SHARP ADMIN

5 กุญแจไขรหัสความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง “สัปเหร่อ” : เจาะลึกเบื้องหลังความประทับใจ กับประวัติศาสตร์หน้าใหม่ หนังไทยวิถีไทบ้านอีสาน 700 ล้าน และ 7 รางวัลสุพรรณหงส์

สัปเหร่อ (อังกฤษ: The Undertaker) เป็นภาพยนตร์ไทยภาษาอีสานแนวตลก ดราม่า สยองขวัญเหนือธรรมชาติ ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2566 และเป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 6 ภาคแยกในจักรวาลไทบ้าน เดอะซีรีส์ กำกับโดยธิติ ศรีนวล นำแสดงโดย ชาติชาย ชินศรี นฤพล ใยอิ้ม อัจฉริยะ ศรีทา สุธิดา บัวติก ภาพยนตร์ได้นำเสนอเกี่ยวกับเรื่องของความเชื่อพื้นถิ่น วิถีชีวิตของอาชีพสัปเหร่อและพิธีกรรมเกี่ยวกับคนตายที่สัมพันธ์กับคติธรรมเรื่องของการปล่อยวาง ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนของภาพยนตร์ไทยท้องถิ่นอีสาน[1] เป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในประเทศไทยในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่ภาพยนตร์ ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ ที่เข้าฉายเมื่อปี พ.ศ. 2557[2] รวมถึงเป็นหนึ่งในสิบอันดับภาพยนตร์ไทยที่ทำเงินสูงสุด ซึ่งเป็นภาพยนตร์จากบริษัทผู้สร้างอิสระเรื่องเดียวที่ติดอันดับดังกล่าว ทำเงินเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดเชียงใหม่ 244.95 ล้านบาท (ทำเงินรวมทั่วประเทศ 729.6 ล้านบาท) จากทุนสร้าง 15 ล้านบาท เป็นภาพยนตร์จากจักรวาลไทบ้านที่ทำเงินเปิดตัวได้สูงสุดและทำรายได้สูงสุด[3] ภาพยนตร์เรื่อง “สัปเหร่อ” ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมชาวไทยเป็นอย่างมาก ด้วยเนื้อหาที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทยที่ผูกพันกับความตายได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง ลองมาวิเคราะห์กันว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นและประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ “สัปเหร่อ” คว้าไป 7 รางวัล #สุพรรณหงส์ครั้งที่32[4]   ได้แก่ 🏆 รางวัลสุพรรณหงส์ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ สัปเหร่อ 🏆 รางวัลสุพรรณหงส์ ผู้กำกับยอดเยี่ยม ได้แก่ ธิติ ศรีนวล จาก สัปเหร่อ 🏆 รางวัลสุพรรณหงส์ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ได้แก่ ชาติชาย ชินศรี จาก สัปเหร่อ 🏆 รางวัลสุพรรณหงส์ บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ สัปเหร่อ 🏆 รางวัลภาพยนตร์ไทยรายได้สูงสุดประจำปี 2566 ได้แก่ สัปเหร่อ 🏆 รางวัลสุพรรณหงส์ เพลงนำภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ เพลงยื้อ – ปรีชา ปัดภัย จาก สัปเหร่อ 🏆รางวัลภาพยนตร์ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยยอดเยี่ยม ได้แก่ สัปเหร่อ

อสังหาฯ อีสาน ลงทุนเพิ่ม แต่ยอดขายไม่พุ่ง คนอยากมีบ้าน ติดกับดักหนี้ครัวเรือน ดอกเบี้ยสูง

