SHARP ADMIN

มัดรวมให้อ่าน บทสัมภาษณ์ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น

#KKTCityupdate ชวนเจาะลึก บทสัมภาษณ์ กับ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น โดย #KhonkaenTalk ได้คุยกับทั้ง 5 ผู้สมัคร พร้อมด้วย 3 คำถามสำคัญของแนวนโยบาย วิสัยทัศน์ต่อการเข้ามาบริหารเทศบาลนครขอนแก่น เบอร์ 1 คุณวสันต์ ชูชัย อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1V4jFiVWUJ/ เบอร์ 2 คุณเต๊าะ นันทวัลย์ ไกรศรีวรรธนะ อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1UQ1Hzumhv/ เบอร์ 3 คุณแนน วรินทร์ เอกบุรินทร์ อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1AS1r3KZiw/ เบอร์ 4 คุณอ๊อฟ เบญจมาภรณ์  ศรีละบุตร อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1aBGC8xbbM/ เบอร์ 5 คุณฤทธิ์ ประสิทธิ์ ทองแท่งไท อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/19K99rkWh6/     นอกจากนั้น ISAN Insight เผย ข้อมูล น่าฮู้ เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น อำเภอ เมืองขอนแก่น ขนาดพื้นที่ 46 ตร.กม. ประชากร 105,020 คน งบประมาณประจำปี 2566 ฿1.55 พันล้านบาท ประกอบไปด้วย จัดเก็บเอง: 466.20 ล้านบาท รัฐจัดสรร: 699.30 ล้านบาท เงินอุดหนุน: 388.50 ล้านบาท พามาเบิ่ง เทศบาล ทั้งประเทศผ่าน เทศบาลใกล้ฉัน.site/ และเตรียมพบกับแคมเปญครั้งยิ่งใหญ่ 𝗞𝗵𝗼𝗻 𝗞𝗮𝗲𝗻 𝗡𝗲𝘅𝘁 𝟮𝟬𝟮𝟱 โดย กลุ่ม 𝙆𝙝𝙤𝙣 𝙆𝙖𝙚𝙣 𝘾𝙧𝙚𝙖𝙩𝙤𝙧𝙨 𝘾𝙤𝙡𝙡𝙚𝙘𝙩𝙞𝙫𝙚 และ 15 เพจพันธมิตร ผู้ติดตามกว่า 4 ล้าน ร่วมถ่ายทอด ดีเบตครั้งใหญ่! “เมืองขอนแก่นจะไปทางไหนต่อ?” 𝗞𝗵𝗼𝗻 𝗞𝗮𝗲𝗻 𝗡𝗲𝘅𝘁 𝟮𝟬𝟮𝟱: เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น 2568     แหล่งข้อมูล: งบประมาณปี 2566 ของเทศบาลทั้งหมด 2472 แห่ง ขอบเขตของเทศบาลทั้งหมด 2472 แห่ง

มัดรวมให้อ่าน บทสัมภาษณ์ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

ไขรหัส แผนพัฒนา กาฬสินธุ์ จากโมเดลแก้จน สู่จังหวัดที่การลงทุนจากจีนเป็นอันดับ 2 ของอีสาน

