Article

เทื่อแรก ! ในอาเซียน นักวิจัย มข. ผลิตแบตเตอรี่โซเดียมไอออนจากแร่เกลือหิน ต่อยอดอุตสาหกรรม

เทื่อแรก ! ในอาเซียน  นักวิจัย มข. ผลิตแบตเตอรี่โซเดียมไอออนจากแร่เกลือหิน ต่อยอดอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า     มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ร่วมกับ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม (กพร.) จัดงานแถลงข่าวโครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออนจากแหล่งแร่เกลือหินเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ   รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า  ปัจจุบันการประชุมทั่วโลกได้กล่าวถึงการใช้พลังงานสะอาด หรือพลังงานทางเลือก โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออนจากแหล่งแร่เกลือหินเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ นับเป็นความสำเร็จของทีมวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น นำทีมโดย รศ.ดร.นงลักษณ์ มีทอง   โดยแบตเตอรี่ตัวนี้ สามารถกักเก็บพลังงานทั้งจากแสงอาทิตย์ หรือจากกังหันลม แปลงมาเป็นกระแสไฟฟ้า แล้วเก็บในรูปแบบแบตเตอรี่ สิ่งนี้จะมาช่วยในชีวิตประจำวัน ซึ่งในอนาคตพลังงานแบตเตอรี่เหล่านี้จะถูกลง จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชน   ดร. ธีรวุธ  ตันนุกิจ ผู้แทนอธิบดี กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม  กล่าวว่า าประเทศไทยมีแหล่งแร่โปแตช หรือกลุ่มแร่ชนิดโซเดียมมักเกิดคู่กัน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีปริมาณมากที่สุด และมีปริมาณสำรองแหล่งแร่เกลือหินในประเทศไทยมี 18 ล้านล้านตัน ซึ่งแร่ชนิดดังกล่าวเป็นสารตั้งต้นในการผลิตแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออนจากแหล่งแร่เกลือหิน   โครงการนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกในอาเซียน กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ส่งเสริมเป้าหมายต่อไปคือ สร้างอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ครบวงจร  นำเกลือหินมาทำเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตแบตเตอรี่ อาจจะไปใช้ในยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ใช้เป็นตัวพลังงานเพื่อทำสมาร์ทฟาร์มให้กับอุตสาหกรรมเกษตรต่อไป   เป้าหมายของกระทรวงคือผลักดันอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ครบวงจร สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้ประเทศ ความสำเร็จเหล่านี้ส่งผลให้อุตสาหกรรมไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายหลักคืออุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่แห่งอนาคต   เมื่อนำไปใช้กับ E – Bike หรือจักรยานยนต์ต้นแบบที่ใช้พลังงานจากโซเดียมไอออน ซึ่งเป็นความสำเร็จจากโครงการครั้งนี้ ในส่วนตัวเกลือหินหรือเกลือสินเธาว์กิโลกรัมละไม่กี่บาท แต่พอมาทำเป็นตัววัตถุดิบตั้งต้นแบตเตอรี่โซเดียมไอออนตัวนี้จะยกระดับมูลค่าทางเศรษฐกิจแร่ตัวนี้อย่างมากในอนาคต และจะทำการต่อยอดให้เป็นอุตสาหกรรมต่อไป   อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ มติชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #มข #มหาวิทยาลัยขอนแก่น #ขอนแก่น #แบตเตอรี่โซเดียมไอออนจากแร่เกลือหิน

