Siree Jamsuwan

ภาคอีสานตอนล่าง Mega Project มีอิหยังแหน่ ?

ภาคอีสานตอนล่าง Mega Project มีอิหยังแหน่ ? Mega Project ที่เกิดขึ้นแล้ว และที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยในภาคอีสานตอนล่าง มีทั้งหมด 4 โครงการ 1. นิคมอุตสาหกรรม อุบลราชธานี บริษัท อุบลราชธานี อินดัสตรี้ จำกัด และกลุ่มสินรุ่งเรือง เสนอแผนร่วมดำเนินกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ซึ่งถือว่าสอดรับกับนโยบายการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NEEC) ช่วยให้เกิดประโยชน์ทั้งในเรื่องพัฒนาสังคม พื้นที่ และยังเป็นฐานการผลิตของผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการต่ำลงจะสามารถแข่งขันในตลาด CLMV และช่วยให้เกิดการสร้างงานคนในท้องถิ่น ได้กว่า 20,000 อัตราในภาคอีสาน 2. Hydro-Floating Solar Hybrid เขื่อนสิรินธร เพื่อสนองนโยบายในการเพิ่มสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนภายในประเทศ โดยสามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในจังหวัดและภูมิภาคที่สูงขึ้น ก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร 3. สะพานไทย-ลาว แห่งที่ 6 (อุบลราชธานี -สาละวัน) สะพานความยาว 1.02 กิโลเมตร จะเชื่อมทางหลวงหมายเลข 13 ใต้ในเมืองละคอนเพ็ง แขวงสาละวันของ สปป.ลาว กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2112 ในอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี โดยสะพานแห่งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน และทำหน้าที่เป็นระเบียงเศรษฐกิจสำหรับทั้งภูมิภาคด้วย เพราะสะพานแห่งนี้ไม่เพียงแต่จะเชื่อมภาคตะวันออกของไทยกับทางตอนใต้ของลาว แต่ยังจะเชื่อมโยงไปยังเวียดนามด้วย 4. ยกระดับสนามบินบุรีรัมย์ ขณะนี้กำลังเร่งก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานบุรีรัมย์ เพื่อยกระดับเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ ประกอบด้วย การก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่และสิ่งก่อสร้างประกอบอื่นๆ พร้อมคุรุภัณฑ์อำนวยความสะดวกและการต่อเติมความยาวทางวิ่งจากเดิม 2,100 เมตร เป็น 3,000 เมตร, ขยายทางขับและลานจอดเครื่องบินขนส่งสินค้า พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน รวมถึงส่วนอื่นๆ ปัจจุบันรองรับให้บริการผู้โดยสารปีละ 3.5 แสนคน หากพัฒนาปรับปรุงแล้ว คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5 แสน – 1 ล้านคน ทั้งเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรองรับเปิดสายการบินระหว่างประเทศ หมายเหตุ: Mega project ที่มีงบประมาณ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป อ้างอิงจาก: สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงเจ้าของสังกัดหน่วยงานเจ้าของโครงการ เว็บไซต์บริษัท #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #อีสานตอนบน #MegaProject #เมกะโปรเจค #อุบลราชธานี #บุรีรัมย์

