November 2024

พามาเบิ่ง 4 บริษัทอีสานในตลาดหลักทรัพย์ mai มูลค่ารวมกว่า 1,497 ล้านบาท

พามาเบิ่ง 4 บริษัทอีสานในตลาดหลักทรัพย์ mai มูลค่ารวมกว่า 1,497 ล้านบาท . . ตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยมีด้วยกัน 3 ตลาด ได้แก่ SET, mai และ LIVEx ซึ่งหลายท่านอาจจะคุ้นหูกับบริษัทจากแดนอีสานบ้านเฮาที่อยู่ใน SET กันมาพอสมควร แต่ทว่าตลาด mai นั้นยังมีอีกหลายท่านที่เคยได้ยิน หรือรู้จักกันมาบ้าง แต่อาจจะไม่รู้ว่าบริษัทจากอีสานบริษัทใดบ้างที่อยู่ในตลาด mai . ตลาด mai หรือย่อมาจาก Market for Alternative Investment  เป็นแหล่งระดมทุนของธุรกิจที่มีศักยภาพขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งมีทุนชำระแล้วหลัง IPO ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป โดยเน้นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง และมีแนวโน้มการเติบโตได้ดีในอนาคต (Business for the Future) . 4 จากบริษัทแดนอีสานในตลาด mai ได้แก่ 1.บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) จังหวัดมหาสารคาม ธุรกิจ: อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง: ก่อสร้างบ้าน ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ รายได้: 543.99 ล้านบาท | กำไร: -20.36 ล้านบาท เติบโต: 370.50% | อัตรากำไรสุทธิ: 14.49%   2.บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) จังหวัดขอนแก่น ธุรกิจ: สินค้าอุตสาหกรรม: ผลิตและจำหน่ายรถพ่วง อะไหล่ และซ่อมบริการ รายได้: 163.77 ล้านบาท | กำไร: -572.48 ล้านบาท เติบโต: -22.94% | อัตรากำไรสุทธิ: 10.94%   3.บริษัท เค.ซี.เมททอลชีท จำกัด (มหาชน) จังหวัดขอนแก่น ธุรกิจ: สินค้าอุตสาหกรรม: หลังคาเหล็กเคลือบ รีดลอน โครงสร้างผนังและหลังคา รายได้: 204.00 ล้านบาท | กำไร: -2.82 ล้านบาท เติบโต: 7.33% | อัตรากำไรสุทธิ: 78.75%   4.บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) (บุรีรัมย์) ธุรกิจ: เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร: ฟาร์มเลี้ยงไก่พันธุ์เนื้อ …

พามาเบิ่ง 4 บริษัทอีสานในตลาดหลักทรัพย์ mai มูลค่ารวมกว่า 1,497 ล้านบาท อ่านเพิ่มเติม »

🔎พาเปิดเบิ่ง ผลประกอบการ “โรงพยาบาลเอกชน” ในกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์🏥🩺

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมูลค่ารายได้รวมโรงพยาบาลเอกชนรวมกว่า 14,300 ล้านบาท โดยกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์มีมูลค่ารายได้รวมโรงพยาบาลเอกชนกว่า 4,543 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 31.8% ของมูลมูลค่ารายได้รวมโรงพยาบาลเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถือว่ามีมูลค่ารายได้รวมมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 🏥จากข้อมูลผลประกอบการของกลุ่มจังหวัดจะเห็นได้ว่า “โรงพยาบาลกรุงเทพ ราชสีมา” เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีรายได้รวมมากที่สุดในกลุ่มจังหวัดและยังมากที่สุดในภาคอีสานอีกด้วย นครราชสีมามีจำนวนประชากรที่เยอะที่สุดในภาคอีสานและยังถือว่าเป็นจังหวัดที่มีกำลังซื้อค่อนข้างมากซึ่งสอดคล้องกับรายได้ต่อหัวเฉลี่ยของจังหวัดที่สูงมากที่สุดในภาคอีสาน ทำให้ประชากรในจังหวัดเข้าถึงการบริการใน รพ.เอกชนได้มาก 🧑🏻‍⚕️🩺อีกทั้ง “โรงพยาบาลกรุงเทพ ราชสีมา” เป็นเครือข่ายของโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ที่มีชื่อเสียงด้านมาตรฐานการรักษาและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ผู้คนจึงมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการใช้บริการของโรงพยาบาล 🔎จากการสำรวจข้อมูลจำนวนโรงพยาบาลเอกชนในกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ ก็พบว่า นครราชสีมาเป็นจังหวัดที่มีโรงพยาบาลเอกชนมากที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากนครราชสีมาเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างภาคกลางและภาคอีสานอีกด้วย ประชากรบริเวณจังหวัดหรือภูมิภาคใกล้เคียงจึงเลือกใช้บริการโรงพยาบาลที่นครราชสีมาเยอะ อีกทั้งนครราชสีมายังเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีการผลิตแพทย์มากที่สุดในอีสาน เป็นรองเพียงขอนแก่นเท่านั้น ซึ่งก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้มีโรงพยาบาลเอกชนมีการลงทุนในนครราชสีมาเยอะเช่นกัน อ้างอิงจาก: – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า – เว็บไซต์ของบริษัท ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #โรงพยาบาลเอกชน #โรงพยาบาลเอกชนในอีสาน #โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา #โรงพยาบาลรวมแพทย์ #โรงพยาบาลบุรีรัมย์ราม #โรงพยาบาลชัยภูมิราม

กาฬสินธุ์ ถิ่นน้ำดำ แดนไดโนเสาร์🦕 ก้าวข้ามจังหวัดที่ยากจนที่สุดในอีสาน ได้อย่างไร?

