SHARP ADMIN

พามาเบิ่ง เมื่อค่าแรงไล่ตาม “ค่าครองชีพ” ไม่ทัน จากราคาสินค้าปี 2559 สู่ 2568 พุ่งทะยาน

ปี 2559 ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567 ปี 2568 300 บาท 305-308 บาท 310-320 บาท 310-320 บาท 313-325 บาท 313-325 บาท 328 – 340 บาท 328 – 340 บาท 340-352 บาท 347-359 บาท   ทอง (1 บาท) 2559 21,500 บาท 2568 51,550 บาท เพิ่มขึ้น 30,050 บาท ≈ 139.77%   หมู (เนื้อแดง สะโพก ตัดแต่ง)  2559 152.50 บาท/กก. 2568 175.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 22.50 บาท ≈ 14.75%   ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 2559 3.75 บาท/ฟอง 2568 4.70 บาท/ฟอง เพิ่มขึ้น 0.95 บาท ≈ 25.33%   ทุเรียนหมอนทอง 2559 110.00 บาท/กก. 2568 225.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 115.00 บาท ≈ 104.55%   น้ำมันปาล์ม (ขวด1 ลิตร) 2559 40.00 บาท/ขวด 2568 57.50 บาท/ขวด เพิ่มขึ้น 17.50 บาท ≈ 43.75%   ข้าวสารเจ้า 100% ธรรมดา (ข้าวใหม่) 2559 405.00 บาท/15 กก. 2568 425.00 บาท/15 […]

พามาเบิ่ง เมื่อค่าแรงไล่ตาม “ค่าครองชีพ” ไม่ทัน จากราคาสินค้าปี 2559 สู่ 2568 พุ่งทะยาน อ่านเพิ่มเติม »

มัดรวมให้อ่าน 5 คลิปบทสัมภาษณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น

มัดรวมให้อ่าน บทสัมภาษณ์ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น . #KKTCityupdate ชวนเจาะลึก บทสัมภาษณ์ กับ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น โดย DOC.KK และ Khon Kaen Let’s Go ขอนแก่นแล่นโลด ได้คุยกับทั้ง 5 ผู้สมัคร พร้อมด้วย 3 คำถามสำคัญของแนวนโยบาย วิสัยทัศน์ต่อการเข้ามาบริหารเทศบาลนครขอนแก่น . #ISANInsightAndOutlook #บ้านเมืองอีสาน #เทศบาลนคร #เทศบาลนครขอนแก่น   เบอร์ 1 คุณวสันต์ ชูชัย คลิปสัมภาษณ์ จาก ขอนแก่นแล่นโลด https://www.facebook.com/share/v/19hWuDSM7y/ คลิปสัมภาษณ์ จาก DOC.KK https://www.facebook.com/share/v/1Ad8WeVQQF/     เบอร์ 2 คุณเต๊าะ นันทวัลย์ ไกรศรีวรรธนะ คลิปสัมภาษณ์ จาก ขอนแก่นแล่นโลด https://www.facebook.com/share/v/16LR4uM7pT/ คลิปสัมภาษณ์ DOC.KK https://www.facebook.com/share/v/1AhyUpjhNN/     เบอร์ 3 คุณแนน วรินทร์ เอกบุรินทร์ คลิปสัมภาษณ์ จาก ขอนแก่นแล่นโลด https://www.facebook.com/share/v/1HbUJ1q1cZ/ คลิปสัมภาษณ์ DOC.KK https://www.facebook.com/share/v/194WL9XBvp/ เบอร์ 4 คุณอ๊อฟ เบญจมาภรณ์ ศรีละบุตร คลิปสัมภาษณ์ จาก ขอนแก่นแล่นโลด https://www.facebook.com/share/v/1CL2zV36p4/ คลิปสัมภาษณ์ DOC.KK https://www.facebook.com/share/v/16BzMcxBEq/   เบอร์ 5 คุณฤทธิ์ ประสิทธิ์ ทองแท่งไท คลิปสัมภาษณ์ จาก ขอนแก่นแล่นโลด https://www.facebook.com/share/v/19K6sNhPR4/ คลิปสัมภาษณ์ DOC.KK https://www.facebook.com/share/v/195eJAYRvL/ มัดรวมให้อ่าน บทสัมภาษณ์ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น นอกจากนั้น ISAN Insight เผยข้อมูล น่าฮู้ เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น อำเภอ เมืองขอนแก่น ขนาดพื้นที่ 46 ตร.กม. ประชากร 105,020 คน งบประมาณประจำปี 2566 ฿1.55 พันล้านบาท ประกอบไปด้วย จัดเก็บเอง: 466.20 ล้านบาท รัฐจัดสรร: 699.30

มัดรวมให้อ่าน 5 คลิปบทสัมภาษณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

