Nanthawan Laithong

สิพาจอบเบิ่ง ประมาณการโครงสร้างราคาสุรากลั่นกิจการขนาดเล็กในภาคอีสาน

ผลประกอบการกำไรส่วนใหญ่ของกิจการสุรากลั่นอยู่ในธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ในภาคกลางเป็นหลัก ซึ่งกิจการสุรากลั่นท้องถิ่น (กิจการขนาดเล็ก) มีส่วนแบ่งกำไรน้อย โดยส่วนมากอยู่ในภาคเหนือ ซึ่งมักจะเป็นกิจการขนาดที่เล็กมาก มูลค่ากำไรต่อหน่วยของสุรากลั่นขึ้นอยู่กับรูปแบบของสุรา โดยรูปแบบ premium มีกำไรต่อหน่วยมากที่สุด ซึ่งมากกว่า 50% ของราคาสินค้า แต่อย่างไรก็ตาม รูปแบบ premium จำเป็นต้องใช้เวลาในการผลิตและตรวจสอบคุณภาพมากกว่ารูปแบบ classic (standard) และผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นนักสะสมหรือนักดื่มที่ต้องการรสชาติที่ดีกว่ารูปแบบ classic (standard) อ่านบทวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ที่ https://isaninsight.kku.ac.th/outlook ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #กิจการสุรากลั่น #สุรากลั่น #กิจการสุรากลั่นอีสาน #สุรากลั่นอีสาน #โครงสร้างราคาสุรากลั่น

ชวนมาเบิ่ง กระบวนการผลิตของกิจการสุรากลั่นท้องถิ่นในภาคอีสาน

กิจการกลั่นสุราพื้นบ้านในภาคอีสานมีการกระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัดนอกเหนือจากจังหวัดใหญ่ ๆ ในภูมิภาค ซึ่งแสดงถึงความสามารถในแต่ละท้องถิ่นที่มีศักยภาพในการเข้ามาสร้างสรรค์การผลิตและเป็นผู้เล่นภายในตลาดเกิดใหม่นี้ได้ไม่ยาก สุรากลั่นอีสานนิยมใช้วัตถุดิบเป็นอ้อย และข้าวเหนียวเพราะมีกลิ่นเฉพาะ อีกทั้งยังมีวัตถุดิบมากในพื้นที่ และยังมีการนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศในการเติมกลิ่นเพิ่มเติม นอกจากนั้น สุรากลั่นท้องถิ่นยังมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจหลากหลายตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ อ่านบทวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ที่ https://isaninsight.kku.ac.th/outlook ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #กิจการสุรากลั่น #สุรากลั่น #กิจการสุรากลั่นอีสาน #สุรากลั่นอีสาน

พลิกโฉม “เขาใหญ่ – ศรีราชา EEC” ORI โฮมกันกับ ASIAN เฮ็ดแลนด์มาร์กปั้นเมืองใหม่ มูลค่ารวม 1,422 ล้านบาท