“การแก้ปัญหาความยากจน” ถือเป็นประเด็นความสำคัญที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่13 (256 – 2570) ได้กำหนดเป้าหมายไว้ใน “หมุดหมายที่ 9”ที่มุ่งแก้ไขปัญหา “ความยากจนข้ามรุ่น” ในสังคมไทย เพื่อให้คนไทยมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ และเหมาะสม ทั้งนี้ข้อมูลจากระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า ปี 2565 พบว่า ครัวเรือนที่มีแนวโน้มจะตกอยู่ในความยากจนข้ามรุ่น หรือเรียกโดยย่อว่า ‘ครัวเรือนยากจนข้ามรุ่น’ มีจำนวนประมาณ 597,248 ครัวเรือน หรือคิดเป็นประมาณ 15% ของครัวเรือนที่มีเด็กและเยาวชนเป็นสมาชิก ปัจจุบันมี 20 จังหวัดเป้าหมายซึ่งสามารถสอบทาน กำหนดกลุ่มคนจนเป้าหมายที่ถูกต้องและแม่นยำ สามารถส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเยี่ยวยาแก้ไขปัญหา และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำในระดับครัวเรือน บพท.ได้ขับเคลื่อนแพลตฟอร์มขจัดความ ยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำระดับจังหวัด ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1) การสร้างกลไกความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนระดับจังหวัด ด้วยข้อมูลจากกระบวนการวิจัย 2) ระบบข้อมูลครัวเรือนยากจนชี้เป้า ระดับพื้นที่ที่ครอบคลุม ปัญหาและฐานทุนรายครัวเรือนแบบเรียลไทม์ เป็นระบบข้อมูลที่ใช้กระบวนทาง สังคมแบบมีส่วนร่วมในการค้นหาและสอบทาน 3) ระบบส่งต่อความช่วยเหลือครัวเรือนยากจนและติดตามผล สร้างกลกความร่วมมือการส่งต่อความช่วยเหลือ กับองค์กรและหน่วยงานระดับพื้นที่แบบตรงเป้า ซึ่งช่วยลดความซ้ำซ้อนการทำงาน และสามารถยกระดับ คุณภาพชีวิตและฐานะทางสังคมของครัวเรือนยากจนเป้าหมาย 4)สร้างโมเดลแก้จนมิติอาชีพเพื่อยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจ โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ และสร้างห่วงโซ่คุณค่าจากธุรกิจที่มีความสอดคล้องกับบริบทพื้นที่และศักยภาพครัวเรือนยากจน รับรู้บริบทของ จังหวัดกาฬสินธุ์ กับอดีตเมืองที่เคยติดอันดับ Top3 ของจังหวัดที่จนที่สุดในประเทศ ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดกาฬสินธุ์ หลายคนมักจะนึกถึงจังหวัดที่เป็นเมืองรองในภาคอีสาน ที่เผชิญ ปัญหาความยากจน เรื้อรังติดต่อกันมากกว่า 5 ปี โดยมีข้อมูลระบุว่า ปี 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ มีประชากรที่อยู่ใต้เส้นความยากจนเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ โดยข้อมูลสำคัญของ จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ทุกคนควรรู้ก่อนจะไปเรียนรู้กระบวนการแก้ปัญหาความยากจนในระดับจังหวัดของที่นี่ คือ กาฬสินธุ์ตั้งอยู่ในภาคอีสานตอนกลางเชื่อมต่อกับสกลนคร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และขอนแก่น มีเนื้อที่ประมาณ 6,946.75 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 4 ล้าน 3 แสนไร่ แบ่งออกเป็น 18 อำเภอ 135 ตำบล 1,584 หมู่บ้าน มีประชากร 983,418 คน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 อยู่ในวัยแรงงานช่วงอายุ 25 – 59 ปี ร้อยละ 27.7 ประชากรวัยเด็กร้อยละ 23.28  และประชากรวัยสูงอายุ ร้อยละ 22.15 แต่อย่างไรก็ดี กาฬสินธุ์ ก็ได้ชื่อว่าเป็นเมืองเกษตรกรรมแห่งอีสานบ้านเรา เพราะจากข้อมูลโครงสร้างเศรษฐกิจจังหวัดกาฬสินธุ์ ปี 2562 มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด หรือ GPP 58,517 ล้านบาท เป็นการผลิตภาคเกษตร 13,552 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ …

กาฬสินธุ์ ถิ่นน้ำดำ แดนไดโนเสาร์🦕 ก้าวข้ามจังหวัดที่ยากจนที่สุดในอีสาน ได้อย่างไร? อ่านเพิ่มเติม »

