SHARP ADMIN

พามาเบิ่ง “สุราท้องถิ่นแดนอีสาน” มีมากแค่ไหนในแต่ละจังหวัด

“สุรา” ก้าว(หน้า)ไปทางไหน ? . “สุราก้าวหน้า” เป็นโยบายที่หวังสร้างรายได้ขยายการเติบโตของ SME รายย่อยของไทย โดยการแก้ พ.ร.บ.สรรพสามิต เปิดทางให้การผลิตเหล้าเบียร์ทำได้อย่างเปิดกว้างมากขึ้น ลดการผูกขาดของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อย สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ และสามารลดการผูกขาดธุรกิจสุราในกลุ่มนายทุนใหญ่เพียงไม่กี่กลุ่ม . . สุรากลั่นท้องถิ่นในภาคอีสาน . รายได้และการจำหน่ายสุรากลั่นท้องถิ่นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับการท่องเที่ยว เนื่องจากรูปแบบการจัดจำหน่ายที่ยังถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ผู้ผลิตเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายหน้าร้านโดยตรง การจำหน่ายในลักษณะนี้จำกัดโอกาสในการเข้าถึงตลาดกว้างขวาง อีกทั้งการผลิตสุรากลั่นท้องถิ่นยังคงไม่สามารถผลิตในปริมาณมากและมีราคาที่ถูกกว่าสุรากลั่นจากแบรนด์ใหญ่ในตลาดได้ ส่งผลให้ตลาดสุรากลั่นท้องถิ่นยังไม่สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงได้ในเร็ว ๆ นี้ รายได้ของสุรากลั่นท้องถิ่นจึงยังคงขึ้นอยู่กับกระแสการบริโภคของนักดื่มเป็นหลัก นอกจากนี้ ความจำเป็นในการพัฒนารสชาติและการตลาดอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเพื่อรักษาความน่าสนใจในตลาด แตกต่างจากแบรนด์ใหญ่ที่มีโอกาสติดตลาดได้ง่ายกว่าและสามารถจัดจำหน่ายได้อย่างทั่วถึง ซึ่งส่งผลให้แบรนด์ใหญ่มีรายได้ที่มั่นคงและสามารถคาดการณ์ได้มากกว่าสุรากลั่นท้องถิ่น . โดยสินค้าเกษตรที่นิยมนำไปใช้ผลิตสุรากลั่นในภาคอีสาน ได้แก่ ข้าวเหนียว และ อ้อย ซึ่งเป็นผลผลิตที่นิยมปลูกเป็นอย่างมากในภาคอีสาน ถ้าหากนำผลผลิตทางการเกษตรที่ไม่ได้ก่อให้เกิดมูลค่าส่งให้แก่โรงกลั่นเพื่อผลิตสุรากลั่นท้องถิ่นจะเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร . และธุรกิจสุรากลั่นท้องถิ่นจะส่งผลในทางบวกต่อ supply chian ทั้งต้นน้ำอย่างเกษตรกร และปลายน้ำอย่างร้านอาหารที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นหลัก . . ในปัจจุบันอุตสาหกรรมเบียร์ในบ้านเราเกือบทั้งหมดถูกครอบครองโดยผู้ผลิตรายใหญ่เพียง 2 รายเท่านั้น คือ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันราว 95% ของปริมาณจำหน่ายเบียร์ทั้งหมดในประเทศ  . ในขณะที่อุตสาหกรรมสุรา มีการแข่งขันที่น้อยกว่าเบียร์มาก เนื่องจากมีข้อจำกัดของกฎหมายที่ส่งผลให้ผู้ผลิตรายใหม่เข้าสู่ธุรกิจได้ยาก และถึงแม้จะเข้ามาได้ก็ไม่สามารถที่จะแข่งขันได้ ตลาดจึงถูกผูกขาดโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 80% ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีผลิตภัณฑ์สุราสำหรับตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกระดับกว่า 30 แบรนด์ . ปัจจุบัน ทิศทางของนโยบายสุราก้าวหน้ายังไม่แน่ชัดว่า ท้ายที่สุดจะไปทางไหน แต่ข้อกังวลและความท้าทายที่ละเลยไม่ได้ คือ การควบคุมการบริโภค โดยเฉพาะในเยาวชน รวมทั้งการติดตามและเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงของการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทย โดยเฉพาะการดื่มในระดับอันตราย การดื่มแล้วขับขี่ยานพาหนะ และผลกระทบทางสุขภาพระยะยาวที่อาจจะเป็นผลเกิดขึ้นตามมา จากการเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบทางสุขภาพกาย สุขภาพจิตและภาวะทางอารมณ์ รวมไปถึงสุขภาพสังคมด้วยเช่นกัน . . ในปัจจุบันสุราท้องถิ่นแดนอีสานมีการกระจายอยู่ทั่วภาคอีสาน ดังนี้ 📍กาฬสินธุ์ – พัวร์ (PUR) – สุราตรางูทอง 📍ขอนแก่น – คูน (Koon) 📍ชัยภูมิ – The Spirit of Chaiyaphum  – ไร่ฟ้าเปลี่ยนสี เหล้าเตยหอม  – Spirit of Laen kha 📍นครพนม – เหล้าอุเรณูนคร 📍นครราชสีมา – Red jungle  📍บุรีรัมย์ …

พามาเบิ่ง “สุราท้องถิ่นแดนอีสาน” มีมากแค่ไหนในแต่ละจังหวัด อ่านเพิ่มเติม »

