Nanthawan Laithong

ชวนเบิ่ง แนวทางการสนับสนุนด้านการเงินสำหรับ SME ในภูมิภาคของประเทศไทย

ความสำคัญของการเงิน SME ในภูมิภาคของประเทศไทย? การเติบโตของธุรกิจ SME ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างมาก จนกลายเป็น Growth Engine ที่มีส่วนสำคัญที่สุดที่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ในปี 2565 มูลค่าทางเศรษฐกิจของ SME คิดเป็น 35% ต่อมูลค่า GDP ของทั้งประเทศ หรือ 5.62 ล้านล้านบาท โดยมีสัดส่วนของภาคธุรกิจเป็น ภาคการบริการ 44% ภาคการค้า 31.4% และภาคการผลิต 22.6% ซึ่งปัจจัยที่สนับสนุนให้ SME เติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ การขยายตัวของการบริโภคครัวเรือนและภาคเอกชน การเติบโตของ E-commerce การเติบโตของภาคท่องเที่ยว รวมถึงนโยบายและมาตรการส่งเสริมต่าง ๆ ของภาครัฐ นอกจากนั้นในช่วงหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาพบว่าภาคธุรกิจ SME มีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ในปี 2565 SME เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 13% จากปี 2564 ซึ่งมีการเติบโตที่สูงกว่าอัตราการเติบโตของภาคเศรษฐกิจโดยรวม นอกจาก SME จะมีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวมอย่างสูง อีกทั้งการจ้างงานของธุรกิจ SME มีจำนวนประมาณ 13 ล้านคนซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 72% ของการจ้างงานทั้งประเทศนอก และหากมองในถึงภาคการส่งออกพบว่ามูลค่าการส่งออกของ SME อยู่ที่ประมาณ 684,000 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของมูลค่าการส่งออกของประเทศไทย การพัฒนาการให้บริการด้านเงินสำหรับ SME มีความสำคัญอย่างไร? 1. แก้ไขปัญหาการกีดกันทางการเงิน: ผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ชนบทมักเผชิญกับความท้าทายในการเข้าถึงบริการทางการเงิน การเงิน SME มีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาการกีดกันทางการเงินโดยการให้บริการทางการเงินที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของธุรกิจในชนบท 2. การส่งเสริมผู้ประกอบการในชนบท: SMEs ในชนบทมักได้รับแรงผลักดันจากผู้ประกอบการท้องถิ่นและมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนในชนบท ด้วยการจัดหาเงินทุน SME ในพื้นที่ชนบท สิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการในชนบทและการสร้างงาน ผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในชุมชนท้องถิ่น 3. การพัฒนาวิสาหกิจการเกษตรและชนบท: SMEs จำนวนมากในพื้นที่ชนบทมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเกษตรหรือวิสาหกิจในชนบท การเงิน SME ในพื้นที่ชนบทสนับสนุนภาคส่วนเหล่านี้โดยการจัดหาเงินทุนสำหรับปัจจัยการผลิตทางการเกษตร จะช่วยเพิ่มผลผลิต ความสามารถในการแข่งขัน และความยั่งยืนของธุรกิจในชนบท 4. การสร้างรายได้และการบรรเทาความยากจน: SMEs ในชนบทมักเป็นแหล่งรายได้และการดำรงชีวิตที่สำคัญของชุมชนในชนบท การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SME ช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้เติบโต สร้างโอกาสในการจ้างงาน และสร้างรายได้ให้กับประชากรในท้องถิ่น 5. การพัฒนาที่ยั่งยืน: การเงิน SME ในพื้นที่ชนบทสามารถสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้เช่นกัน สามารถมุ่งสู่ความคิดริเริ่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเงิน SME ช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน 6. การพัฒนาภูมิภาคอย่างสมดุล: การส่งเสริมการเงิน SME ในพื้นที่ชนบทมีส่วนช่วยในการพัฒนาภูมิภาคอย่างสมดุล ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในระดับภูมิภาคโดยนำทรัพยากรทางการเงินและโอกาสไปสู่ภูมิภาคชนบทที่ด้อยโอกาส สิ่งนี้นำไปสู่การเติบโตและการพัฒนาที่เท่าเทียมกันมากขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองและชนบท ดังนั้น การพัฒนาด้านการให้บริการด้านการเงินสำหรับ SME หรือ SME […]