หนองบัวลำภู เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 3.0 ความลึก 4 กม. กลางดึก ยันส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน

หนองบัวลำภู เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 3.0 ความลึก 4 กม. ตีหนึ่ง ไม่รุนแรงหรือส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 3.0 ความลึก 4 กิโลเมตร ต.บุญทัน อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู ขณะที่ แผ่นดินไหว ขนาด 2.6 ประเทศเมียนมา ห่าง อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 157 กิโลเมตร วันนี้ (6 พ.ค.2568) เวลา 01.36 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเกิดเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 3.0 ความลึก 4 กิโลเมตร ในพื้นที่ของ ต.บุญทัน อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู เบื้องต้นยังไม่มีรายงานการรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน ที่มา:กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยยันไม่กระทบสิ่งปลูกสร้าง เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่ตรวจสอบ จุดศูนย์กลาง #แผ่นดินไหว ที่เป็นสิ่งปลูกสร้าง อ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง รวมทั้งฝายน้ำล้นและสะพาน ในพื้นที่ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู หลังเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (6 พ.ค. 68) เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.0 โดยประชาชนรับรู้ถึงแรงสั่นไหวได้

หนองบัวลำภู เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 3.0 ความลึก 4 กม. กลางดึก ยันส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน อ่านเพิ่มเติม »

ขอนแก่นกับโอกาสในการเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับนักทำงานออนไลน์ (Digital Nomads) จากทั่วโลก

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพัฒนาอย่างรวดเร็ว วิถีการทำงานของผู้คนทั่วโลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ คือการทำงานในรูปแบบ “Digital Nomads” หรือ “นักเดินทางดิจิทัล” โดยเพื่อความง่ายในการเข้าใจ บทความนี้จะใช้คำแปลว่า ”นักทำงานออนไลน์” ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนที่ใช้เทคโนโลยีในการทำงานจากระยะไกล โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสถานที่ทำงานแบบดั้งเดิม และจากสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 ก็ได้ส่งผลให้จำนวนนักทำงานออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2567 มีกลุ่มคนอเมริกันที่นิยามตัวเองว่าเป็นนักทำงานออนไลน์เพิ่มขึ้นจากปี 2562 กว่า 147% (MBO partners, 2024) ซึ่งพวกเขาสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ในเมืองใหญ่ ชายหาดในต่างประเทศ หรือพื้นที่ชนบทที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งเหล่านักทำงานออนไลน์เหล่านี้ก็ได้กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายยอดนิยมของกลุ่มคนเหล่านี้ จากการสำรวจของ Flatino (2023) พบว่านักทำงานออนไลน์ มีลักษณะโดยทั่วไปดังนี้ ลักษณะประชากรศาสตร์: นักทำงานออนไลน์ ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย อายุระหว่าง 30 ถึง 39 ปี หรือกลุ่ม Gen Y และมาจากหลากหลายประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นชาวตะวันตกผิวขาวหรือก็คือฝรั่งนั่นเอง  กว่า 40% มาจากสหรัฐอเมริกา รองลงมาเป็นประเทศต่างๆ ในยุโรป การทำงานและรายได้: 32% ของนักทำงานออนไลน์มีงานประจำ และ 35% ทำงานเป็นฟรีแลนซ์ อุตสาหกรรมหลักที่นักทำงานออนไลน์ทำงานอยู่ ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีทั่วไป สื่อ การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และการตลาด โดยนักทำงานออนไลน์ประมาณ 40% มีรายได้ 1.5 – 2.6 ล้านบาท/ปี และ 20% มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท/ปี วิถีชีวิตและการอยู่อาศัย: ชาวนักทำงานออนไลน์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนหัวก้าวหน้า โดย 43% ชอบที่จะเดินทางคนเดียว และ 24% มีเพื่อนหรือคู่หูร่วมเดินทางด้วย โดยในการอยู่อาศัยต่างถิ่นจะอยู่ช่วงสั้นๆ แล้วแต่ความต้องการ โดยประมาณ 55% จะอยู่ที่ใดที่หนึ่งไม่เกิน 4 เดือน ซึ่งการหาที่พักเป็นสิ่งที่เหล่านักเดินทางออนไลน์กังวลใจที่สุด โดยนอกจากการทำงานแล้ว พวกเขาก็ชอบที่จะมีกิจกรรมที่หลากหลายทำ เช่น เล่นกีฬา หรือ ปาร์ตี้ เป็นต้น ตามที่เกริ่นไปว่าประเทศไทย โดยเฉพาะ กรุงเทพฯ  และเชียงใหม่ เป็นเมืองยอดนิยมอันดับต้นๆ สำหรับพวกเขา เนื่องจากค่าครองชีพที่ถูก มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุม มีสถานที่ท่องเที่ยวและหลากวัฒนธรรมน่าดึงดูด นอกจากนั้นสังคมไทยยังค่านิยมที่ฝังรากลึกอย่าง “White privilege” หรือเอกสิทธ์คนขาว ที่คนมักจะปฏิบัติต่อฝรั่งผิวขาวในทางที่ดีกว่า ส่งผลให้ชาวตะวันตกสามารถใช้ชีวิตในเมืองไทยได้ค่อนข้างสะดวกสบาย และทางรัฐบาลไทยก็ได้ส่งเสริมกลุ่มนักทำงานออนไลน์เช่นกัน ผ่านการให้วีซ่า DTV (Destination Thailand Visa) เพื่อให้ชาวต่างชาติที่ทำงานระยะไกลสามารถพำนักและทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกกฎหมาย นักทำงานออนไลน์ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง มีแนวโน้มใช้จ่ายในท้องถิ่น ส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก

ขอนแก่นกับโอกาสในการเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับนักทำงานออนไลน์ (Digital Nomads) จากทั่วโลก อ่านเพิ่มเติม »

ทำไม ขอนแก่น ถึงถูกวางให้เป็นศูนย์กลางของภาคอีสาน?

ทำไม ขอนแก่น ถึงถูกวางให้เป็นศูนย์กลางของภาคอีสาน . . ขอนแก่นมักจะเป็นจังหวัดแรกๆที่คนนึกถึง เมื่อพูดถึงอีสาน จากตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่อยู่ตรงกลางของภาคอีสาน . แต่ขอนแก่นไม่ได้เป็นเพียงศูนย์กลางของอีสานในด้านภูมิศาสตร์เท่านั้น เพราะจังหวัดแห่งนี้ ยังถือว่าเป็นศูนย์กลางในหลายๆด้านของภาคอีสานอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การศึกษา การแพทย์ การคมนาคม และศูนย์ราชการ ทำให้มีผู้เกิดผู้คนสัญจรและเศรษฐกิจหมุนเวียนเข้าจังหวัดจำนวนมากและต่อเนื่อง . ขอนแก่น น่าสนใจอย่างไร ทำไม ถึงจึงถูกวางให้เป็นศูนย์กลางของภาคอีสาน ? อีสานอินไซต์ จะพามาเบิ่ง . . 1. ขอนแก่น มีพื้นที่ประมาณ 10,880 ตารางกิโลเมตร ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของภาคอีสาน โดยมีเขตติดต่อกับหลายจังหวัด . – ทิศเหนือ ติดกับอุดรธานี เลย และหนองบัวลำภู – ทิศใต้ ติดกับนครราชสีมา และบุรีรัมย์ – ทิศตะวันออก ติดกับกาฬสินธุ์ และมหาสารคาม – ทิศตะวันตก ติดกับชัยภูมิ และเพชรบูรณ์ . จะเห็นว่าขอนแก่นตั้งอยู่ในภาคอีสานตอนกลาง ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างภาคอีสานตอนบน และภาคอีสานตอนล่าง หลายคนจึงเรียกจังหวัดนี้ว่าเป็น ศูนย์กลางของภาคอีสาน . อีกทั้งขอนแก่น ยังเป็นจังหวัดที่สามารถเดินทางได้สะดวก ทั้งทางรถยนต์ รถไฟ และทางเครื่องบิน ถือว่าเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งที่สำคัญของภาคอีสาน โดยสนามบินขอนแก่นเองก็มีศักยภาพในการรองรับการเดินทางของผู้โดยสารได้ไม่ต่ำกว่า 100,000 คนต่อวัน และมีเส้นทางการบิน ขอนแก่น-กทม (16 เที่ยวต่อวัน) และบินตรงระหว่างภูมิภาค ขอนแก่น-ภูเก็ต (3 วันต่อสัปดาห์) ขอนแก่น-เชียงใหม่ (ทุกวัน) อีกทั้ง สนามบินขอนแก่นยังเป็นสนามบินนานาชาติ (รองรับสายการบินระหว่างประเทศได้ เมื่อมีความต้องการ) . 2. ส่วนในด้านเศรษฐกิจนั้น ปี 2565 ขอนแก่น มีมูลค่าเศรษฐกิจ (GPP) 216,367 ล้านบาท มากเป็นอันดับ 2 ของอีสาน (เป็นรองจังหวัดโคราช) และอันดับที่ 16 ของประเทศ และมีรายได้ต่อหัว (GPP per capita) 126,636 บาท มากเป็นอันดับ 2 ของอีสาน ซึ่งทางด้านเศรษฐศาสตร์รายได้ต่อหัวสะท้อนถึงคนมีเงินมากน้อยแค่ไหน ยิ่งตัวเลขมากก็หมายถึงคนมีกำลังซื้อสูงนั่นเอง โดยเศรษฐกิจของขอนแก่นพึ่งพารายได้จากภาคบริการ และภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก สะท้อนได้จากข้อมูลสัดส่วนโครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัดขอนแก่น ในปี 2565 มาจาก – ภาคบริการ 56% – ภาคอุตสาหกรรม 34% – ภาคเกษตรกรรม 10% . ซึ่งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก

ทำไม ขอนแก่น ถึงถูกวางให้เป็นศูนย์กลางของภาคอีสาน? อ่านเพิ่มเติม »

มัดรวมให้อ่าน บทสัมภาษณ์ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น

#KKTCityupdate ชวนเจาะลึก บทสัมภาษณ์ กับ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น โดย #KhonkaenTalk ได้คุยกับทั้ง 5 ผู้สมัคร พร้อมด้วย 3 คำถามสำคัญของแนวนโยบาย วิสัยทัศน์ต่อการเข้ามาบริหารเทศบาลนครขอนแก่น เบอร์ 1 คุณวสันต์ ชูชัย อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1V4jFiVWUJ/ เบอร์ 2 คุณเต๊าะ นันทวัลย์ ไกรศรีวรรธนะ อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1UQ1Hzumhv/ เบอร์ 3 คุณแนน วรินทร์ เอกบุรินทร์ อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1AS1r3KZiw/ เบอร์ 4 คุณอ๊อฟ เบญจมาภรณ์  ศรีละบุตร อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1aBGC8xbbM/ เบอร์ 5 คุณฤทธิ์ ประสิทธิ์ ทองแท่งไท อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/19K99rkWh6/     นอกจากนั้น ISAN Insight เผย ข้อมูล น่าฮู้ เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น อำเภอ เมืองขอนแก่น ขนาดพื้นที่ 46 ตร.กม. ประชากร 105,020 คน งบประมาณประจำปี 2566 ฿1.55 พันล้านบาท ประกอบไปด้วย จัดเก็บเอง: 466.20 ล้านบาท รัฐจัดสรร: 699.30 ล้านบาท เงินอุดหนุน: 388.50 ล้านบาท พามาเบิ่ง เทศบาล ทั้งประเทศผ่าน เทศบาลใกล้ฉัน.site/ และเตรียมพบกับแคมเปญครั้งยิ่งใหญ่ 𝗞𝗵𝗼𝗻 𝗞𝗮𝗲𝗻 𝗡𝗲𝘅𝘁 𝟮𝟬𝟮𝟱 โดย กลุ่ม 𝙆𝙝𝙤𝙣 𝙆𝙖𝙚𝙣 𝘾𝙧𝙚𝙖𝙩𝙤𝙧𝙨 𝘾𝙤𝙡𝙡𝙚𝙘𝙩𝙞𝙫𝙚 และ 15 เพจพันธมิตร ผู้ติดตามกว่า 4 ล้าน ร่วมถ่ายทอด ดีเบตครั้งใหญ่! “เมืองขอนแก่นจะไปทางไหนต่อ?” 𝗞𝗵𝗼𝗻 𝗞𝗮𝗲𝗻 𝗡𝗲𝘅𝘁 𝟮𝟬𝟮𝟱: เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น 2568     แหล่งข้อมูล: งบประมาณปี 2566 ของเทศบาลทั้งหมด 2472 แห่ง ขอบเขตของเทศบาลทั้งหมด 2472 แห่ง

มัดรวมให้อ่าน บทสัมภาษณ์ 5 ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

ไขรหัส แผนพัฒนา กาฬสินธุ์ จากโมเดลแก้จน สู่จังหวัดที่การลงทุนจากจีนเป็นอันดับ 2 ของอีสาน

