September 2022

ย้อนเบิ่ง  จำนวนวัดในภาคอีสานมีท่อใด๋ ในปี 2564

ย้อนเบิ่ง  จำนวนวัด  ภาคอีสานมีท่อใด๋ ในปี 2564 เมื่อลองดูสถิติจำนวนวัดในภาคอีสานแล้ว จะเห็นได้ว่าภาคอีสานมีจำนวนวัดมากที่สุดในประเทศเลยทีเดียว อีกทั้งคนไทยหันมาหาที่พึ่งทางจิตใจเยอะมากขึ้นเนื่องจากมีสถานการณ์โควิด-19 จากงานวิจัยของ นายบุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด มหาวิทยาลัยมหิดล หัวข้อการตลาด ซึ่งสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างกว่า 1,200 ตัวอย่าง พบว่า ปัจจัยที่ทำให้คนไทยเกิดความกังวล ได้แก่ การแพร่ระบาดของโควิด-19 คิดเป็น 76.8% จากความกังวลและความไม่แน่นอนดังกล่าว ประกอบกับสถานการณ์การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทำให้คนไทยต้องหาวิธีจัดการกับความรู้สึก จนเกิดปรากฏการณ์ 3 อย่าง หนึ่งในนั้นคือหันหน้าพึ่งสายมูเตลู หรือมีความเชื่อโชคลาง จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจด้านนี้ ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับการวัด การทำบุญ หรือ มูเตลู ได้รับความสนใจมากขึ้น อีกทั้งเหล่าผู้ประกอบการน้อยใหญ่ต่างปรับกลยุทธ์การตลาดให้เท่าทันไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถประคองตัวผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้ อ้างอิงจาก : สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ https://www.prachachat.net/social-media-viral/news-732999 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ภาคอีสาน #วัดอีสาน #วัด

