Article

ชวนเบิ่ง งานตรุษจีนโคราชที่ผ่านมา นทท.แห่เที่ยว “จอมพลถนนหัวมังกร 108 ปี” มื้อสุดท้ายคึกคักหลาย

เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ศาลหลักเมืองโคราช นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา พร้อมคณะสมาชิกสภา ฯ ร่วมพิธีไหว้สักการะศาลหลักเมือง รวมทั้งเจ้าพ่อไฉ่ซิงเอี้ย พิธีสวดมนต์ไทย-จีน ทำบุญสะเดาะเคราะห์ปีชง กราบไหว้สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งภายในงาน “เทศกาลตรุษจีนโคราช จอมพลถนนหัวมังกร 108 ปี ถนนแห่งวัฒนธรรม” ท่ามกลางบรรยากาศวัฒนธรรมไทย-จีน มีการประกวดการแต่งกาย การร้องเพลงจีนโดยองค์กรคนไทยเชื้อสายจีน ชม ชิม ช้อป อาหารระดับภัตตาคารและอาหารท้องถิ่นกว่า 180 ร้าน อีกทั้งยังมี การแสดงเชิดมังกรความยาว 55 เมตร ฉลองครบรอบ 555 ปี เมืองนครราชสีมา การแสดงสิงโต-มังกรดอกเหมย การประกวดการแต่งกายในชุด Mr.Chinese new year “เจ้าพ่อเชียงใช้” การแสดงงิ้วเปลี่ยนหน้ากากและมหัศจรรย์มนตรามายากล ท่ามกลางอากาศเย็นสบายพบนักท่องเที่ยวหลายพันคนเดินทางมาเที่ยวชมและพากันเซลฟี่บรรยากาศย้อนยุคกันอย่างเนืองแน่น เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมธรรมเนียมประเพณีของคนไทยเชื้อสายจีนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการย้อนรอยบอกเล่าความเป็นมา 108 ปี ถนนจอมพลชื่อเดิมถนนเจริญพาณิชย์ ซึ่งเป็นย่านการค้าสำคัญของเมืองโคราชและภาคอีสาน อดีตเคยเป็นศูนย์กลางของความเจริญเปรียบเสมือนหัวมังกรที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาครวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนไทยกับคนจีนทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบันที่มีความผูกพันกันมายาวนานและกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น อ้างอิงจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/1049614 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #งานตรุษจีน #โคราช #เทศกาลตรุษจีนโคราช #จอมพลถนนหัวมังกร #นครราชสีมา

พามาเบิ่ง แม่ค้าส้มตำเมื่อยใจหลาย มะนาวแพง 1,400 บาท/กระสอบ

แม่ค้าส้มตำโอด มะนาวแพง นอกจากมะนาวจะปรับราคาสูงขึ้นแล้ว ราคามะละกอยังขยับขึ้นรายวัน ล่าสุดมะนาวกระสอบละ 1,400 บาท มะละกอถุงละ 300 บาท แต่ยังต้องแบกรับต้นทุน ขายให้ลูกค้าในราคาเดิม ไม่ลดปริมาณเหตุเห็นใจลูกค้า ที่ร้านส้มตำอาหารอีสาน ต.ท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม นางอุทัยวรรณ สีธรรา แม่ค้าส้มตำ เปิดเผยว่า ร้านตนเองขายส้มตำ ไก่ย่าง และอาหารอีสาน ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ราคามะนาวมีการขยับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะมีผลกระทบมาจากน้ำท่วม ซึ่งปกติมะนาวจะแพงช่วงหน้าแล้ง ประมาณเดือนเมษายน แต่ปีนี้แค่เดือนมกราคมราคาก็ปรับขึ้นแล้ว ซึ่งร้านของตนจะซื้อมะนาวครั้งละครึ่งกระสอบ ตอนนี้ราคามะนาวที่ซื้อมาครึ่งกระสอบอยู่ที่ 700 บาท เต็มกระสอบก็จะอยู่ที่ 1,400 บาท นอกจากราคามะนาวที่แพงขึ้นแล้ว ซึ่งทางร้านจะใช้มะนาวแป้นจะได้รสชาตที่หอมและอร่อย วัตถุดิบหลักอีกอย่างของส้มตำก็คือ มะละกอ ก็มีการปรับราคาขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนช่วงปีใหม่ เคยซื้อมะละกอเกรดเอ เป็นมะละกอพันธุ์ดำเนิน ถุงละ 350 บาท ที่ผ่านมาซื้อมาราคาถุงละ 300 บาท ราคาจะปรับขึ้น ๆ ลง แล้วแต่วัน ซึ่งราคานี้ถือว่าเป็นราคาที่ยังสูงอยู่ จากเดิมที่เคยซื้อมาถุงละ 240-260 บาทเท่านั้น ทำให้ทางร้านต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละวัน แต่ยังคงขายให้ลูกค้าในราคาเท่าเดิม และไม่ลดปริมาณ เพราะสงสารลูกค้า อยากให้ลูกค้ากินอิ่ม สำหรับส้มตำแต่ละครก ก็จะใช้มะนาวครึ่งลูกถึงหนึ่งลูก แล้วแต่ลูกค้าจะสั่ง หากชอบเปรี้ยว ลูกค้าก็จะแจ้งก็จำเป็นต้องเพิ่มมะนาวไปให้ โดยทางร้านจะไม่ใช้น้ำมะนาวผสม หรือใช้มะขามเปียก เพราะรสชาติมันไม่ใช่ไม่อร่อยสู้ใช้มะนาวสดไม่ได้ หากถามว่าจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยยังไง สิ่งที่อยากจะขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คือ อยากให้มีการคุมเข้มจากต้นทางให้ถูกลงกว่านี้ เศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพสูง ข้าวของปรับตัวขึ้นสูงทุกอย่าง พ่อค้าแม่ค้าก็ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นตามไปด้วย อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbiznews.com/business/1047771 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #มะนาว #มหาสารคาม #ส้มตำ #มะนาวแพง #แม่ค้าส้มตำ

