ISAN Insight

งานบุญแห่ ผีตาโขน หน้ากากผีเอกลักษณ์ สะท้อนความเชื่อท่องถิ่น บินไกลสู่สากล

1.ประเพณีเดือน 7 : ประเพณีการละเล่นผีตาโขนในงานบุญหลวง จังหวัดเลย ผีตาโขน เป็นคำเรียกชื่อการละเล่นชนิดหนึ่งที่ผู้เล่นต้องสวมหน้ากากที่วาดหรือแต้มให้น่ากลัวแต่งกายด้วยชุดทำจากเศษผ้านำมาเย็บติดกัน ซึ่งจะเข้าร่วมขบวนแห่และมีการแสดงท่าทางต่าง ๆ เพื่อสร้างความตื่นเต้น สนุกสนาน รื่นเริง ในระหว่างที่มีงานบุญประเพณีใหญ่หรือที่เรียกว่า “งานบุญหลวง” หรือ “บุญผะเหวด” ซึ่งตรงกับเดือน 7เป็นการละเล่นที่มีเฉพาะในท้องที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ว่ากันว่าการแห่ผีตาโขนเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรและนางมัทรีจะเดินทางออกจากป่ากลับสู่เมือง บรรดา ผีป่าหลายตน และสัตว์นานาชนิดอาลัยรักจึงพาแห่แหนแฝงตัวแฝงตน มากับชาวบ้านเพื่อมาส่งทั้งสอง พระองค์ กลับ เมือง “ผีตามคน” หรือ “ผีตาขน” จนกลายมาเป็น “ผีตาโขน” อย่างในปัจจุบัน Chaikom / Shutterstock.com . จังหวัดเลย อำเภอด่านซ้าย ณ ที่แห่งนี้ได้มีการกำเนิดประเพณีที่มีต้นกำเนิดมาจากเวสสันดรชาดก พระชาติที่ 10 ที่สำคัญที่สุดของพระพุทธเจ้า หรือ ตำนานผีตามคนนั่นเอง โดยในปีนี้ประเพณีผีตาโขน จะถูกจัดขึ้นที่ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย วันที่ 28-30 มิถุนายน ปี 2568 ภายในงานปีนี้ก็จะมีกิจกรรมมากมายตลอดทั้งงาน ไม่ว่าจะเป็น วันโฮม,ขบวนแห่,สู่ขวัญเจ้าพ่อกวน และ เจ้าแม่นางเทียม,มีพิธีจุดบั้งไฟขอฝนอีกด้วย และยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกมากมายภายในงาน ภาพจาก:ด่านซ้ายไทเลย งานประเพณีบุญหลวง และงานผีตาโขน จะมีหลักๆ 3 วันด้วยกันคือ วันที่ 1 เป็น เทศกาลผีตาโขน ซึ่งเรียกวันนี้ว่า วันรวม หรือ วันโฮม จะมี พิธีเบิกพระอุปคุต พิธีการบวชพราหมณ์ เพื่อเชิญพระอุปคุต พิธีแห่จากวัดโพนชัย ไปริมฝั่งแผ่น้ำหมันเพื่อเชิญพระอุปคุต พิธีงมพระอุปคุตจากแม่น้ำหมันอัญเชิญขึ้นประดิษฐานหออุปคุต วัดโพนชัย พิธีเบิกพระอุปคุต พร้อมยิงปืนทั้ง 4 ทิศ พิธีบายศรีสู่ขวัญเจ้าพ่อกวนและเจ้าแม่นางเทียม วันที่ 2 เป็น วันแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง หรือ ขบวนแห่ผีตาโขน พิธีสู่ขวัญพระเวส อัญเชิญพระเวสเข้าเมือง ขบวนแห่พระเวสเข้าเมือง (ขบวนแห่ผีตาโขน) เจ้าพ่อกวนและคณะ นำขบวนแห่ไปวัดโพนชัยแห่รอบโบสถ์ 3 รอบ เจ้าพ่อกวนและคณะจุดบั้งไฟขอฝน คณะผู้เล่นบุญนำหน้ากากผีตาโขนน้อยและผีตาโขนใหญ่ทิ้งลงแม่น้ำหมัน วันที่ 3 เป็น วันฟังเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์ พิธีสวดมาลัยหมื่นมาลัยแสน ในการฟังเทศมหาชาติ พิธีสวดชำฮะเพื่อขอขมาลาโทษสะเดาะเคราะห์รับโชค นำอาหารหวานใส่กระทง เพื่อให้ทานสะเดาะเคราะห์ และสืบชะตาบ้านเมือง พ่อแสนท้าพิธี “จำเนื้อจำคิง” เพื่อการสะเดาะเคราะห์ นำเครื่องสะเดาะเคราะห์ทิ้งลงแม่น้ำหมัน พิธีคารวะองค์องค์พระใหญ่ โดยเจ้าพ่อกวนและคณะ เป็นอันเสร็จพิธี และประเพณียังคงมีความเชื่อกันว่า สำหรับคนที่เล่นหรือมีการแต่งตัวเป็น ผีตาโขนใหญ่ ต้องถอดเครื่องแต่งกายผีตาโขนใหญ่ออกให้หมดและนำไปทิ้งในแม่น้ำหมัน ห้ามนำเข้าบ้าน เป็นการทิ้งความทุกข์ยากและสิ่งเลวร้ายไปอีกด้วย 2.หนึ่งเดียวในภาคอีสาน ผีตาโขนของชาวไท-เลย ทำไมประเพณีผีตาโขนจึงมีเพียงที่เดียวในภาคอีสาน และพบเฉพาะในจังหวัดเลย? คำตอบอยู่ที่ความเชื่อที่ฝังแน่นในวิถีชีวิตของชาวไท–เลย โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ไท–ลาวในอำเภอด่านซ้าย ซึ่งมีความเชื่อแบบ พุทธผสมอนิมิสต์ หรือศรัทธาที่ผสานระหว่างพุทธศาสนาและความเชื่อพื้นบ้านที่เชื่อว่า ทุกสิ่งในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ ต้นไม้ ภูเขา […]

