August 2022

ททท. รุกตลาดท่องเที่ยวเชิงอาหารสู่แดนอีสาน ลงมิชลินไกด์ ปี 66

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงานประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้การคัดสรรร้านอาหารครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย คู่มือ “มิชลิน ไกด์” ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นฉบับที่ 6 ของไทยปักหมุด 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา, อุบลราชธานี, อุดรธาน และขอนแก่น เพื่อผลักดัน การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) เผยอัตลักษณ์โดดเด่นด้านอาหารและวัฒนธรรม เตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ รองรับนักชิมและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2565 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า คู่มือ “มิชลิน ไกด์” ฉบับปี 2566 ของไทย ขยายขอบเขตการคัดสรรแนะนำร้านอาหารเข้าสู่ 4 จังหวัดภาคอีสาน เพื่อสะท้อนวัฒนธรรมอาหารอีสานที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว มาพร้อมรสชาติจัดจ้าน มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจโดยได้รับอิทธิพลจากหลากหลายวัฒนธรรม มีสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีความโดดเด่น ตลอดจนเสน่ห์ของวิถีชุมชนที่มีเอกลักษณ์ โดยสามารถรองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มและยังสามารถเดินตามรอยร้านอร่อยที่ “มิชลิน ไกด์” ได้คัดสรรไว้ให้ ซึ่งในปัจจุบันมีเชฟชาวอีสาน จำนวนมากที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านอาหารจากร้านอาหารชื่อดังในต่างประเทศ กลับมาเปิดร้านอาหารที่บ้านเกิดของตนเอง โดยเลือกนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาปรุงอย่างพิถีพิถันเพื่อยกระดับอาหารอีสานให้มีคุณภาพสูงขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการรับประทานอาหารแก่นักเดินทาง ดังนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เล็งเห็นถึงความพร้อมของ 4 จังหวัดที่สามารถสะท้อน วัฒนธรรมอาหาร การกินของคนไทย และสามารถขับเคลื่อนให้เกิดการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวเพื่อต่อยอดสู่ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) นำไปสู่การกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ เห็นได้จากรายได้จากการท่องเที่ยวระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2565 ของจังหวัดนครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น และ อุดรธานี รวมกันประมาณ 30,511 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติใช้ไปกับค่าอาหารและเครื่องดื่มรวมกันประมาณ 7,442 ล้านบาท ซึ่งสูงเป็น อันดับ 1 เมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายหมวดอื่น ๆ เช่น ค่าที่พัก ค่าของที่ระลึก และค่าคมนาคมขนส่ง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมเดินหน้ากระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยว สอดรับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยจัดกิจกรรมท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เพื่อให้เกิดแรงส่งไปถึงฤดูการท่องเที่ยวช่วงปลายปีต่อเนื่องไปถึงต้นปีหน้า ซึ่งการขยายขอบเขตการคัดสรรร้านอาหารครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย คู่มือ “มิชลิน ไกด์” ประจำปี 2566 จะเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป อ้างอิงจาก: ​​https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1013739 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #นครราชสีมา #อุบลราชธานี #อุดรธานี #ขอนแก่น #ตลาดท่องเที่ยวเชิงอาหาร #มิชลินไกด์

กงสุลจีนเตรียมเสนอรัฐบาลจีน เล็งใช้นิคมฯ อุดรธานีเป็นฐานพักสินค้าส่งออกนำเข้าจีน-ไทย