เทียบโครงสร้างประชากรไทย ในอีก 20 ปีข้างหน้า ในวันที่คนไทยเหลือ 60 ล้านคน

ฮู้บ่ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเหลือประชากรเพียง 60 ล้านคนเท่านั้น . #โลกในขณะที่ประชากรโลกกำลังเพิ่มช้าลง จำนวนและสัดส่วนของประชากรสูงอายุกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปี พ.ศ.2565 ทั่วทั้งโลกมีประชากรสูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มากถึง 1,109 ล้านคนคิดเป็นร้อยละ 14 ของประชากรโลก 8,000 ล้านคน . #อาเซียน ในปี พ.ศ.2565 มี 7 ใน 10 ของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” ที่มีสัดส่วนของประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกินกว่าร้อยละ 10 เหลือเพียง 3 ประเทศได้แก่ลาวกัมพูชาและฟิลิปปินส์เท่านั้นที่ยังไม่เป็นสังคมผู้สูงอายุ . #ประเทศไทย ปี 2564 เป็นครั้งแรกที่อัตราการเกิดของเด็กไทยต่ำกว่าอัตราการตาย และอัตราการเกิดมีเเนวโน้มลดลงในทุกๆ ปีเเละคาดการณ์ว่าจะลดลงโดยไม่มีทีท่าจะเพิ่มขึ้น ผนวกกับอัตราการตายที่ลดลง ทำให้อัตราการเปลี่ยนเเปลงของประชากรตามธรรมชาติมีเเนวโน้มลดลงตามไปด้วย ซึ่งการที่อัตราการเปลี่ยนเเปลงของประชากรตามธรรมชาตินี้ลดลง ทำให้ประชากรในอนาคตจะมีอายุเฉลี่ยที่มากขึ้นเรื่อยๆ . จากวิถีชีวิตของหนุ่มสาวที่เปลี่ยนไป สถานะภาพทางสังคม และการศึกษาที่สูงขึ้น ผู้หญิงอยู่เป็นโสดมากขึ้น ทำงานนอกบ้านมากขึ้น แต่งงานช้าลง ความต้องการมีบุตรลดลง และผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์มีจำนวนน้อยลง ทำให้อัตราการเกิดลดต่ำลง และก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ #สังคมคนโสด โดยสัดส่วนคนโสดของประชากรวัยเจริญพันธุ์(อายุ 15-49 ปี) เป็นโสดกว่า 40.5% และหากเจาะจงเฉพาะ ช่วงอายุ 15-25 ปี เป็นโสดมากถึง 50.9% . ปัจจุบันสัดส่วนผู้สูงอายุของภาคกลาง และภาคเหนือ อยู่ในระดับสูง บางจังหวัดอยู่ในภาวะสังคมผู้สูงอายุ เกิน 25% ของประชากร . #อีสาน 𝗜𝗦𝗔𝗡 𝗣𝗼𝗽𝘂𝗹𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสานมีประชากรมากถึง 21.7 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ โดยภาคอีสานมีสัดส่วนเฉลี่ยรวมผู้สูงอายุกว่า 17.80% ของประชากรทั้งหมด และหากมองเทียบในระดับภูมิภาค ภาคอีสานมีสัดส่วนผู้สูงอายุน้อยเป็นรองเพียงภาคใต้เท่านั้น . ประเทศที่มีประชากรลดลง และเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เผชิญกับ ผลกระทบ ดังนี้ ด้านเศรษฐกิจ แรงงานลดลง: ส่งผลต่อภาคการผลิต ภาคบริการ เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว ขาดแคลนแรงงานทักษะสูง: ส่งผลต่อการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น: เงินบำนาญ สวัสดิการผู้สูงอายุ การบริโภคภายในประเทศลดลง: กำลังซื้อลดลง การออมและการลงทุนลดลง: กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ . ด้านสังคม ปัญหาครอบครัว: ผู้สูงอายุอยู่คนเดียว ภาระดูแลผู้สูงอายุตกอยู่กับคนรุ่นหลัง ปัญหาสุขภาพ: โรคเรื้อรัง อุบัติเหตุ ปัญหาช่องว่างระหว่างวัย: ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ ปัญหาอาชญากรรม: …

เทียบโครงสร้างประชากรไทย ในอีก 20 ปีข้างหน้า ในวันที่คนไทยเหลือ 60 ล้านคน อ่านเพิ่มเติม »

เปิดประวัติ “เวฟ” วีรพล วิชุมา หนุ่มพลังช้างจาก สุรินทร์ เหรียญเงินที่ 3 ของไทย จากยกน้ำหนักชาย รุ่น 73 กก.

ภาพจาก AFP/Miguel MEDINA“เวฟ” วีรพล วิชุมา จอมพลังไทย ยกผ่านแบบไร้ปัญหา   โดยผลงาน  “เวฟ” วีรพล ในระดับประเทศในปี 2020  คว้า 3 เหรียทอง ทั้งในการแข่งขัน EGAT ยุวชนชิงแชมป์แห่งประเทศไทย และในรายการ EGAT เยาวชนชิงแชมป์แห่งประเทศไทย ส่วนในปี 2021 คว้า 3 เหรียญทองในการแข่งขัน EGAT เยาวชนชิงแชมป์แห่งประเทศไทย ส่วนในระดับนานาชาติ ปี 2021 คว้า  3 เหรียญทอง ในศึกยกน้ำหนักยุวชนชิงแชมป์โลก ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในปี 2022 คว้า 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงินในศึกยกน้ำหนักเยาวชนชิงแชมป์โลก รวมถึง 3 เหรียญทอง ในศึกยกน้ำหนักยุวชนชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ที่ประเทศอุซเบกิสถาน และอีก 3 เหรียญทองแดง ในศึกชิงแชมป์โลก ที่ประเทศโคลอมเบีย จากนั้นในปี 2023 คว้า 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงิน ในศึกชิงแชมป์เอเชีย ที่เมืองจินจู  ประเทศเกาหลีใต้ และคว้า 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ในศึกชิงแชมป์โลกแห่งโลก ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย และล่าสุด เหรียญเงิน ในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน   ภาพจาก การกีฬาแห่งประเทศไทยวีรพล วิชุมา ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการมาโอลิมปิก 2024 ที่ฝรั่งเศส   โดยในโอลิมปิกครั้งแรก “เวฟ” วีรพล ก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการคว้าเหรียญเงิน ในรุ่น 73 กก.ชาย จากผลงานท่าสแนตช์ 148 กิโลกรัม คลีนแอนด์เจิร์ก 198 กิโลกรัม (ทำลายสถิติเยาวชนโลก) น้ำหนักรวม 346 กิโลกรัม “เวฟ” วีรพล จะมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 10 ส.ค.2567 เป็นจอมพลังจาก จ.สุรินทร์ ก่อนจะคว้าเหรียญในโอลิมปิกหนนี้ได้สำเร็จ เขาเคยทำผลงานที่ยอดเยี่ยมมาแล้ว ด้วยการคว้า 2 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงิน จากยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ปี 2566 ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย “วีรพล” ยังเป็น เจ้าของเหรียญเงิน …