งานบุญแห่ ผีตาโขน หน้ากากผีเอกลักษณ์ สะท้อนความเชื่อท่องถิ่น บินไกลสู่สากล อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง โรงงานผลิตเครื่องดื่มของเครือบุญรอด และไทยเบฟ

ภาค รายได้: ล้านบาท ภาคอีสาน 52,368 ภาคกลาง 43,056 ภาคใต้ 3,084 ภาคเหนือ 29,615 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 124,097 เครือ ชื่อบริษัท รายได้รวม (2567) (ล้านบาท) %YoY รายได้ กำไรขาดทุน (ล้านบาท) %YoY กำไร จังหวัด ผลิต ไทยเบฟเวอเรจ บริษัท อธิมาตร จำกัด 4,415 3.6 144 -4.9 บุรีรัมย์ กลั่นสุรา บริษัท เอส.เอส.การสุรา จำกัด 4,751 1.0 134 -11.8 อุบลราชธานี กลั่นสุรา บริษัท แก่นขวัญ จำกัด 5,015 -0.4 117 -33.9 ขอนแก่น กลั่นสุรา บริษัท เทพอรุโณทัย จำกัด 4,424 1.5 43 -57.1 หนองคาย กลั่นสุรา บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) (โรงงานนครราชสีมา) นครราชสีมา เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ บุญรอดบริวเวอรี่ บริษัท ขอนแก่น บริวเวอรี่ จำกัด 31,962 19.1 876 123.3 ขอนแก่น เบียร์, น้ำดื่ม, โซดา บริษัท มหาสารคาม เบเวอเรช จำกัด 1,801 -5.2 110 -0.6 มหาสารคาม น้ำดื่ม, โซดา โรงงานเครือ รายได้รวม (ล้านบาท) กำไรขาดทุน (ล้านบาท) จำนวนจังหวัดที่มีการตั้งโรงงาน บุญรอดบริวเวอรี่ 110,768 4,135 8 (8 โรงงาน) ไทยเบฟเวอเรจ 127,546 3,057 16 (20 โรงงาน) ไทยเบฟเวอเรจ (เสริมสุข) 13,905 236 6 (7 โรงงาน) หมายเหตุ: ข้อมูลรายได้รวมของบริษัทเป็นการนับรายได้เฉพาะรายได้จากบริษัทที่มีโรงงานเท่านั้น ไม่ได้เป็นการนับรายได้รวมทั้งหมดจากทุกธุรกิจ เครื่องดื่ม หนึ่งในสินค้าอุปโภคบริโภคที่อยู่คู่กับชีวิตประจำวันของผู้คนไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ก็ตาม เราทุกคนล้วนต้องบริโภคเครื่องดื่มในแต่ละวัน สินค้าประเภทนี้มีผู้เล่นจำนวนมากในตลาด แต่หากพูดถึงแบรนด์รายใหญ่ที่คุ้นหูคนไทย ชื่อที่มักจะถูกนึกถึงก่อนเสมอก็คือ “บุญรอดบริวเวอรี่” หรือ

พามาเบิ่ง โรงงานผลิตเครื่องดื่มของเครือบุญรอด และไทยเบฟ อ่านเพิ่มเติม »