REIC เผย อสังหาอีสานปี 67 คาดฟื้นตัว  ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) รายงานสถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังอยู่ระหว่างขายในช่วงครึ่งหลังปี 2566 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ตลาดที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)ของประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 โดยมีจังหวัดหลักที่มีการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน 5จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี อุดรธานี และมหาสารคาม เราจะพบว่าการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลในช่วงเวลานี้จะช่วยให้เรานั้นเห็นภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคอีสาน และสามารถคาดการณ์แนวโน้มในปี 2567 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาพรวมของ ธุรกิจอสังหา(ในอีสาน) เศรษฐกิจในภาพรวมที่ชะลอตัวลง และปัจจัยลบต่างๆ ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะของตลาดที่อยู่ อาศัยของประเทศไทย ทั้งด้านอุปสงค์ที่มีความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง และในด้านอุปทานที่มีการชะลอตัวลง ของอุปทานตามการชะลอตัวของอุปสงค์ จึงส่งผลต่อธุรกิจภาค อสังหาริมทรัพย์ ในภาคอีสานเป็นอย่างมาก 1.1) สถานการณ์ด้านอุปทานที่อยู่อาศัย(ไตรมาสที่1 ปี 2567) ในไตรมาส 1 ปี 2567 มีโครงการที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดินทั่วประเทศ รวมจำนวน 141 โครงการ จำนวน 16,362 หน่วย โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวน 8 โครงการ จำนวน 803 หน่วย โดยมีสัดส่วนร้อยละ 4.9 ซึ่งลดลงร้อยละ 55.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในไตรมาสเดียวกันของจำนวนโครงการ และเมื่อเปรียบจำนวนของโครงการ และหน่วยของการสร้างที่อยู่อาศัยของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็น YoY% จะพบว่ามีการลดลง 75% และ 55.3% ตามลำดับ ซึ่งสามารถสะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ว่านักลงทุนนั้นยังไม่กล้าที่จะลงทุนใน ภาคอสังหาริมทรัพย์มากนัก เนื่องจากหลายปัจจัย ส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตของ อสังหาริมทรัพย์ ในอีสานนั้นยังแสดงทีท่าที่ชะลอตัวลงอยู่เมื่อเปรียบเทียบYoY กับปี2566 ในไตรมาสที่1 1.2) พื้นที่อนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัย ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 มีพื้นที่อนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยทั่วประเทศประมาณ 8,878,735 ตารางเมตร ทั้งนี้ สามารถแบ่งออกเป็นพื้นที่อนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบประมาณ 8,288,604 ตารางเมตร และอาคารชุด ประมาณ 590,131 ตารางเมตร  ในส่วนของ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนพื้นที่ประมาณ 1,515,879 ตารางเมตร ที่มีการอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัย โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.1ของทั้งประเทศ ซึ่งลดลงร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว2566 ในส่วนของที่อยู่อาศัยแนวราบของภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลง ร้อยละ 2.8 ซึ่งไม่พบพื้นที่อนุญาตก่อสร้างอาคารชุดในไตรมาสนี้ และทั่วประเทศนั้นที่อยู่อาศัยแนวราบหรือบ้านเดียว,บ้าน,แฝด มีการก่อสร้างลดลงมาเรื่อยๆตั้งแต่ปี2566 Q1 แสดงให้เห็นดังกราฟด้านล่างนี้ เมื่อพิจารณารายจังหวัดที่มีพื้นที่อนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาส 1 ปี 2567 นครราชสีมา มีสัดส่วนจำนวนพื้นที่ร้อยละ 4.1 ลดลงร้อยละ 17.1 ซึ่งไม่พบพื้นที่อนุญาตก่อสร้างอาคารชุดในไตรมาสนี้ และขอนแก่น มีสัดส่วนจำนวนพื้นที่ร้อยละ 2.6 …

อสังหาฯ อีสาน ลงทุนเพิ่ม แต่ยอดขายไม่พุ่ง คนอยากมีบ้าน ติดกับดักหนี้ครัวเรือน ดอกเบี้ยสูง อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง เศรษฐีหุ้นคนอีสานที่ได้รับเงินปันผลมากกว่า 100 ล้านบาท

พามาเบิ่งเศรษฐีหุ้นคนอีสานที่ได้รับเงินปันผลมากกว่า 100 ล้านบาท..มงคล ประกิตชัยวัฒนานักลงทุนจังหวัด อุบลราชธานีหุ้นที่ถือครองมูลค่าสูงที่สุด KTC 10.0%ธุรกิจบัตรเครดิตมูลค่าเงินปันผลรวมที่ได้ 304 ล้านบาท.ชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์จังหวัด บุรีรัมย์หุ้นที่ถือครองมูลค่าสูงที่สุด NER 27.3%ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสมมูลค่าเงินปันผลรวมที่ได้ 184 ล้านบาท.ฉันทนา จิรัฐิติภัทร์นักลงทุนจังหวัด อุบลราชธานีหุ้นที่ถือครองมูลค่าสูงที่สุด KTC 4.4%ธุรกิจบัตรเครดิตมูลค่าเงินปันผลรวมที่ได้ 150 ล้านบาท.กุณฑี สุริยวนากุลผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 บริษัท Global Houseจังหวัด ร้อยเอ็ดหุ้นที่ถือครองมูลค่าสูงที่สุด GLOBAL 11.3%ธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างมูลค่าเงินปันผลรวมที่ได้ 139 ล้านบาท.เกรียงไกร สุริยวนากุลรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Global Houseจังหวัด ร้อยเอ็ดหุ้นที่ถือครองมูลค่าสูงที่สุด GLOBAL 11.1%ธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างมูลค่าเงินปันผลรวมที่ได้ 136 ล้านบาท.ฮู้บ่ว่าบุคคลทั้ง 5 คนนี้ มีมูลค่าพอร์ตหุ้นของแต่ละคน มากกว่า 1 พันล้านบาท. และ คุณ มงคล ประกิตชัยวัฒนาติดลำดับเศรษฐี ลำดับที่ 42 ของมหาเศรษฐีในประเทศไทยที่จัดอันดับโดย Forbes ปี 2023ไม่ต้องเป็นเซียนหุ้นคุณก็เริ่มเรียนรู้การลงทุนได้ งานฟรีเพื่อชาวอีสานบ้านเฮา“ตลาดหลักทรัพย์ฯ สัญจร ขอนแก่น” พบกันวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2567 เวลา 9.00 – 16.00 น. (เริ่มลงทะเบียน เวลา 08.30 น.) โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่นลงทะเบียนสำรองที่นั่งและรับของที่ระลึกฟรีที่https://setga.page.link/3tx7.อ้างอิงจาก:– วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2566– www.set.or.thติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่https://linktr.ee/isan.insight..#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #การเงินอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #เศรษฐีหุ้น #IsanWealth #เงินทองอีสาน

