Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

อสังหาฯ อีสาน ลงทุนเพิ่ม แต่ยอดขายไม่พุ่ง คนอยากมีบ้าน ติดกับดักหนี้ครัวเรือน ดอกเบี้ยสูง

REIC เผย อสังหาอีสานปี 67 คาดฟื้นตัว  ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) รายงานสถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังอยู่ระหว่างขายในช่วงครึ่งหลังปี 2566 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ตลาดที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)ของประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 โดยมีจังหวัดหลักที่มีการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน 5จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี อุดรธานี และมหาสารคาม เราจะพบว่าการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลในช่วงเวลานี้จะช่วยให้เรานั้นเห็นภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคอีสาน และสามารถคาดการณ์แนวโน้มในปี 2567 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาพรวมของ ธุรกิจอสังหา(ในอีสาน) เศรษฐกิจในภาพรวมที่ชะลอตัวลง และปัจจัยลบต่างๆ ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะของตลาดที่อยู่ อาศัยของประเทศไทย ทั้งด้านอุปสงค์ที่มีความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง และในด้านอุปทานที่มีการชะลอตัวลง ของอุปทานตามการชะลอตัวของอุปสงค์ จึงส่งผลต่อธุรกิจภาค อสังหาริมทรัพย์ ในภาคอีสานเป็นอย่างมาก 1.1) สถานการณ์ด้านอุปทานที่อยู่อาศัย(ไตรมาสที่1 ปี 2567) ในไตรมาส 1 ปี 2567 มีโครงการที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดินทั่วประเทศ รวมจำนวน 141 โครงการ จำนวน 16,362 หน่วย โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวน 8 โครงการ จำนวน 803 หน่วย โดยมีสัดส่วนร้อยละ 4.9 ซึ่งลดลงร้อยละ 55.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในไตรมาสเดียวกันของจำนวนโครงการ และเมื่อเปรียบจำนวนของโครงการ และหน่วยของการสร้างที่อยู่อาศัยของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็น YoY% จะพบว่ามีการลดลง 75% และ 55.3% ตามลำดับ ซึ่งสามารถสะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ว่านักลงทุนนั้นยังไม่กล้าที่จะลงทุนใน ภาคอสังหาริมทรัพย์มากนัก เนื่องจากหลายปัจจัย ส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตของ อสังหาริมทรัพย์ ในอีสานนั้นยังแสดงทีท่าที่ชะลอตัวลงอยู่เมื่อเปรียบเทียบYoY กับปี2566 ในไตรมาสที่1 1.2) พื้นที่อนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัย ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 มีพื้นที่อนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยทั่วประเทศประมาณ 8,878,735 ตารางเมตร ทั้งนี้ สามารถแบ่งออกเป็นพื้นที่อนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบประมาณ 8,288,604 ตารางเมตร และอาคารชุด ประมาณ 590,131 ตารางเมตร  ในส่วนของ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนพื้นที่ประมาณ 1,515,879 ตารางเมตร ที่มีการอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัย โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.1ของทั้งประเทศ ซึ่งลดลงร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว2566 ในส่วนของที่อยู่อาศัยแนวราบของภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลง ร้อยละ 2.8 ซึ่งไม่พบพื้นที่อนุญาตก่อสร้างอาคารชุดในไตรมาสนี้ และทั่วประเทศนั้นที่อยู่อาศัยแนวราบหรือบ้านเดียว,บ้าน,แฝด มีการก่อสร้างลดลงมาเรื่อยๆตั้งแต่ปี2566 Q1 แสดงให้เห็นดังกราฟด้านล่างนี้ เมื่อพิจารณารายจังหวัดที่มีพื้นที่อนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาส 1 ปี 2567 นครราชสีมา มีสัดส่วนจำนวนพื้นที่ร้อยละ 4.1 ลดลงร้อยละ 17.1 ซึ่งไม่พบพื้นที่อนุญาตก่อสร้างอาคารชุดในไตรมาสนี้ และขอนแก่น มีสัดส่วนจำนวนพื้นที่ร้อยละ 2.6 […]

อสังหาฯ อีสาน ลงทุนเพิ่ม แต่ยอดขายไม่พุ่ง คนอยากมีบ้าน ติดกับดักหนี้ครัวเรือน ดอกเบี้ยสูง อ่านเพิ่มเติม »

วิวัฒนาการ “แชร์ลูกโซ่” อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กลโกงไส้ในเดิม ที่เพิ่มเติมรูปแบบใหม่

มีคำกล่าวไว้ว่า “คนเราเรียนรู้จากอดีต” วันนี้มาเผือกเรื่องของคนอยากรวย ว่าเราได้เรียนรู้อะไรกันจากอดีต #แชร์ลูกโซ่ ที่อ้างและแฝงตัวมาในรูป ✓การระดมทุน ✓ขายตรง ✓ออมทอง ✓ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ✓ธุรกิจท่องเที่ยว ✓Bitcoin จนมาถึง ✓StartUp ที่ระดมทุนโดย Venture Capitalists โพสต์นี้ถูกเผยแพร่ เมื่อ 11 กรกฎาคม 2017   #คำเตือนโพสต์นี้มีไว้เพียงเรียกสติก่อนลงทุนเท่านั้น ปี พ.ศ.2520 “นางชม้อย ทิพย์โส” ได้ชักชวนคนนับหมื่นคน มาร่วมลงทุนเป็นเงินจำนวนมากกว่า 4,000 ล้านบาท เธอบอกว่าให้มาร่วมทุนบริษัทนํ้ามัน โดยจะให้ผลตอบแทนอย่างดีเป็น “รายเดือน” โดยที่ไม่มีธุรกิจนี้อยู่จริงๆ แค่มโนขึ้นมา สุดท้ายนางชม้อยกลายเป็นหัวแชร์กว่า 8,000 ล้านบาท และเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงกว่า 4,000 ล้าน โทษจำคุกกว่า 154,005 ปี ที่เรารู้จักกันดีในนาม #แชร์แม่ชม้อย =================================== ปี พ.ศ.2527 “นายเอกยุทธ อัญชันบุตร” เจ้าของบริษัท ชาร์เตอร์ อินเวสต์เมนท์ จำกัด ชักชวนให้คนนำเงินไปลงทุนซื้อสินค้าโภคภัณฑ์และเงินตราต่างประเทศมาเก็งกำไร ให้ผลตอบแทนถึงเดือนละ 9% สูงกว่าแชร์แม่ชม้อยถึง 2.5 % ทำให้มีคนแห่นำเงินมาลงทุน “ทำธุรกิจ” กับนายเอกยุทธจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นนายทหารกับนักการเมือง ก่อนที่จะกลายเป็นคดีดัง #แชร์ชาร์เตอร์ และนายเอกยุทธหนีคดีไปต่างประเทศในปี พ.ศ.2528 และกลับมา พ.ศ.2547 หลังจากคดีหมดอายุความ และถูกฆ่าในปี พ.ศ.2556 =================================== ปลายปี พ.ศ 2529 พรชัย สิงหเสมานนท์ เจ้าของหมู่บ้านเสมาฟ้าคราม โครงการบ้านจัดสรรราคาถูก 700 ยูนิต บนเนื้อที่ 320 ไร่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จัดระดมเงินทุนนอกระบบขึ้น หลังธนาคารระงับการให้สินเชื่อกับโครงการ โดยผู้ลงทุนต้อง “ลงทุน” 12,000 บาท รอ 2 ปี ได้เงิน 36,000 บาท การได้เงินไม่ใช่ได้ก้อนเดียว…ครั้งเดียว ลงทุนไปแล้วทุกเดือน จะได้ผลตอบแทนเดือนละ 1,500 บาท จนครบ 24 เดือน คิดเป็นผลกำไร 12.5% ต่อเดือน หรือ 150% ต่อปี เท่ากับว่า จ่ายเงิน 12,000 บาท รอ 2 ปี จะได้กำไรถึง 2 เท่าตัวคือ 24,000 บาท แต่ต่อมาเพียง 2

