Nanthawan Laithong

พามาเบิ่ง 10 อันดับขายส่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

ที่มีรายได้รวมมากที่สุดในภาคอีสาน มีบริษัทใด๋แหน่ อ้างอิงจาก: – CredenData #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจขายส่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ #อันดับธุรกิจขายส่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ #ขายส่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

ออนซอนคักหลาย “สมใจ” จับมือ “เงินติดล้อ” ใช้แพลตฟอร์มไอที หนุนธุรกิจพันธมิตรผู้ขายรถจักรยานยนต์

นางสาวธนิตตา ชัยคณารักษ์กูล และ นายบัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สมใจ 2559 จำกัด (“สมใจ”) ผู้ประกอบธุรกิจเช่าซื้อและผู้ให้บริการสนับสนุนการดำเนินงานของผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ จับมือ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดยนายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เพื่อร่วมลงทุนเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ โดยได้เสนอขายหุ้นให้ บมจ.เงินติดล้อ ไม่เกิน 10% ด้านนายบัณฑิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สมใจ 2559 จำกัด กล่าวว่า “สมใจ” มีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจเช่าซื้อและผู้ให้บริการสนับสนุนการดำเนินงานของผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ มากกว่า 40 ปี ซึ่งปัจจุบันสมใจมีพันธมิตรผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์กระจายตัวอยู่หลากหลายภูมิภาคทั่วประเทศ และยังคงเปิดรับพันธมิตรผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยสนับสนุนบริการด้านสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ให้กับพันธมิตรผ่านการใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Platform) ของเงินติดล้อ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ท่ามกลางการกำกับดูแลธุรกิจที่เข้มข้นจากหน่วยงานภาครัฐในปัจจุบัน โดยการจับมือกับเงินติดล้อในฐานะผู้นำธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถที่มีจุดแข็งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีไอทีในครั้งนี้ เพื่อติดปีกสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับสมใจและพันธมิตรผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น 1.การใช้ช่องทางการขายร่วมกันเพื่อเพิ่มยอดขายรถจักรยานยนต์ให้กับพันธมิตร 2.การทำการตลาดร่วมกันเพื่อเพิ่มการรับรู้และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้กับพันธมิตรในแต่ละพื้นที่ 3.การให้คำแนะนำและความช่วยเหลือในการขยายเครือข่ายสาขาของพันธมิตรผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ 4.การบริหารและการควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน รวมถึงการพัฒนาบุคลากรร่วมกัน เป็นต้น นายปิยะศักดิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ”เงินติดล้อ” กล่าวว่า เหตุผลที่เงินติดล้อร่วมลงทุนใน บริษัท สมใจ 2559 จำกัด นั้น เนื่องจากประทับใจการดำเนินงานโดยผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์และความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างและสร้างสรรค์ นอกจากนี้ การใช้สินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์อาจถือเป็นการกู้ยืมเงินในระบบครั้งแรกของประชาชน เงินติดล้อจึงต้องการมีส่วนช่วยยกระดับมาตรฐานและความเป็นธรรมในกระบวนการสินเชื่อประเภทนี้อีกด้วย อ้างอิงจาก: https://www.koratdaily.com/blog.php?id=15514 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #เงินติดล้อ #สมใจ

ชวนเบิ่ง “Double C” อาณาจักรเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ

แบรนด์ Double C ของบริษัท หนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ จำกัด เกิดมาจากธุรกิจ SME ที่สามารถสอดแทรกตัวเองเข้ามาอยู่ในกลุ่มบริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย แถมยังมียอดขายเป็นอันดับต้น ๆ อีกด้วย วันนี้ ISAN Insight & Outlook จะพามาเบิ่ง ว่า แบรนด์ Double C มายืนหม่องนี้ได้จั่งใด๋ ?? เดิมทีบริษัทแห่งนี้ทำธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง ใช้ชื่อแบรนด์ “ช้างแดง” แต่ด้วยสภาพตลาดแข่งขันรุนแรง และผู้บริโภคส่วนใหญ่คุ้นเคยกับผู้เล่นเจ้าหลักในตลาด อย่าง M-150 ของโอสถสภา, กระทิงแดง ของกลุ่ม TCP จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะไปแย่งชิงยอดขาย ทำให้บริษัทในตอนนั้นขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองพี่น้องเลยตัดสินใจมองหาธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวกับเครื่องดื่ม แต่ด้วยต้นทุนเดิมทางธุรกิจที่มีอยู่แล้วคือ เครื่องจักรในการผลิตและโรงงาน จนมาพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ตลาดเครื่องดื่มสุขภาพกำลังค่อย ๆ ได้รับความนิยม อีกทั้งคู่แข่งในตลาดก็ยังมีไม่มาก ที่สำคัญ ณ เวลานั้น ผู้บริโภคยังไม่ยึดติดแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งมากนัก ขณะเดียวกัน Double C ก็ทำลายกำแพงทางความรู้สึกของผู้บริโภคได้สำเร็จ เมื่อคนส่วนใหญ่พอคิดถึงเครื่องดื่มสุขภาพ ก็มักจะคิดว่ารสชาติไม่ค่อยอร่อย แต่ Double C เมื่อเริ่มต้นวางขายในตลาดก็เกิดกระแสบอกต่อความอร่อยใน Facebook หรือ Instagram อีกทั้งยังมีราคาที่เป็นมาตราฐานของตลาดคือ 15 บาท แต่สิ่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่าแบรนด์คู่แข่ง คือ “การมีปริมาณน้ำวิตามินในขวดที่มากกว่า” Double C มีปริมาณน้ำวิตามิน ซี อยู่ที่ 160 มิลลิลิตร ขณะที่คู่แข่งอยู่ที่ 140 – 160 มิลลิลิตร เหตุผลที่ทำให้ Double C สำเร็จอย่างสวยงาม ก็เพราะความแตกต่างของสินค้าและรสชาติอร่อยถูกปากในราคาที่เข้าถึงง่าย จึงทำให้สินค้าขายได้ด้วยตัวมันเอง แม้บริษัทจะไม่ได้ใช้เงินโฆษณามากนัก เมื่อเทียบกับเครื่องดื่มวิตามินซีขวดอื่น ๆ ที่อยู่ในมือบริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ จะเห็นได้ว่า การเดินทางของ “บริษัท หนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์” ได้ทำลายความเชื่อหลายอย่างเลยทีเดียว เมื่อหลายคนอาจคิดว่า มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ที่บริษัท SME เล็ก ๆ จะทำธุรกิจมียอดขายเทียบชั้นบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่นักธุรกิจอายุน้อย ๆ จะประสบความสำเร็จในตลาดที่บริษัทยักษ์ใหญ่ได้เปรียบเกือบทุกมิติในการแข่งขัน อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า – ลงทุนแมน #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #DoubleC #หนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ #เครื่องดื่มสุขภาพ #บริษัทเครื่องดื่มสุขภาพ #SME #ธุรกิจSME

พาส่องเบิ่ง ผลประกอบการ บริษัทใหญ่ในขอนแก่น ที่อยู่ในตลาดหุ้น

เป็นจังใด๋แหน่?? อ้างอิงจาก: – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #บริษัทใหญ่ในขอนแก่น #บริษัทใหญ่ในขอนแก่นที่อยู่ในตลาดหุ้น

พามาเบิ่ง ศึกอาณาจักรวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ระดับประเทศ

