Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

ททท.ขอนแก่น x บัสซิ่ง เปิดวิ่งบัส รอบดึกฟรี! ตลอดเดือน กันยายนนี้!!

ไปดื่ม ไปดริ้ง จะหาของกินมื้อดึก สตรีทฟู้ด โต้รุ่ง ร้านนม สายเที่ยวตอนกลางคืนห้ามพลาด ททท.ขอนแก่น x บัสซิ่ง เตรียมให้บริการ 𝗞𝗵𝗼𝗻 𝗞𝗮𝗲𝗻 𝗡𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗕𝘂𝘀! . #ให้บริการฟรี ตลอดเดือนกันยายนนี้ เส้นทาง ม.ขอนแก่น เมืองขอนแก่น ตั้งแต่ 21.00 – 01.00 น. สะดวกสบาย ปลอดภัย แถมยังได้เที่ยวกลางคืนแบบชิลล์ๆ ชาวขอนแก่นสายกินดึกไม่ต้องกังวลเรื่องด่านแล้วจ้า นั่งขนส่งสาธารณะไปม่วนจอยรอบขอนแก่นได้เลย ตั้งแต่ 1 กันยายนนี้ นั่งรถบัสเที่ยวพิเศษ สาย Night Route ฟรี รถให้บริการตั้งแต่ 3 ทุ่ม – ตี 1 วิ่งจากกังสดาล – กัลปพฤกษ์ – เซ็นทรัล – ศรีจันทร์ – หลังเมือง – รื่นรมย์ – ประชาสำราญ – มิตรภาพ ผ่านบาร์ ร้านนม ตลาดโต้รุ่ง ดูตารางเวลา และพิกัดรถผ่าน line @kkcitybus โครงการดีๆ จาก ททท. ขอนแก่น . ยิ่งไปกว่านั้น! มีกิจกรรมสะสมแต้มลุ้นรับของรางวัลสุดเจ๋งรออยู่เพียบ รับรองว่าถูกใจทั้งสายเด็กอ้วน สายเด็กดี และสายปาร์ตี้แน่นอน! รอติดตามเร็วๆ นี้เด้อ ╔═══════════╗ เช็คตาราง/ตำแหน่งรถ/สอบถาม ที่ LINE เพิ่มเพื่อน @kkcitybus หรือคลิก https://lin.ee/tbeGC09 เวลาอาจคลาดเคลื่อนตามสภาพการจราจร ╚═══════════╝ #ขอนแก่นซิตี้บัส #KKcitybus #ขอนแก่น #ไปขอนแก่น #รีวิวขอนแก่น #เที่ยวขอนแก่น #กินเที่ยวขอนแก่น #ขอนแก่นแล่นโลด #ให้บริการฟรี #นั่งฟรี  ไปเลาะยามแลง หาของกินมื้อดึก สตรีทฟู้ด โต้รุ่ง ร้านนม สายเที่ยว มาครบ!! เตรียมตัวให้พร้อม มาร่วมจอยกิจกรรมสะสมแต้มเพื่อลุ้นรับของรางวัล เพิ่มเพื่อน LINE @kkcitybus หรือคลิก https://lin.ee/tbeGC09 ไว้เลยเด้อ

ททท.ขอนแก่น x บัสซิ่ง เปิดวิ่งบัส รอบดึกฟรี! ตลอดเดือน กันยายนนี้!! อ่านเพิ่มเติม »

อะไรทำให้ เศรษฐกิจอีสาน ฟื้นตัวช้า คาดการณ์ การเติบโตต่ำกว่า 1%💼

แบงค์ชาติคาดการณ์ ปีนี้ #อีสานฟื้นตัวแล้ว จากภาคการค้าที่ดีขึ้น แต่ก็ยังโตขึ้นไม่ถึง 1% เหตุ ภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวช้า การเกษตรหดตัว และภาคอสังหาฯ ได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือน   เศรษฐกิจอีสาน ปี 66 หดตัวที่ -2.2 ถึง -1.2% ขณะที่ปี 67ขยายตัวเล็กน้อยที่ -0.1 ถึง 0.9% ปี 2566 หดตัวจากภาคอุตสาหกรรมกลุ่มผลิตอิเล็กทรอนิกส์ ที่หดตัวเนื่องจากสินค้าคงคลังของคู่ค้ายังอยู่ในระดับสูงจาก อุปสงค์ที่ฟื้นตัวช้า เช่นเดียวกับผลผลิตเกษตรที่หดตัว ในพืชสำคัญทำห้กำลังซื้อในภาคการค้าลดลง ด้านภาค อสังหาริมทรัพย์หดตัวตามยอดขายที่เร่งไปในปีก่อนหน้า ประกอบกับสถาบันการเงินระมัดระวังการอนุมัติสินเชื่อ อย่างไร ก็ดี ภาคก่อสร้างขยายตัวได้เล็กน้อยจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ใหม่ หลังจากที่ผู้ประกอบการเร่งระบายสต๊อกไปในปีก่อน  ปี 2567 ขยายตัวเล็กน้อย จากภาคการค้าตามกิจกรรมทาง เศรษฐกิจที่ทยอยปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรม ยังฟื้นตัวช้าตามการฟื้นตัวของภาคอิเล็กทรอนิกส์ และผลผลิต เกษตรยังหดตัว เช่นเดียวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับ ผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง บั่นทอน ความสามารถในการซื้อและผ่อนชำระ สรุปภาพรวมเศรษฐกิจอีสาน ในปี 2566 -🌾 รายได้ในภาคการเกษตรมีการ หดตัว ⬇️ -2.8% YOY จากผลผลิตมันสำปะหลังและอ้อยเป้นสำคัญ เนื่องจากผุ็ปลูกมันสำปะหลังพบปัญหาใบด่าง ส่วนอ้อยพบปัญหาจากภัยแล้ง ส่วนยางและปศุสัตว์ระดับขยายตัวเล็กน้อยแต่มีราคาที่ถูกลง –รายได้นอกภาคเกษตร หดตัวลง ⬇️ -1.3% YOY  จากภาคก่อสร้างและภาคบริการเป็นสำคัญ -🏛️มาตราการภาครัฐในการกระตุ้นการใช้จ่ายลดลง เช่น คนละครึ่ง,ช็อปดีมีคืน,เราเที่ยวด้วยกัน –ค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง +4.4% แม้ว่าเงินเฟ้อจะลดลง 0.98% ซึ่งทั้งหมดนั้นส่งผลให้ การบริโภคเอกชน ปี 2566 หดตัว -1.9% YOY        สินค้าหมวดยานยนต์ -15.6%     สิ้นค้าอุปโภคบริโภค -0.6%       สินค้าคงทน -6.3% -🏭การผลิตภาคอุตสาหกรรม หดตัว สอดคล้องกับการลงทุนเอกชนตามสภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ยังชะลอตัว        การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัว-4.7% YOY (2566) เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอและเครื่องแต่งกาย น้ำตาลสาย แป้งมันสำปะหลัง        การลงทุนเอกชน ด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์หดตัว -4.6% YOY เช่น การนำเข้าสินค้าทุน รถยนต์เชิงพาณิชย์ หมายเหตุ : ทั้งนี้ การศึกษาจัดทำประมาณการจากข้อมูลเบื้องต้น ณ ปัจจุบัน เพื่อเป็นประโยชน์กับธุรกิจและประชาชน และจะมีการทบทวนปรับปรุงประมาณการและเผยแพร่ปีละ 2 ครั้ง ผลมาจากปัจจัยหลายประการที่ซับซ้อนและมีผลกระทบต่อกัน ปัจจัยภายในภูมิภาค: ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรซึ่งเป็นฐานเศรษฐกิจหลักของภูมิภาค ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลงและส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกรอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ความผันผวนของราคาสินค้าเกษตรยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในภูมิภาค รวมถึงการขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและครอบคลุมทั่วถึงก็เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคเช่นกัน ปัจจัยภายนอก: สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์และปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าส่งออกของไทย