วิวัฒนาการ “แชร์ลูกโซ่” อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กลโกงไส้ในเดิม ที่เพิ่มเติมรูปแบบใหม่ อ่านเพิ่มเติม »

ทำไมครัวเรือนอีสานมีรายได้เฉลี่ยใกล้เคียงกับทุกภูมิภาค แต่กลับมีเงินไม่พอใช้หนี้

จากการเก็บรวบรวมข้อมูลของทางการเงินสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้รายงาน “การสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน พ.ศ. 2566 ทั่วราชอาณาจักร” จะพบว่าภาคอีสานเป็นภาคที่มีรายได้และรายจ่ายภาคครัวเรือนต่ำที่สุดในประเทศ แต่ถึงแม้ว่ารายได้ของครัวเรือนในภาคอีสานเฉลี่ยนั้นจะมากกว่ารายจ่ายก็จริง ก็ในด้านของหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนนั้นภาคอีสานก็สูงไม่แพ้ภาคอื่นเช่นกัน “ครัวเรือนในภาคอีสานแม้จะมีรายได้เฉลี่ยใกล้เคียงกับภูมิภาคอื่นๆ แต่กลับมีสัดส่วนรายได้จากการทำงานเฉลี่ยน้อยที่สุด และพึ่งพารายได้ที่ได้รับการช่วยเหลือในสัดส่วนที่มากที่สุด ในขณะที่มีหนี้สินครัวเรือนเฉลี่ยเป็นรองเพียงภาคใต้ และ กรุงเทพฯ” หากมาดูโครงสร้างรายได้ของครัวเรือนในภาคอีสานจะพบว่า รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนในภาคอีสานจะอยู่ที่ 22,524 บาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็น รายได้ประจำที่เป็นตัวเงิน 17,908 บาท ซึ่งเป็นรายได้ที่มาจาก 1) การทำงาน 12,724 บาท 2) จากการช่วยเหลือต่าง ๆ 5,024 บาท และ 3) รายได้จากทรัพย์สินต่าง ๆ 161 บาท ส่วนต่อมาได้แก่ รายได้ประจำที่ไม่เป็นตัวเงิน 4,221 บาท เช่น ค่าประเมินค่าเช่าบ้านที่ไม่เสียเงิน หรือสินที่ได้มาโดยไม่ต้องซื้อ เป็นต้น และในส่วนสุดท้าย รายได้ไม่ประจำที่เป็นตัวเงิน 395 บาท เช่น ทุนการศึกษา มรดก เงินจากประกัน เป็นต้น กราฟแสดงรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยของแต่ละภูมิภาคของไทย ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ   ในส่วนของโครงสร้างรายจ่ายของครัวเรือนในภาคอีสานนั้นจะพบว่า รายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนในภาคอีสานจะอยู่ที่ 18,676 บาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็น รายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค 16,540 บาท ซึ่งเป็นรายจ่ายที่มาจาก 1) อาหาร และเครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอล์) 7,202 บาท 2) ที่อยู่อาศัย เครื่องต่างบ้าน และเครื่องใช้ต่าง ๆ 3,870 บาท 3) การเดินทางและการสื่อสาร 3,498 บาท และ 4) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 1,895 บาท และส่วนที่สองได้แก่ รายจ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค 2,136 บาท เช่น เงินสมทบประกันสังคม เงินทำบุญ หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น กราฟแสดงรายจ่ายครัวเรือนเฉลี่ยของแต่ละภูมิภาคของไทย ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ   หากมองเพียงผิวเผินอาจกล่าวได้ว่ารายจ่ายนั้นเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับรายได้ที่เมื่อรายได้ไม่สูงมากนัก การบริโภคจึงไม่สูงตาม ทำให้ภาคอีสานมีสัดส่วนรายจ่ายต่อรายได้สูงที่สุดในประเทศมีสัดส่วนร้อยละ 82.9 จึงทำให้มีเงินออมหรือเงินชำระหนี้น้อยกว่าภาคอื่น ๆ แต่เมื่อพิจารณาทั้งรายได้และรายจ่ายของคนในภาคอีสานให้ละเอียดนั้นจะพบว่า รายได้ประจำที่มากจากการทำงานซึ่งถือเป็นรายได้หลักนั้นเฉลี่ยทั้งครัวเรือนในภาคอีสานมีอยู่เพียง 12,724 บาทต่อเดือนเท่านั้น โดยเมื่อเปรียบเทียบกับในภูมิภาคอื่นแล้วนั้นภาคอีสานถือเป็นภาคที่มีรายได้จากการทำงานต่ำที่สุดในประเทศ คิดเป็นร้อยละ 75 ของรายได้จากการทำงานที่น้อยกว่าภูมิภาคอื่น และเมื่อพิจารณาคู่กับรายจ่ายเฉพาะการอุปโภคบริโภคนั้นมีสูงถึง 16,540 บาทต่อเดือน จึงสามารถกล่าวได้ว่าในทุก ๆ หนึ่งเดือนครัวเรือนภาคอีสานต้องหาเงินเพิ่มอย่างน้อย 3,816 บาทเพื่อให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภค โดยในส่วนนี้ครัวเรือนในภาคอีสานส่วนหนึ่งถูกทดแทนด้วยการช่วยเหลือด้านการเงินจากบุคคลนอกครัวเรือนเฉลี่ยเดือนละ 2,756 บาท