ชวนมาเบิ่ง “วัวแดนอีสาน” กว่า 5.6 ล้านตัว กระจายอยู่ไหนบ้าง

ชวนมาเบิ่ง “วัวแดนอีสาน” กว่า 5.6 ล้านตัว กระจายอยู่ไหนบ้าง . . ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคที่เลี้ยงวัวมากที่สุดในประเทศ มีสัดส่วนกว่า 54.3% เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่ได้เปรียบในหลายด้าน อย่างเช่น มีความได้เปรียบด้านแหล่งวัตถุดิบอาหารสัตว์ โดยเฉพาะวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น กากมันสำปะหลัง รำ ปลายข้าว ฟางข้าว และเปลือกข้าวโพด ที่นิยมนำมาผสมเป็นอาหารข้นเลี้ยงโคขุน เนื่องจากมีราคาถูก และให้คุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าอาหารหยาบ (หญ้าสด) รวมไปถึงความได้เปรียบในเส้นทางคมนาคมการส่งออกวัวเนื้อมีชีวิตไป สปป. ลาว ซึ่งจะเป็นการส่งออกไปจีนผ่าน สปป.ลาว เป็นหลัก . ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนการเลี้ยงวัวมากกว่า 5,605,513 ตัว แบ่งเป็นวัวเนื้อกว่า 97.2% และวัวนมเพียง 2.8% เท่านั้น และมีจำนวนเกษตรกรที่เลี้ยงวัวอยู่  977,716 คน ซึ่งแบ่งเป็น เกษตรกรที่เลี้ยงวัวเนื้ออยู่ 99.5% และเกษตรกรที่เลี้ยงวัวเนื้ออยู่เพียง 0.5% . จะเห็นได้ว่าแต่ละกลุ่มจังหวัดจะนิยมเลี้ยงวัวเนื้อมากกว่าเนื้อนม แล้วทำไมเกษตรกรถึงนิยมเลี้ยงวัวเนื้อ? . เนื่องจากโคเนื้อเป็นหนึ่งในสัตว์เศรษฐกิจสำคัญของไทย ทั้งในเชิงของการใช้งาน รวมถึงการเลี้ยงขุนเพื่อบริโภค และใช้เพื่อการจำหน่าย อีกทั้งยังมีการผลักดัน “โคเนื้อไทย” เป็นสินค้าอุตสาหกรรมระดับพรีเมี่ยม ด้วยการแปรรูปพัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน รูปแบบ และบรรจุภัณฑ์ของสินค้า และยังมีโครงการปรับปรุงพันธุ์โคเนื้อให้สามารถผลิตเนื้อที่มีคุณภาพเทียบเคียงกับเนื้อนำเข้าจาก ต่างประเทศหลากหลายสายพันธุ์มากขึ้น อย่างเช่น เนื้อโคขุนโพนยางคำจากจังหวัดสกลนคร เนื้อโคราชวากิว  . นอกจากนี้ เนื้อโคคุณภาพดีของภาคอีสานยังได้รับคัดเลือกให้เป็นเมนูอาหารขึ้นโต๊ะต้อนรับผู้นำระดับโลกในการประชุม “APEC 2022” ขณะเดียวกันมีการปรับปรุงพันธุ์โคเนื้อ “โคดำลำตะคอง” จากนวัตกรรมการผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ โคพื้นเมือง วากิว และแองกัส ถือเป็นตัวอย่างการพัฒนาการเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพสูง รองรับความต้องการบริโภคในประเทศที่เปลี่ยนไปในทิศทางพรีเมียมมากขึ้น ซึ่งอาจช่วยทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต . . 5 อันดับจังหวัดที่เลี้ยงวัวมากที่สุดในประเทศ ก็จะเป็นจังหวัดนครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ ตามลำดับ ซึ่งจังหวัดเหล่านี้ก็จะอยู่ในกลุ่มจังหวัด “นครชัยบุรินทร์” และ “ราชธานีเจริญศรีโสธร” หรืออีสานล่างนั่นเอง เพียง 2 จังหวัดถือว่ามีสัดส่วนการเลี้ยงวัวมาก 60% เลยทีเดียว  . ซึ่งสาเหตุที่ทำให้กลุ่มจังหวัดอีสานล่าง อย่าง “นครชัยบุรินทร์” และ “ราชธานีเจริญศรีโสธร” มีการเลี้ยงวัวมากที่สุด นั่นก็คือ อีสานตอนล่างมีขนาดพื้นที่ที่เหมาะสมและทรัพยากรโดยรวมที่เอื้อต่อการเลี้ยงวัว ฟาร์มเลี้ยงวัวรายใหญ่ในภาคอีสานก็มักจะอยู่ในกลุ่มจังหวัดเหล่านี้  . โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มนครชัยบุรินทร์ อย่าง “บริษัท เซ่งเฮงฟาร์ม จำกัด” จากจังหวัดบุรีรัมย์ที่มีรายได้รวมในปี 2566 กว่า 248 ล้านบาท ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงวัวที่มีรายได้มากที่สุดในประเทศ …

ชวนมาเบิ่ง “วัวแดนอีสาน” กว่า 5.6 ล้านตัว กระจายอยู่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

ส.ขอนแก่น ธุรกิจที่มีชื่อ “ขอนแก่น” แต่ไม่ได้มาจาก “ขอนแก่น” จุดเริ่มต้นจากของฝาก สู่อาณาจักรพันล้าน