ศักยภาพมุกดาหาร ด่านโตแสนล้าน แต่เศรษฐกิจ(อาจโต)ไม่ถึงมือประชาชน

1.ศักยภาพของจังหวัดชายแดนขนาดเล็ก อย่างที่เรารู้กันจังหวัดมุกดาหารไม่ได้เป็นจังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่มากนัก รวมไปถึงจำนวนประชากรที่ก็ไม่ได้เยอะมากด้วย เช่นกัน ถึงแม้ว่าจังหวัดมุกดาหารจะมีขนาดเศรษฐกิจที่เล็กก็ตามแต่มุกดาหารยังมีศักยภาพที่สามารถทำให้มุกดาหารนั้นเติบโตขึ้นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นภาคการบริการ และ ภาคการเกษตร ที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆของจังหวัด และ รวมไปถึงการค้าระหว่างชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่าง สปป ลาว ทำให้เศรษฐกิจภาคบริการ และ การค้าระหว่างประเทศของจังหวัดมุกดาหารมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปีที่ผ่าน มูลค่าการค้าชายแดนในปีที่ผ่านมามีมูลค่าอยู่ที่ 286,775 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าโตขึ้นมาจากปี 66 อยู่ที่ 10.13% สินค้าหลักในการส่งออกนั่นคือน้ํามันดีเซล,น้ำมันสําเร็จรูปอื่นๆ และ น้ำตาลทรายขาว และ ด้วยความที่เป็นจังหวัดชายแดนตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงตรงข้ามกับแขวงสะหวันนะเขตของประเทศลาวนั่นทำให้มุกดาหารเป็น ด่านส่งออก และ นำเข้าสินค้าสำคัญจาก ไทย-จีน เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีเส้นทางถนนเชื่อมต่อได้ยาวถึงประเทศจีน สินค้าที่ขนมาทางรถส่วนหนึ่งก็จะมาเส้นทางนี้ และกระจายต่อไปยัง จ.ขอนแก่นโดยเส้นทางที่ผ่านด่านมุกดาหารนั่นคือเส้นทางสาย R9 ที่เป็นเส้นทางสำคัญสำหรับการค้าระหว่างไทย – จีน โดยแบ่งเป็น 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 : ด่านมุกดาหาร (ประเทศไทย) –> ด่านสะหวันนะเขต     (สปป.ลาว) –> ด่านลาวบาว (ประเทศเวียดนาม) –> กรุงฮานอย (ประเทศเวียดนาม) –> ด่านหูหงิ (ประเทศเวียดนาม) –> ด่านโหยวอี้กวน เมืองผิงเสียง (ประเทศจีน) –> นครหนานหนิง  เขตปกครองตนเองกว่างสีจ้วง (ประเทศจีน) ด้วยระยะทางรวมประมาณ 1,590 กิโลเมตร การพัฒนาเส้นทาง R9 เส้นทางที่ 1 นี้ได้ช่วยลดระยะเวลาการขนส่งเมื่อเทียบกับการขนส่งสินค้าไทยทางเรือ ยกตัวอย่าง การขนส่งผลไม้ของไทยไปยังประเทศจีนก่อนหน้านี้ใช้เวลาประมาณ 7-8 วัน แต่การขนส่งทางผ่านเส้นทาง R9 ทำให้ระยะเวลาการขนส่งสั้นลงเหลือเพียง 2-3 วัน ซึ่งมีความสำคัญต่อธุรกิจการส่งออกผลไม้เป็นอย่างมาก เนื่องจากระยะเวลาขนส่งมีผลต่ออายุและการรักษาความสดของผลไม้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เส้นทางที่ 2 : ด่านมุกดาหาร (ประเทศไทย) –> ด่านสะหวันนะเขต (สปป.ลาว) –> ด่านลาวบาว (ประเทศเวียดนาม) –> ด่านหม่องก๋อย (ประเทศเวียดนาม) –> ด่านตงชิง (เมืองฝางเชิงก่าง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประเทศจีน) ที่เป็นเส้นทางใหม่ในการขนส่งผลไม้ไทยสู่จีน หลังจากนั้น จะไปสิ้นสุดที่นครหนางหนิงเพื่อกระจายสินค้าไปยังมณฑลฝูเจี้ยน มณฑลกวางตุ้ง มณฑลหูหนาน กรุงปักกิ่ง และนครเซี่ยงไฮ้ เส้นทาง R9 นั้นเป็นเส้นทางการส่งโดยรถยนต์ซึ่งนอกเหนือจากเส้นทางนี้ จะมีรถไฟรางคู่สายบ้านไผ่-นครพนมที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของการขนส่งสินค้า และ การเดินทางของนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในพื้นที่ ซึ่งเส้นทางรถไฟรางคู่นี้จะเล็งตัดถนนเส้นใหม่ ระยะทาง 14 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงระบบราง และสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 มุกดาหาร-สะหวันนะเขต

ศักยภาพมุกดาหาร ด่านโตแสนล้าน แต่เศรษฐกิจ(อาจโต)ไม่ถึงมือประชาชน อ่านเพิ่มเติม »

🇹🇭โต 3% แทบไม่มีหวัง🌏World Bank หั่นไทยเหลือ 1.8% ปี 2025 โตต่ำสุดในอาเซียน เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย(เชิงเทคนิค)📉

ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (economic recession) หรือนิยมเรียกย่อ ๆ ว่า recession มีหลายนิยามแตกต่างกัน หากยึดตามนิยามของ NBER[1] คือ ภาวะการลดลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างอย่างมีนัยสำคัญ กินเวลายาวนานหลายเดือน และดูตัวชี้วัดหลายตัวร่วมด้วย ได้แก่ (1) รายได้ของบุคคลหักด้วยรายจ่าย (2) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payrolls) (3) ตัวเลขการจ้างงานของครัวเรือน (4) รายจ่ายเพื่อการบริโภค (5) ยอดขายสินค้า และ (6) การผลิตในภาคอุตสาหกรรม ส่วนภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค (technical recession) คือ ภาวะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ติดลบติดต่อกันอย่างน้อย 2 ไตรมาส ซึ่งอาจไม่ได้สะท้อนวัฏจักรเศรษฐกิจโดยรวม แต่เรามักได้ยินสำนักข่าวใช้ในการรายงานข่าว เพราะดูจากแค่จีดีพีอย่างเดียว ซึ่งสามารถหาได้ง่ายและรวดเร็ว   ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (East Asia and Pacific: EAP) ในปี 2025 จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงเหลือ 4.5% จาก 5% ในปี 2024 สาเหตุหลักมาจากผลกระทบทางตรงของมาตรการกีดกันทางการค้า และผลกระทบทางอ้อมจากความไม่แน่นอนเชิงนโยบายที่เพิ่มสูงขึ้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความเชื่อมั่นที่อ่อนแรงลง ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อการลงทุน การส่งออก และการบริโภคในประเทศต่าง ๆ ของภูมิภาค โดยธนาคารโลกได้มีการปรับคาดการณ์ของประเทศไทยลงเหลือ 1.8% ลดลง -1.1% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงกัน  สรุปตัวเลขคาดการณ์ GDP ปี 2025 ในกลุ่มอาเซียน โดย World Bank จากรายงาน Global Economic Prospects, June 2025 ของ World Bank ภาพแสดงการคาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP ในกลุ่มประเทศอาเซียนปี 2025 โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้: ภาพรวมการเติบโต: เวียดนาม คาดการณ์การเติบโตสูงสุดที่ 5.8% แม้จะมีการปรับลดลงเล็กน้อยจากประมาณการเดือนเมษายน 2025 ที่ -0.8% แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่ยังคงโดดเด่น ฟิลิปปินส์ คาดการณ์การเติบโต 5.3% โดยมีการปรับลดลง -0.8% อินโดนีเซีย คาดการณ์การเติบโต 4.7% โดยมีการปรับลดลง -0.4% กัมพูชา คาดการณ์การเติบโต 4.0% โดยมีการปรับลดลง -1.5% ซึ่งเป็นการปรับลดที่มากที่สุดในกลุ่มนี้ มาเลเซีย คาดการณ์การเติบโต 3.9% โดยมีการปรับลดลง -0.6% ลาว คาดการณ์การเติบโต 3.5%