ทำไมครัวเรือนอีสานมีรายได้เฉลี่ยใกล้เคียงกับทุกภูมิภาค แต่กลับมีเงินไม่พอใช้หนี้ อ่านเพิ่มเติม »

เปิด เส้นทางขนส่งสินค้า ออนไลน์ ทำไมต้องผ่าน “มุกดาหาร” 2 วัน ส่งไว จีน-ไทย ไม่เกินจริง

เทศกาล โปรโมชั่น ลดกระหน่ำ ประจำเดือนมาถึงแล้ว หลายๆ คนก็เริ่มเก็บคูปองแล้วกดตะกร้าสั่งสินค้ากันแล้ว และแน่นอนว่าจะต้องตั้งตารอสินค้า และเช็คสถานะพัสดุที่จัดส่งเป็นระยะๆ จนทำให้เกิดข้อสงสัยว่า แล้วทำไมสินค้าบางอย่างที่สั่งผ่านร้านค้าที่จัดส่งจากต่างประเทศนั้น ถึงส่งได้อย่างรวดเร็ว ว่องไว เหลือเกิน โดยปกติจะมีการแจ้งจัดส่งภายใน 7 วัน แต่เอาเข้าจริงกลับจัดส่งได้เร็วกว่านั้น หรือเร็วสุด 2 วันก็ถึงแล้ว นอกจากนั้นหลายๆ คนก็เริ่มตั้งข้อสังเกตแล้วว่าสินค้าที่จัดส่งมาหลายๆ ชิ้นจะต้องผ่าน “ที่ทำการ MUKDAHAN” หรือ ด่าน มุกดาหารอยู่เสมอ ดังเช่นภาพตัวอย่างด้านล่างที่แนบมานี้ ทำความรู้จักจุดผ่านแดนอีสาน-ประเทศเพื่อนบ้าน จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยมูลค่าการค้าสะสมเดือนมกราคม – สิงหาคม ปี 2566 พบจุดผ่านด่านดังนี้ ตามภาพด้านล่างนี้ จุดผ่านแดนอีสาน – ลาว มีที่ไหนบ้าง? . 1. จังหวัดเลย มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 69,024 ล้านบาท โดยมีจุดผ่านแดน 3 แห่งด้วยกัน คือ จุดผ่านแดนสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ําเหือง – ไชยบุรี, จุดผ่านแดนอำเภอเชียงคาน – นครหลวงเวียงจันทน์ และจุดผ่านแดนบ้านคกไผ่ – นครหลวงเวียงจันทน์ . 2. จังหวัดหนองคาย มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 108,686 ล้านบาท โดยมีจุดผ่านแดน 2 แห่งด้วยกัน คือ จุดผ่านแดนท่าเสด็จ – นครหลวงเวียงจันทน์ และจุดผ่านแดนมิตรภาพไทย – ลาว(นครหลวงเวียงจันทน์) แห่งที่ 1 . 3. จังหวัดมุกดาหาร มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 88,781 ล้านบาท โดยมีจุดผ่านแดน 2 แห่งด้วยกัน คือ จุดผ่านแดนอำเภอเมืองมุกดาหาร – แขวงสะหวันนะเขต และจุดผ่านแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว(แขวงสะหวันนะเขต) แห่งที่ 2 . 4. จังหวัดนครพนม มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 70,937 ล้านบาท โดยมีจุดผ่านแดน 2 แห่งด้วยกัน คือ จุดผ่านแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว(แขวงคําม่วน) แห่งที่ 3 และจุดผ่านแดนอำเภอเมืองนครพนม – แขวงคําม่วน . 5. จังหวัดบึงกาฬ มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 66,920 ล้านบาท โดยมีจุดผ่านแดน 1 แห่งด้วยกัน คือ จุดผ่านแดน อ.เมืองบึงกาฬ – แขวงแบอลิคําไซ (สะพานมิตรภาพไทย

เปิด เส้นทางขนส่งสินค้า ออนไลน์ ทำไมต้องผ่าน “มุกดาหาร” 2 วัน ส่งไว จีน-ไทย ไม่เกินจริง อ่านเพิ่มเติม »

เศรษฐกิจ ‘ลาว’ ไปต่อยังไง? หลังหนี้พุ่ง 122 % ของ GDP แรงงานทะลักออกนอกประเทศ เศรษฐกิจชายแดนอีสานได้รับผลกระทบ?