ปังหลาย อุดรธานี คว้าโอกาสเป็นเจ้าภาพ “งานมหกรรมพืชสวนโลก” 2569

ปังหลาย อุดรธานี คว้าโอกาสเป็นเจ้าภาพ “งานมหกรรมพืชสวนโลก” 2569   จังหวัดอุดรธานีได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพงานมหกรรมพืชสวนโลก 2569 ภายใต้แนวคิด ความหลากหลายแห่งสรรพชีวิต เตรียมใช้พื้นที่ชุ่มน้ำหนองแดเป็นสถานที่จัดงาน พื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ภายหลังจากดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และ นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (TCEB หรือ สสปน.) เข้าร่วมการประชุมสมาคมพืชสวนโลก(International Association of Horticultural Producers : AIPH) ทาง AIPH ได้ประกาศการคัดเลือกอย่างเป็นทางการ ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 (ระดับ B) ณ Crowne Plaza Dubai Marina เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภายใต้แนวคิด Diversity of Life: Connecting people, water and plants for sustainable living หรือ ความหลากหลายแห่งสรรพชีวิต: สายสัมพันธ์แห่งน้ำ พืชพรรณ และผู้คนสู่การดำรงชีวิตที่ยั่งยืน  อันสะท้อนถึงเอกลักษณ์ความเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำของจังหวัดอุดรธานี ที่สร้างความเชื่อมโยงระหว่างสายน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติ และผู้คนในท้องถิ่นเข้าไว้ด้วยกัน พื้นที่จัดงานมหกรรมพืชสวนโลก 2569 นี้ ตั้งอยู่ที่ ต.กุดสระ อ.เมืองอุดรธานี ริมถนนมิตรภาพ สายอุดรธานี-หนองคาย ห่างจากตัวเมืองอุดรฯ ประมาณ 4 ก.ม. เนื้อที่ประมาณ 975 ไร่ เป็นพื้นที่น้ำ 400 ไร่ และพื้นดินประมาณ 575 ไร่เศษ ระยะเวลาจัดงานระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 – 14 มีนาคม 2570 (134 วัน) เมื่อเสร็จการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 (2026) แล้ว ทางจังหวัดอุดรธานีมีแผนจะอนุรักษ์พื้นที่ดังกล่าว เพื่อใช้ประโยชน์ต่อเนื่องเป็นศูนย์จัดแสดงนิทรรศการ ประเพณีวัฒนธรรม และศูนย์กลางกีฬานานาชาติ ของกลุ่มอนุภาคลุ่มน้ำโขงและภาคตะวันออกเฉียงตอนบน   อ้างอิงจาก: ผู้จัดการออนไลน์    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #อุดรธานี …

ปังหลาย อุดรธานี คว้าโอกาสเป็นเจ้าภาพ “งานมหกรรมพืชสวนโลก” 2569 อ่านเพิ่มเติม »

สถานการณ์ ‘เงินเฟ้อ’ ภาคอีสาน เป็นจั้งใด๋ ?  เดือน ก.พ. 66 แตะ 3.61%

สถานการณ์ ‘เงินเฟ้อ’ ภาคอีสาน เป็นจั้งใด๋ ?  เดือน ก.พ. 66 แตะ 3.61%   เงินเฟ้อ คือ ภาวะเศรษฐกิจที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปเพิ่มสูงขึ้น แต่มูลค่าของเงินต่ำลง ทำให้การจะซื้อของชิ้นเดิมต้องใช้เงินมากกว่าเดิม หรือพูดง่าย ๆ คือ “ของแพงขึ้น”   อัตราเงินเฟ้อของภาคอีสาน เดือน กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้น 3.61% (YoY)  สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไป เดือนมีนาคม 2566 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงต่อเนื่อง ตามราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดหลายรายการที่คาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาและราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับฐานราคา ในเดือนมีนาคม 2565 ค่อนข้างสูง การส่งออกของไทยที่มีแนวโน้มลดลงตามอุปสงค์โลก และการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด จะกดดันต่อการขยายตัวของเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ค่าไฟฟ้าที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าปีที่ผ่านมา ราคาก๊าซหุงต้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายรายการยังคงขยายตัวได้ดี จะส่งผลให้เงินเฟ้อชะลอตัวไม่มากนัก นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และภัยแล้งทั้งในและต่างประเทศ อาจจะส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลก และจะส่งผลมายังราคาสินค้าและบริการของไทยตามลำดับ ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 อยู่ระหว่างร้อยละ 2.0 – 3.0 ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง    อ้างอิงจาก:  กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #เงินเฟ้อ #เงินเฟ้ออีสาน #ของแพง #ดัชนีผู้บริโภค #ดัชนีผู้บริโภคอีสาน

ภาคอีสานตอนบน  Mega Project  มีอิหยังแหน่ ? 

