Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

เริ่ดคักหลาย PRINC เคาะ “มุกดาหาร” ตั้งรพ.แห่งใหม่ ดันรายได้โต 10-15%

บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารโรงพยาบาลเอกชนและธุรกิจสุขภาพ ในนามโรงพยาบาล ‘เครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์’ เปิดรายได้ไตรมาส 2 ปี 2566 รวม 1,285 ล้านบาท เติบโต 37.4% ผลประกอบการครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 2,495 ล้านบาท จากแรงหนุนเพิ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลต่างๆ การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และการขยายฐานผู้รับบริการ โดยเฉพาะในกลุ่มประกันที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ผู้ป่วยชาวต่างชาติ ในโรงพยาบาลแถบอีสานเพิ่มขึ้นมากถึง 548.8% นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล กรรมการผู้จัดการบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ในกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลหากไม่นับรวมผลจากโควิด-19 พบว่าภาพรวมผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น มีอัตราเติบโตของผู้รับบริการที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าก่อนช่วงโควิด-19 โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 66 มีผู้เข้ารับบริการโรงพยาบาลต่อวัน 2,282 รายต่อวัน และจำนวนผู้ป่วยครองเตียงเฉลี่ยต่อวัน 527 รายต่อวัน อย่างไรก็ตามครึ่งปีหลัง ปี 66 ยังมีปัจจัยที่ท้าทาย ทั้งภาพรวมเศรษฐกิจและการแข่งขันของธุรกิจโรงพยาบาล นโยบายสาธารณสุข ต้นทุนด้านพลังงาน และทิศทางการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ทำให้บริษัทมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับความต้องการรักษาพยาบาลในพื้นที่ โดยเฉพาะแผนการลงทุนศูนย์การแพทย์เฉพาะทางรักษาโรคยากซับซ้อนในโรงพยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะใน 4 สาขาสำคัญได้แก่ หัวใจ กระดูก สมอง และมะเร็ง (Heart, Bone, Brain, Cancer) ทั้งนี้บริษัทได้ประกาศจัดตั้งบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ – มุกดาหาร จำกัด เพื่อรองรับแผนปักหมุดสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร มูลค่าเงินลงทุน 726.5 ล้านบาท โดยแผนงานสำคัญคือ เป็นโรงพยาบาลเชี่ยวชาญเฉพาะทางและดูแลทั้งในไทยและตลาดต่างชาติ โดยจะเป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 15 ใน 12 จังหวัด และยังมีการจัดตั้งบริษัท พริ้นซิเพิล เน็กส์ จำกัด (PRINC NEXT) เพื่อขยายการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเฮลท์แคร์ และ/หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ มูลค่าเงินลงทุนรวม 96 ล้านบาท โดยแนวทางของธุรกิจคือ เน้นความรวดเร็วในการเข้าถึงธุรกิจที่มีศักยภาพ ธุรกิจใหม่ที่เติบโตเร็ว เพื่อสอบคล้องกับพัฒนาการการเกิดและเติบโตของธุรกิจยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและแปลกใหม่ ทำให้ Model ธุรกิจในด้านการเติบโตของ PRINC คือ ธุรกิจหลักด้านโรงพยาบาล และธุรกิจใหม่ที่ทันสมัย เพื่อให้มีการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยยังคงความเชื่อมั่นการเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี อ้างอิงจาก: https://www.thansettakij.com/health/wellbeing/573086 ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website …

เริ่ดคักหลาย PRINC เคาะ “มุกดาหาร” ตั้งรพ.แห่งใหม่ ดันรายได้โต 10-15% อ่านเพิ่มเติม »

เป็นตาตกใจคัก ธปท.ภาคอีสาน คาดปี 66 เศรษฐกิจอีสานบ้านเฮาหดตัว เหตุส่งออก-ท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น

ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) แถลงข่าว (3 ส.ค.2566) เพื่อสรุปสถานการณ์เศรษฐกิจ ในไตรมาสที่ 2 ของภาคอีสาน ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาส 2 ปี 2566 ปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามการบริโภคที่มาจากปัจจัยพิเศษ อาทิ เทศกาลสงกรานต์ และวันหยุดพิเศษที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย รายได้ภาคเกษตรที่ขยายตัวจากผลผลิตยางพาราและข้าวนาปรังที่ได้รับอานิสงส์จากปริมาณน้ำฝนที่ดีในปีก่อนหน้า และการลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้น จากการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นหลังโควิด อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจคู่ค้าที่ยังชะลอตัวทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกยังไม่ฟื้นตัว นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหลายอย่างชี้ว่าเศรษฐกิจขาล่างมีสัญญาณการอ่อนแรง จากรายได้นอกภาคเกษตรที่มีทิศทางลดลง โดยเฉพาะภาคบริการหลังการสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นด้านการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวของภาครัฐ รายได้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวบริการที่ลดลงและยังไม่ฟื้นกลับมาเท่ากับช่วงก่อนโควิด รวมถึงความสามารถในการก่อหนี้ใหม่ของฐานรากลดลง แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2566 คาดว่าหดตัว จากเดิมที่คาดว่าทรงตัวใกล้เคียงปีก่อน จากสัญญาณเศรษฐกิจขาล่างที่อ่อนแรงกว่าที่คาด ทำให้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวในครึ่งปีแรก ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังยังต้องเผชิญปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ภัยแล้งที่คาดว่ารุนแรงมากขึ้นและความไม่แน่นอนด้านงบประมาณของภาครัฐ ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวล่าช้าออกไป อ้างอิงจาก: https://www.thansettakij.com/business/economy/572529 ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #ธนาคารแห่งประเทศไทย #ธปท

อสังหาฯ-กลุ่มสร้างบ้านอีสานบูมคัก NocNoc ร่วมจัดงานบ้านและคอนโด  16-20 ส.ค.66 ณ เซ็นทรัลพลาซาขอนแก่น

อสังหาฯ-กลุ่มสร้างบ้านอีสานบูมคัก NocNoc ร่วมจัดงานบ้านและคอนโด  16-20 ส.ค.66 ณ เซ็นทรัลพลาซาขอนแก่น   NocNoc เผยอินไซต์ “สินค้าตกแต่งบ้าน” ในเขตภาคอีสานพุ่งสูง หลังกลุ่มเรียลดีมานด์ (กลุ่มคนที่มีความต้องการในการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยจริง) เติบโตตามเศรษฐกิจในท้องถิ่น เตรียมแผนจับมือภาครัฐและเอกชนอัดแคมเปญให้กลุ่ม B2C และ B2B    NocNoc ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านออนไลน์ พบความต้องการตกแต่งบ้านในภาคอีสานพุ่งสูงขึ้น นำโดยขอนแก่น และอุดรธานี ที่มีบริษัทโครงการอสังหาฯ ระดับประเทศไปลงทุนสร้างโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับกลุ่มเรียลดีมานด์ที่กำลังเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจับมือภาครัฐและภาคเอกชนขยายวงกว้างให้ภาพรวมตลาดสินค้าเรื่องบ้านคึกคักมากขึ้น หลังพบอินไซต์การซื้อสินค้าและบริการเรื่องบ้านผ่านออนไลน์ของลูกค้าในโซนภาคอีสานโตเป็นอันดับ 2 ทั้งกลุ่มลูกค้า B2C และ B2B คาดจะสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 500 ล้านบาท   นายอนุพงศ์ ทะสดวก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการค้าและพาณิชย์ บริษัท เบ็ตเตอร์บี มาร์เก็ตเพลส จำกัด หรือ NocNoc ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านออนไลน์ กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในโซนภาคอีสานยังคงเติบโตเพิ่มสูงขึ้น โดยจังหวัดขอนแก่นถือเป็นจังหวัดที่มีขนาดตลาดอสังหาริมทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากนครราชสีมา โดยขอนแก่นมีการเปิดตัวโครงการมากที่สุด เพิ่มขึ้น 33.2% คิดเป็นมูลค่า 2,860 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ซึ่งถือเป็นทิศทางตลาดและโอกาสดีที่ NocNoc จะเข้าไปขยายฐานกลุ่มเรียลดีมานด์กับทั้งกลุ่มลูกค้า B2C และ B2B ให้กว้างและครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม B2B ผ่านการทำแคมเปญ NocNoc for Business ที่มุ่งเน้นการทำ Business Matching และการเข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการในจังหวัด ด้วยกิจกรรมส่งเสริมการตลาดผ่านสื่อท้องถิ่นในทุกมิติ   จากการเก็บข้อมูลอินไซต์ของลูกค้าที่มาชอปสินค้าและบริการเรื่องบ้านบนแพลตฟอร์ม NocNoc นั้น พบว่ากลุ่มลูกค้าในภาคอีสานส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสร้างบ้านและต่อเติมบ้าน ถึง 60% และกลุ่มตกแต่งบ้านและผู้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป 40% โดยสไตล์การแต่งบ้านที่กลุ่มลูกค้าในภาคอีสานชื่นชอบ และนิยมมากที่สุดคือ Japandi 21% Industial 19% Glam 17% Transitional 16% Scandinavian 15% Shabby Chic 9% และ Mid-Cetury 2% ตามลำดับ   นายชาญณรงค์ บุริสตระกุล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า สัญญาณการเติบโตในภาคธุรกิจอสังหาในภาคอีสาน โดยเฉพาะในจังหวัดขอนแก่นมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งรายเล็ก และรายใหญ่ โดยเรามุ่งเน้นเทรนด์บ้านน่าอยู่ของโลกยุคใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ Smart Living Solutions เพื่อยกระดับที่อยู่อาศัยและการใช้ชีวิตที่ดีขึ้นของคนในจังหวัด ประกอบกับการได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการพัฒนาระบบขนส่ง สนามบินขอนแก่นใหม่ สถานีขนส่งสินค้าทางราง และยังเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งการศึกษาและบริการสุขภาพกับการแพทย์ ส่งผลให้ขอนแก่นมีเรียลดีมานด์หรือกลุ่มคนที่มีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยจริง ที่สำคัญกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาก โดยเฉพาะกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าของกิจการที่เข้ามาทำธุรกิจ …

