SHARP ADMIN

พามาเบิ่ง Top 5 อุตสาหกรรม แรงงานนอกระบบของไทย

จำนวนแรงงานในตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้ง 9,712,273 คน โดยมีแรงงานในระบบ 2,290,872 คน แต่กลับมีแรงงานนอกระบบสูงถึง 7,421,401 คน จะพบว่าภาคอีสานมีแรงงานนอกระบบมากที่สุดอันดับ 1 ของประเทศ โดยเมื่อนำมาคิดสัดส่วนแรงงานนอกระบบในแต่ละภูมิภาคเทียบกับจำนวนแรงงานนอกระบบทั้งประเทศที่ 20,957,666 คน จะได้ ดังนี้ อีสาน 7,421,401 คน (35.4%) กลาง 4,918,196 คน (23.5%) เหนือ 4,295,682 คน (20.5%) ใต้ 2,937,453 คน (14.0%) กทม. 1,384,934 คน (6.6%) ภาคกลาง อุตสาหกรรม  จำนวนแรงงานนอกระบบ (คน) %เทียบกับทั้งภาค  เกษตรกรรม การป่าไม้และการประมง        1,711,268 26% การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมยานยนต์        1,608,275 25% ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร        1,104,113 17% การขนส่ง สถานที่เก็บสินค้าฯ            538,041 8% การผลิต            482,232 7%   ภาคเหนือ   อุตสาหกรรม  จำนวนแรงงานนอกระบบ (คน)  %เทียบกับทั้งภาค  เกษตรกรรม การป่าไม้และการประมง            2,779,065 65% การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมยานยนต์              530,865 12% ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร              251,482 6% การผลิต              221,281 5% การก่อสร้าง          […]

พามาเบิ่ง Top 5 อุตสาหกรรม แรงงานนอกระบบของไทย อ่านเพิ่มเติม »

3 อันดับโรงเรียน ส่งลูกศิษย์พิชิต ม.ขอนแก่น มากที่สุด

(1) ISAN Insight & Outlook พาชมสถิติเด็กปี 1 มข. ปี 2567 มาจากโรงเรียนไหนกันบ้าง รวมถึงแสดงจำนวนว่าแต่ละโรงเรียนมีเด็กนักเรียนมาเรียนต่อจำนวนมากเท่าใด.ภูมิภาคหลักของนักศึกษายังมาจากอีสานเป็นหลัก โดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่นที่เป็นสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ตามด้วยจังหวัดหัวเมืองใหญ่ในอีสานเป็นหลัก นอกจากนี้ในภูมิภาคอื่น มาจากกรุงเทพฯ เป็นหลัก ตามด้วยหัวเมืองใหญ่ในภาคต่าง ๆ เช่น ชลบุรี เชียงใหม่.ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนนักเรียนที่เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นในปี 2567 สะท้อนถึงศักยภาพของโรงเรียนต่างๆ ในการส่งเสริมให้นักเรียนก้าวสู่ระดับอุดมศึกษา อย่างไรก็ตาม การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะการปฏิวัติดิจิทัล (Digital Revolution) ที่กำลังพลิกโฉมตลาดแรงงานอย่างรวดเร็ว.ดังนั้น การเตรียมความพร้อมให้มีทักษะที่จำเป็นในยุคตลาดแรงงานดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากตลาดแรงงานไทยยังต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกดิจิทัล (Digital revolution) ที่มาแรงมาเร็ว..ทักษะอะไรต้องมีสำหรับงานอนาคตรายงาน Future of Jobs Report 2025 จาก World Economic Forum เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดแรงงานในอนาคต ระบุว่า การคิดเชิงวิเคราะห์ ยังคงเป็นทักษะหลักที่เป็นที่ต้องการมาก เป็นสิ่งจำเป็นในปี 2025 ตามมาคือทักษะด้านความยืดหยุ่น การปรับตัว และความเป็นผู้นำ.ส่วนทักษะที่มาแรง และเป็นที่ต้องการมากที่สุด คือ AI และ Big Data ตามมาด้วยทักษะความรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และความรู้ด้านเทคโนโลยี นอกจากนี้ ทักษะที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ ความอยากรู้อยากเห็น การปรับตัวเก่ง การเรียนรู้เร็ว และไฝ่รู้ตลอดชีวิต จะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปี 2025 – 2030.ตลาดแรงงานกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยอิทธิพลของ AI, Big Data และพลังงานหมุนเวียน ที่เข้ามาพลิกโฉมวิถีการทำงานในช่วงปี 2025 – 2030 งานบางประเภทจะหายไป ขณะที่อาชีพใหม่ ๆ จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม..(2) เรียนจบไวใน 3 ปี! เทรนด์ใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่อยากนำหน้าในยุค Data & AIถ้าพูดถึงอนาคตของตลาดแรงงาน หนึ่งในทักษะที่ทุกบริษัทต้องการมากที่สุดหนีไม่พ้น Data & AI เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้กำลังเข้ามาปรับเปลี่ยนทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่การเงิน สุขภาพ ไปจนถึงธุรกิจสตาร์ทอัพ.แล้วเราจะสามารถก้าวทันโลกยุคใหม่ได้ยังไงในยุคที่เทคโนโลยี Data Analytics และ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนทุกอุตสาหกรรม การก้าวทันโลกยุคใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็น เทรนด์การศึกษาในปัจจุบันจึงมุ่งเน้นไปที่การเรียนจบไว พร้อมกับการเตรียมทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในตลาดแรงงานในอนาคต โดยต้องเป็นการเรียนรู้เครื่องมือที่ใช้งานจริง แทนการนั่งฟังบรรยายเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงผ่าน Project-Based Learning, Case Study ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก โลกการทำงานยุคใหม่ต้องการมากกว่าความรู้ในห้องเรียน และการเรียนรู้ที่ตรงจุด จะทำให้คุณก้าวล้ำกว่าคนอื่นได้เร็วยิ่งขึ้น..ปรับตัวให้เร็ว เพราะอนาคตไม่รอใครจากข้อมูลแนวโน้มแรงงานโลก คาดว่า 22% ของงานทั้งหมดจะเปลี่ยนไปภายในปี 2030 ใครที่ปรับตัวได้เร็ว มีทักษะด้าน AI,