หนึ่งในข้อความจากเพจ ลาว”มอง”ไทย “แรงงานลาวไปทำงานในต่างประเทศ จาก 73% ในปี 2023 มาเป็น 93% ในปี 2024” แม้ข้อความข้างต้นจะไม่ปรากฏข้อมูลตัวเลขอ้างอิง ที่เชื่อถือได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะพบว่ามีข่าวและข้อมูลที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจต่างๆ ที่พูดถึงวิกฤตทางการเงินและวิกฤตทางเศรษฐกิจของ สปป.ลาว ประเทศเล็กๆ ที่ไร้ทางออกทะเล ที่ต้องการฟื้นเปลี่ยนสภาพจาก land locked ให้เป็น land linked ประสานกับยุทธศาสตร์การเป็นแบตเตอรี่แห่งเอเชีย ทำให้ลาวต้องลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากนับตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งของแผ่นดินใหญ่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ แต่กลับกันการลงทุนเหล่านั้นก็ได้สร้างหนี้พอกพูนมากขึ้นเป็นลำดับ “ภาคอีสาน และ สปป.ลาว ล้วนพึ่งพาอาศัยกันทางเศรษฐกิจมากกว่าที่คิด ดังนั้นการหดตัวทางเศรษฐกิจลาวย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจอีสานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” สถานการณ์ของลาวประเทศเพื่อนบ้านต้องเผชิญกับหนี้สาธารณะในระดับวิกฤตเมื่อมองไปที่นี่เงินกู้ของประเทศตอนนี้สูงถึง 122 % ของ GDP ซึ่งทำให้ลาวกลายเป็นประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงเป็นอันดับ 9 ของโลกตามข้อมูลกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ซึ่งทำให้เรื่องนี้กลายเป็นสิ่งที่หลายคนกล่าวถึงลาวว่ากำลัง “ติดกับดักนี่ทางการทูต” จากจีนหรือไม่? จนนักวิเคราะห์หลายคนมองว่าลาวได้กลายเป็นรัฐเงา(shadow state) ของจีนไปด้วยซ้ำ แต่ในขณะเดียวกันลาวก็ไม่ได้มีทางเลือกในการพัฒนามากนักการต้านจีนจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากการเชื่อมโยงพัฒนาเข้ากับจีนดูเหมือนจะเป็นทางเดียวที่ลาวจะสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่พรรคประชาชนปฏิวัติเราเองก็ต้องการความชอบธรรมด้านผลงานจากการพัฒนาเพื่อให้อยู่ในอำนาจได้อย่างต่อเนื่อง แต่ทุกอย่างมีราคาต้องจ่าย ISAN Insight and Outlook จะ พามาเบิ่ง ว่าท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจของลาว ได้เกิดผลกับลาวอย่างไรและได้ส่งผลต่อประเทศไทยรวมถึงภาคอีสานที่ถือเป็นชายแดนติดกับประเทศลาวอย่างไรบ้างตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เศรษฐกิจลาวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ เช่น ภัยธรรมชาติ ภาวะหนี้สิน และผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจลาวก็มีสัญญาณการฟื้นตัวและพัฒนาในหลายด้าน ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจลาว การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน: ลาวให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง รถไฟมาตรฐาน และเขื่อน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและเชื่อมโยงลาวเข้ากับภูมิภาค การลงทุนจากต่างประเทศ: การลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจลาว แต่ก็ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้สินของประเทศ ภาคการเกษตร: ภาคการเกษตรยังคงเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจลาว แม้ว่าจะเผชิญกับปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขาดแคลนเทคโนโลยี ภาคการท่องเที่ยว: ภาคการท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจลาว แต่การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจลาวในอนาคต การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป: แม้ว่าเศรษฐกิจลาวจะเริ่มฟื้นตัว แต่การฟื้นตัวก็ยังมีความเปราะบางและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการค้า สภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่ผันผวน ความท้าทายด้านหนี้สิน: ภาระหนี้สินของลาวยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข การพัฒนาอย่างยั่งยืน: ลาวให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เปรียบเทียบศักยภาพเศรษฐกิจลาว และ ภาคอีสาน   ลาว ยังเป็นผู้ลงทุน Top3 ของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอีสานมาอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลข้างต้น ณ 30 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา จะพบว่า ลาว ยังเป็นกลุ่มประเทศที่เข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอีสานอย่างต่อเนื่องและติด TOP 3 มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ฝั่งแรงงานจากลาว ก็ถือเป็นอันดับ 2 ของไทยที่ขับเคลื่อนแรงงานต่างด้าว เป็นรองเพียง

เศรษฐกิจ ‘ลาว’ ไปต่อยังไง? หลังหนี้พุ่ง 122 % ของ GDP แรงงานทะลักออกนอกประเทศ เศรษฐกิจชายแดนอีสานได้รับผลกระทบ? อ่านเพิ่มเติม »

คนอีสานและทั่วโลกถูกดักฟัง หลังข่าวฉาว บิ๊กเทคอาจใช้ AI ดักฟังในแพลตฟอร์มต่างๆ เหตุเม็ดเงินโฆษณาเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สงครามแย่งชิงความสนใจและเม็ดเงินโฆษณาในวงการสื่อและความบันเทิงไทยกำลังร้อนระอุ! แพลตฟอร์มใหม่ๆ ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ผู้บริโภคเสพสื่อหลากหลายช่องทางจนตาลาย แต่ใครจะครองใจคนไทยได้อยู่หมัด? . ผลสำรวจจาก Marketbuzzz ชี้ชัดว่า คนไทยยุคนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโซเชียลมีเดีย (70%) การท่องอินเทอร์เน็ต (50%) และดูวิดีโอสตรีมมิง (47%) LINE และ Facebook ยังคงเป็นเจ้าพ่อโซเชียล โดยเฉพาะ LINE ที่มีผู้ใช้งานสูงถึง 78% สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในการใช้แอปพลิเคชันนี้ในการสื่อสารและติดตามข่าวสารในชีวิตประจำวัน . Facebook เองก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ใช้งาน 68% แสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มนี้ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการเชื่อมต่อกับเพื่อนฝูงและครอบครัว นอกจากนี้ ยังพบว่า Messenger แอปพลิเคชันแชตในเครือของ Facebook ก็มีผู้ใช้งานสูงถึง 34% บ่งชี้ว่าคนไทยยังคงนิยมการสื่อสารแบบส่วนตัวผ่านช่องทางนี้ . ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน Facebook อยู่มากกว่า 12.9 ล้านบัญชี โดยมีสัดส่วนบัญชีผู้ใช้งาน Facebook แบ่งเป็นผู้หญิง 60.01% และผู้ชาย 39.99%.โดยประเทศไทยเป็นประเทศอันดับที่ 8 ที่มีจำนวนผู้ใช้งาน facebook มากที่สุดในโลก จำนวนกว่า 48.3 – 56.9 ล้านบัญชี โดยผู้ใช้งานส่วนใหญ่50.6% ชอบโพสต์ลิงค์มากที่สุดรองลงมาเป็นรูปภาพ 30.2%video 17.1%สเตตัสทั่วไป 1.9%ส่วนค่าเฉลี่ยการโพสต์จากเพจ 1.92%. จัดอันดับอันดับจังหวัดที่มีสัดส่วนบัญชีผู้ใช้งาน Facebook มากที่สุด.อันดับที่ 1 นครราชสีมา จำนวน 1.7 – 2 ล้านบัญชีอันดับที่ 2 อุบลราชธานี จำนวน 9.8 แสนบัญชี – 1.2 ล้านบัญชีอันดับที่ 3 อุดรธานี จำนวน 8.1 – 9.6 แสนบัญชีอันดับที่ 4 ขอนแก่น จำนวน 8.1 – 9.5 แสนบัญชีอันดับที่ 5 บุรีรัมย์ จำนวน 7.5 – 8.8 แสนบัญชี 6 สุรินทร์ จำนวน 6 – 7 แสนบัญชี 7 ศรีสะเกษ จำนวน 5.9 – 6.9 แสนบัญชี 8 ร้อยเอ็ด จำนวน 5.5 – 6.5 แสนบัญชี 9 สกลนคร จำนวน 5.5 –