ฮ่วมมือ ! อุบลฯ ลาว-กัมพูชา จัดอบรม ปลุกเศรษฐกิจอีสานใต้

ฮ่วมมือ ! อุบลฯ ลาว-กัมพูชา  จัดอบรม ปลุกเศรษฐกิจอีสานใต้   ม.อุบลราชธานี นำทีมวิทยากรจัดอบรมหลักสูตรระยะสั้นที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติพระตะบอง ต่อจากการไปอบรมหลักสูตรการประมงพื้นที่ดินเค็มที่แขวงคำม่วน สปป.ลาว ขับเคลื่อนฟื้นเศรษฐกิจอีสานใต้ต่อประเทศเพื่อนบ้าน   โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา พยุหะ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ พร้อมทีมวิทยากร ไปจัดอบรมหลัก สูตรระยะสั้น ด้าน “Food Technology, Animal Science and Aquaculture” ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติพระตะบอง ประเทศกัมพูชา   ภายใต้โครงการ “Higher Education Improvement Project-HEIP กับ Faculty of Agriculture and Food Processing Technology” ผศ.ดร.กาญจนา กล่าวว่า  ความร่วมมือทางวิชาการโครงการนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินงานจากธนาคารโลก ตั้งแต่ พ.ศ. 2562 ได้ให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก สำหรับอาจารย์และนักวิชาการมหาวิทยาลัยแห่งชาติพระตะบอง ประเทศกัมพูชา เพื่อศึกษาต่อ ณ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปัจจุบันมีนักศึกษาระดับปริญญาเอก จำนวน 3 คน และระดับปริญญาโท จำนวน 6 คน   ในปีงบประมาณ 2565 ทางคณะเกษตรศาสตร์ได้จัดอบรมระยะสั้นนานาชาติ จำนวน 6 หลักสูตร ได้แก่ Animal Science, Food Processing Technology, Aquaculture, Animal Nutrition, Post Harvest Technology and Agribusiness ในช่วงเดือนพ.ค. และส.ค. 2565 ที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว และผลการตอบรับจากผู้เข้าร่วมการอบรมดีมาก เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างมหาวิทยาลัยและประเทศในกลุ่มอาเซียนร่วมกันต่อไป   นอกจากนี้ที่วิทยาลัยเทคนิคการอาชีพ แขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีการจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ “เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์นํ้าในพื้นที่ดินเค็ม” อีกด้วย โดยมีพันธกิจพัฒนาพื้นที่และชุมชนเพื่อยกระดับเศรษฐกิจ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคการวิชาชีพ ศูนย์ผลิตกสิกรรม เมืองเซบั้งไฟ แขนงการศึกษานอกระบบ   เพื่อตอบสนองทางเศรษฐกิจร่วมกัน ในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานทรัพยากรชีวภาพสัตว์นํ้าให้เข้มแข็งและยั่งยืน บริเวณพื้นที่ราบลุ่มที่มีชั้นของเกลือหินและนํ้าเค็มใต้ดิน สร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งยั่งยืนของพื้นที่เศรษฐกิจอนุภูมิภาค ลุ่มนํ้าโขง   ทั้งนี้ อุบลราชธานี มีพรมแดนติดต่อทั้งกับสปป.ลาว และกัมพูชา จึงใช้เป็นจุดแข็งผนึกความร่วมมือกับเพื่อนบ้าน เพื่อขับเคลื่อนการฟื้นเศรษฐกิจร่วมกันหลังโควิด-19 คลี่ คลาย ทั้งฟื้นความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันการศึกษา ความร่วมมือของภาคเอกชน และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งเชื่อมโยงระหว่างกัน เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วการค้าการลงทุนในอนาคต     อ้างอิงจาก: https://www.thansettakij.com/business/546697    #ISANInsightAndOutlook …

ฮ่วมมือ ! อุบลฯ ลาว-กัมพูชา จัดอบรม ปลุกเศรษฐกิจอีสานใต้ อ่านเพิ่มเติม »