🇹🇭โต 3% แทบไม่มีหวัง🌏World Bank หั่นไทยเหลือ 1.8% ปี 2025 โตต่ำสุดในอาเซียน เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย(เชิงเทคนิค)📉 อ่านเพิ่มเติม »

ISAN Insight ชวนมาเฮ็ดงาน THE STANDARD VOLUNTEER ประจำปี 2568  ในงาน The Secret Sauce Business Weekend อีสาน 2025

THE STANDARD VOLUNTEER ขอเชิญชวนนักศึกษาที่สนใจและต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านการจัดการงานอีเวนต์ เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ THE STANDARD EVENT VOLUNTEER ประจำปี 2568  ในงาน The Secret Sauce Business Weekend อีสาน 2025 งานสัมมนาธุรกิจระดับภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดโดย THE STANDARD ร่วมกับพาร์ตเนอร์ชั้นนำมากมาย 📍 วันที่จัดงาน: 4-5 กรกฎาคม 2568 ณ จังหวัดขอนแก่น ภายในงานจะพบกับผู้นำธุรกิจระดับประเทศ เวทีเสวนาเข้มข้นจาก The Secret Sauce พร้อมกิจกรรม Business Trip และ Business Matching โดยเปิดพื้นที่ให้กับนักธุรกิจ นักลงทุน และคนรุ่นใหม่ ได้มาร่วมเรียนรู้และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจอย่างเข้มข้นตลอด 2 วัน คุณสมบัติของผู้สมัคร: 🔘 อายุ 20 ปีขึ้นไป 🔘 ไม่จำกัดคณะหรือสาขาวิชาที่ศึกษา 🔘 หากกำลังศึกษาอยู่ในคณะวิทยาการจัดการ / การจัดการอีเวนต์ / การจัดการโรงแรม จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ 🔘 โครงการฝึกงานนี้จัดขึ้นตามนโยบายของบริษัท เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะให้กับผู้เข้าร่วม โดยไม่มีการจ่ายค่าตอบแทน ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมจะได้รับอาหารทุกมื้อ ตลอดระยะเวลา 2 วันของกิจกรรม พร้อมใบเกียรติบัตรรับรองการเข้าร่วม   สิ่งที่คุณจะได้รับจากโครงการ: 📌 ลงมือปฏิบัติงานจริงกับงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ระดับมืออาชีพ 📌 สัมผัสประสบการณ์การทำงานร่วมกับผู้นำทางความคิดระดับประเทศ 📌 มีส่วนร่วมในกระบวนการทำงานของทีม THE STANDARD EVENT อย่างใกล้ชิด 📌 พบปะผู้คน สร้างคอนเนกชัน และเรียนรู้ทักษะ Soft Skill ที่ใช้ได้จริง   👉คลิกเพื่อ สมัคร   📌 (10คน) Volunteer Coordinator    หน้าที่ : ประสานงาน ดูแล และอำนวยความสะดวกให้กับ Speaker ในส่วนของ Main Stage, Expertise Stage และ Business Matching ⏰ตารางเวลา 4 July 2025 11.00-12.30 น ประชุมรับบรีฟ นัดหมายการทำงานทั้ง 2 วัน 14.00-21.00 น Business Matching 5 July 2025   

ISAN Insight ชวนมาเฮ็ดงาน THE STANDARD VOLUNTEER ประจำปี 2568  ในงาน The Secret Sauce Business Weekend อีสาน 2025 อ่านเพิ่มเติม »

อีก 3 ปี หากไม่แก้ รักษาฟรีอาจไม่มี บัตรทอง ระเบิดต้นทุนโรงพยาบาลที่รอวันปะทุ เปิด 4 ปัจจัยทำไมโรงพยาบาลรัฐถึงขาดทุน