  ส.ขอนแก่น แบรนด์ของกินแสนอร่อยไปที่ไหนก็เจอ หลายคนคงคิดว่าชื่อ ส.ขอนแก่น คงต้องเป็นแบรนด์ของคนขอนแก่น ที่เริ่มต้นจากขอนแก่นแน่ๆ แต่ที่จริงแล้วแบรนด์ ส.ขอนแก่น มีจุดเริ่มต้นที่กรุงเทพ โดยคนกรุงเทพที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับจังหวัดขอนแก่นแต่อย่างใด นอกจากสินค้าที่นำมากขายนั้นมาจากจังหวัดขอนแก่นในช่วงก่อตั้ง   จุดเริ่มต้นของ ส.ขอนแก่น เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2527 มาจาก คุณเจริญ รุจิราโสภณ จากการสังเกตุว่าคนกรุงเทพนิยมบริโภคอาหารประเภทหมูหย็อง หมูแผ่น และกุนเชียง ทำให้เมื่อคุณเจริญ เดินทางมายังจังหวัดขอนแก่นก็จะซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาขายที่กรุงเทพ หรือก็คือของฝากจากขอนแก่นนั่นเอง นี่จึงเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ “ส.ขอนแก่น” หรือ “สินค้าจากขอนแก่น” เป็นชื่อแบรนด์ที่เข้าใจง่ายและสื่อสารได้เป็นอย่างดี จนใจปัจจุบันผ่านมาแล้วกว่า 40 ปี ส.ขอนแก่น มีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆออกสู่ตลาดมากมาย โดยการผลิตนั้นใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิต และมีการทำฟาร์มสุกรของตนเองเพื่อควบคุมราคา และคุณภาพให้ได้มาตรฐานสากล โดยที่เสน่ห์ของความอร่อยไม่ได้หายไปไหน   แม้ในปัจจุบันจะสามารถพูดได้ว่า ส.ขอนแก่น ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับขอนแก่นอีกแล้วดังเช่นในช่วงเริ่มต้นที่ต้องซื้อสินค้าจากขอนแก่นไปขายในกรุงเทพ ด้วยการที่บริษัทจะต้องมีการเติบโตและควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำไม่ว่าจะเป็นการทำฟาร์มสุกรเลี้ยงหมูเอง การแปรรูปเนื้อสัตว์ ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ และส่งขายไปยังที่ต่างๆ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งขายไปยังต่างประเทศมากมาย ทั้งยังมีโรงงานผลิตในต่างประเทศอีกด้วย ไม่ใช่แค่เพียง ส.ขอนแก่น เท่านั้น แต่บริษัทยังคงมีแบรนด์ย่อยอีกมากมาย ได้แก่ ส.ขอนแก่น หมูดี บ้านไผ่ หมูแชมป์ ห้วยแก้ว แบรนด์กันเอง Entrée (อองเทร่) ยูนนาน แต้จิ๋ว มหาชัยฟู้ดส์ ไทเป  ไทยเดิม เซี่ยงไฮ้ และ ไท่ เป่า หลง สินค้าหลักของ ส.ขอนแก่น นั้นจะเป็นอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ถึง 53% และเป็นอาหารทะเลแปรรูป 33% โดย ส.ขอนแก่น จะเน้นไปทางอาหารพื้นเมืองไทยเป็นหลัก จากการที่สินค้าเข้าถึงง่าย หลากหลาย และรสชาติที่ถูกปาก หากมองในด้านของรายได้บริษัทจะพบว่า รายได้รวมของบริษัทมีการเพิ่มขึ้นในทุกปี แต่การเพิ่มขึ้นขางรายได้นั้นสิ่งหนึ่งที่ตามมาเป็นเงาตามตัวในธุรกิจคือต้นทุนที่ตามมา โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 สัดส่วนต้นทุนการขายของทางบริษัทมีการปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหนึ่งผลมาจากต้นทุนของเนื้อสัตว์ในปี พ.ศ. 2565 นั้นมีการปรับตัวสูงขึ้น ก่อนจะมีการปรับลดลงมาในปี พ.ศ. 2566 แต่การที่บริษัทมีการทำฟาร์มสุกรของตนเองนั้นทำให้ตัวธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบมากเมื่อเทียบกับธุรกิจที่ไม่มีฟาร์มสุกรของตนเอง   ทั้งนี้ ส.ขอนแก่น ก็ยังคงเป็นแบรนด์ยังคงทำให้คนนึกถึงเวลามาเที่ยวขอนแก่นว่านักท่องเที่ยวควรจะซื้อของฝากอะไรจากขอนแก่น แม้ของฝากชิ้นนั้นจะไม่ใช่แบรนด์ของ ส.ขอนแก่น เองก็ตาม แต่ก็เป็นการช่วยให้ธุรกิจในพื้นที่มีรายได้ และสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า ส.ขอนแก่น เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ช่วยนำเสนอสินค้าพื้นเมืองของขอนแก่นได้เป็นอย่างดี   ฮู้บ่ว่า? คุณธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของเครือเจริญโภคภัณฑ์ เคยให้ HR ติดต่อและทาบทาม คุณเจริญ รุจิราโสภณ อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งได้ข้อเสนอที่ลงตัวจึงได้ร่วมงานด้วยกัน อีกทั้งในตอนที่ CP สนใจธุรกิจอาหาร คุณเจริญ รุจิราโสภณ …

ส.ขอนแก่น ธุรกิจที่มีชื่อ “ขอนแก่น” แต่ไม่ได้มาจาก “ขอนแก่น” จุดเริ่มต้นจากของฝาก สู่อาณาจักรพันล้าน อ่านเพิ่มเติม »

อีสานอินไซต์ พาเลาะเบิ่ง ตัวอย่าง “ปราสาทหิน” ถิ่นอีสานใต้ ร่องรอยแหล่งอารยธรรมขอมโบราณ