อุดรธานี – กงสุลใหญ่จีนลงพื้นที่อุดรธานี สำรวจติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม รวบรวมข้อมูลเสนอรัฐบาลจีน เพื่อใช้เป็นจุดพักก่อนขนส่งสินค้าจากไทยไปจีนและจีนมาไทย เผยล่าสุดผู้ประกอบการจากภาคใต้ก็สนใจขนสินค้าอาหารทะเลและผลไม้มาพักเพื่อส่งออกไปจีน นายเหลี้ยวจวิ้นหยุน กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดขอนแก่น และคณะได้เดินทางมาดูพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี และรับทราบความคืบหน้าการสร้างนิคมฯ โดยมีนายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล ประธานบริหารบริษัทเมืองอุตสาหกรรมอุดรธานี จำกัด นางอรพิน พิพัฒน์วิไลกุล รองประธานฯ และนายพิสิษฐ์ พิพัฒน์วิไลกุล กรรมการผู้จัดการ รวมถึงอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับและให้ข้อมูล การเข้าเยี่ยมชมโครงการฯ ครั้งนี้ ทางคณะได้มารับทราบข้อมูลเกี่ยวกับผลดีผลเสียผลกระทบต่อการเปิดรถไฟจีน-ลาวที่มีต่อจังหวัดอุดรธานี จะดำเนินการอย่างไรในการเชื่อมโยงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานการค้าและการขนส่งเพื่อรองรับการเปิดบริการรถไฟจีน-ลาว พร้อมกับติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม และทางนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีได้เตรียมตัวอย่างไรกับการใช้ประโยชน์จากการเปิดรถไฟสายจีน-ไทย นายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล ประธานบริหารบริษัทเมืองอุตสาหกรรมอุดรธานี เปิดเผยว่า การเดินทางลงมาในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีทางกงสุลต้องการข้อมูลของนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีว่าตอนนี้ทางนิคมมีความพร้อมมากน้อยขนาดไหน และมารับทราบข้อคิดเห็นเกี่ยวกับโลจิสติกการขนส่งสินค้าจากไทยไปจีนและจีนมาไทย จากนั้นทางกงสุลก็จะไปร่วมประชุมและเสนอกับทางรัฐบาลต่อไป นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานียังไม่คิดขนส่งทางรถไฟ แต่นิคมจะแก้ปัญหาโดยใช้รถบรรทุกขนจากนิคมขนสินค้าไปยังเวียงจันทน์ โดยเราจะยกตู้สินค้าไปวางที่จุดขนถ่ายที่ สปป.ลาว เพราะระยะทางจากนิคมฯ ไปที่เวียงจันทน์ประมาณ 70 กิโลเมตร และสินค้าจากทางจีนที่จะมาไทยสามารถยกใส่รถบรรทุกกลับมาได้ ขณะนี้ทางนิคมฯ ได้เตรียมพื้นที่ประมาณ 600 ไร่ไว้รองรับ ขณะนี้มีผู้ประกอบการจากทางภาคใต้เดินทางมาดูพื้นที่นิคมฯ แล้วหลายราย คาดว่าจะนำสินค้าจากภาคใต้จำพวกผลไม้ อาหารทะเล มาจัดเก็บมาพักไว้ที่นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ก่อนจะลำเลียงส่งออกไปยังประเทศจีน และเร็วๆ นี้ทางหอการค้าภาคเหนือก็จะนำผู้ประกอบการเดินทางมาดูพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีเช่นกัน โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี แบ่งออกเป็น 2 เฟส เฟสแรกใช้พื้นที่ประมาณ 1,300 ไร่ และเฟส 2 อีกราว 1,000 ไร่ตามแผนงานต้องสร้างแวร์เฮ้าส์ทั้งหมด 25 หลัง ทั้งขนาดเล็กและขนาดกลางเพื่อให้โรงงานต่าง ๆ เช่าเพื่อเก็บสินค้า นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนอุตสาหกรรม และส่วนโลจิสติกส์ โดยในส่วนของโลจิสติกส์ปาร์กจะประกอบด้วย สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง หรือ ICD เขตปลอดอากร (FREE ZONE) คลังสินค้า ซึ่ง ICD จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในภาคอีสานตอนบนในการที่จะส่งสินค้าออกต่างประเทศหรือนำของเข้ามาในประเทศ ซึ่งส่วนนี้มีความจำเป็นเกี่ยวกับศุลกากรในเรื่องนำเข้าและส่งออก จุดนี้จะสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าให้นำเข้าและส่งออกสินค้าต่างประเทศได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางผู้บริหารโครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้เคยระบุว่าอยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีใน 4 เรื่อง คือ ปรับปรุงพัฒนาบริเวณทางแยกเข้านิคมให้สามารถอำนวยความสะดวกต่อการวิ่งของยวดยานพาหนะทุกประเภท, การลากรางรถไฟเข้ามาในพื้นที่นิคมฯ รองรับการขนส่งสินค้า, NEC สิทธิพิเศษ สิทธิประโยชน์ และขอสิทธิพิเศษเขตเศรษฐกิจชายแดนจากหนองคายให้ครอบคลุมมาถึงอุดรธานี อ้างอิงจาก: https://mgronline.com/local/detail/9650000061261 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #กงสุลจีน #อุดรธานี #นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี

2 จังหวัดการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ในปี 2565 (ม.ค. – ก.ค.)