3 อันดับโรงเรียน ส่งลูกศิษย์พิชิต ม.ขอนแก่น มากที่สุด อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง 4 มหาลัยดังในอีสาน 👩🏻‍🎓🤎

พามาเบิ่ง 4 มหาลัยดังในอีสาน ..ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการศึกษาและวิจัย สี่มหาวิทยาลัยที่โดดเด่น ได้แก่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.)ก่อตั้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2509 เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีชื่อเสียงด้านการวิจัยและการเรียนการสอนในหลากหลายสาขา โดยเฉพาะด้านการแพทย์ วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเกษตรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยมีโรงพยาบาลศรีนครินทร์เป็นโรงพยาบาลหลักในการฝึกอบรมและให้บริการทางการแพทย์.มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.)เริ่มต้นจากวิทยาลัยวิชาการศึกษา มหาสารคาม ในปี พ.ศ. 2511 และได้รับการยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2537 มมส. มีความโดดเด่นด้านมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการศึกษาพื้นเมือง โดยมุ่งเน้นการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.)ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐที่เน้นการเรียนการสอนและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มทส. มีระบบการเรียนการสอนที่ทันสมัย มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมและงานวิจัยที่ตอบสนองต่อความต้องการของประเทศ.มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (มอบ.)ก่อตั้งเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 มอบ. มุ่งเน้นการพัฒนาท้องถิ่นและการวิจัยที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน มีความโดดเด่นด้านเกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาธารณสุขทั้งสี่มหาวิทยาลัยนี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นและประเทศ โดยมุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ การวิจัยที่มีประโยชน์ และการบริการวิชาการที่ตอบสนองต่อความต้องการของสังคม.หมายเหตุ: ข้อมูลปี 2566.อ้างอิงจาก:เว็บไซต์ของมหาลัย.ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่https://linktr.ee/isan.insight.#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #มหาวิทยาลัยขอนแก่น#มข #มหาวิทยาลัยมหาสารคาม #มมส #มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี #มทส #มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี #มอบ

พามาเบิ่ง 4 มหาลัยดังในอีสาน 👩🏻‍🎓🤎 อ่านเพิ่มเติม »