คักหลาย ! ” MEGA HOME ” รุกหนักทุ่ม 400 ล้านบาท เปิดสาขาขอนแก่น

คักหลาย !  ” MEGA HOME ” รุกหนักทุ่ม 400 ล้านบาท เปิดสาขาขอนแก่น   ร่วมกับโฮมโปร ตอบโจทย์ครบที่เดียว เรื่องบ้าน และงานช่าง รับตลาดสินค้าบ้านในภาคอีสาน โดย นายวิเชียร เจียมวิจิตรกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ  บริษัท เมกา โฮม เซ็นเตอร์ จำกัด  เปิดเผยว่า เมกาโฮม เปิดสาขาใหม่ “เมกาโฮม ขอนแก่น” เป็นอีกจุดหมายใหม่ที่เข้ามารองรับกับการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์    โดยเฉพาะกับความต้องการด้านที่อยู่อาศัย และสินค้าวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะหัวเมืองภาคอีสาน ทั้งกลุ่มหมู่บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม รวมไปถึงโครงการพัฒนาพื้นที่โรงแรม ร้านค้า อาคารสำนักงาน หรือโครงการของหน่วยงานราชการ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว    อีกทั้ง เมกาโฮมสาขานี้ เป็นสาขาแรกที่ เมกาโฮม และ โฮมโปร ผนึกกำลังตอบโจทย์ให้กับลูกค้า ครบครัน ทั้งวัสดุก่อสร้าง และสินค้าเรื่องบ้านที่มีคุณภาพ สร้างความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้า และบริการๆ มอบประสบการณ์ที่ดีในการช้อปได้อย่างสะดวกสบายพร้อมช่วยขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดขอนแก่น และภาคอีสาน ด้วยงบลงทุนกว่า 400 ล้านบาท บนพื้นที่ขาย 5,880 ตารางเมตร    โดยมีกลยุทธ์การบริการครอบคลุมพื้นที่รัศมี 30 กิโลเมตร ในอำเภอพระยืน เวียงเก่า บ้านฝาง หนองหาน และอำเภอเมืองขอนแก่น รวมถึง 6 จังหวัดภาคอีสาน ทั้งชัยภูมิ หนองบัวลำพู มหาสารคาม นครราชสีมา อุดรธานี และกาฬสินธุ์ เข้าถึงทุกความต้องการวัสดุก่อสร้าง      อ้างอิงจาก: https://www.thaipost.net/economy-news/256293/  https://www.ryt9.com/s/prg/3371530  https://www.khaosod.co.th/economics/house-condo/news_7350043    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #MEGAHOME #เมกาโฮม #โฮมโปร #ขอนแก่น

จัดอีกเทื่อ “ถ้ำนาคาฮาล์ฟมาราธอน”  ชูเส้นทางวิ่งสวยที่สุด-กระตุ้นเศรษฐกิจบึงกาฬ

จัดอีกเทื่อ 👍 “ถ้ำนาคาฮาล์ฟมาราธอน”  ชูเส้นทางวิ่งสวยที่สุด-กระตุ้นเศรษฐกิจบึงกาฬ   นายวิทยา ภารจรัส นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า สมาคมฯ เตรียมจัดวิ่ง ถ้ำนาคาฮาล์ฟมาราธอน ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2565    เนื่องจากการจัดวิ่งถ้ำนาคามินิมาราธอน ที่จัดขึ้นครั้งแรกหลังผ่านพ้นช่วงการระบาดโควิด-19 คลี่คลาย เมื่อ 12 มิถุนายนที่ผ่านมานั้นประสบผลสำเร็จสูง ได้รับการตอบรับจากนักวิ่งทั่วประเทศสนใจสมัครวิ่งเกินเป้าหมาย มีนักวิ่งร่วมวิ่งกว่า 500 คน จากเป้าที่วางไว้แค่ 300 คน   การจัดวิ่งถ้ำนาคาฮาล์ฟมาราธอนนั้นตรงกับช่วงฤดูหนาว ด้วยสภาพอากาศเย็นสบาย ผนวกกับธรรมชาติสภาพแวดล้อมที่มีรวงข้าวที่ออกรวงสุกเหลืองอร่าม ทำให้ตลอดเส้นทางวิ่งไปยังถ้ำนาคามีความสวยงามเป็นพิเศษ    โดยการจัดวิ่งครั้งล่าสุดนี้ สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวบึงโขงหลง ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีผู้สนใจเข้ามาสมัครวิ่งไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ล่าสุดมีนักวิ่งจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ สนใจสมัครเข้ามาแล้วมากกว่า 700 คน   นายวิทยากล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่ หลังเสร็จสิ้นรายการวิ่งถ้ำนาคาฮาล์ฟมาราธอนแล้ว ทางสมาคมธุรกิจส่งการท่องเที่ยวบึงโขงหลง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เปิดถนนคนเดินบึงโขงหลง บริเวณสวนขนาบบึงโขงหลง ในวันที่ 8 พฤศจิกายน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ มีแหล่งชอปปิ้ง เดินเลือกซื้อสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของ อ.บึงโขงหลง และจะเปิดถนนคนเดินในทุกวันศุกร์ และวันเสาร์อีกด้วย   ซึ่งจะทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจใน อ.บึงโขงหลง และทั้งจังหวัดบึงกาฬกลับมาคึกคัก รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เพราะจะมีนักวิ่งและผู้ติดตามเดินทางเข้ามาใน อ.บึงโขงหลง มากกว่า 2,000 คน ทำให้การท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬขยายตัวในทางที่ดีขึ้น เกิดการใช้จ่ายในพื้นที่ ทั้งโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมทั้งจังหวัด      อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/local/detail/9650000102722    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #บึงกาฬ #ถ้ำนาคา #ถ้ำนาคาฮาล์ฟมาราธอน 