บัตรทอง⌛ระเบิดเวลา อีก 3 ปี หากไม่แก้ รักษาฟรีอาจไม่มี❗สปสช.วางแผนรับมือ เตรียมตั้ง คกก.กลางศึกษาต้นทุนโรงพยาบาล เหตุโรงพยาบาลทั่วไทย🏥ขาดสภาพคล่อง 901 แห่ง 5.1 หมื่นล้าน และ ขาดทุนอีก 183 แห่ง 4.3 พันล้าน เฉพาะ Top10 ร.พ.ขาดทุน มาจากภาคอีสาน 4 ใน 10 [4 ปัจจัยทำไมโรงพยาบาลรัฐถึง(เงินสมทบติดลบ)ขาดทุน❓] โรงพยาบาลรัฐในประเทศไทยประสบปัญหาหนี้สะสมและขาดทุนจากหลายสาเหตุที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน โดยหลักๆ มาจากความไม่สมดุลระหว่างรายรับและรายจ่าย รวมถึงโครงสร้างระบบสาธารณสุขในปัจจุบัน ปัจจัยสำคัญมีดังนี้: . 1. รายรับไม่เพียงพอต่อต้นทุนที่แท้จริง:💸 ▪️งบเหมาจ่ายรายหัว (บัตรทอง/หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า) ต่ำกว่าต้นทุน: ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ครอบคลุมคนส่วนใหญ่ของประเทศ มีการจัดสรรงบประมาณแบบเหมาจ่ายรายหัวให้กับโรงพยาบาล ซึ่งมักจะต่ำกว่าต้นทุนจริงในการให้บริการ โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลที่ซับซ้อนหรือโรคเรื้อรัง ทำให้โรงพยาบาลขาดทุนจากการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้ ▪️การหักเงินเดือนบุคลากรจากงบเหมาจ่าย: เดิมมีการหักเงินเดือนบุคลากรจากงบเหมาจ่ายรายหัวที่จัดสรรให้โรงพยาบาล ซึ่งทำให้โรงพยาบาลมีเงินเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ลดลง โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่มีบุคลากรจำนวนมาก ▪️การเคลมค่าบริการต่ำกว่าความเป็นจริง: บางครั้งการเคลมค่าบริการจากหน่วยงานที่รับผิดชอบการจ่ายเงิน (เช่น สปสช.) ไม่ครอบคลุมต้นทุนทั้งหมด หรือมีการจ่ายล่าช้า ทำให้โรงพยาบาลต้องแบกรับภาระทางการเงิน ▪️การรักษาผู้ป่วยต่างด้าว: โรงพยาบาลรัฐจำนวนมากต้องให้การรักษาผู้ป่วยต่างด้าวโดยไม่ได้มีการชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพียงพอ ทำให้เกิดหนี้ค้างชำระ . 2. ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น:💊 ▪️ค่าวัสดุทางการแพทย์และค่ายาที่เพิ่มขึ้น: ราคาของยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงพยาบาลมีต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ค่าชดเชยที่ได้รับอาจไม่ปรับเพิ่มตาม ▪️การรักษาที่ซับซ้อนและทันสมัยขึ้น: เมื่อวิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้น การวินิจฉัยและการรักษามีความซับซ้อนและใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ▪️ค่าตอบแทนบุคลากรที่ไม่สอดคล้อง: แม้บุคลากรทางการแพทย์จะทำงานหนัก แต่ค่าตอบแทนอาจไม่จูงใจเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับภาระงานและความรับผิดชอบ ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนบุคลากรและอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว ▪️ภาระงานที่หนักเกินไป: จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงพยาบาลรัฐมีภาระงานล้นมือ ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนแฝง เช่น ค่าล่วงเวลา หรือการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ . 3. ปัญหาเชิงโครงสร้างและการบริหารจัดการ:🏦 ▪️ข้อจำกัดด้านงบประมาณภาครัฐ: รัฐบาลมีงบประมาณจำกัดในการจัดสรรให้กับระบบสาธารณสุข ทำให้โรงพยาบาลไม่ได้รับงบประมาณที่เพียงพอต่อการดำเนินงานและพัฒนา ▪️การบริหารจัดการที่ไม่ยืดหยุ่น: โรงพยาบาลรัฐบางแห่งอาจมีข้อจำกัดในการบริหารจัดการงบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้ไม่สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ▪️การขาดประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้: โรงพยาบาลอาจมีปัญหาในการจัดเก็บรายได้จากผู้ป่วยบางกลุ่ม หรือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง . 4. ผลกระทบที่ตามมา:🧑‍⚕️ ▪️โรงพยาบาลขาดสภาพคล่อง: เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายรับต่อเนื่อง ทำให้โรงพยาบาลขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่มีเงินเพียงพอในการชำระหนี้ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ หรือค่าสาธารณูปโภค ▪️คุณภาพบริการอาจได้รับผลกระทบ: เมื่อโรงพยาบาลประสบปัญหาการเงิน อาจส่งผลต่อการจัดซื้อยาและอุปกรณ์ที่จำเป็น หรือการพัฒนาบุคลากร ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพการรักษาพยาบาล ▪️บุคลากรหมดกำลังใจ: การทำงานภายใต้ภาวะขาดแคลนทรัพยากรและภาระงานที่หนัก อาจทำให้บุคลากรทางการแพทย์เกิดภาวะหมดกำลังใจและลาออก . 🏥โดยสรุปแล้ว ปัญหาหนี้สะสมและการขาดทุนของโรงพยาบาลรัฐเป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกัน ทั้งเรื่องของโครงสร้างการจัดสรรงบประมาณ ต้นทุนที่สูงขึ้น และการบริหารจัดการ ซึ่งต้องอาศัยการแก้ไขปัญหาเชิงระบบจากภาครัฐอย่างจริงจังและต่อเนื่อง   จริงๆ ตอนนี้ทาง สปสช. เตรียมตั้ง คณะกรรมการกลาง ศึกษาต้นทุนโรงพยาบาล เพื่อหาต้นทุนกำหนดปัญหา#พร้อมย้ำไม่ล่ม . รวมทั้งศึกษาแนวโน้มความเป็นไปได้ต่างๆ

อีก 3 ปี หากไม่แก้ รักษาฟรีอาจไม่มี บัตรทอง ระเบิดต้นทุนโรงพยาบาลที่รอวันปะทุ เปิด 4 ปัจจัยทำไมโรงพยาบาลรัฐถึงขาดทุน อ่านเพิ่มเติม »

ท่องเที่ยวไทย จีนไป เมกา มา อีสานไม่กระทบ สหรัฐฯ ยกไทยสู่ประเทศ ‘ปลอดภัยระดับ 1’ ในวันที่ชาวจีนไม่กล้าเที่ยวไทย

