Article

ของขวัญปีใหม่ “กรมประมง” เปิดให้เข้า เบิ่งฟรี ! อควาเรียม 10 แห่งทั่วไทย

ของขวัญปีใหม่  “กรมประมง” เปิดให้เข้า เบิ่งฟรี !  อควาเรียม 10 แห่งทั่วไทย   กรมประมงชวนเที่ยวศูนย์ประมง 43 แห่ง และอควาเรียม 10 แห่งฟรีรับปีใหม่ ในวันที่ 30 ธ.ค. 2565 – 3 ม.ค. 2566 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมประมง มอบของขวัญปีใหม่ 2566 เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด จำนวน 43 แห่ง และสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ (อควาเรียม) ในความดูแลของกรมประมง จำนวน 10 แห่ง ให้ประชาชนได้เข้าชมฟรี ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2565 – 3 มกราคม 2566 นอกจากนี้ ที่ศูนย์วิจัยฯ ยังมีกิจกรรมเยี่ยมชมนิทรรศการด้านการประมง การเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำ ตลอดจนตัวอย่างสัตว์น้ำประจำถิ่นที่พบในจังหวัดที่จัดแสดงภายในศูนย์วิจัยฯ และกิจกรรมมอบพันธุ์ปลาน้ำจืดให้แก่เกษตรกรและประชาชนเพื่อนำไปเลี้ยง จำนวน 100 ถุงต่อศูนย์ด้วย สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ (อควาเรียม) ในความดูแลของกรมประมง จำนวน 10 แห่ง ที่เปิดให้เข้าชมฟรี โดยมีที่ภาคอีสานคือ  สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำสกลนคร (สถานแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดภาคอีสาน) ตั้งอยู่ภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสกลนคร ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร  โทร. 0 4271 1447  และจังหวัดอื่นๆ ดังนี้ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง ตั้งอยู่ ภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลระยอง ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง โทร. 0 3865 3741  สถานแสดงพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ  ตั้งอยู่ ภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดพิจิตร ต.ในเมือง อ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร โทร. 0 5661 1309  ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสตูล  ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล โทร. 0 7477 5455 สถานแสดงพันธุ์เต่าบกและเต่าน้ำจืดของไทยจังหวัดสตูล  ตั้งอยู่ภายในศูนย์วิจัยและประมงน้ำจืดสตูล หมู่ที่ 7 บ้านโกตา ตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล โทร. 0 7477 5455  ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพิษณุโลก ตำบลพรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก โทร. 0 5536 9066 พิพิธภัณฑ์ปลาบึกจังหวัดพะเยา ตั้งอยู่ภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา   โทร. …

ของขวัญปีใหม่ “กรมประมง” เปิดให้เข้า เบิ่งฟรี ! อควาเรียม 10 แห่งทั่วไทย อ่านเพิ่มเติม »

ปังหลาย! ชาวนากาฬสินธุ์ปราดเปรื่องผลิตข้าวเหนียวเขาวง  ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ 

ปังหลาย! ชาวนากาฬสินธุ์ปราดเปรื่องผลิตข้าวเหนียวเขาวง  ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ    กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าวอินทรีย์เป็นสุข จ.กาฬสินธุ์ ปลูกข้าวเหนียวไม่ใช้สารอินทรีย์ ได้มาตรฐาน GI GAP และ Organic Thailand เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.65 นายบุญถม ทะเสนฮด เกษตรกรปราดเปรื่อง ประธานกลุ่มข้าว GI ต.นาโก อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้มีการรวมกลุ่ม ภายใต้ชื่อกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าวอินทรีย์เป็นสุข พื้นที่รวมมากกว่า 2,000 ไร่ มีสมาชิก 300 คน  ซึ่งเกษตรกรมีการปลูกข้าวเหนียวเขาวง หรือ ข้าว กข6 ซึ่งเป็นข้าวที่ได้รับการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์มาจากศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวกาฬสินธุ์ กรมการข้าว เนื่องจากเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ไม่กลายพันธุ์ การลด ละ เลิก ในการใช้สารเคมี ด้วยการใช้ และแหนแดง ในการควบคุมวัชพืช การใช้สารชีวภัณฑ์ ไตรโคเดอร์มา เป็นต้น  ซึ่งนอกจากจะไม่ปล่อยมลภาวะทางดิน น้ำ และอากาศแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรมีกำไรเหลือเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย พร้อมทั้งยังถือคติการทำนาที่ “ครอบครัวสนับสนุน สมาชิกรวมใจ ร่วมมือ ร่วมพัฒนา มีเป้าหมาย” อีกด้วย นางวิจิตร แสงทอง เกษตรปราดเปรื่อง ผู้ผลิตข้าวเหนียวเขาวง กล่าวว่า นอกจากนี้ทุกกระบวนการผลิตยังได้มาตรฐาน GI GAP และ Organic Thailand ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับของผู้บริโภค ภายใต้แบรนด์ ข้าวเล่าชีวิต และแบรนด์นาโก โดยผลิตภัณฑ์ข้าวที่ทำก็มีอย่างหลากหลาย คือ ประเภทข้าวสุญญากาศ (ข้าวกล้องมะลิเป็นสุขนาโก ข้าวเหนียวเขาวงเป็นสุข ข้าวไรซ์เบอร์รี ข้าวดัชนีต่ำ ข้าวไทนาโก จำหน่ายราคา 70 บาท ), ขนมข้าวสินเหล็กป๊อบ รสนมเนย, เครื่องดื่มข้าวหมัก รสข้าวเหนียวเขาวง ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำตาล เป็นต้น ทั้งนี้การพัฒนาการผลิตและจำหน่ายข้าวของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าวเป็นสุข ยังคงพัฒนาการผลิตข้าวให้ออกมาป็นผลิตภัณฑ์จากข้าวทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ข้าวของกลุ่มฯ เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และสามารถรับประทานได้ทุกที่ ทุกเวลา อย่างหลากหลายรูปแบบ สามารถสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชน และช่วยส่งเสริมให้ข้าวมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นอีกด้วย   อ้างอิงจาก:  ไทยรัฐ  #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ข้าวเหนียวเขาวง #ข้าวกข6 #กาฬสินธุ์

