เศรษฐกิจอีสาน “ซึม” คน “ซบเซา” และเสี่ยงในระยะต่อไป
ISAN Outlook บทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสานประจำเดือน สิงหาคม 2568 เศรษฐกิจอีสานในเดือนสิงหาคม 2568 เผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง การบริโภคชะลอตัว หนี้สินครัวเรือนสูง และรายได้เกษตรตกต่ำ ขณะที่ภาคเอกชนไม่กล้าลงทุนจากปัจจัยเสี่ยงทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงผลกระทบจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและข้อพิพาทชายแดน สถานการณ์เหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจอีสานอยู่ในภาวะเปราะบางและต้องการมาตรการรองรับอย่างเร่งด่วน เศรษฐกิจอีสานกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและภายนอกภูมิภาคที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกัน ส่งผลให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ในด้าน การบริโภคภาคครัวเรือน ประชาชนต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น ภายใต้ภาระค่าครองชีพสูง รายได้เกษตรที่ลดลง และหนี้สินครัวเรือนที่ยังเรื้อรัง ขณะที่ ภาคการลงทุนเอกชน ก็ถูกบั่นทอนความเชื่อมั่น จากทั้งการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เช่น การขยายตัวของ E-Commerce และการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ ไปจนถึงปัจจัยการเมืองและความไม่แน่นอนในประเทศที่ทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจ นอกจากนี้ ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศ โดยเฉพาะ จีน ที่เป็นตลาดส่งออกและคู่ค้าเกษตรสำคัญ ยิ่งสร้างความท้าทายมากขึ้น เมื่อเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะเงินฝืดและลดการนำเข้ามันสำปะหลังจากไทยอย่างต่อเนื่อง กดดันราคาผลผลิตเกษตรของอีสานให้ตกต่ำต่อเนื่อง สถานการณ์ดังกล่าวยังซ้ำเติมด้วยปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งข้อพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา และมาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ซึ่งกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจและแรงงานในพื้นที่ เมื่อปัจจัยลบทั้งหลายผนวกรวมกัน เศรษฐกิจอีสานจึงตกอยู่ในสภาวะ “เปราะบาง” อย่างยิ่ง ทั้งในด้านการบริโภค การลงทุน และรายได้ภาคเกษตร หากไม่มีมาตรการเยียวยาและการปรับตัวเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง ภูมิภาคอีสานมีความเสี่ยงที่จะ “ตกขบวน” การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะต่อไป ปัญหาภาคการบริโภค “เศรษฐกิจอีสาน ส.ค. 68 แย่ ความเชื่อมั่นต่ำ การบริโภคลด” ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในภาคอีสานปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของภาคเอกชน เดิมทีในช่วงปี 2565 ดัชนีมีแนวโน้มฟื้นตัวตามสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายและกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2567 ความเชื่อมั่นกลับอ่อนแรงลงจากความไม่มั่นคงทางการเมืองในประเทศ และถูกซ้ำเติมเพิ่มเติมในปี 2568 จากแรงกดดันภายนอก เช่น ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ราคาสินค้าเกษตรที่ลดต่ำ และต้นทุนครัวเรือนที่สูงขึ้น ณ เดือนสิงหาคม 2568 ดัชนียังคงอยู่ในระดับต่ำและมีทิศทางถดถอยต่อเนื่องโดยไม่ปรากฏสัญญาณการฟื้นตัว ผู้บริโภคอีสานจึงใช้จ่ายด้วยความระมัดระวังมากขึ้น เลือก “รัดเข็มขัด” เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ทำให้การบริโภคโดยรวมชะลอตัว โดยเฉพาะสินค้าราคาสูง สินค้าฟุ่มเฟือย หรือสินค้าที่อาจก่อภาระหนี้ระยะยาว เช่น รถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ความต้องการซื้อจึงปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกัน ปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่เรื้อรังในภาคอีสานยังคงเป็นแรงกดดันสำคัญต่อกำลังซื้อของประชาชน ไม่เพียงจำกัดศักยภาพในการจับจ่ายใช้สอย แต่ยังบั่นทอนความสามารถในการออมและการลงทุนของครัวเรือนในระยะยาวด้วย สาเหตุของปัญหาภาคการบริโภค “ศึกนอก-สึก(หรอ)ใน สะเทือนความเชื่อมั่นผู้บริโภคอีสาน” ปัจจัยที่กระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอีสาน มีหลายปัจจัยถาโถมเข้ามาพร้อมกันทั้งเรื่องข้างนอกและความเปราะบางภายใน ค่าครองชีพที่สูงขึ้นและรายได้ไม่สอดคล้องกับรายจ่าย: ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รายงานว่า ในไตรมาส 2/68 ราคาสินค้าในชีวิตประจำวัน ‘สูงขึ้น’ กว่า 2.3% ในขณะที่รายได้ภาคเกษตรและรายนอก ภาคเกษตร ‘ลดลง’ 1.3 และ 4.8% ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นว่าเริ่มมีสัญญาณที่ ‘ไม่ปลอดภัย’ ของครัวเรือนอีสาน การเข้าถึงสินเชื่อยังลำบาก: จากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของแบงค์พาณิชย์ ซึ่งมีแนวโน้มเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ที่มีการปล่อยสินเชื่ออุปโภคบริโภคลดลงถึง 2.2% ในไตรมาส […]
เศรษฐกิจอีสาน “ซึม” คน “ซบเซา” และเสี่ยงในระยะต่อไป อ่านเพิ่มเติม »