ในขณะที่นักท่องเที่ยวจีนลดลงจากความกังวลเรื่องความปลอดภัย(จากจีนเทา) สหรัฐฯ ยกไทยสู่ประเทศ ‘ปลอดภัยระดับ 1’ เทียบเท่า ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา และสิงคโปร์ สร้างแรงหนุนความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวโลก ในปี 2568 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยลดลงราว -46.1% ต่อเดือนตลอดช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วงต้นปีลดลงไปประมาณ 1 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นอัตราลดลงที่ -32.7% นักท่องเที่ยวชาวจีนถือเป็นกลุ่มหลักที่ประเทศไทยพึ่งพาในภาคการท่องเที่ยวมาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนแต่ละคนมักใช้เวลาเที่ยวเฉลี่ย 5 – 7 วันต่อทริป และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 25,000 – 50,000 บาทต่อคน หรือประมาณวันละ 6,118 บาท แม้ว่าจะไม่สูงเท่านักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลางก็ตาม ที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 63,000 – 94,000 ต่อทริป ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นซึ่งอยู่ที่ราว 4,077 บาทต่อวัน ดังนั้น ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่สูงและมูลค่าการใช้จ่ายที่สูงนั้นส่งผลให้การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศ และเศรษฐกิจในพื้นที่ยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวจีนมักเดินทางไปเยือน ภาพที่ 1 จำนวนนักท่องเที่ยว 5 เดือนแรกของไทยแบ่งตามสัญชาติ 10 อันดับแรก ที่มา: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จากรายงานของ KKP Research พบว่า ชาวจีนกว่า 50% มองว่าไทยไม่ปลอดภัย เพิ่มขึ้นจาก 38% ในปีก่อน ปัจจัยที่ส่งผลต่อทัศนคตินี้รวมถึงกรณีข่าวลักพาตัวชาวจีน การปราบปรามธุรกิจสีเทา และเหตุการณ์ภัยพิบัติในไทยที่ถูกขยายผ่านสื่อจีน โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระที่ให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้เป็นพิเศษมากกว่าผู้ที่เดินทางกับกรุ๊ปทัวร์ อีกทั้ง ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในจีน ทำให้ชาวจีนมีแนวโน้มใช้จ่ายระมัดระวังมากขึ้น ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนเองก็ผลักดันนโยบาย “เที่ยวในประเทศ” เพื่อลดการไหลออกของเงินตราและกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน ทำให้การเดินทางออกนอกประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่กลับมาสูงถึง 93.6% ของระดับก่อนโควิดแล้ว นอกจากนี้ยังรายงานอีกว่า นักท่องเที่ยวจีนในปัจจุบันเลือกเดินทางด้วยตนเองมากขึ้น แทนการมาแบบกรุ๊ปทัวร์เหมือนในอดีต ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อรูปแบบการใช้จ่าย ความคาดหวัง และประสบการณ์ที่ต้องการในต่างประเทศ โดยกลุ่ม FIT มักให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความปลอดภัย และประสบการณ์เฉพาะตัว มากกว่าราคาเพียงอย่างเดียว ทั้งยังมีแนวโน้มเที่ยวซ้ำเฉพาะพื้นที่ที่ชอบ ทำให้การตัดสินใจมาเที่ยวประเทศเดิมซ้ำต้องใช้เวลาพิจารณามากขึ้น อย่างไรก็ดี แม้การลดลงของนักท่องเที่ยวจีนจะกระทบต่อภาพรวมรายได้จากการท่องเที่ยว แต่ก็มีสัญญาณบวกจากนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการปรับคำแนะนำการเดินทาง (Travel Advisories) ของประเทศไทยเป็นระดับ 1 (Level 1: Exercise Normal Precautions) ให้ใช้ความระมัดระวังตามปกติในการเดินทางในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่ยังคงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยมีเพียงพื้นที่บริเวณ 4 จังหวัดในภาคใต้ที่ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อเดินทางไป ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา เนื่องจากความไม่สงบจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่ นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์

ท่องเที่ยวไทย จีนไป เมกา มา อีสานไม่กระทบ สหรัฐฯ ยกไทยสู่ประเทศ ‘ปลอดภัยระดับ 1’ ในวันที่ชาวจีนไม่กล้าเที่ยวไทย อ่านเพิ่มเติม »