เริ่ดแฮง !  Advice ปักหมุดภาคอีสาน เปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกใจกลางเมืองขอนแก่น 

เริ่ดแฮง !  Advice ปักหมุดภาคอีสาน เปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกใจกลางเมืองขอนแก่น    ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ไอทีและศูนย์กลางกระจายสินค้า ยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้ง พร้อมเป็น IT Community แห่งแรกในภาคอีสาน  บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด เปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกใจกลางเมืองขอนแก่น วางกลยุทธ์นอกเหนือจากเป็นแหล่งรวมผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีทุกประเภทตั้งแต่ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก เกมมิ่งเกียร์ อุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ แฟลกชิปสโตร์แห่งนี้ยังเป็นศูนย์รวมบริการให้กับลูกค้าแบบครบวงจร (One-Stop Service) และเป็นพื้นที่สำหรับคนไอทีในฐานะ IT Community ที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน มุ่งหวังเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับการเข้าถึงเทคโนโลยีให้กับผู้บริโภคในทุกพื้นที่ แอดไวซ์แฟลกชิปสโตร์ตั้งอยู่บนถนนศรีจันทร์ใจกลางเมืองขอนแก่น บนพื้นที่กว่า 488 ตารางเมตร จัดโซนให้ลูกค้าได้เลือกซื้อสินค้าเต็มพื้นที่ด้วยผลิตภัณฑ์ไอทีและเทคโนโลยีล่าสุดมากกว่า 10,000 รายการ พร้อมโซน Service ที่ให้บริการก่อนและหลังการขายแบบครบวงจรโดยทีมงานที่เชี่ยวชาญทั้งในด้านอัพเกรดฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ตรวจเช็คหรือส่งซ่อม อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าด้วยพื้นที่สำหรับนั่งทำงานระหว่างรอใช้บริการในโซน Work From Here รวมถึงลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานก็สามารถเข้าใช้บริการได้ ทั้งหมดนี้ตอบสนองความต้องการและอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคในภาคอีสาน และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การบริโภคที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผลสำรวจของ สถาบันความเป็นอยู่ ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) เผยว่า ภาพรวมตลอดปี 2564 ภูมิภาคที่มีการใช้จ่ายสูงสุด คือ ภาคอีสาน จากสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และการเดินทางกลับภูมิลำเนาจากการเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ ในช่วงการระบาดของของโควิด-19 ทำให้มีการวางแผนอยู่แบบระยะยาวและยังคงติดไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ จึงทำให้เกิดการใช้จ่ายที่มากขึ้น สอดคล้องกับผลสำรวจของ TikTok ที่กล่าวถึงพฤติกรรมการย้ายถิ่นฐานและการกลับมาใช้ชีวิตในถิ่นกำเนิด เมื่อผู้คนสามารถเรียนหรือทำงานออนไลน์ได้ ชีวิตในเมืองหลวงจึงไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นอีกต่อไป นอกจากนี้ ผู้บริโภคภาคอีสานยังถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Early Adopter ที่ชื่นชอบการทดลองใช้ คลั่งใคล้บริการใหม่ ๆ ไม่ต่างจากคนกรุงเทพฯ โดยมีกำลังการใช้จ่ายในช่องทางออนไลน์เฉลี่ย 2,800 บาทต่อคน หรือมากกว่าคนกรุงเทพถึง 1.3 เท่า สินค้ายอดนิยม ได้แก่ สินค้าในด้านความงาน แฟชั่น เครื่องประดับ อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ณัฎฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด กล่าวว่า “แอดไวซ์มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอทีมานาน การเปิดแฟลกชิปสโตร์ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับการดำเนินธุรกิจของแอดไวซ์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีล่าสุดให้กับผู้บริโภค แต่ยังเป็นการตอบสนองความต้องการด้านการบริการให้กับผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นหนึ่งช่องทางในการกระจายโอกาสในการเข้าถึงด้านเทคโนโลยีให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งทางภาครัฐและเอกชนก็เริ่มเข้ามาลงทุน พัฒนา และส่งเสริมการเข้าถึงด้านเทคโนโลยีมากขึ้นด้วย ซึ่งแฟลกชิปสโตร์ที่ขอนแก่นนี้จะเป็นต้นแบบของแฟลกชิปสโตร์ในภูมิภาคอื่น ๆ อีกต่อไป ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจในปีหน้า แอดไวซ์ยังคงมุ่งมั่นในด้านการส่งมอบโอกาสทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้บริโภค พร้อมด้วยกิจกรรมและข้อเสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษต่าง ๆ ที่เราเตรียมไว้ต้อนรับทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์” ปัจจุบัน แอดไวซ์มีทั้งหมด 338 สาขา ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย รวมถึงในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ถือเป็นผู้จำหน่ายสินค้าไอทีที่มีหน้าร้านครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ นอกจากนี้ ยังวางจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในหลากหลายแพลตฟอร์ม …

เริ่ดแฮง !  Advice ปักหมุดภาคอีสาน เปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกใจกลางเมืองขอนแก่น  อ่านเพิ่มเติม »

ฟิตหลาย “ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ” จัดยิ่งใหญ่ ชิงเงินรางวัลกว่า 2 ล้านบาท

ฟิตหลาย “ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ” จัดยิ่งใหญ่ ชิงเงินรางวัลกว่า 2 ล้านบาท   การแข่งขันขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ 2023 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 28-29 ม.ค. 66 นี้ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า “ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ” เป็นความร่วมมือทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันจัดขึ้นทุกปี เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นรายการวิ่งระดับนานาชาติแห่งแรกของภาคอีสาน และจัดต่อเนื่องจนเป็นประเพณีงานวิ่งที่จัดขึ้นในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคมของทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนและเยาวชนได้ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ก้าวไปสู่การวิ่งระยะไกลในระดับมาตรฐานสากล ทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดขอนแก่น ตลอดจนเป็นมหกรรมกีฬามวลชนที่สร้างชื่อเสียงให้จังหวัดขอนแก่นและประเทศชาติอีกด้วย การจัดวิ่งครั้งนี้ มีการวิ่งครบทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ มาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน มินิมาราธอน และประเภทฟันรันเดินวิ่งเพื่อสุขภาพ โดยมีรางวัลเงินสดกว่า 2,000,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทาน สำหรับการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ได้เปลี่ยนเส้นทางวิ่งในประเภทฟันรันหรือเดินวิ่งเพื่อสุขภาพระยะทาง 5.4 กิโลเมตร มีจุดปล่อยตัวและเส้นชัยภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยจะวิ่งในวันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2566 ปล่อยตัวเวลา 07.00 น. ในขณะที่การวิ่งระยะไกลทั้งฟูลมาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน และมินิมาราธอน ในวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2566 มีจุดปล่อยตัวและเส้นชัยที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) กล่าวต่อว่า การแข่งขันวิ่งครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยริเริ่มเพื่อสนับสนุนส่งเสริมการออกกำลังกายของประชาชน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นรากฐานที่ดีในการพัฒนาประเทศ และเพื่อเป็นการรณรงค์ป้องกันการเสพสารเสพติดของเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีอีกกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นดำเนินการควบคู่กับการจัดการแข่งขันขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ นั่นคือ การจัดโครงการ “สานฝันสู่วันขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ” ซึ่งจัดต่อเนื่องทุกปี โดยการประสานความร่วมมือกับโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดขอนแก่น และภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 60 โรงเรียน ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกในโรงเรียน และสนับสนุนงบประมาณและบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญถ่ายทอดองค์ความรู้ในการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการอีกด้วย   อ้างอิงจาก: https://mgronline.com/local/detail/9650000114924    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ #ขอนแก่น #มข 

ม่วนคัก! เปิดประวัติ ระเบียบวาทะศิลป์ หมอลำดังแห่งยุค  เขย่า “Big Mountain” วัยรุ่นแน่นหน้าเวที