ธุรกิจหลายบริษัทที่มีมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท มักมีจุดเริ่มต้นจากกรุงเทพฯ แล้วขยายออกสู่ต่างจังหวัด แต่ไม่ใช่สำหรับ “โกลบอลเฮ้าส์” และ “ดูโฮม” โดยบริษัททั้ง 2 มีผู้ก่อตั้งธุรกิจที่เป็นคนภาคอีสาน ซึ่งประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าโดยเน้นวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง เครื่องมือ อุปกรณ์ ที่ใช้ในงานก่อสร้าง ต่อเติม ตกแต่ง บ้านและสวน เป็นต้น วันนี้ ISAN Insight&Outlook จะพามาดูเส้นทางของอาณาจักรค้าวัสดุก่อสร้างแต่ละรายนี้ เป็นมาอย่างไร? จุดเริ่มต้นของ “โกลบอลเฮ้าส์” มาจากคุณวิทูร สุริยวนากุล ผู้ก่อตั้งบริษัท ที่เกิดและเติบโตในจังหวัดร้อยเอ็ด หลังจากจบปริญญาตรีวิศวกรรมโยธาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น คุณวิทูร ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ไม่นานก็ขยับขยายมาเปิดร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ชื่อว่า ร้อยเอ็ดฟาร์มโดยได้นำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ มีการทำระบบบาร์โคด คุมสต็อกสินค้าด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งถือว่าทันสมัยมาก หลังจากร้อยเอ็ดฟาร์มเติบโตมาเกือบ 10 ปี ก็กลายมาเป็น “โกลบอลเฮ้าส์” ในปี พ.ศ. 2540 โกลบอลเฮ้าส์ตั้งสาขาแรกที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีรูปแบบเป็น Warehouse Store ที่มีพื้นที่คลังสินค้าขนาดใหญ่ ที่รวบรวมสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านครบวงจร อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของโกลบอลเฮ้าส์ คือ มีสินค้ามากกว่า 130,000 รายการ และมีพื้นที่แต่ละสาขากว้างถึง 18,000-32,000 ตารางเมตร มีศูนย์กระจายสินค้าที่ใช้ระบบหุ่นยนต์หยิบและเก็บของภายในคลังสินค้าสูง 11 ชั้น เพื่อให้การควบคุมศูนย์กระจายสินค้ามีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ในแต่ละสาขายังมีบริการ Drive-Thru ให้ลูกค้าสามารถขับรถมารับสินค้าจากหลังร้านได้ทันทีที่ซื้อ ในขณะที่ “ดูโฮม” เริ่มต้นจากการเป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้างเล็ก ๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี จนตอนนี้ได้ก้าวมาเป็นแนวหน้าของผู้ค้าวัสดุก่อสร้างในไทยและมีมูลค่าบริษัทมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยคุณอดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา และคุณนาตยา ตั้งมิตรประชา ได้ก่อตั้งร้านขายปลีกวัสดุก่อสร้าง จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด “ศ. อุบลวัสดุ” ในจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีการปรับรูปแบบร้านค้าให้เป็นโกดังขายสินค้าขนาดใหญ่ และมีการนำเทคโนโลยีจัดการคลังสินค้าและจัดการการขาย ในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนเป็น “ดูโฮม” ภายใต้ชื่อว่า บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ที่ ดูโฮม ผลักดันเพื่อให้อัตราการทำกำไรของบริษัทสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ การเพิ่มยอดขายสินค้าที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง (House Brands) คือบริษัทไปสั่งผลิตจากผู้ผลิตที่มีคุณภาพน่าเชื่อถือ ทำให้บริษัทได้อัตรากำไรที่ดีกว่าการรับสินค้าของแบรนด์อื่นมาขาย จุดเริ่มต้นของโกลบอลเฮ้าส์และดูโฮม ให้แง่คิดหลายอย่างในการทำธุรกิจ ทำให้รู้ว่า การทำธุรกิจแต่ในต่างจังหวัดก็สร้างรายได้มหาศาลได้ ถ้ามีการจัดการอย่างเป็นระบบ เหมือนกับทั้ง 2 บริษัทก็สามารถยิ่งใหญ่ได้ โดยที่ไม่ต้องมีจุดเริ่มต้นจากกรุงเทพ นอกจากนี้ การทำธุรกิจต้องมีการจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสม ซึ่งต้องทําการศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการลงทุน โดยพิจารณาพื้นที่ที่มีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจที่เหมาะสมและสอดคล้องกับธุรกิจ พร้อมสํารวจพฤติกรรมและความต้องการสินค้าของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดนั้น ๆ ก่อน ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนรับมือกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต อ้างอิงจาก: https://www.set.or.th/…/GLOBAL/company-profile/information https://www.set.or.th/…/product/stock/quote/DOHOME/price https://investor.dohome.co.th/…/corpora…/company-history https://www.longtunman.com/31150 https://www.longtunman.com/24154 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน …

พามาเบิ่ง ศึกอาณาจักรวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ระดับประเทศ อ่านเพิ่มเติม »