คักอิหลี ! งานสมโภชน์ปึงเถ่ากง-ม่า soft power ของจังหวัดขอนแก่น

คักอิหลี ! งานสมโภชน์ปึงเถ่ากง-ม่า soft power ของจังหวัดขอนแก่น   ระหว่างวันที่ 24 ต.ค.-4 พ.ย. 2565 จ.ขอนแก่น กำหนดจัดงาน งานสมโภชศาลเจ้าปึงเถ่ากง-ม่า ขอนแก่น ประจำปี 2565 เป็นงานประเพณีที่ชาวขอนแก่นเชื้อสายจีนสืบทอดกันหลายชั่วอายุคน แต่ละครอบครัวจะพากันไปยังศาลเจ้าเพื่อไหว้เจ้า และบูชากราบไหว้สิ่งของมงคล เพื่อความเป็นสิริมงคล ตลอด 12 วัน 12 คืน   นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่าเป็นประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมานานกว่า 60 ปี นอกจากการไหว้เจ้าขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดขอนแก่นอีกทางหนึ่งด้วย งานสมโภชศาลเจ้าปึงเถ่ากง-ม่า ถือเป็นอีกซอฟต์พาวเวอร์ของจังหวัดขอนแก่นที่ทางจังหวัดพร้อมสนับสนุน   นายบวร เสรีโยธิน นายกสมาคมปึงเถ่ากง – ม่า ขอนแก่น กล่าวว่า สามารถดึงชาวขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาใช้จ่ายในระหว่างที่มาร่วมชมกิจกรรมต่างๆได้ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท    และด้านนายประกิต ทองแท่งไทย ประธานกรรมการจัดงาน กล่าวว่า ในปีนี้ขบวนแห่จะสวยงามอลังการมาก โดยแห่เจ้ารอบเมืองในวันที่ 28 ต.ค. ช่วงกลางคืน และในวันที่ 29 ตุลาคม แห่เจ้าชมเมือง (กลางวัน) ให้ชาวขอนแก่น ได้ตั้งโต๊ะไหว้ และแลกธูป นำความเป็นสิริมงคลเข้าบ้าน ซึ่งในวันสุดท้าย จะมีการประมูลส้มมงคล ตะเกียงเทวดาฟ้าดิน ตี่จู่เอี๊ยะ กระถางธูป และของมงคลอื่นๆ อีกมากมาย   อีกทั้งรูปแบบการจัดงานในปีนี้มีความพิเศษคือนำประเพณีวัฒนธรรมอีสานผสมผสานกับวัฒนธรรมชาวจีน โดยนำหมอลำมาแสดงในงานสมโภชตลอด 3 วัน พร้อมทั้งการแสดงอุปรากรจีนตลอดทั้งวัน ในวันที่ 27 ตุลาคม 2565 ชมการแสดงคณะวงหมอลำระเบียบวาทะศิลป์ วันที่ 30 ตุลาคม 2565 การแสดงวงหมอลำรัตนศิลป์และวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ชมการแสดงวงหมอลำประถมบันเทิงศิลป์   อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/local/detail/9650000102703     #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ขอนแก่น #ปึงเถ่ากง-ม่า #งานสมโภชน์ปึงเถ่ากง-ม่า 

