SHARP ADMIN

ใครใหญ่สุดในขอนแก่น? ส่อง 10 บริษัทกำไรมหาศาลในขอนแก่น

ชื่อบริษัท วัตถุประสงค์ กำไร (ล้านบาท) %YoY รายได้ (ล้านบาท) %YoY บริษัท มอนเดลีซ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตและส่งออกหัวเชื้อผสมเครื่องดื่ม 380 -46.2 2,588 -10.6 บริษัท อินฟุส เมดิคัล จำกัด ผลิตเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ 355 11.0 1,143 6.2 บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น จำกัด โรงพยาบาล 177 3.4 1,256 10.1 บริษัท ซีนเมล็ดพันธุ์ จำกัด จัดการเมล็ดพันธุ์สำหรับการขยายพันธุ์ 174 0.0 763 8.5 บริษัท โรงพยาบาลราชพฤกษ์ จำกัด (มหาชน) โรงพยาบาล 173 -6.4 1,150 -2.4 บริษัท ขอนแก่นกรีนพาวเวอร์ จำกัด การผลิตไฟฟ้า 110 19.3 479 -1.9 บริษัท โรงพยาบาลขอนแก่น ราม จำกัด โรงพยาบาล 106 -48.2 853 -11.5 บริษัท โค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด จำหน่ายรถยนต์ใหม่ 104 -14.9 3,403 -36.2 บริษัท ไทยไปป์อีสาน จำกัด ผลิตและจำหน่ายท่อพีวีซี 87 11.6 665 42.8 บริษัท แกรนด์ อินเตอร์ ฟูดส์ จำกัด ผลิตอาหารปรุงสำเร็จ 81 26.4 608 12.4   หมวดธุรกิจที่มีกำไรสูงในภาคอีสาน การผลิตลูกกวาดและขนมจากน้ำตาล โรงพยาบาลเอกชน การขายรถยนต์ใหม่ การผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า เมื่อพูดถึงภาคอีสานจังหวัดแรกๆ ที่ผู้คนมักจะถูกนึกถึงก็คือ ขอนแก่น ไม่เพียงเพราะตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของภูมิภาคในเชิงภูมิศาสตร์เท่านั้น แต่ขอนแก่นยังมีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางของหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การศึกษา การแพทย์ การคมนาคมขนส่ง รวมถึงการเป็นศูนย์ราชการระดับภูมิภาค บทบาทเหล่านี้ส่งผลให้ขอนแก่นกลายเป็นจังหวัดที่มีความเคลื่อนไหวของผู้คนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากประชากรในพื้นที่ นักศึกษา แรงงาน และนักลงทุนจากภายนอกที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย การสัญจรที่คล่องตัว และการเชื่อมโยงกับเมืองอื่นๆ ทั้งทางถนน ราง และอากาศ ที่ยิ่งตอกย้ำสถานะของขอนแก่นในฐานะเมืองศูนย์กลางของอีสาน ข้อมูลในปี 2566 ระบุว่า ขอนแก่นมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) อยู่ที่ 225,107 ล้านบาท […]

ใครใหญ่สุดในขอนแก่น? ส่อง 10 บริษัทกำไรมหาศาลในขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

Customer-Centric Mindset : Hack เคล็ดลับ ‘อ่านใจ’ ลูกค้า ปลดล็อกศักยภาพธุรกิจสร้างสรรค์

เกริ่น ‘พี่โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ’ เป็นอดีตผู้บริหาร dtac ผู้โด่งดังในหมู่นักการตลาดจากการทำแบรนด์ Happy ของ dtac ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารฝ่ายการตลาด ธนาคารไทยพาณิชย์ และประธานกรรมการบริหาร Purple Ventures บริษัทลูกของ SCB ที่ดูแล Robinhood แอป Food Delivery สัญชาติไทย   1.Topic : การสร้าง “แฟน” ไม่ใช่แค่ “Follower” เนื้อหา : ในยุคที่การยิงโฆษณาไม่คุ้มค่า เพราะแพลตฟอร์มปิดกั้นการมองเห็น คุณโจ้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้าง “แฟน” ที่แท้จริง  แฟนคือลูกค้าที่ให้คะแนนความพึงพอใจสูงมาก (9-10 คะแนน) พวกเขาจะบอกต่อ เชียร์ ปกป้อง และพร้อมจ่ายทุกราคา การมีแฟนเพียงไม่กี่ร้อยคนมีค่ากว่าการมีผู้ติดตามเป็นล้าน   เนื้อหา : ในยุคที่การยิงแอดแพงขึ้นและเข้าถึงยากขึ้น แบรนด์ไม่ควรหวังแค่ “ยอดวิว” หรือ “ผู้ติดตามจำนวนมาก” แต่ต้องโฟกัสที่การสร้าง “แฟนตัวจริง” ซึ่งคือกลุ่มลูกค้าที่รักแบรนด์ พร้อมสนับสนุน และบอกต่อโดยไม่ต้องจ้าง แฟนตัวจริงไม่ใช่แค่ซื้อซ้ำ แต่ยังปกป้องแบรนด์ แชร์ต่อแบบจริงใจ และพร้อมจ่ายแม้สินค้าแพงกว่า เพราะเขา อิน กับแบรนด์จริงๆ แม้จะมีแค่หลักร้อยคน แต่มีพลังมากกว่าผู้ติดตามหลักล้านที่ไม่เคยซื้อเลย   2.Topic : แม่น้ำเปลี่ยนทิศ จุดกำเนิดธุรกิจ  เนื้อหา : ความจำเป็นในยุคที่ “แม่น้ำเปลี่ยนทิศ” คุณโจ้ได้อธิบายว่าหลายสิ่งในโลกธุรกิจกำลังเปลี่ยนทิศทางอย่างถาวร ไม่ใช่แค่ขึ้นๆ ลงๆ ชั่วคราวเหมือนแต่ก่อน45 เช่น หุ้นไทย การท่องเที่ยวไทย และแพลตฟอร์มการค้าต่าง ๆ ที่กลายเป็นของต่างชาติ5 ในสภาวะเช่นนี้ การหวนกลับมายังหลักการพื้นฐานและจุดกำเนิดของธุรกิจ นั่นคือ “ลูกค้า” จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง   เนื้อหา : ทุกวันนี้หลายอย่างเปลี่ยนไปแบบถาวร ไม่ใช่แค่แผ่วแล้วเดี๋ยวกลับมาเหมือนเดิม เหมือนแม่น้ำที่เปลี่ยนทิศ ธุรกิจเองก็ต้องปรับตาม ไม่งั้นก็หลงทาง คุณโจ้เลยย้ำว่า ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไง ให้กลับไปที่จุดเริ่มต้นของทุกธุรกิจ  “ลูกค้า”ลองกลับไปฟังจริง ๆ ว่าลูกค้าต้องการอะไร ชอบอะไร หรืออะไรที่เขาไม่ชอบ ไม่ใช่แค่ขายของ แต่ต้องเข้าใจและเชื่อมโยงกับเขาให้ได้ เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่อยู่รอด ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่คือคนที่เข้าใจลูกค้าที่สุดต่างหาก   3.Topic : การเปลี่ยนแปลงความคาดหวังของลูกค้า –ลูกค้าในปัจจุบันมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง เนื้อหา : ใจร้อนขึ้นมาก ลูกค้ามีความอดทนน้อยลงอย่างมหาศาล เช่น จากที่เคยรอการอนุมัติธนาคาร 3 วัน กลายเป็นต้องได้ภายใน 1 ชั่วโมง