อสังหาฯ-กลุ่มสร้างบ้านอีสานบูมคัก NocNoc ร่วมจัดงานบ้านและคอนโด  16-20 ส.ค.66 ณ เซ็นทรัลพลาซาขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

ขอนแก่นเริ่ดคักหลาย โรงแรมโฆษะ ปักหมุด Wellness Center ตั้ง “คลินิกแพทย์แผนไทย” อย่างมีมาตรฐาน และเป็นสากล ในโรงแรมเป็นแห่งแรกในประเทศไทย

นายชาติชาย โฆษะวิสุทธิ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฝ่ายที่พักแรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 โรงแรมโฆษะจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับสถาบันการแพทย์แผนไทยเนตรดาว จัดตั้ง “โฆษะเนตรดาว คลินิกการแพทย์แผนไทย” ขึ้น เพื่อให้เป็นต้นแบบคลินิกการให้บริการด้านการแพทย์แผนไทยอย่างมีมาตรฐาน และเป็นสากล ในโรงแรมเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ทั้งนี้ด้วยความตั้งใจของโรงแรมโฆษะที่ต้องการสร้างศูนย์บริการสุขภาพครบวงจร หรือ Wellness Center ขึ้นในพื้นที่โรงแรมใจกลางขอนแก่นและภาคอีสาน ให้บริการทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในขอนแก่นและผู้มาเยือน โดยเริ่มต้นจากการเปิดศูนย์กายภาพบำบัดและนวดเพื่อสุขภาพที่ได้รับความร่วมมือจากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 และประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง “ขณะเดียวกันได้มีโอกาสเรียนรู้ และผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านศาสตร์แพทย์ทางเลือกมากมาย ซึ่งทำให้ได้ตระหนักถึงคุณค่าของสมุนไพรไทยและศาสตร์แพทย์แผนไทย ที่คำนึงถึงว่าจิตใจและอวัยวะในร่างกายมนุษย์มีการทำงานที่สัมพันธ์กันเป็นหนึ่งเดียว และสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ปรัชญา ความคิดและการดำเนินชีวิตตามแบบวิถีคนไทย จึงต้องใช้วิธีรักษาแบบองค์รวม (Holistic) โดยเริ่มต้นจากอาหารดี อารมณ์ดี อากาศดี เพื่อสร้างสมดุลให้ร่างกายอยู่เย็นเป็นสุข ให้เราห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างแท้จริง” อีกทั้ง ในพิธีเปิดมีบุคคลสำคัญมาร่วมงาน อาทิ นายแพทย์ ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.ประวี คำศรีสุข รองนายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดขอนแก่น นายฐาปนา บุณยประวิตร นายกสมาคมการผังเมืองไทย และกรรมการและเลขานุการกฎบัตรแห่งชาติ ดร.พญ.สุลัคนาน้อยประเสริฐ คณบดีสำนักวิชาการแพทย์ บูรณาการ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, อาจารย์เนตรดาว ยวงศรี ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทยเนตรดาว, อาจารย์พรศิริ อิสรภัคดี ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการโรงเรียนส่งเสริมวิชาชีพ และวัฒนธรรมไทยสปา อ้างอิงจาก: https://www.thansettakij.com/health/wellbeing/572110 ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #Wellness #ขอนแก่น #คลินิกแพทย์แผนไทย

คึกคักหลาย ! งานแห่เทียนอุบลฯ  นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาชม  คาดเงินสะพัดกว่า 300 ล้าน

