▪️ งดส่งลิงก์ขอข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน และเลขบัตรประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย ▪️ จำกัดจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน mobile banking (username) ของแต่ละ สถาบันการเงินให้ใช้ได้ใน 1 อุปกรณ์เท่านั้น ▪️ โดย สถาบันการเงินต้องจัดให้มีการแจ้งเตือนผู้ใช้บริการ mobile banking ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง ▪️ พัฒนาระบบความปลอดภัยให้เท่าทันภัยการเงินรูปแบบใหม่อยู่ตลอดเวลา ▪️ ยกระดับความเข้มงวดในกระบวนการยืนยันตัวตนขั้นต่ำด้วยการใช้เทคโนโลยีเปรียบเทียบข้อมูลอัตลักษณ์ทางกายภาพของลูกค้า (biometrics) โดยกำหนด 3 ธุรกรรม ที่จะต้องมีการยืนยันตัวตน ▪️ การโอนวงเงินเกิน 50,000 บาทต่อรายการ ▪️ โอนวงเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน ▪️ การปรับเพิ่มวงเงินเกิน 50,000 บาทต่อวัน มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัย ▪️ กำหนดเงื่อนไขการตรวจจับและติดตามธุรกรรมเข้าข่ายผิดปกติ หรือกระทำความผิด เพื่อให้ สถาบันการเงินรายงานไปสำนักงาน ปปง. ▪️ สถาบันการเงินต้องมีระบบตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัยแบบ near real-time เพื่อให้สามารถระงับธุรกรรมได้ทันทีเป็นการชั่วคราวเมื่อตรวจพบ มาตรการตอบสนองและรับมือ ▪️ เพื่อจัดการปัญหาให้ผู้เสียหายได้เร็วขึ้น ให้สถาบันการเงินทุกแห่งต้องมีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (hotline) ตลอด 24 ชั่วโมง แยกจากช่องทางให้บริการปกติ ▪️ เพื่อให้ผู้ใช้บริการแจ้งเหตุได้โดยเร็ว รวมทั้งให้ดูแลรับผิดชอบผู้ใช้บริการ หากพบว่าความเสียหายเกิดจากข้อบกพร่องของสถาบันการเงิน   อ้างอิงจาก: https://www.tba.or.th/transfers-over-50000-must-scan-faces-starting-this-june/  https://www.chillpainai.com/scoop/15285    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธนาคารแห่งประเทศไทย #โอนเงิน #ทำธุรกรรมทางการเงิน #พร้อมเพย์ …

ปลอดภัยหลายกว่าเดิม ! ธปท. ประกาศ “โอนเงินเกิน 50000” ต้องสแกนใบหน้า เริ่ม มิ.ย.นี้ อ่านเพิ่มเติม »

จับตาเบิ่ง “ระเบียงเศรษฐกิจ” หม่องใหม่ ตลาดอสังหาฯอุดรธานีมาแรง ผู้ประกอบการเจ้าถิ่น-ส่วนกลางลงสนามเพียบ