เกษตรกรขอบคุณหลายๆ  “รมว.เกษตรฯ-กรมปศุสัตว์” ปราบหมูเถื่อนต่อเนื่อง

เกษตรกรขอบคุณหลายๆ  “รมว.เกษตรฯ-กรมปศุสัตว์” ปราบหมูเถื่อนต่อเนื่อง    ผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศขอบคุณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมปศุสัตว์ หลังเดินหน้าปราบปราม “หมูเถื่อน” อย่างจริงจัง ล่าสุดสามารถฝังทำลายหมูเถื่อนของกลางกว่า 7 แสนกิโลกรัม ตัดตอนวงจรหมูเถื่อนที่เกาะกินทำร้ายทำลายเกษตรกรไทยมานาน ส่งผลให้เกษตรกรมั่นใจ เร่งเพิ่มผลผลิตหมูปลอดภัยเพื่อคนไทย พร้อมฝากความหวังเดินหน้าจับ “ผู้บงการ” ล้างบางขบวนการนำเข้าหมูผิดกฎหมายให้สิ้น     ปราบปรามได้ถึงกว่า 1 ล้านกิโลกรัม ช่วยป้องกันไม่ให้หมูอันตรายปะปนเข้าสู่ตลาด ทำลายกลไกราคาสุกรในประเทศ และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคระบาด ASF ลงได้อย่างมาก รวมถึงเป็นการปกป้องผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากสารปนเปื้อนอันตรายในหมูเถื่อนด้วย ในนามของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ขอชื่นชมและขอบคุณท่านรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ท่านอธิบดีกรมปศุสัตว์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค    ผลงานในปี 2565 ที่กรมปศุสัตว์ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และกรมศุลกากร ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกรณีหมูเถื่อน มีจำนวนรวม 42 คดี ปริมาณน้ำหนักรวม 1,089,514 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 219 ล้านบาท โดยได้ดำเนินการกับซากสุกรของกลางเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.) เป็นส่วนที่ทำลายไปแล้ว จำนวน 179,612 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 71 ล้านบาท 2.) อยู่ในระหว่างดำเนินคดี จำนวน 186,116 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 25 ล้านบาท เมื่อคดีสิ้นสุดจะได้ดำเนินการทำลายต่อไป และ 3.) เป็นหมูเถื่อนที่เพิ่งทำลายไปเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2566 จำนวน 723,786 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 123 ล้านบาท   ด้าน นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า การกำจัดขบวนการหมูเถื่อนที่กรมปศุสัตว์ดำเนินการอย่างเข้มข้น ส่งผลให้ราคาสุกรในประเทศเริ่มคงที่ นับเป็นภารกิจที่ทำได้สำเร็จ สิ่งนี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรในภาคอีสาน กล้าที่จะลงหมูเข้าเลี้ยง ลดความกังวลเกี่ยวกับราคาที่ตกต่ำลงในช่วงที่มีหมูเถื่อนระบาดอย่างหนัก รวมถึงความกังวลด้านโรคระบาดที่อาจติดมากับหมูเถื่อน   โดยขณะนี้สถานการณ์การเลี้ยงหมูในภาคอีสานมีผลผลิตแม่พันธุ์อยู่ในระดับ 70% แล้ว เมื่อมีแนวโน้มการจัดการที่ดีเช่นนี้คาดว่าปริมาณแม่พันธุ์จะเพิ่มเป็น 90% ได้ภายในสิ้นปีนี้ การกำจัดอุปสรรคด้านหมูเถื่อนที่เข้ามาเบียดเบียนตลาดหมูของเกษตรกรไทย นับว่าช่วยให้เกษตรกรเกิดกำลังใจในการเลี้ยงหมู แม้จะมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่แพงขึ้นก็ตาม   อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/local/detail/9660000003908    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ปราบหมูเถื่อน #กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  #กรมปศุสัตว์   