พามาเบิ่ง🥁งานดนตรี โคราช-ขอนแก่น🎵ปลายปีที่ห้ามพลาด

พามาเบิ่งงานดนตรีปลายปี โคราช-ขอนแก่นที่ห้ามห้ามพลาด . ปัจจุบัน เทศกาลดนตรีในไทยมีมากกว่า 20 งานต่อปี! และถ้าพูดถึงเทศกาลดนตรีที่ดีที่สุดในเอเชีย ไทยจัดอยู่ใน Top 5 และยังนำมาซึ่งเม็ดเงินมหาศาลให้กับพื้นที่ . ยุคนี้ การท่องเที่ยว ไม่ได้ไป ‘เก็บ’ เป้าหมายปลายทาง – แต่คือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ สำหรับนักเดินทางมือใหม่ หลายคนออกเดินทางไปตามสถานที่ที่เป็นปลายทางยอดนิยมเพื่อ ‘เก็บ’ สถิติของตัวเอง ว่าเคยเดินทางไปที่ไหนมาแล้วบ้าง • “เศรษฐกิจเทศกาล” หรือ “Festival Economy” เครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ผ่านการจัดงานเทศกาลหลากหลายรูปแบบ เช่น งานเทศกาลดนตรี งานเทศกาลอาหาร งานเทศกาลวัฒนธรรม ซึ่งมีศักยภาพดึงดูดนักท่องเที่ยว กระตุ้นการใช้จ่าย ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการในท้องถิ่น • “Festival Economy” สามารถต่อยอดไปสู่การเป็น “Festival Tourism” ได้ในอนาคตได้ เนื่องจากนักเดินทางยุคใหม่ต้องการมากกว่าแค่การเที่ยวชมสถานที่ แต่พวกเขาต้องการสัมผัสวัฒนธรรม วิถีชีวิต และประสบการณ์ท้องถิ่นผ่านงานเทศกาลที่มีเอกลักษณ์ เพราะนอกจาก งานดนตรี เหล่านี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวอีสานแล้ว ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวชาติไทยได้จำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้ โคราช เป็นจังหวัดที่มี “ผู้เยี่ยมเยือน” อันดับ 1 ของภาคอีสานตลอดมา • การจัดคอนเสิร์ตระดับโลกกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านช่องทางไหนบ้าง? 1. รายได้โดยตรงจากการจัดคอนเสิร์ต 2. ภาคการท่องเที่ยว ขนส่ง และบริการ 3. บริการทางการเงิน 4. ความร่วมมือระหว่างแบรนด์ 5. ภาพลักษณ์ของจังหวัดและประเทศ ดังนั้น สิ้นปีนี้ ใครอยากไปเก็บประสบการณ์ดนตรีที่ไหน ไปตามกันได้ที่ 8 งานนี้ หรือหากมีที่ไหนจัดอีกมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ของคุณร่วมกันนะ ติดเศร้า CONCERT บอกตัวเองในวันที่เธอไม่อยู่ 3 คอนเสิร์ตที่เป็นพื้นที่เยียวยาจิตใจ จาก Wanyai และ tinn วันที่: 28 ก.ย. 67 สถานที่: อาคาร 50 ปี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ขอนแก่น __________________________________ Knock Knock Knock : BUS 1st THAILAND FANCON TOUR KHON KAEN แฟนคอนเสิร์ตจากศิลปินน้องใหม่ชื่อดังแห่งปี “BUS” ที่มาเสิร์ฟความฟินกันถึงขอนแก่น วันที่: 29 ก.ย. 67 สถานที่: ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติไคซ์ ขอนแก่น __________________________________ Khao Lun …