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยผลสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยภาคอีสาน นครราชสีมาและขอนแก่น ยังเป็นจ่าฝูงจังหวัดที่มีขนาดตลาดใหญ่สุดตามลำดับของภาค แต่ในแง่อัตราเพิ่มอุดรธานี โดยเฉพาะครึ่งหลังปี 2565 มีสัญญาณการเพิ่มขึ้นของหน่วยโครงการเปิดใหม่ ก้าวกระโดดถึง 114% มูลค่า 1,959 ล้านบาท กลายเป็นดาวเด่นอสังหาฯภาคอีสาน นายจตุรงค์ ธนะปุระ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อุดรธานีกำลังจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเทียบ 3-4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนการระบาดโควิด-19 โดยเวลานี้มีโครงการหมู่บ้านจัดสรรทั้งเก่าและใหม่อยู่ประมาณ 40 กว่าโครงการ ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นของผู้ประกอบการใหญ่จากส่วนกลาง อาทิเช่น ศุภาลัย แสนสิริ ซี.พี.แลนด์ สิทธารมย์ ฯลฯ อีกกว่าครึ่งเป็นของนักลงทุนในท้องถิ่น และอีกส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาตตามถูกกฎหมายอีกจำนวนหนึ่ง ธุรกิจคอนโดมิเนียม จะเป็นการลงทุนของนักลงทุนจากส่วนกลาง ซึ่งได้ก่อสร้างเสร็จและเปิดขายหรือให้เช่าหมดแล้ว โดยที่อุดรธานีไม่ใช่ตลาดของธุรกิจคอนโดมิเนียม อาจเป็นสาเหตุให้ยังไม่มีการลงทุนคอนโดมิเนียมใหม่ เวลานี้ ส่วนที่ขายไปแล้วผู้ครอบครองส่วนใหญ่เปิดให้เช่าอยู่เป็นรายเดือน ส่วนกรณีทุนจีนแห่ซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น นายจตุรงค์ชี้ว่าต้องมองหลายมุม เพราะมีทั้งดีและข้อเสีย ใน เชิงธุรกิจหากคนจีนเข้ามาทำธุรกิจมีการลงทุนด้านต่างๆ ในพื้นที่ก็เป็นการดี จากที่ทุนจีนมีกำลังซื้อสูง เมื่อเข้ามาช่วยกระตุ้นท้องถิ่นให้เจริญเติบโต ช่วยให้ธุรกิจอสังริมทรัพย์ในพื้นที่ดีขึ้น ที่สำคัญปัจจุบันกฎหมายก็อนุญาตให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ ด้านนายณัฐวัชร สวนสุจริต ที่ปรึกษาอิสระโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการ เปิดเผยว่า อสังหาฯอุดรธานีเวลานี้ประดังออกตลาด มีทั้งโครงการที่มีแผนลงทุนก่อนเกิดโควิค-19 ก็กลับมาเร่งลงมือ ขณะที่โครงการใหม่ที่เริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2565 ต่อเนื่องถึงที่มีแผนจะเปิดในระยะต่อไป ทำให้มีซัพพลายออกมาทับซ้อนกันของโครงการเดิมและใหม่ และยังมีโครงการที่มีแผนจะขึ้นในระยะถัดไปอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ตลาดมีการแข่งขันกันสูงมาก “เกิดจากปัจจัยด้านการเติบโตของพื้นที่และปัจจัยเสริมอื่นๆ เช่น อุดรธานี อยู่ในพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการลงทุนตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล เช่น ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NeEC) เขตเศรษฐกิจพิเศษ มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เป็นจังหวัดศูนย์กลางของภาคอีสานตอนบน ที่สำคัญคือเป็นพื้นที่ที่จะเป็นเจ้าภาพมหกรรมงาน พืชสวนโลกปี พ.ศ. 2569” ในมุมผู้ซื้อถือเป็นโอกาสที่จะสามารถเลือกได้หลากหลายรูปแบบหลายทำเล เพราะโครงการจะมี กระจายออกไปยังพื้นที่ต่างๆ ของเมือง แต่การลงทุนช่วงนี้ต้องมีภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งวัสดุก่อสร้างปูน เหล็ก นํ้ามันที่เพงขึ้น ยังมีเรื่องค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้น จนถึงราคาที่ดินที่ขยับขึ้น ทำให้ราคาบ้านต้นทุนใหม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นจากเดิม “บ้านทาวน์โฮมเดิมราคาล้านเศษๆ ที่เป็นโครงการของนักลงทุนท้องถิ่นเวลานี้ไม่มีเหลือแล้ว ส่วนโครงการของบริษัทมหาชนจากส่วนกลาง เปิดตัวที่ระดับราคา 3-3.5 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่นักลงทุนท้องถิ่นก็หันมาทำบ้านจัดสรรในราคาดังกล่าวด้วย” ส่วนปัจจัยลบปี 2566 เรื่องหลักคือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารต่างๆ ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง อีกประเด็นคือ มาตรการ LTV ที่ไม่มีการต่ออายุให้อีกแล้ว การขอกู้ 100% ไม่มีอีกแล้ว ทำให้การจะขอสินเชื่อจะผ่านการอนุมัติน้อยลง เนื่องจากระดับรายได้ของประชาชนทั่วไปยังเท่าเดิมไม่ได้เพิ่มขึ้น แม้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายแล้ว ขณะที่การลงทุนโครงการอสังหาฯ อุดรธานี จะขยายตัวโซนทิศตะวันออกนอกเขตถนนสายรอบเมือง เริ่มตั้งแต่บริเวณสี่แยกบ้านจั่น ไปตามถนนสายรอบเมืองด้านตะวันออก จนถึงสี่แยกทางออกไปจังหวัดหนองคาย พื้นที่ตำบลกุดสระและต่อเนื่องด้านทิศตะวันออกของถนนมิตรภาพอุดรธานี-หนองคาย เป็นโซนที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง มีบริษัทมหาชนจากส่วนกลางหา พื้นที่และปักหมุดเตรียมขึ้นโครงการมากที่สุด อ้างอิงจาก: https://www.thansettakij.com/real-estate/565725 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน …

จับตาเบิ่ง “ระเบียงเศรษฐกิจ” หม่องใหม่ ตลาดอสังหาฯอุดรธานีมาแรง ผู้ประกอบการเจ้าถิ่น-ส่วนกลางลงสนามเพียบ อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top