“มั่งคั่งด้วยเกษตรปลอดภัย ท่องเที่ยววิถีใหม่ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” คำขวัญเชิงนโยบายนี้สะท้อนภาพการพัฒนาอย่างสมดุลของจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างทั่วถึง สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด ที่วางเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนและครอบคลุม . “เมื่อกาฬสินธุ์กลายเป็นจุดสนใจของทุนต่างชาติ: ศักยภาพที่ยังรอการปลดล็อก” แม้จะไม่ได้เป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวหรือศูนย์กลางเศรษฐกิจใหญ่ในภาคอีสาน แต่กาฬสินธุ์กำลังกลายเป็นพื้นที่ศักยภาพสูงที่ได้รับความสนใจจากการลงทุน โดยเฉพาะจากต่างประเทศ ตัวอย่างชัดเจนคือ การที่กาฬสินธุ์มีมูลค่าการลงทุนจากประเทศจีนสูงเป็นอันดับ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คิดเป็นมูลค่าร่วมกว่า 828 ล้านบาท การลงทุนจากจีนในด้านการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรอาจเป็นจุดพลิกของเศรษฐกิจท้องถิ่น หากมีการยกระดับห่วงโซ่อุปทาน เช่น การพัฒนาศูนย์โลจิสติกส์ หรือ อุตสาหกรรมอาหารปลอดภัย ก็สามารถเปลี่ยนจังหวัดนี้จากพื้นที่วัตถุดิบให้เป็นศูนย์กลางแปรรูปที่มีมูลค่าเพิ่มได้ แต่ความเสี่ยงที่ตามมาคือการกระจุกตัวของประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และการขาดความสามารถในการต่อรองของเกษตรกรรายย่อย หากไม่มีระบบกำกับดูแลหรือกลไกตรวจสอบร่วมระหว่างรัฐและชุมชน . . โดยจังหวัดกาฬสินธุ์ก็มีบริษัทขนาดใหญ่ที่มีทุนจดทะเบียนมากกว่า 774 ล้านบาท อย่างบริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลอีสาน จำกัด ซึ่งทำธุรกิจการผลิตน้ำตาลบริสุทธิ์ โดยมีมูลค่าการลงทุนของชาวจีนมากกว่า  14.3 ล้านบาทเลยทีเดียว และนอกเหนือจากการลงทุนในน้ำตาลบริษุทธิ์ ก็จะมีดังนี้ตามภาพ และเมื่อดูสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนชาวจีน จะพบว่า มีการลงทุนกระจุกตัวในพื้นที่ NeEC (ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคอีสาน) เป็นหลัก มีมูลค่ารวมกันทั้ง 4 จังหวัดมากกว่า 588 ล้านบาท หรือหรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40% เลยทีเดียว ซึ่งในพื้นที่ NeEC เป็นเส้นเชื่อมระหว่างเขตขยายแนวทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกับจีน โดยส่วนใหญ่นักลงทุนชาวจีนนิยมลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มากที่สุด และภาคการผลิตที่เกี่ยวกับยาง   . .   กาฬสินธุ์จะสามารถ “มั่งคั่งด้วยเกษตรปลอดภัย” ได้อย่างไร? ภาคเกษตรกรรมยังคงเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะการส่งเสริมการปลูกข้าวอินทรีย์ ข้าว GAP และข้าว GIอย่างข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ ที่มีการรับรองมาตรฐาน ช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร การรวมกลุ่มของเกษตรกร การสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ และการเป็นที่รู้จักของแบรนด์ข้าวกาฬสินธุ์ในตลาดพรีเมียมคือจุดแข็งสำคัญ แต่ยังมีข้อจำกัด เช่น การเข้าถึงตลาดของเกษตรกรรายย่อยยังจำกัด และยังขาดเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ การสร้างแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระดับจังหวัดและการพัฒนาเครือข่ายระบบชลประทานขนาดเล็ก จะช่วยแก้ไขข้อจำกัดเหล่านี้ และยังช่วยส่งเสริมให้เกิดการสร้าง “ตราสินค้าจังหวัด” ผ่านการเชื่อมโยงเกษตรปลอดภัยกับวัฒนธรรม เช่น ผ้าไหมแพรวา+ข้าวอินทรีย์+วิถีอีสาน ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มจากประสบการณ์มากกว่าการผลิตที่เพิ่มปริมาณ   . .   ท่องเที่ยววิถีใหม่: ผสานวัฒนธรรมและความยั่งยืน กาฬสินธุ์มีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทั้งแหล่งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการพัฒนา “การท่องเที่ยววิถีใหม่” ที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ โดยเฉพาะแนวคิด slow tourism และ soft power ท้องถิ่น เช่น การสาธิตการทอผ้าแพรวาโดยชาวบ้านดั้งเดิม หรือการจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปทำอาหารอีสานที่ใช้วัตถุดิบปลอดภัยจากชุมชน การวางแผนเชิงพื้นที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาคนในพื้นที่ให้สามารถทำหน้าที่เป็นไกด์ที่มีความเชี่ยวชาญในโซนท้องถิ่น จะช่วยสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ขณะเดียวกัน การร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในพื้นที่ในการวิจัยพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ เช่น เส้นทางตามรอยไดโนเสาร์  หรือเส้นทางวิถีเกษตร จะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง   . กาฬสินธุ์ ถิ่นน้ำดำ

ไขรหัส แผนพัฒนา กาฬสินธุ์ จากโมเดลแก้จน สู่จังหวัดที่การลงทุนจากจีนเป็นอันดับ 2 ของอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง แรงงานนอกระบบในอีสานมีจำนวนเยอะแค่ไหน