พาส่องเบิ่ง “ขอนแก่นแหอวน” จาก Family Business สู่ธุรกิจแหอวนระดับโลก

วันนี้ ISAN Insight & Outlook จะพามาดูเส้นทาง “ขอนแก่นแหอวน” ว่ามีความเป็นมาอย่างไร?? จุดเริ่มต้นจากร้านโชห่วยในรุ่นพ่อ ที่ช่วยกันพัฒนาจากพี่น้องสามคนของตระกูล ‘เสรีโยธิน’ จนขยายกิจการเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายแห อวน ตาข่าย และอุปกรณ์การประมง การเกษตร ภายใต้แบรนด์สินค้าตรา ‘เรือใบ’ หรือ SHIP ในนามบริษัทขอนแก่นแหอวน จำกัด หรือ KKF ที่ผงาดสู่ระดับโลกได้สำเร็จ จากแนวคิด Family Business ของ คุณบวร เสรีโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ขอนแก่นแหอวน จำกัด หนึ่งในผู้ก่อตั้งธุรกิจแหอวนระดับโลกจากสามพี่น้องตระกูลเสรีโยธิน คุณบวร เล่าว่า ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2520 โดยเริ่มจากที่อยากพัฒนาบ้านเกิดตนเอง ซึ่งเป็นการทำธุรกิจที่เริ่มจากรับสินค้าจากชาวบ้านในจังหวัดขอนแก่น ที่ถักแหอวนด้วยมือ แล้วส่งไปขายต่อ จากนั้นเมื่อเข้าสู่ยุคสั่งสินค้า semi product จากญี่ปุ่น ก็มีการสั่งสินค้านำมาแปรรูปใส่ตะกั่วใส่ทุ่นเพิ่มทำให้อวนสำเร็จรูปมากขึ้น แล้วส่งขายไปทั่วภาคอีสาน เมื่อมีปริมาณการซื้อเพิ่มมากขึ้น จึงขยายตลาดไปภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ จุดพลิกผันด้านกำแพงภาษี ก่อนแจ้งเกิดระดับโลก จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ครอบครัวเสรีโยธินต้องพัฒนาสินค้าขึ้นเอง ตั้งแต่กระบวนการผลิตเส้นใย ด้วยเหตุที่ญี่ปุ่นตั้งกำแพงภาษีสำหรับสินค้าเส้นใย ทำให้ต้นทุนมีราคาที่สูงขึ้น จนหันมาตั้งโรงงานและเป็นผู้ผลิตแทนการนำเข้า โดยเริ่มจากการซื้อเครื่องจักรมือสองของไต้หวัน 10 เครื่อง ปัจจุบันยังมีการปรับใช้ Know-how ต่างๆ เข้าไปเพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เป็นระบบออโตเมชั่น ทำให้การใช้แรงงานคนลดน้อยลง วิกฤตสร้างโอกาส ขยายตลาดไม่หยุดยั้ง ปี 2540 เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้ต้องมีการกู้เงินตราต่างประเทศเพื่อขยายกิจการ จึงเป็นที่มาทำให้ขอนแก่นแหอวนหันไปบุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง เพื่อนำเงินสกุลต่างประเทศมาชดเชยกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงนั้น หลังจากที่เติบโตมาได้ระดับหนึ่ง ทำให้มองเห็นช่องทางโอกาสในการเติบโตที่มากขึ้น จึงค่อยๆ ขยายโรงงานเพิ่มขึ้น จนปัจจุบันมีโรงงานอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด 6 แห่ง ประเทศจีน 2 แห่ง และประเทศเมียนมา 2 แห่ง ซึ่งกว่า 60% กระจายไปในตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนอีก 40% กระจายอยู่ในประเทศไทย สร้างจุดแข็งด้วยกลยุทธ์ Holding Company นอกจากมีการจัดตั้งธรรมนูญครอบครัว ขอนแก่นแหอวนยังมีกลยุทธ์ในการวางแผนบริหารธุรกิจโดยการจัดตั้ง Holding Company โดยผู้บริหารมาจากคนในตระกลูทั้งหมด โดยแบ่งหน้าที่ให้สอดคล้องกับความชำนาญของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ธุรกิจครอบครัวมักที่จะใช้ในการวางแผนบริหารธุรกิจ แนวคิด ‘ธรรมนูญครอบครัว’ เพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืน ขอนแก่นแหอวนถือเป็นต้นแบบการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัวที่ดีเยี่ยมมากว่า 44 ปี โดยมีการบริหารจัดการธุรกิจแบบ ‘ธรรมนูญครอบครัว’ ซึ่งเป็นการสร้างข้อตกลงร่วมกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว โดยสมาชิกที่เกี่ยวข้องจะมีส่วนร่วม มีสิทธิและเสียงในการสร้างข้อตกลงต่างๆ ขึ้นมา สำหรับธรรมนูญครอบครัวของขอนแก่นแหอวน คุณบวรเล่าว่า เนื่องจากเป็นธุรกิจครอบครัวและมีหลายเจนเนอเรชั่น จึงจำเป็นต้องสร้างหลักเกณฑ์ที่เป็นธรรมให้กับทุกคนในครอบครัว เพื่อให้ธุรกิจครอบครัวประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดยมีการประชุมกงสีทุกไตรมาส ไม่น้อยกว่า 2 ครั้งต่อปี เพื่อให้แต่ละเจนเนอเรชั่นเรียนรู้ซึ่งกันและกันให้มากขึ้น เชื่อว่าถ้ามีความสามัคคีกันจะทำให้แข็งแกร่งและอยู่ได้อย่างยั่งยืน …

พาส่องเบิ่ง “ขอนแก่นแหอวน” จาก Family Business สู่ธุรกิจแหอวนระดับโลก อ่านเพิ่มเติม »