อะไรทำให้ เศรษฐกิจอีสาน ฟื้นตัวช้า คาดการณ์ การเติบโตต่ำกว่า 1%💼 อ่านเพิ่มเติม »

“คลองฟูนันเตโช” เมกะโปรเจกต์เชื่อมพนมเปญ-อ่าวไทย จะสะเทือนเศรษฐกิจไทย-เวียดนาม ได้อย่างไร? แล้วอีสานและแม่น้ำโขงจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

โครงการคลองฟูนันเตโช หรือชื่อเต็มคือ โครงการระบบขนส่งทางน้ำและโลจิสติกส์โตนเลบาสัก (Tonle Bassac Navigation Road and Logistics System Project) มีระยะทาง 180 กิโลเมตร เชื่อมเส้นทางคมนาคมทางเรือ โดยมีจุดเริ่มต้นจากแม่น้ำโขง บริเวณแปรกตาแก้ว ห่างจากใจกลางกรุงพนมเปญไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 30 กิโลเมตร ผ่านไปยังท่าเรือพนมเปญในแม่น้ำบาสัก และผ่านจังหวัดกันดาล ตาแก้ว กำปอด ไปถึงแกบ เมืองชายฝั่งทางใต้ของกัมพูชาติดกับอ่าวไทย โดยยังเป็นโครงการที่เชื่อมตรงระหว่างพนมเปญกับท่าเรือในสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกแห่งเดียวของประเทศ รวมถึงท่าเรือใหม่ในจังหวัดกำปอด คาดว่าโครงการขุดคลองสายนี้จะใช้เวลาดำเนินการ 4 ปีและน่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2028 กัมพูชาขุดคลอง ฟูนัน เตโช ระยะทาง 180 กม.ด้วยงบ 68,200 ล้านบาทจากประเทศจีน โดยมีความกว้าง 100 เมตร ลึก 5.4 เมตร เขื่อนกั้นน้ำ 3 แห่ง และสะพานข้ามคลองอีก 11 แห่ง เริ่มก่อสร้างปลายปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 4 ปี โดยจีนจะได้รับสัมปทานในคลองเป็นระยะเวลา 50 ปี ไม่ว่าจะเป็นรายได้ต่างๆ ค่าผ่านทางที่จะเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินงาน และผลกำไรต่างๆ ภาพจาก: Credit: AP Photo/Heng Sinith โครงการคลองฟูนันเตโชมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยงทางการค้าและอำนาจทางยุทธศาสตร์ของกัมพูชาผ่านการสนับสนุนจากจีนภายใต้กรอบของ Belt and Road Initiative (BRI) คลองฟูนันเตโชเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์กัมพูชาในการแสวงหาความอิสระทางยุทธศาสตร์ โดยลดการพึ่งพาเส้นทางการค้ากับเวียดนามและสร้างทางเลือกใหม่ที่ไม่ถูกครอบงำโดยอิทธิพลภายนอกโดยเฉพาะจากเวียดนาม โครงการนี้สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลกัมพูชาในการเสริมสร้างความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิภาคที่มีความซับซ้อนทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างลุ่มแม่น้ำโขง Smoke bombs are ignited during the groundbreaking ceremony of the Funan Techo Canal in Kandal province. Photo: AFP โครงการคลองฟูนันเตโชของกัมพูชามีโครงสร้างทางการเงินที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งมีการประมาณการว่าจะสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลกัมพูชา 88 ล้านดอลลาร์ในปีแรก และเพิ่มขึ้นถึง 570 ล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2050 โดยถูกออกแบบให้เป็นโครงการแบบสร้าง-ดำเนินการ-โอน (BOT) ภายใต้การสนับสนุนจากจีน แต่ยังไม่มีการระบุคู่สัญญาหลักอย่างชัดเจน แม้จะมีการประมาณรายได้ในระยะยาว แต่ความเสี่ยงทางการเงินสูงจากดอกเบี้ยที่สูงกว่าแหล่งทุนอื่น ๆ เช่น ธนาคารโลก อาจทำให้เกิดภาระหนี้สินในอนาคต การที่จีนสนับสนุนโครงการนี้ทำให้เกิดความกังวลต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ซึ่งอาจเห็นว่าการขยายอิทธิพลของจีนผ่านโครงสร้างพื้นฐานและการทหารเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงระดับภูมิภาค โครงการนี้อาจถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การขยายอำนาจของจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในบริเวณอ่าวไทยที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เนื่องจากอยู่ใกล้กับเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศและแหล่งทรัพยากรน้ำมันในทะเลจีนใต้ ความตึงเครียดที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการนี้สามารถสร้างผลกระทบทางการเมืองและความมั่นคงที่แผ่ขยายไปยังประเทศไทย ทำให้ต้องมีการวางแผนและปรับนโยบายการจัดการทรัพยากรและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหม่ ภาพจาก : BBC Thai จีนได้ขยายอิทธิพลในกัมพูชามาอย่างยาวนาน โดยเริ่มจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานผ่านโครงการ