คึกคักหลาย ! งานแห่เทียนอุบลฯ  นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาชม  คาดเงินสะพัดกว่า 300 ล้าน   งานประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี ปีนี้ถือว่าคึกคักมาก ด้วยช่วงวันหยุดยาว 6 วัน ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเที่ยวชมต้นเทียนที่มาตั้งแสดงที่สวนสาธารณะทุ่งศรีเมือง คาดตลอดช่วงการจัดงานน่าจะมีเงินสะพัดในพื้นที่มากกว่า 300 ล้านบาท   เมื่อวันที่ 1 ส.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงานประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2566 “122 ปี ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา” เป็นไปอย่างคึกคักทั่วทั้งพื้นที่เทศบาลนครอุบลราชธานี โดยนักท่องเที่ยวต่างเข้าไปเยี่ยมชมการเตรียมเคลื่อนขบวนต้นเทียนออกจากวัด เพื่อมารวมเทียนในพื้นที่จัดงานรอบสวนสาธารณะทุ่งศรีเมือง ในช่วงค่ำวันนี้ (1 ส.ค.) เพื่อให้คณะกรรมการตัดสินการประกวด โดยต้นเทียนหลายอำเภอที่อยู่รอบนอก พื้นที่ห่างไกล ได้เคลื่อนมารวมกันที่วัดในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานีหลายวัด เพื่อให้เคลื่อนไปตั้งโชว์ในงานได้ง่าย เช่น วัดเลียบ มีทั้งต้นเทียนของวัดเอง และต้นเทียนของ อ.เขื่องใน อ.นาเยีย มาจอดรอ และเก็บรายละเอียดของต้นเทียน ก่อนเคลื่อนเข้าสู่บริเวณงาน   สำหรับการประกวดเทียนพรรษาประจำปี 2566 แบ่งเป็น  ต้นเทียนพรรษา ประเภทแกะสลัก ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก  ต้นเทียนพรรษา ประเภทติดพิมพ์ ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก และ  ต้นเทียนพรรษา ประเภทเทียนโบราณ ขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก รวมจำนวน 53 ต้น   โดยหน้าปะรำพิธีลานขวัญเมือง ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงานแห่ต้นเทียนพรรษาประจำปี 2566 โดยขบวนแรกเป็นการอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทาน และผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน ตามด้วยขบวนฟ้อนรำของนางรำประจำต้นเทียนทั้ง 53 ต้น และธิดาประจำงานเทียนพรรษาปีนี้   โดยต้นเทียนพรรษาที่นำมาแห่ไปรอบเมืองแบ่งเป็นต้นเทียนประเภทต้นเทียนแกะสลัก และต้นเทียนประเภทติดพิมพ์ขนาดใหญ่ ยังมีต้นเทียนแบบโบราณ และต้นเทียนขนาดกลาง โดยจะมีการเคลื่อนขบวนสลับกันไปมา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามวิจิตรตระการตาของฝีมือช่างทำต้นเทียนพรรษาในแต่ละประเภทของจังหวัดอุบลราชธานี สำหรับการลงทุนทำต้นเทียนพรรษาปีนี้ ต้นเทียนขนาดใหญ่แต่ละต้นใช้เทียนมากกว่า 10 ตัน ด้วยงบลงทุนต้นละกว่า 1 ล้านบาท    ด้าน นายมงคล จุลทรรศน์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า งานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ปีนี้ถือว่าคึกคักเป็นอย่างมาก ประกอบกับเป็นช่วงวันหยุดยาวหลายวัน นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาร่วมชมการแกะสลักต้นเทียนที่วัดต่างๆ ทั้งในตัวจังหวัดและต่างอำเภอไม่ขาดสาย โรงแรมห้องพักถูกจองเต็มทุกห้อง คาดตลอดการจัดงานแห่เทียนพรรษาปีนี้ น่าจะมีเงินไหลสะพัดจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท   อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ ไทยรัฐ   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : …

คึกคักหลาย ! งานแห่เทียนอุบลฯ  นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาชม  คาดเงินสะพัดกว่า 300 ล้าน อ่านเพิ่มเติม »