4 งาน Craft ของใช้สุดปัง  จากการต่อยอดของท้องถิ่นแดนอีสาน 

4 งาน Craft ของใช้สุดปัง  จากการต่อยอดของ ท้องถิ่นแดนอีสาน  แนวโน้มของงานคราฟต์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร  • เน้นที่การใช้งานมากขึ้น การออกแบบจะต้องแก้ปัญหาไม่ใช่เพียงแค่ผู้ใช้ แต่ต้องคำนึงถึงตัวชุมชนด้วย • มุมมองของการทำงานคราฟต์ หลังจากนี้จะเพื่อการฟื้นฟูเยียวยาทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจมากขึ้น ตลาดตรงนี้ยังมีที่ว่างให้สร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายรูปแบบ • การสื่อสารจึงไม่ใช่แค่พยายามเน้นการขายสินค้าอย่างเดียว แต่คือการใส่เรื่องราวลงในสินค้า เพื่อสร้างคุณค่าและสร้างความเข้าใจว่าทำไมถึงราคานี้ • สิ่งหนึ่งที่กำลังเกิดปัญหาในวงการแฟชั่นตอนนี้คือสินค้าค้างสต็อก เพราะ Fast Fashion มันขึ้นกับฤดูกาล แต่งาน คราฟต์ มันไม่มีเก่า ไม่มีตกรุ่น จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆที่จะนำเสนอคุณค่าเหล่านั้นของงานคราฟต์ ออกมา ในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังมองหาความคุ้มค่าในรูปแบบตัวตนเฉพาะของตัวเอง อ้างอิงจาก: https://readthecloud.co/isan-craft-products/ https://www.prachachat.net/spinoff/lifestyle/news-333386 https://www.cea.or.th/…/single…/crafts-industry-covid-19 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #Craftอีสาน #คราฟต์อีสาน #อำนาจเจริญ #Thorr #สกลนคร #ดอนหมูดิน #มหาสารคาม #LITIN #เลย #FolkCharm

ดัน “ไส้กรอกอีสาน” Soft Power หลังติด 50 สตรีทฟู้ดเอเชีย

รัฐบาล ผลักดัน “ไข่เจียวปู ข้าวซอย ไส้กรอกอีสาน” ของไทย เป็นอีกหนึ่ง Soft Power ของไทยในด้านอาหาร และด้านอื่น ๆ สู่เวทีโลก เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ หลัง CNN Travel จัดให้ติด 50 อันดับสตรีทฟู้ดที่ดีที่สุดในเอเชีย นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ สตรีทฟู้ด (Street foods) หรืออาหารข้างทางของไทยยังคงสร้างความประทับใจให้คนทั่วโลก โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า CNN Travel ได้ระบุว่า ไข่เจียวปู เป็นเมนูไข่ที่มีรสชาติดีกว่าเมนูไข่ประเภทอื่น ส่วนผสมของไข่และเนื้อปูทำให้อาหารจานนี้ทั้งกรอบและเนื้อนุ่มฟูน่าทาน โดยหากรับประทานพร้อมซอสพริกจะยิ่งทำให้เมนูนี้อร่อยมากยิ่งขึ้น ส่วน ข้าวซอย เป็นอาหารของทางภาคเหนือของไทย มีส่วนผสมของซุปที่มีเครื่องแกงกะหรี่ ผสมกับน้ำกะทิที่เข้มข้น ราดบนเส้นบะหมี่ที่มีน่องไก่หรือเนื้อวัว และโรยด้วยเส้นบะหมี่ทอด ขณะที่ ไส้กรอกอีสาน เป็นอาหารข้างทางที่พบได้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เป็นไส้กรอกหมูปรุงรสผสมข้าวเหนียว กระเทียม นำไปหมักและตากแห้งจนมีรสเปรี้ยว “ประเทศไทยได้รับความนิยมด้านความหลากหลายของอาหาร ซึ่งเกิดจากความแตกต่าง เรื่องพื้นที่เพาะปลูกทำปศุสัตว์ของท้องถิ่นแต่ละภูมิภาค ทำให้อาหารไทยมีเอกลักษณ์และเป็นที่นิยมมาตลอด” ทั้งนี้ รัฐบาลตระหนักถึงข้อได้เปรียบ และได้เดินหน้าผลักดัน ส่งเสริมการขยายผล Soft power ของไทยทั้งในด้านอาหาร และด้านอื่น ๆ ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ อ้างอิงจาก: https://www.thansettakij.com/economy/538262 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ไส้กรอกอีสาน #SoftPower #อาหารอีสาน