ตลาดคึกคักหลาย ! “กรมการค้าภายใน”  กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ชุมชน ต้อนรับปีกระต่าย

ตลาดคึกคักหลาย ! “กรมการค้าภายใน”  กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ชุมชน ต้อนรับปีกระต่าย   กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิด 180 ตลาดต้องชมทั่วประเทศไทย รับเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา กระตุ้นการสร้างรายได้ และฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชน นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 กรมการค้าภายในได้เปิดตลาดต้องชม 180 ตลาด คัดเลือกจากทั้งหมด 238 แห่งทั่วประเทศที่มีศักยภาพ ได้แก่ ภาคเหนือ 41 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 44 แห่ง ภาคกลาง 61 แห่ง ภาคใต้ 28 แห่ง และกรุงเทพฯ 6 แห่ง ซึ่งกิจกรรมมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2565-8 ม.ค. 2566 นี้ เพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก เป็นการรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว โดยตลาดต้องชมแต่ละแห่งมีกิจกรรมกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยมากมาย ให้ได้ชม ชอป ผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการจากฝีมือคนไทยเพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมากรมการค้าภายในได้จัดกิจกรรมเชิญชวนให้ประชาชนที่เดินทางท่องเที่ยวหรือเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่แวะท่องเที่ยว หรือพักรถที่ตลาดต้องชมของแต่ละจังหวัดตามเส้นทางไปยังจุดหมายปลายทาง ในทุกภาคของประเทศไทย ทั้งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ อีกทั้งเชิญชวนให้ประชาชนท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยซื้อหาสินค้า พร้อมไหว้พระทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล เริ่มต้นปีใหม่ ในตลาดต้องชมที่อยู่ในบริเวณเดียวกันหรือใกล้เคียงกับวัดดัง ตลอดจนสถานที่ทำบุญขอพร ซึ่งเป็นที่นิยมศรัทธาของประชาชนในแต่ละภาค  โดยภาคอีสาน ได้แก่ ตลาดพันปีจัมปีศรีนคร, ตลาดศูนย์วัฒนธรรมเรณูนคร, ตลาดร้อยปีเมืองย่า, ตลาดเทศบาลตำบลกมลาไสย, ตลาดต้องชมบึงโขงหลง, ตลาดต้นตาล สำหรับตลาดต้องชมแต่ละแห่งล้วนมีอัตลักษณ์ และเอกลักษณ์ของชุมชนที่แตกต่างกันออกไป มีความสวยงามของสถานที่ ประเพณี วิถีชีวิต ดนตรีที่ไพเราะเพลิดเพลิน ของกินน่าอร่อย สินค้าจากชุมชนที่หลากหลาย ให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้จับจ่ายใช้สอยหรือเป็นของฝากของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 และกรมการค้าภายในยังจะมีกิจกรรมดีๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนในแต่ละท้องถิ่นอยู่เสมอ   อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/onlinesection/detail/9660000001358    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ตลาดอีสาน #กรมการค้าภายใน #ตลาดพันปีจัมปีศรีนคร #ตลาดศูนย์วัฒนธรรมเรณูนคร #ตลาดร้อยปีเมืองย่า #ตลาดเทศบาลตำบลกมลาไสย #ตลาดต้องชมบึงโขงหลง #ตลาดต้นตาล  

กาฬสินธุ์จัดใหญ่หลาย  “โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท” รวมชาติพันธุ์ผู้ไทหนึ่งเดียวในโลก