Customer-Centric Mindset : Hack เคล็ดลับ ‘อ่านใจ’ ลูกค้า ปลดล็อกศักยภาพธุรกิจสร้างสรรค์ อ่านเพิ่มเติม »

“LONG STAY” Talk : “ลอง STAY” Khon Kaen New Destination

บทความนี้ ISAN Insight พามาเบิ่ง ประเด็นที่น่าสนใจจาก “LONG STAY” Talk ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผู้มาเยือนให้เป็น “ผู้สนับสนุน” และผู้อยู่อาศัย ในงาน*️⃣ เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2568 🟥 : “ลอง STAY” Khon Kaen New Destination โดย คุณธนัฏฐา โกสีหเดช และคุณภิรญา รวงผึ้งทอง / ผู้ก่อตั้ง The Contextual ที่ปรึกษาด้านธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องงานออกแบบบริการและประสบการณ์ผู้ใช้ (Service Design)   พลิกโฉมขอนแก่นสู่จุดหมาย Long Stay การสร้างประสบการณ์ Long Stay ที่น่าประทับใจต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายประการ โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจภาพรวมของเป้าหมายของขอนแก่นในการเป็น “New Destination” ไปจนถึงการออกแบบบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของกลุ่มผู้พักอาศัยระยะยาวแต่ละกลุ่ม และการพิจารณาองค์ประกอบของเมืองโดยรวม ต่อไปนี้คือองค์ประกอบสำคัญที่ต้องพิจารณา: การกำหนดทิศทางของขอนแก่นในฐานะ New Destination: ก่อนที่จะระบุว่าขอนแก่นจะเป็น New Destination ของอะไร จำเป็นต้องคิดอย่างรอบคอบว่าควรจะเป็นของกลุ่มคนประเภทไหน เช่นเดียวกับที่กรุงเทพฯ เป็นจุดหมายของชาวญี่ปุ่น ภูเก็ตเป็นของชาวสแกนดิเนเวียน หรือเชียงใหม่ก็เป็นของชาวญี่ปุ่น ซึ่งมักมีเหตุผลจากวิถีชีวิต ปรัชญา หรือค่าครองชีพที่คล้ายกัน การกำหนดทิศทางนี้จะช่วยให้แน่ใจว่านโยบายการพัฒนาของทั้งจังหวัดไปในทิศทางเดียวกัน และสามารถดึงดูดกลุ่มคน Long Stayer ที่ต้องการเข้ามาได้ การทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย (Persona) และความต้องการเฉพาะของแต่ละกลุ่ม: จากการศึกษาของ The Contexual ที่ได้รับมอบหมายจาก CA ให้มุ่งเน้น 5 กลุ่มหลัก และพบเพิ่มเติมอีก 2 กลุ่มย่อยในขอนแก่น พบว่ามี 7 กลุ่มหลัก โดยแต่ละกลุ่มมีความต้องการและพฤติกรรมที่แตกต่างกัน: Digital Nomads / Work from Anywhere (ต่างชาติ): แรงจูงใจ: มักถูกว่าจ้างจากบริษัทในประเทศที่มีค่าครองชีพสูง เช่น อเมริกา ทำให้การมาใช้ชีวิตในเมืองที่มีค่าครองชีพต่ำกว่าอย่างขอนแก่นช่วยให้มีเงินเก็บมากขึ้น พร้อมกับได้ไลฟ์สไตล์ที่ดีและน่าสนใจ ความต้องการหลัก: สิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงาน: ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อการประชุม และสถานที่ที่เอื้อต่อการทำงานคนเดียว เช่น คาเฟ่ หรือ Co-working space ที่เป็นมิตร หรือแม้แต่ร้านเบียร์ที่มี Wi-Fi ไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่ทำงานแบบออฟฟิศ: พวกเขาต้องการอิสระในการทำงานได้ทุกที่ที่รู้สึกสบาย ไม่ใช่พื้นที่ทำงานแบบเป็นทางการ ความน่าอยู่ของเมือง: เลือกเมืองที่มีความน่าสนใจ มีเรื่องราวที่อยากไปใช้ชีวิตอยู่ ข้อสังเกต: บางคนอาจทำงานต่าง Time Zone ทำให้ใช้ชีวิตและทำงานในเวลาที่ต่างกัน (เช่น เที่ยวกลางวัน ทำงานกลางคืน) Work from Anywhere (คนไทย):