กลายเป็นทำเลคง”อัตลักษณ์” น่าจับตา สำหรับ “เขาใหญ่” จังหวัดนคราชสีมา เมือง โอโซนและเมืองมรดกโลก ที่บริษัทพัฒนาที่ดินสนใจเข้าพื้นที่ พัฒนาโครงการ เป็นย่านอยู่อาศัย พักตากอากาศของเหล่าเซเลป ไฮโซคนดัง และที่พูดถึงกันมาก เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จุดหมายปลายทางการลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญใช้เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ส่งผลให้มีนักลงทุนทั้งภาคอตุสาหกรรม ภายท่องเที่ยวบริการและภาคอสังหาริมทรัพย์เข้าไปปักหมุดโครงการจำนวนมาก เช่นเดียวกับ “วัน ออริจิ้น” หรือ ONEO บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จับมือกับพันธมิตร เนรมิต เมืองใหม่ บนที่ดินผืนสุดท้ายใจกลาง “ขุนเขาใหญ่” ถนนธนะรัชต์ เส้นทางเศรษฐกิจสำคัญ นายปิติ จารุกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) หรือ ONEO เปิดเผยว่า จากแผนการเติบโต “Origin Infinity” ของเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ในปีนี้ ทุกบริษัทในเครือเตรียมเดินหน้ารวมพลังสร้างความร่วมมือ (Synergy) เพื่อสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ สู่การตอบโจทย์การพักอาศัยและพักผ่อนของผู้บริโภคทั่วประเทศ ล่าสุด เครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ นำโดย บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI จะเดินหน้าจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท เอเชี่ยน เวลเนส เรสซิเดนซ์ จำกัด จำนวน 4 บริษัท ภายใต้สัดส่วน 60 ต่อ 40 ทั้ง 4 บริษัท เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการร่วมกันใน 2 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ 1.ที่ดิน 40 ไร่ บน ถ.ธนะรัชต์ ใจกลางเขาใหญ่ และ 2.ที่ดินประมาณ 9 ไร่ บน ถ.ศรีราชา-หนองค้อ ใจกลางศรีราชา มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 1,422 ล้านบาท นายปิติย้ำว่า บริษัทไม่ได้ไปบริษัทเดียว แต่เราไปพร้อมกันถึง 4 บริษัท เพื่อร่วมกันสร้างเมือง สร้างความเปลี่ยนแปลง และเติมเต็มทุกความต้องการของพื้นที่เขาใหญ่และศรีราชา เราจะร่วมกันบูรณาการจุดเด่นของแต่ละพื้นที่กับความชำนาญของทั้ง 4 บริษัทเข้าด้วยกัน รังสรรค์เป็นโรงแรม วิลล่า และคอนโดมิเนียม ครบวงจรของการใช้ชีวิตภายในพื้นที่เดียว โดยวัน ออริจิ้น จะเป็นผู้นำทัพในการพัฒนา เนื่องจากการลงทุนโรงแรมทั้ง 2 ทำเลรวมกัน จะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 890 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62.6% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด สูงกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆ …

พลิกโฉม “เขาใหญ่ – ศรีราชา EEC” ORI โฮมกันกับ ASIAN เฮ็ดแลนด์มาร์กปั้นเมืองใหม่ มูลค่ารวม 1,422 ล้านบาท อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ธุรกิจ SME ก๋วยจั๊บอุบลกึ่งสำเร็จรูป “จั๊บ จั๊บ”

ในปี 2559 คุณมนัสชญาณ์ อู่สมบัติชัย หรือ คุณยุ้ยเห็นข่าวงานวิจัยเส้นก๋วยจั๊บกึ่งสำเร็จรูป ของ ผศ.ดร.จิตรา สิงห์ทอง อาจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในฐานะศิษย์เก่าและโปรดปรานเมนูนี้มาก เลยคิดต่อยอดทำธุรกิจ ด้วยการขอซื้อสิทธิบัตรงานวิจัยดังกล่าวใช้เงินทุน 60,000 บาท คณะอาจารย์เล็งเห็นถึงความตั้งใจจริง มอบสิทธ์ทางการค้าให้ ส่วนเครื่องเคียงมาเพิ่มเองทีหลัง ปัจจุบันนี้ก๋วยจั๊บอุบลกึ่งสำเร็จรูป จั๊บ จั๊บ มีแบบถ้วย และแบบซอง มีรสดั้งเดิม กับ รสต้มยำกุ้ง ภายในบรรจุด้วยเส้นก๋วยจั๊บอบแห้งปราศจากสารกันเสีย ผงน้ำซุป หมูยอ กระเทียมเจียว ต้นหอมซอย เทน้ำร้อนเดือดจัด ทิ้งไว้ 5 นาที พร้อมทาน อายุการเก็บรักษานาน 6 เดือน จุดเด่น เส้นก๋วยจั๊บเหมือนกับเส้นต้มสด น้ำซุปกลมกล่อม หอมพริกไทย แม้สินค้าจะเป็นที่รู้จักดีในจังหวัดอุบล แต่ก็แค่เฉพาะกลุ่ม หนทางแห่งความสำเร็จที่จะทำให้คนทั้งประเทศรู้จักได้ คือ รางวัลจากเวที เซเว่น อินโนเวชั่น อวอร์ดส์ ปี 2017 ซึ่งเป็นโครงการที่ส่งเสริมและให้โอกาสแก่ผู้ประกอบการ SME นับว่ารางวัลดังกล่าวช่วยสร้างชื่อเสียง สร้างรายได้ให้กับธุรกิจตามมา ปี 2560 ได้ตัดสินใจเข้าประกวด เซเว่น อินโนเวชั่น อวอร์ดส์ ปรากฏได้รับรางวัล เสมือนเป็นใบเบิกทางให้ธุรกิจ เพราะเวทีดังกล่าวช่วยให้คนทั้งประเทศรู้จักก๋วยจั๊บอุบลกึ่งสำเร็จรูป จั๊บ จั๊บ หลังประกวดยอดขายก็เพิ่มขึ้น ตลาดกว้างขึ้น หลายๆ อย่างถูกพัฒนาไปในทิศทางที่ดี ความสำเร็จนี้ เกิดจากทีมงานเซเว่น เข้ามามีบทบาท นับตั้งแต่ช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิต จนได้รับเครื่องหมาย GMP, HACCP, Codex ช่วยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ช่วยโปรโมท ตลอดจนสินค้าได้ไปวางจำหน่ายในเซเว่น กว่า 3,600 สาขา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และบางเขตในพื้นที่กรุงเทพฯ ปัจจุบันตลาดหลักของสินค้า 70 เปอร์เซ็นต์ นักธุรกิจสาวส่งเข้าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และขายผ่านออนไลน์ ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ส่งขายผ่านร้านเซเว่น หรือเดือนละประมาณ 16,000 ห่อ แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด ยอดขายก็ไม่ลดลง กลับเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย ทุกวันนี้อาณาจักรก๋วยจั๊บอุบลกึ่งสำเร็จรูป จั๊บ จั๊บ บริหารงานโดย 5 พี่น้อง ตระกูล “อู่สมบัติชัย” โดยมีมนัสชญาณ์เป็นหัวเรือใหญ่ ธุรกิจอาหารที่เกิดขึ้นจากความชอบ เอาสิ่งใกล้ตัวมาเพิ่มมูลค่า สร้างแบรนด์ จนกลายมาเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – AP ALL ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : …

พามาเบิ่ง ธุรกิจ SME ก๋วยจั๊บอุบลกึ่งสำเร็จรูป “จั๊บ จั๊บ” อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง ศึกอาณาจักรนมวัวเจ้าดังระดับประเทศ

ถ้าถามว่าแบรนด์นมวัวในประเทศไทยแบรนด์ไหนที่คนไทยให้เป็นแบรนด์ที่สุดยอดบ้าง ในนั้นต้องมี “ฟาร์มโชคชัย” และ “แดรี่โฮม” อยู่ด้วย แต่ก่อนที่ทั้ง 2 จะกลายมาเป็นฟาร์มโคนมที่ใหญ่ระดับประเทศ มีที่มาที่ไปเป็นยังไงบ้าง ISAN Insight & Outlook สิเว้าสู่กันฟัง เริ่มต้นที่ “ฟาร์มโชคชัย” ฟาร์มโชคชัยก่อตั้งในปี 2500 โดย คุณโชคชัย บูลกุล ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา คุณโชคชัย เป็นผู้ที่ชื่นชอบวิถีชีวิตแบบคาวบอยมาตั้งแต่เด็กและใฝ่ฝันจะเห็นฝูงโคตัวใหญ่ พร้อมกับเห็นฝูงม้าที่มีคาวบอยขี่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกนั้นคุณโชคชัยทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จนในปี 2512 บริษัทได้บุกเบิกกิจการฟาร์มโคเนื้อ จนถึงปี 2519 ฟาร์มโชคชัยประสบปัญหาการผลิต ทำให้กิจการต้องผันตัวเองเข้าสู่ธุรกิจโคนม จนได้สร้างโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมขึ้น ในช่วงปี 2535 โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมเจอวิกฤตอีกครั้ง จนกลุ่มฟาร์มโชคชัยมีหนี้สินกว่า 500 ล้านบาท ทำให้ต้องตัดใจขายธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์นมออกไปเพื่อนำเงินมาชำระหนี้สินในปี 2537 โดยคงไว้แต่เพียงธุรกิจหลักคือ ฟาร์มโคนม ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทางคุณโชค บูลกุล ลูกชายของคุณโชคชัย บูลกุล ได้เข้ามาบริหารงานต่อจากคุณพ่อ คุณโชคเข้ามาทำการปฏิรูประบบจัดการของฟาร์มโชคชัย โดยการพยายามสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มฟาร์มโชคชัยผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้า ปัจจุบัน ฟาร์มโชคชัย ทำธุรกิจลักษณะการท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีกิจกรรมสันทนาการ มีร้านอาหารและที่พักให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละปีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวไม่ต่ำกว่าปีละ 240,000 คน และนับเป็นฟาร์มโคนมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยบนเนื้อที่กว่า 20,000 ไร่ มีแม่พันธุ์โคนมถึง 3,000 ตัว ในขณะที่ “แดรี่ โฮม” คุณพฤฒิ เกิดชูชื่น เคยเป็นนักวิชาการสอนปรับปรุงพันธุ์โคนม ที่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย และเคยทำงานอยู่ที่ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค เก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านฟาร์มโคนมมายาวนาน 10 กว่าปี กระทั่งปี 2535 เขาลาออกจากงานประจำ เพื่อมาสร้างฝันให้เป็นจริง นั่นคือ อาณาจักรฟาร์มโคนมออร์แกนิก ปี 2542 แดรี่โฮม ถือกำเนิดขึ้นด้วยการจำหน่ายนมในขวดแก้ว น้ำนมที่ใช้เป็นนมออร์แกนิก ซื้อจากฟาร์มโคนมที่รู้จักกันให้ราคาสูงกว่าท้องตลาด จากนั้นนำมาผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ แต่ละวันรับนมเพียง 10 ลิตร จากนั้นขยับเพิ่มเป็น 100 ลิตร หลังกระแสการตอบรับดี ส่งเสริมเกษตรกรหน้าใหม่ให้เลี้ยงวัวออร์แกนิก เพราะนอกจากประหยัดต้นทุน น้ำนมยังขายได้ราคาสูงกว่าตลาดประมาณ 20% จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ยิ่งใหญ่ของ “แดรี่ โฮม” คือใน 2548 ประเทศไทยประกาศเซ็นสัญญาเขตการค้าเสรี (FTA : Free Trade Area) กับนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย และจะมีผลบังคับใช้ใน 2568 เมื่อถึงตอนนั้นนมสัญชาติไทยจะเหลือน้อยมาก และเกษตรกรไทยจะเริ่มลำบาก เพราะเราสามารถนำเข้านมจากต่างประเทศได้อย่างเสรี ทำให้เขาต้องเร่งพัฒนามาตรฐานออร์แกนิกของไทยร่วมกับภาครัฐ จนกระทั่งประสบความสำเร็จ ได้การรับรองให้เป็นฟาร์มโคนมออร์แกนิกแห่งแรกในประเทศไทย และประกาศว่าเป็นธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อ้างอิงจาก: – เว็บไซต์ของบริษัท – …