ในเดือน มกราคม – กรกฎาคม 2565 ภาคอีสานมีมูลค่าการค้าชายแดนกับ กัมพูชา 7,922 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเพียง 6.8% ของการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมดในประเทศ โดยมีการส่งออกมูลค่ากว่า 5,245 ล้านบาท ลดลงจากในช่วงเดือนเดียวของปีก่อนหน้า -27% และมีมูลค่าการนำเข้ากว่า 2,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.8% สินค้าส่งออกหลัก 1.รถยนต์ อุปกรณ์ 2.เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 3.รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ สินค้านำเข้าหลัก 1.ผักและของปรุงแต่งจากผัก 2.อลูมิเนียมและผลิตภัณฑ์ 3.ลวดและสายเคเบิลฯ แนวโน้มการค้าชายแดนไทยหลังจากนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าปัจจัยสนับสนุนการค้าชายแดนและผ่านแดน คือ การผ่อนคลายมาตรการควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ที่สามารถเดินทางเข้าไทยทางจุดผ่านแดนถาวร (ทางบก) ได้โดยไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา ขณะที่กัมพูชาก็ผ่อนคลายมาตรการโดยเปิดให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบเกณฑ์สามารถเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัวเช่นกัน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการค้าในพื้นที่ชายแดนของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวต้องขึ้นกับความพร้อมของแต่ละจังหวัดและประเทศเพื่อนบ้านด้วย ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า ช่วยให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันด้านราคาได้มากขึ้น รวมถึงการผลักดันเปิดจุดผ่านแดนเพื่อขนส่งสินค้าภายใต้มาตรการควบคุมสถานการณ์ COVID-19 อ้างอิงจาาก: http://btsstat.dft.go.th/มูลค่าการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน/การค้าชายแดนไทย-สปปลาว/มูลค่าการค้าชายแดนไทย-สปปลาว-รายจังหวัด https://www.dft.go.th/Portals/3/2.1.1%20Info%20มค-เมย.%202565.pdf https://www.thansettakij.com/economy/531292 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #การค้าชายแดน #การค้าชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชา #สุรินทร์ #บุรีรัมย์

5 จังหวัด 5 งานฝีมือ ผ้าไทยอีสาน

5 จังหวัด 5 งานฝีมือ ผ้าไทยอีสาน 🧵🤎  งานฝีมือที่ปรับเปลี่ยนให้ทันสมัย มีความละมุนและสวยงามมากยิ่งขึ้น 🥰   อ้างอิงจาก https://readthecloud.co/isan-craft-products/  https://readthecloud.co/la-orr-thai-silk/  https://www.soimilk.com/fashion/news/bhukram-collection    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ผ้าไหมอีสาน #ผ้าภูอัคนี #กลุ่มทอผ้าบ้านเจริญสุข #ผ้าไหมปักธงชัย #LaOrr #ผ้าไหมมัดหมี่ #แต้มหมี่ #สุภาณีไหมไทย #ผ้าขาวม้าโคลนพันปี #ดารานาคี #ผ้าคราม #ภูคราม

พามาเบิ่ง BCG Model: นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี อีสานบ้านเฮา

พามาเบิ่ง BCG Model: นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี อีสานบ้านเฮา   นิคมอุตสาหกรรม หมายถึง เขตพื้นที่ดินซึ่งจัดสรรไว้สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปอยู่รวมกันอย่างเป็นสัดส่วน ประกอบด้วย พื้นที่อุตสาหกรรม สิ่งอำนวยความสะดวก สาธารณูปโภค และสาธารณูปการ เช่น ถนน ท่อระบายน้ำ โรงกำจัดน้ำเสียส่วนกลาง ระบบป้องกันน้ำท่วม ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์    นอกจากนั้นยังประกอบไปด้วย บริการอื่นที่จำเป็น เช่น ที่ทำการไปรษณีย์ ธนาคาร ศูนย์การค้า ที่พักอาศัยสำหรับคนงาน สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น    ในด้านภาคอีสาน มีจุดแข็งในด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ความพร้อมของแรงงาน และพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งจะช่วยให้เกิดการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมมากขึ้น อีกทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว . ดังนั้นแล้ว ภาคอีสานจึงมีความสำคัญในฐานะที่มีความหลากหลายของทรัพยากรและเป็นที่ตั้งของแหล่งอุตสาหกรรมต่าง ๆ จึงได้มีการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในภาคอีสาน และนิคมกรีนแห่งแรกของอีสาน คือ นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี   การพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบ BCG Economy Model นี้ จะเห็นได้ว่ามีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของภาคอีสานและประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน มีการพัฒนาโดยอาศัยจุดแข็งของภาคอีสานในด้านต่าง ๆ เช่น เกษตรกรรม การท่องเที่ยว เป็นต้น และดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจสีเขียว  ซึ่งพบว่าภาคอีสานมีความเหมาะสมต่อรูปแบบการพัฒนานี้เป็นอย่างมาก และจะช่วยให้อีสานเป็นภูมิภาคที่มีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวอีกด้วย   อ้างอิงจาก:  สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #BCGModel #นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี #นิคมกรีนอุดร #นิคมกรีนแห่งแรกของอีสาน