ภาคอีสานของเราถือว่ามีความโดนเด่นในเรื่องการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ทั้งในแง่มุมของวิถีชีวิต วัฒนธรรม และอาหารการกิน หากมองในแง่เศรษฐกิจของท้องถิ่น ปราสาทหินถิ่นอีสานใต้สามารถสร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยว โดยถือเป็นการกระจายของนักท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่ชุมชนและบริเวณใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำคนในชุมชนเกิดความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังปราสาทหิน อย่างผลิตภัณฑ์ชุมชน อาหาร ขนมโบราณ เมนูอาหารดั้งเดิม และการแสดงชุมชน   ดินแดนอีสานใต้อันประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่อารยธรรมขอมโบราณยังคงปรากฏมีร่องรอยอยู่ในปัจจุบัน โดยถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบปราสาทหินและศาสนสถานต่าง ๆ ซึ่งสถานที่เหล่านั้นนอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และสถาปัตยกรรมชั้นดีแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญจนก่อเกิดเป็นประเพณีและเทศกาลที่เกี่ยวข้อง   อีสานอินไซต์ พาเลาะเบิ่ง ตัวอย่าง “ปราสาทหิน” ถิ่นอีสานใต้ ร่องรอยแหล่งอารยธรรมขอมโบราณ   🪨ปราสาทหินพิมาย📍นครราชสีมา สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นปราสาทหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีลักษณะพิเศษ คือ ปราสาทประธานสร้างหันหน้าไปทางทิศใต้ ต่างจากปราสาทหินอื่น ๆ ที่มักหันไปทางทิศตะวันออก สันนิษฐานว่าเพื่อให้หันรับกับเส้นทางตัดมาจากเมืองยโศธรปุระ เมืองหลวงของอาณาจักรขอม โดยเป็นพุทธสถานในลัทธิมหายาน   🪨ปราสาทหินพนมรุ้ง📍บุรีรัมย์ ปราสาทหินพนมรุ้งสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่องค์พระศิวะ เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย เขาพนมรุ้งและปราสาทบนยอดเขาจึงเปรียบเสมือนเขาไกรลาส อันเป็นที่ประทับของพระศิวะ และยังเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางจักรวาล โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบขอม สร้างด้วยศิลาแลงและหินทราย มีอาคารเรียงรายไปจนถึงปราสาทประธาน   นอกจากนี้ยังมีความมหัศจรรย์ที่ถือเป็นไฮไลต์ของที่นี่ คือ ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ลอด 15 ช่องประตูปราสาทพนมรุ้ง ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น 4 ครั้งต่อปีเท่านั้นอีกด้วย   🪨ปราสาทหินเมืองต่ำ📍ดบุรีรัมย์ สร้างขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย เนื่องจากได้มีการขุดพบศิวลึงก์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระศิวะ เทพเจ้าสูงสุดในลัทธิไศวนิกาย ที่บริเวณปราสาทประธาน ส่วนพระวิษณุน่าจะได้รับการนับถือในฐานะเทพเจ้าชั้นรอง เพราะภาพสลักส่วนมากที่ปราสาทหลังนี้ สลักเรื่องเกี่ยวกับการอวตารของพระวิษณุ   มีลักษณะเป็นกลุ่มปราสาทอิฐ 5 องค์ ตั้งอยู่บนศิลาแลงอันเดียวกัน รอบล้อมด้วยระเบียงคดและซุ้มประตู, กำแพงแก้วและซุ้มประตู และบาราย (ทะเลเมืองต่ำ) หรืออ่างเก็บน้ำที่ขุดเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคของชุมชนเมืองในสมัยโบราณ  . 🪨ปราสาทศีขรภูมิ📍สุรินทร์ สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 17 เนื่องในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย (บูชาพระศิวะเป็นใหญ่) ต่อมามีการบูรณะส่วนยอดของปราสาทหลังทิศตะวันตกเฉียงใต้ ในราวพุทธศตวรรษที่ 22 สมัยศิลปะล้านช้าง ดังมีจารึกอักษรธรรมปรากฏอยู่ ณ ปราสาทแห่งนี้ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมภายในประกอบด้วยปราสาทก่ออิฐที่ไม่สอปูน จำนวน 5 ห้อง องค์กลางเป็นปรางค์ประธาน ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน มีคูน้ำล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน และเว้นเป็นทางเข้าอยู่ทางทิศตะวันออก   🪨ปราสาทตาเมือน📍สุรินทร์ เป็นที่พักคนเดินทางแห่งหนึ่งใน 17 แห่ง ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มหาราช โปรดฯ ให้สร้างขึ้น มีลักษณะเป็นปรางค์เดียวมีห้องยาวเชื่อมต่อมาทางด้านหน้าผนังด้านหนึ่งปิด ทึบ แต่สลักเป็นหน้าต่างหลอก ส่วนอีกด้านมีหน้าต่างเรียงกันโดยตลอด   🪨ปราสาทตาเมือนโต๊ด …

อีสานอินไซต์ พาเลาะเบิ่ง ตัวอย่าง “ปราสาทหิน” ถิ่นอีสานใต้ ร่องรอยแหล่งอารยธรรมขอมโบราณ อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง บริษัทเครื่องปรุงไทยที่สร้างชื่อและโดดเด่นในตลาด GMS