ภาคอีสานตอนบน  Mega Project  มีอิหยังแหน่ ?    Mega Project ที่เกิดขึ้นแล้ว และที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยในภาคอีสานตอนบน มีทั้งหมด 6 โครงการ ทางเลี่ยงเมืองหนองคาย (ตะวันออก) (G) สร้างเลี่ยงเมืองหนองคายด้านตะวันออก 2,893 ล้านบาท จำนวน 3 ตอน คืบหน้ากว่า 70% คาดแล้วเสร็จภายในปีนี้ ช่วยรองรับปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้น ลดแออัดในตัวเมือง หนุนพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนเชื่อมโยง สปป.ลาว ผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 (หนองคาย-เวียงจันทน์) ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน อยู่ในแผนโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวง เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์โลจิสติกส์  นิคมอุตสาหกรรมสีเขียว อุดรธานี (G+P) ป็นความร่วมมือระหว่าง กนอ. กับ บริษัท เมืองอุตสาหกรรมอุดรธานี จำกัด ภายใต้แนวคิดการเป็นนิคมอุตสาหกรรมสีเขียวแห่งแรกของภาคอีสาน โดยใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการความยั่งยืน เน้นหลักการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความเจริญเติบโตให้กับคนไทยในภาคอีสาน อีกทั้งเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในภาคอีสาน ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ในการมีช่องทางการประกอบอาชีพในถิ่นเกิดโดยไม่ต้องอพยพไปทำงานที่อื่น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัด ซึ่งนิคมฯแห่งนี้ จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนในภูมิภาค ที่ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในพื้นที่ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ศูนย์การแพทย์สถาบันพระบรมราชชนก (G) ระยะที่ 1 เพื่อพัฒนาจังหวัดอุดรธานี ให้เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์นานาชาติที่มีมูลค่าสูง เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวและการดูแลสุขภาพระดับโลก ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และพลิกโฉมจังหวัดอุดรธานี เป็นมหาอำนาจด้านสุขภาพของโลก (World Class Wellness Destination) ภายใต้การขับเคลื่อนและการบูรณาการความร่วมมืออย่างเป็นเอกภาพ ระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม โครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม (G+P) เพื่อสร้างโครงข่ายการขนส่งสินค้าทางถนน โดยพัฒนาสถานีขนส่งสินค้ารองรับกิจกรรมการขนส่ง ทั้งการรวบรวมและกระจายสินค้า รวมถึงการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport) บนเส้นทางสาย R12 (ไทย-ลาว-เวียดนาม-จีนตอนใต้) ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 โดยจัดเป็นเส้นทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) และยังรองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้ากับระบบราง ผ่านแนวการพัฒนารถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่-นครพนม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย หมายเหตุ: มีให้เอกชนลงนามร่วมลงทุน วงเงิน 1,307 ล้านบาท สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ)  (G) รัฐบาลไทยใช้งบประมาณลงทุน 2,630 ล้านบาท ส่วน สปป.ลาวใช้เงินกู้จากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือเนด้า วงเงินลงทุน 1,300 ล้านบาท รวมเงินลงทุนก่อสร้าง ระยะทางรวม 16.18 กิโลเมตร แยกเป็นงานก่อสร้างฝั่งไทย 12 กิโลเมตร และฝั่งลาว 2.8 กิโลเมตร ยกระดับให้ จ.บึงกาฬ กลายเป็นศูนย์กลางด้านการค้า ในภูมิภาค …

ภาคอีสานตอนบน  Mega Project  มีอิหยังแหน่ ?  อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง Mega Project เมืองย่าโม จ. นครราชสีมา 