กาฬสินธุ์จัดใหญ่หลาย  “โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท” รวมชาติพันธุ์ผู้ไทหนึ่งเดียวในโลก   กาฬสินธุ์ เมืองน้ำดำพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมผู้ไทนานาชาติ “โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท” เนรมิตสวนเฉลิมพระเกียรติ เป็นจุดรวมชนเผ่าผู้ไททั่วภาคอีสาน รวมถึง สปป.ลาว และเวียดนาม เพื่อแสดงอัตลักษณ์ความเป็นหนึ่งเดียวและรวมชาติพันธุ์ผู้ไทหนึ่งเดียวในโลก เพิ่มความรวยเล็กๆ ไม่ใหญ่ๆ ผู้ไททำ สอดคล้องแนวทางการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 66 ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ อ่างเก็บน้ำห้วยสายนาเวียง ต.คุ้มเก่า อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานแถลงข่าวจัดมหกรรมผู้ไทนานาชาติ “โฮมรากเหง้าเหล่าผู้ไท” ประจำปี 2566 (ผู้ไทอินเตอร์เนชั่นแนล เฟสติวัล 2023) นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า งานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ อำเภอเขาวง ประจำปี 2566 กำหนดจัดขึ้นวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อเผยแพร่อัตลักษณ์ เอกลักษณ์ของชาวผู้ไท รวมทั้งฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ผู้ไท อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภายในงานจะได้พบกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมชาวผู้ไท ความหลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมชมวิถีชีวิตชาวผู้ไทใน จ.กาฬสินธุ์ และใกล้เคียง เช่น ชาวผู้ไทกาฬสินธุ์ ชาวผู้ไทสกลนคร ชาวผู้ไทนครพนม ชาวผู้ไทโสธร ชาวผู้ไทมุกดาหาร ชาวผู้ไทอุดรธานี รวมทั้งชาวผู้ไทจาก สปป.ลาว และชาวผู้ไทเวียดนาม การจัดงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติครั้งนี้เป็นการแสดงถึงความร่ำรวยเพื่อความสุขในปีกระต่ายทอง ตามหลักการทำงาน 3 รวย คือ ร่ำรวยวัฒนธรรม ร่ำรวยน้ำใจ ร่ำรวยสุขภาพ และ 3 ใจ คือ เข้าใจ ไว้ใจ และร่วมใจ เพื่อพัฒนา จ.กาฬสินธุ์ไปสู่เมืองแห่งความร่ำรวย และเมืองแห่งความสุข ชาวผู้ไทมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และสืบสานจากรุ่นสู่รุ่นอย่างเหนียวแน่น ทั้งด้านอาหาร การแต่งกาย ภาษา การแสดงดนตรีพื้นบ้าน พิธีกรรมและความเชื่อ ภายในงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติครั้งนี้จะได้ชมขบวนแห่รากเหง้าผู้ไทกาฬสินธุ์ จาก อ.เขาวง อ.นาคู อ.กุฉินารายณ์ อ.ห้วยผึ้ง อ.คำม่วง การแสดงพิธีกรรมเหยา เอาบุญเลาะตูบ กินข้าวฮ่วมพา (พาแลง) การแสดงศิลปวัฒนธรรมผู้ไท จำหน่ายสินค้าโอทอป  “ชาวกาฬสินธุ์และชาติพันธุ์ชาวผู้ไทจากหลายอำเภอเป็นเจ้าบ้านที่ดี และเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่จะมาร่วมงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติด้วยความยินดียิ่ง” ขอเชิญมาเที่ยวงานมหกรรมผู้ไทนานานาชาติโดยพร้อมเพรียงกัน ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ อ่างเก็บน้ำห้วยสายนาเวียง ซึ่งทางฝ่ายรักษาความปลอดภัย ทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง การันตีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวตลอดการจัดงาน   อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/local/detail/9660000003276  #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #กาฬสินธุ์ #ผู้ไท #โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท 

ฮู้จัก “สต็อกโฮล์ม” 🐐✨ SME ฟาร์มแพะมหาสารคาม ผู้บุกเบิกฟาร์มแพะครบวงจรภาคอีสานรายแรกๆ ของไทย