ฮู้บ่ว่า ประเทศเพื่อนบ้านในบริเวรแถบลุ่มแม่น้ำโขง มีสินค้าของคนไทยเข้าไปทำการตลาดและขายสินค้า จนสามารถมีบทบาทสำคัญของตลาดสินค้าอาหารและเครื่องปรุงในต่างประเทศได้   . บริษัทเครื่องปรุงและวัตถุดิบในประเทศไทยนับว่ามีบทบาทในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีพรมแดนติดกันกับประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความนิยมของสินค้าไทย ไม่ว่าจะเป็นจากด้านคุณภาพและด้านราคา จนสามารถมีบทบาทโดดเด่นในประเทศปลายทางที่มีการขายสินค้าได้ โดยได้แสดงออกมาจากส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทไทยที่มีในประเทศนั้นๆ    . ในประเทศลาว บริษัทเครื่องปรุงและวัตถุดิบของประเทศไทยที่โดดเด่น มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันมากถึง 31% โดยบริษัทที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดคือ บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด ที่มีสินค้าหลักๆคือ น้ำมันพืชตรากุ๊ก และเพียงแค่บริษัทเดียวก็ครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศลาวมากถึง 17.3% นอกจากนี้ยังมีบริษัทเด่นๆ อีก 3 บริษัทที่มีสินค้าประเภทซอสปรุงรสอย่าง ซอสภูเขาทอง เด็กสมบูรณ์ และน้ำปลาตราทิพรส   . ประเทศที่มีพรมแดนติดกับอีสานตอนใต้อย่างประเทศกัมพูชา มีบริษัทที่โดดเด่นเพียงแค่บริษัทเดียวคือ  บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีสินค้าอย่าง น้ำมันพืชตราองุ่น ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดเครื่องปรุงและวัตถุดิบของประเทศกัมพูชาไปกว่า 10.5%    . ประเทศเมียนมาร์เองก็มีบริษัทไทยที่โดดเด่นที่ครองส่วนแบ่งการตลาดไปกว่า 18.5% สินค้าเด่นๆของไทยคือ น้ำปลาตราคนแบกกุ้ง ของบริษัท อุตสาหกรรมน้ำปลาระยอง จำกัด นอกจากนี้ยังมี น้ำมันพืชตรากุ๊กและน้ำผลไม้เข้มข้น ตราควีน อีกด้วย   . ในประเทศจีนและเวียดนาม สินค้าในประเภทเครื่องปรุงของประเทศไทยไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศนี้เป็นประเทศที่มีขนาดอุตสาหกรรมที่ใหญ่ และมีผลผลิตสินค้าประเภทนี้ภายในประเทศตนเองที่สูงอยู่แล้ว ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของสินค้าไทยใน 2 ประเทศนี้มีน้อยมาก

พามาเบิ่ง  โรงพยาบาลเครือข่ายธนบุรีในอีสาน

พามาเบิ่ง  โรงพยาบาลเครือข่ายธนบุรีในอีสาน . . จากตำนานผู้บุกเบิกธุรกิจการแพทย์สู่จุดวิกฤตครั้งใหญ่ในชีวิต “นพ.บุญ วนาสิน” พร้อมครอบครัว เผชิญข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชนและฟอกเงิน ผู้เสียหายกว่า 500 รายแฉถูกหลอกลงทุนในโครงการสุขภาพใหญ่สุดในประเทศ ตำรวจเร่งติดตามตัวหมอบุญหลังพบหลบหนีไปต่างประเทศ . ISAN Insight พามาเบิ่ง  โรงพยาบาลเครือข่ายธนบุรีในอีสาน . บุญ วนาสิน เกิดเมื่อปี พ.ศ.2481 อายุ 86 ปีในปัจจุบัน  ในปี พ.ศ.2517 นพ.บุญ ก่อตั้ง รพ.ธนบุรี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักร “ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG)” องค์กรที่เติบโตจนมีโรงพยาบาลและธุรกิจในเครืออีกหลายแห่ง ครอบคลุมการดูแลสุขภาพทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น ศูนย์ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ธุรกิจการผลิตเครื่องมือแพทย์ และการดูแลผู้ป่วยในระยะยาว . บทบาทสำคัญในวงการแพทย์ ในฐานะผู้ก่อตั้งโรงพยาบาล นพ.บุญ มีบทบาทสำคัญในพัฒนาวงการสาธารณสุขไทย โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เขามีบทบาทโดดเด่นในการสนับสนุนวัคซีนทางเลือก รวมถึงการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในช่วงวิกฤต . บทบาทใน “วิกฤตโควิด” จุดเริ่มต้นข้อครหา ? ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 นพ.บุญ วนาสิน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการเสนอนโยบายและแนวทางแก้ไขปัญหาการจัดหาวัคซีนในประเทศไทย  . หมอบุญเคยออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อหลายครั้งเกี่ยวกับความล่าช้าและความไม่โปร่งใสในกระบวนการจัดหาวัคซีนของรัฐบาล เขาระบุว่าภาคเอกชนสามารถจัดหาวัคซีนได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่า แต่กลับไม่มีหลักฐานแน่ชัดเกี่ยวกับข้อตกลงหรือความร่วมมือระหว่างเขาและบริษัทผู้ผลิตวัคซีน ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าการประกาศดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือหรือแสวงหาประโยชน์เชิงธุรกิจหรือไม่ . นอกจากประเด็นวัคซีน หมอบุญยังถูกตั้งข้อสงสัยว่าการขยายกิจการทางการแพทย์ของบริษัทในเครือในช่วงวิกฤต เป็นการฉวยโอกาสจากสถานการณ์เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของบริการฉีดวัคซีนที่เปิดให้ประชาชนในบางกลุ่มต้องชำระค่าใช้จ่าย . อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์ของ นพ.บุญ เริ่มถูกตั้งคำถามเมื่อผู้เสียหายกว่า 500 รายออกมาแจ้งความว่าถูกหลอกลวงให้ลงทุนในโครงการทางการแพทย์ 5 โครงการที่อ้างความน่าเชื่อถือจากชื่อเสียงของ THG ผู้เสียหายระบุว่า นพ.บุญและครอบครัว เสนอการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง พร้อมดอกเบี้ยล่วงหน้า แต่เมื่อถึงกำหนดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยในปี 2567 กลับมีปัญหาในการจ่ายเงิน อีกทั้งเช็คที่ออกให้ผู้ลงทุนจำนวนมากไม่สามารถขึ้นเงินได้ ส่งผลให้เกิดการแจ้งความเป็นวงกว้าง . กรณีนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงต่อภาพลักษณ์ของ นพ.บุญ และอาณาจักร THG ซึ่งเคยได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านสุขภาพของประเทศไทย ความเชื่อมั่นของประชาชนในวงการแพทย์และระบบการลงทุนได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย ในขณะที่ นพ.บุญ พร้อมภรรยาและบุตรสาว ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัว โดยมีรายงานว่า หมอบุญเดินทางไปต่างประเทศตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ส่วนภรรยา-บุตรสาว พบว่ายังอยู่ในประเทศไทย . . อ้างอิงจาก: เว็บไซต์ของบริษัท, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, thaipbs . ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน #โรงพยาบาลเอกชนในอีสาน #TGH #โรงพยาบาลเครือธนบุรี #หมอบุญ