“มั่งคั่งด้วยเกษตรปลอดภัย ท่องเที่ยววิถีใหม่ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” คำขวัญเชิงนโยบายนี้สะท้อนภาพการพัฒนาอย่างสมดุลของจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างทั่วถึง สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด ที่วางเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนและครอบคลุม . “เมื่อกาฬสินธุ์กลายเป็นจุดสนใจของทุนต่างชาติ: ศักยภาพที่ยังรอการปลดล็อก” แม้จะไม่ได้เป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวหรือศูนย์กลางเศรษฐกิจใหญ่ในภาคอีสาน แต่กาฬสินธุ์กำลังกลายเป็นพื้นที่ศักยภาพสูงที่ได้รับความสนใจจากการลงทุน โดยเฉพาะจากต่างประเทศ ตัวอย่างชัดเจนคือ การที่กาฬสินธุ์มีมูลค่าการลงทุนจากประเทศจีนสูงเป็นอันดับ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คิดเป็นมูลค่าร่วมกว่า 828 ล้านบาท การลงทุนจากจีนในด้านการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรอาจเป็นจุดพลิกของเศรษฐกิจท้องถิ่น หากมีการยกระดับห่วงโซ่อุปทาน เช่น การพัฒนาศูนย์โลจิสติกส์ หรือ อุตสาหกรรมอาหารปลอดภัย ก็สามารถเปลี่ยนจังหวัดนี้จากพื้นที่วัตถุดิบให้เป็นศูนย์กลางแปรรูปที่มีมูลค่าเพิ่มได้ แต่ความเสี่ยงที่ตามมาคือการกระจุกตัวของประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และการขาดความสามารถในการต่อรองของเกษตรกรรายย่อย หากไม่มีระบบกำกับดูแลหรือกลไกตรวจสอบร่วมระหว่างรัฐและชุมชน . . โดยจังหวัดกาฬสินธุ์ก็มีบริษัทขนาดใหญ่ที่มีทุนจดทะเบียนมากกว่า 774 ล้านบาท อย่างบริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลอีสาน จำกัด ซึ่งทำธุรกิจการผลิตน้ำตาลบริสุทธิ์ โดยมีมูลค่าการลงทุนของชาวจีนมากกว่า  14.3 ล้านบาทเลยทีเดียว และนอกเหนือจากการลงทุนในน้ำตาลบริษุทธิ์ ก็จะมีดังนี้ตามภาพ และเมื่อดูสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนชาวจีน จะพบว่า มีการลงทุนกระจุกตัวในพื้นที่ NeEC (ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคอีสาน) เป็นหลัก มีมูลค่ารวมกันทั้ง 4 จังหวัดมากกว่า 588 ล้านบาท หรือหรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40% เลยทีเดียว ซึ่งในพื้นที่ NeEC เป็นเส้นเชื่อมระหว่างเขตขยายแนวทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกับจีน โดยส่วนใหญ่นักลงทุนชาวจีนนิยมลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มากที่สุด และภาคการผลิตที่เกี่ยวกับยาง   . .   กาฬสินธุ์จะสามารถ “มั่งคั่งด้วยเกษตรปลอดภัย” ได้อย่างไร? ภาคเกษตรกรรมยังคงเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะการส่งเสริมการปลูกข้าวอินทรีย์ ข้าว GAP และข้าว GIอย่างข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ ที่มีการรับรองมาตรฐาน ช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร การรวมกลุ่มของเกษตรกร การสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ และการเป็นที่รู้จักของแบรนด์ข้าวกาฬสินธุ์ในตลาดพรีเมียมคือจุดแข็งสำคัญ แต่ยังมีข้อจำกัด เช่น การเข้าถึงตลาดของเกษตรกรรายย่อยยังจำกัด และยังขาดเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ การสร้างแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระดับจังหวัดและการพัฒนาเครือข่ายระบบชลประทานขนาดเล็ก จะช่วยแก้ไขข้อจำกัดเหล่านี้ และยังช่วยส่งเสริมให้เกิดการสร้าง “ตราสินค้าจังหวัด” ผ่านการเชื่อมโยงเกษตรปลอดภัยกับวัฒนธรรม เช่น ผ้าไหมแพรวา+ข้าวอินทรีย์+วิถีอีสาน ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มจากประสบการณ์มากกว่าการผลิตที่เพิ่มปริมาณ   . .   ท่องเที่ยววิถีใหม่: ผสานวัฒนธรรมและความยั่งยืน กาฬสินธุ์มีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทั้งแหล่งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการพัฒนา “การท่องเที่ยววิถีใหม่” ที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ โดยเฉพาะแนวคิด slow tourism และ soft power ท้องถิ่น เช่น การสาธิตการทอผ้าแพรวาโดยชาวบ้านดั้งเดิม หรือการจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปทำอาหารอีสานที่ใช้วัตถุดิบปลอดภัยจากชุมชน การวางแผนเชิงพื้นที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาคนในพื้นที่ให้สามารถทำหน้าที่เป็นไกด์ที่มีความเชี่ยวชาญในโซนท้องถิ่น จะช่วยสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ขณะเดียวกัน การร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในพื้นที่ในการวิจัยพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ เช่น เส้นทางตามรอยไดโนเสาร์  หรือเส้นทางวิถีเกษตร จะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง   . กาฬสินธุ์ ถิ่นน้ำดำ

ไขรหัส แผนพัฒนา กาฬสินธุ์ จากโมเดลแก้จน สู่จังหวัดที่การลงทุนจากจีนเป็นอันดับ 2 ของอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง แรงงานนอกระบบในอีสานมีจำนวนเยอะแค่ไหน