ฮู้จัก “สต็อกโฮล์ม” 🐐✨ SME ฟาร์มแพะมหาสารคาม ผู้บุกเบิกฟาร์มแพะครบวงจรภาคอีสานรายแรกๆ ของไทย ทำความรู้จักกับธุรกิจฟาร์มแพะครบวงจรภาคอีสานรายแรกๆ ของไทยอย่าง “สต็อกโฮล์ม” (Stockholm) SME จาก จ.มหาสารคาม ที่เริ่มต้นด้วยการเปิดร้านอาหารสัตว์และต่อยอดจนเกิดเป็นฟาร์มแพะครบวงจรในที่สุด พร้อมกับมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจฟาร์มแพะในอนาคต เนื่องจากผลิตภัณฑ์จาก “แพะ” มีทิศทางตลาดเติบโตสูง จากความนิยมรับประทานเนื้อและนม รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปที่เพิ่มขึ้น ผลักดันให้มีผู้ประกอบการสนใจเข้ามาลงทุนทำธุรกิจฟาร์มเลี้ยงแพะ จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บุกเบิกธุรกิจฟาร์มเลี้ยงแพะเป็นรายแรกๆ ของเมืองไทย และพัฒนาจนยืนหนึ่งด้วยการเป็นฟาร์มเลี้ยงแพะครบวงจร ต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำแห่งเดียวในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะการเป็นศูนย์ผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งแพะ และต่อยอดธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง มีส่วนสำคัญ ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่คนท้องถิ่น โดย SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย เป็นเพื่อนร่วมทาง สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง เยาวลักษณ์ แดนพันธ์ หรือ “เจี๊ยบ” เจ้าของกิจการ เผยเส้นทางธุรกิจ “สต็อกโฮล์ม” เริ่มจากเปิดร้านขายสินค้าการเกษตร โดยเฉพาะ “อาหารสัตว์” อยู่ที่ อ.เมือง จ.มหาสารคาม ประกอบกับส่วนตัว เรียนจบด้าน “สัตวศาสตร์” จึงนำมารู้ มาขยายธุรกิจ ช่วยเสริมเกื้อหนุนกับธุรกิจเดิม ด้วยการทำฟาร์มเลี้ยง “แพะขุน” อยู่ที่ ต.หนองเรือ อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม เพราะมองแนวโน้มสินค้าจากแพะยังเป็นตลาดใหม่ในเมืองไทย โอกาสยังเปิดอีกกว้าง รวมถึง ข้อดีของการเลี้ยงแพะ มีวงจรตั้งท้องเพียง 5 เดือน ทำให้สามารถขายแพะได้ถึง 2 รอบต่อปี   ทั้งนี้เธอได้นำความรู้ด้าน “สัตวศาสตร์” มายกระดับฟาร์มเลี้ยงสู่ศูนย์ผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งแพะ ที่ได้มาตรฐานกรมปศุสัตว์ ซึ่งถือเป็นรายแรกของภาคอีสาน และเป็นรายที่สองของประเทศไทยจากทั้งหมดสามราย เปิดจำหน่ายน้ำเชื้อแพะให้แก่ผู้สนใจที่จะทำธุรกิจฟาร์มแพะ นำ “น้ำเชื้อ” ไปผสมเทียมเพื่อขยายพันธุ์ต่อไป โดยพ่อพันธุ์นำเข้ามาจากต่างประเทศ มีพระเอก คือ “แซมมี่ บอย” พันธุ์ Chammy America Bore Goat สุดยอดพ่อพันธุ์ สายแชมป์ นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ตอนอายุ 8 เดือน ในราคา 5 แสนบาท ปัจจุบันอายุประมาณ 3 ปี ถ้าจะขาย ราคาไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท   นอกจากนี้เธอยังอธิบายถึงจุดเด่นด้านบริการของ “สต็อกโฮล์ม” ที่นอกจากการจำหน่ายน้ำเชื้อแล้ว ยังสอนกระบวนการผสมเทียมแบบวิธีฉีดน้ำเชื้อผ่านช่องคลองให้ด้วย ซึ่งเป็นวิธีที่ง่าย ใครๆ ก็ทำได้ เหมาะแก่เกษตรกรหน้าใหม่หรือผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพนี้ สามารถนำไปต่อยอด ขยายพันธุ์แพะได้ด้วยตัวเองในอนาคต   ไอเดียธุรกิจยังไม่หยุดนิ่งเท่านั้น เธอได้เนรมิตพื้นที่ภายในฟาร์มให้กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้การเลี้ยงแพะครบวงจร เปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้ามาเรียนรู้ และเมื่อมีคนเข้ามาจำนวนมาก ต่อยอดเปิดโซนคาเฟ่ไว้รองรับ …

ฮู้จัก “สต็อกโฮล์ม” 🐐✨ SME ฟาร์มแพะมหาสารคาม ผู้บุกเบิกฟาร์มแพะครบวงจรภาคอีสานรายแรกๆ ของไทย อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง หลากหลายวิถีเกษตร ฝ่าวิกฤติโควิด-19