พามาเบิ่ง Mega Project เมืองย่าโม จ. นครราชสีมา    Mega Project ที่เกิดขึ้นแล้ว และที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยในนครราชสีมา มีทั้งหมด 4 โครงการ รถไฟความเร็วสูง ไทย – จีน (G) รัฐบาลไทยตกลงให้รัฐบาลจีนเข้ามา มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ในการเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน และจีน เพื่อเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน สนับสนุนให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์  ทางหลวงพิเศษ บางปะอิน-นครราชสีมา (G+P) แนวเส้นทางโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา มีระยะทางรวมประมาณ 196 กิโลเมตร โดยออกแบบให้มีการควบคุมการเข้าออกอย่างสมบูรณ์ เริ่มต้นเชื่อมต่อกับถนนวงแหวนรอบนอกบางปะอิน พระนครศรีอยุธยา และไปสิ้นสุดที่บริเวณทางเลี่ยงเมืองจังหวัดนครราชสีมาด้านตะวันตก อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา หมายเหตุ: มีให้เอกชนลงนามร่วมลงทุน ที่พักริมทาง วงเงิน 1,606 ล้านบาท  ดำเนินงานและบำรุงรักษา วงเงิน 7,965 ล้านบาท ALLS MEGA KHAO YAI (P) โครงการพัฒนาแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองไทย ที่ตอบโจทย์ผู้ร่วมลงทุน และผู้เข้าใช้บริการ แบบไร้พรมแดน ตั้งอยู่ในเขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีออลเมก้าทาวเวอร์ หอคอยดอกบัว ศูนย์รวมเทคโนโลยีและจุดชมวิวเพิ่มความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว พระพุทธรูปสูง 100 เมตร, อุโมงค์สกายวอล์ค 6G, คอนโดมิเนียม, โรงแรม 6 ดาว และอื่นๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน และเศรษฐกิจใน จังหวัดนครราชสีมา มอเตอร์เวย์ นครราชสีมา – ขอนแก่น  (G) เป็นการก่อสร้างบนพื้นที่ใหม่ รูปแบบถนนระดับดิน ขนาด 4 ช่องจราจร แนวเส้นทางพาดผ่านพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา มหาสารคาม และขอนแก่น คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2567-2568 และเปิดบริการได้ในปี 2571 โดยประเมินว่าจะมีปริมาณการจราจรอยู่ที่ 41,801 คัน/วัน   อ้างอิงจาก: สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงเจ้าของสังกัดหน่วยงานเจ้าของโครงการ เว็บไซต์บริษัท   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #อีสานตอนบน #MegaProject #เมกะโปรเจค #โคราช #นครราชสีมา

พามาเบิ่ง Mega Project ขอนแก่น

พามาเบิ่ง Mega Project ขอนแก่น    Mega Project ที่เกิดขึ้นแล้ว และที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยในขอนแก่น มีทั้งหมด 5 โครงการ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเดินทางทั่วประเทศไทยโดยเน้น โครงข่ายถนน รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าระดับภูมิภาค สนามบิน โดยมีด้านระบบขนส่ง ด้านสุขภาพ ด้านบริการ   รถไฟรางคู่สายใหม่ บ้านไผ่–มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม  เพื่อพัฒนาโครงข่ายรถไฟสายใหม่เชื่อมโยงเส้นทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ สปป. ลาว และจีนตอนใต้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทาง ลดต้นทุนทางด้านโลจิสติกส์   สนามบินขอนแก่น  มีพื้นที่ใช้สอย 28,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้เป็น 2,000 คนต่อชั่วโมง/5 ล้านคน/ปี เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้แก่ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ท่าเรือบกขอนแก่น โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์รองรับพื้นที่พัฒนากระจายสินค้า เชื่อมการขนส่งแบบถ่ายลำ และทั้งทางบกและทางราง Medical hub มหาวิทยาลัยขอนแก่น กับ บริษัท คริสเตียนี และนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทก่อสร้าง และ บริษัทอรุณชัยเสรี คอนซัลติ้ง เอนจิเนียร์ส จำกัด ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ขยายบริการทางการแพทย์ สร้างงานวิจัย และนวัตกรรมทางการแพทย์ ขอนแก่นอินโนเวชั่นเซ็นเตอร์ กลุ่มน้ำตาลมิตรผล เจรจากับกลุ่มโฆษะ ซื้อที่ดินพร้อมอาคาร จัดตั้งเป็น ขอนแก่น อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางแห่งการพัฒนานวัตกรรมการเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพในอีสาน   อ้างอิงจาก: สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงเจ้าของสังกัดหน่วยงานเจ้าของโครงการ เว็บไซต์บริษัท   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #อีสานตอนบน #MegaProject #เมกะโปรเจค #ขอนแก่น