🎓พาเปิดโผ 5 คณะที่มีนักศึกษาปี 1 มากสุด แต่ละมหาวิทยาลัยชั้นนำในอีสาน ปี 67📚

พาเปิดโผ 5 คณะที่มีนักศึกษาปี 1 มากสุดแต่ละมหาวิทยาลัยชั้นนำในอีสาน ปี 67..การก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัยถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเยาวชน การตัดสินใจเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรีจึงสะท้อนถึงความมุ่งหวังและความฝันในอนาคต ข้อมูลนักศึกษาใหม่ปี 2567 จากมหาวิทยาลัยชั้นนำในภาคอีสาน แสดงให้เห็นถึงทิศทางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งล้วนมีเอกลักษณ์ ความโดดเด่น และแนวทางการพัฒนาที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของนักศึกษาและสังคมที่หลากหลาย.การเลือกมหาวิทยาลัยจึงเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ขึ้นอยู่กับความสนใจและเป้าหมายของแต่ละคน มหาวิทยาลัยในภาคอีสานทุกแห่งล้วนเป็นแหล่งบ่มเพาะความรู้ พร้อมที่จะสนับสนุนให้เยาวชนก้าวไปสู่อนาคตที่สดใส และร่วมสร้างสรรค์สังคมให้ดียิ่งขึ้น..มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ศูนย์กลางแห่งภูมิปัญญาอีสาน สู่ความเป็นเลิศระดับสากล.ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มข. ได้ก้าวขึ้นเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ให้ความรู้ แต่ยังเป็นแหล่งบ่มเพาะนักคิด นักวิจัย และผู้นำในหลากหลายสาขา มข. ยังให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา ทำให้เกิดผลงานวิจัยที่โดดเด่นและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ..มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ผู้นำด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งภาคอีสาน.เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่โดดเด่นในด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี ด้วยหลักสูตรที่ทันสมัยและเน้นการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ มทส. จึงเป็นแหล่งผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน นอกจากนี้ มทส. ยังเป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์..มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) แหล่งรวมศาสตร์แห่งอีสาน สู่การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน.เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่โดดเด่นในด้านความหลากหลายทางวิชาการและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน ด้วยคณะและสาขาวิชาที่ครอบคลุมทุกสาขา มมส. จึงเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ตอบสนองความต้องการของนักศึกษาที่มีความสนใจที่แตกต่างกัน มหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการให้ความรู้ทางวิชาการ แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนผ่านโครงการและกิจกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภาคอีสาน..มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ม.อุบลฯ): มุ่งเน้นการพัฒนาท้องถิ่น ด้วยการเรียนรู้แบบบูรณาการ.เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มุ่งเน้นการพัฒนาท้องถิ่น ด้วยหลักสูตรที่ตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและชุมชน นอกจากนี้ ม.อุบลฯ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาอย่างยั่งยืน. โลกกำลังหมุนเร็วขึ้นทุกวินาที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาถึงของการปฏิวัติดิจิทัล (Digital Revolution) ที่กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของตลาดแรงงานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การเตรียมความพร้อมด้วยทักษะที่จำเป็นในยุคดิจิทัลจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะตลาดแรงงานไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลที่มาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ . รายงาน Future of Jobs Report 2025 จาก World Economic Forum ได้ฉายภาพอนาคตของตลาดแรงงานไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า “การคิดเชิงวิเคราะห์” ยังคงเป็นทักษะหลักที่ตลาดต้องการมากที่สุดในปี 2025 ตามมาด้วยทักษะที่สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวและความเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่องค์กรต่างๆ มองหาในบุคลากร . อย่างไรก็ตาม ทักษะที่กำลังมาแรงและเป็นที่ต้องการอย่างมากคือ “AI และ Big Data” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามามีบทบาทในทุกอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ความรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และความรู้ด้านเทคโนโลยีก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ในขณะเดียวกัน ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ ความอยากรู้อยากเห็น การปรับตัว และการเรียนรู้ตลอดชีวิต จะทวีความสำคัญมากขึ้นในช่วงปี 2025-2030 . ตลาดแรงงานกำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมี AI, Big Data และพลังงานหมุนเวียนเป็นตัวเร่งสำคัญที่กำลังพลิกโฉมวิธีการทำงานในช่วงปี 2025-2030 งานบางประเภทอาจหายไป แต่ในขณะเดียวกัน อาชีพใหม่ๆ ก็จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม . ดังนั้น การเตรียมความพร้อมให้มีทักษะที่จำเป็นในยุคตลาดแรงงานดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากตลาดแรงงานไทยยังต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกดิจิทัล (Digital revolution) ที่มาแรงมาเร็ว . เรียนจบไวใน 3 ปี! เทรนด์ใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่อยากนำหน้าในยุค Data & AI ถ้าพูดถึงอนาคตของตลาดแรงงาน หนึ่งในทักษะที่ทุกบริษัทต้องการมากที่สุดหนีไม่พ้น

🎓พาเปิดโผ 5 คณะที่มีนักศึกษาปี 1 มากสุด แต่ละมหาวิทยาลัยชั้นนำในอีสาน ปี 67📚 อ่านเพิ่มเติม »

ม.ขอนแก่น สร้าง KKU IntelSphere ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหว🆘 รัศมีรอบ มข. 2000 กม. ผ่าน Google Chat นศ. บุคลากร ศิษย์เก่าใช้ได้🆓