พามาเบิ่ง🥁งานดนตรี โคราช-ขอนแก่น🎵ปลายปีที่ห้ามพลาด อ่านเพิ่มเติม »

ททท. จัดใหญ่ แสง สี เสียง ฟรี คอนเสิร์ต มหกรรมเสน่ห์ไทย “เสน่ห์อีสานม่วนซื่น” กิน เที่ยว ช้อป ณ ลาน บขส.3 ขอนแก่น

บขส.3 ขอนแก่น Zone คอนเสิร์ตมันส์อีหลี จาก 2 เวทีใหญ่ ขนทัพศิลปินมาม่วน 5 วันเต็ม พบกับ หมอลำวงประถม บันเทิงศิลป์ หมอลำใจเกินร้อยร่วมกับแอน อรดี หมอลำวงสาวน้อย เพชรบ้านแพง หมอลำวงอีสานนครศิลป์ หมอลำวงระเบียบ วาทะศิลป์ พร้อมศิลปินรุ่นใหม่มาร่วมทัพ พบกับ มีนตรา อินทิรา น้ำอ้อย สมใจรักษ์ ต้นฮัก ประธานฮ่าง ฝ้าย เมฆะ เต้ ตระกูลตอ ก๊อตซิลล่า ปิยวัฒน์ แจ๊คกี้ ณัฐวุฒิ ไข่มุก อาทิตตา ต้า ตจว คะแนน นัจนันท์ ทิดแอม โซน ธนกาญจน์ ฟุ๊กกี้ ศิริลักษณ์ ไอดิน อภินันท์ มินตรา น่านเจ้า ออย แสงศิลป์ ออมดาว เอ ณภัทร์ สายแนน โพธิ์งาม วงฮันแนว ศาล ศาลศิลป์ ไข่มุก พิชญา บิว สรรชัย วี พนมภูไท บุ๋ม กนกพร วงอ้ายมีผัวแล้ว ออยเลอร์ เป็นต้น Zone ตลาดแซ่บอีหลี เอาใจสายกินช๊อปที่รวบรวม ร้านอาหาร ของฝาก ของที่ระลึกกว่า 100 ร้านค้าในงาน ที่คัดสรรพิเศษมาสำหรับงานม่วนแบบนี้โดยเฉพาะ Zone “KhonKraft Showcase” จากอัตลักษณ์ที่โดดเด่นงาน Craft ของภาคอีสาน พร้อมร่วมสนุก กิจกรรมworkshop ที่น่าสนใจ กิจกรรม เสน่ห์ม่วนซื่น ฟรีทัวร์ พร้อมกับการลุ้นรางวัล voucher ฟรี!!! มูลค่า 1.5 ล้านบาท ที่ทำให้ลุ้นให้ตัวโก่ง ม่วนกันคักๆ ขอเชิญกันมาม่วนหลาย ให้ซื่นอกซื่นใจ กับ เสน่ห์อีสานม่วนซื่น ณ ขอนแก่น ถ่ายภาพอวดลงโซเชียล ถึงเสน่ห์บ้านเฮา ตามสไตล์คนมักม่วน เจอกัน ณ ลาน บขส. 3 จังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่เวลา 14:00 – 24:00 น. งานนี้ขอย้ำเลยว่า ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เสน่ห์อีสานม่วนซื่นที่ขอนแก่น #แต่ละมื่อแต่ละเดย์ จะม่วนซื่นแค่ไหน พบกันที่ บขส.3 วันที่  25-29 กันยายน 2567 นี้ …

ททท. จัดใหญ่ แสง สี เสียง ฟรี คอนเสิร์ต มหกรรมเสน่ห์ไทย “เสน่ห์อีสานม่วนซื่น” กิน เที่ยว ช้อป ณ ลาน บขส.3 ขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

วิวัฒนาการ “แชร์ลูกโซ่” อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กลโกงไส้ในเดิม ที่เพิ่มเติมรูปแบบใหม่