“คลองฟูนันเตโช” เมกะโปรเจกต์เชื่อมพนมเปญ-อ่าวไทย จะสะเทือนเศรษฐกิจไทย-เวียดนาม ได้อย่างไร? แล้วอีสานและแม่น้ำโขงจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? อ่านเพิ่มเติม »

งานวิจัยพบ คนรุ่นใหม่🤑เล่นพนันออนไลน์ในปี 2566 เกือบ 1 ใน 3 หรือกว่า 2.9 ล้านคน💸โดย แซงหน้า พนันออฟไลน์เป็นที่เรียบร้อย

ในปี 2566 มีคนรุ่นใหม่เล่นพนันออนไลน์เกือบ 3 ล้านคนแซงหน้าการเล่นพนันออฟไลน์ ไปแล้วและกว่า 1 ล้านคนระบุว่าตนเองได้รับผลกระทบจากการเล่นพนัน เมื่อพิจารณาจากประเภทการเล่นพนันพบว่าเพศชายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากการพนันสูงกว่าเพศหญิงเพราะนิยมเล่นการพนันที่มีวงจรการเล่นพนันที่สั้นกระตุ้นให้เล่นซ้ำๆต่อเนื่องเสี่ยงต่อการสร้างพฤติกรรมเสพติดพนัน    ทุกๆปีมีเด็กและเยาวชนไทยก้าวเข้าสู่การพนันในฐานะนักพนันหน้าใหม่ ตั้งต้นจากภาพฉูดฉาดว่าการพนันเป็นดั่งสวนสนุกมีเครื่องเล่นตื่นเต้นสรวญเสเฮฮากับเพื่อนๆ หากแต่เวลาแห่งความสุขไม่ได้คงอยู่นานรู้ตัวอีกทีอาจตกอยู่ในเขาวงกตไร้ทางออก ยิ่งในปัจจุบันโลกออนไลน์ตามติดชีวิตคนรุ่นใหม่ไปทุกที่การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทำให้เข้าถึงการพนันออนไลน์ได้ง่ายมากขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง รอต้อนรับนักพนันหน้าใหม่ทุกครั้งที่หยิบมือถือขึ้นมา  ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันจัดให้มีการศึกษาพฤติกรรมการเล่นพนันออนไลน์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) โดยได้ทำการสำรวจความเห็นประสบการณ์สถานการณ์พฤติกรรมและผลกระทบในแง่มุมมองต่างๆจากการเล่นพนันออนไลน์ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาในกลุ่มประชากรที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 15-25 ปีจาก 19 จังหวัดทั่วประเทศด้วยการสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้าลงระดับครัวเรือนประยุกต์ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้นและกำหนดลักษณะตัวอย่างให้สอดคล้องกับประชากรเป้าหมายจริงรวม 5,010 ตัวอย่างเก็บข้อมูลระหว่าง 20 มกราคมถึง 24 กุมภาพันธ์ 2561     “พนันออนไลน์กำลังสร้างความเสียหายให้กับคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องธุรกิจพนันกระจายตัวแทรกซึมโรคออนไลน์และมีแนวโน้มจะเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้เร็วมากขึ้นเม็ดเงินมหาศาลที่หมุนเวียนเข้าสู่อุตสาหกรรมการพนันกำลังวนกลับออกมาใช้ขยายพื้นที่การพนันในสังคมไทย” โฆษณาพนันออนไลน์เข้าถึงคนรุ่นใหม่ชวนเล่นชวนแชร์  โดยสนิทติเปิดเผยว่าคนที่เคยเห็นโฆษณาพนันออนไลน์จำนวนหนึ่งเคยแชร์หรือแนะนำให้ผู้อื่นเข้าไปเล่นพนันออนไลน์ด้วยกว่าร้อยละ 7.4 โดยช่องทางหลักคือ Line และ Facebook ที่ร้อยละ 51.2 และ 46.0 ตามลำดับ โดยคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ตระหนักถึงอันตรายของพนันออนไลน์ที่มีมากกว่าพนันแบบออฟไลน์โดยมองว่าพนันออนไลน์ทำให้คนติดง่ายขึ้นกว่าร้อยละ 75.9  ถ้าลองเล่นแล้วมีโอกาสติดง่ายกว่าร้อยละ 73.2 อีกทั้งยังมีโอกาสเสียเงินในจำนวนที่สูงกว่าการเล่นแบบออฟไลน์กว่าร้อยละ 69.1 จึงไม่น่าแปลกใจที่ส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้มีกฎหมายควบคุมการเล่นพนันออนไลน์ที่รัดกุมขึ้นอย่างไรก็ดีเมื่อถามความเห็นต่อความคิดที่ว่าโฆษณาพนันออนไลน์เป็นเรื่องปกติไม่จำเป็นต้องบล็อกหรือแจ้งหน่วยงานใดแม้คำตอบจะไม่ไปในทิศทางเดียวกันแต่ก็มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 35.3 สะท้อนว่าบางส่วนไม่ต้องการให้มีการจำกัดเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารและเชื่อว่าตนจะสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีให้ใครมาคัดกรองให้    “การพนันออนไลน์ใกล้แค่เอื้อมคนรุ่นใหม่จึงเคยเอื้อมมือไปสัมผัส”   หลายคนเคยเอื้อมมือไปสัมผัสการพนันออนไลน์มาแล้วโดยคนรุ่นใหม่กว่าร้อยละ 51.4 ระบุว่ามีประสบการณ์เคยเล่นพนัน คนรุ่นใหม่เริ่มเล่นพนันออนไลน์ครั้งแรกที่อายุเฉลี่ย 19.5 ปีอายุต่ำสุดที่เริ่มเล่นครั้งแรกคือ 12 ปี โดยกลุ่มเด็กเริ่มเล่นที่อายุเฉลี่ย 16.4 ปี และกลุ่มเยาวชน เริ่มเล่นที่อายุเฉลี่ย 20.1 ปี การพนันออนไลน์กำลังเข้าถึงคนรุ่นใหม่เร็วขึ้นเรื่อยๆโดยมากจะเริ่มเล่นครั้งแรกจาก Slot Machine กว่าร้อยละ 26.8 ตามมาด้วยหวยใต้ดินร้อยละ 21.9 สลากกินแบ่งรัฐบาลร้อยละ 17.3 และพนันไพ่ร้อยละ 14.4  โดยสิ่งที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้เข้าไปสัมผัสคือความสะดวกง่ายเล่นได้ทุกที่ทุกเวลาสามารถฝากถอนเงินจากระบบได้อย่างรวดเร็วและจำนวนไม่น้อยเริ่มเล่นเพราะเพื่อนชวนนอกจากนี้ความน่าเชื่อถือในบริการของธุรกิจพนันออนไลน์ก็ทำให้คนเริ่มตัดสินใจเริ่มเล่นรวมไปถึงการตลาดเว็บพนันออนไลน์ก็เป็นอีกเหตุผลที่ชักจูงให้เริ่มเล่นด้วยโปรโมชั่นที่น่าสนใจและรางวัลที่สูงกว่าโต๊ะพนันทั่วไป    “คนรุ่นใหม่เกือบ 3 ล้านคนเล่นการพนันออนไลน์ในรอบปี 2566 วงเงินหมุนเวียนต่อปีเกือบ 6 หมื่นล้านบาท” ผลการสำรวจการเล่นพนันในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาของกลุ่มตัวอย่างพบว่าคนรุ่นใหม่ร้อยละ 32.3 หรือคิดเป็นจำนวน 2.996 ล้านคนเล่นการพนันออนไลน์ในรอบปี 2566 ในจำนวนนี้ประมาณ 0.739 ล้านคนเป็นนักพนันออนไลน์หน้าใหม่ที่เพิ่งเล่นครั้งแรกในรอบปีที่ผ่านมา ในขณะที่กลุ่มที่เล่นพนันออฟไลน์มีอยู่ร้อยละ 30.2 หรือประมาณ 2.798 ล้านคน  เมื่อจำแนกในรายละเอียดคนรุ่นใหม่นิยมเล่นทั้งออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไปกว่าร้อยละ 20.4 ของตัวอย่างทั้งหมดหรือประมาณ 1.894 ล้านคน  ในบรรดาคนรุ่นใหม่ที่เล่นพนันออนไลน์แบ่งเป็นเด็กอายุ 15-18 ประมาณ 0.466 ล้านคนเป็นเยาวชนอายุ 19-25 ปีอีกประมาณ 2.530 ล้านคนโดยคนรุ่นใหม่เพศชายเล่นการพนันออนไลน์มากกว่าเพศหญิงอยู่พอสมควรที่ 1.765 ล้านคนและ 1.231 ล้านคนตามลำดับ  เมื่อจำแนกตามภูมิภาคพบว่าสัดส่วนคนรุ่นใหม่ที่เล่นพนันออนไลน์เมื่อเทียบกับคนรุ่นใหม่ในภาคอื่นๆมีมากที่สุดคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือรองลงมาคือภาคใต้และภาคเหนือในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันตามมาด้วยกรุงเทพฯและปริมณฑลและภาคกลาง 