คนอีสานและทั่วโลกถูกดักฟัง หลังข่าวฉาว บิ๊กเทคอาจใช้ AI ดักฟังในแพลตฟอร์มต่างๆ เหตุเม็ดเงินโฆษณาเติบโตอย่างต่อเนื่อง อ่านเพิ่มเติม »

4 จังหวัด คูเมืองโบราณในอีสาน วิทยาการการจัดการน้ำในเมืองโบราณของคนในอดีต

🌧☔ในฤดูฝนช่วง สิงหา-กันยา ในทุกๆ ปี หลายท่านอาจจะต้องเผชิญกับฝนอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน หรือเวลาเลิกงาน บางครั้งอาจหนักถึงขั้นพายุ ฟ้าฝน ลม กระหน่ำ จนเกิดน้ำท่วมฉับพลันหรือน้ำป่าไหลหลาก ในยุคเมืองปูน เมืองซีเมนต์ ที่น้ำไหลซึมลงผ่านหน้าดินได้ยากนี้ จึงต้องอาศัยเครืองไม้เครื่องมือในการจัดการน้ำ ที่รอการระบาย หรือไม่สามารถระบายผ่านระบบระบายของตัวเมืองได้ทัน . แล้วในสมัยก่อน คนในอดีตวางผังเมือง และมีแผนการรับมือกับน้ำทั้งใน⛈หน้าฝน ⛅หน้าแล้ง และวางระบบชลประทานอย่างไรบ้าง วันนี้ ISAN Insight 🧐สิพามาเบิ่ง 4 จังหวัด คูเมืองโบราณในอีสาน วิทยาการการจัดการน้ำในเมืองโบราณของคนในอดีต กัน ประวัติความเป็นมาของคูคลอง 4 จังหวัดภาคอีสาน 1. นครราชสีมา #คลองคูเมืองนครราชสีมาได้ก่อสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ช่วงปี พ.ศ. 2199 – พ.ศ. 2231 เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของนครราชสีมา.ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีพระราชดำริว่า ดินแดนภาคอีสานเป็นฉนวนป้องกันการรุกรานของขแมร์ (เขมร) ลาว ญวน และเป็นหัวเมืองใหญ่ควบคุมเขมรป่าดงที่ขึ้นแก่ไทย จึงโปรดให้สร้างเมืองขึ้นใหม่ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของเมืองที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการรบ จึงมีการสร้างกำแพงและขุดคู้มืองขึ้นด้วย.โดยคูเมืองกว้าง 20 เมตร (10 วา) และลึก 6 เมตร (3 วา) ยาวล้อมรอบเมือง มีความกว้างประมาณ 1,000 เมตร (มาตราวัดของไทย : 25 เส้น) ยาวประมาณ 1,700 เมตร (มาตราวัดของไทย : 43 เส้น) ยาวล้อมรอบกำแพงเมืองและเขตเมืองเก่า และมีการขุดลำปรุจากลำตะคองเป็นทางน้ำเข้ามาหล่อเลี้ยงคูเมืองด้วย มาทำความรู้จัก ๑๗ คูเมืองโคราช . #ชื่อคูเมืองโคราช คูเมืองโคราชมีทั้งหมด 17 คูและให้ประชาชนร่วมส่งชื่อเข้าประกวด โดยคณะเทศมนตรีชุดบริหาร พ.ศ.2526 ร่วมกับอาจารย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นำชื่อที่เข้าอันดับมาไล่เรียงให้คล้องจองกัน โดยยึดถือความสอดคล้องทางประวัติศาสตร์โคราชและเกี่ยวกับท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) ซึ่งแต่ละคูมีชื่อที่คล้องจองกันดังนี้ นารายณ์รังสฤษดิ์ มหิศราธิบดี เศวตหัตถีคู่แดน พลแสนฮึกหาญ อีสานชาญชัย ชูไทเทิดหล้าน พลล้านต้านปัญจา บูรพารวมพล พหลไกรเกริกหาญ ชลธารเทพสถิต นิรมิตชลเขต สาครเรศบุรารักษ์ พิทักษ์สีมารัฐ ยกกระบัตรลือเลื่อง ปลัดเมืองเกรียงไกร พิชัยชุมพล สัมฤทธิ์รณอริพ่าย ภาพคูเมือง ทั้ง 17 แห่งของโคราช ___________________________ 2. ร้อยเอ็ด #คลองคูเมืองร้อยเอ็ดกำแพงเมืองและคูเมืองร้อยเอ็ด เกี่ยวข้องกับเมืองสาเกตในตำนานอุรังคธาตุ ระบุว่ามีมาก่อน การสร้างพระธาตุพนม (พ.ศ. แต่จากหลักฐานทางโบราณคดีพบร่องรอยการอยู่อาศัยในพื้นที่ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย.ต่อมาจึงมีการสร้างเมืองร้อยเอ็ดเมื่อราวปี พ.ศ.1000 ร่วมสมัยกับเมืองเชียงเหียน เมืองจำปาศรี จังหวัดมหาสารคาม

4 จังหวัด คูเมืองโบราณในอีสาน วิทยาการการจัดการน้ำในเมืองโบราณของคนในอดีต อ่านเพิ่มเติม »