ชวนเบิ่ง 10 จังหวัดที่มีการใช้ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงหลายคักกว่าหมู่

ช่วงนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวนมากขึ้น วันนี้ ISAN Insight & Outlook จะพามาดูการใช้ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคอีสานว่าเป็นอย่างไร? ในปี 2564 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการใช้ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง 6,690,015 พันลิตร หรือคิดเป็นสัดส่วน 16.8% ของการใช้ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมดในประเทศ ลดลงจากปีก่อนหน้า -2.3% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดกลับมาสู่ระดับรุนแรงในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ภาครัฐจึงมีมาตรการจำกัดการเดินทางและปิดสถานประกอบการบางประเภทในช่วงกลางปี ส่งผลให้การใช้ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง โดย 3 อันดับน้ำมันเชื้อเพลิงที่นิยมใช้สูงสุด 1. น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B7 ปริมาณการใช้ 3,015,338 พันลิตร 2. น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ปริมาณการใช้ 1,231,051 พันลิตร 3. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E10) ปริมาณการใช้ 766,548 พันลิตร แนวโน้มการใช้ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงหลังจากนี้ การใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภท ยกเว้นก๊าซธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบจากราคาตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซีย – ยูเครน โดยการใช้น้ำมันคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 12.9% จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดส่งผลให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมเข้าสู่ภาวะปกติ ในขณะที่การใช้ก๊าซธรรมชาติคาดว่าจะลดลง -9.5% เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง . ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จึงมีการใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลในการผลิตไฟฟ้า เพื่อทดแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติ โดยรัฐบาลได้มีการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลที่ใช้ผลิตไฟฟ้าเหลือศูนย์จนถึงวันที่ 15 กันยายน 2565 เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในภาพรวมของประเทศ อ้างอิงจาก: – สํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน – สำนักงานสถิติแห่งชาติ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #การใช้ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง #การใช้น้ำมัน #น้ำมัน #ดีเซล #แก๊สโซฮอล์95

2 ธุรกิจไวน์อีสาน สินค้า GI ที่เป็นเอกลักษณ์

2 ธุรกิจไวน์อีสาน  สินค้า GI ที่เป็นเอกลักษณ์  GI หรือ Geographical indication เป็นเครื่องหมายรับรองสินค้า ว่าพิเศษเป็นเอกลักษณ์จากแหล่งผลิตในท้องถิ่น ที่แหล่งผลิตอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้ ปัจจุบันสินค้าที่ผ่านมาตรฐาน GI ไทย มีมากกว่า 170 รายการ แบ่งเป็นข้าว ผัก/ผลไม้ อาหาร ผ้า (ไหม/ฝ้าย) และหัตถกรรม/อุตสาหกรรม อ้างอิงจาก : กรมทรัพย์สินทางปัญญา https://travelintrend.com/marketing/khao-yai-wine.html http://www.ipthailand.go.th/images/2284/GI61100113.pdf http://new.research.doae.go.th/…/%E0%B8%AA%E0%B8… #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจอีสาน #สินค้าGI #ไวน์อีสาน #ไวน์เขาใหญ่ #ไวน์ที่ราบสูงภูเรือ #สินค้าGI