ชวนเบิ่ง ศึกอาณาจักรนมวัวเจ้าดังระดับประเทศ อ่านเพิ่มเติม »

อัพเดตเพิ่มเด้อจ้า “เหล้าอีสาน” สุดเริ่ด แต่ละหม่อง

เช็กชื่อ ‘เหล้าไทย’ พิธาผลักดัน “สุราก้าวหน้า” ของพรรคก้าวไกล หลังจากนั้นเป็นต้นมา “เหล้าไทย” จากท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ เริ่มตื่นตัว ISAN Insight & Outlook สิพามาเบิ่ง ว่ามีเหล้าจากจังหวัดใด๋แหน่ในภาคอีสาน? 🚩ชัยภูมิ – The Spirit of Chaiyaphum – ไร่ฟ้าเปลี่ยนสี เหล้าเตยหอม – มอหินขาว 🚩อุบลราชธานี – ซอดแจ้ง (Sod Chaeng Spirit of Issan) – UBON & MASUK 🚩สุรินทร์ – Thai​ Sato – Satom Organic Farm : Surin – GRANDMA JINN 🚩นครราชสีมา – สาคู Saku – Red jungle 🚩มหาสารคาม – Siam S1 Classic – ช้างทองคำ 🚩ขอนแก่น – คูน 🚩สกลนคร – ออนซอน Onson 🚩หนองคาย – อีสานรัม (ISSAN RUM) 🚩ร้อยเอ็ด – ร้อยธานี เบฟเวอเรจ ป๊าดโธ 🚩นครพนม – เหล้าอุ 🚩กาฬสินธุ์ – Wiparat PUR – Spirit of Thailand อ้างอิงจาก: – ประชาชนเบียร์ – เว็บไซต์ของบริษัท – สุราก้าวหน้าติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #เหล้าอีสาน #สุราก้าวหน้า

พามาเบิ่ง เป็นหยังคือเอิ้นว่า “ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ 2566”

“ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ” เริ่มมีการปลูกอย่างจริงจัง เมื่อปี 2531 ทุเรียนให้ผลผลิตครั้งแรกในปี 2537 จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีการนำ ตันพันธุ์ทุเรียนพันธุ์หมอนทองมาทดลองปลูก โดยปลูกครั้งแรกปี 2528 ที่อำเภอขุนหาญ ซึ่งปรากฏว่า ได้ผลดี ทุเรียนเจริญเติบโต ให้ผลผลิตสูงและคุณภาพดี เนื่องจากดินบริเวณนี้เป็นดินที่เกิดมาจากภูเขาไฟโบราณผุพังมาจากหินบะซอลล์ มีธาตุอาหารชนิดต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อพืชปริมาณสูง อำเภอขุนหาญคือ แหล่งกำเนิดการปลูกไม้ผล โดยเฉพาะทุเรียนของจังหวัดศรีสะเกษ จากนั้นก็มีการปลูกไม้ผลชนิดอื่น ๆ ตามมาก่อนขยายพื้นที่ปลูกไปยังอำเภอกันทรลักษ์ และอำเภอศรีรัตนะในเวลาต่อมา ปัจจุบันศรีสะเกษเป็นแหล่งเพาะปลูกไม้ผลมากมายหลายชนิดในภาคอีสาน จนได้รับการเรียกขานว่าเป็นดินแดนมหัศจรรย์ และทุเรียนศรีสะเกษ เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดอีกด้วย คุณสมบัติพิเศษ คือ เนื้อทุเรียนแห้ง นุ่มเหนียว เส้นใยละเอียด มีกลิ่นหอมไม่ฉุนมาก รสซาติค่อนข้างหวาน ลักษณะภูมิอากาศ โดยทั่วไปอากาศจะร้อนจัดในช่วงฤดูร้อน และค่อนข้างหนาวในช่วงฤดูหนาว ส่วน ฤดูฝนจะมีฝนตกหนักในเดือนกันยายน จะตกหนักในพื้นที่ตอนกลางและตอนใต้ของจังหวัด สำหรับการเก็บเกี่ยว ช่วงระยะประมาณปลายเดือนพฤษภาคม – ต้นเดือนมิถุนายน แล้วแต่สภาพภูมิอากาศของแต่ละปี โดยจะออกช้ากว่าทุเรียนภาคตะวันอก 1 เดือน และก่อนทุเรียนภาคใต้จะออกสู่ตลาด 1 เดือนเช่นกัน นอจากนี้”ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ”เป็น “ทุเรียนภูเขาไฟ GI” สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เป็นทุเรียนที่อัตลักษณ์เฉพาะ กล่าวคือ มีอัตลักษณ์ไม่เหมือนใคร อ้างอิงจาก: – สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร – ฐานเศรษฐกิจ ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th Youtube : https://youtube.com/@ISANInsightOutlook #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์#Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ #ทุเรียนภูเขาไฟ #ทุเรียน #GI