ชวนเบิ่ง แนวทางการสนับสนุนด้านการเงินสำหรับ SME ในภูมิภาคของประเทศไทย อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง 7 อันดับธุรกิจรักษาสัตว์ เอาใจทาสหมาทาสแมว

อันดับที่ 1 บริษัท โรงพยาบาลสัตว์ปิยะมิตร จำกัด รายได้รวม 52 ล้านบาท กำไรรวม 540,284 บาท จังหวัด ขอนแก่น อันดับที่ 2 บริษัท โรงพยาบาลสัตว์ปากช่อง จำกัด รายได้รวม 23 ล้านบาท กำไรรวม 741,781 บาท จังหวัด นครราชสีมา อันดับที่ 3 บริษัท วาริน-อุบล เพ็ทแพชชั่น จำกัด รายได้รวม 17 ล้านบาท กำไรรวม 486,424 บาท จังหวัด อุบลราชธานี อันดับที่ 4 บริษัท พยัคฆ์ แอนิมอล เซ็นเตอร์ จำกัด รายได้รวม 7,108,435 บาท กำไรรวม 439,969 ล้านบาท จังหวัด มหาสารคาม อันดับที่ 5 ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี่เสือยาสัตว์ รายได้รวม 2,083,247 บาท กำไรรวม 87,179 บาท จังหวัด ขอนแก่น อันดับที่ 6 บริษัท โรงพยาบาลสัตว์อุดรแอร์พอร์ท จำกัด รายได้รวม 1,936,540 บาท กำไรรวม -206,084 บาท จังหวัด อุดรธานี อันดับที่ 7 ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงพยาบาลสัตว์ สีวลี รายได้รวม 1,882,049 บาท กำไรรวม 71,659 บาท จังหวัด ขอนแก่น หมายเหตุ: เป็นมูลนิติบุคคล เฉพาะประเภทธุรกิจกิจกรรมเกี่ยวกับสัตวแพทย์ (รหัสประเภทธุรกิจ 75000) อ้างอิงจาก: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram: https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #บริษัทในภาคอีสาน #ธุรกิจรักษาสัตว์ #ธุรกิจ #Business #ธุรกิจอีสาน

พาส่องเบิ่ง 7 อันดับธุรกิจรักษาสัตว์ เอาใจทาสหมาทาสแมว อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง อุบลราชธานี 1 ใน 4 จังหวัดนำร่องแคมเปญ “เที่ยวไทยถึงถิ่น เที่ยวได้ทั้งปี” กระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยว

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดงานแคมเปญ “เที่ยวไทยถึงถิ่น เที่ยวได้ทั้งปี” GO LOCAL, LOVE LOCAL โดยมี ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมของแผนงาน ปั้นเมืองรอง กระตุ้นท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ชูจุดแข็งศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ภายใต้ 3 แนวคิด ได้แก่ 1.Retail-Led Tourism ชูศูนย์การค้าเป็นเดสติเนชั่นสร้างเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชน 2. Cross-Region Mode! ส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามถิ่นข้ามภาค และ 3. National Soft Power ดึง DNA เมืองรอง จับมือท้องถิ่นสร้างอีเว้นท์ดึงดูดตลอดปี แคมเปญ “เที่ยวไทยถึงถิ่น เที่ยวได้ทั้งปี” GO LOCAL, LOVE LOCAL นำร่องเฟสแรก 4 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช – ดื่มด่ำเสน่ห์แห่ง “ธรรมะ-ธรรมชาติ-วัฒนธรรม” ที่ไม่ธรรมดา โปรโมท ธรรมะแลนด์มาร์กที่สายมูต้องไม่พลาด , “ธรรมชาติ” สุดอันซีน เห็นแล้วต้องอยากแชร์ให้ลูกรู้, และ “วัฒนธรรม” สัมผัสไลฟ์สไตล์ของคนท้องถิ่นแบบอินไซด์ อยุธยา – ท่องเที่ยวกรุงเก่าด้วยมุมมองใหม่ได้อรรถรส สัมผัสเมืองมรดกโลก, ไหว้พระทำบุญชมโบราณสถาน, สายคาเฟ่-สายกิน ฟินของอร่อย และท่องเที่ยวสไตล์วิถีชุมซน อุบลราชธานี – สัมผัสสน่ห์กับ 4 แสงแห่งดินแดนอีสานใต้ ได้แก่ แสงแรกยามรุ่งอรุณ, แสงธรรมจากเกจิอาจารย์ดัง, แสงเทียนแห่งประเพณีสุดงดงาม, และแสงอาทิตย์สุดล้ำเพื่อพลังงานสะอาด จันทบุรี – อินและฟินกับเมืองท่องเที่ยวเนื้อหอมแห่งภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นดื่มต่ำความงดูงามแห่งธรรมชาติสุดหลากหลาย, เต็มอิ่มกับผลไม้เลื่องชื่อเมืองจันท์ และมนต์เสน่ห์ชุมชนริมน้ำสุดคลาสสิก แคมเปญ ดังกล่าวฯ ที่เป็นต้นแบบที่ดีการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแบบได้ประโยชน์ทั้ง ห่วงโซ่อุปทาน ช่วย ททท. ไม่ว่าจะด้วยเรื่อง Dive Demand , Shape Supply หรือแม้แต่การThieve for Excellence ททท.จะเดินคู่ไปกับหน่วยงาน พันธมิตร แบบ 360 องศา ร่วมกันพัฒนา ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ กับแผนยุทธศาสตร์ ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) ผลักดัน การท่องเที่ยวชุมชน “เที่ยวไทยถึงถิ่น เที่ยวได้ทั้งปี” (Go Local ,

ชวนเบิ่ง อุบลราชธานี 1 ใน 4 จังหวัดนำร่องแคมเปญ “เที่ยวไทยถึงถิ่น เที่ยวได้ทั้งปี” กระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยว อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง สถิติที่น่าสนใจของผู้ประกอบการ SMEs

อ้างอิงจาก: – สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #ผู้ประกอบการ #SMEs

พาส่องเบิ่ง สถิติที่น่าสนใจของผู้ประกอบการ SMEs อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง 5 อันดับธุรกิจปลาน้ำจืด

หมายเหตุ: เป็นมูลนิติบุคคล เฉพาะประเภทธุรกิจการเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืด (รหัสประเภทธุรกิจ 3221) ปลาช่อน ปลาทับทิม ปลาแรด ปลานิล ปลาไน ปลาตะเพียน ปลาสลิด ฯลฯ การเพาะฟักและอนุบาลลูกพันธุ์ปลาน้ำจืด รวมถึงการเลี้ยงพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ปลาน้ำจืดเพื่อการเพาะพันธุ์ อ้างอิงจาก: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์#Business #ธุรกิจ #ธุรกิจปลาน้ำจืด #ธุรกิจอีสาน

ชวนเบิ่ง 5 อันดับธุรกิจปลาน้ำจืด อ่านเพิ่มเติม »

จับตาเบิ่ง นโยบายดันไทยเป็น Medical Hub หนุนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ “ธุรกิจ wellness” เติบโตสูง