พาเปิดเบิ่ง “ฟาร์มหมูภูธรแดนอีสาน” มูลค่ากว่า 6,400 ล้านบาท กระจายอยู่กลุ่มจังหวัดไหนบ้าง

ในปี 2566 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีรายได้รวมจากธุรกิจการเลี้ยงหมูมากกว่า 6,430 ล้านบาท โดยกลุ่มจังหวัดที่มีรายได้รวมมากที่สุด คือ กลุ่มนครชัยบุรินทร์ มีมูลค่ากว่า 3,474 ล้านบาท รองลงมา คือ กลุ่มร้อยแก่นสารสินธุ์ มีมูลค่า 1,369 ล้านบาท และกลุ่มสบายดี มีมูลค่า 1,310 ล้านบาท ตามลำดับ   โดยบริษัทเสี้ยงหมูรายใหญ่ในอีสานก็จะอยู่ในกลุ่มนครชัยบุรินทร์เช่นกัน อย่างเช่น  – บจก.อาร์.เอ็ม.ซี.ฟาร์ม ที่มีรายได้กว่า 869 ล้านบาท – บจก.ฟาร์มพรประเสริฐ รายได้กว่า 650 ล้านบาท – บจก.ศรายุทธ ฟาร์ม รายได้กว่า 425 ล้านบาท – บจก.ส.ปศุสัตว์ รายได้กว่า 282 ล้านบาท   กลุ่มนครชัยบุรินทร์ไม่ได้มีเพียงรายได้รวมมากที่สุด แต่ยังมีจำนวนหมูและเกษตรกรที่เลี้ยงหมูมากที่สุดในภาคอีสานอีกด้วย เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขทางธรรมชาติที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงหมูและการผลิตเนื้อหมูในพื้นที่นี้ อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เหมาะสมในการทำธุรกิจฟาร์มหมูและยังมีการพัฒนาฐานพื้นที่สำหรับฟาร์มและอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้มีฟาร์มหมูจำนวนมากในพื้นที่นี้   แนวโน้มคาดว่าอุปทานเนื้อสุกรเพิ่มขึ้น ตามจำนวนสุกรเลี้ยงที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนหลักอย่างราคาอาหารสัตว์ปรับลดลง ทั้งรำสด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง และปลาป่น โดยอุปทานเนื้อสุกรจะมาจากผู้ผลิตสุกรรายกลาง-ใหญ่เป็นสำคัญ ขณะที่ผู้ผลิตสุกรรายย่อยจะลดบทบาทลง ขณะที่อุปสงค์เนื้อสุกรคาดว่าขยายตัวได้ตามราคาเนื้อสุกรที่ปรับลดลงเป็นหลัก ซึ่งช่วยหนุนความต้องการของผู้บริโภคไทย นอกจากนี้ การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มการบริโภคเนื้อสุกรในประเทศ     อ้างอิงจาก:. – KResearch Center – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า – กรมปศุสัตว์   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #ธุรกิจฟาร์มหมู #ฟาร์มหมู #เลี้ยงหมู #สุกร #เลี้ยงสุกร

หนาวนี้ อีสานตอนบนหนาวกว่าที่ผ่านมา คาดการณ์ อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 6 – 8 ํC