พามาเบิ่ง อีสานมีแรงงานนอกระบบมากที่สุด แม้เกษียณก็ยังต้องทำงาน? แรงงานในภาคอีสานทำอาชีพในกลุ่มไหน ในระบบ นอกระบบ ภาคการเกษตร 2.8% 97.2% ภาคการค้า 39.3% 60.7% ภาคบริการ 56.0% 44.0% ภาคการผลิต 59.0% 41.0% ปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานรวมประมาณ 40 ล้านคน แต่มีเพียง 19 ล้านคนเท่านั้นที่เป็นแรงงานในระบบ ส่วนอีกกว่า 21 ล้านคนยังคงเป็นแรงงานนอกระบบ ซึ่งหมายความว่าแรงงานในกลุ่มนี้ไม่มีสิทธิประโยชน์หรือสวัสดิการทางสังคมเทียบเท่ากับแรงงานในระบบ เมื่อเจาะลึกไปยังภาคอีสานซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีจำนวนแรงงานมากเป็นอันดับสองของประเทศ กลับพบว่าภาคที่มีแรงงานนอกระบบมากที่สุด คิดเป็น 7.4 ล้านคน หรือ 35.4% ของแรงงานนอกระบบทั้งประเทศ ขณะที่แรงงานในระบบในภาคอีสานมีเพียง 2.3 ล้านคน หรือ 12.0% ของแรงงานในระบบทั่วประเทศ ซึ่งนับว่าน้อยเกือบที่สุด เป็นรองเพียงภาคเหนือ หากพิจารณาภายในภูมิภาคเอง จะพบว่า แรงงานกว่า 76.4% ในภาคอีสานเป็นแรงงานนอกระบบ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างด้านแรงงานที่ฝังรากลึก และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและเร่งด่วน แรงงานนอกระบบในภาคอีสานกว่า 72.7% กระจุกตัวอยู่ในภาคเกษตรกรรม หากพิจารณาภาพรวมทั้งประเทศ ซึ่งมีแรงงานภาคเกษตรประมาณ 12.6 ล้านคน พบว่าแรงงานนอกระบบในอีสานมีจำนวนสูงถึง 5.4 ล้านคน หรือ คิดเป็น 42.6% ของแรงงานภาคเกษตรทั่วประเทศ แม้ว่าภาคอีสานจะมีแรงงานภาคเกษตรมากที่สุดในประเทศ แต่กลับสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในภาคการเกษตรได้เพียง 21.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภูมิภาค (GRP) ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่สมดุลระหว่าง “ปริมาณแรงงาน” กับ “มูลค่าผลิตภัณฑ์” ที่เกิดขึ้น เนื่องจากการที่แรงงานจำนวนมากยังคงอยู่นอกระบบ สะท้อนถึงแนวโน้มที่ธุรกิจภาคเกษตในอีสานจำนวนไม่น้อยยังคงอยู่นอกระบบเศรษฐกิจเช่นกัน หากภาครัฐสามารถผลักดันให้ทั้งแรงงานและธุรกิจในกลุ่มนี้เข้าสู่ระบบได้มากขึ้น ก็จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มจำนวนแรงงานในระบบ และยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานได้ แนวโน้มแรงงานนอกระบบในช่วงวัยทอง (Silver/ Gold Age 50 ปีขึ้นไป) ที่ทำงานนอกระบบ จะกลายเป็นแรงงานสูงวัยนอกระบบ ผนวกกับแรงงานในระบบที่ต้องทำงานหลังเกษียณจากระบบ ยิ่งทำให้ตัวเลขนี้มีแต่จะเติบโตขึ้น ดังนั้น ปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งแรงงานนอกระบบที่มีมากกว่าในระบบ สังคมสูงวัย จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในอนาคต รวมทั้งจะเกิดปัญหา “แก่ก่อนรวย” แรงงานในระบบไม่มีแผนเกษียณหรือการวางแผนทางการเงินซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในเชิงครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจตามมา จากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด จึงต้องการการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งการขยายวัยเกษียณการทำงานในระบบสำหรับคนที่สมัครใจอยากทำงาน และมีศักยภาพ เพื่อไม่ให้ตัวเลขแรงงานนอกระบบเพิ่มขึ้น การสร้างงานและการนำเทคโนโลยีทดแทนแรงงาน แรงงานนอกระบบส่วนใหญ่ในอีสานเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปี และลดหลั่นลงมาตาช่วงอายุ ส่วนหนึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าแม้จะแก่แล้วก็ยังต้องทำงานอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือ แม้แต่แรงงานในระบบเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณก็ยังต้องทำงานและไม่สามารถทำงานในระบบได้อีก จึงต้องมาทำงานนอกระบบมากขึ้น แรงงานในระบบทั่วประเทศจะมีมากกว่า 19 ล้านคน แต่มีเพียง 14 ล้านคน เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงสวัสดิการสังคม แม้ว่าแรงงานในระบบทั่วประเทศจะมีมากกว่า 19 ล้านคน แต่มีเพียง 14 ล้านคน เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงสวัสดิการสังคม เช่น ประกันสังคม