“LONG STAY” Talk : “ลอง STAY” Khon Kaen New Destination อ่านเพิ่มเติม »

“LONG STAY” Talk ศักยภาพของอีสานสู่การเป็นจุดหมายใหม่ที่ใครก็อยากมา “ลองอยู่”

บทความนี้ ISAN Insight พามาเบิ่ง ประเด็นที่น่าสนใจจาก “LONG STAY” Talk ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผู้มาเยือนให้เป็น “ผู้สนับสนุน” และผู้อยู่อาศัย ในงาน*️⃣ เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2568 🟨 : ศักยภาพของอีสานสู่การเป็นจุดหมายใหม่ที่ใครก็อยากมา “ลองอยู่” โดย Xiaokun Gao, Country Manager – Sanook, Image Future (Thailand) Ltd / Tencent   โอกาสใดที่อีสานมีเพื่อดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจีนให้มาลองอยู่ระยะยาว? อีสานมีศักยภาพและโอกาสหลายประการในการดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจีนให้มาลองพำนักระยะยาว โดยสิ่งสำคัญที่ตลาดจีนมองหาคือ การบริการและผู้คน ผลิตภัณฑ์ และประสบการณ์ โอกาสสำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการจีน: ผลิตภัณฑ์เกษตรกรรม: ตลาดจีนกำลังมองหา ผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนต้องการสินค้าพรีเมียม คุณภาพดี ในราคาที่สมเหตุสมผล อีสานมี ศักยภาพทางเศรษฐกิจและการเกษตรที่แข็งแกร่งมาก ทำให้เป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับผลิตภัณฑ์เกษตรที่จะเข้าสู่จีน การสร้างแบรนด์: การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งสำหรับผลิตภัณฑ์ เช่น ข้าวหอมมะลิ สามารถเพิ่มมูลค่าและราคาได้อย่างมากในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน แทนที่จะผ่านกระบวนการค้าส่งเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันยังไม่มีแบรนด์จากอีสานที่เป็นที่จดจำในตลาดจีนเท่ากับแบรนด์เครื่องสำอาง Mistine หรือน้ำมะพร้าว IF ที่มาจากไทย การใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นที่รู้จักและ มีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่นักศึกษาจีน ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นในการนำเสนอเสน่ห์ของอีสานให้กับนักธุรกิจจีน โดยเฉพาะผู้ที่มองหาโอกาสด้านการศึกษา การเชื่อมโยงผ่านชุมชนอีสานในกรุงเทพฯ: แทนที่จะให้นักลงทุนเดินทางมาอีสานโดยตรง วิธีที่รวดเร็วกว่าคือ การสร้างช่องทางและระบบนิเวศสำหรับคนอีสานในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เพื่อให้นักธุรกิจจีนสามารถเข้าถึงและเชื่อมโยงกับคนอีสานในกรุงเทพฯ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งคนเหล่านี้สามารถช่วยประสานงานธุรกิจในอีสานได้ โอกาสสำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่มาพำนักระยะยาว (Long Stay): การสร้างชุมชน: ปัจจุบันเชียงใหม่ยังเป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการพักระยะยาวของชาวจีน เนื่องจากมีชุมชนชาวจีนที่พักอาศัยอยู่แล้วหลายหมื่นคน สำหรับอีสาน สิ่งสำคัญคือการ ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาและสร้างชุมชนขึ้นก่อน เพื่อให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ ซึ่งจะช่วยดึงดูดผู้คนได้มากขึ้น การตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักศึกษา/คนวัยทำงานที่พักจากการเรียน/ทำงาน (Experienced Children): กลุ่มนี้มองหาการพำนักระยะยาวเพื่อหลีกหนีชีวิตประจำวัน และคาดหวัง ความสะดวกสบายในการเข้าถึงข้อมูล อาหาร ที่พัก และบริการต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ขอนแก่นมีศักยภาพสูงสำหรับกลุ่มนี้ สิ่งที่ต้องทำคือการ สร้างข้อมูลเป็นภาษาจีนที่เข้าถึงได้ง่าย และเผยแพร่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน เพื่อให้พวกเขารู้ว่าสามารถใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ได้อย่างง่ายดายในอีสาน การตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบครอบครัว (Family Stays): กลุ่มนี้มักมาเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว เช่น ตรุษจีน โดยใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จุดหมายปลายทางจะต้อง เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ (เช่น มีป้ายหรือข้อมูลภาษาจีนที่อ่านง่าย เพราะผู้สูงอายุส่วนใหญ่พูดภาษาอื่นไม่ได้นอกจากจีน) ต้อง เป็นมิตรกับเด็ก (เช่น มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็ก และสถานที่ที่เข้าถึงได้สะดวกสำหรับเด็ก) การสร้างจุดเด่นหรือ Flagship Product/Experience: ควรมี หนึ่งหรือสองสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์หรือเป็นจุดขายสำคัญ ที่ทำให้ผู้คนจดจำอีสานหรือขอนแก่นได้ เทศกาลสงกรานต์ในขอนแก่น เป็นเทศกาลขนาดใหญ่และน่าสนใจ ที่สามารถเป็นจุดขายที่ง่ายที่สุดในการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวจีน ผลิตภัณฑ์เด่น