พิโกไฟแนนซ์ หนี้เพิ่มต่อเนื่อง NPL ทะลุ 20% “ภาคอีสาน” นำโด่ง มีหนี้หลายกว่าหมู่

นายสมเกียรติ จตุราบัณฑิต นายกสมาคมพิโกไฟแนนซ์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีทิศทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยหากดูเอ็นพีแอลก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 หนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน อยู่ที่ 12.54% ของยอดสินเชื่อคงค้าง หรือคิดเป็นเม็ดเงินราว 351 ล้านบาท และล่าสุดในเดือนมีนาคม 2566 ยอดค้างชำระเกิน 3 เดือน ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20.84% หรือคิดเป็น 1,350 ล้านบาท ทั้งนี้ สินเชื่ออนุมัติสะสม ณ เดือนมีนาคม 2566 จำนวนบัญชีทั้งสิ้น 3.13 ล้านบัญชี ซึ่งเป็นจำนวนเงินรวม 3.12 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น สินเชื่อแบบมีหลักประกันจำนวน 4.34 แสนบัญชี เป็นจำนวนเงิน 1.21 หมื่นล้านบาท และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันจำนวน 2.69 ล้านบัญชี เป็นจำนวนเงิน 1.91 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี หนี้ NPL ที่ปรับเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะเกิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกร ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ราคาผลผลิตตกต่ำ รวมถึงในช่วงที่เกิดโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถขายสินค้าได้ ตลอดจนกลุ่มปศุสัตว์ การเลี้ยงสุกรและโคขุน เพื่อนำไปขายต่างประเทศ พบปัญหาเศรษฐกิจไม่สามารถส่งออกไปขาย ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงมีดอกเบี้ยผิดนัดค้างชำระสะสม แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ปรับดีขึ้น แต่รายได้ยังคงมีไม่เพียงพอชำระหนี้ค้างสะสม “ยอมรับว่าหนี้ NPL ส่วนใหญ่เกิดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดติดชายแดนที่เป็นกลุ่มเกษตรเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะโคขุนเพื่อขายให้กัมพูชา แต่พบปัญหาราคาตก ทำให้ไม่มีเงินชำระหนี้ หรือกลุ่มรายได้ประจำที่อยู่ในกลุ่มโรงงาน ภาคตะวันออก ถูกลดโอที ค่าโบนัส ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง หรือกลุ่มผู้มีรายได้ประจำที่ลาออกจากงาน ทำให้ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้” อีสาน ลูกค้าเบี้ยวหนี้เพียบ นายบูรพงศ์ วรรักษ์ธารา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บูราพาณิชย์ จำกัด ผู้ประกอบการพิโกไฟแนนซ์ พลัส จ.ขอนแก่น กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้ตัวเลข NPL ของบริษัทขยับเพิ่มขึ้นใกล้ 20% แล้ว จากยอดปล่อยกู้สะสมประมาณ 20-30 ล้านบาท โดยกลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้ประกอบการธุรกิจค้าขาย กู้เฉลี่ย 1 แสนบาท/ราย และกลุ่มที่กู้เพื่อนำไปใช้จ่ายในครัวเรือน ปัจจัยหลักมาจากค่าครองชีพของลูกค้าสูงขึ้น แต่เงินเดือนหรือรายได้เท่าเดิม สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้การชำระเงินกู้ของลูกค้าลดน้อยลง แม้กระทั่งเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการก็เริ่มชะลอการใช้หนี้ เพื่อกุมเงินไว้ก่อน เนื่องจากไม่แน่ใจในภาวะเศรษฐกิจ ขณะนี้ภาพรวมหนี้เสียของพิโกไฟแนนซ์ในขอนแก่นมีจำนวนมากขึ้น ปัจจุบัน ตัวเลข NPL น่าจะอยู่ที่ 25-26% และมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปี 2565 ที่ผ่านมา …

พิโกไฟแนนซ์ หนี้เพิ่มต่อเนื่อง NPL ทะลุ 20% “ภาคอีสาน” นำโด่ง มีหนี้หลายกว่าหมู่ อ่านเพิ่มเติม »

ถ่าเบิ่ง “ BEARHOUSE ” ชงชานมไข่มุกรุกอีสาน  ก่อนขึ้นเหนือลงใต้ปีหน้า เล็งบุกตลาดต่างประเทศ