พามาฮู้จัก “ตำมั่ว” จากร้านอาหารข้างทาง เติบโตจนขายบนห้าง ขยายไปไกลถึงต่างประเทศ

หลายคนน่าจะรู้จัก “ตำมั่ว” ร้านนี้ คือ ร้านอาหารไทยสไตล์อีสาน ที่เมื่อก่อนเริ่มจากการเป็นร้านอาหารข้างทาง วันนี้ “ตำมั่ว” เติบโตจนมาขายบนห้างสรรพสินค้า แถมยังขยายไปไกล ถึงต่างประเทศ แล้วเจ้าของร้านนี้ ทำได้อย่างไร ? จุดเริ่มต้นของร้านตำมั่ว เกิดมาตั้งแต่ปี 2532 โดยชื่อเดิมของร้าน ชื่อว่า “นครพนมอาหารอีสาน” โดยผู้ที่เป็นเจ้าของร้านก็คือ คุณแม่ของ คุณศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ แม่ทัพของร้านคนปัจจุบัน สมัยที่ยังใช้ชื่อร้านว่า นครพนมอาหารอีสาน คุณศิรุวัฒน์ เล่าว่าถึงร้านของคุณแม่จะขายดีแค่ไหน แต่ปัญหาคือลูกค้าหลายคนก็ยังจำชื่อร้านไม่ค่อยได้ และร้านเองก็ไม่ใช่แบรนด์แรก ๆ ที่ลูกค้านึกถึง พอเป็นแบบนี้ เขาจึงเริ่มปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ – เน้นสร้างแบรนด์ให้เป็นที่น่าจดจำ ทำการตลาดมากขึ้น คุณศิรุวัฒน์ รีแบรนด์ใหม่ด้วยชื่อว่า ร้าน “ตำมั่ว” พร้อมทั้งใช้กลยุทธ์การตลาดที่เรียกว่า Music marketing เพื่อทำการโปรโมตร้านอาหารของตนเองผ่านเพลง บ่เป็นหยัง ของ ก้อง ห้วยไร่ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งจนถึงวันนี้มีผู้เข้ามารับชมกว่า 72 ล้านครั้ง ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนรู้จักร้านตำมั่วมากขึ้นไปอีก – วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย เพื่อจะได้เสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจมากขึ้น คุณศิรุวัฒน์ บอกว่า สิ่งสำคัญแรก ๆ คือ รู้ว่าเรากำลังจะขายอาหารให้ใคร ? เพราะการที่เรารู้ว่าลูกค้าคือใคร จะช่วยให้เราวิเคราะห์ต่อไปได้ว่า ลูกค้ามีกำลังจ่ายได้เท่าไร และอะไรคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ ซึ่งทางร้านก็พบว่ากลุ่มลูกค้าของร้านตำมั่วนั้นมีหลากหลาย ทุกเพศ ทุกวัย และมีตั้งแต่กลุ่มรายได้น้อยไปจนถึงรายได้สูง หรือพูดง่าย ๆ คือ อาหารที่ร้านนั้นอยู่ในตลาดแมส นั่นคือ ทุกคนสามารถเข้ามาทานได้ตั้งแต่คนรายได้น้อย มนุษย์เงินเดือนรายได้ปานกลาง ไปจนถึงคนรวย เขาบอกว่า เมื่อรู้แล้วว่า กลุ่มลูกค้าคือกลุ่มแมส ดังนั้นจึงค่อยคิดเรื่องอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นราคาอาหาร การตกแต่งร้าน อุปกรณ์ภายในร้าน – เลือกพันธมิตรดี ๆ เวลาต้องขยายธุรกิจไปในสถานที่ที่เราไม่รู้จักดีพอ เช่น การไปเติบโตในต่างประเทศของตำมั่ว ในลาว เมียนมา และกัมพูชา จะทำผ่านการลงทุนกับพันธมิตรด้วยการขายแฟรนไชส์ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้เงินลงทุนคือ ทัศนคติของผู้ที่ต้องการมาร่วมธุรกิจ คุณศิรุวัฒน์บอกว่า ถ้าคนที่ต้องการเป็นพันธมิตรรายไหนบอกว่า รสชาติอาหารของตำมั่วอร่อย แต่เขาจะขอปรับรสชาติ ปรับวัตถุดิบตามแบบของตนเองได้ไหม ถ้าเป็นแบบนี้ คุณศิรุวัฒน์จะไม่คุยต่อเลย เพราะเขามองว่า รสชาติและคุณภาพของตำมั่วไม่ว่าทานที่ไหน จะต้องเหมือนกันหมด นี่คือจุดยืนของทางร้าน การเติบโตของตำมั่ว ทำให้ในปี 2559 ตำมั่ว ได้เซ็นสัญญาร่วมธุรกิจกับบริษัทภายในเครือร้านอาหารยักษ์ใหญ่ ที่ชื่อว่า บริษัท เซ็น แอนด์ สไปซี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท เซ็น …

พามาฮู้จัก “ตำมั่ว” จากร้านอาหารข้างทาง เติบโตจนขายบนห้าง ขยายไปไกลถึงต่างประเทศ อ่านเพิ่มเติม »

ไทวัสดุ เร่งบุกอีสาน ลุยเปิดสาขา “เลย” ตลาดอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้างกำลังมาแฮง