พามาเบิ่ง อีสานมีแรงงานนอกระบบมากที่สุด แม้เกษียณก็ยังต้องทำงาน? แรงงานในภาคอีสานทำอาชีพในกลุ่มไหน ในระบบ นอกระบบ ภาคการเกษตร 2.8% 97.2% ภาคการค้า 39.3% 60.7% ภาคบริการ 56.0% 44.0% ภาคการผลิต 59.0% 41.0% ปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานรวมประมาณ 40 ล้านคน แต่มีเพียง 19 ล้านคนเท่านั้นที่เป็นแรงงานในระบบ ส่วนอีกกว่า 21 ล้านคนยังคงเป็นแรงงานนอกระบบ ซึ่งหมายความว่าแรงงานในกลุ่มนี้ไม่มีสิทธิประโยชน์หรือสวัสดิการทางสังคมเทียบเท่ากับแรงงานในระบบ เมื่อเจาะลึกไปยังภาคอีสานซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีจำนวนแรงงานมากเป็นอันดับสองของประเทศ กลับพบว่าภาคที่มีแรงงานนอกระบบมากที่สุด คิดเป็น 7.4 ล้านคน หรือ 35.4% ของแรงงานนอกระบบทั้งประเทศ ขณะที่แรงงานในระบบในภาคอีสานมีเพียง 2.3 ล้านคน หรือ 12.0% ของแรงงานในระบบทั่วประเทศ ซึ่งนับว่าน้อยเกือบที่สุด เป็นรองเพียงภาคเหนือ หากพิจารณาภายในภูมิภาคเอง จะพบว่า แรงงานกว่า 76.4% ในภาคอีสานเป็นแรงงานนอกระบบ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างด้านแรงงานที่ฝังรากลึก และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและเร่งด่วน แรงงานนอกระบบในภาคอีสานกว่า 72.7% กระจุกตัวอยู่ในภาคเกษตรกรรม หากพิจารณาภาพรวมทั้งประเทศ ซึ่งมีแรงงานภาคเกษตรประมาณ 12.6 ล้านคน พบว่าแรงงานนอกระบบในอีสานมีจำนวนสูงถึง 5.4 ล้านคน หรือ คิดเป็น 42.6% ของแรงงานภาคเกษตรทั่วประเทศ แม้ว่าภาคอีสานจะมีแรงงานภาคเกษตรมากที่สุดในประเทศ แต่กลับสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในภาคการเกษตรได้เพียง 21.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภูมิภาค (GRP) ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่สมดุลระหว่าง “ปริมาณแรงงาน” กับ “มูลค่าผลิตภัณฑ์” ที่เกิดขึ้น เนื่องจากการที่แรงงานจำนวนมากยังคงอยู่นอกระบบ สะท้อนถึงแนวโน้มที่ธุรกิจภาคเกษตในอีสานจำนวนไม่น้อยยังคงอยู่นอกระบบเศรษฐกิจเช่นกัน หากภาครัฐสามารถผลักดันให้ทั้งแรงงานและธุรกิจในกลุ่มนี้เข้าสู่ระบบได้มากขึ้น ก็จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มจำนวนแรงงานในระบบ และยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานได้ แนวโน้มแรงงานนอกระบบในช่วงวัยทอง (Silver/ Gold Age 50 ปีขึ้นไป) ที่ทำงานนอกระบบ จะกลายเป็นแรงงานสูงวัยนอกระบบ ผนวกกับแรงงานในระบบที่ต้องทำงานหลังเกษียณจากระบบ ยิ่งทำให้ตัวเลขนี้มีแต่จะเติบโตขึ้น ดังนั้น ปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งแรงงานนอกระบบที่มีมากกว่าในระบบ สังคมสูงวัย จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในอนาคต รวมทั้งจะเกิดปัญหา “แก่ก่อนรวย” แรงงานในระบบไม่มีแผนเกษียณหรือการวางแผนทางการเงินซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในเชิงครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจตามมา จากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด จึงต้องการการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งการขยายวัยเกษียณการทำงานในระบบสำหรับคนที่สมัครใจอยากทำงาน และมีศักยภาพ เพื่อไม่ให้ตัวเลขแรงงานนอกระบบเพิ่มขึ้น การสร้างงานและการนำเทคโนโลยีทดแทนแรงงาน แรงงานนอกระบบส่วนใหญ่ในอีสานเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปี และลดหลั่นลงมาตาช่วงอายุ ส่วนหนึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าแม้จะแก่แล้วก็ยังต้องทำงานอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือ แม้แต่แรงงานในระบบเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณก็ยังต้องทำงานและไม่สามารถทำงานในระบบได้อีก จึงต้องมาทำงานนอกระบบมากขึ้น แรงงานในระบบทั่วประเทศจะมีมากกว่า 19 ล้านคน แต่มีเพียง 14 ล้านคน เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงสวัสดิการสังคม แม้ว่าแรงงานในระบบทั่วประเทศจะมีมากกว่า 19 ล้านคน แต่มีเพียง 14 ล้านคน เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงสวัสดิการสังคม เช่น ประกันสังคม