พามาฮู้จัก หุ้นที่เริ่มต้นธุรกิจในภาคอีสาน

หลาย ๆ บริษัทในไทยอาจมีจุดเริ่มต้นมาจากเมืองหลวงที่มีผู้บริโภคอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น มีการจับจ่ายใช้สอยและมีอัตราการเติบโตสูง แต่ก็มีอีกหลาย ๆ บริษัทที่เล็งเห็นโอกาสการทำตลาดจากต่างจังหวัด ซึ่งจะมีหุ้นอะไรบ้างที่เติบโตมาจากภาคอีสาน ภาคอีสาน เป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่กว่า 168,855 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ประเทศไทยและเป็นภูมิภาคที่มีจำนวนประชากรมากที่สุด แต่กลับเป็นภูมิภาคที่ยากจนที่สุดของประเทศ ซึ่งในปี 2563 มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมรายจังหวัดในภาคอีสานหรือ GPP (Gross Provincial Product) มีมูลค่าเท่ากับ 1.6 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 10.2% ของ GDP ประเทศไทย และมีค่าเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ภาคต่อหัว หรือ GPP per capita อยู่ที่ 86,233 บาทต่อปีเท่านั้น โดยมูลค่าทางเศรษฐกิจของภาคอีสานทุก 100 บาท มาจากเกษตรกรรม 19.6 บาท อุตสาหกรรม 16.9 บาท การศึกษา 13.1 บาท การขายปลีก-ส่ง 14.3 บาท และอื่น ๆ อีก 36.1 บาท เมื่อพูดถึงภาคอีสาน คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการทำเกษตรกรรมอย่างการปลูกข้าวนาปี, ยางพารา, มันสำปะหลัง และอ้อย นอกจากนี้แรงงานกว่า 53% ก็อยู่ในภาคการเกษตรด้วยเช่นกัน นั่นจึงส่งผลดีต่อธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรอย่างน้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR), แปรรูปมันสำปะหลัง (UBE), ยางแผ่น (NER) แต่ความมั่งคั่งของคนภาคอีสานนั้นกลับกระจุกตัวอยู่แค่ 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุบลราชธานี และอุดรธานี รวมกันกว่า 46.5% ของ GPP เรียกได้ว่าเกือบครึ่งของมูลค่าเศรษฐกิจของภาคอีสานเลยทีเดียว ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มต้นจาก 4 จังหวัดเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น จังหวัดขอนแก่นอย่างหลังคาเหล็กตรารถถัง (KCM), โรงพยาบาลราชพฤกษ์ (RPH), ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง (ACG) จังหวัดนครราชสีมาอย่างชิ้นส่วนยานยนต์ (PCSGH) จังหวัดอุบลราชธานีอย่างวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน (DOHOME) และจังหวัดอุดรธานีอย่างโรงพยาบาลนอร์ทอีสเทอร์น – วัฒนา (NEW) อ้างอิงจาก: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #หุ้นที่เริ่มต้นธุรกิจในภาคอีสาน #หุ้นในภาคอีสาน

ปังคักหลาย ธุรกิจหมอลำ ฟื้นจากโควิด เดินสายโกยรายได้ก่อนปิดฤดูกาล

กำลังครึกครื้นทั่วไทยสำหรับกิจกรรมการแสดงหมอลำ หนึ่งในเวทีความบันเทิงที่ฟื้นตัวกลับมาแล้วอย่างเต็มรูปแบบหลังเกิดโควิด-19 โดยเฉพาะเวทีหมอลำใหญ่ “ลำเรื่องต่อกลอน” ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากทุกเพศทุกวัย รวมยอดคนดูนับหมื่นคนต่อคืน สร้างรายได้และเงินสะพัดหลายล้านบาทต่อเดือน หมอลำเงินดีกว่าค่าแรงขั้นต่ำ เฉพาะในจังหวัดขอนแก่น 26 อำเภอ ที่เป็นเมืองหมอแคนแดนหมอลำมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มีวงหมอลำกระจายอยู่เกือบทุกอำเภอ ช่วงการแสดงคือออกพรรษา-ช่วงเข้าพรรษา ระยะเวลารวมประมาณ 9 เดือน หลังจากนั้นถึงจะหยุดพักงาน โดยหมอลำกลอนแบบดั้งเดิมราคาจ้างอยู่ที่ 2-3 หมื่นบาท/งาน/วัน หมอลำซิ่งหรือหมอลำกลอนประยุกต์ราคาอยู่ที่ 4-6 หมื่นบาท/งาน/วัน ถัดมาเป็นหมอลำเรื่องต่อกลอน ซึ่งเป็นหมอลำวงใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุด ในจังหวัดมีเกือบ 20 วง ทั้งวงเล็กวงใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ 2 แสนบาทขึ้นไป คณะใหญ่ที่มีชื่อเสียงหากไม่มีคนจ้างงานก็สามารถแสดงแบบเก็บบัตรหน้างานได้ เพราะมักจะมีแฟนคลับ มีพ่อยก แม่ยก เป็นจำนวนมาก “สำหรับหมอลำที่โด่งดังที่สุดในภาคอีสานขณะนี้ จะเป็นหมอลำเรื่องต่อกลอน 3 อันดับแรก คือ ระเบียบวาทะศิลป์ ประถมบันเทิงศิลป์ และรัตนศิลป์อินตาไทยราษฎร์ ราคาจ้างงานขั้นต่ำจะอยู่ที่ 2.5 แสนบาท/งาน/วัน บุคลากร 300-400 คน/วง คณะที่เหลือก็รองลงมา ทั้งคนและราคาจ้างก็ลดหลั่นลงตามลำดับ เรียกได้ว่าในธุรกิจหมอลำสร้างเงินสะพัดได้หลายร้อยบาทต่อเดือนต่อปี แต่ประเมินค่อนข้างยากเพราะแต่ละวงมีขนาดไม่เท่ากัน อัตราการจ้างงานก็ต่างกัน ความถี่การรับงานหรือการแสดงก็เฉลี่ยไม่ได้” “คุณราตรี ศรีวิไล” บอกว่า อาชีพหมอลำหากมีชื่อเสียงจะหาเงินได้มากกว่าเงินเดือนค่าแรงขั้นต่ำ อาจได้มากถึง 2-3 หมื่นบาท/เดือน ระดับแดนเซอร์เฉลี่ยขั้นต่ำ 500 บาท/คืน ยิ่งช่วงเทศกาลจะได้มากเป็นพิเศษ โดยคณะหมอลำใหญ่ที่มีชื่อเสียงเมื่อหักค่าใช้จ่ายหลังการแสดงและแบ่งค่าแรงในวงแล้ว จะได้กำไรไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท/วัน แต่อาชีพนี้มีความเสี่ยงคือความไม่แน่นอน เพราะไม่ใช่งานประจำที่มีเงินเดือนตลอด เป็นอาชีพที่กอบโกยได้เฉพาะในช่วงนี้เท่านั้น “อย่างไรก็อยากฝากถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้ามาช่วยดูแลสนับสนุนหมอลำพื้นถิ่นในพื้นที่มากขึ้น มากกว่าวงคอนเสิร์ตสตริงหรือเพื่อชีวิต และอยากให้เข้ามาพัฒนาหมอลำรุ่นใหม่เพื่อเชื่อมโยงศิลปะและวัฒธรรมมากขึ้น เพราะหมอลำยุคใหม่หลายคนไม่มีความรู้และวิ่งตามสื่อ วิ่งตามกระแสมากเกินไป จนขาดความเป็นศิลปะและวัฒนธรรมที่เป็นรากเหง้าแท้จริง” อ้างอิงจาก: https://www.prachachat.net/local-economy/news-1209533 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจหมอลำ #หมอลำ #การแสดงหมอลำ