PTT ผุดโครงการ ‘ไทยเด็ด’ พื้นที่ของเด็ดของคนไทย ช่วยให้ชุมชนเติบโตอย่างยั่งยืน

พามาเบิ่ง PTT ผุดโครงการ ‘ไทยเด็ด’  พื้นที่ของเด็ดของคนไทย ช่วยให้ชุมชนเติบโตอย่างยั่งยืน   ปัจจุบันหน้าที่ของ ปั๊มน้ำมัน สถานที่ที่เหล่านักเดินทางต่างคุ้นเคย กลับเป็นมากกว่าสถานบริการแจกจ่ายเชื้อเพลิงให้ทุกคนไปถึงจุดหมาย เป็นแหล่งสัญจรชั้นดีของการแวะพักผ่อนจากการเดินทาง การพักทานอาหาร และการจับจ่ายซื้อสินค้าอีกด้วย   เมื่อปี พ.ศ.2561 บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมกับอีก 6 หน่วยงานจัดตั้งโครงการ ‘ไทยเด็ด’ ที่มีเป้าหมายในการสร้างงาน สร้างอาชีพ เติมเต็มคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจที่ดีให้แก่ชาวบ้าน ชุมชน เกษตรกร และสังคมไทย   โดย OR ได้คัดเลือกผลิตภัณฑ์ดีและเด็ดประจำท้องถิ่นทั่วประเทศไทย จากกลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนกว่า 238 ชุมชน มาสนับสนุนด้านการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่าย และนำมาวางขายในร้านค้าและมุมสินค้า ‘ไทยเด็ด’ ภายในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศกว่า 83 สถานีที่ร่วมรายการ   โดยสินค้าที่มีอยู่กว่า 254 รายการ มีความหลากหลายครอบคลุมตั้งแต่ อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องใช้ เครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับ มีสินค้าครบทุกภาคทั่วประเทศไทย ซึ่งมีสินค้าจากภาคอีสานมากมาย   ยกตัวอย่างเช่น ผัดไทยภูเขาไฟ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งหลังจากที่เข้าโครงการทำให้ยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น จาก 10,000 ซองต่อปี เป็น 480,000 ซองต่อปี และมีการขยายเครือข่ายชุมชนผัดไทยภูเขาไฟที่ส่งวัตถุดิบให้ทางโรงงานเพิ่มขึ้น จากเดิม 8 ชุมชน เป็น 20 ชุมชน      ซึ่งมีอีกหลากหลายผลิตภัณฑ์คือการผสานรวมของทั้งเอกลักษณ์และคุณภาพจากวัตถุดิบประจำท้องถิ่น เมื่อได้รับการปรับปรุงวิธีการนำเสนอและเสริมจุดแข็งด้านสถานที่จำหน่าย ซึ่งก็คือ สถานีบริการ PTT station ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้เข้าถึงได้ง่ายและมียอดขายที่สูงขึ้น เพราะสามารถส่งต่อสินค้าสู่มือผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง   ผลลัพธ์จากการดำเนินงานมาตลอด 4 ปี คือนอกจากจะเป็นการช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ได้มาตรฐานและก้าวไกลสู่ระดับสากลแล้ว โครงการไทยเด็ดยังช่วยสร้างโอกาส สร้างรายได้ และความภาคภูมิใจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น   อ้างอิงจาก: เว็บไซต์บริษัท workpointtoday thestandard    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ไทยเด็ด #Thaidet #ปตท #PTT #OR