“KGO Token” เหรียญดิจิทัลเหรียญแรกของไทย พัฒนาขึ้นโดยกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ชาวขอนแก่น

SMART BUSINESS EXPO 2022 งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีดิจิทัลครั้งใหญ่ระดับภูมิภาค กำหนดจัดระหว่างวันที่ 5-9 ต.ค. 2565 นี้ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติขอนแก่น (ไคซ์) ซึ่งได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่หลายภาคส่วนสะดุดตากับข้อความประชาสัมพันธ์ “ใครที่มีเหรียญ KGO Token นำมาใช้เป็นแต้มส่วนลดในรายการโปรโมชันของบูทขายสินค้าและบริการต่างๆ ภายในงานได้” แต่ก็มีไม่น้อยที่มีคำถามว่า KGO Token คืออะไร? . สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) ในฐานะเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ร่วมก่อตั้ง KGO Token (Founder KGO) ภายใต้การบริหารจัดการโดย บริษัทอินฟินิทแลนด์ โทเคน จำกัด อธิบายว่า KGO ย่อมาจาก Knowledge Governance Token เป็นเหรียญที่ถูกกำหนดค่าขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนได้ใช้เป็นแต้มส่วนลดสินค้าและบริการหรือใช้ร่วมกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์กิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ โดยเหรียญนี้จะอยู่ในระบบบล็อกเชน (Blockchain) สามารถสร้างเศรษฐกิจใหม่ในระบบดิจิทัล ซึ่งยังไม่เคยทำกันมาก่อนในเมืองไทย เหรียญนี้ทำหน้าที่เหมือน E-Voucher สามารถเปลี่ยนมือผ่านการแลกเปลี่ยนเหรียญ โอนมอบให้กันได้ผ่านแอปพลิเคชันหรือกระเป๋าผู้ใช้งาน KGO wallet ที่เราสร้างขึ้น . KGO Token ไม่สามารถใช้แทนเงิน แต่ใช้ควบคู่กับเงินบาท เช่นร้านอาหาร A จัดโปรโมชัน สั่งอาหารและเครื่องดื่มครบ 500 บาท/ครั้งขึ้นไป ลูกค้าจะได้รับโอนเหรียญ KGO Token จำนวน 200 KGO สามารถนำมาใช้เป็นแต้มส่วนลดในการรับปรเทานอาหารครั้งถัดไป เช่น ลูกค้าใช้ 100 KGO เพื่อแลกส่วนลดค่าอาหาร 10% หรือใช้ 300 KGO กับเงินอีก 30 บาทแลกซื้อน้ำผลไม้ปั่นได้ 1 แก้ว จากปกติน้ำผลไม้ปั่นมีราคาขายอยู่ที่แก้วละ 60 บาท . สุรเดชบอกว่า ปัจจุบันเฉพาะในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นมีผู้ใช้งาน KGO Token มากกว่า 25,000 กระเป๋า ขณะที่บรรดาร้านค้าที่รับแต้มส่วนลดด้วยเหรียญนี้มีไม่ต่ำกว่า 600 ร้านค้า ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารและร้านขายเครื่องดื่ม คนที่ถือเหรียญ KGO สามารถใช้เป็นแต้มส่วนลดค่าสินค้าหรือบริการกับร้านค้าทั้งที่อยู่ในระบบออฟไลน์และโลกเสมือนได้หมด เริ่มเก็บสะสมเหรียญได้จากตอนลงทะเบียนครั้งแรก แค่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนก็สแกนเพื่อโหลดกระเป๋า KGO Token มาไว้บนหน้าจอได้ง่ายๆ เหมือนโหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ ทั่วไป . หากมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย มีร้านค้า มีองค์กรเครือข่ายที่ได้รับการกระจายเหรียญดิจิทัลตัวนี้ไปมากขึ้นเชื่อว่าผู้คนในสังคมจะรู้จักและเข้าถึงกระเป๋า KGO Token เร็วขึ้น ที่สำคัญคือมีความเข้าใจและใช้เป็น จะทำให้การสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลในโลกเสมือนก็จะขยายตัวเติบโตเร็วขึ้น เป็นสิ่งที่นักธุรกิจรุ่นใหม่ชาวขอนแก่นอยากเห็นอยากให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด . ปัจจุบันเครือข่ายองค์กรที่ได้รับมอบ KGO Token ไปแล้วมีหลากหลายหน่วยงาน เช่น …