งานวิจัยพบ คนรุ่นใหม่🤑เล่นพนันออนไลน์ในปี 2566 เกือบ 1 ใน 3 หรือกว่า 2.9 ล้านคน💸โดย แซงหน้า พนันออฟไลน์เป็นที่เรียบร้อย อ่านเพิ่มเติม »

เพราะเหตุใด? การลงทุนของจีน🇨🇳ในไทย🇹🇭 หรือการเข้ามาทำธุรกิจของจีนในไทย ถึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลกว่าชาติอื่นๆ🇮🇳🇺🇲🇯🇵🇰🇷

การที่ธุรกิจจีนได้รับการจับตามองและก่อให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้ประกอบการไทยนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากปัจจัยหลายประการที่ซับซ้อนและเกี่ยวเนื่องกัน แม้ว่าการลงทุนในประเทศไทยทั้งค่าจ้างแรงงาน ค่าเช่า ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าประเทศอื่น แต่นักลงทุนยังคงสนใจเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากศักยภาพด้านแรงงานไทยที่มีคุณภาพ และในภูมิภาคนี้ไทยคือคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของจีน จึงทำให้นักลงทุนจีนเข้ามาเปิดตลาดที่ใหญ่กว่า และเชื่อว่าคุ้มกับการลงทุน คลิกอ่านบทความก่อนหน้า มหาอำนาจ จีนกำลังลงทุนอะไรในอีสาน? จากบทสัมภาษณ์ตัวอย่างผู้ประกอบในอีสานของ ISAN Insight and Outlook พอจะสรุปสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยกังวลต่อการเข้ามาแข่งขันของธุรกิจ และการเข้ามาลงทุนของจีนในประเทศไทย และภาคอีสาน ดังนี้ การแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง: ธุรกิจจีนมักเข้ามาพร้อมกับทรัพยากรที่แข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของเงินทุน เทคโนโลยี และประสบการณ์ ทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาด ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายย่อยและรายกลางในประเทศ ราคาถูกต้นทุนต่ำ: จากข้อได้เปรียบจาก Economy of Scale การทุ่มตลาดด้วยราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน ด้วยสายป่านที่ยาวจะทำให้สงครามราคาจีนได้รับชัยชนะ ก่อนกินส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่ และควบคุมราคาขึ้น-ลง ได้ในภายหลังเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างที่ขาดทุนก่อนหน้า การนำระบบและซัพพลายเออร์จากจีนมาด้วย: การไม่พึ่งพา ห่วงโซ่อุปทาน(supply chain)ของประเทศที่เข้าไปลงทุน เช่น รถยนต์ญี่ปุ่นตั้งโรงงานประกอบในไทย อะไหล่ กระจก พลาสติก ล้วนพึ่งพาซัพพลายเออร์ในไทย รวมถึงสร้างงานและการจ้างงานให้คนในประเทศ แต่ธุรกิจจีนพึ่งพาตัวเองสูง และลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ในประเทศคู่ลงทุน เช่น เครื่องดื่ม นำเข้าวัตถุดิบจากจีน เครื่องจักรจากจีน และอาจมีการจากงานแรงงานต่างด้าวเป็นหลัก ทำให้เกิดความกังวลในการใช้ทรัพยากรของประเทศไทยแต่ผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจไม่คุ้มค่า และทำให้ SME และซัพพลายเออร์ในไทยได้รับผลกระทบ การเข้าซื้อกิจการและการควบรวมกิจการ: การที่ธุรกิจจีนเข้ามาซื้อกิจการของบริษัทไทยในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการผูกขาดตลาด การสูญเสียทรัพย์สินทางปัญญา และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจ ผลกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจ: การลงทุนของธุรกิจจีนในปริมาณมากอาจส่งผลให้โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำมาซึ่งทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและการทำงาน: ความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการทำธุรกิจและการบริหารจัดการองค์กร อาจเป็นอุปสรรคในการปรับตัวและทำงานร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการไทยและจีน แต่ที่น่ากลัวกว่าทุนจีนอย่างถูกกฎหมาย คือ การระบาดของทุนจีนเทา ที่เกิดจากการปราบปรามในจีนแผ่นดินใหญ่ จนทำให้เกิดการหลบหนี และย้ายถิ่นการตั้งสำนักงานมาในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะไทยที่มีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานและครบครัน ตัวอย่างกลุ่มอาณาจักร มาดูธุรกิจทุนจีน 10 อันดับ ได้แก่ 1. ทัวร์ศูนย์เหรียญ พามาเที่ยว มากิน มาซื้อจากร้านจีนด้วยกันเอง 2.สถานบันเทิงจีน 3. พนันออนไลน์จีน 4. อสังหาทุนจีน หมู่บ้านจีน 5. เงินกู้นอกระบบ 6. ขอทานจีนก็มา..ได้เดือนละหลายหมื่น 7. วีซ่าผิดกฎหมาย ล่าสุดเห็นพี่จีนขายสัญชาติกันแล้ว 8. ผลิตสินค้าปลอม อันนี้ถนัดเรียกว่าปลอมแท้จริง 9. ขนส่งศูนย์เหรียญที่ทำให้ขนส่งไทยจอดนอนตายรอไฟแนนซ์มายึด 10. คอลเซ็นเตอร์จีน อย่างไรก็ตาม การมองธุรกิจจีนในแง่ลบเพียงอย่างเดียวอาจไม่ครอบคลุมภาพรวมทั้งหมด การเข้ามาของธุรกิจจีนก็ได้นำมาซึ่งโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การถ่ายทอดเทคโนโลยี การสร้างงาน และการขยายตลาดส่งออก เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของตนเอง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจที่เหมาะสม นอกจากนี้ รัฐบาลควรมีนโยบายที่ส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนาธุรกิจของคนไทยควบคู่ไปกับการเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ

เพราะเหตุใด? การลงทุนของจีน🇨🇳ในไทย🇹🇭 หรือการเข้ามาทำธุรกิจของจีนในไทย ถึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลกว่าชาติอื่นๆ🇮🇳🇺🇲🇯🇵🇰🇷 อ่านเพิ่มเติม »

มหาอำนาจ จีนกำลังลงทุนอะไรในอีสาน?

จับตา “ทุนจีน”รุกหนัก สร้างนอมินีถือหุ้นลงทุนและเดินเกมทุ่มตลาด หากไทยยังไม่ตื่นตัวจะไม่ทันการณ์ นักวิชาการแนะเร่งพัฒนาทักษะแรงงานสู้ ผลิตสินค้าที่จีนยังไม่มีและทำไม่ได้ ผศ.ประเสริฐ วิจิตรนพรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวางแผน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น การเข้ามาลงทุนในไทยของ 2 ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา และจีนนั้น ผศ.ประเสริฐ วิจิตรนพรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวางแผน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มองว่า ส่วนใหญ่การเข้ามาลงทุนของทั้ง 2 ประเทศจะอยู่ในพื้นที่การท่องเที่ยว พื้นที่อุตสาหกรรม โดยเฉพาะจีน เลือกลงทุนในพื้นที่ท่องเที่ยวเป็นหลัก เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ในรูปแบบของร้านอาหาร ทัวร์และที่พัก เป็นต้น ขณะที่สหรัฐอเมริกาเข้ามาลงทุนในด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก “ภาคอีสานจะต่างออกไป ตลาดการท่องเที่ยวที่ยังไม่โดดเด่น พื้นที่การลงทุนที่เข้ามาเป็นปกติมีแต่เดิมอยู่แล้ว เพิ่มเติมจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการค้าการลงทุน คือ จังหวัดขนาดใหญ่ จังหวัดติดชายแดน และจังหวัดที่มีรถไฟเชื่อมต่อไปยังประเทศอื่น ๆ การเข้ามาลงทุนในภาคอีสานจึงมาในรูปแบบภาคการผลิต เช่น โรงงานน้ำตาล การขนส่ง บรรจุภัณฑ์ ที่มีความเชื่อมโยงการโครงสร้างของเศรษฐกิจอีสาน การลงทุนของอเมริกาและจีนจะลงทุนต่างกัน อเมริกาเน้นการลงทุนด้านเทคโนโลยี แต่มูลค่าการลงทุน ก็ยังไม่มากเมื่อเทียบกับภูมิภาคหรือประเทศอื่น ผศ.ประเสริฐ ยังบอกอีกว่า กระแสการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาตินั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจจะทำให้ผู้ประกอบการไทยได้รับผลกระทบ บางส่วนอาจยุติปิดกิจการ ผู้ประกอบการไทยหายไป ถือเป็นปรากฎการณ์กลไกด้านการแข่งขัน แต่สิ่งสำคัญคือ ผู้ประกอบการไทยต้องมีการปรับตัวทั้งด้านสินค้า บริการ และต้องหาวิธีเพิ่มมูลค่าสินค้า ไม่เน้นการแข่งเรื่องราคา พัฒนาสินค้าให้มีความเฉพาะ มีความพิเศษ การรักษามาตรฐานสินค้า การบริการหลังการขาย เป็นต้น เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในสินค้าเกิดการใช้ต่อ ใช้ซ้ำ และรักษาคุณภาพสินค้า ส่วนในระยะยาวผู้ประกอบการต้องมีการวางแผนทั้งการคิดค้นวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มีความชัดเจนเชิงยุทธศาสตร์แต่ละจังหวัด “นอกจากผู้ประกอบการไทยแล้ว หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ควรมีมาตรการรองรับช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยในระยะสั้นควรเข้ามาดูแลความเหมาะสมของการเข้ามาลงทุนว่ามีความเป็นธรรมหรือไม่ ออกแบบการลงทุนในระหว่างที่มีการเตรียมตัว ในระยะยาวหากปล่อยให้ผู้ประกอบการไทยจัดการกันเอง จะทำให้โดดเดี่ยว สู้ไม่ไหว และล้มหายออกจากระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวม ควรผลักดันผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในธุรกิจ” แม้ว่าการลงทุนในประเทศไทยทั้งค่าจ้างแรงงาน ค่าเช่า ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าประเทศอื่น แต่นักลงทุนยังคงสนใจเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากศักยภาพด้านแรงงานไทยที่มีคุณภาพ และในภูมิภาคนี้ไทยคือคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของจีน จึงทำให้นักลงทุนจีนเข้ามาเปิดตลาดที่ใหญ่กว่า และเชื่อว่าคุ้มกับการลงทุน ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในปี 2566 ประเทศไทยมีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนรวมกว่า 916,475 ล้านบาท แล้วรู้หรือไหมว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนมากแค่ไหน?.โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเรามีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนกว่า 6,551 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.7% ของมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนทั้งหมดในประเทศ.   5 อันดับจังหวัดที่มีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนมากที่สุด – นครราชสีมา มีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนกว่า 2,271 ล้านบาท– กาฬสินธุ์ มีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนกว่า 828 ล้านบาท– อุบลราชธานี มีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนกว่า 793 ล้านบาท– อุดรธานี มีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนกว่า 534 ล้านบาท– เลย มีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนกว่า 525 ล้านบาท