พาส่องเบิ่ง เกษตรกรรมในภาคอีสาน

ภาคการเกษตรนับว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อประเทศ แต่กำลังเผชิญกับปัญหาผลิตภาพการผลิตของแรงงานที่อยู่ในระดับต่ำและเพิ่มขึ้นในอัตราท่ีช้า เมื่อเทียบกับภาคเศรษฐกิจอื่น ISAN Insight & Outlook วันนี้จะพามาดูเกษตรกรรมในภาคอีสานว่าเป็นอย่างไร? ภาคอีสานมีจำนวนครัวเรือนเกษตรกร 3,503,763 ครัวเรือน คิดเป็นสัดส่วน 47.6% ของจำนวนครัวเรือนเกษตรกรทั้งหมดในประเทศ ซึ่งจำนวนครัวเรือนเกษตรกรเพิ่มขึ้นจากปี 2563 เพียง 0.8% และ GRP ภาคเกษตรกรรม อยู่ที่ 311,615 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 19.6% ของ GRP ทั้งหมดในภาคอีสาน ซึ่งลดลง -0.3% จากปี 2562 โดย 5 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนครัวเรือนเกษตรกรสูงสุด 1 นครราชสีมา 324,968 ครัวเรือน 2 อุบลราชธานี 324,801 ครัวเรือน 3 ศรีสะเกษ 251,498 ครัวเรือน 4 ขอนแก่น 248,717 ครัวเรือน 5 ร้อยเอ็ด 240,605 ครัวเรือน 5 อันดับผลผลิตสูงสุดทางการเกษตรของภาคอีสาน 1 อ้อย 38.5 ล้านตัน 2 มันสำปะหลัง 19.9 ล้านตัน 3 ข้าวนาปี 12.9 ล้านตัน 4 ยางพารา 1.3 ล้านตัน 5 ข้าวนาปรัง 1.1 ล้านตัน จะเห็นได้ว่า อ้อยเป็นผลผลิตสูงสุดของภาคอีสาน เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้อต่อการเพาะปลูกจากปริมาณน้ำฝนท่ีเพิ่มข้ึน ประกอบกับการสร้างความเชื่อมั่นด้วยการประกันราคารับซื้ออ้อยให้แก่ชาวไร่อ้อย เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเพาะปลูก นอกจากน้ี มาตรการส่งเสริมของภาครัฐท่ีให้ความสำคัญทางด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อตัดอ้อยสด ทำให้ ชาวไร่อ้อยมีรายได้จากการเพาะปลูกอ้อยเพื่อส่งมอบให้แก่โรงงาน รองรับความต้องการบริโภคน้ำตาลท่ีคาดว่าจะฟื้นตัวดีข้ึนหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย อ้างอิงจาก: https://www.nesdc.go.th/main.php?filename=gross_regional http://statbbi.nso.go.th/staticreport/page/sector/th/11.aspx https://www.oae.go.th/…/ebook…/68_yearbookedited2564/… https://www.oae.go.th/…/trendstat2565-Final-Download.pdf https://esd.kps.ku.ac.th/kuk…/docs_general/3_spec_oral.pdf #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #เกษตรกรรมในภาคอีสาน #เกษตรกรรม #ภาคเกษตร #ผลผลิต #GRP #นครราชสีมา #อุบลราชธานี #ศรีสะเกษ #ขอนแก่น #ร้อยเอ็ด

พามาเบิ่ง จำนวนห้องพักแต่ละจังหวัด ในปี 2563

พามาเบิ่ง  จำนวนห้องพักแต่ละจังหวัด ในปี 2563    แนวโน้มและปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมในระยะถัดไป แนวโน้มธุรกิจหลังจากนี้ คาดว่า การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมในปี 2565 มีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวได้มากขึ้นแต่ยังต้องพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลัก   จำนวนผู้เข้าพักและอัตราการเข้าพักมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวไทยมีความมั่นใจในการเดินทางมากขึ้น แต่กำลังซื้อที่ลดลงกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวไทยเลือกเดินทางไปยังจังหวัดใกล้เคียง หรือจังหวัดเมืองรองเพื่อลดค่าใช้จ่าย  ด้านนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเร่งตัวจาก Pent-up demand ของการท่องเที่ยวแต่ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวให้กลับไปเท่าช่วงก่อนโควิด เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มหลัก อย่างจีนยังไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันใกล้ ราคาที่พักโดยเฉลี่ยมีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ธุรกิจโรงแรมใช้กลยุทธ์ด้านราคาในการแข่งขัน มีการจัดโปรโมชั่น และกำหนดราคาที่สอดคล้องกับกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน อย่างไรก็ดีปัจจัยเสี่ยงที่คาดว่าจะส่งผลกระทบ คือ ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น และปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคบริการ อาจทำให้ผู้ประกอบการขนาดกลางลงมาขาดสภาพคล่อง ส่งผลต่อการอยู่รอดของธุรกิจ ด้านนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อบางส่วนเริ่มเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่าการท่องเที่ยวในประเทศ มีภาวะห้องพักล้นตลาด มีการแข่งขันที่สูงขึ้นในธุรกิจโรงแรมจากการลดราคาห้องพักของโรงแรมในระดับ 4-5 ดาว รวมถึงการแข่งขันจากโรงแรมที่เคยปิดบริการชั่วคราวที่เริ่มกลับมาให้บริการมากขึ้น   อ้างอิงจาก: สำนักงานสถิติแห่งชาติ http://www.nso.go.th/sites/2014en/Survey/economics/Tourism%20and%20Sports/2020/fullreport.pdf https://www.gsbresearch.or.th/wp-content/uploads/2022/01/IN_hotel_inter_12_64_ppt.pdf  https://www.bangkokbiznews.com/business/1019343    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #จำนวนห้องพัก #เข้าพักโรงแรม