เปิดประวัติ “เวฟ” วีรพล วิชุมา หนุ่มพลังช้างจาก สุรินทร์ เหรียญเงินที่ 3 ของไทย จากยกน้ำหนักชาย รุ่น 73 กก. อ่านเพิ่มเติม »

บึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ของประเทศไทยที่ไม่ธรรมดา

บึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ของประเทศไทยที่ไม่ธรรมดา  เมืองส่งออกยางพารา สู่ดินแดนการท่องเที่ยวสายมู . . บึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ของประเทศไทย ที่ทุกคนรู้กันว่าเป็นจังหวัดที่ 77 ของประเทศ โดยบึงกาฬก่อตั้งในปี 2554 ซึ่งถือว่าก่อตั้งมา 13 ปีแล้ว .  แต่รู้หรือไม่ว่าจังหวัดน้องใหม่จังหวัดนี้มีรายได้ต่อหัวสูงเป็นอันดับ 7 ของภาคอีสาน ซึ่งมากกว่าจังหวัดใหญ่ๆบางจังหวัดเสียอีก ถึงแม้มูลค่าทางเศรษฐกิจของจังหวัดบึงกาฬจะเป็นอันดับที่ 17 ของภาคอีสาน . ทำไมจังหวัดที่มีมูลค่าเศรษฐกิจอันดับที่ 17 ของภูมิภาค ถึงกลายเป็นจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวมากเป็นอันดับ 7 ในภาคอีสาน ? . อีสานอินไซต์จะพาไปเบิ่ง . . บึงกาฬ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนสุดของไทย ซึ่งก่อตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติให้เป็นจังหวัดบึงกาฬ เมื่อปี พ.ศ. 2554 เป็นพื้นที่ที่แยกออกมาจาก อำเภอบึงกาฬ อำเภอเซกา อำเภอโซ่พิสัย อำเภอบุ่งคล้า อำเภอบึงโขงหลง อำเภอปากคาด อำเภอพรเจริญ และ อำเภอศรีวิไล จากการปกครองของจังหวัดหนองคาย ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย .  โดยบึงกาฬมีพื้นที่ 4,305 ตารางกิโลเมตร ใหญ่เป็นอันดับที่ 17 ของภาคอีสาน และมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 400,000 คน โดยจัดเป็นอันดับที่ 18 ของภูมิภาค . ถึงแม้จะเป็นจังหวัดที่มีประชากรเพียงไม่กี่แสนคน และมีมูลค่าเศรษฐกิจในอันดับที่ 17ของภาคอีสาน . แต่ถ้าหากลองมาดู รายได้ต่อหัวในปี 2565 จะพบว่า บึงกาฬ มีรายได้ต่อหัว 89,033 บาท เป็นรองเพียงแค่นครราชสีมา ขอนแก่น เลย หนองคาย อุดรธานี และนครพนม ซึ่งมากกว่าหลายๆจังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าบึงกาฬ  . ปัจจัยที่ทำให้ บึงกาฬ มีรายได้ต่อหัวอยู่ในลำดับต้นๆของภูมิภาค มีตั้งแต่ – เป็นแหล่งเพาะปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันที่สำคัญของภาคอีสาน – มีแหล่งท่องเที่ยวเกี่ยวกับความเชื่อและสายมูที่มีชื่อเสียง – มีชายแดนที่ติดกับประเทศลาว . . แหล่งเพาะปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันที่สำคัญของภาคอีสาน เมื่อพูดถึงแหล่งเพาะปลูกยางพาราที่สำคัญของประเทศ ภาคอีสานของเราถือว่าเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญภาคหนึ่ง จากการที่สามารถเพาะปลูกยางพาราได้ผลผลิตกว่า 1.3 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วน 27.7% ของผลผลิตยางพาราทั้งหมดในประเทศ โดยเป็นรองเพียงแค่ภาคใต้เท่านั้น . ซึ่งในปี 2565 จังหวัดบึงกาฬ ถือเป็นจังหวัดที่มีผลผลิตการเพาะปลูกยางพารามากทึ่สุดในภาคอีสาน อยู่ที่ 208,035 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 15.6% อีกทั้งมีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่สูงที่สุดในภาคอีสาน และสูงที่สุดของประเทศด้วย โดยมีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่อยู่ที่ 248 กิโลกรัม/ไร่ . และเมื่อดูสัดส่วนมูลค่าทางเศรษฐกิจ ภาคเกษตรกรรมมีมูลค่ามากที่สุด …

บึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ของประเทศไทยที่ไม่ธรรมดา อ่านเพิ่มเติม »