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน คาดการณ์ว่าฤดูหนาวจะเข้ามายังภาคอีสานประมาณปลายสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคม 2567 และจะสิ้นสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยพื้นที่ภาคอีสานตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นมากกว่าปีที่ผ่านๆมา โดยมีอีสานตอนบนจะมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยประมาณ 20 – 21 องศาเซลเซียส และจะมีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 6 – 8 องศาเซลเซียส ช่วงที่จะมีอุณหภูมิต่ำที่สุดจะอยู่ในช่วงประมาณต้นเดือนธันวาคม 2567 ถึงเดือนมกราคม 2568 โดยมีลำดับเวลาฤดูหนาวของอีสานตอนบนดังนี้ ประมาณปลายสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน  หลายๆคนคงได้สัมผัสกับหนาวแรกของช่วงท้ายปีกันไปแล้ว โดยเฉพาะบริเวณอีสานตอนบน ซึ่งมีอากาศเย็นไปถึงหนาวในบางพื้นที่ และมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคอีสาน  ช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม เป็นช่วงที่พื้นที่ภาคอีสานจะมีอากาศหนาวเย็นมากขึ้น โดยเฉพาะอีสานตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นเกือบทั่วไปและหนาวจัดบริเวณตอนบนของภาค และมีหมอกหนาในหลายๆพื้นที่ โดยบริดวณยอดภูรวมทั้งเทือกเขาจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและเกิดน้ำค้างแข็ง เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากจีนแผ่มายังประเทศไทย รวมไปถึงมรสุมที่ยังพัดปกคลุมประเทศไทย ช่วงระยะต้นและกลางเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงท้ายของฤดูหนาวของประเทศไทย อีสานตอนบนจะยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า อากาศโดยรวมเริ่มอุ่นขึ้น และเริ่มมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในตอนกลางวัน กับหมอกหนาในหลายๆพื้นที่  . . ฤดูหนาว เป็นฤดูโปรดของใครหลายๆคน มีบรรยากาศเย็นสบาย หลายๆคนคงจะวางแผนไปท่องเที่ยวและพักผ่อน แต่ก็ยังมีปัญหาที่ตามมาอีกหลายอย่าง โดยอ้างอิงจากเคสในฤดูหนาวปีที่ผ่านมา ซึ่งคนอีสานควรเตรียมพร้อมเรื่องใดบ้าง Isan insight & Outlook สิพามาเบิ่ง….   1. ไฟป่า ภัยที่เป็นดั่งเงาของหน้าแล้ง ไฟป่า ดูเหมือนจะเป็นภัยที่เกิดมากในช่วงฤดูหนาว เพราะเป็นช่วงที่ป่ามีการผลัดใบและแห้งแล้ง ซึ่งภาคอีสานมีพื้นที่ป่าอยู่มาก ความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าย่อมมากตาม โดยสถานการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ของภาคอีสานที่ผ่านมาเมื่อต้นปี 2567 ในเดือน ก.พ. ได้แก่ เหตุไฟไหม้บนเทือกเขาภูแลนกา จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นเหตุกาณ์ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปีของจังหวัด ดังนั้นการป้องกันภัยป่าจึงเป็นสิ่งที่ควรระวังเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว   2. ฝุ่นละออง ของฝากที่ไม่ต้องการจากหน้าหนาว เมื่อเข้าฤดูหนาว สิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากในชีวิตประจำวันนั่นคือปัญหาเรื่องฝุ่นละออง PM 2.5 เนื่องจา่กมีแนวโน้มความกดอากาศที่สูงขึ้น ส่งผลทำให้อากาศไม่ถ่ายเท ผนวกพื้นดินแห้งและมักจะมีการเผาไร่นา ส่งผลทำให้มีฝุ่นละอองสะสม ตัวอย่างปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในภาคอีสาน คือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่หลายจังหวัดในภาคมีระดับค่าความเข้มข้นของฝุ่น PM 2.5 ในระดับสีแดง ไปจนถึงแดงเข้ม ซึ่งแสดงถึงความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งในปีนี้ก็คงหนีไม่พ้นการเผชิญกับปัญหาฝุ่นละออง ดั้งนั้นสิ่งที่เราทำได้คือการป้องกันตนเอง เช่น ลดการทำกิจกรรมการแจ้ง สวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น    3. ความหนาวเย็น ไม่ได้เป็นแค่ความโรแมนติก ภาคอีสานเป็นภาคที่ฤดูหนาวหนาวมากอยู่แล้ว และปีนี้ก็คาดว่าจะหนาวเย็นมากว่าปีที่ผ่านๆมา ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่อาจจะยากลำบากขึ้น ความหนาวเย็นสุดขั้วสามารถส่งผลแก่ร่างกายจนอาจถึงแก่ชีวิต ในปีที่แล้วหลายๆจังหวัดได้เผชิญกับภัยหนาว เช่น บุรีรัมย์ สกลนคร กาฬสินธุ์ เป็นต้น ซึ่งหน้าหนาวปีนี้จะเริ่มหนักในช่วงเดือนธันวาคมและมกราคม ผู้คนที่อาศัยบริเวณภูเขาควรเตรียมตัวเป็นพิเศษ เนื่องจากมีโอกาสที่บริเวณยอดภูเขาจะเกิดน้ำค้างแข็ง และจะมีหมอกหนาในหลายๆพื้นที่ ดังนั้นควรระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุในการใช้รถใช้ถนนให้ดี นอกจากนั้นยังมีโรคติดต่อที่มากับหน้าหนาว เช่น ไข้หวัดใหญ่ …

หนาวนี้ อีสานตอนบนหนาวกว่าที่ผ่านมา คาดการณ์ อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 6 – 8 ํC อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top