ข้อมูลสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในปี 2564 มีผู้สูงอายุที่อายุเกิน 60 ปี ประมาณ 13 ล้านคน หรือราว 20% ของประชากรทั้งประเทศ และมีการประเมินว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ปี 2575 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสูงสุดคือมีคนอายุเกิน 60 ปี สูงถึง 28% ทำให้กระแสการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ Wellness Tourism กลายเป็นธุรกิจมาแรง ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้ารายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2566 ไว้ 2.38 ล้านล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30 ล้านคน สร้างรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวชาวไทย 135 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 880,000 ล้านบาท ทำให้ธุรกิจ Wellness คึกคักมากยิ่งขึ้น ธุรกิจ Wellness จึงเป็นอีกหนึ่ง Mega Trend ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ยิ่งขณะนี้กระแสการรักสุขภาพ เทรนด์การดูแลสุขภาพในเชิงป้องกันและรักษามาแรง ทำให้อัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมดังกล่าวก้าวกระโดด วันที่ 5 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับภาคีเอกชน และ 10 เครือข่ายมหาวิทยาลัย ได้แก่ – มหาวิทยาลัยขอนแก่น – มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ – มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน – มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี – มหาวิทยาลัยแม่โจ้ – มหาวิทยาลัยบูรพา – มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง – มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา – มหาวิทยาลัยพายัพ – มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี การส่งเสริมการลงทุนในเขตนวัตกรรมและพื้นที่ของ กฟผ. เพื่อพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ทั้งนี้ กฟผ. จะจัดทำแผนแม่บทบูรณาการเชื่อมโยงร่วมกับกฎบัตรไทยและเครือข่ายมหาวิทยาลัยในแต่ละภาคของประเทศ เพื่อกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์ประจำภาค สำหรับพัฒนาชุมชนในแต่ละจังหวัด โดยมีเขื่อนของ กฟผ. เป็นศูนย์กลางดำเนินงานและเชื่อมโยงสู่ชุมชนซึ่งจะนำร่องในพื้นที่เป้าหมาย 9 แห่งทั่วประเทศ ดังนี้ – ภาคเหนือ 2 แห่ง ได้แก่ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ และเขื่อนภูมิพล จ.ตาก – ภาคใต้ 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้ากระบี่ จ.กระบี่ และเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี – ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 แห่ง

จับตาเบิ่ง นโยบายดันไทยเป็น Medical Hub หนุนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ “ธุรกิจ wellness” เติบโตสูง อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง 2 บริษัทผลิตไฟฟ้าในภาคอีสาน

ความเป็นมาของ “บริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น จำกัด” เป็นอย่างไร? โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น เป็นบริษัทในเครือกลุ่มบริษัทเคเอสแอล (KSL Group) 2546 สร้างบริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น จำกัด ที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าและผลิตไอน้ำโดยใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิงหลัก 2550 สร้างโรงงานแห่งใหม่ตั้งอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ตามแนวคิด Bio-Refinery Complex ซึ่งเป็นการจัดระบบการสร้างและการจัดการโรงงานน้ำตาลและผลิตภัณท์ต่อเนื่อง คือ โรงงานเอทานอล, โรงงานไฟฟ้า, และโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ ไว้ในที่เดียวกัน 2554 บริษัทได้ลงทุนเพิ่ม 1 โครงการ คือ โครงการสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าที่จังหวัดเลย 2555 บริษัทได้ลงทุนโครงการขยายกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า และปรับปรุงโรงงานน้ำตาลเพื่อเพิ่มความสามารถในการหีบอ้อย ที่จังหวัดขอนแก่น ในขณะที่ ความเป็นมาของ “บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด” เป็นอย่างไร? บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด เป็นเครือในกลุ่มบริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำตาลทรายที่มีประสบการณ์มากกว่า 45 ปี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2508 โดยคุณถวิล ถวิลเติมทรัพย์ จัดตั้งบริษัท อุตสาหกรรมหนองใหญ่ จำกัด ปี 2539 บริษัทได้ย้ายฐานการผลิตไปอยู่ที่ อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด และหลังจากนั้นได้ก่อตั้ง บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด ปี 2558 บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด เริ่มขายไฟให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยตามสัญญา ชนิด Firm 22 เมกะวัตต์ ปี 2561 บริษัทได้เปิดโครงการโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้า ที่อำเภอสีคิ้ว มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท ปี 2563 โรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยใช้ชื่อย่อที่ใช้ใน การซื้อขายหน่วยลงทุน คือ “KBSPIF” เพื่อเสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่บุคคลทั่วไป อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #ผลิตไฟฟ้าครบุรี #ธุรกิจ #โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น #โรงไฟฟ้า #Business

ชวนเบิ่ง 2 บริษัทผลิตไฟฟ้าในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาฮู้จัก “นาราไอซ์” อาณาจักรโรงน้ำแข็งภาคอีสาน เงินทุน 150 ล้าน ชูจุดขายน้ำแข็งทรงสี่เหลี่ยม