พามาเบิ่ง แรงงานนอกระบบในอีสานมีจำนวนเยอะแค่ไหน อ่านเพิ่มเติม »

ครม. ไฟเขียว 400 ลบ. พัฒนากลุ่มจังหวัด “สนุก” มุ่งสู่เป้าหมาย “เชื่อมโยงอนุภูมิภาคและจุดหมายการพักผ่อนริมโขง”

ครม. ไฟเขียว 400 ลบ. พัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 มุ่งสู่เป้าหมาย “เชื่อมโยงอนุภูมิภาคและจุดหมายการพักผ่อนริมโขง” . ครม.(29เม.ย.68) รับทราบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (นครพนม สกลนคร มุกดาหาร) ตามที่ สศช. เสนอ พร้อม เห็นชอบในหลักการโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด จำนวน 4 โครงการ กรอบวงเงิน 200 ล้านบาท โดยให้ขอรับจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบฯ 2568 งบกลาง และให้ สำนักงบประมาณพิจารณาความพร้อม ความคุ้มค่า และความเหมาะสมตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด . เห็นชอบในหลักการของโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน (กรอ.กลุ่มจังหวัด) 5 โครงการ กรอบวงเงิน 200 ล้านบาท โดยให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการขอรับจัดสรร และเร่งทำข้อเสนอโครงการโดยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ จากการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ . มอบ สศช. รับไปพิจารณาโครงการที่เป็นข้อเสนอของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ของภาคเอกชน (กรอ.กลุ่มจังหวัด) ที่เหลือ 21 โครงการ เพื่อบรรจุในแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป . มอบ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด และ รายงานผลการดำเนินงานให้ สศช. . สนับสนุนการพัฒนากลุ่มจังหวัดสู่เป้าหมาย “เชื่อมโยงอนุภูมิภาคและจุดหมายการพักผ่อนริมโขง” โดยพัฒนาการท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขงเชื่อมโยงวัฒนธรรมชุมชน ยกระดับการเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูงอย่างยั่งยืน พัฒนาขีดความสามารถโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เสริมสร้างทักษะแรงงานและความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน และยกระดับการบริหารจัดการน้ำและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชุมชนในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น @thaigov ครม. เดินหน้ายกระดับ พัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 มุ่งสู่เป้าหมาย “เชื่อมโยงอนุภูมิภาคและจุดหมายการพักผ่อนริมโขง” #เทรนด์วันนี้້ #ไทยคู่ฟ้า #สื่อสารรัฐบาลไทย #ครมสัญจร #นครพนม #บริหารจัดการน้ํา #สกลนคร #นายกรัฐมนตรี #นายกแพทองธารชินวัตร ♬ epicmusicei – 北昼 สำหรับโครงการเร่งด่วนและข้อเสนอเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนบน 2 ทั้ง 3 จังหวัดนั้น ที่ผ่านมาได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.กลุ่มจังหวัด) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีด้วยกัน 9 โครงการ แบ่งเป็นโครงการต่าง ๆ ดังนี้ กลุ่มแรก : โครงการที่มีความพร้อมและดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 ปี มีโครงการของกลุ่มจังหวัดอีสานตอนบน 2 และข้อเสนอโครงการของ 3 จังหวัด (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร) รวม 4 โครงการ วงเงินรวม 200 ล้านบาท ประกอบด้วย กลุ่มจังหวัดอีสานตอนบน 2  โครงการพัฒนาพื้นที่และปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณริมแม่น้ำโขงเหนือเมืองนครพนมและพื้นที่ต่อเนื่อง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม

ครม. ไฟเขียว 400 ลบ. พัฒนากลุ่มจังหวัด “สนุก” มุ่งสู่เป้าหมาย “เชื่อมโยงอนุภูมิภาคและจุดหมายการพักผ่อนริมโขง” อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ตลอด 20 ปี จังหวัดในอีสานเชี่ยวชาญสาขาเศรษฐกิจด้านไหนบ้าง

ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยมีความแตกต่างกันทางภูมิศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดลักษณะการใช้ชีวิต การประกอบอาชีพและความชำนาญที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ โดยรวมแล้วจะก่อให้เกิด “ความชำนาญ” ทางสาขาเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น การเกษตร อุตสาหกรรม หรือการท่องเที่ยว ที่แตกต่างกันไปกัน โดยในภาคอีสาน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำการเกษตรมากที่สุด หลายๆคนคงคิดว่าหลาย ๆ เศรษฐกิจของจังหวัดในอีสานคงจะมี ‘ความเชี่ยวชาญ’ ทางด้านการเกษตรสูงสุด แต่เมื่อมาวิเคราะห์ดูจริงๆแล้ว อาจจะไม่ใช่เสมอไป ซึ่งแต่ละจังหวัดในอีสานจะเชี่ยวชาญในสาขาเศรษฐกิจใดบ้าง ติดตามได้ในส่วนถัดไป การจะพิจารณาว่าเศรษฐกิจรายสาขา ว่าสาขาใดบ้างที่แต่ละจังหวัดมีความเชี่ยวชาญนั้น ผู้เขียน “เศรษฐกิจอีสาน 2 ทศวรรษ” ได้ใช้ดัชนี Location Quotient หรือ LQ เป็นวิธีการคำนวณทางเศรษฐศาสตร์เพื่อใช้วัดความชํานาญของเศรษฐกิจเฉพาะถิ่นเพือเปรียบเทียบกับพื้นที่โดยรวม นอกจากนั้นได้ใช้การวิเคราะห์ที่เปรียบเทียบการเติบโตในระดับภูมิภาคกับการเติบโตในระดับประเทศเพื่อให้ครอบคลุมการวิเคราะห์ ผ่านเครื่องมือ D-shift โดยเป็นค่าที่อธิบายว่าเศรษฐกิจรายสาขาของจังหวัดหนึงมีความเติบโตเพิ่มขึนหรือลดลง ผลการวิเคราะห์คือ สาขาเกษตรกรรมมีเพียง 3 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย นครพนม และมุกดาหาร เท่านั้น ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขานี้มากกว่าจังหวัดอื่นๆ อาจเป็นจังหวัดดังกล่าวมีพื้นทีติดริมน้ำโขงและเหมาะกับการปลูกพืชผักในฤดูน้ำลด เนื่องจากดินจะมีสารอาหารมาก และบางพื้นที่ยังเหมาะกับการปลูกผลไม้อื่น นอกจากนั้นในสาขาเศรษฐกิจอื่นๆ พบว่า จังหวัดเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่าง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และอุบลราชธานี มีความเชี่ยวชาญในสาขาเศรษฐกิจที่หลากหลาย เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น มีความเชี่ยวชาญสาขาการผลิต และ อุดรธานี และอุบลราชธานี เชี่ยวชาญสาขาการขายส่งและขายปลีก กิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ในทางตรงกันข้าม กลับพบว่าหลายจังหวัดในภาคอีสาน ไม่ปรากฏความเชี่ยวชาญและโดดเด่นในสาขาเศรษฐกิจใดเลย นำไปสู่ข้อสังเกตเชิงพัฒนา เช่น บางจังหวัดวางแผนการพัฒนาเป็นเกษตรทันสมัย แต่ไม่ปรากฏความเชี่ยวชาญและเติบโตด้านเกษตรเลย โดยประเด็นเหล่านี้ควรนำไปสู่การทำนโยบายและการวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดให้เหมาะสมกับความเชี่ยวชาญในพื้นที่ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า หมายเหตุ: เป็นการวิเคราะห์ความเชี่ยวชาญและการเติบโตของสาขาเศรษฐกิจแต่ละจังหวัดผ่านเครื่องมือ Location Quotient Index และ Differential Shift ตัวอย่างนี้เป็นเพียงบางประเด็นที่หยิบยกซึ่งเป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือ “เศรษฐกิจอีสาน 2 ทศวรรษ” เขียนโดย ผศ.ดร.จักรกฤช เจียวิริยบุญญา และ รศ.ดร.นรชิต จิรสัทธรรม ภายใต้คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเล่าถึงประเด็นทางเศรษฐกิจ ประเด็นทางสังคม แรงงาน และการเงินของภาคอีสานในช่วงพ.ศ. 2540 – 2560 เป็นหนังสือที่นักธุรกิจในอีสาน ผู้ที่สนใจด้านเศรษฐกิจสังคม นักศึกษา ไม่ควรพลาดแม้แต่ประการทั้งปวง หรือ บุคคลทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจเศรษฐศาสตร์มาก่อน ก็สามารถเข้าใจเนื้อหาและได้ความรู้จากของหนังสือเล่มนี้ได้อย่างง่ายๆ โดยสามารถเข้าไปอ่านได้ฟรี! ทางเว็บไซต์ของอีสาน อินไซต์ หรือคลิกที่ที่ลิงก์ ที่มา: หนังสือ เศรษฐกิจอีสาน 2 ทศวรรษ หนังสือ “เศรษฐกิจอีสาน 2 ทศวรรษ” E-Book ฟรี เพื่อสาธารณะ