ฝ่ายการศึกษาและดิจิทัล มหาวิทยาลัยขอนแก่น เดินหน้าใช้ระบบอัจฉริยะ KKU IntelSphere ออกแบบ KKU Emergency Alert แจ้งเตือนแผ่นดินไหวพิกัดไม่เกิน 2,000 กิโลเมตรจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นผ่าน Google Chat  จากกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูดในประเทศเมียนมา โดยแรงสั่นสะเทือนบางส่วนรับรู้ได้ถึงประเทศไทย รวมถึงในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น โดยเฉพาะภายในอาคารสูงของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุด วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 ผศ.ดร.เด่นพงษ์ สุดภักดี รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษาและดิจิทัล มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้นำเทคโนโลยี KKU IntelSphere มาประยุกต์ใช้ในการสร้างระบบแจ้งเตือนภัยแผ่นดินไหว KKU Emergency Alert โดยดึงข้อมูลจาก U.S. Geological Survey (USGS) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้ในการส่งการแจ้งเตือนผ่านระบบ KKU Google Chat สำหรับ KKU Emergency Alert ตั้งค่าระยะห่างรัศมีการแจ้งเตือนไว้ที่ 2,000 กิโลเมตรจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมกำหนดระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่ต้องการให้มีการแจ้งเตือน เบื้องต้นตั้งไว้ที่ 4.5 แมกนิจูด และอาจปรับเพิ่มเป็น 6.5 แมกนิจูดในอนาคต โดยระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูลทุก ๆ 1 นาที เพื่อให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ผศ.ดร.เด่นพงษ์ เน้นย้ำว่า เนื่องจาก LINE ถูกใช้สำหรับการสื่อสารทั่วไป และอาจทำให้เกิดความสับสนได้หากส่งแจ้งเตือนไป จึงเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ เช่น Google Chat หรือ Telegram เพื่อแยกแยะการสื่อสารทั่วไปและสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างชัดเจน สำหรับบุคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ต้องการเข้าร่วมระบบแจ้งเตือนนี้ สามารถเข้าไปที่หน้าอีเมล KKU จากนั้นเลือก “Chat” และคลิก “Browse Spaces” แล้วพิมพ์ค้นหาด้วยคำว่า “Emergency” เพื่อเข้าร่วมกลุ่ม หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Google Chat ผ่านลิงก์นี้ KKU Staff: https://kku.world/emergency และ KKU Student: https://kku.world/stdemergency ลงในโทรศัพท์มือถือเพื่อความสะดวกในการรับการแจ้งเตือน  

ม.ขอนแก่น สร้าง KKU IntelSphere ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหว🆘 รัศมีรอบ มข. 2000 กม. ผ่าน Google Chat นศ. บุคลากร ศิษย์เก่าใช้ได้🆓 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง 👀☕️ สถานการณ์การปลูกกาแฟในอีสาน ปี 2567

พามาเบิ่ง สถานการณ์การปลูกกาแฟในอีสาน . การปลูกกาแฟในภาคอีสานของประเทศไทยเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าภาคนี้จะไม่ได้เป็นแหล่งปลูกกาแฟหลักของประเทศเหมือนภาคเหนือและภาคใต้ แต่ก็มีความพยายามในการส่งเสริมและพัฒนาการปลูกกาแฟในพื้นที่นี้ เนื่องจากมีบางพื้นที่ที่มีสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศเหมาะสมต่อการปลูกกาแฟ เช่น พื้นที่ภูเขาในจังหวัดเลย ชัยภูมิ ปัจจัยที่สนับสนุนการปลูกกาแฟในภาคอีสาน ได้แก่: 1.สภาพอากาศ: พื้นที่สูงในบางจังหวัดของภาคอีสานมีอากาศเย็นในฤดูหนาว ซึ่งเหมาะสมกับการปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า ที่ต้องการอุณหภูมิไม่ร้อนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่ต้องมีอากาศเย็น 2.การพัฒนาสายพันธุ์และวิธีการปลูก: การสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานเกษตรในพื้นที่เพื่อพัฒนาสายพันธุ์กาแฟให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการเพาะปลูก ทำให้เกษตรกรสามารถผลิตกาแฟที่มีคุณภาพได้ 3.การส่งเสริมจากรัฐบาลและชุมชนท้องถิ่น: มีโครงการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจใหม่ในภาคอีสาน ซึ่งกาแฟเป็นหนึ่งในพืชที่ได้รับการส่งเสริม เนื่องจากเป็นพืชที่มีตลาดรองรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ 4.การปลูกแบบผสมผสาน: เกษตรกรในภาคอีสานบางส่วนใช้การปลูกกาแฟร่วมกับพืชชนิดอื่น ๆ เช่น ไม้ผลหรือพืชสมุนไพร ทำให้เกิดการเกษตรที่ยั่งยืนและมีรายได้เสริมจากหลายแหล่ง . ถึงแม้ว่าการปลูกกาแฟในภาคอีสานยังอยู่ในระยะเริ่มต้นเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น แต่ก็มีศักยภาพที่จะเติบโตและกลายเป็นแหล่งผลิตกาแฟใหม่ของประเทศไทยในอนาคต . . หมายเหตุ : ข้อมูลปี 2567 . อ้างอิงจาก: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พาส่องเบิ่ง ราคาเมล็ดกาแฟโลกทำลายสถิติ! “ไทย-เวียดนาม” ส่งออกพุ่งทะยาน ในขณะที่เวียดนามที่เป็นผู้ส่งออกกาแฟอันดับที่ 2 ของโลก โดยเฉพาะเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้าที่เวียดนามขึ้นชื่อ พาส่องเบิ่ง ตลาดกาแฟประเทศเวียดนามเป็นจั่งใด๋แหน่ . . ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #กาแฟอีสาน #ปลูกกาแฟอีสาน #กาแฟดงมะไฟ #ธุรกิจกาแฟอีสาน  