อากาศร้อนแบบนี้ ISAN Insight & Outlook พามาทำความฮู้จักกับเจ้าของโรงน้ำแข็งเย็นๆ เพื่อดับร้อนกันกับ “นาราไอซ์” อาณาจักรโรงน้ำแข็งจากภาคอีสาน นำเสนอรูปแบบน้ำแข็งทรงสี่เหลี่ยมฉีกรูปแบบน้ำแข็งหลอด ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน และหน้าตาโรงน้ำแข็งที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งที่ลบภาพโรงน้ำแข็งที่หลายคนเคยเห็นกันด้วยเงินลงทุน 150 ล้านบาท ของคุณพัชราภรณ์ อ่อนวิมล วัยเพียง 20 ปี (ช่วงเริ่มทำโรงน้ำแข็ง) คุณพัชราภรณ์ อ่อนวิมลเป็นทายาทเจ้าของโรงน้ำแข็งชื่อดังในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจุบันเธอมีโรงน้ำแข็งภายใต้แบรนด์นาราไอซ์ ถึง 3 แห่ง มีรถส่งนำแข็งมากกว่า 80 คัน และส่งน้ำแข็ง 485 ตันต่อวัน เส้นทางความเป็นมาของ “นาราไอซ์” เป็นอย่างไร? คุณพัชราภรณ์ ได้มารับช่วงต่อการดูแลกิจการโรงน้ำแข็งร่วมกับครอบครัวตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเพียง 20 ปี ก่อนที่จะแยกตัวเองออกมาสร้างอาณาจักรเป็นเจ้าของโรงน้ำแข็งภายใต้แบรนด์ของตัวเอง ในวัย 24 ปี ปัจจุบันได้มีการขยายสาขาโรงน้ำแข็งนาราไอซ์ ให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคอีสาน 3 แห่ง ได้แก่ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี ฯลฯ ย้อนกลับไปในช่วงที่พ่อแม่ของคุณพัชราภรณ์ ผู้บุกเบิกสร้างโรงน้ำแข็งในขณะนั้น ไม่มีแม้แต่ชื่อ แต่ชาวบ้านก็จะเรียกกันว่า “โรงน้ำแข็งกุดชุม” จ.ยโสธร บ้านเกิดของคุณพัชราภรณ์ ซึ่งในสมัยพ่อกับแม่ทำโรงน้ำแข็งยังเป็นกิจการเล็กส่งขายในพื้นที่ใกล้เคียง และกิจการเริ่มขยายใหญ่ขึ้นหลังจากที่พี่สาวกับพี่เขยได้เข้ามาพัฒนากิจการโรงน้ำแข็งต่อ มีการสร้างโรงน้ำแข็ง อีกหลายแห่งในพื้นที่ภาคอีสาน โดย คุณพัชราภรณ์ เริ่มเข้ามาทำโรงน้ำแข็ง จากการช่วยเหลือจากพี่สาวก่อน ตอนนั้นอยู่ในวัย 20 ปี ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ก่อนจะเปิดโรงน้ำแข็งนาราไอซ์ของตัวเอง คุณพัชราภรณ์ไม่ได้ชอบการทำธุรกิจโรงน้ำแข็งเลย แต่การจะลงทุนทำอะไร ถ้าหากไปเริ่มต้นทำธุรกิจประเภทอื่นใหม่ก็เหมือนนับหนึ่งกันไหม ซึ่งไม่เหมาะกับการลงทุนในยุคนี้ เพราะมีการแข่งขันและความเสี่ยงสูง อีกทั้ง โรงน้ำแข็งมีการแข่งขันสูง แต่คุณพัชราภรณ์มีประสบการณ์ เคยทำมันมาก่อนสามารถจะต่อยอดได้ โดยรู้ปัญหา รู้ว่าจะต้องแก้อย่างไร เพราะในวงการโรงน้ำแข็ง ถ้าในพื้นที่เดียวกันก็จะรู้จักกัน และรู้มารยาท ถ้ามาที่หลังจะต้องทำอย่างไร “ตัวเองโชคดีที่มีพี่เขยและพี่สาวที่ทำมาก่อน พอเราแยกมาทำ แบ่งพื้นที่ดูแลไม่ได้ทับเส้นทางกัน ซึ่งการส่งน้ำแข็ง เริ่มจากต้องเข้าไปพูดคุยกับเจ้าของร้านที่เราจะเอาน้ำแข็งไปส่ง และหลังจากนั้นก็นำถังน้ำแข็งที่เป็นแบรนด์ของเราไปวาง เขาจะไม่เอาน้ำแข็งของตัวเองไปใส่ถังของคนอื่น ร้านไหนขายน้ำแข็งที่สะอาดลูกค้าก็จะซื้อร้านนั่น ซึ่งความสะอาดดูจากความใสของก้อนน้ำแข็ง เรามั่นใจว่าน้ำแข็งของเราใสกว่าน้ำแข็งรายอื่น ๆ อย่างแน่นอน เพราะผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน น้ำที่นำมาใช้ทำน้ำแข็งผ่านเครื่องกรองที่มีประสิทธิภาพและน้ำต้องอยู่ในภาชนะที่ปิดมิดชิด” คุณพัชราภรณ์ กล่าว นอกจากนี้ นาราไอซ์ยังเป็นน้ำแข็งหลอดรายเดียวในจังหวัดอุบลราชธานี ที่ทำน้ำแข็งออกมาในรูปก้อนทรงสี่เหลี่ยมและการที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมทำให้น้ำแข็งมีมุมช่วยให้น้ำแข็งดูก้อนใหญ่ และละลายช้าลงกว่าน้ำแข็งหลอดทรงกลม ลูกค้าให้การตอบรับกับน้ำแข็งทรงสี่เหลี่ยมเป็นอย่างดี และการผลิตน้ำแข็งของเราจะทำแบบวันต่อวัน เพราะน้ำแข็งที่ผลิตไว้ค้างคืนจะเกิดปัญหาน้ำแข็งเกาะกันเป็นก้อนใหญ่ เวลานำไปตักขายก็จะลำบาก ลูกค้าซื้อไปเค้าก็กินลำบากเช่นกัน อ้างอิงจาก: – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า – MGR Online #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #นาราไอซ์ #โรงน้ำแข็ง #ธุรกิจอีสาน #ธุรกิจ #Business