“ภูกระดึง” หนาว 13 องศา นักท่องเที่ยวคึกคัก พร้อมภาพไวรัล “ต้นสนเดียวดาย”

“ภูกระดึง” หนาว 13 องศา นักท่องเที่ยวคึกคัก พร้อมภาพไวรัล “ต้นสนเดียวดาย”   เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2565 อุณหภูมิลดฮวบเหลือ 13 องศาฯ นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นสัมผัสความเย็น และดูแสงแรกอาทิตย์ยามเช้า ชมทะเลหมอก เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ปลายฝนต้นหนาว โดยมีนักท่องเที่ยวจับจองขึ้นภูกระดึง ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. 2565 จนเต็ม ซึ่งทางอุทยานฯ สามารถรองรับ นักท่องเที่ยวได้ถึงวันละ 600 คน   นายอดิสร เหมทานนท์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เปิดเผยว่า หลังเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 65 มีนักท่องเที่ยว มาพิชิตยอดภูกระดึงกันมากขึ้น โดยเฉพาะในวันหยุดยาว บรรยากาศท่องเที่ยวคึกคัก ตั้งแต่ช่วงเดือนแรกของ High Season    มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ประตูเมืองเลย ที่ ตำบลผานกเค้า อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย โดยมีการลงทะเบียนเป็นผู้พิชิตยอดภูกระดึง บนความสูง 1,288 เมตร จากระดับทะเลปานกลางด้วยระยะทาง 8 กม.   อีกทั้งยังมีภาพไวรัลที่มาจาก เพจ “ชมรมคนรักภูกระดึง” ซึ่งเป็นเพจกลุ่มสาธารณะ ที่เปิดให้คนรักภูกระดึงและผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติโพสต์ภาพ ประสบการณ์ และเรื่องราวน่าสนใจในการขึ้นไปเที่ยวบนภูกระดึง ได้เกิดเทรนด์ตัดต่อภาพแบบไอเดียกระฉูดขึ้น    โดยชาวเน็ตส่วนหนึ่งได้นำภาพ “ต้นสนเดียวดาย” ที่ยืนต้นอยู่กลางถนนดินในเส้นทางเดินเท้าจาก “หลังแป” ไปศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จุดกลางเต็นท์วังกวาง ซึ่งปกติเป็นหนึ่งในจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปคู่กับสนต้นนี้ มาตัดต่อเป็นภาพและลีลาต่าง ๆ ตามไอเดียของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นภาพคนยืนห้อยโหนบนกิ่งสนที่ยื่นออกมา ภาพคนเกาะ ไต่ ปี นั่งอยู่บนต้นสน เป็นต้น   ยอดภูกระดึงมีจุดไฮไลต์ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของภูแห่งนี้คือ “ผาหล่มสัก” ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการชมพระอาทิตย์ตกที่มีเอกลักษณ์และสวยงามมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย   นอกจากนี้บนยอดภูกระดึงยังมีเส้นทางสายน้ำตก เช่น น้ำตกโผนพบ น้ำตกวังกวาง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำตกถ้ำสอเหนือ ฯลฯ เป็นต้น   อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์ ไทยรัฐ   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ภูกระดึง #ต้นสนเดียวดาย  

เพิ่มพื้นที่สีเขียว 4 จังหวัดภาคอีสาน โครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” ของ CP ALL