มหาอำนาจ จีนกำลังลงทุนอะไรในอีสาน? อ่านเพิ่มเติม »

เปิดประวัติ “เวฟ” วีรพล วิชุมา หนุ่มพลังช้างจาก สุรินทร์ เหรียญเงินที่ 3 ของไทย จากยกน้ำหนักชาย รุ่น 73 กก.

ภาพจาก AFP/Miguel MEDINA“เวฟ” วีรพล วิชุมา จอมพลังไทย ยกผ่านแบบไร้ปัญหา   โดยผลงาน  “เวฟ” วีรพล ในระดับประเทศในปี 2020  คว้า 3 เหรียทอง ทั้งในการแข่งขัน EGAT ยุวชนชิงแชมป์แห่งประเทศไทย และในรายการ EGAT เยาวชนชิงแชมป์แห่งประเทศไทย ส่วนในปี 2021 คว้า 3 เหรียญทองในการแข่งขัน EGAT เยาวชนชิงแชมป์แห่งประเทศไทย ส่วนในระดับนานาชาติ ปี 2021 คว้า  3 เหรียญทอง ในศึกยกน้ำหนักยุวชนชิงแชมป์โลก ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในปี 2022 คว้า 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงินในศึกยกน้ำหนักเยาวชนชิงแชมป์โลก รวมถึง 3 เหรียญทอง ในศึกยกน้ำหนักยุวชนชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ที่ประเทศอุซเบกิสถาน และอีก 3 เหรียญทองแดง ในศึกชิงแชมป์โลก ที่ประเทศโคลอมเบีย จากนั้นในปี 2023 คว้า 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงิน ในศึกชิงแชมป์เอเชีย ที่เมืองจินจู  ประเทศเกาหลีใต้ และคว้า 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ในศึกชิงแชมป์โลกแห่งโลก ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย และล่าสุด เหรียญเงิน ในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน   ภาพจาก การกีฬาแห่งประเทศไทยวีรพล วิชุมา ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการมาโอลิมปิก 2024 ที่ฝรั่งเศส   โดยในโอลิมปิกครั้งแรก “เวฟ” วีรพล ก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการคว้าเหรียญเงิน ในรุ่น 73 กก.ชาย จากผลงานท่าสแนตช์ 148 กิโลกรัม คลีนแอนด์เจิร์ก 198 กิโลกรัม (ทำลายสถิติเยาวชนโลก) น้ำหนักรวม 346 กิโลกรัม “เวฟ” วีรพล จะมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 10 ส.ค.2567 เป็นจอมพลังจาก จ.สุรินทร์ ก่อนจะคว้าเหรียญในโอลิมปิกหนนี้ได้สำเร็จ เขาเคยทำผลงานที่ยอดเยี่ยมมาแล้ว ด้วยการคว้า 2 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงิน จากยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ปี 2566 ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย “วีรพล” ยังเป็น เจ้าของเหรียญเงิน

เปิดประวัติ “เวฟ” วีรพล วิชุมา หนุ่มพลังช้างจาก สุรินทร์ เหรียญเงินที่ 3 ของไทย จากยกน้ำหนักชาย รุ่น 73 กก. อ่านเพิ่มเติม »

บึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ของประเทศไทยที่ไม่ธรรมดา

บึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ของประเทศไทยที่ไม่ธรรมดา  เมืองส่งออกยางพารา สู่ดินแดนการท่องเที่ยวสายมู . . บึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ของประเทศไทย ที่ทุกคนรู้กันว่าเป็นจังหวัดที่ 77 ของประเทศ โดยบึงกาฬก่อตั้งในปี 2554 ซึ่งถือว่าก่อตั้งมา 13 ปีแล้ว .  แต่รู้หรือไม่ว่าจังหวัดน้องใหม่จังหวัดนี้มีรายได้ต่อหัวสูงเป็นอันดับ 7 ของภาคอีสาน ซึ่งมากกว่าจังหวัดใหญ่ๆบางจังหวัดเสียอีก ถึงแม้มูลค่าทางเศรษฐกิจของจังหวัดบึงกาฬจะเป็นอันดับที่ 17 ของภาคอีสาน . ทำไมจังหวัดที่มีมูลค่าเศรษฐกิจอันดับที่ 17 ของภูมิภาค ถึงกลายเป็นจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวมากเป็นอันดับ 7 ในภาคอีสาน ? . อีสานอินไซต์จะพาไปเบิ่ง . . บึงกาฬ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนสุดของไทย ซึ่งก่อตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติให้เป็นจังหวัดบึงกาฬ เมื่อปี พ.ศ. 2554 เป็นพื้นที่ที่แยกออกมาจาก อำเภอบึงกาฬ อำเภอเซกา อำเภอโซ่พิสัย อำเภอบุ่งคล้า อำเภอบึงโขงหลง อำเภอปากคาด อำเภอพรเจริญ และ อำเภอศรีวิไล จากการปกครองของจังหวัดหนองคาย ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย .  โดยบึงกาฬมีพื้นที่ 4,305 ตารางกิโลเมตร ใหญ่เป็นอันดับที่ 17 ของภาคอีสาน และมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 400,000 คน โดยจัดเป็นอันดับที่ 18 ของภูมิภาค . ถึงแม้จะเป็นจังหวัดที่มีประชากรเพียงไม่กี่แสนคน และมีมูลค่าเศรษฐกิจในอันดับที่ 17ของภาคอีสาน . แต่ถ้าหากลองมาดู รายได้ต่อหัวในปี 2565 จะพบว่า บึงกาฬ มีรายได้ต่อหัว 89,033 บาท เป็นรองเพียงแค่นครราชสีมา ขอนแก่น เลย หนองคาย อุดรธานี และนครพนม ซึ่งมากกว่าหลายๆจังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าบึงกาฬ  . ปัจจัยที่ทำให้ บึงกาฬ มีรายได้ต่อหัวอยู่ในลำดับต้นๆของภูมิภาค มีตั้งแต่ – เป็นแหล่งเพาะปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันที่สำคัญของภาคอีสาน – มีแหล่งท่องเที่ยวเกี่ยวกับความเชื่อและสายมูที่มีชื่อเสียง – มีชายแดนที่ติดกับประเทศลาว . . แหล่งเพาะปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันที่สำคัญของภาคอีสาน เมื่อพูดถึงแหล่งเพาะปลูกยางพาราที่สำคัญของประเทศ ภาคอีสานของเราถือว่าเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญภาคหนึ่ง จากการที่สามารถเพาะปลูกยางพาราได้ผลผลิตกว่า 1.3 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วน 27.7% ของผลผลิตยางพาราทั้งหมดในประเทศ โดยเป็นรองเพียงแค่ภาคใต้เท่านั้น . ซึ่งในปี 2565 จังหวัดบึงกาฬ ถือเป็นจังหวัดที่มีผลผลิตการเพาะปลูกยางพารามากทึ่สุดในภาคอีสาน อยู่ที่ 208,035 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 15.6% อีกทั้งมีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่สูงที่สุดในภาคอีสาน และสูงที่สุดของประเทศด้วย โดยมีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่อยู่ที่ 248 กิโลกรัม/ไร่ . และเมื่อดูสัดส่วนมูลค่าทางเศรษฐกิจ ภาคเกษตรกรรมมีมูลค่ามากที่สุด

บึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ของประเทศไทยที่ไม่ธรรมดา อ่านเพิ่มเติม »

‘ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย’ หนุ่มจอมพลังจาก ศรีสะเกษ กับเหรียญเงินในโอลิมปิก สมัยแรกของเขา

ทำความรู้จักกับ ธีรพงศ์ ศิลาชัย หลังจากคว้าเหรียญทองในการแข่งขันยกน้ำหนักชิงแชมป์โลก 2022 มาแล้ว ล่าสุดเป็นนักยกน้ำหนักชายคนแรกของไทยที่คว้าเหรียญเงินโอลิมปิกด้วย ประวัติ ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย ฟ่าง ธีรพงศ์ ทำผลงานที่ยอดเยี่ยมยกผ่านรวดทั้ง 6 ลิฟต์ สถิติที่ดีที่สุดของตัวเอง หลังจากเคยทำสถิติน้ำรวมของตัวเองดีที่สุดอยู่ที่ 299 กิโลกรัม ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย ในวัย 20 ก้าวสู่ 21 ปีเต็มในเดือนพฤศจิกายนนี้ จากเด็กน้อยบ้านนอกจากอีสานใต้ บ้านกระเบาเดื่อ ต.กระหวัน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ฟ่างเติบโตมากับครอบครัวสู้ชีวิต พ่อขายขับรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง เร่ขายมะพร้าวน้ำหอมลูกละไม่กี่บาท ไม่แปลกใจหลังฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย คว้าเหรียญเงิน โอลิมปิก 2024 การแข่งขันกีฬายกน้ำหนัก โอลิมปิก 2024 รุ่น 61 กิโลกรัม ด้วยการยกท่าสแนทช์ 132 กิโลกรัม ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก 171 กิโลกรัม ทำให้ได้น้ำหนักรวม 303 กิโลกรัม ซึ่งบอกว่า จะเอาเงินไปสร้างบ้านให้พ่อ เหตุเพราะชีวิตลำบากมาเยอะ ธีรพงศ์ ศิลาชัย เริ่มต้นเส้นทางการแข่งขันยกน้ำหนักระดับยุวชนครั้งแรกในรายการกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 39 ขุนด่านเกมส์ ที่จังหวัดนครนายก เมื่อปี 2561 โดยลงแข่งขันในรุ่นน้ำหนัก 50 กิโลกรัมชาย เขายกได้ 90 กิโลกรัมในท่าสแนตช์ และ 115 กิโลกรัมในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก รวมน้ำหนักทั้งหมดที่ยกได้ 205 กิโลกรัม ทำให้เขาคว้าเหรียญทองในการแข่งขันครั้งนี้ไปครอง ในขณะที่ยังเป็นนักยกน้ำหนักยุวชน ธีรพงศ์ ศิลาชัย คว้าเหรียญทองในการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย เมื่อปี 2563 ณ จังหวัดนครสวรรค์ และปี 2564 ณ จังหวัดเชียงใหม่ ยกได้ 100 กิโลกรัมในท่าสแนตช์ และ 134 กิโลกรัมในท่าคลีนแอนด์เจิร์กรวม 234 กิโลกรัมในปี 2563 ทำลายสถิติประเทศไทยในท่าคลีนแอนด์เจิร์กและน้ำหนักรวม และยกได้ 106 กิโลกรัมในท่าสแนตช์และ 125 กิโลกรัมในท่าคลีนแอนด์เจิร์กรวม 231 กิโลกรัม ในปี 2564 ในช่วงที่ยังเป็นนักยกน้ำหนักเยาวชน เขาได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 ในรุ่นน้ำหนัก 55 กิโลกรัม และสามารถคว้าได้ 3 เหรียญทอง (สแนตช์, คลีนแอนด์เจิร์ก และน้ำหนักรวม) ในปี 2565 ธีรพงศ์ ศิลาชัย ได้เข้าร่วมการแข่งขันยกน้ำหนักชิงแชมป์โลก 2022 เป็นครั้งแรก และสร้างผลงานอันน่าทึ่งด้วยการคว้าเหรียญทองในรุ่นน้ำหนัก 55 กิโลกรัม โดยสามารถยกน้ำหนักรวมได้ 265 กิโลกรัม ซึ่งเป็นการทำลายสถิติโลกเยาวชนทั้งในท่าคลีนแอนด์เจิร์กที่ 148 กิโลกรัม