ม่วนคัก! เปิดประวัติ ระเบียบวาทะศิลป์ หมอลำดังแห่งยุค  เขย่า “Big Mountain” วัยรุ่นแน่นหน้าเวที   เทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่แห่งปีอย่าง บิ๊กเมาน์เท่น มิวสิก เฟสติวัล 2022 (Big Mountain Music Festival 2022) ซึ่งปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-11 ธันวาคม 2565 ที่ The Ocean เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ มีศิลปินเข้าร่วมกว่า 150 ศิลปิน รวมไปถึง คณะหมอลำ “ระเบียบวาทศิลป์” และ ศิลปินลูกทุ่งอย่าง จ๊ะ นงผณี โดยบรรยากาศการแสดงคณะหมอลำ “ระเบียบวาทศิลป์” เป็นไปด้วยความคึกคักสนุกสนาน เหล่าวัยรุ่นแฟนเพลงหน้าใหม่ และหน้าเก่า  ต่างเข้ามาชมการแสดงอย่างหนาแน่น ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงเป็นอย่างมาก ขณะที่กระแสโซเชียลในโลก TikTok ต่างมีการแชร์คลิปการแสดงของ “ระเบียบวาทศิลป์” กันมากมายหลายคลิป  พร้อมกับระบุว่า เป็นเวทีที่อลังการที่สุดแล้วในงาน และ มีความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้วงหมอลำระเบียบวาทะศิลป์ เป็นวงหมอลำที่กำเนิดมาจาก จ.ขอนแก่น โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2507 โดย คุณพ่อระเบียบ พลล้ำ (เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2559)  และ คุณแม่ดวงจันทร์ พลล้ำ (เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2548) ซึ่งคุณพ่อระเบียบได้สร้างวงระเบียบวาทะศิลป์มาจากความรัก  โดยตอนเริ่มต้นก่อตั้งวงระเบียบวาทะศิลป์ มีสมาชิกเพียงแค่ 4 คน พร้อมกับเครื่องดนตรีที่มีน้อยชิ้นแค่ กลองยาว กับ แคน และใช้ความรู้ความสามารถเรียนรู้งานการแสดงหมอลำมาจาก แม่แซง แสงอรุณ ผู้ที่ก่อตั้งและเป็นเจ้าของวงหมอลำพื้นบ้านในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งทาง คุณพ่อระเบียบ และ คุณแม่ดวงจันทร์ รับบทเป็นพระนางในวงหมอลำนี้ด้วยตัวเอง แต่จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่นจึงทำให้วงระเบียบวาทะศิลป์กลายเป็นวงหมอลำชื่อดัง และมีชื่อเสียงในแทบภาคอีสาน  โดยภายหลังจากที่ คุณแม่ดวงจันทร์ และ คูรพ่อระเบียบ เสียชีวิต เอ๊ะ ภักดี พลล้ำ ลูกชายได้เข้ามาดูแลเป็นเสาหลักของวงแทนคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ เอ๊ะ เคยเปิดใจว่าความตั้งใจของคุณพ่อและคุณแม่ อยากให้วงระเบียบวาทะศิลป์อยู่คู่กับแผ่นดินเมืองอีสานไปยาวนานแสนนาน ปัจจุบันวงระเบียบวาทะศิลป์ ขึ้นชื่อว่าเป็นวงหมอลำอันดับต้นของภาคอีสาน ถึงยุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่วงระเบียบวาทะศิลป์ก็ปรับตัวแต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นหมอลำพื้นฐานทางภาคอีสานได้เป็นอย่างดี เรียกว่าเป็นวงหมอลำคิวทองเลยก็ว่าได้ เพราะก่อนหน้านี้ระเบียบวาทะศิลป์ได้เข้าร่วมบนเวที Miss Grand Thailand 2022 เพื่อเฟ้นหาตำแหน่ง มิสแกรนด์ไรซ์ซิ่งสตาร์ ที่เรียกกระแสฮือฮาและได้รับความสนใจจากแฟนเวทีนางงาม และแฟนหมอลำได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว   อ้างอิงจาก: https://music.trueid.net/th-th/detail/Zv4ZqqpxRJOj  https://www.tnnthailand.com/news/socialtalk/133026/    #ISANInsightAndOutlook …

ม่วนคัก! เปิดประวัติ ระเบียบวาทะศิลป์ หมอลำดังแห่งยุค  เขย่า “Big Mountain” วัยรุ่นแน่นหน้าเวที อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง “กลุ่มมิตรผล” จัด ISAN BCG Expo 2022 ยกระดับภาคเกษตร ที่ตึก Khon Kaen Innovation Center