มีคำกล่าวไว้ว่า “คนเราเรียนรู้จากอดีต” วันนี้มาเผือกเรื่องของคนอยากรวย ว่าเราได้เรียนรู้อะไรกันจากอดีต #แชร์ลูกโซ่ ที่อ้างและแฝงตัวมาในรูป ✓การระดมทุน ✓ขายตรง ✓ออมทอง ✓ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ✓ธุรกิจท่องเที่ยว ✓Bitcoin จนมาถึง ✓StartUp ที่ระดมทุนโดย Venture Capitalists โพสต์นี้ถูกเผยแพร่ เมื่อ 11 กรกฎาคม 2017   #คำเตือนโพสต์นี้มีไว้เพียงเรียกสติก่อนลงทุนเท่านั้น ปี พ.ศ.2520 “นางชม้อย ทิพย์โส” ได้ชักชวนคนนับหมื่นคน มาร่วมลงทุนเป็นเงินจำนวนมากกว่า 4,000 ล้านบาท เธอบอกว่าให้มาร่วมทุนบริษัทนํ้ามัน โดยจะให้ผลตอบแทนอย่างดีเป็น “รายเดือน” โดยที่ไม่มีธุรกิจนี้อยู่จริงๆ แค่มโนขึ้นมา สุดท้ายนางชม้อยกลายเป็นหัวแชร์กว่า 8,000 ล้านบาท และเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงกว่า 4,000 ล้าน โทษจำคุกกว่า 154,005 ปี ที่เรารู้จักกันดีในนาม #แชร์แม่ชม้อย =================================== ปี พ.ศ.2527 “นายเอกยุทธ อัญชันบุตร” เจ้าของบริษัท ชาร์เตอร์ อินเวสต์เมนท์ จำกัด ชักชวนให้คนนำเงินไปลงทุนซื้อสินค้าโภคภัณฑ์และเงินตราต่างประเทศมาเก็งกำไร ให้ผลตอบแทนถึงเดือนละ 9% สูงกว่าแชร์แม่ชม้อยถึง 2.5 % ทำให้มีคนแห่นำเงินมาลงทุน “ทำธุรกิจ” กับนายเอกยุทธจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นนายทหารกับนักการเมือง ก่อนที่จะกลายเป็นคดีดัง #แชร์ชาร์เตอร์ และนายเอกยุทธหนีคดีไปต่างประเทศในปี พ.ศ.2528 และกลับมา พ.ศ.2547 หลังจากคดีหมดอายุความ และถูกฆ่าในปี พ.ศ.2556 =================================== ปลายปี พ.ศ 2529 พรชัย สิงหเสมานนท์ เจ้าของหมู่บ้านเสมาฟ้าคราม โครงการบ้านจัดสรรราคาถูก 700 ยูนิต บนเนื้อที่ 320 ไร่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จัดระดมเงินทุนนอกระบบขึ้น หลังธนาคารระงับการให้สินเชื่อกับโครงการ โดยผู้ลงทุนต้อง “ลงทุน” 12,000 บาท รอ 2 ปี ได้เงิน 36,000 บาท การได้เงินไม่ใช่ได้ก้อนเดียว…ครั้งเดียว ลงทุนไปแล้วทุกเดือน จะได้ผลตอบแทนเดือนละ 1,500 บาท จนครบ 24 เดือน คิดเป็นผลกำไร 12.5% ต่อเดือน หรือ 150% ต่อปี เท่ากับว่า จ่ายเงิน 12,000 บาท รอ 2 ปี จะได้กำไรถึง 2 เท่าตัวคือ 24,000 บาท แต่ต่อมาเพียง 2 …

วิวัฒนาการ “แชร์ลูกโซ่” อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กลโกงไส้ในเดิม ที่เพิ่มเติมรูปแบบใหม่ อ่านเพิ่มเติม »