Mega Project ภาคอีสาน มีอิหยังแหน่ ?

Mega Project ภาคอีสาน มีอิหยังแหน่ ?     ผลประโยชน์ที่จะได้รับจาก Mega Project  ด้านการขนส่ง – ลดต้นทุนทางด้านโลจิสติกส์ ลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการ – ช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทาง  – เดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น ส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยว – กระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน  – รองรับการขนส่งสินค้าแบบระบบราง อุตสาหกรรม – รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม ให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการต่ำลง – ฐานการผลิตของ SMEs – สร้างงานให้คนท้องถิ่นในภาคอีสานมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องอพยพไปทำงานที่อื่น  – ดึงดูดการลงทุนเข้ามาในภูมิภาค ด้านพลังงาน เพิ่มสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการในจังหวัดและภูมิภาคที่สูงขึ้น อีกทั้งที่เขื่อนสิรินธร Nature Walkway  เป็นแหล่งท่องเที่ยวล่าสุดของเขื่อนสิรินธร ด้านสุขภาพ คนที่มาใช้บริการโรงพยาบาล มีผู้ดูแลหรือญาติใช้บริการการเข้าพักของที่พักและจับจ่ายใช้สอยในจังหวัด ด้านบริการ เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว การจัดกิจกรรม รวมถึงมีโรงแรมใหม่ และจุดชมวิวแลนด์มาร์คใหม่ของจังหวัดเพิ่มความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัด   หมายเหตุ: Mega project ที่มีงบประมาณ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป อ้างอิงจาก: สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงเจ้าของสังกัดหน่วยงานเจ้าของโครงการ เว็บไซต์บริษัท   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #อีสานตอนบน #MegaProject #เมกะโปรเจค

ม.มหิดล พัฒนา “ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ”    สู่ผลิตภัณฑ์เพื่อคนแพ้นมและถั่วเหลือง