พามาเบิ่ง แรงงานนอกระบบในอีสานมีจำนวนเยอะแค่ไหน อ่านเพิ่มเติม »

ครม. ไฟเขียว 400 ลบ. พัฒนากลุ่มจังหวัด “สนุก” มุ่งสู่เป้าหมาย “เชื่อมโยงอนุภูมิภาคและจุดหมายการพักผ่อนริมโขง”

ครม. ไฟเขียว 400 ลบ. พัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 มุ่งสู่เป้าหมาย “เชื่อมโยงอนุภูมิภาคและจุดหมายการพักผ่อนริมโขง” . ครม.(29เม.ย.68) รับทราบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (นครพนม สกลนคร มุกดาหาร) ตามที่ สศช. เสนอ พร้อม เห็นชอบในหลักการโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด จำนวน 4 โครงการ กรอบวงเงิน 200 ล้านบาท โดยให้ขอรับจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบฯ 2568 งบกลาง และให้ สำนักงบประมาณพิจารณาความพร้อม ความคุ้มค่า และความเหมาะสมตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด . เห็นชอบในหลักการของโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน (กรอ.กลุ่มจังหวัด) 5 โครงการ กรอบวงเงิน 200 ล้านบาท โดยให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการขอรับจัดสรร และเร่งทำข้อเสนอโครงการโดยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ จากการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ . มอบ สศช. รับไปพิจารณาโครงการที่เป็นข้อเสนอของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ของภาคเอกชน (กรอ.กลุ่มจังหวัด) ที่เหลือ 21 โครงการ เพื่อบรรจุในแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป . มอบ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด และ รายงานผลการดำเนินงานให้ สศช. . สนับสนุนการพัฒนากลุ่มจังหวัดสู่เป้าหมาย “เชื่อมโยงอนุภูมิภาคและจุดหมายการพักผ่อนริมโขง” โดยพัฒนาการท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขงเชื่อมโยงวัฒนธรรมชุมชน ยกระดับการเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูงอย่างยั่งยืน พัฒนาขีดความสามารถโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เสริมสร้างทักษะแรงงานและความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน และยกระดับการบริหารจัดการน้ำและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชุมชนในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น @thaigov ครม. เดินหน้ายกระดับ พัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 มุ่งสู่เป้าหมาย “เชื่อมโยงอนุภูมิภาคและจุดหมายการพักผ่อนริมโขง” #เทรนด์วันนี้້ #ไทยคู่ฟ้า #สื่อสารรัฐบาลไทย #ครมสัญจร #นครพนม #บริหารจัดการน้ํา #สกลนคร #นายกรัฐมนตรี #นายกแพทองธารชินวัตร ♬ epicmusicei – 北昼 สำหรับโครงการเร่งด่วนและข้อเสนอเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนบน 2 ทั้ง 3 จังหวัดนั้น ที่ผ่านมาได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.กลุ่มจังหวัด) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีด้วยกัน 9 โครงการ แบ่งเป็นโครงการต่าง ๆ ดังนี้ กลุ่มแรก : โครงการที่มีความพร้อมและดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 ปี มีโครงการของกลุ่มจังหวัดอีสานตอนบน 2 และข้อเสนอโครงการของ 3 จังหวัด (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร) รวม 4 โครงการ วงเงินรวม 200 ล้านบาท ประกอบด้วย กลุ่มจังหวัดอีสานตอนบน 2  โครงการพัฒนาพื้นที่และปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณริมแม่น้ำโขงเหนือเมืองนครพนมและพื้นที่ต่อเนื่อง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม

ครม. ไฟเขียว 400 ลบ. พัฒนากลุ่มจังหวัด “สนุก” มุ่งสู่เป้าหมาย “เชื่อมโยงอนุภูมิภาคและจุดหมายการพักผ่อนริมโขง” อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ตลอด 20 ปี จังหวัดในอีสานเชี่ยวชาญสาขาเศรษฐกิจด้านไหนบ้าง