“LONG STAY” Talk ศักยภาพของอีสานสู่การเป็นจุดหมายใหม่ที่ใครก็อยากมา “ลองอยู่” อ่านเพิ่มเติม »

“LONG STAY” Talk ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผู้มาเยือนให้เป็น “ผู้สนับสนุน” และผู้อยู่อาศัย

บทความนี้ ISAN Insight พามาเบิ่ง ประเด็นที่น่าสนใจจาก “LONG STAY” Talk ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผู้มาเยือนให้เป็น “ผู้สนับสนุน” และผู้อยู่อาศัย ในงาน*️⃣ เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2568 🟦 : ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผู้มาเยือนให้เป็น “ผู้สนับสนุน” และผู้อยู่อาศัย โดย ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย /ผู้เชี่ยวชาญด้านวางแผนภาคและเมือง และการยกระดับการจัด Festival, รองผู้อำนวยการ Center of Excellence in Social Design Chulalongkorn University   กลยุทธ์ Long Stay ควรปรับเปลี่ยนแนวคิดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใดและเพราะเหตุใด กลยุทธ์ Long Stay ควรปรับเปลี่ยนแนวคิดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ๆ ที่เรียกว่า “Long Stayer” ซึ่งหมายถึงชาวต่างชาติที่เดินทางมาพำนักในประเทศไทยเป็นระยะเวลานานกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป คือ เกิน 10 วันขึ้นไป โดยไม่เปลี่ยนสัญชาติหรืออพยพย้ายถิ่นฐานถาวร การเปลี่ยนแปลงแนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจาก “Visitor Economy” แบบดั้งเดิมที่เน้นปริมาณ ไปสู่การท่องเที่ยวที่มีคุณค่าสูงและสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น กลุ่มนักท่องเที่ยวที่กลยุทธ์ Long Stay ควรมุ่งเน้นและเหตุผลในการดึงดูดมีดังนี้: ผู้สนับสนุน (Supporters) และผู้พำนักระยะยาว (Residents): เหตุผล: เดิมที “Visitor Economy” เน้นจำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายต่อครั้ง แต่ปัจจุบันต้องการสร้างฐานแฟนคลับ (fan base) ที่รักและผูกพันกับวัฒนธรรมไทย มาเยี่ยมเยียนซ้ำ ๆ และใช้ชีวิตเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง พวกเขาจะช่วยเผยแพร่เรื่องราวดี ๆ ของไทยไปสู่ตลาดสากล กลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อสูง (High Spenders): เหตุผล: โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวญี่ปุ่นที่มีรายได้มากกว่า 10 ล้านเยนต่อปี (ประมาณ 2.5 ล้านบาทต่อปี) มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายในทุกด้านเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า เมื่อมาพำนักระยะยาว การมุ่งเป้าไปที่กลุ่มนี้จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในท้องถิ่น ผลลัพธ์: กลุ่ม Long Stayer ชาวญี่ปุ่นที่มาพำนักในไทยแล้ว เมื่อออกไปเที่ยวในประเทศจะใช้จ่ายเกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน ซึ่งสูงกว่านักท่องเที่ยวคุณภาพสูงทั่วไปที่ใช้จ่ายเฉลี่ย 5,172 บาทต่อคนต่อวันเสียอีก กลุ่ม Expat และครอบครัว (Experts and Families): เหตุผล: พวกเขาเป็นกลุ่มที่มีกำลังใช้จ่ายสูง มักจะอยู่เป็นครอบครัว และสามารถทำหน้าที่เป็น “Influencer” หรือผู้มีอิทธิพลในการจูงใจผู้อื่นได้ดี เมื่อมาอยู่ไทยแล้วมักประทับใจและกลับมาเที่ยวซ้ำ รวมถึงแนะนำให้ครอบครัวและเพื่อนมาเที่ยว โดยเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย ความท้าทาย: ปัจจุบัน Expat ชาวญี่ปุ่นมักจะหาข้อมูลการท่องเที่ยวในไทยเองไม่เจอ และพึ่งพา HR หรือคนไทยช่วยหา

“LONG STAY” Talk ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผู้มาเยือนให้เป็น “ผู้สนับสนุน” และผู้อยู่อาศัย อ่านเพิ่มเติม »