“KGO Token” เหรียญดิจิทัลเหรียญแรกของไทย พัฒนาขึ้นโดยกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ชาวขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

มาทำความฮู้จัก  เหล้าอุ สุราแช่พื้นเมืองอีสาน 

มาทำความฮู้จัก  เหล้าอุ สุราแช่พื้นเมืองอีสาน  จังหวัดนครพนม พื้นที่ที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรมพื้นถิ่น จึงไม่แปลกนักหากจะมีประเพณีการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอันแตกต่างหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือเมนูเครื่องดื่มพื้นเมือง ที่ภายหลังถูกยกให้เป็นของฝากของดีและมีการจดทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ประจำอำเภอเรณูนคร อ้างอิงจาก : http://www2.nakhonphanom.go.th/otop/detail/4 https://www.silpa-mag.com/culture/article_36143 https://craftnroll.net/craft-insight/ . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #เหล้าอุ #นครพนม #เรณูนคร #เหล้าสาโท #เหล้าโท

ศึกธุรกิจเครื่องดื่มวิตามินซีรายใหญ่

ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา หนึ่งในตลาดที่ถือว่าร้อนแรง และมีผู้เล่นหลายราย ต่างเข้ามาลงเล่นในตลาด เพื่อหวังชิงเม็ดเงินจากกระเป๋าของผู้บริโภคมากที่สุด คือ ตลาดเครื่องดื่มประเภทวิตามิน ไม่ว่าจะเป็นน้ำวิตามินซี, น้ำวิตามินรวม รวมไปถึงน้ำดื่มผสมวิตามิน ด้วยเทรนด์รักสุขภาพของผู้คน ที่อยากรูปร่างดี ผิวสวย และสุขภาพแข็งแรง อาจสงสัยว่าตลาดนี้ มีใครเป็นผู้เล่นหลัก ๆ บ้าง ? โดยในปี 2563 สำหรับแบรนด์ ที่ครองส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มวิตามินซีมากที่สุด ได้แก่ – C-vitt ของโอสถสภา 70.7% – Double C ของหนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ 19.0% – Vit A Day ของเจนเนอรัล เบฟเวอร์เรจ 7.8% – Woody C+ Lock ของคาราบาวกรุ๊ป 1.5% – อื่น ๆ 1.0% ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่า อันดับที่ 1, 3 และ 4 ล้วนเป็นแบรนด์จากบริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ของประเทศ ที่มีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มหลายประเภท อยู่ในพอร์ตสินค้าของบริษัท เช่น น้ำดื่ม, เครื่องดื่มบำรุงกำลัง, เกลือแร่, กาแฟ อยู่แล้ว ก่อนจะเข้ามาลงเล่นในตลาดนี้ แต่ที่น่าสนใจคือ ผู้เล่นที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์อันดับ 2 อย่าง Double C กลับไม่ใช่บริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศแต่อย่างใด เป็นบริษัทที่คนส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นหู และมีจุดเริ่มต้นมาจากจังหวัดหนองคาย แต่สามารถแข่งขันกับคู่แข่ง ที่เป็นบริษัทเครื่องดื่มแนวหน้าของประเทศ และคว้าส่วนแบ่งการตลาดอันดับต้น ๆ มาได้ บริษัท หนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2555 ที่จังหวัดหนองคาย ปัจจุบันดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มวิตามินซี ภายใต้แบรนด์ “Double C” โดยจุดเริ่มต้นของ Double C เกิดจากสองพี่น้องผู้บริหารหนุ่มไฟแรง คุณชนินทร์ เฮ้งเจริญสุข และคุณสรวิศ เฮ้งเจริญสุข สองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ จำกัด ได้เล่าว่า เดิมทีบริษัทก่อตั้งขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง ภายใต้แบรนด์ “ช้างแดง” แต่ด้วยสภาพการแข่งขันที่สูง และมีผู้เล่นเจ้าตลาดอยู่แล้ว ทำให้บริษัทเจาะตลาดไม่สำเร็จ และกิจการประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง คุณชนินทร์ และคุณสรวิศ จึงตัดสินใจมองหาธุรกิจใหม่ แล้วพบว่า ตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ กำลังเติบโตได้ดี และมีแนวโน้มโตอย่างต่อเนื่อง จากเทรนด์รักษาสุขภาพที่เริ่มเข้มข้นขึ้น แถมตอนนั้นคู่แข่งยังมีไม่มาก เลยมีพื้นที่ให้ทำตลาดอีกเยอะ ประกอบกับบริษัทมีทรัพยากรเดิมอยู่แล้ว เช่น เครื่องจักร ที่สามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจใหม่ได้ จึงเดินหน้าวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจัง เพื่อผลิตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่รวมวิตามินซีจากผลไม้ 2 …