สหรัฐฯ ลงดาบ! แผงโซลาร์กัมพูชาโดนภาษี 3,521%

ฮู้บ่ว่า? กัมพูชาอาจถูกสหรัฐฯ สั่งเก็บภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์สูงถึง 3,521%    . ในขณะที่โลกเร่งเดินหน้าเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาด สหรัฐอเมริกาได้จุดชนวนความสั่นสะเทือนในอุตสาหกรรมแผงโซลาร์เซลล์อีกครั้ง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าแผงโซลาร์เซลล์จากกัมพูชาในอัตราสูงสุดถึง 3,521% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการดำเนินการด้านภาษีที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี   . มาตรการภาษีดังกล่าวเกิดจากผลการสอบสวนที่พบว่า บริษัทจีนใช้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ กัมพูชา ไทย เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งเป็นฐานการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากต้นทุนการส่งออก ที่เป็นผลมาจากสงครามทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ   . สาเหตุที่กัมพูชาถูกประกาศการขึ้นภาษีในอัตราสูงสุด เนื่องจาก บริษัทผู้ผลิตในกัมพูชา เช่น Solar Long และ Hounen Solar ได้ถอนตัวจากการให้ความร่วมมือในกระบวนการสอบสวน ส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ มองว่าขาดความโปร่งใส และได้กำหนดภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงสุด ส่งผลให้การส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ของกัมพูชาอาจได้รับผลกกระทบอย่างรุนแรง เนื่องจากการส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ของกัมพูชาพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ กว่า 97.7% ของการส่งออกทั้งหมด   . ประเทศไทยเอง ก็ได้รับการขึ้นภาษีการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากสหรัฐฯ ในอัตราที่สูงด้วยเช่นกัน โดยสูงถึง 375% แต่จากการตรวจสอบพบว่า สินค้าที่ถูกขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ จะเป็นสินค้าที่ถูกส่งออกโดยบริษัทจีน ที่ได้ย้ายฐานการผลิตมาในประเทศไทย    . ผลกระทบต่อการส่งออกโซลาร์เซลล์ของไทยอาจอยู่ในระดับที่รุนแรง เนื่องจากไทยมีมูลค่าการส่งออกแผงโซลาร์เซลล์และสัดส่วนการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ที่สูง ซึ่งอาจสร้างผลกระทบในวงกว้างสู่ผู้ผลิตในประเทศที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน ในกรณีที่บริษัทดังกล่าวมีการใช้สินค้าและวัตถุดิบในประเทศในการผลิตสินค้า  แต่ผลกระทบต่อผู้ผลิตอาจเบาลงลงหากบริษัทดังกล่าวใช้วัตถุดิบนำเข้าหรือใช้วัตถุดิบจากโรงงานจีนที่เข้ามาตั้งในประเทศไทย และอาจเป็นผลทำให้ผู้ผลิตในประเทศสามารถเติบโตได้ จากข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการส่งออก   ที่มา : The guardian, Reuters, Trademap 🇺🇸สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าไทย🇹🇭 ใครกระทบ? และภาษี 36% คำนวณจากอะไร? สินค้าส่งออกการเกษตรจากอีสานจะกระทบหรือไม่❓   Cambodia อาจเป็น (S)cambodia เมื่ออุตสาหกรรม Scam มีรายได้กว่า 40% ของ GDP กัมพูชา

สหรัฐฯ ลงดาบ! แผงโซลาร์กัมพูชาโดนภาษี 3,521% อ่านเพิ่มเติม »

Cambodia อาจเป็น (S)cambodia เมื่ออุตสาหกรรม Scam มีรายได้กว่า 40% ของ GDP กัมพูชา

ฮู้บ่ว่าHumanity Research Consultancy คาดการณ์กัมพูชามีรายได้จาก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คิดเป็น 40-60% ของ GDP หรือประมาณ 1.2-1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กัมพูชา ประเทศเพื่อนบ้านที่ถูกหลายประเทศเฝ้าระวังเนื่องจากมีโอกาสเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อันเนื่องมาจากการเอื้อประโยชน์ระหว่างภาครัฐฯ อาชญากร และทุนสีเทาจากต่างประเทศ เศรษฐกิจในเบื้องหน้าของกัมพูชา ถูกผลักดันด้วยภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ด้วยสัดส่วนร้อยละ 30 ของ GDP ประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิตสิ่งทอ ที่เป็นสินค้าส่งออกหลัก และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกัมพูชาที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นกว่า 5.6% ในปี 2567 รูปที่ 1: เปรียบเทียบโครงสร้าง GDP กัมพูชาปี 2566 และรายได้จากธุรกิจสแกมเมอร์ อีกทั้งกระแสของการลงทุนจากต่างชาติที่เริ่มไหลเข้ามาลงทุนในกัมพูชามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการลงทุนจากประเทศจีนภายใน 10 ปีให้หลังมานี้ ที่คิดเป็นกว่า 61% ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กล่าวมานี้ล้วนแล้วแต่เป็นแรงผลักดันให้กัมพูชามีการเติบโตทางการค้าและการลงทุนมากยิ่งขึ้น แต่ในอีกมุมึง กัมพูชาก็กำลังเติบโตผ่านการเป็นศูนย์กลางของธุรกิจสีเทา ที่ได้รับการเอื้อประโยชน์จากผู้มีอำนาจหรือแม้กระทั่งการปิดตาข้างนึงจากคนบางกลุ่มของฝั่งของรัฐบาลกัมพูชาเอง รายงานของ Humanity Research Consultancy ระบุว่ารายได้จากอาชญากรรมไซเบอร์ของกัมพูชาอาจมีมากถึง 1.2 – 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงจนน่าตกใจ เนื่องจากรายได้ดังกล่าวนี้หากคิดเป็นสัดส่วนอาจสูงกว่า 40% ของ GDP สะท้อนถึงอุตสาหกรรมผิดกฎหมายที่มีขนาดใหญ่ และหากตัวเลขดังกล่าวเป็นจริงอาจหมายถึงขนาดของอุตสาหกรรมฉ้อฉลที่ใหญ่มากกว่า GDP ของภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมของกัมพูชารวมกัน อุตสาหกรรมอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่มีขนาดใหญ่ได้ขนาดนี้ จะไม่สามารถเติบโตได้เลยหากไม่มีการเอื้อประโยชน์จากผู้มีอำนาจ เครือข่ายอุปถัมภ์ หรือแม้กระทั้งอาจมีคนในรัฐบาลบางส่วนที่เพิกเฉยและชี้ว่าไม่มีการดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย หรือแม้กระทั่งการให้การสนับสนุน อีกทั้งทุนสีเทาจากจีนที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการเข้ามาลงทุนในโครงการหรือเข้ามาผ่านบริษัทนอมินี เพื่อใช้ช่องโหว่และโอกาสในการแสวงหาผลประโยชน์จากอุตสาหกรรมผิดกฎหมายนี้ ตลอดจนโอกาสในการใช้ประโยชน์จากธุรกิจกาสิโนที่มีอยู่เดิมในการเป็นแหล่งฟอกเงินผิดกฎหมาย ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยให้เครือข่ายเหล่านี้สามารถขยายตัวอย่างรวดเร็วได้ภายในเวลาไม่นาน อาชญากรรมผิดกฎหมาย และธุรกิจสีเทา ไม่จะเป็นธุรกิจสแกม การฟอกเงิน ตลอดจนการค้ามนุษย์ ในกัมพูชา อาจสร้างผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และความเชื่อมั่นของนานาประเทศ จากการดึงแรงงานผิดกฏหมายจากหลายแห่งเข้ามา และการไหลออกของเงินสีเทาที่กระจายไปภายนอก ล่าสุดรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาคว่ำบาตรบริษัทในกัมพูชาที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน โดยบริษัทที่ถูกกล่าวหาว่าฟอกเงินมีชื่อว่า “Huione Group” บริษัทนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับคาสิโนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองพระสีหนุ ซึ่งเป็นเมืองท่าชายฝั่งทะเลของกัมพูชา อีกทั้งยังมีข้อกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ ธนาคารเถื่อน ที่เป็นศูนย์กลางในการฟอก และโยกย้ายเงินทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย และสหรัฐฯ ยังแสดงท่าทีตอบโต้ทางการค้ากับกัมพูชา ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากกัมพูชากว่า 49% ซึ่งนับว่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับการขึ้นภาษีต่อประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังขึ้นภาษีสินค้าจากบริษัทที่เป็นนอมินีจากจีน โดยได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าประเภทแผงโซลาร์เซลล์จากกัมพูชาในอัตราสูงสุดถึง 3,521% ซึ่งส่วนนึงเป็นแนวทางการลดการขาดดุลทางการค้ากับกัมพูชา แต่อีกนัยนึงก็อาจเป็นการปิดช่องโหว่ในการสวมสิทธิกัมพูชาในการส่งออกสินค้าของจีน และลดการไหลออกของกระแสเงินทุนสีเทาภายในกัมพูชา   อ้างอิง : Humanity research consultancy, Salika, KResearch, Trading Economics, พามาเบิ่ง🧐การค้าชายแดนไทย – กัมพูชาเสี่ยงชะลอตัว หากต้องปิดด่านระยะยาว ‘สามเหลี่ยมมรกต อุบลราชธานี’ ชายแดนสามเส้า ไทย – ลาว – กัมพูชา