โคราช แดน วีรสตรีแห่ง “สุรา” สู่ถิ่นธุรกิจผลิตไวน์ สุรา แห่งอีสาน

‘สุรา’ ทั้งในรูปแบบกลุ่นและหมัก ในภาคอีสานมีประวัติศาสตร์ยาวนาน เริ่มต้นจากการนำเอาข้าวเหนียวซึ่งเป็นอาหารหลักของชาวอีสานมาหมักและกลั่นเป็นสุรา ในอดีตชาวบ้านจะทำสุรากลั่นใช้ในครัวเรือนเอง โดยเฉพาะในช่วงหลังเก็บเกี่ยวข้าวที่มีข้าวเหลือใช้มาก หรือข้าวที่มีคุณภาพไม่ดีพอสำหรับการบริโภค บทบาทของสุราในภาคอีสาน ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มที่ใช้เพื่อความมึนเมา แต่สุรากลั่นมีบทบาทสำคัญในงานบุญและประเพณีต่างๆ ของชาวอีสาน เช่น งานบุญผะเหวด งานบุญข้าวจี่ งานบุญบั้งไฟ โดยจะใช้เป็นเครื่องไหว้เจ้าที่ ผีปู่ย่า และเป็นเครื่องดื่มในการสังสรรค์ การเสิร์ฟสุรากลั่นให้แขกที่มาเยือนเป็นการแสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และความจริงใจของเจ้าบ้าน ถือเป็นมารยาทที่ดีในวัฒนธรรมอีสาน    ความรู้เรื่องกรรมวิธีการทำสุราได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยผู้สูงอายุจะสอนให้ลูกหลานได้เรียนรู้เทคนิคและวิธีการที่เป็นความลับของแต่ละท้องถิ่น ทำให้เกิดความหลากหลายในรสชาติและวิธีการผลิตในแต่ละพื้นที่ ซึ่งความรู้ภูมิปัญญาดั้งเดิมเหล่านี้ ได้ผนวกรวมกับความรู้และนวัตกรรมสมัยใหม่ ต่อยอดเป็นธุรกิจการผลิตสุราในท้องถิ่น ที่ไม่เพียงสะท้อนวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของชุมชน แต่ยังมีศักยภาพในการสร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก   โคราช แหล่งธุรกิจผลิตสุราและไวน์แห่งอีสาน โคราช ดินแดน ย่าโม ท้าวสุรนารี วีรสตรีที่สร้างชัยชนะด้วย “สุรา” พื้นที่แห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งอารยธรรมและมี สาโท ที่เป็นสุราท้องถิ่นที่โด่งดังมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันในภาคอีสานมีธุรกิจผลิตสุรากลั่นและไวน์ ทั้งรายใหญ่และรายย่อยรวมกัน 137 ราย มีรายได้รวมกว่า 14,000 ล้านบาท โดยจังหวัดที่มีธุรกิจประเภทผลิตสุรากลั่นและไวน์มากที่สุดในอีสาน ได้แก่ นครราชสีมา หรือ โคราช โดยมีนิติบุคคลจดทะเบียนทั้งสิ้น 33 ราย รองลงมาคือ กาฬสินธุ์ 18 ราย โดยธุรกิจผลิตสุรากลั่นและไวน์ในโคราช ล้วนปล้วเป็นเป็นธุรกิจรายย่อยที่ไม่ใช่โรงงานผลิตของบริษัทใหญ่   โดยนิติบุคคลในธุรกิจผลิตสุรากลั่นและไวน์ ของโคราชมีรายได้รวมกันกว่า 250 ล้านบาท โดย 3 อันดับนิติบุคคลที่มีรายได้มากที่สุด ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สัมฤทธิ์มั่นคง ทุนจดทะเบียน: 400,000 บาท (2 กรกฎาคม 2545) รายได้รวม: 66,766,721.71 บาท เป็นนิติบุคคลที่ผลิตสุราประเภทสุราแช่มากว่า 20 ปี โดยมีสินค้าหลักคือ “สาโทสยาม” ซึ่งผลิตมาจากการหมักข้าวเหนียว ซึ่งเป็นวัตถุดิบท้องถิ่น @ploy.chompu_ สาโทสยาม #สุราไทย #สุราก้าวไกล ♬ เจ็บเมื่อไหร่ KRIST – RISER MUSIC บริษัท อโศกวัลเล่ย์ ไวน์เนอร์รี่ จำกัด ทุนจดทะเบียน: 5,000,000 บาท (5 พฤศจิกายน 2551) รายได้รวม: 57,435,961.47 บาท เป็นธุรกิจผลิตไวน์องุ่นรายใหญ่ในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ อ.ปากช่อง ตัวอย่างสินค้า เช่น ไวน์แบรนด์ “GranMonte” นอกจากนั้นยังมีไร่องุ่นและร้านอาหารที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย ห้างหุ้นส่วน อังคณาเทรดดิ้ง จำกัด  ทุนจดทะเบียน: 5,000,000 บาท (5 พฤศจิกายน 2551) รายได้รวม:

โคราช แดน วีรสตรีแห่ง “สุรา” สู่ถิ่นธุรกิจผลิตไวน์ สุรา แห่งอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ปอยเปต ประตูชายแดนกัมพูชา เศรษฐกิจของเมืองที่โตจาก “ด่าน” มากกว่า “ดิน”