ชวนเบิ่ง 10 จังหวัดที่โรงงานอุตสาหกรรมเลิกประกอบกิจการ ในรอบปี 2564

ในปี 2564 โรงงานอุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการในภาคอีสานมีจำนวน 86 โรงงาน คิดเป็นสัดส่วน 12.3% ของโรงงานอุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการทั้งหมดในประเทศไทย และมีมูลค่ารวมกันกว่า 11,158 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 27.5% ของมูลค่าโรงงานอุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการทั้งหมดในประเทศไทย การแพร่ระบายของ COVID-19 รอบ 2 ได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างหนักหน่วง โรงงานอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมากไม่สามารถเปิดดำเนินการต่อไปได้ หลายโรงต้องลดกำลังการผลิต บางแห่งต้องใช้วิธีควบรวมยุบย้ายโรงงาน โดยกลุ่มผู้ประกอบการหลักที่ปิดกิจการไปส่วนใหญ่ คือ ผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบเพื่อส่งต่อให้กับธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร และโรงแรมในประเทศ ซึ่งตลาดนี้ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ประเทศ ทำให้ไม่มีการเดินทางท่องเที่ยว กระทบต่อโรงงานกลุ่มนี้มีสัดส่วน 50-70% ของทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งในรายที่ปรับตัวไม่ได้ก็ต้องหยุดไป ส่วนที่ปรับตัวได้จะหันไปขายผ่านช่องทางออนไลน์และผลิตเพื่อขายเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ขณะที่โรงงานที่ผลิตอาหารเพื่อการส่งออกบางรายได้รับผลกระทบจากเดิมอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นปัจจัยลบที่เกิดขึ้นมานานแล้วและมาเผชิญกับ COVID-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอาหาร มีทั้งวิกฤตและโอกาส อย่างกลุ่มอาหารสุขภาพและอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตมากถึง 20% เพราะคนหันมาใส่ใจด้านสุขภาพ การทำงานที่บ้านมีการซื้อวัตถุดิบจากซุปเปอร์มาร์เก็ตไปปรุงเองและอยู่บ้านเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน ทำให้อาหารสัตว์เลี้ยงไปได้ดีและมีราคาสูงด้วย แนวโน้มและปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในระยะถัดไป แนวโน้มธุรกิจในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 คาดว่าขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน และไตรมาสก่อนในเกือบทุกภาคธุรกิจ ตามความเช่ือมั่นท่ีปรับดีข้ึนจากมาตรการเปิดเมือง และการ ประกาศให้ COVID-19 เป็นโรคประจำถิ่น โดยภาคการผลิต ขยายตัวตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่ยังมีต่อเนื่อง การจับจ่ายใช้สอยและกิจกรรมทาง เศรษฐกิจที่ทยอยปรับดีขึ้น ท้ังนี้ ต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งที่ยังอยู่ในระดับสูง ราคาสินค้าที่ปรับตัว สูงขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อภาคธุรกิจท่ีต้องติดตามในระยะต่อไป อ้างอิงจาก: https://www.diw.go.th/webdiw/static-fac/ https://www.oie.go.th/…/Industry%20conditions/Q2-2565.pdf https://www.bot.or.th/…/EconomicCondi…/BLP/BLPTH22Q2.pdf https://www.prachachat.net/economy/news-606851 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #โรงงานอุตสาหกรรมเลิกประกอบกิจการ #โรงงานอุตสาหกรรม #เลิกกิจการ #นครราชสีมา #ร้อยเอ็ด #อุบลราชธานี #มุกดาหาร #หนองคาย #เลย #สุรินทร์ #ศรีสะเกษ #กาฬสินธุ์ #ยโสธร

Scroll to Top