‘ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย’ หนุ่มจอมพลังจาก ศรีสะเกษ กับเหรียญเงินในโอลิมปิก สมัยแรกของเขา

ทำความรู้จักกับ ธีรพงศ์ ศิลาชัย หลังจากคว้าเหรียญทองในการแข่งขันยกน้ำหนักชิงแชมป์โลก 2022 มาแล้ว ล่าสุดเป็นนักยกน้ำหนักชายคนแรกของไทยที่คว้าเหรียญเงินโอลิมปิกด้วย ประวัติ ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย ฟ่าง ธีรพงศ์ ทำผลงานที่ยอดเยี่ยมยกผ่านรวดทั้ง 6 ลิฟต์ สถิติที่ดีที่สุดของตัวเอง หลังจากเคยทำสถิติน้ำรวมของตัวเองดีที่สุดอยู่ที่ 299 กิโลกรัม ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย ในวัย 20 ก้าวสู่ 21 ปีเต็มในเดือนพฤศจิกายนนี้ จากเด็กน้อยบ้านนอกจากอีสานใต้ บ้านกระเบาเดื่อ ต.กระหวัน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ฟ่างเติบโตมากับครอบครัวสู้ชีวิต พ่อขายขับรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง เร่ขายมะพร้าวน้ำหอมลูกละไม่กี่บาท ไม่แปลกใจหลังฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย คว้าเหรียญเงิน โอลิมปิก 2024 การแข่งขันกีฬายกน้ำหนัก โอลิมปิก 2024 รุ่น 61 กิโลกรัม ด้วยการยกท่าสแนทช์ 132 กิโลกรัม ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก 171 กิโลกรัม ทำให้ได้น้ำหนักรวม 303 กิโลกรัม ซึ่งบอกว่า จะเอาเงินไปสร้างบ้านให้พ่อ เหตุเพราะชีวิตลำบากมาเยอะ ธีรพงศ์ ศิลาชัย เริ่มต้นเส้นทางการแข่งขันยกน้ำหนักระดับยุวชนครั้งแรกในรายการกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 39 ขุนด่านเกมส์ ที่จังหวัดนครนายก เมื่อปี 2561 โดยลงแข่งขันในรุ่นน้ำหนัก 50 กิโลกรัมชาย เขายกได้ 90 กิโลกรัมในท่าสแนตช์ และ 115 กิโลกรัมในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก รวมน้ำหนักทั้งหมดที่ยกได้ 205 กิโลกรัม ทำให้เขาคว้าเหรียญทองในการแข่งขันครั้งนี้ไปครอง ในขณะที่ยังเป็นนักยกน้ำหนักยุวชน ธีรพงศ์ ศิลาชัย คว้าเหรียญทองในการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย เมื่อปี 2563 ณ จังหวัดนครสวรรค์ และปี 2564 ณ จังหวัดเชียงใหม่ ยกได้ 100 กิโลกรัมในท่าสแนตช์ และ 134 กิโลกรัมในท่าคลีนแอนด์เจิร์กรวม 234 กิโลกรัมในปี 2563 ทำลายสถิติประเทศไทยในท่าคลีนแอนด์เจิร์กและน้ำหนักรวม และยกได้ 106 กิโลกรัมในท่าสแนตช์และ 125 กิโลกรัมในท่าคลีนแอนด์เจิร์กรวม 231 กิโลกรัม ในปี 2564 ในช่วงที่ยังเป็นนักยกน้ำหนักเยาวชน เขาได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 ในรุ่นน้ำหนัก 55 กิโลกรัม และสามารถคว้าได้ 3 เหรียญทอง (สแนตช์, คลีนแอนด์เจิร์ก และน้ำหนักรวม) ในปี 2565 ธีรพงศ์ ศิลาชัย ได้เข้าร่วมการแข่งขันยกน้ำหนักชิงแชมป์โลก 2022 เป็นครั้งแรก และสร้างผลงานอันน่าทึ่งด้วยการคว้าเหรียญทองในรุ่นน้ำหนัก 55 กิโลกรัม โดยสามารถยกน้ำหนักรวมได้ 265 กิโลกรัม ซึ่งเป็นการทำลายสถิติโลกเยาวชนทั้งในท่าคลีนแอนด์เจิร์กที่ 148 กิโลกรัม …

‘ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย’ หนุ่มจอมพลังจาก ศรีสะเกษ กับเหรียญเงินในโอลิมปิก สมัยแรกของเขา อ่านเพิ่มเติม »

ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “ของฝากสุดแซ่บขึ้นชื่อ” แต่ละจังหวัดในภาคอีสาน และ ตลาดของฝากไทย Gift Industry

ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “ของฝากสุดแซ่บขึ้นชื่อ” แต่ละจังหวัดในภาคอีสาน . . ของฝากเด็ดจากดินแดนอีสาน แซ่บถึงใจ! ภาคอีสานของเรานั้นขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปแบบของสินค้าหัตถกรรมและอาหารพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวภาคอีสานแล้วล่ะก็ ไม่ควรพลาดที่จะนำของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านไปฝากคนที่คุณรักกันนะคะ . วันนี้ ISAN Insight and Outlook จะพาไปตะลุยของฝากเด็ดจากแต่ละจังหวัดในภาคอีสานกัน กาฬสินธุ์ หมูทุบ, หมูสวรรค์ ขอนแก่น หม่ำเมืองพล, ไก่ย่างเขาสวนกวาง ชัยภูมิ หม่ำตำนานรัก นครพนม กะละแม, เหล้าอุเรณูนคร นครราชสีมา ผัดหมี่โคราช, ข้าวตัง บึงกาฬ ขนมเบื้องกรอบ บุรีรัมย์ กุ้งจ่อม, กุนเชียง มหาสารคาม โหน่งปลาร้าบอง มุกดาหาร ปอเปี๊ยะสด ยโสธร ถั่วคั่วทราย, ไข่มดแดงกระป๋อง ร้อยเอ็ด กุนเชียง, แหนม เลย มะพร้าวแก้วเชียงคาน, มะขามหวาน ศรีสะเกษ ทุเรียนภูเขาไฟ สกลนคร โคขุนโพนยางคำ, น้ำหมากเม่า สุรินทร์ กุนเชียง, กะละแมสุรินทร์ หนองคาย แหนมเนือง, หมูยอ หนองบัวลำภู ปลาส้ม อำนาจเจริญ ปลาทูหอมสมุนไพร, หมู-เนื้อแผ่น อุดรธานี แหนมเนือง, ไส้กรอกอีสาน อุบลราชธานี หมูยออุบล, ก๋วยจั๊บอุบล . นี่เป็นเพียงตัวอย่างของของฝากจากภาคอีสานเท่านั้น ยังมีอีกมากมายให้คุณได้เลือกกัน หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกของฝากจากภาคอีสานนะคะ . นอกจากของฝากแดนอีสานแล้ว อีสาน อินไซต์ จะพามาเบิ่ง วัฒนธรรมการให้และรับของขวัญ (Gift Giving) ถือเป็นธรรมเนียมเก่าแก่ที่เกิดมาควบคู่กับมนุษยชาติ และมีวิวัฒนาการไปตามแต่ละยุคสมัย เป็นขนบนิยมสากลทั่วโลกเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน เพราะนัยสำคัญคือการแสดงมิตรไมตรีจิตและการขอบคุณตอบแทนกลับ จะแตกต่างกันก็เพียงรูปแบบและวิธีการ ซึ่งยึดโยงกับประเพณีในพื้นถิ่นนั้น ๆ   แม้ว่าการให้ของขวัญจะไม่จำเป็นต้องตอบแทนกลับในรูปแบบ “สิ่งของ” เสมอไป แต่ตามธรรมเนียมปฏิบัติในหลายประเทศทั่วโลกนั้น การให้และได้รับคืนกลับ คือหลักที่พึงปฏิบัติเสมอ ไม่ว่าจะเป็นในรูปของธรรมเนียมตามปกติ หรือเป็นประเพณีตามเทศกาลโอกาสพิเศษต่าง ๆ และได้กลายเป็นระบบ “เศรษฐกิจของขวัญ” (Gift Economy) ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปแล้วทั่วโลก ในขณะที่ตลาดอุตสาหกรรมของขวัญของไทย (ล้านบาท) ของที่ระลึกขายนักท่องเที่ยว 28,000 ล้านบาท คิดเป็น 43.8% ส่งออกต่างประเทศ 24,000 ล้านบาท คิดเป็น 37.5% ของชำร่วยส่งเสริมการขาย 10,000 ล้านบาท คิดเป็น 15.6% ของขวัญ 2,000 ล้านบาท คิดเป็น …

ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “ของฝากสุดแซ่บขึ้นชื่อ” แต่ละจังหวัดในภาคอีสาน และ ตลาดของฝากไทย Gift Industry อ่านเพิ่มเติม »

จันทร์แจ่ม ความภูมิใจของชาวหนองคาย นักมวยหญิงไทยคนแรกคว้าเหรียญโอลิมปิก ปารีส 2024

เปิดประวัติน้องบี “จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง” นักมวยหญิงไทยคนแรกและคนเดียวคว้าเหรียญโอลิมปิกในประวัติศาสตร์ จากปารีสเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวดีของคนไทยหลังจาก “จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง” โชว์สุดยอดเพอร์ฟอร์มเอาชนะคู่แข่งมือหนึ่งจากตุรกีอย่าง “บูเซนาส ซูร์เมนลี่” เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2020 เข้ารอบรองชนะเลิศ และเตรียมพบกับ “อิมาน เคลิฟ” นักชกสาวจากแอลจีเรีย ที่ยังคงถูกพูดประเด็นทางเพศในโซเชียลอย่างต่อเนื่อง ด้วยความพยายามและไม่ย่อท้อทำให้ “บี” หรือ “จันทร์แจ่ม” นักมวยหญิงไทยก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของเหรียญโอลิมปิกแรกของไทยในวัย 23 ปี สร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทยสำหรับโอลิมปิกเกมส์ 2024 โดยจันทร์แจ่มจะพบกับนักชกตัวเต็งของรุ่นจากแอลจีเรีย ที่กำลังพูดถึงกันอย่างมากในโลกออนไลน์ “อิมาน เคลิฟ” ในขณะนี้ ประวัติ “จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง” สำหรับ บี จันทร์แจ่ม อายุ 24 ปี เป็นชาว อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะศึกษาศาสตร์ สาขาพลศึกษาและสุขศึกษา มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสุโขทัย และต่อด้วยการรับราชการทหาร ติดยศจ่าอากาศตรี สังกัดทหารอากาศ บีมีความชื่นชอบในมวยจากการเห็นคุณพ่อและคุณตาชื่นชอบในการชมกีฬามวย รวมถึงที่บ้านก็ยังทำธุรกิจค่ายมวย ทำให้เมื่อโตขึ้นในวัย 12 ปี เธอก็เริ่มก้าวเท้าเข้ามาในวงการมวยด้วยชื่อ “น้องบี ป.ประสิทธิ์” ก่อนย้ายสายจากมวยไทยและไปเริ่มต้นในเส้นทางมวยสากลมาจนปัจจุบัน และเริ่มเป็นที่รู้จักจากการแข่งขันมวยสากลชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยประจำปี 2019 จากการคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองในประเภทมวยหญิงรุ่น 69 กิโลกรัม “จันทร์แจ่ม” เริ่มชกมวยตอนอายุ 12 ปี โดยที่บ้านเป็นค่ายมวยและอยู่ชมรมมวยของโรงเรียน วังหลวงพิทยาสรรพ์ อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย ก่อนจะมาในรอบรองชนะเลิศมวยสากลหญิงโอลิมปิก ปารีสเกมส์ “จันทร์แจ่ม” ผ่านสังเวียน สะสมประสบการจนเจนเวทีไม่น้อย ทั้ง เล่นกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ไปสู่ กีฬาแห่งชาติ และก้าวเข้าสู่ทีมชาติในนามสังกัดจังหวัดหนองคาย เข้าร่วมการแข่งขันชกมวยในหลายรายกา พูดถึงผลงานเด่นที่ผ่านมาของบีกันบ้าง กับรางวัลที่สร้างชื่อให้กับบีในวงการมวยสากล ไม่ว่าจะเป็น เหรียญเงินจากการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2022 เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน เหรียญเงินจากการแข่งขันมวยสากลหญิงชิงแชมป์โลก 2023 เหรียญทองในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2023 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เหรียญรางวัลเหล่านี้ล้วนสร้างชื่อเสียงในวงการมวยสากลให้กับบี จนเป็นที่รู้จักของวงการ รวมถึงการแข่งขันนัดสำคัญที่เรียกได้ว่าเป็นแมตช์หยุดโลกเลยก็ว่าได้ กับการลุ้นเหรียญรางวัลของ “บี จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง” กับคู่แข่งตัวเต็งอย่าง “อิมาน เคลิฟ” ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ เวลา 03.34 น. ตามเวลาในประเทศไทย โอลิมปิก ปารีส 2024: วันนี้ 7 สิงหาคม 2567 เวลา 03:34 น. ตามเวลาในประเทศไทย ผลการแข่งขันมวยสากลโอลิมปิก 2024 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่าง “จันทร์แจ่ม …