อะไรทำให้ เศรษฐกิจอีสาน ฟื้นตัวช้า คาดการณ์ การเติบโตต่ำกว่า 1%💼

แบงค์ชาติคาดการณ์ ปีนี้ #อีสานฟื้นตัวแล้ว จากภาคการค้าที่ดีขึ้น แต่ก็ยังโตขึ้นไม่ถึง 1% เหตุ ภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวช้า การเกษตรหดตัว และภาคอสังหาฯ ได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือน   เศรษฐกิจอีสาน ปี 66 หดตัวที่ -2.2 ถึง -1.2% ขณะที่ปี 67ขยายตัวเล็กน้อยที่ -0.1 ถึง 0.9% ปี 2566 หดตัวจากภาคอุตสาหกรรมกลุ่มผลิตอิเล็กทรอนิกส์ ที่หดตัวเนื่องจากสินค้าคงคลังของคู่ค้ายังอยู่ในระดับสูงจาก อุปสงค์ที่ฟื้นตัวช้า เช่นเดียวกับผลผลิตเกษตรที่หดตัว ในพืชสำคัญทำห้กำลังซื้อในภาคการค้าลดลง ด้านภาค อสังหาริมทรัพย์หดตัวตามยอดขายที่เร่งไปในปีก่อนหน้า ประกอบกับสถาบันการเงินระมัดระวังการอนุมัติสินเชื่อ อย่างไร ก็ดี ภาคก่อสร้างขยายตัวได้เล็กน้อยจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ใหม่ หลังจากที่ผู้ประกอบการเร่งระบายสต๊อกไปในปีก่อน  ปี 2567 ขยายตัวเล็กน้อย จากภาคการค้าตามกิจกรรมทาง เศรษฐกิจที่ทยอยปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรม ยังฟื้นตัวช้าตามการฟื้นตัวของภาคอิเล็กทรอนิกส์ และผลผลิต เกษตรยังหดตัว เช่นเดียวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับ ผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง บั่นทอน ความสามารถในการซื้อและผ่อนชำระ สรุปภาพรวมเศรษฐกิจอีสาน ในปี 2566 -🌾 รายได้ในภาคการเกษตรมีการ หดตัว ⬇️ -2.8% YOY จากผลผลิตมันสำปะหลังและอ้อยเป้นสำคัญ เนื่องจากผุ็ปลูกมันสำปะหลังพบปัญหาใบด่าง ส่วนอ้อยพบปัญหาจากภัยแล้ง ส่วนยางและปศุสัตว์ระดับขยายตัวเล็กน้อยแต่มีราคาที่ถูกลง –รายได้นอกภาคเกษตร หดตัวลง ⬇️ -1.3% YOY  จากภาคก่อสร้างและภาคบริการเป็นสำคัญ -🏛️มาตราการภาครัฐในการกระตุ้นการใช้จ่ายลดลง เช่น คนละครึ่ง,ช็อปดีมีคืน,เราเที่ยวด้วยกัน –ค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง +4.4% แม้ว่าเงินเฟ้อจะลดลง 0.98% ซึ่งทั้งหมดนั้นส่งผลให้ การบริโภคเอกชน ปี 2566 หดตัว -1.9% YOY        สินค้าหมวดยานยนต์ -15.6%     สิ้นค้าอุปโภคบริโภค -0.6%       สินค้าคงทน -6.3% -🏭การผลิตภาคอุตสาหกรรม หดตัว สอดคล้องกับการลงทุนเอกชนตามสภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ยังชะลอตัว        การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัว-4.7% YOY (2566) เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอและเครื่องแต่งกาย น้ำตาลสาย แป้งมันสำปะหลัง        การลงทุนเอกชน ด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์หดตัว -4.6% YOY เช่น การนำเข้าสินค้าทุน รถยนต์เชิงพาณิชย์ หมายเหตุ : ทั้งนี้ การศึกษาจัดทำประมาณการจากข้อมูลเบื้องต้น ณ ปัจจุบัน เพื่อเป็นประโยชน์กับธุรกิจและประชาชน และจะมีการทบทวนปรับปรุงประมาณการและเผยแพร่ปีละ 2 ครั้ง ผลมาจากปัจจัยหลายประการที่ซับซ้อนและมีผลกระทบต่อกัน ปัจจัยภายในภูมิภาค: ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรซึ่งเป็นฐานเศรษฐกิจหลักของภูมิภาค ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลงและส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกรอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ความผันผวนของราคาสินค้าเกษตรยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในภูมิภาค รวมถึงการขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและครอบคลุมทั่วถึงก็เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคเช่นกัน ปัจจัยภายนอก: สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์และปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าส่งออกของไทย

อะไรทำให้ เศรษฐกิจอีสาน ฟื้นตัวช้า คาดการณ์ การเติบโตต่ำกว่า 1%💼 อ่านเพิ่มเติม »

“คลองฟูนันเตโช” เมกะโปรเจกต์เชื่อมพนมเปญ-อ่าวไทย จะสะเทือนเศรษฐกิจไทย-เวียดนาม ได้อย่างไร? แล้วอีสานและแม่น้ำโขงจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