พามาเบิ่ง “กลุ่มมิตรผล” จัด ISAN BCG Expo 2022 ยกระดับภาคเกษตร ที่ตึก Khon Kaen Innovation Center   ภาคเกษตรเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญของไทย โดยมีประชากรมากถึง 27 ล้านคนอยู่ในภาคเกษตร แต่เกษตรกรไทยส่วนใหญ่ยังขาดองค์ความรู้และการพัฒนาอย่างเหมาะสม โดยส่วนมากทำการเกษตรแบบดั้งเดิมมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้เกษตรกรไทยมีรายได้น้อย ขาดความมั่นคงในชีวิต นำไปสู่ความเหลื่อมล้ำทางสังคมไทยในที่สุด “กลุ่มมิตรผล” ผู้นำในอุตสาหกรรมการเกษตร ผนึกพันธมิตรภาครัฐ-เอกชน จัดงาน “ISAN BCG Expo 2022” งานมหกรรมนวัตกรรมยั่งยืนใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน 9-12 ธ.ค.65 ที่ ขอนแก่น อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ (KKIC) ภายใต้แนวคิด Collaboration | “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ”  ผลักดันให้อีสานเป็นศูนย์กลางสร้างเศรษฐกิจไทยสู่ภูมิภาคอาเซียน หวังยกระดับเทคโนโลยีทางการเกษตรและอาหาร สร้างความเข้มแข็งให้แก่ภาคอีสาน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาจังหวัดขอนแก่นสู่ Smart City รวมทั้งโอกาสในการพัฒนาอีสานให้เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมของลุ่มน้ำโขงได้ในอนาคต โดยจัดแสดงให้เห็นถึงความพร้อมและนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ผ่านโซนต่างๆ เช่น Creative, Innovative และ Green เป็นการประยุกต์ใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีหมุนเวียน และเทคโนโลยีสีเขียว เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ยกระดับเทคโนโลยีทางการเกษตรและอาหาร ตลอดจนการท่องเที่ยวและเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์   กลุ่มมิตรผลได้ดำเนินการพัฒนาชุมชนผ่านตำบลมิตรผล ร่วมพัฒนา 21 ตำบล ใน 7 จังหวัด โดยมีกรอบเป้าหมายการทำงานที่มีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) มาโดยตลอด โดยมีเป้าหมายหลัก ได้แก่ 1. การจัดการชุมชนอย่างยั่งยืน มุ่งส่งเสริมและปรับเปลี่ยนวิธีคิด การปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตของคนในชุมชน รวมถึงมีการจ้างงานผู้พิการในชุมชน เพื่อสนับสนุนโอกาสในการสร้างอาชีพ และความภาคภูมิใจให้แก่ผู้พิการ 2. การพัฒนาระบบเกษตรชุมชนและอาหารปลอดภัย ที่ส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตของชุมชนในหลายด้าน ทั้งการปลูกอยู่ปลูกกิน ลดการพึ่งพิงจากภายนอก มีอาหารที่ปลอดภัยบริโภค รวมถึงสนับสนุนให้ชุมชนมีรายได้เสริมจากการผลิตพืชผักปลอดภัยขายอีกด้วย 3. การพัฒนาระบบเศรษฐกิจชุมชน ที่ส่งเสริมและพัฒนาสินค้าบนพื้นฐานของความถนัด ความสามารถ และทรัพยากรของชุมชนที่มีอยู่ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และเงินหมุนเวียน 4. การพัฒนาด้านการศึกษา โดยเน้นหลักสูตรให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มุ่งเน้นการบ่มเพาะทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวเอง (Self-Learning) และการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-Long Learning) เน้นการลงมือทำ ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินผ่านโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School) จำนวน 8 แห่ง ใน 6 จังหวัด  มีการส่งเสริมให้นำแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์มาประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพ การสนับสนุนกลุ่มปลูกผัก ผ่านการรับรองมาตรฐานผักปลอดภัย (GAP) มีการใช้ปุ๋ยชีวภาพ เตาเผาถ่านน้ำส้มควันไม้เพื่อใช้ป้องกันและกำจัดศัตรูพืช และอยู่ระหว่างพัฒนาสู่มาตรฐานผักอินทรีย์ …

พามาเบิ่ง “กลุ่มมิตรผล” จัด ISAN BCG Expo 2022 ยกระดับภาคเกษตร ที่ตึก Khon Kaen Innovation Center อ่านเพิ่มเติม »