พามาเบิ่ง ตลอด 20 ปี จังหวัดในอีสานเชี่ยวชาญสาขาเศรษฐกิจด้านไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดเบิ่ง🥵สถิติภัยร้ายหน้าร้อน 🌡️”ฮีทสโตรก” คร่าชีวิตคนอีสานสูงสุดในประเทศ โดยเดือนเมษาฯ หนักสุด

⏰พาย้อนเบิ่ง ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา อีสาน เคยร้อนสุด กี่องศา🥵🔥 ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567 24 ราย 18 ราย 57 ราย 12 ราย 7 ราย 8 ราย 37 ราย 63 ราย สถานการณ์ผู้เสียชีวิตในปี 2567 มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 63 ราย เพศชาย 54 ราย เพศหญิง 9 ราย   อายุระหว่าง 30 – 95 ปี (เฉลี่ย 62 ปี) ประกอบอาชีพรับจ้าง คิดเป็น 25%   ผู้เสียชีวิตอยู่ใน 31 จังหวัด อุดรธานี = 9 ราย ชัยภูมิ นครราชสีมา และศรีสะเกษ = จังหวัดละ 4 ราย ขอนแก่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ และสมุทรสงคราม = จังหวัดละ 3 ราย ชลบุรี ชัยนาท ปราจีนบุรี แพร่ ลำปาง ลำพูน และสุราษฎร์ธานี = จังหวัดละ 2 ราย ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ นครนายก นครศรีธรรมราช น่าน ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา พะเยา มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ระยอง สมุทรปราการ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี = จังหวัดละ 1 ราย   สถานการณ์ในปี 2568 พบผู้ป่วยจากโรคที่เกี่ยวข้องกับความร้อน “กลุ่มฮีทสโตรก” แล้วจำนวน 34 ราย โดยจังหวัดตราดมีอัตราป่วยสูงสุด รองลงมาคือ สระแก้ว ปราจีนบุรี เลย นครราชสีมา และแพร่

พาเปิดเบิ่ง🥵สถิติภัยร้ายหน้าร้อน 🌡️”ฮีทสโตรก” คร่าชีวิตคนอีสานสูงสุดในประเทศ โดยเดือนเมษาฯ หนักสุด อ่านเพิ่มเติม »

ร้อนบ่มื้อนี้?🥵เปิดเบิ่ง 11 จังหวัดในอีสานที่ทุบสถิติใหม่ “อุณหภูมิสูงสุด”🌡️

จากข้อมูลสถิติย้อนหลัง ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระหว่าง พ.ศ. 2494 – 2566 พบว่า ภาคอีสานเคยม่ีสถิติอุณหภูมิสูงที่สุดในช่วงฤดูร้อน อยู่ที่ 44.1 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 โดยจังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดที่พบว่ามีอุณหภูมิสูงที่สุด https://www.facebook.com/photo.php?fbid=700492755586687&set=pb.100068779069701.-2207520000&type=3 ⏰พาย้อนเบิ่ง ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา อีสาน เคยร้อนสุด กี่องศา🥵🔥 . และเมื่อ 28 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา 11 จังหวัดเหล่านี้ ได้ทุบสถิติ อุณหภูมิสูงสุดของจังหวัดตัวเองที่เคยบันทึกตลอด 70 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่า ปีนี้เป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมาในหลายๆ พื้นที่ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ การเป็นอยู่ และทรัพย์สินของประชาชนมากมาย อีกทั้งเวลาอีก 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีวี่แววว่าอากาศของฤดูร้อนจะลดน้อยลงไปเลย . ซึ่งผลที่เกิดขึ้นนี้ก็เป็นผลมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่กำลังเกิดขึ้นในปี 2567 นี้อาจจะทำให้อุณหภูมิของโลกสูงเพิ่มมากขึ้นถึง 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งก็สามารถทำลายสถิติในปี 2559 จึงทำให้ทั่วโลกต้องเตรียมพร้อมในการรับมือต่อปรากฏการณ์ของเอลนีโญที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างจริงจังในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ . และเมื่อกลางปีที่แล้ว นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ออกมาประกาศว่ายุคโลกร้อน (Global Warming) สิ้นสุดลงแล้ว และพวกเรากำลังเข้าสู่ยุคโลกเดือด (Global Boiling) โดยมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้น . ในขณะที่ รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช จากคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทย คาดว่า อุณหภูมิโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการคาดการณ์ล่าสุดของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ ไอพีซีซี (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) . “ภาพฉายปัจจุบันที่เป็นอยู่ก็คือ ภายใต้การดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของนานาประเทศ ปรากฏว่าเมื่อครึ่งศตวรรษ อุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้นอีกประมาณ 2.7 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม ตรงนี้ก็เป็นประเด็น เพราะหากเราลองคิดภาพอุณหภูมิสูงขึ้นอีก 2.7 องศาในเดือนเมษายน มีความเป็นไปได้สูงมากเลยว่าอุณหภูมิสูงสุดมันจะเหวี่ยงเกินกว่าระดับ 50 องศาเซลเซียส” รศ.ดร.วิษณุ กล่าว . จากข้อมูลสถิติย้อนหลังและการคาดการณ์ปรากฏการณ์เอลนีโญในปีนี้ เราได้ข้อสรุปแล้วว่า ปีนี้ได้ทำลายสถิติไปหลายพื้นที่ และหวังว่าปัญหานี้จะถูกแก้ไข เพื่อไปให้ปีหน้าทำลายสถิติไปมากกว่านี้ . หมายเหตุ: ข้อมูล ณ วันที่ 28 เมษายน 2567 ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา bbc news : สำรวจชีวิตจริงที่ “ร้อนแบบอยู่ไม่ได้” ของคนจนไทยในยุคโลกเดือด . ติดตาม ISAN Insight ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight

ร้อนบ่มื้อนี้?🥵เปิดเบิ่ง 11 จังหวัดในอีสานที่ทุบสถิติใหม่ “อุณหภูมิสูงสุด”🌡️ อ่านเพิ่มเติม »

⏰พาย้อนเบิ่ง ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา อีสาน เคยร้อนสุด กี่องศา🥵🔥

หากพูดถึงสภาพอากาศของโลกในปัจจุบัน พูดได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก จากสภาวะโลกร้อน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติในหลายๆ ที่ทั่วโลก ตัวอย่างเช่น อุณหภูมิสูงขึ้น น้ำแข็งที่ขั้วโลกเกิดการละลายตัว อย่างรวดเร็ว รวมถึงระบบนิเวศตามธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบ.จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นสาเหตุให้เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ อีกหนึ่งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีความสำคัญ เพราะเนื่องจากปรากฏการณ์นี้จะเป็นตัวกำหนดสภาพอากาศต่างๆ บนพื้นโลก ที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ และขณะนี้ปรากฏการณ์เอลนีโญก็ได้กลับมาอีกครั้ง และเป็นครั้งที่หนักที่สุดเท่าที่เคยมีมา.ปรากฏการณ์เอลนีโญที่กำลังเกิดขึ้นในปี 2567 นี้อาจจะทำให้อุณหภูมิของโลกสูงเพิ่มมากขึ้นถึง 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งก็สามารถทำลายสถิติในปี 2559 จึงทำให้ทั่วโลกต้องเตรียมพร้อมในการรับมือต่อปรากฏการณ์ของเอลนีโญที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างจริงจังในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้.อีสานอินไซต์จะพาไปย้อนดูว่า ที่ผ่านมาแต่ละจังหวัดในภาคอีสาน “ร้อนมากที่สุด” กี่องศา?.ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระหว่าง พ.ศ. 2494 – 2566 พบว่า ภาคอีสานเคยม่ีสถิติอุณหภูมิสูงที่สุดในช่วงฤดูร้อน อยู่ที่ 44.1 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 โดยจังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดที่พบว่ามีอุณหภูมิสูงที่สุด..จากข้อมูลสถิติย้อนหลังและการคาดการณ์ปรากฏการณ์เอลนีโญในปีนี้ เรามาติดตามกันต่อว่า ปีนี้จะทำลายสถิติอุณหภูมิสูงที่สุดในช่วง 70 ปีที่ผ่านมาได้หรือไม่..อ้างอิงจาก:– ศูนย์ภูมิอากาศ กองพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา– Krungsri Plearn Plearn.ติดตาม ISAN Insight ทุกช่องทางได้ที่https://linktr.ee/isan.insight.#ISANInsight #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #อุณหภูมิสูงที่สุด #อุณหภูมิสูง #ฤดูร้อน #ร้อน #ปรากฏการณ์เอลนีโญ #เอลนีโญ #โลกร้อน #ภัยแล้ง   พาย้อนเบิ่ง ในช่วงกว่า 70 ปีที่ผ่านมา อีสาน “เคยหนาวสุด” มากแค่ไหน