Cambodia อาจเป็น (S)cambodia เมื่ออุตสาหกรรม Scam มีรายได้กว่า 40% ของ GDP กัมพูชา อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ปลดล็อกศักยภาพ เปิดมูลค่าลงทุน 3 จังหวัด SEZ อีสาน ประตูเศรษฐกิจสู่ GMS

หมวด หน่วย นครพนม หนองคาย มุกดาหาร จำนวนธุรกิจจดทะเบียนใหม่ปี 2567 แห่ง 68 123 117 มูลค่าทุนจดทะเบียนปี 2567 ล้านบาท 100 164 476 จำนวนธุุรกิจทั้งหมด แห่ง 910 1475 1160 มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม ล้านบาท 3864 7104 10069 ผลประกอบการงบการเงิบปี 2566 ธุรกิจ ขายยานพาหนะ การผลิตสุรากลั่น ขายส่งผักผลไม้ มูลค่า (ล้านบาท) 4805 4359 7441 ธุรกิจ ขายเชื้อเพลิงยานยนต์ ขายยานพาหนะ ขายสินค้าทั่วไป มูลค่า (ล้านบาท) 2124 2126 3276 ธุรกิจ ขายสินค้าทั่วไป ขายเครื่อวจักรทางการเกษตร การผลิตน้ำตาล มูลค่า (ล้านบาท) 1933 1265 3075 ต่างชาติที่ลงทุนสูงสุด ประเทศ ลาว จีน จีน ทุนจดทะเบียน 54 43 14 ประเทศ อเมริกัน ลาว มาเลเซีย ทุนจดทะเบียน 20 33 9 ประเทศ สิงคโปร์ ฝรั่งเศส ลาว ทุนจดทะเบียน 3 5 7 เขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone: SEZ) คือ พื้นที่ที่รัฐบาลกำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะ เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการลงทุน การค้าชายแดน และการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยรัฐจะให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่เหล่านี้เป็นพิเศษ เช่น การยกเว้นหรือลดหย่อนภาษี การผ่อนคลายกฎหมายแรงงานต่างด้าว การอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากร ตลอดจนการจัดตั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพื่อลดความซ้ำซ้อนและขั้นตอนทางราชการในการดำเนินธุรกิจ ประเทศไทยเริ่มผลักดันแนวคิดการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างจริงจังในปี 2541 โดยมีจุดเริ่มต้นจากแนวคิด “ระเบียงเศรษฐกิจ” (Economic Corridor) ซึ่งธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) โดยการผลักดันพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเพื่อการเปลี่ยนระเบียงการขนส่ง (Transport Corridors) ให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มการเชื่อมโยงการค้า การลงทุน และการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกในภูมิภาค ต่อมาในปี 2556 คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมในการจัดตั้ง SEZ เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยมีเป้าหมายให้ SEZ เป็นเครื่องมือกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจจากศูนย์กลางไปยังพื้นที่ชายแดน ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภูมิภาค

พามาเบิ่ง ปลดล็อกศักยภาพ เปิดมูลค่าลงทุน 3 จังหวัด SEZ อีสาน ประตูเศรษฐกิจสู่ GMS อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top