ส่องซอด ปอยเปต เมืองชายแดนของกัมพูชา ตรงข้ามกับอรัญประเทศของไทย ที่เติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดจากการดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะผ่านธุรกิจกาสิโน จนถูกขนานนามว่าเป็น “นครแห่งธุรกิจสีเทา” ทั้งยังเป็นจุดผ่านแดนสำคัญ ที่มีมูลค่าการค้าคิดเป็นกว่า 63.4% ของการค้าชายแดนไทย–กัมพูชาทั้งหมด แต่ใครจะรู้—ความรุ่งเรืองที่ผูกอยู่กับ “ด่าน” อาจกลายเป็นความเปราะบางที่ย้อนกลับมาเป็นจุดอ่อนของเมืองในระยะยาว . ปอยเปต เป็นเมืองชายแดนของกัมพูชา ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย อยู่ติดกับอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ของไทย เมืองนี้มีชื่อเสียงจากการเป็นหนึ่งในจุดผ่านแดนที่มีการสัญจรของผู้คนและการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชามากที่สุด อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของแหล่งกาสิโนขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนไทยมากที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ ปอยเปตยังเป็นเมืองที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนจากต่างประเทศสูงอย่างน่าจับตามอง ในอดีต ปอยเปตเป็นเพียงพื้นที่ป่ากว้าง มีประชากรบางส่วนใช้พื้นที่เพาะปลูกเพื่อยังชีพ และยังเคยผ่านการเปลี่ยนแปลงอำนาจอาณานิคมหลายครั้ง ตั้งแต่การอยู่ภายใต้สยาม การตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส จนถึงการประกาศเอกราชของกัมพูชา หากจะเข้าใจการเติบโตทางเศรษฐกิจของปอยเปต เมืองชายแดนห่างไกลจากเมืองหลวง จำเป็นต้องย้อนกลับไปถึงแนวคิดของรัฐบาลกัมพูชาในการหารายได้จากกิจการกาสิโนซึ่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีการดัดแปลงสถานพักผ่อนยุคอาณานิคมฝรั่งเศสให้กลายเป็นรีสอร์ทและคาสิโน เพื่อใช้เป็นแหล่งรายได้ของรัฐ อย่างไรก็ตาม รายได้จากกาสิโนเพียงแห่งเดียวยังไม่เพียงพอต่อการพัฒนาประเทศ รัฐบาลกัมพูชาจึงดำเนินกลยุทธ์ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ศูนย์การค้า โรงแรม และกาสิโน ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติหลั่งไหลเข้ามา พร้อมได้รับใบอนุญาตดำเนินกิจการกาสิโน โดยเฉพาะในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศ แต่การขยายตัวของกาสิโนในพนมเปญ ทั้งที่ถูกกฎหมายและลักลอบเปิด ดันให้เกิดปัญหาสังคมอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรม พฤติกรรมติดการพนัน และการขยายตัวของเศรษฐกิจสีเทา จนในปี พ.ศ. 2541 นายกรัฐมนตรีฮุน เซน สั่งกวาดล้างคาสิโนผิดกฎหมาย และห้ามเปิดกาสิโนในรัศมี 200 กิโลเมตรจากเมืองหลวง คำสั่งดังกล่าวทำให้ธุรกิจกาสิโนส่วนใหญ่ต้องย้ายออกจากพนมเปญ โดยพื้นที่ชายแดน เช่น ปอยเปตและบาเวต กลายเป็นปลายทางใหม่ที่ได้รับอานิสงส์จากข้อจำกัดเชิงภูมิศาสตร์และกฎหมาย เมืองชายแดนเหล่านี้สามารถดึงดูดรายได้จากนักท่องเที่ยวและนักพนันต่างชาติได้อย่างมหาศาล . เศรษฐกิจปอยเปต: เติบโตจากด่าน มากกว่าดิน การเข้ามาของกาสิโนในปอยเปตส่งผลให้เมืองมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ นักท่องเที่ยวและนักเสี่ยงโชคจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามา ส่งผลให้ธุรกิจในพื้นที่เฟื่องฟู ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม ศูนย์การค้า และกาสิโนที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ส่วนใหญ่ดำเนินกิจการโดยนักการเมือง นักธุรกิจ ผู้มีอิทธิพล หรือแม้แต่บุคคลในภาครัฐเอง ปรากฏการณ์นี้ก่อให้เกิดคำถามจากประชาชนว่า ปอยเปตสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศและประชาชนทั่วไปจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแหล่งรายได้ของกลุ่มทุนรายใหญ่ที่ดูดเงินและทรัพยากรจากพื้นที่โดยไม่กระจายผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม และนอกจากนี้ ปอยเปตยังถูกจับตาว่าเป็นแหล่งกบดานของอาชญากรรมไซเบอร์ ฟอกเงิน และทุนจีนสีเทา ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองกลายเป็น “เมืองสีเทา” ที่พึ่งพารายได้จากธุรกิจผิดกฎหมายและการพนันเป็นหลัก ที่มา: กรมการค้าต่างประเทศ การเติบโตของปอยเปตได้กลายเป็นแรงผลักสำคัญต่อการค้าชายแดนระหว่างไทย–กัมพูชา ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ (ม.ค.–พ.ค. 2567) ระบุว่า มูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทย–กัมพูชากว่าครึ่ง (80,723 ล้านบาท หรือ 48.3%) เกิดขึ้นผ่านเส้นทางชายแดน โดยเฉพาะด่านปอยเปต–อรัญประเทศซึ่งมีสัดส่วนถึง 63.4% ของมูลค่าการค้าชายแดนทั้งหมด นอกจากนี้ ปอยเปตยังเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ภายใต้โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Poipet SEZ) ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักของรัฐบาลกัมพูชาในการดึงดูดการลงทุนต่างชาติในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป บรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก และสายไฟ โดยอาศัยข้อได้เปรียบด้า ต้นทุนแรงงานต่ำและแรงงานจำนวนมาก ส่งผลให้ประเทศอย่างจีน เวียดนาม มาเลเซีย

ปอยเปต ประตูชายแดนกัมพูชา เศรษฐกิจของเมืองที่โตจาก “ด่าน” มากกว่า “ดิน” อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🇰🇭กัมพูชากับความมั่นคงด้านพลังงาน “เส้นบางๆ ของการพึ่งพา”