ฉุดบ้อยู่ ! “พาณิชย์” ร่วมมือเชฟมิชลิน  โปรโมตอาหารใช้วัตถุดิบ GI จากอีสาน

ฉุดบ้อยู่ ! “พาณิชย์” ร่วมมือเชฟมิชลิน  โปรโมตอาหารใช้วัตถุดิบ GI จากอีสาน   นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เตรียมร่วมมือกับมิชลินไกด์ประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทำการเปิดตัวอาหารที่ใช้วัตถุดิบได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากแหล่งผลิตในภาคอีสาน 4 สินค้า ใน 3 จังหวัด ได้แก่  – ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์  – หอมแดงศรีสะเกษ  – กระเทียมศรีสะเกษ – เนื้อโคขุนโพนยางคำ จังหวัดสกลนคร  ที่ได้เชฟระดับมิชลิน เชฟชาลี กาเดอร์ จากร้าน 100 Mahaseth (100 มหาเศรษฐ์) ร้านอาหารอีสานที่ได้รางวัลบิบ กูร์มองด์ จากมิชลินไกด์ประเทศไทย และเชฟเดวิด ฮาร์ตวิก จากร้าน IGNIV Bangkok ที่ได้รับรางวัลหนึ่งดาวมิชลิน ประจำปี 2565 ได้ไปลงพื้นที่ไปคัดเลือกวัตถุดิบก่อนหน้านี้ ทำการคัดเลือกวัตถุดิบเพื่อนำมาใช้ทำอาหาร และจะทำการเปิดตัวให้ทดลองชิมในวันที่ 14 ธ.ค. 2565 นี้ โดยมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันให้สินค้า GI ที่เป็นวัตถุดิบทำอาหารเป็นที่รู้จักได้เพิ่มขึ้น และเพิ่มรายได้ให้ผู้ผลิตได้มากขึ้น และยังจะส่งผลดีต่อสินค้า GI อื่นๆ ที่จะเป็นที่ต้องการมาใช้เพื่อเป็นวัตถุดิบทำอาหารมากขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสินค้า GI ไทย 136 รายการ จากทั้งหมด 171 รายการ เป็นสินค้าประเภทอาหารและผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นซอฟต์เพาเวอร์ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ เป็นเครื่องมือสำคัญในการถ่ายทอดเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชุมชนในแต่ละท้องถิ่น เมื่อนำมาผนวกกับการท่องเที่ยวเชิงอาหาร และสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ นายวุฒิไกรกล่าวว่า สินค้า GI ประเภทอาหารและผลผลิตทางการเกษตร ล้วนเป็นสินค้าคุณภาพที่ขึ้นชื่อของจังหวัด มีกระบวนการผลิตและควบคุมคุณภาพที่ได้มาตรฐาน ก่อนส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ หากนำมาต่อยอดโดยเฉพาะด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย จะยิ่งช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มมากขึ้น สำหรับข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์มีปริมาณการผลิต 437,468 ตันต่อปี มูลค่า 6,343 ล้านบาท หอมแดงศรีสะเกษ มีปริมาณการผลิต 63,000 ตันต่อปี มูลค่า 2,292 ล้านบาท กระเทียมศรีสะเกษ มีปริมาณการผลิต 2,180 ตันต่อปี มูลค่า 218 ล้านบาท และเนื้อโคขุนโพนยางคำ มีปริมาณการผลิต 123 ตันต่อปี มูลค่า 30 ล้านบาท รวมสินค้าสินค้า GI ทั้ง 4 รายการ สร้างรายได้รวมกว่า 8,880 ล้านบาทเลยทีเดียว   อ้างอิงจาก:  ผู้จัดการออนไลน์ มติชน …

ฉุดบ้อยู่ ! “พาณิชย์” ร่วมมือเชฟมิชลิน  โปรโมตอาหารใช้วัตถุดิบ GI จากอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ชาวอุดรฯ ปลื้มแฮง หนุน “อุทยานฯภูพระบาท” ขึ้นทะเบียนมรดกโลก