⏰พาย้อนเบิ่ง ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา อีสาน เคยร้อนสุด กี่องศา🥵🔥 อ่านเพิ่มเติม »

ปลุกกระแส “กินของไทย ใช้ของไทย” พามาฮู้จัก MiT (Made in Thailand)

Made in Thailand (MiT) เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ การสนับสนุนสินค้าไทยผ่านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จะช่วยลดการพึ่งพาสินค้านำเข้า สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย และกระจายรายได้สู่ประชาชนในทุกระดับ   ปีงบประมาณ 2565 มีบริษัทสมาชิกได้งานถึง 1,600 บริษัท รวมมูลค่ากว่า 102,000 ล้านบาท   ปัจจุบันมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียน MiT แล้วกว่า 5,000 กิจการ ครอบคลุมมากกว่า 60,000 รายการสินค้า กลุ่มสินค้าที่ได้รับการรับรองมากที่สุด อุปกรณ์งานก่อสร้าง ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เหล็ก เครื่องปรับอากาศ ปูนซีเมนต์   สินค้าที่ได้ใบรับรอง MiT ในภาคอีสาน (หน่วย: รายการ) นครราชสีมา 846  ขอนแก่น 321  บุรีรัมย์ 261 กาฬสินธุ์ 193 ชัยภูมิ 187 ศรีสะเกษ 167 อุบลราชธานี 155 หนองบัวลำภู 136 สุรินทร์ 132 ร้อยเอ็ด 123 มหาสารคาม 113 สกลนคร  104 เลย 101 บึงกาฬ 99 นครพนม 86 อุดรธานี 67 ยโสธร 60 อำนาจเจริญ 37 หนองคาย 36 มุกดาหาร 35    ที่มา: สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ประชาชาติธุรกิจ และมติชนออนไลน์

ปลุกกระแส “กินของไทย ใช้ของไทย” พามาฮู้จัก MiT (Made in Thailand) อ่านเพิ่มเติม »

เครือ MKG Global Group ผลักดัน Soft Power บุกเซ็นทรัล โคราช ในงาน ESAN F.A.C.E.2025

มหกรรม Soft Power อีสาน ครั้งใหญ่ที่ไม่ควรพลาด!!! E-SAN F.A.C.E. ‘จิ๊บ วสุ – ดร.โก้ ธีรศักดิ์’ ร่วมแถลง พร้อมชวนร่วมงาน 23-25 พฤษภาคม นี้ ที่เซ็นทรัล โคราช   วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน 2568 MKG Global Group โดย อาจารย์มงคลพัฒน์ ทิพยจันทร์ (มงคลพัฒน์ ดวงและฮวงจุ้ย) , คุณสมเกียรติ ทวีสิทธิ์ , คุณวรฉัตร สัมมาชีวกุล , คุณอรรถพล จันทรวงศ์ไพศาล , คุณณัฏฐสิทธิ์ วีนาซีมูทู และคณะผู้จัดงาน ได้จัดงานแถลงข่าว E-SAN F.A.C.E. : The Future of E-SAN Soft Power โดยได้รับเกียรติอย่างสูงจาก คุณกร ทัพพะรังสี อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมแขกผู้มีเกียรติ ดร. ไจตันยะ ประกาศ โยคี ผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมสวามี วิเวกานันท์ สถานเอกอัครราชทูตอินเดีย กรุงเทพฯ , ดร.ฤทธิ์ ลือชา , สัญญา พรนารายณ์ ,แสนรัก เมืองโคราช ,สุมิตร สัจจเทพ , ดีเจ โจ้ เฉลิมศักดิ์ อังศุพันธุ์ , ดร.พรนารายณ์ มณีรุ่งโรจน์ทวี บ.ดาราอินไซค์ทีวี จำกัด และ ดารา นักแสดง คุณจิ๊บ วสุ แสงสิงห์แก้ว , ดร.โก้ ธีรศักดิ์ พันธุจริยา , คุณปุ๋ย นิทัศน์, คุณปิงปอง สะแกวัลย์ , นักแสดงดาวรุ่ง จิก้า ณัฐนนท์ เพ็ชรรัตน์ จากซีรีส์วาย เรื่อง อาการมันเป็นยังไงไหนบอกหมอ ,รักฝังเข็ม และ ยกนี้พี่ต้องชนะ , ธานัท จุลสัตย์ Mister Landscapes International Thailand 2025 , ธงดนัย แตงอวบ National Director Mister Landscapes

เครือ MKG Global Group ผลักดัน Soft Power บุกเซ็นทรัล โคราช ในงาน ESAN F.A.C.E.2025 อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top