เพิ่มพื้นที่สีเขียว  4 จังหวัดภาคอีสาน  โครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” ของ CP ALL   ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ส่งมอบกล้าไม้ 120,000 ต้น สู่วัดและชุมชน เพิ่มพื้นที่สีเขียวใน 4 จังหวัดภาคอีสาน คือ จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ จ.ศรีษะเกษ และ จ.สกลนคร    นายตรีเทพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวคิด CP ALL Planting Model ภายใต้ชื่อโครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของโครงการผ่านกระบวนการจัดการแบบห่วงโซ่คุณค่า (Supply chain values) โดยแบ่งออก 3 ช่วง   ช่วง “ต้นน้ำ” คือการเพาะกล้าไม้ รวมถึงสร้างโรงเรือนต่างๆ ระบบน้ำในการดูแลรักษา อีกทั้งยังเป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน เมื่อกล้าไม้พร้อมที่ลงปลูกจะดำเนินการในช่วง “กลางน้ำ” ส่งมอบให้แก่บ้าน วัด ชุมชน นำไปปลูกในพื้นที่กว่า 200 วัด และชุมชนใน 4 จังหวัด ซึ่งได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ จัดตั้งเป็นศูนย์กระจายกล้าไม้ภาคอีสาน เป็นจำนวนกว่า 120,000 ต้น   และ “ปลายน้ำ” จะเป็นกิจกรรมในการเก็บข้อมูลในการปลูกป่าและติดตาม ดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ให้เติบโตเพื่อใช้งานตามหลักประโยชน์ 4 อย่างอันได้แก่ ประโยชน์พอกิน พอใช้ พออยู่ และพอร่มเย็นซึ่งรวมถึงการช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกไปด้วยพร้อมๆกัน   ด้วยนโยบาย 7 GO GREEN ดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม โดย ซีพี ออลล์ มีเป้าหมายที่จะปลูกต้นไม้ให้ได้ทั้งสิ้น 1 ล้านต้น ภายในปี 2568 ซึ่งทาง ซีพี ออลล์ ได้เริ่มดำเนินโครงการปลูกต้นไม้ ตั้งแต่ปี 2563 ดำเนินการปลูกไปแล้วกว่า 3 แสนต้น   อ้างอิงจาก :  https://www.matichon.co.th/publicize/news_3561547  https://www.ryt9.com/s/prg/3357056    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ปลูกป่า #CPAll #สุรินทร์ #บุรีรัมย์ #ศรีษะเกษ #สกลนคร 

BFPL จัดส่งน้ำมัน จากโรงกลั่นบางจาก สู่คลังน้ำมันขอนแก่น เพิ่มความสะดวกแก่ชาวอีสาน

BFPL จัดส่งน้ำมันลิตรแรกจากโรงกลั่นบางจาก  สู่คลังน้ำมันขอนแก่น เพิ่มความสะดวกแก่ชาวอีสาน   บริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ (BFPL) จำกัด อำนวยความสะดวกจัดส่งน้ำมันจากโรงกลั่นน้ำมันบางจาก สู่คลังน้ำมันขอนแก่นของบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ก จำกัด (TPN) เพื่อสนับสนุนการเปิดใช้บริการคลังน้ำมันแห่งใหม่ในขอนแก่น โดยนับเป็นรถบรรทุกน้ำมันคันแรกที่เข้าสู่คลังฯ ผ่านเครือข่ายการขนส่งเชื้อเพลิงที่ครบครัน   โดยเครือข่ายขนส่งเชื้อเพลิงที่ครบวงจรของ BFPL จะครอบคลุมตั้งแต่การขนส่งผ่านระบบท่อขนส่งน้ำมันเส้นทางกรุงเทพฯ-คลังน้ำมันบางปะอิน ความยาว 69 กิโลเมตร ต่อด้วยการขนส่งทางรถจากคลังน้ำมันบางปะอิน-คลังน้ำมันขอนแก่น   นายนิพนธ์ เลิศทัศนีย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ จำกัด (BFPL) กล่าวว่า บริษัท BFPL ได้ดำเนินการขนส่งน้ำมันของบางจากฯ จากโรงกลั่นน้ำมัน บางจากเข้าสู่คลังน้ำมันขอนแก่นของ TPN เพื่อสนับสนุนการทดสอบระบบคลังน้ำมันขอนแก่น ที่เปิดให้บริการคลังน้ำมันอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2565   คลังน้ำมันแห่งนี้ เป็นแห่งใหม่ที่ทันสมัยและมีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่นบนพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ความจุถังรวมประมาณ 157 ล้านลิตร การขนส่งน้ำมันสู่คลังขอนแก่นในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคอีสานสามารถลดต้นทุนการขนส่งน้ำมัน สามารถคำนวณและควบคุมระยะเวลาขนส่งได้ดีขึ้น โดยช่วยลดระยะทางวิ่งขนส่งน้ำมันราว 365 กิโลเมตร และลดเวลาวิ่งรถบนท้องถนนลง 12 ชั่วโมง   อีกทั้งยังตัดปัญหาเรื่องการจราจรติดขัด ลดการใช้เชื้อเพลิง ไม่มีเรื่องของเสีย ที่เกิดจากการเผาไหม้ของรถยนต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งด้วยยานพาหนะ และยังช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่งอีกด้วย   อ้างอิงจาก : เว็บไซต์บริษัทบางจาก กรุงเทพธุรกิจ   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #บางจาก #ขอนแก่น #คลังน้ำมันขอนแก่น