จันทร์แจ่ม ความภูมิใจของชาวหนองคาย นักมวยหญิงไทยคนแรกคว้าเหรียญโอลิมปิก ปารีส 2024 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง การเข้าถึงและค่าใช้จ่ายของอาหารเพื่อสุขภาพ ของประเทศในกลุ่ม GMS

พามาเบิ่ง การเข้าถึงและค่าใช้จ่ายของอาหารเพื่อสุขภาพ ของประเทศในกลุ่ม GMS . ภูมิภาคเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง Greater Mekong Subregion (GMS) นั้นขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายทางวัฒนธรรมและอาหารการกิน ซึ่งอาหารแต่ละประเทศก็มีเอกลักษณ์และวัตถุดิบเฉพาะตัวที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและภูมิประเทศ แต่ถึงแม้จะมีความแตกต่าง อาหารอาเซียนส่วนใหญ่ก็มีส่วนประกอบที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือ วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น ผัก ผลไม้ สมุนไพร และข้าว ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งสิ้น   อาหารในภูมิภาคนี้ที่ควรลอง: ข้าว: เป็นอาหารหลักของหลายประเทศในอาเซียน มีทั้งข้าวกล้อง ข้าวเหนียว และข้าวหอมมะลิ ซึ่งให้คาร์โบไฮเดรตที่เป็นพลังงานหลักแก่ร่างกาย ผัก: ผักใบเขียว ผักสีส้ม และผักหลากสีสัน อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น ผักบุ้ง ผักกาดขาว ผักกาดเขียว กะหล่ำปลี แตงกวา มะเขือเทศ ผลไม้: ผลไม้ตามฤดูกาล เช่น มะม่วง มังคุด ทุเรียน ลองกอง ส้ม กล้วย ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินและใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย โปรตีน: ได้จากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ถั่ว และไข่ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ในร่างกาย สมุนไพร: ขมิ้นชัน กระเทียม พริกไทยดำ มีสรรพคุณทางยา ช่วยต้านอนุมูลอิสระและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อาหารในกลุ่มประเทศ GMS นั้นไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อยและหลากหลาย แต่ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่จำเป็นต่อร่างกาย การเลือกทานอาหารอาเซียนที่ปรุงอย่างถูกสุขลักษณะและมีส่วนผสมที่หลากหลาย จะช่วยให้คุณได้รับสารอาหารครบถ้วนและมีสุขภาพที่ดี ตัวอย่างอาหารสุขภาพจากประเทศต่างๆ กลุ่มประเทศ GMS: ไทย: แกงเขียวหวานไก่, ต้มยำกุ้ง, ส้มตำ, ผัดไทย เวียดนาม: ก๋วยจั๊บญวน, ผัดซีอิ้ว, ส้มตำ, ปอเปี๊ยะสด ลาว: ลาบ, ส้มตำ, แหนมเนือง, ไส้อั่ว กัมพูชา: อามก, สัมลอร์ค็อก, น้ำพริก, ขนมจีน จีน: เต้าหู้, ซุปเห็ด, ผัดผักรวมมิตร, ปลาอบซีอิ๊ว วิเคราะห์ข้อมูลการเข้าถึงและค่าใช้จ่ายของอาหารเพื่อสุขภาพในกลุ่มประเทศ GMS จากการรวบรวมข้อมูลของ ISAN Insight ที่แสดงให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพ และสัดส่วนประชากรที่เข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาพในแต่ละประเทศสมาชิกกลุ่มประเทศ GMS (Greater Mekong Subregion) นั้น สามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้ ภาพรวม ค่าใช้จ่ายแตกต่างกัน: ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยประเทศจีนแผ่นดินใหญ่มีค่าใช้จ่ายต่ำสุด ขณะที่ประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายสูงสุด การเข้าถึงแตกต่างกัน: สัดส่วนประชากรที่เข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาพในแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยประเทศลาวมีสัดส่วนประชากรที่เข้าถึงสูงสุด ขณะที่ประเทศเวียดนามมีสัดส่วนประชากรที่เข้าถึงต่ำสุด การวิเคราะห์รายประเทศ กัมพูชา: มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันค่อนข้างสูง แต่ข้อมูลเกี่ยวกับสัดส่วนประชากรที่เข้าถึงยังไม่มีการเก็บรวบรวมหรือเผยแพร่อย่างชัดเจน โดยอาหาร และสินค้าโภคภัณฑ์หลายอย่างมีการนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อวันสูง ในขณะที่ค่าเงินอ่อน จีนแผ่นดินใหญ่: …