พามาเบิ่ง 👀☕️ สถานการณ์การปลูกกาแฟในอีสาน ปี 2567 อ่านเพิ่มเติม »

🇹🇭ไทย ถูกจัดเป็นประเทศ “Dirty 15” ที่ทรัมป์เล็งจ่อขึ้นภาษี เหตุไทยติดTop10 ส่งออกเกินดุลสหรัฐฯ🇺🇸 และมี🇨🇳ทุนจีนย้ายมาตั้งฐานส่งออกในโควต้าไทย

แนวโน้ม ‘ไทย’ ถูกดึงเข้าเกมภาษีทรัมป์ 2 [สหรัฐฯ จัดไทยเข้ากลุ่ม ’15 สกปรก’ ไทยเกินดุลสหรัฐฯ Top10] .รมว.คลังสหรัฐฯ นิยามกลุ่มประเทศที่ได้ดุลการค้าสหรัฐฯ มหาศาลว่า คือกลุ่ม 15 สกปรก คือ ‘Dirty 15’ โดยอธิบายว่า เป็นประเทศที่คิดเป็น 15% ของชาติคู่ค้าทั้งหมดของสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับประเทศเหล่านี้เป็นจำนวนมหาศาล โดยน่าจะมีอยู่ราว 10-15 ประเทศ.ในเวลาต่อมามีการเปิดเผยรายชื่อของ Dirty 15 ได้แก่ จีน สหภาพยุโรป เม็กซิโก เวียดนาม ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา อินเดีย ไทย สวิตเซอร์แลนด์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย กัมพูชา แอฟริกาใต้.จะเห็นได้ว่า มีหลายประเทศในอาเซียนที่เข้าข่ายกลุ่มประเทศ 15 สกปรกของประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย กัมพูชา รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย.ถ้าดูเฉพาะประเทศไทย สถิติเมื่อปีที่แล้วพบว่า ไทยเกินดุลการค้าอเมริกาด้วยตัวเลขถึง 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ติดท็อปเท็น โดยอยู่ในอันดับ 10 เทียบกับชาติอาเซียนด้วยกัน อาจน้อยกว่าเวียดนาม ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 แต่ไทยก็เกินดุลสหรัฐฯ ในปริมาณที่มากกว่ามาเลเซียกับอินโดนีเซียพอสมควร.นี่เป็นอันดับที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เราอยู่ในอันดับที่ 12 ซึ่งยิ่งอันดับสูง ก็ยิ่งไม่ใช่ผลดี เพราะมีความเสี่ยงที่รัฐบาลสหรัฐฯ จับตาไทยมากขึ้น. [ความเห็นผู้แทนการค้า ตอกย้ำ ‘ไทย’ อยู่ในเรดาร์อเมริกาขึ้นภาษี] .แต่นอกจากสถิติตัวเลขการค้า ที่สะท้อนข้อเท็จจริงว่าไทยตกอยู่ในความเสี่ยง 10 อันดับแรกอยู่แล้ว ยิ่งตอกย้ำด้วยความเห็นของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ที่ระบุถึงประเทศไทยโดยตรง.เอกสารความเห็นของสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐอเมริกา (USTR) เป็นความเห็นที่ลงวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา อธิบายถึงนโยบายการค้า ‘America First’ ที่เน้นไปถึงการดำเนินการกับประเทศที่อเมริกามองว่า ดำเนินการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ เพื่อหามาตรการที่เหมาะสมกับประเทศนั้นๆ ต่อไป.สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เพื่อรวบรวมข้อมูลแบบรายประเทศ และอาจเป็นการค้าที่ทำร้ายหรือสร้างความเสียหายทั้ง ความเสียหายที่แท้จริงหรือความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อแรงงานอเมริกัน โรงงาน เกษตรกร ฟาร์มปศุสัตว์ ผู้ประกอบการ และภาคธุรกิจของอเมริกา.จากการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ สรุปว่า จะให้ความสนใจกับกลุ่มประเทศ เช่นกลุ่ม G20 รวมถึงประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า โดยยกตัวอย่างประเทศดังต่อไปนี้ ได้แก่ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา จีน สหภาพยุโรป อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน

🇹🇭ไทย ถูกจัดเป็นประเทศ “Dirty 15” ที่ทรัมป์เล็งจ่อขึ้นภาษี เหตุไทยติดTop10 ส่งออกเกินดุลสหรัฐฯ🇺🇸 และมี🇨🇳ทุนจีนย้ายมาตั้งฐานส่งออกในโควต้าไทย อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดโผ 15 มหาวิทยาลัยอีสานที่รับน้องศึกษาใหม่มากที่สุด ปี 67