  ฮู้บ่ว่า ? หลังการงดนำเข้าไฟฟ้าจากไทยของกัมพูชา ได้ดำเนินการตามประกาศของรัฐบาล กัมพูชาจึงหันไปเพิ่มสัดส่วนการนำเข้าจากเวียดนามเพื่อชดเชยไฟฟ้าจากไทย เป็นเหตุให้หลายพื้นที่ไฟฟ้าไม่เสถียร และปอยเปตไฟฟ้ากว่า 20 นาที   ข้อมูลของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านไฟฟ้า Electricity Advisory Committee (EAC) 2023 เปิดเผยว่ากัมพูชาต้องนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านถึง 66.73% ขณะที่ผลิตได้เองภายในประเทศเพียง 33.27% โดยประเทศที่ส่งออกไฟฟ้าเข้ากัมพูชามากที่สุดคือ ลาว 57.46% เวียดนาม 25.09% และไทย 17.45% นอกจากนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2024 กัมพูชาได้เซ็นสัญญาซื้อไฟฟ้าเพิ่มจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มอีก มากกว่า 50% หรือ 600 เมกะวัตต์ ซึ่งไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่นำเข้าจากไทยจะให้บริการประชาชนในพื้นที่จังหวัดบริเวณชายแดนไทยกัมพูชาเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งในเมืองปอยเปต ซึ่งที่เป็นที่ตั้งของบ่อนการพนัน โรงแรม และที่ทำการของบรรดาของธุรกิจสแกรมเมอร์ . แม้กัมพูชามีความพยายามจะมีความพยายามผลิตพลังงานหมุนเวียนในประเทศให้มากถึง 70% ภายในปี 2573 ภายในปี 2030 และจัดหาไฟฟ้าให้ครอบคลุมกับประชาชนทุกครัวเรือน 100% ภายในปี 2020 แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากการขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าที่เชื่อถือได้ในประเทศและโครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติที่ไม่สามารถเข้าถึงหมู่บ้านในชนบทหลายแห่ง . ความล้าสมัยของการผลิตไฟฟ้าในประเทศและความน่าเชื่อถือ ทำให้มีความพยายามลงทุนเพื่อทำให้มีความทันสมัยเพิ่มขีดความสามารถในการส่งไฟฟ้าแรงสูง โดยมีค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์ไว้ถึง 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ยังไม่สามารถลงทุนเพิ่มได้เนื่องจากปัญหาด้านการหาแหล่งเงินทุนและงบประเทศ . สำหรับกัมพูชานับว่าเป็นประเทศที่มีอัตราค่าไฟต่อหน่วยสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกโดยข้อมูลจาก CEIC Data ระบุว่า ค่าไฟปัจจุบัน (8 มกราคม 2568) ของกัมพูชาอยู่ที่ 780 เรียลกัมพูชา หรือประมาณ 6.70 บาทต่อหน่วย เป็นรองเพียงแค่ฟิลิปปินส์ที่ 7.10 บาทต่อหน่วย และสิงคโปร์ 8.01 บาทต่อหน่วย และคาดว่าจะแพงขึ้นกว่านี้เมื่อไฟฟ้าหายไปจากระบบ และต้องเร่งซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ แทน ซึ่งทำให้กัมพูชาไม่ได้มีอำนาจต่อรอง เพราะต้องพึ่งพาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

พามาเบิ่ง🇰🇭กัมพูชากับความมั่นคงด้านพลังงาน “เส้นบางๆ ของการพึ่งพา” อ่านเพิ่มเติม »

งานบุญแห่ ผีตาโขน หน้ากากผีเอกลักษณ์ สะท้อนความเชื่อท่องถิ่น บินไกลสู่สากล

1.ประเพณีเดือน 7 : ประเพณีการละเล่นผีตาโขนในงานบุญหลวง จังหวัดเลย ผีตาโขน เป็นคำเรียกชื่อการละเล่นชนิดหนึ่งที่ผู้เล่นต้องสวมหน้ากากที่วาดหรือแต้มให้น่ากลัวแต่งกายด้วยชุดทำจากเศษผ้านำมาเย็บติดกัน ซึ่งจะเข้าร่วมขบวนแห่และมีการแสดงท่าทางต่าง ๆ เพื่อสร้างความตื่นเต้น สนุกสนาน รื่นเริง ในระหว่างที่มีงานบุญประเพณีใหญ่หรือที่เรียกว่า “งานบุญหลวง” หรือ “บุญผะเหวด” ซึ่งตรงกับเดือน 7เป็นการละเล่นที่มีเฉพาะในท้องที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ว่ากันว่าการแห่ผีตาโขนเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรและนางมัทรีจะเดินทางออกจากป่ากลับสู่เมือง บรรดา ผีป่าหลายตน และสัตว์นานาชนิดอาลัยรักจึงพาแห่แหนแฝงตัวแฝงตน มากับชาวบ้านเพื่อมาส่งทั้งสอง พระองค์ กลับ เมือง “ผีตามคน” หรือ “ผีตาขน” จนกลายมาเป็น “ผีตาโขน” อย่างในปัจจุบัน Chaikom / Shutterstock.com . จังหวัดเลย อำเภอด่านซ้าย ณ ที่แห่งนี้ได้มีการกำเนิดประเพณีที่มีต้นกำเนิดมาจากเวสสันดรชาดก พระชาติที่ 10 ที่สำคัญที่สุดของพระพุทธเจ้า หรือ ตำนานผีตามคนนั่นเอง โดยในปีนี้ประเพณีผีตาโขน จะถูกจัดขึ้นที่ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย วันที่ 28-30 มิถุนายน ปี 2568 ภายในงานปีนี้ก็จะมีกิจกรรมมากมายตลอดทั้งงาน ไม่ว่าจะเป็น วันโฮม,ขบวนแห่,สู่ขวัญเจ้าพ่อกวน และ เจ้าแม่นางเทียม,มีพิธีจุดบั้งไฟขอฝนอีกด้วย และยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกมากมายภายในงาน ภาพจาก:ด่านซ้ายไทเลย งานประเพณีบุญหลวง และงานผีตาโขน จะมีหลักๆ 3 วันด้วยกันคือ วันที่ 1 เป็น เทศกาลผีตาโขน ซึ่งเรียกวันนี้ว่า วันรวม หรือ วันโฮม จะมี พิธีเบิกพระอุปคุต พิธีการบวชพราหมณ์ เพื่อเชิญพระอุปคุต พิธีแห่จากวัดโพนชัย ไปริมฝั่งแผ่น้ำหมันเพื่อเชิญพระอุปคุต พิธีงมพระอุปคุตจากแม่น้ำหมันอัญเชิญขึ้นประดิษฐานหออุปคุต วัดโพนชัย พิธีเบิกพระอุปคุต พร้อมยิงปืนทั้ง 4 ทิศ พิธีบายศรีสู่ขวัญเจ้าพ่อกวนและเจ้าแม่นางเทียม วันที่ 2 เป็น วันแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง หรือ ขบวนแห่ผีตาโขน พิธีสู่ขวัญพระเวส อัญเชิญพระเวสเข้าเมือง ขบวนแห่พระเวสเข้าเมือง (ขบวนแห่ผีตาโขน) เจ้าพ่อกวนและคณะ นำขบวนแห่ไปวัดโพนชัยแห่รอบโบสถ์ 3 รอบ เจ้าพ่อกวนและคณะจุดบั้งไฟขอฝน คณะผู้เล่นบุญนำหน้ากากผีตาโขนน้อยและผีตาโขนใหญ่ทิ้งลงแม่น้ำหมัน วันที่ 3 เป็น วันฟังเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์ พิธีสวดมาลัยหมื่นมาลัยแสน ในการฟังเทศมหาชาติ พิธีสวดชำฮะเพื่อขอขมาลาโทษสะเดาะเคราะห์รับโชค นำอาหารหวานใส่กระทง เพื่อให้ทานสะเดาะเคราะห์ และสืบชะตาบ้านเมือง พ่อแสนท้าพิธี “จำเนื้อจำคิง” เพื่อการสะเดาะเคราะห์ นำเครื่องสะเดาะเคราะห์ทิ้งลงแม่น้ำหมัน พิธีคารวะองค์องค์พระใหญ่ โดยเจ้าพ่อกวนและคณะ เป็นอันเสร็จพิธี และประเพณียังคงมีความเชื่อกันว่า สำหรับคนที่เล่นหรือมีการแต่งตัวเป็น ผีตาโขนใหญ่ ต้องถอดเครื่องแต่งกายผีตาโขนใหญ่ออกให้หมดและนำไปทิ้งในแม่น้ำหมัน ห้ามนำเข้าบ้าน เป็นการทิ้งความทุกข์ยากและสิ่งเลวร้ายไปอีกด้วย 2.หนึ่งเดียวในภาคอีสาน ผีตาโขนของชาวไท-เลย ทำไมประเพณีผีตาโขนจึงมีเพียงที่เดียวในภาคอีสาน และพบเฉพาะในจังหวัดเลย? คำตอบอยู่ที่ความเชื่อที่ฝังแน่นในวิถีชีวิตของชาวไท–เลย โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ไท–ลาวในอำเภอด่านซ้าย ซึ่งมีความเชื่อแบบ พุทธผสมอนิมิสต์ หรือศรัทธาที่ผสานระหว่างพุทธศาสนาและความเชื่อพื้นบ้านที่เชื่อว่า ทุกสิ่งในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ ต้นไม้ ภูเขา