พามาเบิ่ง หลากหลายวิถีเกษตร ฝ่าวิกฤติโควิด-19   ในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดได้สร้างรอยแผลให้กับพี่น้องเกษตรกรไม่น้อย ทั้งปัญหาผู้คนมีกำลังซื้อน้อย ห้าง ร้าน ตลาด แหล่งทำมาค้าขาย การเดินทาง การขนส่งสินค้าถูกปิด แต่ในภาวะวิกฤติช่วงอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ยังมีเกษตรกรจำนวนหนึ่งสามารถยืนหยัดฝ่าวิกฤตินี้มาได้ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มสมุนไพรอินทรีย์ ต.ท่ามะไฟหวาน อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ที่ฉวยจังหวะวิกฤติเป็นโอกาส ปลูกฟ้าทะลายโจรอบแห้งส่งให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรปีละ 1,000-2,000 กก. สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านปีละ 160,000-320,000 บาท นอกจากจะมีรายได้จากฟ้าทะลายโจร ยังมีพืชผัก ผลไม้ตามฤดูกาล ทำให้เกิดการค้าขายกันเองในหมู่บ้าน และยังทำให้ผู้คนแถบนี้แทบไม่เคยพบเชื้อโควิดเลย   อีกทั้งยังมีไม้ประดับเป็นอีกตัวหนึ่งที่ยามผู้คนว่างอยู่กับบ้านมักใช้เวลาไปกับกิจกรรมเหล่านี้ อย่างแปลงใหญ่ไม้ดอกไม้ประดับ บ้านแก่งไฮ ต.หนองบัว อ.ภูเรือ จ.เลย ปรับตัว ปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตและจำหน่าย หันมาผลิตไม้ใบสวย ไม้ประดับ และไม้มงคล ขายผ่านเฟซบุ๊ก 3 เพจ ได้แก่ เพจ “สวนต้นไม้มงคล ต้นไม้ดอกไม้ประดับ ต้นไม้จิ๋ว ต้นไม้ฟอกอากาศ BY nmco, เพจ “ไร่ภูซำเตย สวนปูไม้ดอกไม้ประดับ” และเพจ “จำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับไม้มงคล ไร่ภูซำเตย”   รวมถึงอีกหลายกลุ่มที่กล้าคิดนอกกรอบ อย่างกิมจิหอมแดง-กบแปรรูป ของกลุ่มเกษตรกรใน จ.ศรีสะเกษ, อีกทั้งยังมีอีกหลายจังหวัดในประเทศไทย เช่น การแปรรูปผักตบชวาเป็นสินค้าแฟชั่นของชาวบ้าน จ.ปทุมธานี, สมาร์ทฟาร์มเมอร์ ข้าวออร์แกนิกมาตรฐานยูเอสดีเอมาผสมผสานกับพืชสมุนไพรของแมคนีน่าฟาร์ม จ.เชียงราย, สวนมะนาววโรชา จ.อ่างทอง ปลูกผักสวนครัวทั้งบนดินและภาชนะที่หาได้   นอกจากนั้น สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ได้ออกโมเดลการปลูกผักที่ทำให้มีกินได้ตลอด ซึ่งประสบความสำเร็จใช้ได้จริง เริ่มจากปลูกผักที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ไว ในช่วง 3 วันแรก อาทิ ถั่วงอก ถัดมาเป็นทานตะวันอ่อน ผักบุ้งอ่อน ที่เก็บเกี่ยวได้ตอนอายุ 7-10 วัน ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง แต่หากขายก็ได้ราคาแพงถึง กก.ละ 200-250 บาท ถ้าต้องการบริโภคต้นแก่ก็ปล่อยไว้ 14-24 วัน ส่วนผักที่เก็บกินในช่วง 30-45 วัน จะเป็นกลุ่มผักกินใบอย่างคะน้า กวางตุ้งฮ่องเต้ กรีนโอ๊ก และผักที่มีอายุให้บริโภคได้ในช่วง 45-60 วัน จะเป็นกลุ่มพริก แตงกวา มะเขือเปราะ ต่อมาคือมะเขือเทศใช้เวลาปลูก 70-90 วัน หรือจะเลือกปลูกดอกชมจันทร์ ที่ช่วยในเรื่องการขับถ่าย หรือข้าวโพดหวานที่ใช้เวลา 90 วันเท่ากัน แค่วางแผนผลิตให้ดี ก็มีผักให้เก็บกินทุกวัน ทำให้หลายคนนำไปใช้ทั้งปลูกไว้กินเอง และขายในเชิงพาณิชย์อีกด้วย   อ้างอิงจาก: …

พามาเบิ่ง หลากหลายวิถีเกษตร ฝ่าวิกฤติโควิด-19 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง 👀 เจาะมุมมอง Isan 2030 ✨ ผลักดัน BCG Model ยกระดับ “อีสาน” สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจใน 8 ปี