ศึกธุรกิจเครื่องดื่มวิตามินซีรายใหญ่ อ่านเพิ่มเติม »

ฉุดบ่อยู่ ! นวยนาด แบรนด์เครื่องหอม งาน Craft แดนอีสาน ดังไกลถึงต่างประเทศ 

ฉุดบ่อยู่ ! นวยนาด แบรนด์เครื่องหอม  งาน Craft แดนอีสาน ดังไกลถึงต่างประเทศ  . งานหัตถศิลป์ หรือ งานคราฟต์ คือ งานฝีมือ ที่มีกระบวนการในการสร้างสรรค์ผลงาน จัดเป็นผลงานศิลป์อย่างหนึ่ง เหมาะที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย อาศัยความปราณีตพิถีพิถัน และแรงบันดาลใจจากผู้สร้างงาน แถมยังคงความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป . เส้นทางของแบรนด์ที่ใส่ใจรายละเอียด การหยิบยกของท้องถิ่นมาต่อยอด ไม่ว่าจะเป็นใบย่านางเป็นผักที่สะท้อนวิถีชีวิตคนอีสานได้เป็นอย่างดี, เนื้อครามอินทรีย์จาก จ.สกลนคร และไวน์หมากเม่า โดยครูคณพ วรรณวงค์ ผู้ก่อตั้งและผู้ที่ทำไวน์หมากเม่าคนแรกของอำเภอภูพาน จ.สกลนคร . อีกทั้งแบรนด์นวยนาดได้รับรางวัลดีไซน์จาก DEmark (Design Excellence Award) จากตัวเทียนหอมและร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ทำให้สามารถนำสิ่งที่ทำกับชุมชน ออกสู่นอกประเทศให้คนอื่นได้เห็นฝีมือของคนโคราชในรูปแบบใหม่ นอกจากเเค่ดินด่านเกวียนที่มักจะใช้ปั้นเป็นตุ๊กตาดิน กระถางต้นไม้สีน้ำตาล หินทรายที่เอาไว้แค่เเกะสลักองค์พระ หรือนำหินไปทำเป็นกระเบื้องประดับตกแต่งบ้าน ซึ่งความจริงสามารถต่อยอดเป็นอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ได้ ซึ่งยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน . นอกจากจะสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์แล้ว ยังเพิ่มโอกาสทำให้คนในชุมชนได้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการทำงานฝีมือในแต่ละชิ้น ทำให้ต่างประเทศได้เห็นว่างานฝีมือของคนอีสาน ของคนโคราชมีดีและมีเอกลักษณ์ที่สวยงาม . . อ้างอิงจาก: https://urbancreature.co/nuaynard-korat/ https://www.nuaynardhandcraft.com/our-story https://adaybulletin.com/life-spaceandtime-nuaynard/52656 . #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #นวยนาด #Craftอีสาน #คราฟต์อีสาน #nuaynard #nuaynardhandcraft

Scroll to Top