โครงการคลองฟูนันเตโช หรือชื่อเต็มคือ โครงการระบบขนส่งทางน้ำและโลจิสติกส์โตนเลบาสัก (Tonle Bassac Navigation Road and Logistics System Project) มีระยะทาง 180 กิโลเมตร เชื่อมเส้นทางคมนาคมทางเรือ โดยมีจุดเริ่มต้นจากแม่น้ำโขง บริเวณแปรกตาแก้ว ห่างจากใจกลางกรุงพนมเปญไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 30 กิโลเมตร ผ่านไปยังท่าเรือพนมเปญในแม่น้ำบาสัก และผ่านจังหวัดกันดาล ตาแก้ว กำปอด ไปถึงแกบ เมืองชายฝั่งทางใต้ของกัมพูชาติดกับอ่าวไทย โดยยังเป็นโครงการที่เชื่อมตรงระหว่างพนมเปญกับท่าเรือในสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกแห่งเดียวของประเทศ รวมถึงท่าเรือใหม่ในจังหวัดกำปอด คาดว่าโครงการขุดคลองสายนี้จะใช้เวลาดำเนินการ 4 ปีและน่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2028 กัมพูชาขุดคลอง ฟูนัน เตโช ระยะทาง 180 กม.ด้วยงบ 68,200 ล้านบาทจากประเทศจีน โดยมีความกว้าง 100 เมตร ลึก 5.4 เมตร เขื่อนกั้นน้ำ 3 แห่ง และสะพานข้ามคลองอีก 11 แห่ง เริ่มก่อสร้างปลายปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 4 ปี โดยจีนจะได้รับสัมปทานในคลองเป็นระยะเวลา 50 ปี ไม่ว่าจะเป็นรายได้ต่างๆ ค่าผ่านทางที่จะเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินงาน และผลกำไรต่างๆ ภาพจาก: Credit: AP Photo/Heng Sinith โครงการคลองฟูนันเตโชมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยงทางการค้าและอำนาจทางยุทธศาสตร์ของกัมพูชาผ่านการสนับสนุนจากจีนภายใต้กรอบของ Belt and Road Initiative (BRI) คลองฟูนันเตโชเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์กัมพูชาในการแสวงหาความอิสระทางยุทธศาสตร์ โดยลดการพึ่งพาเส้นทางการค้ากับเวียดนามและสร้างทางเลือกใหม่ที่ไม่ถูกครอบงำโดยอิทธิพลภายนอกโดยเฉพาะจากเวียดนาม โครงการนี้สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลกัมพูชาในการเสริมสร้างความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิภาคที่มีความซับซ้อนทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างลุ่มแม่น้ำโขง Smoke bombs are ignited during the groundbreaking ceremony of the Funan Techo Canal in Kandal province. Photo: AFP โครงการคลองฟูนันเตโชของกัมพูชามีโครงสร้างทางการเงินที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งมีการประมาณการว่าจะสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลกัมพูชา 88 ล้านดอลลาร์ในปีแรก และเพิ่มขึ้นถึง 570 ล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2050 โดยถูกออกแบบให้เป็นโครงการแบบสร้าง-ดำเนินการ-โอน (BOT) ภายใต้การสนับสนุนจากจีน แต่ยังไม่มีการระบุคู่สัญญาหลักอย่างชัดเจน แม้จะมีการประมาณรายได้ในระยะยาว แต่ความเสี่ยงทางการเงินสูงจากดอกเบี้ยที่สูงกว่าแหล่งทุนอื่น ๆ เช่น ธนาคารโลก อาจทำให้เกิดภาระหนี้สินในอนาคต การที่จีนสนับสนุนโครงการนี้ทำให้เกิดความกังวลต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ซึ่งอาจเห็นว่าการขยายอิทธิพลของจีนผ่านโครงสร้างพื้นฐานและการทหารเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงระดับภูมิภาค โครงการนี้อาจถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การขยายอำนาจของจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในบริเวณอ่าวไทยที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เนื่องจากอยู่ใกล้กับเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศและแหล่งทรัพยากรน้ำมันในทะเลจีนใต้ ความตึงเครียดที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการนี้สามารถสร้างผลกระทบทางการเมืองและความมั่นคงที่แผ่ขยายไปยังประเทศไทย ทำให้ต้องมีการวางแผนและปรับนโยบายการจัดการทรัพยากรและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหม่ ภาพจาก : BBC Thai จีนได้ขยายอิทธิพลในกัมพูชามาอย่างยาวนาน โดยเริ่มจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานผ่านโครงการ

“คลองฟูนันเตโช” เมกะโปรเจกต์เชื่อมพนมเปญ-อ่าวไทย จะสะเทือนเศรษฐกิจไทย-เวียดนาม ได้อย่างไร? แล้วอีสานและแม่น้ำโขงจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? อ่านเพิ่มเติม »

งานวิจัยพบ คนรุ่นใหม่🤑เล่นพนันออนไลน์ในปี 2566 เกือบ 1 ใน 3 หรือกว่า 2.9 ล้านคน💸โดย แซงหน้า พนันออฟไลน์เป็นที่เรียบร้อย