‘ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย’ หนุ่มจอมพลังจาก ศรีสะเกษ กับเหรียญเงินในโอลิมปิก สมัยแรกของเขา อ่านเพิ่มเติม »

จันทร์แจ่ม ความภูมิใจของชาวหนองคาย นักมวยหญิงไทยคนแรกคว้าเหรียญโอลิมปิก ปารีส 2024

เปิดประวัติน้องบี “จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง” นักมวยหญิงไทยคนแรกและคนเดียวคว้าเหรียญโอลิมปิกในประวัติศาสตร์ จากปารีสเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวดีของคนไทยหลังจาก “จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง” โชว์สุดยอดเพอร์ฟอร์มเอาชนะคู่แข่งมือหนึ่งจากตุรกีอย่าง “บูเซนาส ซูร์เมนลี่” เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2020 เข้ารอบรองชนะเลิศ และเตรียมพบกับ “อิมาน เคลิฟ” นักชกสาวจากแอลจีเรีย ที่ยังคงถูกพูดประเด็นทางเพศในโซเชียลอย่างต่อเนื่อง ด้วยความพยายามและไม่ย่อท้อทำให้ “บี” หรือ “จันทร์แจ่ม” นักมวยหญิงไทยก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของเหรียญโอลิมปิกแรกของไทยในวัย 23 ปี สร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทยสำหรับโอลิมปิกเกมส์ 2024 โดยจันทร์แจ่มจะพบกับนักชกตัวเต็งของรุ่นจากแอลจีเรีย ที่กำลังพูดถึงกันอย่างมากในโลกออนไลน์ “อิมาน เคลิฟ” ในขณะนี้ ประวัติ “จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง” สำหรับ บี จันทร์แจ่ม อายุ 24 ปี เป็นชาว อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะศึกษาศาสตร์ สาขาพลศึกษาและสุขศึกษา มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสุโขทัย และต่อด้วยการรับราชการทหาร ติดยศจ่าอากาศตรี สังกัดทหารอากาศ บีมีความชื่นชอบในมวยจากการเห็นคุณพ่อและคุณตาชื่นชอบในการชมกีฬามวย รวมถึงที่บ้านก็ยังทำธุรกิจค่ายมวย ทำให้เมื่อโตขึ้นในวัย 12 ปี เธอก็เริ่มก้าวเท้าเข้ามาในวงการมวยด้วยชื่อ “น้องบี ป.ประสิทธิ์” ก่อนย้ายสายจากมวยไทยและไปเริ่มต้นในเส้นทางมวยสากลมาจนปัจจุบัน และเริ่มเป็นที่รู้จักจากการแข่งขันมวยสากลชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยประจำปี 2019 จากการคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองในประเภทมวยหญิงรุ่น 69 กิโลกรัม “จันทร์แจ่ม” เริ่มชกมวยตอนอายุ 12 ปี โดยที่บ้านเป็นค่ายมวยและอยู่ชมรมมวยของโรงเรียน วังหลวงพิทยาสรรพ์ อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย ก่อนจะมาในรอบรองชนะเลิศมวยสากลหญิงโอลิมปิก ปารีสเกมส์ “จันทร์แจ่ม” ผ่านสังเวียน สะสมประสบการจนเจนเวทีไม่น้อย ทั้ง เล่นกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ไปสู่ กีฬาแห่งชาติ และก้าวเข้าสู่ทีมชาติในนามสังกัดจังหวัดหนองคาย เข้าร่วมการแข่งขันชกมวยในหลายรายกา พูดถึงผลงานเด่นที่ผ่านมาของบีกันบ้าง กับรางวัลที่สร้างชื่อให้กับบีในวงการมวยสากล ไม่ว่าจะเป็น เหรียญเงินจากการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2022 เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน เหรียญเงินจากการแข่งขันมวยสากลหญิงชิงแชมป์โลก 2023 เหรียญทองในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2023 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เหรียญรางวัลเหล่านี้ล้วนสร้างชื่อเสียงในวงการมวยสากลให้กับบี จนเป็นที่รู้จักของวงการ รวมถึงการแข่งขันนัดสำคัญที่เรียกได้ว่าเป็นแมตช์หยุดโลกเลยก็ว่าได้ กับการลุ้นเหรียญรางวัลของ “บี จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง” กับคู่แข่งตัวเต็งอย่าง “อิมาน เคลิฟ” ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ เวลา 03.34 น. ตามเวลาในประเทศไทย โอลิมปิก ปารีส 2024: วันนี้ 7 สิงหาคม 2567 เวลา 03:34 น. ตามเวลาในประเทศไทย ผลการแข่งขันมวยสากลโอลิมปิก 2024 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่าง “จันทร์แจ่ม

จันทร์แจ่ม ความภูมิใจของชาวหนองคาย นักมวยหญิงไทยคนแรกคว้าเหรียญโอลิมปิก ปารีส 2024 อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top