  . จากข้อมูลการยื่นเข้าปีการศึกษา 2567 ของ #dek67 ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้ง 4 รอบ (TCAS) ISAN Insight ได้รวบรวมข้อมูลทั้ง 15 มหาวิทยาลัยมาให้ทุกท่าน ทั้งนี้จำนวนที่นักศึกษาปี 1 ที่เข้าศึกษาทึกระดับการศึกษาทั้ง ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ระดับปริญญาเอก ที่ปรากฏอยู่นี้ ไม่ได้การันตีถึงคุณภาพ หรือ ความนิยม เพราะจำนวนนักศึกษาแต่ละมหาวิทยาลัยนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้ง โควต้าจำนวนที่เปิดรับของแต่ละคณะ  คะแนนของแต่ละคณะในแต่ละรอบที่นักศึกษายื่น  จำนวนนักศึกษาที่ยื่นในแต่ละคณะที่อาจมียื่นเกินโควต้าที่รับ หรือน้อยกว่าโควต้าที่รับ  คณะ สาขา หรือ หลักสูตรเปิดรับ อาจมีจำกัดในเพียงมหาวิทยาลัยเท่านั้น .   จังหวัด มหาวิทยาลัย จำนวนนักศึกษาเข้าใหม่ มหาสารคาม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 14,435 คน ขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น 9,299 คน อุบลราชธานี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 5,013 คน นครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 4,917 คน นครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา 4,608 คน อุบลราชธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี 4,507 คน นครราชสีมา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 4,111 คน อุดรธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 4,015 คน นครพนม มหาวิทยาลัยนครพนม 2,875 คน สกลนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร 2,638 คน บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ 2,554 คน ขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน  วิทยาเขตขอนแก่น 2,259 คน สกลนคร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ สกลนคร 2,112 คน มหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 2,078 คน เลย มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย 1,881 คน หมายเหตุ: เป็นข้อมูลจำนวนนักศึกษาใหม่ ปี 2567 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ “อีสาน” เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการศึกษา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะและศักยภาพรองรับอุตสาหกรรมในอนาคต ล่าสุดจากข้อมูลของปี 2567 พบว่า 15 มหาวิทยาลัยในภาคอีสานมีจำนวนนักศึกษาใหม่เข้าศึกษาเป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการทางการศึกษาและการพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ขยายตัว มหาวิทยาลัย ศูนย์กลางของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีสาน จากข้อมูลจำนวนนักศึกษาใหม่ ปี 2567 พบว่า มหาวิทยาลัยมหาสารคามเป็นสถาบันการศึกษาที่มีนักศึกษาใหม่มากที่สุดในอีสานถึง 14,435 คน

พาเปิดโผ 15 มหาวิทยาลัยอีสานที่รับน้องศึกษาใหม่มากที่สุด ปี 67 อ่านเพิ่มเติม »