ม.มหิดล พัฒนา “ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ”    สู่ผลิตภัณฑ์เพื่อคนแพ้นมและถั่วเหลือง   “ข้าวทุ่งกุลาร้องไห้” บนที่ราบสูง 2 ล้านไร่ในเขตพื้นที่ 5 จังหวัดทางภาคอีสาน ได้แก่ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด สุรินทร์ศรีสะเกษ และยโสธร จากที่เคยแห้งแล้งมีแต่ดินปนทรายปัจจุบันได้รับการพลิกฟื้นสู่แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ กลายเป็นแหล่งเพาะปลูก “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้” ที่ได้รับการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก   โดย มหาวิทยาลัยมหิดล ภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ ได้ทุ่มเททำวิจัย ถ่ายทอดเทคโนโลยี และสร้างเครือข่ายการผลิตและการตลาด “ผลิตภัณฑ์เพื่อคนแพ้นมและถั่วเหลือง” จนสามารถทำให้ “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ระยะเขียว” ส่วนเหลือทิ้ง สร้างรายได้อย่างยั่งยืนแก่เกษตรกรในชุมชน   ซึ่งวงจรของข้าวว่าสามารถนำมาพัฒนาเป็นอาหารสุขภาพ นับตั้งแต่ที่ข้าวเริ่มออกรวง 10 วัน โดยการทำเป็น “ข้าวเม่า” ที่หอมนุ่มนิ่ม รวมทั้ง “น้ำนมข้าว” ที่มากด้วยคุณค่าทางโภชนาการ หลังจากนั้นอีกประมาณ 20 – 30 วัน จะเป็นระยะของข้าว”ระยะเขียว” ที่แม้ยังอ่อนแต่มีร้อยละต้นข้าวที่สามารถนำมาหุงบริโภค ซึ่งข้าวระยะเขียวอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ แกมมาออไรซานอล สารพฤกษเคมี มีสัดส่วนโปรตีนและใยอาหารสูงขณะที่คาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่มักกลายเป็นวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรจากโรงสีข้าว   จากการนำส่วนเหลือทิ้ง “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลารัองไห้” ที่เป็นข้าวกล้องอินทรีย์ ทั้งข้าวระยะเขียว ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวหอมมะลิแดง มันเทศ และมันม่วง ทำให้ได้ “ผลิตภัณฑ์ขนมหวานอัดเม็ด” “ส่วนผสมผง” และ “เครื่องดื่มผง” ที่มากด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ใยอาหาร และมีกรดอะมิโน (Amino Acid) หรือโมเลกุลของโปรตีนที่จำเป็นครบถ้วน   โดยมีสูตรน้ำตาลและไขมันน้อยเพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้มีอาการแพ้นมวัว และถั่วเหลือง ตลอดจนนักมังสวิรัติแบบวีแกน (Vegan) หรือผู้เลือกรับประทานอาหารจากพืช 100% แม้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ทยอยขึ้นทะเบียนจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเภทลูกอมและขนมหวาน แต่ผู้บริโภคจะมั่นใจได้ถึงส่วนผสมของน้ำตาลซึ่งไม่ได้มาจากน้ำตาลสังเคราะห์ ซึ่งมีความปลอดภัย และจะไม่ทำให้ระดับกลูโคสเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกระแสเลือด ซึ่งดีต่อผู้ที่เสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง   จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่พบไม่ได้จากลูกอมและขนมหวานโดยทั่วไป คือ ผู้บริโภคจะได้รับใยอาหารที่สูงมากถึง 5,000 มิลลิกรัม นอกจากนี้ ผู้วิจัยได้ใช้เทคโนโลยีการลดปริมาณความชื้นในกระบวนการผลิต และใช้บรรจุภัณฑ์อลูมิเนียม ที่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นหืน คงคุณภาพและมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานถึงกว่า 1 ปีโดยไม่ต้องใช้สารเคมีร่วมด้วย ซึ่งในขั้นตอนการผลิตในส่วนของ “การทำแห้งผงข้าว” ที่ผ่านมาทำได้ยาก ต้องสูญเสียเวลา และต้นทุนสูง โดยผู้วิจัยได้ช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพบ้านเหม้า ตำบลสระคู อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด แก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยี “การย่อยด้วยเอนไซม์บางส่วน” ก่อนนำไปทำแห้งด้วยเทคโนโลยี spray dry ซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นจดสิทธิบัตร นับเป็นตัวอย่างของการใช้องค์ความรู้ในการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อสุขภาวะ และยกระดับทางเศรษฐกิจของคนไทย พร้อมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนจนสามารถพึ่งตัวเองได้อย่างยั่งยืน    อ้างอิงจาก: …

ม.มหิดล พัฒนา “ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ”    สู่ผลิตภัณฑ์เพื่อคนแพ้นมและถั่วเหลือง อ่านเพิ่มเติม »

มะเร็งปอดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน หลายปานใด๋ ? 