ทำไมครัวเรือนอีสานมีรายได้เฉลี่ยใกล้เคียงกับทุกภูมิภาค แต่กลับมีเงินไม่พอใช้หนี้

จากการเก็บรวบรวมข้อมูลของทางการเงินสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้รายงาน “การสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน พ.ศ. 2566 ทั่วราชอาณาจักร” จะพบว่าภาคอีสานเป็นภาคที่มีรายได้และรายจ่ายภาคครัวเรือนต่ำที่สุดในประเทศ แต่ถึงแม้ว่ารายได้ของครัวเรือนในภาคอีสานเฉลี่ยนั้นจะมากกว่ารายจ่ายก็จริง ก็ในด้านของหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนนั้นภาคอีสานก็สูงไม่แพ้ภาคอื่นเช่นกัน “ครัวเรือนในภาคอีสานแม้จะมีรายได้เฉลี่ยใกล้เคียงกับภูมิภาคอื่นๆ แต่กลับมีสัดส่วนรายได้จากการทำงานเฉลี่ยน้อยที่สุด และพึ่งพารายได้ที่ได้รับการช่วยเหลือในสัดส่วนที่มากที่สุด ในขณะที่มีหนี้สินครัวเรือนเฉลี่ยเป็นรองเพียงภาคใต้ และ กรุงเทพฯ” หากมาดูโครงสร้างรายได้ของครัวเรือนในภาคอีสานจะพบว่า รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนในภาคอีสานจะอยู่ที่ 22,524 บาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็น รายได้ประจำที่เป็นตัวเงิน 17,908 บาท ซึ่งเป็นรายได้ที่มาจาก 1) การทำงาน 12,724 บาท 2) จากการช่วยเหลือต่าง ๆ 5,024 บาท และ 3) รายได้จากทรัพย์สินต่าง ๆ 161 บาท ส่วนต่อมาได้แก่ รายได้ประจำที่ไม่เป็นตัวเงิน 4,221 บาท เช่น ค่าประเมินค่าเช่าบ้านที่ไม่เสียเงิน หรือสินที่ได้มาโดยไม่ต้องซื้อ เป็นต้น และในส่วนสุดท้าย รายได้ไม่ประจำที่เป็นตัวเงิน 395 บาท เช่น ทุนการศึกษา มรดก เงินจากประกัน เป็นต้น กราฟแสดงรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยของแต่ละภูมิภาคของไทย ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ   ในส่วนของโครงสร้างรายจ่ายของครัวเรือนในภาคอีสานนั้นจะพบว่า รายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนในภาคอีสานจะอยู่ที่ 18,676 บาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็น รายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค 16,540 บาท ซึ่งเป็นรายจ่ายที่มาจาก 1) อาหาร และเครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอล์) 7,202 บาท 2) ที่อยู่อาศัย เครื่องต่างบ้าน และเครื่องใช้ต่าง ๆ 3,870 บาท 3) การเดินทางและการสื่อสาร 3,498 บาท และ 4) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 1,895 บาท และส่วนที่สองได้แก่ รายจ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค 2,136 บาท เช่น เงินสมทบประกันสังคม เงินทำบุญ หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น กราฟแสดงรายจ่ายครัวเรือนเฉลี่ยของแต่ละภูมิภาคของไทย ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ   หากมองเพียงผิวเผินอาจกล่าวได้ว่ารายจ่ายนั้นเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับรายได้ที่เมื่อรายได้ไม่สูงมากนัก การบริโภคจึงไม่สูงตาม ทำให้ภาคอีสานมีสัดส่วนรายจ่ายต่อรายได้สูงที่สุดในประเทศมีสัดส่วนร้อยละ 82.9 จึงทำให้มีเงินออมหรือเงินชำระหนี้น้อยกว่าภาคอื่น ๆ แต่เมื่อพิจารณาทั้งรายได้และรายจ่ายของคนในภาคอีสานให้ละเอียดนั้นจะพบว่า รายได้ประจำที่มากจากการทำงานซึ่งถือเป็นรายได้หลักนั้นเฉลี่ยทั้งครัวเรือนในภาคอีสานมีอยู่เพียง 12,724 บาทต่อเดือนเท่านั้น โดยเมื่อเปรียบเทียบกับในภูมิภาคอื่นแล้วนั้นภาคอีสานถือเป็นภาคที่มีรายได้จากการทำงานต่ำที่สุดในประเทศ คิดเป็นร้อยละ 75 ของรายได้จากการทำงานที่น้อยกว่าภูมิภาคอื่น และเมื่อพิจารณาคู่กับรายจ่ายเฉพาะการอุปโภคบริโภคนั้นมีสูงถึง 16,540 บาทต่อเดือน จึงสามารถกล่าวได้ว่าในทุก ๆ หนึ่งเดือนครัวเรือนภาคอีสานต้องหาเงินเพิ่มอย่างน้อย 3,816 บาทเพื่อให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภค โดยในส่วนนี้ครัวเรือนในภาคอีสานส่วนหนึ่งถูกทดแทนด้วยการช่วยเหลือด้านการเงินจากบุคคลนอกครัวเรือนเฉลี่ยเดือนละ 2,756 บาท …

ทำไมครัวเรือนอีสานมีรายได้เฉลี่ยใกล้เคียงกับทุกภูมิภาค แต่กลับมีเงินไม่พอใช้หนี้ อ่านเพิ่มเติม »

🔎ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง โรงมันสำปะหลัง รายใหญ่แห่งอีสาน🏭