ในปี 2566 มีคนรุ่นใหม่เล่นพนันออนไลน์เกือบ 3 ล้านคนแซงหน้าการเล่นพนันออฟไลน์ ไปแล้วและกว่า 1 ล้านคนระบุว่าตนเองได้รับผลกระทบจากการเล่นพนัน เมื่อพิจารณาจากประเภทการเล่นพนันพบว่าเพศชายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากการพนันสูงกว่าเพศหญิงเพราะนิยมเล่นการพนันที่มีวงจรการเล่นพนันที่สั้นกระตุ้นให้เล่นซ้ำๆต่อเนื่องเสี่ยงต่อการสร้างพฤติกรรมเสพติดพนัน    ทุกๆปีมีเด็กและเยาวชนไทยก้าวเข้าสู่การพนันในฐานะนักพนันหน้าใหม่ ตั้งต้นจากภาพฉูดฉาดว่าการพนันเป็นดั่งสวนสนุกมีเครื่องเล่นตื่นเต้นสรวญเสเฮฮากับเพื่อนๆ หากแต่เวลาแห่งความสุขไม่ได้คงอยู่นานรู้ตัวอีกทีอาจตกอยู่ในเขาวงกตไร้ทางออก ยิ่งในปัจจุบันโลกออนไลน์ตามติดชีวิตคนรุ่นใหม่ไปทุกที่การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทำให้เข้าถึงการพนันออนไลน์ได้ง่ายมากขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง รอต้อนรับนักพนันหน้าใหม่ทุกครั้งที่หยิบมือถือขึ้นมา  ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันจัดให้มีการศึกษาพฤติกรรมการเล่นพนันออนไลน์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) โดยได้ทำการสำรวจความเห็นประสบการณ์สถานการณ์พฤติกรรมและผลกระทบในแง่มุมมองต่างๆจากการเล่นพนันออนไลน์ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาในกลุ่มประชากรที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 15-25 ปีจาก 19 จังหวัดทั่วประเทศด้วยการสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้าลงระดับครัวเรือนประยุกต์ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้นและกำหนดลักษณะตัวอย่างให้สอดคล้องกับประชากรเป้าหมายจริงรวม 5,010 ตัวอย่างเก็บข้อมูลระหว่าง 20 มกราคมถึง 24 กุมภาพันธ์ 2561     “พนันออนไลน์กำลังสร้างความเสียหายให้กับคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องธุรกิจพนันกระจายตัวแทรกซึมโรคออนไลน์และมีแนวโน้มจะเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้เร็วมากขึ้นเม็ดเงินมหาศาลที่หมุนเวียนเข้าสู่อุตสาหกรรมการพนันกำลังวนกลับออกมาใช้ขยายพื้นที่การพนันในสังคมไทย” โฆษณาพนันออนไลน์เข้าถึงคนรุ่นใหม่ชวนเล่นชวนแชร์  โดยสนิทติเปิดเผยว่าคนที่เคยเห็นโฆษณาพนันออนไลน์จำนวนหนึ่งเคยแชร์หรือแนะนำให้ผู้อื่นเข้าไปเล่นพนันออนไลน์ด้วยกว่าร้อยละ 7.4 โดยช่องทางหลักคือ Line และ Facebook ที่ร้อยละ 51.2 และ 46.0 ตามลำดับ โดยคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ตระหนักถึงอันตรายของพนันออนไลน์ที่มีมากกว่าพนันแบบออฟไลน์โดยมองว่าพนันออนไลน์ทำให้คนติดง่ายขึ้นกว่าร้อยละ 75.9  ถ้าลองเล่นแล้วมีโอกาสติดง่ายกว่าร้อยละ 73.2 อีกทั้งยังมีโอกาสเสียเงินในจำนวนที่สูงกว่าการเล่นแบบออฟไลน์กว่าร้อยละ 69.1 จึงไม่น่าแปลกใจที่ส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้มีกฎหมายควบคุมการเล่นพนันออนไลน์ที่รัดกุมขึ้นอย่างไรก็ดีเมื่อถามความเห็นต่อความคิดที่ว่าโฆษณาพนันออนไลน์เป็นเรื่องปกติไม่จำเป็นต้องบล็อกหรือแจ้งหน่วยงานใดแม้คำตอบจะไม่ไปในทิศทางเดียวกันแต่ก็มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 35.3 สะท้อนว่าบางส่วนไม่ต้องการให้มีการจำกัดเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารและเชื่อว่าตนจะสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีให้ใครมาคัดกรองให้    “การพนันออนไลน์ใกล้แค่เอื้อมคนรุ่นใหม่จึงเคยเอื้อมมือไปสัมผัส”   หลายคนเคยเอื้อมมือไปสัมผัสการพนันออนไลน์มาแล้วโดยคนรุ่นใหม่กว่าร้อยละ 51.4 ระบุว่ามีประสบการณ์เคยเล่นพนัน คนรุ่นใหม่เริ่มเล่นพนันออนไลน์ครั้งแรกที่อายุเฉลี่ย 19.5 ปีอายุต่ำสุดที่เริ่มเล่นครั้งแรกคือ 12 ปี โดยกลุ่มเด็กเริ่มเล่นที่อายุเฉลี่ย 16.4 ปี และกลุ่มเยาวชน เริ่มเล่นที่อายุเฉลี่ย 20.1 ปี การพนันออนไลน์กำลังเข้าถึงคนรุ่นใหม่เร็วขึ้นเรื่อยๆโดยมากจะเริ่มเล่นครั้งแรกจาก Slot Machine กว่าร้อยละ 26.8 ตามมาด้วยหวยใต้ดินร้อยละ 21.9 สลากกินแบ่งรัฐบาลร้อยละ 17.3 และพนันไพ่ร้อยละ 14.4  โดยสิ่งที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้เข้าไปสัมผัสคือความสะดวกง่ายเล่นได้ทุกที่ทุกเวลาสามารถฝากถอนเงินจากระบบได้อย่างรวดเร็วและจำนวนไม่น้อยเริ่มเล่นเพราะเพื่อนชวนนอกจากนี้ความน่าเชื่อถือในบริการของธุรกิจพนันออนไลน์ก็ทำให้คนเริ่มตัดสินใจเริ่มเล่นรวมไปถึงการตลาดเว็บพนันออนไลน์ก็เป็นอีกเหตุผลที่ชักจูงให้เริ่มเล่นด้วยโปรโมชั่นที่น่าสนใจและรางวัลที่สูงกว่าโต๊ะพนันทั่วไป    “คนรุ่นใหม่เกือบ 3 ล้านคนเล่นการพนันออนไลน์ในรอบปี 2566 วงเงินหมุนเวียนต่อปีเกือบ 6 หมื่นล้านบาท” ผลการสำรวจการเล่นพนันในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาของกลุ่มตัวอย่างพบว่าคนรุ่นใหม่ร้อยละ 32.3 หรือคิดเป็นจำนวน 2.996 ล้านคนเล่นการพนันออนไลน์ในรอบปี 2566 ในจำนวนนี้ประมาณ 0.739 ล้านคนเป็นนักพนันออนไลน์หน้าใหม่ที่เพิ่งเล่นครั้งแรกในรอบปีที่ผ่านมา ในขณะที่กลุ่มที่เล่นพนันออฟไลน์มีอยู่ร้อยละ 30.2 หรือประมาณ 2.798 ล้านคน  เมื่อจำแนกในรายละเอียดคนรุ่นใหม่นิยมเล่นทั้งออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไปกว่าร้อยละ 20.4 ของตัวอย่างทั้งหมดหรือประมาณ 1.894 ล้านคน  ในบรรดาคนรุ่นใหม่ที่เล่นพนันออนไลน์แบ่งเป็นเด็กอายุ 15-18 ประมาณ 0.466 ล้านคนเป็นเยาวชนอายุ 19-25 ปีอีกประมาณ 2.530 ล้านคนโดยคนรุ่นใหม่เพศชายเล่นการพนันออนไลน์มากกว่าเพศหญิงอยู่พอสมควรที่ 1.765 ล้านคนและ 1.231 ล้านคนตามลำดับ  เมื่อจำแนกตามภูมิภาคพบว่าสัดส่วนคนรุ่นใหม่ที่เล่นพนันออนไลน์เมื่อเทียบกับคนรุ่นใหม่ในภาคอื่นๆมีมากที่สุดคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือรองลงมาคือภาคใต้และภาคเหนือในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันตามมาด้วยกรุงเทพฯและปริมณฑลและภาคกลาง 

งานวิจัยพบ คนรุ่นใหม่🤑เล่นพนันออนไลน์ในปี 2566 เกือบ 1 ใน 3 หรือกว่า 2.9 ล้านคน💸โดย แซงหน้า พนันออฟไลน์เป็นที่เรียบร้อย อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top