ชาวอุดรฯ ปลื้มแฮง หนุน “อุทยานฯภูพระบาท”  ขึ้นทะเบียนมรดกโลก   นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยภายหลัง การประชุมคณะกรรมการแห่งชาติ เรื่อง อนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก (กอม.) ได้ทราบความคืบหน้าการดำเนินการขอขึ้นทะเบียน เมืองโบราณศรีเทพ แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน และได้พิจารณาเห็นชอบ เสนอให้ “อุทยานประวัติศาสตร์ ภูพระบาท” ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก (Nomination Dossier)  ซึ่งเป็นแหล่งมรดกวัฒนธรรมแบบต่อเนื่อง มีจำนวน 2 พื้นที่ ประกอบด้วยอุทยานประวัติศาสตร์ ภูพระบาท และแหล่งวัฒนธรรมสีมา วัดพระพุทธบาทบัวบาน ครอบคลุมพื้นที่ 3,661 ไร่เศษ ในพื้นที่ อ. บ้านผือ จ.อุดรธานี ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงความก้าวหน้าการอนุรักษ์พื้นที่ กลุ่มป่าแก่งกระจาน รวมทั้งแหล่งอื่น ๆ ด้วย ให้ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อยืนยันความทุ่มเท และความจริงใจ คุ้มครองแหล่งมรดกโลก ทุกแห่งของประเทศไทย ให้คงคุณค่าตามหลักสากล และเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานคนไทย สำหรับอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท มีที่มาจากรอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐานอยู่บนเทือกเขา และภายในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทยังมีเสาหิน และเพิงหินขนาดใหญ่กระจายตัวอยู่ทั่วไป เพิงหินเหล่านี้เป็นหินทรายของหมวดหินภูพาน มีอายุราว 130 ล้านปีมาแล้ว ที่ถูกกระบวนการทางธรรมชาติกัดเซาะ โดยน้ำและลมมาเป็นเวลาหลายล้านปีจึงทำให้สภาพภูมิประเทศแปรเปลี่ยนเป็นเสาหิน และเพิงหินรูปร่างสวยงามแปลกตาเช่นในปัจจุบัน นอกจากนี้ในปี พ.ศ.2535 กรมศิลปากร ดำเนินการก่อตั้ง “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ขึ้นเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรักษาในส่วนที่เป็นหลักฐานทางโบราณคดี และโบราณสถานอีกมากมาย ที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของภูพระบาท  โบราณที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่าง คือ หอนางอุสา ถือเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท มีลักษณะเป็นเพิงหินธรรมชาติขนาดใหญ่ที่เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ มีความสูง 10 เมตร รูปร่างคล้ายดอกเห็ด ตั้งอยู่กลางลานหินโล่งกว้างทำให้ดูโดดเด่นกว่าโบราณสถานจุดอื่น ๆ จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบทำให้สันนิษฐานได้ว่า หอนางอุสามีอายุเก่าแก่ถึงสมัยทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 12 – 16 โดยถูกดัดแปลงเพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางพุทธศาสนาอีกด้วย   อ้างอิงจาก:  ฐานเศรษฐกิจ   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ภาคอีสาน #อุดรธานี #อุทยานภูพระบาท #หอนางอุสา #มรดกโลก #บ้านผือ

ปังหลาย “ผ้าไหมปักธงชัย เนื้อโคราชวากิว” สินค้าโคราชต้อนรับผู้นำ APEC 2022

โคราชสุดภูมิใจ 2 สินค้า “ผ้าไหมปักธงชัย เนื้อโคราชวากิว” ต้อนรับผู้นำ APEC 2022   APEC (Asia-Pacific Economic Cooperation) เป็นเวทีการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกโลก มีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการเปิดเสรีการค้าการลงทุน ความร่วมมือในด้านมิติสังคมและการพัฒนาด้านอื่น ๆ    ซึ่งในปี 2022 นี้ ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคตลอดทั้งปี รวมถึงการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา โดยผลิตภัณฑ์ของ จ.นครราชสีมา ได้รับการคัดเลือกเพื่อจัดทำ “ของที่ระลึก APEC 2022”  โดยถูกบรรจุเป็น 1  ในรายการของที่ระลึก ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นไทยที่โดดเด่นร่วมสมัย สะท้อนถึง “Soft Power” ให้นานาชาติประชาสัมพันธ์ขยายผลต่อยอด และเผยแพร่ได้รับรู้อย่างกว้างขวาง ซึ่งของที่ระลึก คือ ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือ ย้อมสีธรรมชาติ จากเปลือกมะพร้าว ภูมิปัญญาท้องถิ่น อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พิมพ์ลายตราสัญลักษณ์ชะลอม ประกอบด้วย เนคไท ผ้าคลุมไหล่ ผ้าเช็ดหน้า หน้ากากผ้า ของขวัญและของที่ระลึกนี้ บรรจุในกล่องไม้ยางพาราฆ่าเชื้อ ประดับตราสัญลักษณ์ APEC 2022 ด้านหน้าบรรจุภัณฑ์   ทั้งนี้ รัฐบาลได้จัดเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC (Gala Dinner) เมื่อค่ำวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เมนูอาหารทุกจานเป็นไปตามแนวคิดหลักของการประชุม Open. Connect. Balance. Open. หมายถึง เปิดประสบการณ์สู่อาหารไทย อาหารทุกจานเป็นอาหารเมนูฟิวชัน มีความหลากหลายของสี กลิ่น และสัมผัส สร้างความพึงพอใจให้กับผู้นํา APEC คู่สมรส และผู้เข้าร่วมการประชุม   โดยเนื้อวัวโคราชวากิวเสิร์ฟเป็นเมนูอาหารเรียกน้ำย่อย จากการคัดของดีจาก 4 ภาค  ออกมาเป็นเมนูโคราชวากิวย่างถ่านสมุนไพรจิ้มแจ่ว ดึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเนื้อวัวโคราชวากิวออกมาได้อย่างโดดเด่น ซึ่งเนื้อวัวโคราชวากิว ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ โดย รศ. ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย จากสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เนื้อวัวโคราชวากิวมีจุดเด่น คือ คล้ายกับเนื้อของออสเตรเลีย เป็นวากิวลูกผสมเหมือนกัน  มีการเลี้ยงที่บ้านของเกษตรกรรายย่อย ขุนประณีตแบบญี่ปุ่น มีการดูแลอย่างทั่วถึง และข้อได้เปรียบคือ อาหารธัญพืชใช้สำหรับขุน ตั้งแต่รำข้าว ปลายข้าว ข้าวโพด หรือแม้แต่มันสำปะหลัง เป็นแหล่งอาหารที่จะช่วยทำให้มีไขมันแทรกดี ซึ่งเกษตรกรมีพร้อมทั้งต้นทุนและวิธีการเลี้ยงดู การประชุม APEC ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการสนับสนุนสินค้าไทย โปรโมทของดีเมืองโคราช ทําให้ทั่วโลกรู้จักและสร้างโอกาสจะทําให้เกิดอาชีพ เกิดรายได้ สําคัญที่สุดจะทําให้โคราชเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป เพราะคนอยากจะมากินเนื้อวากิวโคราช อยากมาซื้อผ้าไหมปักธงชัยเพิ่มมากขึ้น นำไปสู่การเจริญเติบโตการกระตุ้นเศรษฐกิจ  …