🔎ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง โรงมันสำปะหลัง รายใหญ่แห่งอีสาน🏭 . . ในปี 2565 ประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลัง อยู่ที่ 10.9 ล้านไร่ และมีผลผลิต 34.1 ล้านตัน . โดยในภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเรามีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังมากกว่า 5.9 ล้านไร่ หรือคิดเป็นสัดส่วน 54% ของขนาดพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั้งหมดในประเทศ และมีผลผลิตมากกว่า 18.7 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 55% ของผลผลิตมันสำปะหลังทั้งหมดในประเทศ  . จังหวัดที่มีผลผลิตของมันสำปะหลังที่มากส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในอีสานตอนล่าง อย่างนครราชสีมา ชัยภูมิ อุบลราชธานี และบุรีรัมย์ . . 🏭ในส่วนของธุรกิจเกี่ยวกับโรงมันสำปะหลัง  . บจก.สงวนวงษ์สตาร์ช 📍นครราชสีมา รายได้รวม 5,135 ล้านบาท   บจก.เอี่ยมศิริแป้งมัน 📍ศรีสะเกษ รายได้รวม 2,499 ล้านบาท   บจก.ซีวายวาย โกลบอล 📍สุรินทร์ รายได้รวม 2,448 ล้านบาท   บจก.แป้งมันเอี่ยมอีสานอุตสาหกรร 📍อุบลราชธานี รายได้รวม 2,011 ล้านบาท   บจก.แป้งมันร้อยเอ็ด 📍ร้อยเอ็ด รายได้รวม 2,007 ล้านบาท   บจก.ธนะวัฒน์ อินเตอร์ สตาร์ช 📍ชัยภูมิ รายได้รวม 1,965 ล้านบาท   บจก.เอี่ยมอำนาจ แป้งมัน 📍อำนาจเจริญ รายได้รวม 1,695 ล้านบาท   บจก.อิสาน พรีเมี่ยม สตาร์ช 📍กาฬสินธุ์ รายได้รวม 1,613 ล้านบาท   บจม.พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช 📍มุกดาหาร รายได้รวม 1,299 ล้านบาท   บจก.พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช(2012) 📍สกลนคร รายได้รวม 1,193 ล้านบาท   =================================== 📍นครราชสีมา มีผลผลิตมากที่สุดในอีสาน ผลผลิต 4.6 ล้านตัน   📍ชัยภูมิ ผลผลิต 1.9 ล้านตัน   📍อุบลราชธานี ผลผลิต 1.9 ล้านตัน   📍อุดรธานี ผลผลิต 1.6 ล้านตัน   📍บุรีรัมย์ ผลผลิต 1.3 ล้านตัน …

🔎ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง โรงมันสำปะหลัง รายใหญ่แห่งอีสาน🏭 อ่านเพิ่มเติม »

โฟลค์ ร็อค เพื่อชีวิต ห้ามพลาด! “ลุยเขา มิวสิคเฟสติวัล” จัดเต็ม 26 ศิลปิน 4 แนวดนตรี 12 ชั่วโมง มาไว้ในคอนเสิร์ตเดียว ณ เขาใหญ่มาราธอน

พฤศจิกายนนี้ ห้ามพลาด!! “ลุยเขา มิวสิคเฟสติวัล” ยกขบวนกองทัพ 26 ศิลปิน 4 แนวดนตรี จัดเต็ม 12 ชั่วโมง มาไว้ในคอนเสิร์ตเดียว จัดเต็มกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แสง สี เสียง ห้องน้ำ จราจร และพลุสุดตระการตา บัตรราคา 99O.- (ราคาเต็ม 1,59O.-) ราคานี้จำหน่ายถึง 30 กันยายนนี้ เท่านั้น! **บัตรเข้างาน 1 ใบ สามารถรับชมได้ทั้งสองเวที** . จำหน่ายบัตรทาง Facebook Page >> ลุยเขา มิวสิคเฟสติวัล หรือเคาน์เตอร์เซอร์วิส ใน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ . วันเสาร์ที่ 16 พ.ย. 67 ลานกิจกรรมเขาใหญ่มาราธอน ถนนธนะรัชต์ กม.21 เขาใหญ่ โลเคชั่นงาน : https://maps.app.goo.gl/rgKzeL1apt9MLzHQ7… . #ลุยเขา #ลุยเขามิวสิคเฟสติวัล #Luikhao #Luikhaomusicfestival #LUIKHAOMUSICFESTIVAL #LUIKHAO #LUIKHAO1 #เทศกาลดนตรี #musicfestival   บัตรราคา 99O.- (ราคาเต็ม 1,59O.-) ราคานี้จำหน่ายถึง 30 กันยายนนี้ เท่านั้น! **บัตรเข้างาน 1 ใบ สามารถรับชมได้ทั้งสองเวที**สนใจซื้อบัตร หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook page : ลุยเขา มิวสิคเฟสติวัล หรือคลิกลิ้งค์ >> https://www.facebook.com/share/2wf3T8rcQD8yJ6dr/?mibextid=kFxxJD . ซื้อผ่าน INBOX PAGE คลิ๊ก : m.me/LUIKHAOMUSICFESTIVAL ซื้อผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสใน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ https://www.allticket.com/event/LuiKhaoMusicFestival พบกับ 2 เวที ใหญ่ จัดเต็ม เวทีลุยมาโยก มนัสวีร์ / ฮิวโก้-ใหม่ สิบล้อ / คณะขวัญใจ / ไววิทย์ / เขียนไขและวานิช / อภิรมย์ / เกมส์ สุจิตรา / SITTA / วสันต์ 17 / Whatfalse / ดวงดาวเดียวดาย …