พามาเบิ่ง เจาะมุมมอง Isan 2030 ✨ ผลักดัน BCG Model ยกระดับ “อีสาน” สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจใน 8 ปี   ปัจจุบันโลกกำลังให้ความสำคัญกับเรื่อง Climate Change ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมทั่วโลก โดยมีการศึกษาว่าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในแต่ละองศามีผลกระทบต่อ GDP ซึ่งการปล่อยก๊าซมีเทนในภาคการเกษตรก็มีผลต่อสภาพภูมิอากาศ  ดังนั้นโมเดล BCG ไม่ได้เป็นเพียงแค่การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้น แต่ยังช่วยในเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งประเทศไทยได้นำยุทธศาสตร์ BCG มาใช้ เพื่อพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งใช้ประโยชน์จากความเข้มแข็งของ “ความหลากหลายทางชีวภาพ” และ “ความหลากหลายทางวัฒนธรรม” มาต่อยอดและยกระดับมูลค่าให้ ecosystem ของการผลิตสินค้าและบริการมีมูลค่าสูงขึ้น Khon Kaen Innovation Centre (KKIC) และกลุ่มมิตรผล ร่วมกับอีก 50 เครือข่ายพันธมิตร ภาครัฐและเอกชน มองเห็นถึงโอกาสสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคอีสาน จึงร่วมกันผลักดันโมเดล BCG โดยมีเป้าหมายให้ “อีสาน” เป็นศูนย์กลางการยกระดับอุตสาหกรรม BCG ของไทยและเอเชีย ในปี 2030 โดยจัดงาน Isan BCG Expo 2022 สุดยอดมหกรรมนวัตกรรมยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอีสาน ภายใต้แนวคิด Collaboration | ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ พร้อมชู 3 จุดแข็ง “สร้างสรรค์ ต่อยอด ยั่งยืน” สานต่อวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีของภาคอีสาน พร้อมเปิดโอกาสและส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านธุรกิจและวิชาการกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน นักลงทุน และผู้ประกอบการต่าง ๆ ทั้งในประเทศและประเทศ CLMVT ให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม สู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ กรรมการ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “Isan BCG ภายใต้แนวคิด Collaboration | ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ เป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนพัฒนาภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปจนถึงใน 8 ปีข้างหน้าหรือในปี 2030 โดยมีเรื่องระบบบริหารจัดการน้ำจากส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ที่ต้องบูรณาการและมองเป้าหมายร่วมกัน ระบบบริหารขนาดใหญ่โดยเขื่อน หรือระบบบริหารขนาดเล็กโดยแก้มลิง ต้องดูภาพรวมทั้งหมดว่าจะสามารถอำนวยความสะดวกให้กับภาคการเกษตรได้อย่างไร และยังมีสุดยอดนวัตกรรมและการท่องเที่ยว อีกทั้ง ยังมีของดีของอีสานมีมากมาย รวมถึง Multimodal Transport & Logistic Hub ที่มีทั้งสะพานเชื่อมสปป.ลาว สนามบิน 9 แห่งใน 20 จังหวัด และ Local Train สายใหญ่ ๆ อย่างน้อย 2 สาย รวมถึงรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน …

พามาเบิ่ง 👀 เจาะมุมมอง Isan 2030 ✨ ผลักดัน BCG Model ยกระดับ “อีสาน” สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจใน 8 ปี อ่านเพิ่มเติม »

ปังหลาย ! 🎉 กระทรวงวัฒนธรรม จัดใหญ่มหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ ณ มหาสารคาม ช็อปของดีถิ่นอีสาน 🛍️🏺

ปังหลาย ! กระทรวงวัฒนธรรม จัดใหญ่มหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ  ณ มหาสารคาม ช็อปของดีถิ่นอีสาน   มหาสารคาม – กระทรวงวัฒนธรรม ประเดิมจัดงานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ วิถีถิ่น วิถีไทย หุ่นกระติบ งึดอีหลี ยลวิถี ของดีอีสาน ชวนเที่ยวมหาสารคาม กราบบูชาสักการะพระบรมธาตุนาดูน ช้อปของดีถิ่นอีสานตลาดวัฒนธรรม สร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจไทย สนองโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ของรัฐบาล ดัน “ Soft Power ” เป็นจุดขาย   เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ณ พระบรมธาตุนาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานเปิดงานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ วิถีถิ่น วิถีไทย “หุ่นกระติบ งึดอีหลี ยลวิถี ของดีอีสาน” ประจำปี 2565 โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายธัญญวัฒน์ ชาญพินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ผู้บริหาร วธ. วัฒนธรรมจังหวัด 20 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประธานมูลนิธิพระบรมธาตุนาดูน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาวัฒนธรรม เครือข่ายวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน   กระทรวงฯ ได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบเศรษฐกิจฐานราก ในระดับชุมชนและท้องถิ่น สนับสนุนนโยบายโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ของรัฐบาล รวมทั้งผลักดัน “Soft Power” เพื่อส่งเสริมความเป็นไทยและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กระทรวงฯ จึงจัดงานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ “วิถีถิ่น วิถีไทย” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ขึ้น ในพื้นที่ 4 ภูมิภาค โดยครั้งแรกจัดขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “หุ่นกระติบ งึดอีหลี ยลวิถี ของดีอีสาน” ระหว่างวันที่ 23 – 27 ธันวาคม 2565 ณ พระบรมธาตุนาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ยกระดับพระบรมธาตุนาดูน เป็นศูนย์กลางจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา และตามรอยอารยธรรมนครจำปาศรี เปิดพื้นที่ให้ ชาวภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรม การกราบบูชาสักการะพระบรมธาตุนาดูน ชมการฟ้อนรำจำปาศรี จำนวน 1,000 คน จัดนิทรรศการมหกรรมหุ่นกระติบและหุ่นฟางอย่างยิ่งใหญ่ นิทรรศการแสดงศิลปะ พิธียกอ้อ ยอครู บายศรีสูตรขวัญครูศิลปินอีสาน การเสวนาทางวิชาการ ตลาดวัฒนธรรม การสาธิตผลิตภัณฑ์ และบริการทางวัฒนธรรม …