12 ตัวอย่าง ธุรกิจสุดฮิตในอดีต ที่เลือนหายตามกาลเวลา

หากจะกล่าวถึงอาชีพหรือธุรกิจสุดฮิตในอดีต ที่เลือนหายตามกาลเวลา ก็คงมีหลากหลายให้หลายคนนึกถึง ซึ่งอาชีพและธุรกิจในอดีตหลายอย่างได้สูญหายไปตามกาลเวลาด้วยสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้: ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี: เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่วิธีการทำงานแบบเดิม ๆ เช่น การเกิดขึ้นของเครื่องจักรในโรงงาน ทำให้แรงงานคนลดลง หรือการมาของอินเทอร์เน็ตทำให้ธุรกิจร้านเช่าวิดีโอหายไป ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในหลายอุตสาหกรรม ทำให้งานบางประเภทถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักร การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม: วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป ทำให้ความต้องการสินค้าและบริการบางอย่างลดลง เช่น การที่คนหันมาดูหนังออนไลน์ ทำให้โรงภาพยนตร์แบบสแตนด์อโลนน้อยลง ค่านิยมและความสนใจของผู้คนเปลี่ยนไป ทำให้ธุรกิจบางประเภทไม่ได้รับความนิยมเหมือนในอดีต การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ: การแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจแบบดั้งเดิมไม่สามารถแข่งขันได้ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ธุรกิจบางประเภทต้องปิดตัวลง การเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายและนโยบาย: กฎหมายและนโยบายใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม สุขภาพ หรือความปลอดภัย อาจทำให้ธุรกิจบางประเภทไม่สามารถดำเนินงานได้ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายแรงงานอาจส่งผลกระทบต่ออาชีพบางประเภท การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้บริโภคมีความต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้ธุรกิจแบบดั้งเดิมปรับตัวไม่ทัน ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าและบริการที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่จำกัดตัวเลือกไม่สามารถอยู่รอดได้   อาชีพทำนาเกลือ/บ่อเกลือ หรือ การทำเกลือสินเธาว์ อาชีพทำบ่อเกลือในภาคอีสาน หรือที่เรียกกันว่า “การทำเกลือสินเธาว์” เป็นอาชีพเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน โดยมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างจากการทำนาเกลือทะเล ลักษณะการทำบ่อเกลือสินเธาว์: แหล่งที่มาของเกลือ: เกลือสินเธาว์ได้มาจากน้ำเกลือใต้ดิน ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในภาคอีสาน ชาวบ้านจะขุดบ่อลงไปในดิน เพื่อเอาน้ำเกลือขึ้นมา กระบวนการผลิต: น้ำเกลือที่ได้จะถูกนำมาต้มในกระทะใบบัวขนาดใหญ่ โดยใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง เมื่อน้ำระเหยออกไป เกลือจะตกผลึกและจับตัวเป็นก้อน จากนั้นชาวบ้านจะตักเกลือขึ้นมาใส่ใน “บาก” ซึ่งเป็นภาชนะสานจากไม้ไผ่ เพื่อให้เกลือสะเด็ดน้ำและแห้ง ช่วงเวลาการผลิต: การทำเกลือสินเธาว์มักทำในช่วงฤดูแล้ง ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน เนื่องจากเป็นช่วงที่น้ำในบ่อเกลือมีความเข้มข้นสูงสุด ความสำคัญทางวัฒนธรรม: การทำเกลือสินเธาว์เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนอีสาน เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน และมีการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น สถานการณ์ปัจจุบัน: แม้ว่าการทำเกลือสินเธาว์จะยังคงมีอยู่ แต่ก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม คนรุ่นใหม่จำนวนมากหันไปทำงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ ทำให้แรงงานในภาคเกษตรกรรมลดลง ในปัจจุบันได้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ในบริเวณบ่อเกลือ ทำให้มีรายได้เพิ่มจากการท่องเที่ยวอีกด้วย ตัวอย่างพื้นที่ทำบ่อเกลือสินเธาว์: อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ การทำบ่อเกลือสินเธาว์จึงเป็นอาชีพที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของภาคอีสาน และยังคงเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญสำหรับชุมชนในบางพื้นที่ 🔎พาเปิดเบิ่ง เกลือหิน (rock salt)🧂🪨ขุมสมบัติล้านปีแห่งแดนอีสาน หมาแลกคุ “ธุรกิจหมาแลกคุถัง” หมายถึง การค้าสุนัขในอดีตที่พ่อค้าจะขับรถเร่ไปตามหมู่บ้านในแถบภาคอีสานของประเทศไทย เพื่อแลกสุนัขกับสิ่งของเครื่องใช้ในครัวเรือน เช่น ถังน้ำพลาสติก (คุถัง) กะละมัง หรือสิ่งของอื่น ๆ ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจดังกล่าว: ที่มา: ธุรกิจนี้มีมานานหลายสิบปี โดยมีจุดเริ่มต้นจากการที่ชาวบ้านในชนบทบางส่วนมองว่าการค้าสุนัขเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ สุนัขที่ถูกนำมาแลกส่วนใหญ่มักเป็นสุนัขที่มีปัญหา เช่น สุนัขจรจัด สุนัขดุร้าย หรือสุนัขที่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของ กระบวนการ: พ่อค้าจะขับรถตระเวนไปตามหมู่บ้านเพื่อแลกสุนัขกับสิ่งของ เมื่อได้สุนัขจำนวนหนึ่งแล้ว จะนำไปขายต่อให้กับพ่อค้าคนกลาง หรือส่งไปยังโรงฆ่าสัตว์เพื่อนำเนื้อไปจำหน่าย ปลายทางส่วนใหญ่จะส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ผลกระทบ: ธุรกิจนี้สร้างความสะเทือนใจให้กับคนรักสัตว์จำนวนมาก เนื่องจากมองว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของนานาชาติ ปัจจุบันการค้าสุนัขได้ถูกต่อต้านและมีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อหยุดการกระทำดังกล่าว แม้ว่าในปัจจุบันธุรกิจนี้จะลดน้อยลงไปมาก

12 ตัวอย่าง ธุรกิจสุดฮิตในอดีต ที่เลือนหายตามกาลเวลา อ่านเพิ่มเติม »