“เทศกาลกินเจ”  ผัก-วัตถุดิบแพงขึ้นเท่าตัว 

“เทศกาลกินเจ”  ผัก-วัตถุดิบแพงขึ้นเท่าตัว    #เทศกาลกินเจ หรือประเพณีถือศีลกินผัก โดยปีนี้ตรงกับวันที่ 26 ก.ย. ถึง 4 ต.ค. 2565 โดยเทศกาลกินเจจะเป็นเทศกาลที่คนจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยจะงดรับประทานเนื้อสัตว์และหันมาทานผักเพื่อเป็นการทำบุญในรอบปี   ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สำรวจความเห็นประชาชนในช่วงเทศกาลกินเจปี 2565 กลุ่มตัวอย่างมากกว่าร้อยละ 60 มองว่าราคาอาหารและวัตถุดิบปรุงอาหารเจแพงขึ้น   ขณะที่ความคึกคักของเทศกาลกินเจปี 2565 เทียบกับปี 2564 เกินครึ่งคิดว่าไม่เปลี่ยนแปลง แต่อีกร้อยละ 26.2 คิดว่าจะคึกคักน้อยลง จากปัญหาค่าครองชีพสูง, เศรษฐกิจไม่ดี, รายได้ลด, ของแพง ส่วนค่าใช้จ่ายโดยรวมช่วงเทศกาลกินเจปี 2565 จะมีมูลค่า 42,235 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.2   แต่จากบรรยากาศเทศกาลกินเจ ที่ทางเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ด้านแม่ค้าขายอาหารเจกล่าวว่า เทศกาลกินเจปีนี้เป็นปีที่สองที่งดนั่งรับประทานที่ร้านตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ในตอนแรกคาดว่าจะเงียบเหงาเพราะไม่ให้นั่งรับประทาน แต่พอเปิดขายวันแรกกลับมีประชาชนมาเข้าคิวรอ ซึ่งเกินที่คาดการณ์ไว้ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าต่างดีใจ    ในด้านวัตถุดิบ ต้นทุนปีนี้จะเห็นได้ว่า ราคาพืชผักบางชนิด รวมถึงวัตถุดิบอย่างอื่น และเครื่องปรุงรสต่างๆ ที่ใช้ในการประกอบอาหารเจปรุงสุกขายก็มีราคาแพงขึ้นเท่าตัว   สาเหตุเนื่องจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ประกอบกับแหล่งเพาะปลูกพืชผักหลายจังหวัดเกิดน้ำท่วม ทางพ่อค้าแม่ค้าจึงจำเป็นต้องปรับราคาขายขึ้นด้วยเช่นกัน จากก่อนหน้านี้ขายถุงละ 30 บาท ปรับเพิ่มเป็น 40 บาท ซึ่งลูกค้าก็เข้าใจในภาวะที่เกิดขึ้นและยังอุดหนุนกันคึกคัก   อ้างอิงจาก : https://news.thaipbs.or.th/content/319853  https://mgronline.com/local/detail/9650000092305    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #เทศกาลกินเจ #กินเจ

Scroll to Top