พามาฮู้จัก “นาราไอซ์” อาณาจักรโรงน้ำแข็งภาคอีสาน เงินทุน 150 ล้าน ชูจุดขายน้ำแข็งทรงสี่เหลี่ยม อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง 7 อาณาจักรการขายส่งผลิตภัณฑ์นม รายใหญ่แห่งภาคอีสาน

เนื่องจากวันที่ 1 มิถุนายน เป็นวันดื่มนมโลก (World Milk Day) มื้อนี้ ISAN Insight & Outlook สิพามาเบิ่งอาณาจักรการขายส่งผลิตภัณฑ์นมในภาคอีสาน ว่ามีบริษัทใด๋ อยู่จังหวัดใด๋ และผลประกอบการเป็นจั่งใด๋แหน่ อันดับที่ 1 บริษัท พญาเย็น แดรี่ จำกัด จังหวัดนครราชสีมา รายได้รวม 590 ล้านบาท กำไรรวม -1.1 ล้านบาท อันดับที่ 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนวัฒน์วอลล์ จังหวัดร้อยเอ็ด รายได้รวม 120 ล้านบาท กำไรรวม 1.5 ล้านบาท อันดับที่ 3 บริษัท คิดบวก ดิสทริบิวเตอร์ จำกัด จังหวัดบุรีรัมย์ รายได้รวม 114 ล้านบาท กำไรรวม 1.2 ล้านบาท อันดับที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจนวิกัย จังหวัดร้อยเอ็ด รายได้รวม 79 ล้านบาท กำไรรวม 4.6 ล้านบาท อันดับที่ 5 ห้างหุ้นส่วนจำกัด เคซี ไชยบุญเรือง จังหวัดมหาสารคาม รายได้รวม 67 ล้านบาท กำไรรวม 355,505 บาท อันดับที่ 6 ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีรัมย์ดัชมิลล์ จังหวัดบุรีรัมย์ รายได้รวม 63 ล้านบาท กำไรรวม 207,516 บาท อันดับที่ 7 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดัชมิลล์ มหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม รายได้รวม 59 ล้านบาท กำไรรวม 453,522 บาท ในการทำธุรกิจการขายส่งผลิตภัณฑ์นม ต้องมีการวางแผนธุรกิจ เพื่อกำหนดเป้าหมายธุรกิจ รวมถึงการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของตลาด เพื่อให้เข้าใจลักษณะและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้ง ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการผลิตนมและกระบวนการต่าง ๆ ทางธุรกิจ และยังควรศึกษาเรื่องการจัดหาวัตถุดิบที่เหมาะสมและราคาที่เหมาะสม รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับการบรรจุภัณฑ์และการจัดส่งสินค้าให้มีความเหมาะสม หมายเหตุ: เป็นมูลนิติบุคคล เฉพาะประเภทธุรกิจการขายส่งผลิตภัณฑ์นม (รหัสประเภทธุรกิจ 46314) อ้างอิงจาก: – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th