พามาฮู้จัก “แป้งมันเอี่ยมเฮง” อาณาจักรผลิตแป้งมันสำปะหลัง

บริษัทแป้งมันเอี่ยมเฮงอุตสาหกรรม จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นจากธุรกิจลานมันเอี่ยมเฮงพืชผลโดยคุณบักเอี่ยม แซ่เฮง และก้าวสู่อุตสาหกรรมผลิตแป้งมันสำปะหลังในปี 2536 ที่ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 150,000,000 บาท มีกำลังผลิตกว่า 1,100 ตันต่อวัน บริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าทั่วโลก อีกทั้งยัง ดำเนินการผลิตแป้งมันสำปะหลังที่มีคุณภาพและคุณสมบัติพิเศษในหลายกลุ่มที่สามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าโดยมีทั้งเกรดอาหาร (Food grade) และเกรดอุตสาหกรรม (Industrial grade) บริษัทฯ ประเดิมทุนครั้งแรกด้วยจำนวน 100 ล้านบาท จากนั้นเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกในปี 2544 เพิ่มเป็น 150 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้ 4,665 ล้านบาท และมีกำไร 62 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้ 4,680 ล้านบาท และมีกำไร 66 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้ 4,119 ล้านบาท และมีกำไร 54 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้ 3,874 ล้านบาท และมีกำไร 25 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้ 4,859 ล้านบาท และมีกำไร 50 ล้านบาท หากพิจารณาจากข้อมูลการเพิ่มทุนจดทะเบียน และตัวเลขงบการเงินที่ปรากฏ จะพบว่า มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกำไรจากปี 2564 ที่เพิ่มขึ้นอย่างเท่าตัว พุ่งไปสูงถึง 50 ล้าน อย่างไรก็ตาม ในการทำธุรกิจต่าง ๆ ต้องมีการจัดการกับความเสี่ยงที่ต้องเจอให้เหมาะสม ซึ่งต้องทําการศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการลงทุน โดยพิจารณาพื้นที่ที่มีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนรับมือกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต อ้างอิงจาก: เว็บไซต์ของบริษัท กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #แป้งมันเอี่ยมเฮง #ธุรกิจผลิตแป้งมันสำปะหลัง #ผลิตแป้งมันสำปะหลัง #มันสำปะหลัง

Scroll to Top