ปังหลาย ! 🎉 กระทรวงวัฒนธรรม จัดใหญ่มหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ ณ มหาสารคาม ช็อปของดีถิ่นอีสาน 🛍️🏺 อ่านเพิ่มเติม »

มข.จับมือ สสส. กระตุ้นคนอีสานไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า หลังพบนักสูบหน้าใหม่เพิ่มหลายคัก

มข.จับมือ สสส. 🚭 กระตุ้นคนอีสานไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า หลังพบนักสูบหน้าใหม่เพิ่มหลายคัก ศูนย์ข่าวขอนแก่น – เผยอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าขยายตัวอย่างรวดเร็วในกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่นทั้งระดับมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัย เฉพาะปี 64 คนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าร่วม 78,742 คน คณะมนุษยศาสตร์ฯ มข.จับมือ สสส.เปิดเสวนากระตุ้นคนอีสานไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า ให้ความรู้เพื่อควบคุมไม่ให้นักสูบหน้าใหม่ตกเป็นเหยื่อไปมากกว่าที่เป็นอยู่ คณะมนุษยศาสตร์ฯ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ จัดประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพคนอีสาน ครั้งที่ 6 ประจำปี 2565 ในหัวข้อ “คนอีสานไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” โดยมี นายพันธ์เทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดการประชุม มีนักวิชาการ เครือข่ายองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคอีสาน นายพันธ์เทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่มานานกว่า 20 ปี แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและสื่อโซเชียลต่างๆ ในปัจจุบันทำให้บริษัทและผู้ค้าบุหรี่ได้อาศัยช่องทางออนไลน์โปรโมตขายบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า ส่งผลให้ขอนแก่นมีผู้สูบหน้าใหม่ในกลุ่มเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงเพิ่มขึ้น ซึ่งการประชุมวันนี้เป็นการกำหนดทิศทางและการรับฟังข้อเสนอแนะที่ทุกฝ่ายจะร่วมมือกันอย่างจริงจังที่จะต่อต้านและปฏิเสธว่าคนขอนแก่นและคนอีสานพวกเราไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด เพื่อเป้าหมายของการมีสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชากรในประเทศ ด้าน ผศ.ดร.ธนพฤกษ์ ชามะรัตน์ รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระบุถึงสถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้า กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นในสถาบันการศึกษา ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาไปจนถึงระดับอุดมศึกษา ซึ่งจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าในปี 2564 ประชากรไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าประมาณ 78,742 คน ในจำนวนนี้มีคนที่สูบทุกวัน 40,724 คน และสูบแบบไม่ทุกวัน 38,018 คน ซึ่งกลุ่มที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า อายุระหว่าง 15-24 ปี เป็นกลุ่มวัยรุ่นตอนต้นถึงตอนปลายมากถึง 24,050 คน นอกจากนี้ยังพบการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กระดับประถมศึกษาในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่สูบเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เข้าใจผิดว่าผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า ไม่เป็นอันตรายและไม่เสพติด สามารถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่าย เพราะวางขายในตลาดนัด ทางออนไลน์ ขณะเดียวกันก็มีงานวิจัยในต่างประเทศพบว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะก่อให้เกิดปัญหานำไปสู่การใช้สารเสพติดต่างๆ แล้วยังมีผลกระทบต่อสุขภาพ เพราะนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสารเสพติดจะส่งผลโดยตรงต่อสมองและระบบประสาท พิษของนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าจะส่งผลให้เด็กที่สูบมีอาการหงุดหงิดง่าย เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ความจำแย่ลง อารมณ์แปรปรวน สมาธิสั้น จึงขอแนะนำการป้องกันไม่ให้เยาวชนยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและสิ่งเสพติดอื่นๆ “การเปิดพื้นที่ในการประชุมที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในครั้งนี้จึงเป็นทั้งการสร้างการรับรู้ให้นักศึกษา และ ให้ความร่วมมือกับทางจังหวัดในการที่จะต่อต้านและปฏิเสธบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาดเช่นกัน” ผศ.ดร.ธนพฤกษ์กล่าว อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ สยามรัฐออนไลน์ https://mgronline.com/local/detail/9650000122166 https://siamrath.co.th/n/409628 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #มข #สสส #ขอนแก่น #บุหรี่ไฟฟ้า

Scroll to Top