🔎พาเปิดเบิ่ง เกลือหิน (rock salt)🧂🪨ขุมสมบัติล้านปีแห่งแดนอีสาน

พาเปิดเบิ่งเกลือหิน (rock salt)ขุมสมบัติล้านปีแห่งแดนอีสาน..ลำดับเหตุการณ์คร่าวๆ.เมื่อ 300-250 ล้านปีก่อน ช่วงตอนปลายของมหายุคเมโสโซอิก อีสานเคยเป็นทะเลมาก่อน ที่ราบสูงแห่งนี้เป็นที่ราบสูงขนาดใหญ่ของทวีปเป็นแอ่งทีมีการทับถมของตะกอน บางช่วงได้ยุบจมลง เป็นทะเลตื้น ๆ และเมื่อน้ำทะเลระเหย จึงตกตะกอนเป็นชั้นของเกลือหินแทรกอยู่ทั่วทั้งบริเวณที่ราบ.ต่อมาในมหายุคซีโนโซอิก เกิดการบีบตัวของเปลือกโลกทำให้เกิดรอยเลื่อนของเปลือกโลกขึ้นทางด้านตะวันตกและด้านใต้ของภาค แผ่นดินอีสานจะถูกยกตัวสูงขึ้นจากการชนของแผ่นทวีปอินเดียและยูเรเซีย เป็นที่อยู่อาศัยของไดโนเสาร์ ในขณะที่ภาคกลางยังเป็นทะเลอยู่.เกิดการเปลี่ยนสันฐานทางธรณี ระดับน้ำทะเลลด และภูมิประเทศเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่แร่ธาตุ น้ำทะเล เกลือ ไหลไปกองที่ก้นแอ่งโคราช และ แอ่งสกลนคร เป็น เกลือหิน นั้นเอง..เกลือหิน (อังกฤษ: rock salt) คือ ทรัพยากรแร่ตามธรรมชาติชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการตกตะกอนของน้ำทะเล เกลือหินที่พบในประเทศ ไทยแบ่งตามส่วนประกอบทางเคมีออกเป็น 2 ประเภทคือ.ส่วนที่เป็นเกลือแกง หรือที่รู้จักกันว่าเกลือสินเธาว์ เรียกว่าแร่ เฮไลต์ (Halite) มีองค์ประกอบทางเคมีคือ โซเดียมคลอไรด์ (NaCl) ประกอบด้วย คลอรีน (Chlorien) ร้อยละ 60.7 และ โซเดียม (Sodium) ร้อยละ 39.3 เกลือมีน้ำหนักโมเลกุลเท่ากับ 58.4 มีรูปผลึกแบบสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ใสไม่มีสีเมื่อบริสุทธิ์ แต่เมื่อมีมลทินจะมีสีขาว สีเทา สีน้ำตาล และสีส้ม มีความถ่วงจำเพาะ 2.165 ความแข็งตามสเกลของมอร์ (Moh’s Scale) 2.5 มีจุดหลอมตัวที่ 800.8 องศาเซลเซียส และน้ำเกลือจะเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งที่อุณหภูมิลบ 21.12 องศาเซลเซียส เกลือชนิดนี้มีประโยชน์ที่สำคัญนอกจากใช้ในการปรุงอาหารและถนอมอาหารแล้ว ยังมีประโยชน์อย่างมากในการใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหรรมหลายชนิดเช่นการทำโซดาไฟ (NaOH) โซดาแอช (Na2CO3).ส่วนที่มีส่วนประกอบของธาตุโปแตสเซียม อยู่ด้วยเรียกว่า เกลือโปแตส มีหลายชนิดด้วยกันเช่นแร่ ซิลไวท์ (Sylvite : KCl) แร่คาร์นัลไลท์ (Carnallite : KCl.MgCl2.6H2O) แร่เคนไนท์ (Kainite : MgSO4.KCl.3H2O) และแร่ แลงบิไนท์ (Langbenite : K2SO4.2MgSO4) เป็นต้น เกลือโปแตสมีประโยชน์ในการใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยเคมีโดยเนื่องจากมีธาตุ โปแตสเซียม (K) เป็นส่วนประกอบสำคัญ.เกลือหินพบมากในภาคอีสาน ซึ่งเป็นหลักฐานที่บ่งบอกว่า น้ำทะเลที่เคยไหลท่วมภาคอีสานและได้ถูกปิดกั้นด้วยเทือกเขาจากการยกตัวของเทือกเขาภูพานทางตอนกลางของภาคอิสาน ซึ่งได้ทำให้เกิดการแบ่งดินแดนอีสานเป็น 2 ส่วน ทำให้พบแร่เกลือหิน และแร่โปแตชชนิดคาร์นัลไลท์ จำนวนมาก บริเวณที่พบแร่เกลือหินและแร่โปแตช มีลักษณะเป็นแอ่งคล้าย ๆ ก้นกระทะ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แอ่ง คือ.แอ่งเหนือ หรือ แอ่งสกลนคร (Sakonnakhon Basin) อยู่ทางตอนเหนือ ของ ที่ราบสูงโคราช คลุมพื้นที่ของ จังหวัดอุดรธานี

🔎พาเปิดเบิ่ง เกลือหิน (rock salt)🧂🪨ขุมสมบัติล้านปีแห่งแดนอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top