พามาเบิ่ง 7 อาณาจักรการขายส่งผลิตภัณฑ์นม รายใหญ่แห่งภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ชัยภูมิ เริ่ดคักหลาย ขึ้นทะเบียนสินค้า GI “กล้วยหอมทองหนองบัวแดง”

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผย ว่า กรมฯ ได้ประกาศขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “กล้วยหอมทองหนองบัวแดง” ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากของจังหวัดชัยภูมิ โดยกล้วยหอมทองหนองบัวแดง เป็นการนำกล้วยหอมทองพันธุ์กาบดำจากจังหวัดลพบุรี มาปลูกในพื้นที่อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ และด้วยภูมิประเทศที่เป็นพื้นที่ราบสลับกับเนินเขาเตี้ย ภูเขาสูงสลับซับซ้อน ลักษณะดินร่วนปนทรายทำให้พื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะแร่ธาตุโปแตสเซียมที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของต้นกล้วย ส่งผลให้กล้วยหอมทองหนองบัวแดงมีผลยาวใหญ่ สีเหลืองนวล เนื้อแน่น เหนียวนุ่ม และมีเนื้อละเอียดกว่ากล้วยชนิดอื่น เปลือกมีความหนาและไม่มีจุดดำ เนื้อกล้วยจึงไม่ช้ำ ทำให้สะดวกและเอื้อต่อการขนส่ง ปัจจุบันมีการส่งออกกล้วยหอมทองหนองบัวแดงไปยังตลาดต่างประเทศที่สำคัญ คือ ประเทศญี่ปุ่น สามารถสร้างรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท โดยภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแนวทางที่จะส่งเสริมการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและขยายช่องทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายกล้วยหอมทองสดแบบบรรจุกล่องๆ ละ 12.5 กิโลกรัม มีตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศจำหน่ายประมาณ 1,000-2,000 กิโลกรัม/สัปดาห์ เช่น บริษัทคิงฟรุ้ต ที่ทำกล้วยส่งเซเว่นอิเลฟเว่นทั่วประเทศ และบริษัท บานาน่า เจ จังหวัดนครราชสีมา ส่วนตลาดต่างประเทศ คือ บริษัท พีพีเอฟซี เพื่อส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 3,000-5,000 กิโลกรัม/สัปดาห์ ผ่านทางเรือขนส่งสินค้า นอกจากนี้ ยังมีการแปรรูปผลผลิต อาทิ กล้วยตาก ภายใต้แบรนด์ ไทยดง (Thaidong) อีกด้วย อ้างอิงจาก: https://www.koratdaily.com/blog.php?id=15734 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #ชัยภูมิ #สินค้าGI #กล้วยหอมทองหนองบัวแดง #กล้วยหอม

ชัยภูมิ เริ่ดคักหลาย ขึ้นทะเบียนสินค้า GI “กล้วยหอมทองหนองบัวแดง” อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top