ถ่าเบิ่ง “ BEARHOUSE ” ชงชานมไข่มุกรุกอีสาน  ก่อนขึ้นเหนือลงใต้ปีหน้า เล็งบุกตลาดต่างประเทศ   “แบร์เฮาส์” รุกหนักตลาดร้านชานมไข่มุก มองเป็นแบรนด์โซนบลูโอเชียน ปีนี้เปิดใหม่อีก 10 สาขา เน้นกทม. อีสาน ก่อนขึ้นเหนือลงใต้ปีหน้า เล็งบุกตลาดต่างประเทศ   นายอรรถกร รัตนารมย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้จัดการทั่วไป บริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัด ผู้บริหารร้านชานมไข่มุกแบร์เฮาส์ (BEARHOUSE) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดชานมไข่มุกกลับกลายมาเป็นตลาดบลูโอเชียนอีกครั้ง (Blue Ocean) มีคู่แข่งน้อย หลังจากที่ผู้ประกอบการหลายรายได้เลิกไป รวมทั้งเริ่มหันไปสนใจลงทุนในเรื่องอาหารกันมากขึ้น โดยเฉพาะประเภท ชาบู หม่าล่า ปิ้งย่าง และลงทุนเปิดร้านกาแฟมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดชานมไข่มุกแข่งขันน้อยลง ไม่รุนแรงเหมือนในอดีต เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ที่เริ่มเป็นตลาดเรดโอเชียน (Red Ocean) และการแข่งขันมีความดุเดือดอย่างมาก   อย่างไรก็ตามในส่วนของบริษัทฯก็ยังคงเดินหน้าาขยายธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เปิดธุรกิจมาเมื่อปี 2562 หรือเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมากับมีการสาขาแรกคือที่สยามสแควร์ และพัฒนามาตลอดเวลา กระทั่งปัจจุบันมีร้านเปิดดำเนินการแล้วรวม 23 สาขา ในกรุงเทพและปริมณฑล และเปิดในต่างจังหวัดสาขาแรกที่นครราชสีมาเมื่อปี 2565   ทั้งนี้ปี 2566 นี้วางแผนที่จะขยายร้านเพิ่มอีก 10 สาขา เพื่อให้สิ้นปีนี้มีครบ 33 สาขาในไทย จากขณะนี้ 23 สาขาโดยดำเนินการเองทั้งหมดไม่มีการขายแฟรนไชส์แต่อย่างใด ยังคงเน้นไปที่ กรุงเทพฯ ปริมณฑลและภาคอีสานมากขึ้น เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี เน้นเปิดตามศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ มากกว่าเปิดแบบสแตนด์อโลน    ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเริ่มขยายไปทางภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ และภาคใต้เช่น หาดใหญ่ นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกันภายในปี 2568 ซึ่งเอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะเป็นรูปแบบใดดี การขายลิขสิทธิ์แฟรนไชส์กับการหาผู้ร่วมทุน ส่วนแผนระยะยาว ตั้งเป้าเปิดร้านแบร์เฮาส์ให้ได้รวมในไทย 109 สาขา ภายในปี 2571 และมีแผนที่จะเข้าตลาดหุ้นด้วย เบื้องต้นมองไปที่ตลาด MAI ก่อน   ยอดขายที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2562 มีประมาณ 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเป็น 82 ล้านบาท ในปี 2563 และเพิ่มขึ้นเป็น 104 ล้านบาทในปี 2564 ส่วนปี 2565 ทำได้ 210 ล้านบาท ซึ่งเติบโตมากถึง 79% ซึ่งผู้บริหารทั้งสองยืนยันว่า เป็นการเติบโตที่สูงที่สุดในตลาดร้านชาในไทย ซึ่งการเติบโตเป็นผลมาจากการที่ขยายสาขามากขึ้น …

ถ่าเบิ่ง “ BEARHOUSE ” ชงชานมไข่มุกรุกอีสาน  ก่อนขึ้นเหนือลงใต้ปีหน้า เล็งบุกตลาดต่างประเทศ อ่านเพิ่มเติม »

ปังหลาย กกท. ผนึก 3 จังหวัดอีสาน จัด “SAT ISAN SPORTS FEST”  ใช้กีฬาหนุนการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

ปังหลาย กกท. ผนึก 3 จังหวัดอีสาน จัด “SAT ISAN SPORTS FEST”  ใช้กีฬาหนุนการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน   ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการแถลงข่าวการจัดการแข่งขันกีฬาเพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sports Tourism Economic Triangle Festival 2023) ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยมี นายสิงหชัย ผ่องบุรุษ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์,นายสรสาสน์ สีเพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์, และนางสาวอรอาภา โลห์วีระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ร่วมแถลง ณ บริเวณโถง ชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา กกท. เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา   กกท. ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้น การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และการกระจายการเติบโตทางเศรษฐกิจสู่ชุมชน ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ซึ่งครั้งนี้ได้จัดการแข่งขันกีฬาเพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยว Sports Tourism Economic Triangle Festival 2023 ผ่านพื้นที่ 3 จังหวัดภาคอีสาน ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ ในชื่อการแข่งขันกีฬารายการ SAT ISAN Sports Fest 2023   กิจกรรมดังกล่าว กกท. มุ่งมั่นที่จะช่วย กระตุ้นการสร้างเศรษฐกิจในท้องถิ่นควบคู่ไปกับการกีฬาและการสร้างนักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ยกระดับมาตรฐานการเล่นกีฬาในระดับภูมิภาคไปสู่ระดับประเทศ อีกทั้งการแข่งขันครั้งนี้จะสร้างแรงจูงใจให้กับเด็กและเยาวชนหันมาสนใจกีฬาไม่พึ่งพายาเสพติด รวมทั้งแสดงให้เห็นว่าท้องถิ่นมีความพร้อม มีความตั้งใจจริงทั้งมิติของกีฬา การท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ ช่วยเหลือประชาชนในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี   ซึ่งบุรีรัมย์ถือเป็น 1 ในจังหวัด Sports City ซึ่งความพร้อมในเรื่องการจัดการแข่งขันกีฬา เรามีความพร้อมเป็นอย่างมาก เพราะเราเคยจัดการแข่งขันกีฬามาแล้วทั้งระดับชาติ อาทิ กีฬาเยาวชนแห่งชาติ รวมถึงการจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติอย่าง MOTO GP ในฐานะตัวแทนจังหวัดบุรีรัมย์เชื่อมั่นว่าจะเป็นการบรรลุวัตถุประสงค์ของ กกท. ที่ได้วางไว้ และเป็นประโยชน์แก่จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น เกิดการหมุนเวียนจากการจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจ Sports Expo การส่งเสริมการท่องเที่ยว และที่สำคัญการแข่งขันกีฬาฯ จะช่วยทำให้เยาวชนและประชาชนหันมาเล่นกีฬาและออกกําลังกาย เป็นต้นแบบการสร้างสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง   และจากการที่จังหวัดสุรินทร์ได้รับเกียรติในการจัดการแข่งกีฬาที่ผ่านมานั้น มีประชาชนหันมาเล่นกีฬา และออกกำลังกายเป็นจำนวนมากขึ้น เช่นเดียวกับทางจังหวัดได้มีการทำงานแบบบูรณาการกิจกรรมร่วมกันในหลายภาคส่วน เพื่อให้กิจกรรมดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสร้างความประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาเอง ผู้ชม รวมถึงแฟนๆจังหวัดใกล้เคียงเชื่อว่า นักกีฬา แฟนกีฬา …