งานบุญแห่ ผีตาโขน หน้ากากผีเอกลักษณ์ สะท้อนความเชื่อท่องถิ่น บินไกลสู่สากล อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง โรงงานผลิตเครื่องดื่มของเครือบุญรอด และไทยเบฟ

ภาค รายได้: ล้านบาท ภาคอีสาน 52,368 ภาคกลาง 43,056 ภาคใต้ 3,084 ภาคเหนือ 29,615 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 124,097 เครือ ชื่อบริษัท รายได้รวม (2567) (ล้านบาท) %YoY รายได้ กำไรขาดทุน (ล้านบาท) %YoY กำไร จังหวัด ผลิต ไทยเบฟเวอเรจ บริษัท อธิมาตร จำกัด 4,415 3.6 144 -4.9 บุรีรัมย์ กลั่นสุรา บริษัท เอส.เอส.การสุรา จำกัด 4,751 1.0 134 -11.8 อุบลราชธานี กลั่นสุรา บริษัท แก่นขวัญ จำกัด 5,015 -0.4 117 -33.9 ขอนแก่น กลั่นสุรา บริษัท เทพอรุโณทัย จำกัด 4,424 1.5 43 -57.1 หนองคาย กลั่นสุรา บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) (โรงงานนครราชสีมา) นครราชสีมา เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ บุญรอดบริวเวอรี่ บริษัท ขอนแก่น บริวเวอรี่ จำกัด 31,962 19.1 876 123.3 ขอนแก่น เบียร์, น้ำดื่ม, โซดา บริษัท มหาสารคาม เบเวอเรช จำกัด 1,801 -5.2 110 -0.6 มหาสารคาม น้ำดื่ม, โซดา โรงงานเครือ รายได้รวม (ล้านบาท) กำไรขาดทุน (ล้านบาท) จำนวนจังหวัดที่มีการตั้งโรงงาน บุญรอดบริวเวอรี่ 110,768 4,135 8 (8 โรงงาน) ไทยเบฟเวอเรจ 127,546 3,057 16 (20 โรงงาน) ไทยเบฟเวอเรจ (เสริมสุข) 13,905 236 6 (7 โรงงาน) หมายเหตุ: ข้อมูลรายได้รวมของบริษัทเป็นการนับรายได้เฉพาะรายได้จากบริษัทที่มีโรงงานเท่านั้น ไม่ได้เป็นการนับรายได้รวมทั้งหมดจากทุกธุรกิจ เครื่องดื่ม หนึ่งในสินค้าอุปโภคบริโภคที่อยู่คู่กับชีวิตประจำวันของผู้คนไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ก็ตาม เราทุกคนล้วนต้องบริโภคเครื่องดื่มในแต่ละวัน สินค้าประเภทนี้มีผู้เล่นจำนวนมากในตลาด แต่หากพูดถึงแบรนด์รายใหญ่ที่คุ้นหูคนไทย ชื่อที่มักจะถูกนึกถึงก่อนเสมอก็คือ “บุญรอดบริวเวอรี่” หรือ

พามาเบิ่ง โรงงานผลิตเครื่องดื่มของเครือบุญรอด และไทยเบฟ อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top