ไทวัสดุ ผู้นำค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ประกาศแผนการขยายสาขาร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างในปี 2566 รวมจำนวน 10 สาขา โดยในช่วงครึ่งปีแรกได้มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดในเดือน มิ.ย.นี้ ได้มีการเปิดสาขาใหม่ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปักหมุด “จังหวัดเลย” เป็นครั้งแรก สำหรับการเปิดสาขาใหม่ที่”เลย” ถือเป็นสาขาที่ 72 ของบริษัท โดยสาขาแห่งนี้มีขนาดพื้นที่กว่า 16,000 ตร.ม โดยรวบรวมสินค้าวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านแบรนด์ดัง มุ่งนำเสนอราคาเป็นมิตร เพื่อขยายตลาดแก่กลุ่มลูกค้าชาวจังหวัดเลยและจังหวัดใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ “นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัลรีเทล กล่าวว่า การขยายสาขาใหม่ของ ร้านไทวัสดุในปีนี้ จำนวน 10 สาขา เน้นสาขา ทั้งรูปแบบมาตรฐาน (Red Format) และแบบไฮบริด ฟอร์แมท (Hybrid Format) ทำเลยุทธศาสตร์จะเป็นตลาดเมืองเมืองท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายว่า ในสิ้นปีนี้ ไทวัสดุ มีสาขารวม 80 สาขาทั่วประเทศ พร้อมประเมินยอดขายรวมในปีนี้จะเติบโต 15% จากปีก่อน ทั้งนี้หากมาประเมินตลาดการค้าปลีกในจังหวัดเลยมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง จากแรงหนุนการเป็นจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองที่สำคัญของประเทศไทย ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ระบุไว้ และเป็นเมืองที่เดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี รวมถึงถูกจัดทำเป็นยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปยังประเทศลาว และต่อไปยังจีน ทั้งนี้ ททท. ระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีน สามารถเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงจากคุณหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนาน ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน มายังนครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว พร้อมข้ามด่านชายแดนจังหวัดหนองคาย เดินทางเข้าสู่อําเภอปากชม และอําเภอเชียงคาน จังหวัดเลย หรือเลือกผ่านด่านชายแดนท่าลี่ หรือด่านบ้านนากระเซ็งได้เช่นกัน ขณะที่สาขารวมของไทวัสดุในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในปัจจุบันมีจำนวน 14 สาขา รวมใน 12 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ สกลนคร ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด มหาสารคาม มุกดาหาร อุดรธานี หนองบัวลำภู นครราชสีมา และล่าสุดที่ จังหวัดเลย โดยจังหวัดที่มีสาขามากสุดคือ นครราชสีมา จำนวน 3 สาขา อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbiznews.com/business/1075442 ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th …

ไทวัสดุ เร่งบุกอีสาน ลุยเปิดสาขา “เลย” ตลาดอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้างกำลังมาแฮง อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง 7 อันดับอาณาจักรขายปลีกเครื่องประดับที่มีรายได้รวมมากที่สุดในภาคอีสาน .

อันดับที่ 1 บริษัท ห้างทองทองสวย จำกัด จังหวัด ขอนแก่น รายได้รวม 15,680 ล้านบาท กำไรรวม 7,809,214 บาท . อันดับที่ 2 บริษัท เอ็มทีพี บูลเลี่ยน จำกัด จังหวัด ขอนแก่น รายได้รวม 4,624 ล้านบาท กำไรรวม 959,833 บาท . อันดับที่ 3 บริษัท ห้างทองแม่ทองพูล จำกัด จังหวัด ขอนแก่น รายได้รวม 3,073 ล้านบาท กำไรรวม 2,318,411 บาท . อันดับที่ 4 บริษัท ทองกรุงเทพ จำกัด จังหวัด นครราชสีมา รายได้รวม 1,016 ล้านบาท กำไรรวม 325,084 บาท . อันดับที่ 5 บริษัท ห้างทองเยาวราช จำกัด จังหวัด ร้อยเอ็ด รายได้รวม 876 ล้านบาท กำไรรวม 5,053,659 บาท . อันดับที่ 6 บริษัท แสงมณี โคราช จำกัด จังหวัด นครราชสีมา รายได้รวม 752 ล้านบาท กำไรรวม 253,488 บาท . อันดับที่ 7 บริษัท เอ็มทีพี โกลด์ จำกัด จังหวัด ขอนแก่น รายได้รวม 737 ล้านบาท กำไรรวม 780,714 บาท หมายเหตุ: เป็นข้อมูลนิติบุคคล เฉพาะประเภทธุรกิจร้านขายปลีกเครื่องประดับ (รหัสประเภทธุรกิจ 47732) อ้างอิงจาก: – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่ Instagram : https://www.instagram.com/isan.insight.and.outlook/ Website : https://isaninsight.kku.ac.th #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์#Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #อาณาจักรขายปลีกเครื่องประดับ #ร้านขายปลีกเครื่องประดับ

Scroll to Top