ปังหลาย กกท. ผนึก 3 จังหวัดอีสาน จัด “SAT ISAN SPORTS FEST”  ใช้กีฬาหนุนการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน อ่านเพิ่มเติม »

เริ่ดคักหลาย ททท. ฟ้าวฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทย ดันรายได้ท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคน

การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมแถลงทิศทางการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว ปี 2567 ประกาศเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทยสู่บทต่อไปที่ดีขึ้น ทั้งฝั่ง Supply และ Demand ด้วยหัวใจหลักของการสร้างระบบนิเวศใหม่ที่มีคุณค่า สมดุลและยั่งยืน พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันสร้างความมั่นคงทางการท่องเที่ยว ก้าวสู่ High Value and Sustainable Tourism อย่างแท้จริง มั่นใจฟื้นรายได้สูงสุด 3 ล้านล้านบาท เทียบเท่าปี 2562 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ปี 2567 ถือเป็นปีแห่งการเร่ง “ฟื้นฟู” (Resilience) พร้อมพลิกโฉมสู่ High Value and Sustainable Tourism ที่เน้นคุณค่าและความยั่งยืน ททท. จึงได้ยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและ ททท. แบบ Moving forward to Better เดินหน้าต่อเนื่องสู่ก้าวต่อไปของการท่องเที่ยวไทยที่ดียิ่งขึ้น ททท. วางแผนกระตุ้นตลาดด้วย 5 ทิศทางหลัก ได้แก่ เสริมภาพลักษณ์แบรนด์ท่องเที่ยวไทยด้านความยั่งยืนและใช้เป็นจุดขายใหม่ของประเทศไทย เน้นไม่สร้างภาระ แต่สร้างสาระรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อมและชุมชน (Travel with Care) กระจายรายได้อย่างทั่วถึง (Fair Income) และเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นเป็นจุดขาย (Encourage Identity & Biodiversity) โดย ททท. มีแนวคิดดำเนินโครงการ Kinnaree Brand Refresh ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รู้จักรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยหรือรางวัลกินรีในวงกว้าง เพื่อเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวภายใต้มาตรฐาน การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) รุกเปิดตลาดคุณภาพใหม่ให้ท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โฟกัสตลาดใหม่ในภูมิภาคยุโรปและตะวันออกกลาง และขยายสู่กลุ่มตลาดย่อย ซึ่งเป็นผู้มีรายได้สูง แสวงหาคู่ค้ารายใหม่และขยายความร่วมมือกับคู่ค้ารายใหญ่ในเวทีโลก ตลาดในประเทศ ททท. ให้น้ำหนักไปที่การกระตุ้นให้เที่ยวไทยทันที เพิ่มความถี่และการกระจายตัวท่องเที่ยวหลากหลายพื้นที่มากขึ้น เป็น 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยว ได้ทุกวัน ตลอดทั้งปี เพื่อสร้างรายได้ให้ทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียม ควบคู่กับการนำเสนอจุดแข็งสู่จุดขาย ของ Soft Power (5F) และนำเสนอสินค้าเชิงประสบการณ์ผ่านอัตลักษณ์ของ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ เกิดเป็น Meaningful Travel ประกอบด้วย ภาคเหนือ ชวนสัมผัส “เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ” ผสานความร่วมสมัย ผ่าน Northern Thailand Soft Power ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ กระตุ้นค่าใช้จ่ายด้วย Art & Craft ขยายฤดูกาลท่องเที่ยว ภาคกลาง เสิร์ฟความสุขง่าย ๆ ใกล้ตัวจากสุขภาพดี …