ปังหลาย “ผ้าไหมปักธงชัย เนื้อโคราชวากิว” สินค้าโคราชต้อนรับผู้นำ APEC 2022 อ่านเพิ่มเติม »

ม่วนคัก ! ใหญ่สุดในอีสาน “เฉียงเหนือเฟส” เทศกาลดนตรี

ม่วนคัก ! ใหญ่สุดในอีสาน “เฉียงเหนือเฟส” เทศกาลดนตรี   เทศกาลดนตรีใหม่และใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน โดย ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น และจัดโดยทีมผู้จัดงานที่มีไอเดียสุดสร้างสรรค์อย่าง ‘All Area’ ภายใต้หน่วยงาน ‘GMM SHOW’ ในเครือ ‘GMM GRAMMY’  สร้างประสบการณ์ใหม่และความประทับใจให้กับชาวภาคอีสาน ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อทำให้งานแตกต่างและตอบโจทย์แฟน ๆ มากที่สุด โดยจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 ณ บขส.3 ขอนแก่น   ‘GMM SHOW’ พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ ด้วยสุดยอดเทศกาลดนตรีที่ตอบโจทย์ความต้องการของชาวภาคอีสานมากที่สุด จากประสบการณ์ในการจัดคอนเสิร์ตและมิวสิกเฟสติวัลมาอย่างยาวนาน จึงเกิดเป็นเทศกาลดนตรีใหม่และใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน โดยมีอัตลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย   อีกทั้งเล็งเห็นศักยภาพของจังหวัดขอนแก่นเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางความเจริญ ทั้งในด้านการค้า การลงทุน การบริการและการท่องเที่ยว รวมทั้งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีความพร้อมทั้งในด้านทำเลที่เชื่อมกับ 9 จังหวัดรอบข้าง ได้แก่ นครราชสีมา, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, มหาสารคาม, กาฬสินธุ์, บุรีรัมย์, ชัยภูมิ และเพชรบูรณ์ ขอนแก่นจึงเป็นจังหวัดที่มีโอกาสทางธุรกิจอย่างสูง   สำหรับจุดแข็งแรกของงานเฉียงเหนือเฟส คือ Line-Up ศิลปิน ที่มีทั้งศิลปินสายเลือดอีสาน และศิลปินที่ชาวอีสานอยากดูมากที่สุดกว่า 19 ศิลปิน บน 2 เวทีใหญ่ ‘เวทีเฉียง’ และ ‘เวทีเหนือ’ นำโดย Palmy, Cocktail, Three Man Down, Tilly Birds, Tattoo Colour, Polycat, Safeplanet, Taitosmith, Anatomy Rabbit, Whal & Dolph, ไปส่งกู บขส.ดู๊, UrboyTJ, Slapkiss, Sarah Salola, Asia7, โจอี้ ภูวศิษฐ์, Dept, Mirrr (เมอร์) และ Television Off    ซึ่งมีทั้งศิลปินที่สร้างแรงบันดาลใจ และความภาคภูมิใจให้ชาวอีสานอย่าง Tattoo Colour จากจังหวัดขอนแก่น, โจอี้ ภูวศิษฐ์ จากจังหวัดร้อยเอ็ด, Anatomy Rabbit จากจังหวัดอุดรธานี, ไปส่งกู บขส. ดู๊ จากจังหวัดขอนแก่น, SLAPKISS ที่มีสมาชิกในวงจากจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดสกลนคร   ด้วยปัจจัยดังกล่าว ‘GMM …

ม่วนคัก ! ใหญ่สุดในอีสาน “เฉียงเหนือเฟส” เทศกาลดนตรี อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top