@isan.insight ทำไมถึงเขียนหนังสือ เศรษฐกิจอีสาน 2 ทศวรรษ? จากหนังเขียนทั้ง 2 ท่าน ผศ.ดร. จักรกฤช เจียวิริยบุญญา และ รศ. ดร.นรชิต จิรสัทธรรม . “เศรษฐกิจอีสาน 2 ทศวรรษ” (20 ปีของเศรษฐกิจภาคอีสาน) เป็นหนังสือและโครงการที่ศึกษาพัฒนาการทางเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยในช่วงปี พ.ศ. 2540-2560. หนังสือเล่มนี้จัดทำโดยคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น . INSIGHTSpecialWeek เศรษฐกิจอีสาน เศรษฐกิจอีสาน2ทศวรรษ #isaninsightandoutlook ♬ เสียงต้นฉบับ – Isan Insight – Isan Insight ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยมีความแตกต่างกันทางภูมิศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดลักษณะการใช้ชีวิต การประกอบอาชีพและความชำนาญที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ โดยรวมแล้วจะก่อให้เกิด “ความชำนาญ” ทางสาขาเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น การเกษตร อุตสาหกรรม หรือการท่องเที่ยว ที่แตกต่างกันไปกัน โดยในภาคอีสาน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำการเกษตรมากที่สุด หลายๆคนคงคิดว่าหลาย ๆ เศรษฐกิจของจังหวัดในอีสานคงจะมี ‘ความเชี่ยวชาญ’ ทางด้านการเกษตรสูงสุด แต่เมื่อมาวิเคราะห์ดูจริงๆแล้ว อาจจะไม่ใช่เสมอไป ซึ่งแต่ละจังหวัดในอีสานจะเชี่ยวชาญในสาขาเศรษฐกิจใดบ้าง ติดตามได้ในส่วนถัดไป การจะพิจารณาว่าเศรษฐกิจรายสาขา ว่าสาขาใดบ้างที่แต่ละจังหวัดมีความเชี่ยวชาญนั้น ผู้เขียน “เศรษฐกิจอีสาน 2 ทศวรรษ” ได้ใช้ดัชนี Location Quotient หรือ LQ เป็นวิธีการคำนวณทางเศรษฐศาสตร์เพื่อใช้วัดความชํานาญของเศรษฐกิจเฉพาะถิ่นเพือเปรียบเทียบกับพื้นที่โดยรวม นอกจากนั้นได้ใช้การวิเคราะห์ที่เปรียบเทียบการเติบโตในระดับภูมิภาคกับการเติบโตในระดับประเทศเพื่อให้ครอบคลุมการวิเคราะห์ ผ่านเครื่องมือ D-shift โดยเป็นค่าที่อธิบายว่าเศรษฐกิจรายสาขาของจังหวัดหนึงมีความเติบโตเพิ่มขึนหรือลดลง ผลการวิเคราะห์คือ สาขาเกษตรกรรมมีเพียง 3 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย นครพนม และมุกดาหาร เท่านั้น ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขานี้มากกว่าจังหวัดอื่นๆ อาจเป็นจังหวัดดังกล่าวมีพื้นทีติดริมน้ำโขงและเหมาะกับการปลูกพืชผักในฤดูน้ำลด เนื่องจากดินจะมีสารอาหารมาก และบางพื้นที่ยังเหมาะกับการปลูกผลไม้อื่น นอกจากนั้นในสาขาเศรษฐกิจอื่นๆ พบว่า จังหวัดเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่าง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และอุบลราชธานี มีความเชี่ยวชาญในสาขาเศรษฐกิจที่หลากหลาย เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น มีความเชี่ยวชาญสาขาการผลิต และ อุดรธานี และอุบลราชธานี เชี่ยวชาญสาขาการขายส่งและขายปลีก กิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ในทางตรงกันข้าม กลับพบว่าหลายจังหวัดในภาคอีสาน ไม่ปรากฏความเชี่ยวชาญและโดดเด่นในสาขาเศรษฐกิจใดเลย นำไปสู่ข้อสังเกตเชิงพัฒนา เช่น บางจังหวัดวางแผนการพัฒนาเป็นเกษตรทันสมัย แต่ไม่ปรากฏความเชี่ยวชาญและเติบโตด้านเกษตรเลย โดยประเด็นเหล่านี้ควรนำไปสู่การทำนโยบายและการวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดให้เหมาะสมกับความเชี่ยวชาญในพื้นที่ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า หมายเหตุ: เป็นการวิเคราะห์ความเชี่ยวชาญและการเติบโตของสาขาเศรษฐกิจแต่ละจังหวัดผ่านเครื่องมือ Location Quotient Index และ Differential Shift ตัวอย่างนี้เป็นเพียงบางประเด็นที่หยิบยกซึ่งเป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือ “เศรษฐกิจอีสาน 2

พามาเบิ่ง ตลอด 20 ปี จังหวัดในอีสานเชี่ยวชาญสาขาเศรษฐกิจด้านไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top