เริ่ดคักหลาย ททท. ฟ้าวฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทย ดันรายได้ท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคน อ่านเพิ่มเติม »

“ส้มตำนัว” เริ่ดคักหลาย เดินหน้ารีเฟรชแบรนด์ในรอบ 23 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Enjoy Nua Meal” ตั้งเป้าขยายโมเดลใหม่ 5 สาขา

ส้มตำนัว (SOMTAMNUA) เป็นหนึ่งแบรนด์อาหารอีสานที่เป็นที่คุ้นหูคุ้นตากันดี โดยมีเมนูชูโรงเป็น “ตำมั่ว”ซิกเนเจอร์เมนูที่สร้างชื่อให้กับร้านเป็นอย่างมาก แม้จะได้รับความนิยมอย่างมากแต่ในปัจุบันที่โลกและผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเป็นตัวเร่งให้ ตำมั่ว เข้าใกล้ความเป็นแบรนด์ที่อาจกำลัง “ตกยุค” เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ ตำมั่ว ภายใต้การกุมบังเหียนของ “อภิรัตน์ อังกุรนาค” จึงตัดสินใจ รีเฟรชแบรนด์ใหม่ในรอบ 23 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ ใหม่ที่มีชื่อว่า “Enjoy Nua Meal” เพื่อปรับแบรนด์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น รวมไปถึงปรับโลโก้แบรนด์ใหม่ และการตกแต่งร้าน ด้วยการนำคู่สีใหม่ ๆ เข้ามาเติมเต็มให้ภาพรวมของแบรนด์ดู POP สดใส สนุก มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อภิรัตน์ อังกุรนาค ผู้อำนวยการอาวุโสแบรนด์ส้มตำนัว (SOMTAMNUA) เปิดเผยถึงที่มาของการปรับลุคแบรนด์ใหม่ในครั้งนี้ด้วย 3 โจทย์หลักว่า เริ่มที่ โจทย์แรก คือ ความต้องการที่หลากหลายในยุคปัจจุบัน ผู้บริโภคมีความต้องการอะไรใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนแปลงเสมอ และอาหารอีสานยังคงเป็น 1 ในอาหารที่เป็น Top of mind ของผู้บริโภค เราต้องการคงรูปแบบการรับประทานอาหารอีสานที่เป็นการทานด้วยกันหลาย ๆ คน ซึ่งจะทำให้มื้ออาหารนั้น ๆ มีความสนุกสนานมากขึ้น ด้วยการสอดแทรกความเป็นแฟชั่น และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เข้ามาด้วย โจทย์ที่สอง คือชื่อร้าน ด้วยการนำเอาคำว่า “นัว” ซึ่งเป็นภาษาอีสาน ที่มีความหมายว่า อร่อย กลมกล่อม และเป็นอัตลักษณ์หรือ Brand Identity ของเรา มาผสมความครีเอทีฟ ใส่เป็นลูกเล่นสนุก ๆ มาใส่ในหลาย ๆ จุด ภายในร้าน จนเกิดเป็นแท็กไลน์ (Tagline) ‘I’m Nua : นัวแต่ไหน” เพื่อเป็น Key message ที่ Connect กับลูกค้า และสร้างการจดจำ ว่าเราเป็น “นัว” ตัวจริงเสียงจริงมายาวนานกว่า 23 ปี และโจทย์สุดท้าย ในแง่ของการสื่อสาร เริ่มจากการปรับโลโก้แบรนด์ สร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการปรับเส้นสายให้ดู Smooth ยิ่งขึ้น แต่ยังคงเค้าโครงเดิมไม่ให้ลูกค้าสับสน และ Mood & Tone ใหม่ พร้อมกับการตกแต่งร้านใหม่ในรูปแบบของ “Nua Home” ที่สร้างบรรยากาศทำให้เหมือนลูกค้าทานอาหารอยู่ที่บ้าน ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบาย ๆ เหมาะกับการมาพักผ่อน และทานอาหารอร่อย ๆ สไตล์อีสานแท้ ๆ ไปด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีการเลือกใช้วัสดุ และใส่องค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีสีสันเข้ามาผสมผสาน …

“ส้มตำนัว” เริ่ดคักหลาย เดินหน้ารีเฟรชแบรนด์ในรอบ 23 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Enjoy Nua Meal” ตั้งเป้าขยายโมเดลใหม่ 5 สาขา อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top