มะเร็งปอดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน หลายปานใด๋ ?    โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลก โดยองค์การอนามัยโลกพบว่าในปี พ.ศ. 2561 มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่จํานวน 18.1 ล้านคน โรคมะเร็งที่พบมากใน 5 อันดับแรกของโลก ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลําไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งกระเพาะอาหาร โดยพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งมากถึง 9.6 ล้านคนอีกด้วย   ในบรรดาผู้ป่วยใหม่จํานวน 18.1 ล้านราย พบผู้ป่วยเป็นมะเร็งปอดมากถึง 2.1 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปอดจำนวน 1.8 ล้านคน นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่าโรคมะเร็งปอดถือเป็น 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย ซึ่งพบมากเป็นอันดับ 2 ในเพศชาย และอันดับ 5 ในเพศหญิง ในประชากร 100,000 คน ผู้ชายมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดสูงถึง 23 คน ส่วนผู้หญิง ประมาณ 10 คน ต่อ 100,000 คน   แต่ละปีจะมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 17,222 คน เป็นเพศชาย 10,766 คน และเพศหญิง 6,456 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 14,586 คน หรือคิดเป็น 40 คนต่อวัน   ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคมะเร็งปอดคือการสูบบุหรี่หรือการได้รับควันบุหรี่มือสองและการสัมผัสสารก่อมะเร็ง อาทิ ก๊าซเรดอน แร่ใยหิน รังสี ควันธูป ควันจากท่อไอเสีย และมลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 เป็นต้น   การสูบบุหรี่ โดยพบว่าผู้ที่สูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปอดมากถึง 10 เท่าของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับควันจากการสูบบุหรี่ จากการสูดดมเข้าไปโดยที่ตนเองไม่ได้สูบนั้นก็อาจจะทำให้มีสารพิษตกค้างและก่อให้เกิดมะเร็งได้เช่นกัน   การอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีฝุ่นละอองพิษ โดยจากการศึกษาพบว่าฝุ่น PM 2.5 ทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดได้มากถึง 1 – 1.4 เท่า ถือว่าเป็นสารก่อมะเร็งที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเพียง 2.5 ไมครอนที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อาจทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของ DNA จนกลายเป็นมะเร็งปอดได้ด้วยเช่นกัน   * ข้อมูลในภาพเป็นข้อมูลผู้ป่วยที่ใช้สิทธิระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ (UC) และเข้ารักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคหลักเป็นมะเร็งปอดเท่านั้น   อ้างอิงจาก: Agenda  The Active – thaipbs สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข   …

มะเร็งปอดในแต่ละจังหวัด ภาคอีสาน หลายปานใด๋ ?  อ่านเพิ่มเติม »

ทำไมฝุ่นถึงหลายคัก  ฝุ่น PM 2.5 มาแต่ไส ? 

ทำไมฝุ่นถึงหลายคัก  ฝุ่น PM 2.5 มาแต่ไส ?    เมื่อช่วงต้นปี 2562 ประเทศไทยเกิดปรากฎการณ์ฝุ่นปกคลุมอย่างหนาแน่น เป็นครั้งแรกที่เรื่องฝุ่น PM2.5 เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมาหาคำตอบว่าคืออะไร ?    ฝุ่น PM2.5 หรือชื่อเต็มคือ Particulate matter with diameter of less than 2.5 micron เป็นฝุ่นละอองขนาดจิ๋วที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน เป็น 1 ใน 8 ตัววัดมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศ ซึ่งความร้ายแรงจากฝุ่นนี้ สามารถผ่านการกรองของขนจมูกเข้าสู่ชั้นในสุดของปอดได้ แม้จะไม่เป็นอันตรายแบบเฉียบพลัน แต่เมื่อสะสมเป็นเวลาหลายปีก็เป็นสาเหตุให้เกิดโรคทางทางเดินหายใจได้   อ้างอิงจาก: สำนักงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภาคป่าไม้ กองการต่างประเทศ กลุ่มเฝ้าระวัง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #PM2.5 #ฝุ่นPM2.5 #ไมครอน