โฟลค์ ร็อค เพื่อชีวิต ห้ามพลาด! “ลุยเขา มิวสิคเฟสติวัล” จัดเต็ม 26 ศิลปิน 4 แนวดนตรี 12 ชั่วโมง มาไว้ในคอนเสิร์ตเดียว ณ เขาใหญ่มาราธอน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ตลอดปีงบประมาณ 2567 ภาคอีสานได้รับจัดสรรงบประมาณ เบิก-จ่าย ไปมากน้อยแค่ไหน

นับถอยหลัง 2 สัปดาห์ ก่อนปิดปีงบประมาณ 2567 อีสานอินไซต์พาเปิดว่าตลอดปี เรื่องเงินๆทองๆของรัฐ เป็นยังไงบ้าง   เริ่มต้นโดยปีนี้ อีสานได้รับจัดสรรงบประมาณทั้งหมดมาที่หน่วยงานในพื้นที่ทั้งหมด 2.3 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงบที่กระทรวงจัดสรรให้กับหน่วยงานภายใต้กำกับในพื้นที่, งบที่ผ่านการบริหารงานของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และสุดท้าย เป็นงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แล้ว 2.3 แสนล้านบาทนั้น มากขนาดไหน เดี๋ยวอีสานอินไซต์จะแสดงให้เห็นภาพเอง   ถึง 2.3 แสนล้าน อาจดูเป็นจำนวนเงินที่มาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตลอดทั้งปีงบฯ 67 มีอนุมัติกรอบวงเงินทั้งหมดถึง 3.4 ล้านล้านบาท สะท้อนว่าจากงบประมาณประเทศ 100% มีมาถึงอีสานเพียงแค่ 6% เท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการกระจุกตัวของงบประมาณในส่วนกลางชัดเจน และเป็นที่น่าตั้งข้อสังเกตว่าทำไมส่วนกลางถึงจัดสรรงบประมาณให้อีสาน ภูมิภาคที่มีทั้งพื้นที่มากที่สุด และประชากรมากที่สุดเพียงเท่านี้   การกระจายอำนาจการบริหาร และงบประมาณ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการนโยบายรายพื้นที่ให้เหมาะสมกับความแตกต่างกันของแต่ละพื้นที่มากที่สุด แต่อีสานอินไซต์เห็นจุดที่น่าสนใจของการกระจายงบประมาณว่าในอีสาน กว่า 89% ของงบที่ได้รับจัดสรร เป็นงบที่ได้รับผ่านหน่วยงานย่อยในแต่ละกระทรวงเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานของหน่วยงานนั้น ๆ ซึ่งมีรูปแบบการบริการจัดการที่มีความใกล้เคียงกันสูงในแต่ละพื้นที่ ต่อมาอีก 2% เป็นงบที่จ่ายผ่านจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ซึ่งนับเป็นอำนาจการบริหารจัดการของผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละพื้นที่ ซึ่งก็ยังต้องขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทยจากส่วนกลางอยู่ดี ทำให้เหลืองบอีกเพียง 9% เท่านั้น ที่เป็นงบส่งเสริมให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นบุคคลที่นับเป็น represent จากการลงคะแนนเสียงของคนในพื้นที่ ซึ่งเมื่อมองในรูปแบบนี้แล้ว จะเห็นข้อจำกัดอย่างชัดเจนในการดำเนินการนโยบายหรือมาตรการต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับพื้นที่ จากข้อจำกัดของงบประมาณที่ได้รับอย่างจำกัด และถึงแม้ปัญหาในปัจจุบันในหลายพื้นที่อาจยังไม่ถูกแก้ไข แต่วงเงินในปัจจุบันของ อปท. ในปีงบฯนี้ก็ถูกเบิกจ่ายจนใกล้ครบถ้วนแล้ว ทำให้ในหลายพื้นที่ อาจมีโอกาสที่เจอปัญหาในพื้นที่ไม่ถูกแก้ให้ตรงจุด จากมาตรการหลักของส่วนกลางที่อาจจะไม่ “One Size Fits All” นั้นเอง     ที่มา ข้อมูลเบิกจ่ายล่าสุด ณ วันที่ 13 กันยายน 2567 จากกรมบัญชีกลาง

Scroll to Top