พามาเบิ่ง การเข้าถึงและค่าใช้จ่ายของอาหารเพื่อสุขภาพ ของประเทศในกลุ่ม GMS อ่านเพิ่มเติม »

ร้อยเอ็ด จังหวัดเกินร้อย จากเมืองประตู 101 ทิศสู่เมืองแลนด์มาร์คแห่งอีสาน

ร้อยเอ็ด จังหวัดเกินร้อย จากเมืองประตู 101 ทิศสู่เมืองแลนด์มาร์คแห่งอีสาน . เมืองร้อยเอ็ด เคยเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “สาเกตนคร” หรือ เมืองร้อยเอ็ดประตู อันเนื่องมาจากเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรื่องโดยที่มีเมืองขึ้นจํานวนมาก ชื่อของเมืองร้อยเอ็ดนั้นได้มาจากเป็นเมืองที่มีประตูล้อมรอบเป็นกําแพง การตั้งชื่อเมืองให้มีความใหญ่เกินเพื่อให้เป็นสิริมงคล ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการตั้งชื่อเมืองโบราณ . ร้อยเอ็ด เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งคนทั่วไปอาจรู้จักในนามของจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัท Global House หนึ่งในร้านค้าวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ของประเทศ ที่เป็นบริษัทที่มีรายได้มากที่สุดในภาคอีสาน แต่ความจริงแล้ว ร้อยเอ็ดมีจุดแข็งและเสน่ห์ในหลายๆ ด้านที่คนอาจยังไม่ทราบกันมากนัก ภาพจาก Global House . ร้อยเอ็ด มีศักยภาพในด้านใดบ้าง ? อีสานอินไซต์ จะพามาเบิ่ง . . เศรษฐกิจของร้อยเอ็ด ปี 2565 มีมูลค่าเศรษฐกิจ (GPP) 83,818 ล้านบาท มากเป็นอันดับ 7 ของอีสาน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต้นๆของภาคอีสาน โดยเศรษฐกิจของร้อยเอ็ดสามารถสร้างรายได้ทั้งจากภาคเกษตรกรรมและภาคบริการเป็นหลัก โดยสัดส่วนโครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัดร้อยเอ็ด ในปี 2565 มาจาก – ภาคบริการ 56,159 ล้านบาท (67%) – ภาคเกษตรกรรม 17,055 ล้านบาท (20%) – ภาคอุตสาหกรรม 10,604 ล้านบาท (13%) . แต่เมื่อดูย่อยเป็นประเภทธุรกิจ ภาคเกษตรกรรมเป็นภาคหลักที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับจังหวัดร้อยเอ็ดได้มากที่สุด โดยร้อยเอ็ดปลูกข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก โดยสามารถปลูกข้าวได้ผลผลิตกว่า 9.5 แสนตัน ในปีการผลิต 2565/2566 ซึ่งถือว่าปลูกข้าวมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของภาคอีสาน . ซึ่งพันธุ์ข้าวที่จังหวัดร้อยเอ็ดปลูกมากที่สุด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งถือเป็นสินค้า GI ประจำจังหวัดร้อยเอ็ดที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมาก โดยร้อยเอ็ดมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้มากที่สุดในภาคอีสาน จาก 5 จังหวัดที่มีพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ โดยมีสัดส่วนพื้นที่กว่า 46% จากพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ทั้งหมด จึงเป็นสินค้าหลักที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัด . และทำให้โรงสีข้าวในร้อยเอ็ดได้รับผลประโยชน์ไปด้วย โดยร้อยเอ็ดมีรายได้จากธุรกิจโรงสีข้าวมากที่สุดในภาคอีสาน โดยมีรายได้กว่า 10,076 ล้านบาทในปี 2566 และโรงสีข้าวที่มีรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท มีมากถึง 4 แห่ง จากบริษัทที่มีรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาททั้งหมด 9 แห่ง หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 44% เลยทีเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทที่มีรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาทในร้อยเอ็ดส่วนใหญ่เป็นโรงสีข้าว  . นอกจากพืชเศรษฐกิจหลักอย่างข้าวแล้ว หลายคนคงไม่รู้ว่าร้อยเอ็ดมีรายได้จากการปลูกพืชอย่างยาสูบอีกด้วย โดยร้อยเอ็ดมีพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตของยาสูบมากที่สุดในภาคอีสาน อีกทั้งเป็นจังหวัดที่ปลูกยาสูบมากเป็นอันดับ 4 ของประเทศ เป็นรองเพียงจังหวัดในภาคเหนือ ได้แก่ เพชรบูรณ์ สุโขทัย …

ร้อยเอ็ด จังหวัดเกินร้อย จากเมืองประตู 101 ทิศสู่เมืองแลนด์มาร์คแห่งอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🥼จำนวนแพทย์และพยาบาลแต่ละประเทศในกลุ่ม GMS 👩‍⚕

พามาเบิ่ง🧐จำนวนแพทย์และพยาบาลแต่ละประเทศในกลุ่ม GMS 🥼👩‍⚕ จำนวนแพทย์ต่อประชากรเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสถานการณ์ด้านสุขภาพของประเทศหนึ่งๆ โดยสามารถบ่งบอกถึงปัจจัยต่างๆ ได้ดังนี้ 🥼การเข้าถึงบริการทางการแพทย์: จำนวนแพทย์ที่มากขึ้นจะส่งผลให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น ลดระยะเวลาในการรอคิว และเพิ่มโอกาสในการได้รับการรักษาพยาบาลที่ทันท่วงที 🥼คุณภาพของการดูแลสุขภาพ: การมีแพทย์เพียงพอจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ละเอียดรอบคอบมากขึ้น แพทย์จะมีเวลาให้คำปรึกษาและตรวจรักษาผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ การกระจายตัวของทรัพยากรบุคคล: การเปรียบเทียบจำนวนแพทย์ในแต่ละพื้นที่ จะช่วยให้เห็นภาพการกระจายตัวของทรัพยากรบุคคลทางการแพทย์ ว่ามีความสม่ำเสมอหรือไม่ และพื้นที่ใดบ้างที่ขาดแคลนแพทย์ 🥼ประสิทธิภาพของระบบสุขภาพ: จำนวนแพทย์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ระบบสุขภาพทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระงานของแพทย์ และป้องกันไม่ให้เกิดการทำงานหนักเกินไป การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม: ประเทศที่มีจำนวนแพทย์ต่อประชากรสูง มักจะมีสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่ดีกว่า เนื่องจากประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีอายุขัยที่ยาวนานขึ้น . ปัจจัยที่ส่งผลต่อจำนวนแพทย์ต่อประชากร: 🥼นโยบายด้านสาธารณสุข: รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการผลิตแพทย์และการกระจายแพทย์ไปยังพื้นที่ห่างไกลหรือไม่ 🥼งบประมาณด้านสาธารณสุข: การลงทุนด้านสาธารณสุขที่เพียงพอจะช่วยเพิ่มจำนวนแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ 🥼สภาพการทำงานของแพทย์: สภาพการทำงานที่น่าพอใจ เช่น เงินเดือนที่ดี สวัสดิการที่ดี จะดึงดูดให้แพทย์เข้ามาทำงานในระบบสาธารณสุขมากขึ้น 🥼การขาดแคลนแพทย์เฉพาะทาง: บางสาขาแพทย์อาจขาดแคลนบุคลากร ซึ่งส่งผลต่อการเข้าถึงบริการทางการแพทย์เฉพาะทาง . มาตรฐานจำนวนแพทย์ต่อประชากร: 🥼องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดมาตรฐานจำนวนแพทย์ต่อประชากรไว้ที่แพทย์ 1 คนต่อประชากร 1,000 คน แต่ค่ามาตรฐานนี้เป็นเพียงตัวเลขที่ใช้เป็นแนวทางเท่านั้น เนื่องจากความต้องการแพทย์จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น โรคระบาด อายุเฉลี่ยของประชากร และสภาพทางภูมิศาสตร์ . สถานการณ์จำนวนแพทย์ต่อประชากรในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (GMS): ภาพรวมสถานการณ์ระบบการดูแลสูขภาพของจีน แพทย์ 25.18 ต่อ ประชากร 10,000 คน พยาบาล 35.20 ต่อ ประชากร 10,000 คน ระบบการรักษาพยาบาลแห่งชาติของประเทศจีนเป็นระบบหลายระดับ โดยมีประกันสุขภาพพื้นฐาน (BMI) เป็นส่วนสำคัญ และมีความช่วยเหลือทางการแพทย์เป็นระบบสำรอง รวมถึงมีประกันสุขภาพเชิงพาณิชย์ การบริจาคการกุศล และกิจกรรมช่วยเหลือทางการแพทย์ร่วมเป็นบริการเสริม ระบบ BMI ครอบคลุมสองกลุ่มหลักคือพนักงานที่ลงทะเบียนในโปรแกรมประกันสุขภาพพื้นฐานของพนักงาน (EBMI) และประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนในโปรแกรมประกันสุขภาพพื้นฐานของประชาชน (RBMI) โดยในเดือนกันยายน 2020 มีประชาชนมากกว่า 1.35 พันล้านคน หรือกว่า 95% ของประชากรทั้งหมดได้รับการคุ้มครองจากโปรแกรม BMI ซึ่งนับเป็นเครือข่ายความปลอดภัยทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีจำนวน 337 ล้านคนที่ได้รับการคุ้มครองจาก EBMI และ 1.014 พันล้านคนได้รับการคุ้มครองจาก RBMI ระบบประกันสุขภาพพื้นฐานมีความยั่งยืนและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2019 มีรายได้จากกองทุนประกันสุขภาพพื้นฐานแห่งชาติ (รวมประกันการคลอด) มูลค่า 2.44 ล้านล้านหยวน และมีค่าใช้จ่ายมูลค่า 2.09 ล้านล้านหยวน นอกจากนี้ ระบบความช่วยเหลือทางการแพทย์ยังมีบทบาทสำคัญในการประกันความมั่นคงทางการแพทย์ให้กับประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย ด้วยการสนับสนุนให้ประชาชนกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์พื้นฐานได้ตั้งแต่ปี 2018 ความช่วยเหลือทางการแพทย์นี้ได้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อยประมาณ 480 ล้านคน รวมมูลค่าประมาณ 330 พันล้านหยวน และได้ดำเนินมาตรการลดความยากจนโดยเฉพาะสำหรับผู้คนที่เจ็บป่วยร้ายแรงกว่า …

พามาเบิ่ง🥼จำนวนแพทย์และพยาบาลแต่ละประเทศในกลุ่ม GMS 👩‍⚕ อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top