การพนันกับปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดในอีสาน
“ รางวัลที่หนึ่ง เลขที่ออก…” . ช่วงเวลาระทึกใจสำหรับนักเสี่ยงโชคชาวไทยที่เกิดขึ้นเพียงเดือนละสองครั้ง แต่คุณ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่สมหวังหรือผิดหวัง เคยสงสัยกันมั้ยว่า การเดิมพันรูปแบบไหนที่สามารถจูงใจนักเสี่ยงโชคชาวไทยได้มากที่สุด . . แนวโน้มคนไทยกับการพนัน . หนังสือรายงานศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันปี 2563 ให้สถิติข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ พฤติกรรม และผลกระทบการพนันในประเทศไทยไว้น่าสนใจ แม้จะเป็นการเก็บข้อมูลแบบสุ่มตัวอย่าง (ปี 2562) แล้วนำมาคำนวณกับประชากรทั้งประเทศ (สถิติเชิงประมาณการ) แต่ก็พอให้ภาพที่ใกล้เคียงกับข้อเท็จจริงได้ . ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ประมาณการว่า มีคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่เล่นการพนันในรอบปี 2562 จำนวน 30.42 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 57 ของกลุ่มตัวอย่าง* (เพิ่มขึ้นจากปี 2560 1.49 ล้านคน หรือร้อยละ 5.2) และในจำนวนนี้มีอยู่ 0.72 ล้านคนเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่เพิ่งเล่นการพนันเป็นครั้งแรก (เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึงร้อยละ 14.43) . น่าสนใจว่า โดยเฉลี่ยแม้คนจะเริ่มเล่นการพนันที่อายุ 23 ปี แต่กลุ่มตัวอย่างถึงร้อยละ 50.2 ระบุว่าตนเริ่มเล่นการพนันก่อนอายุ 20 ปี โดยมีคนเริ่มเล่นการพนันที่อายุตํ่าสุด 7 ปี . สำหรับการพนันที่คนนิยมเล่นมากเป็นอันดับ 1 ยังคงเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล มีประมาณ 22.75 ล้านคน อันดับ 2 คือ หวยใต้ดิน ประมาณ 17.74 ล้านคน และเกือบ 3 ใน 4 ของคนที่เล่นหวยใต้ดิน จะเล่นสลากกินแบ่งรัฐบาลควบคู่กันไปด้วย หรือคิดเป็นจำนวน 13.056 ล้านคน . ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างที่สำรวจส่วนใหญ่ไม่คิดว่าการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นการพนัน เนื่องจากเป็นเรื่องถูกกฎหมายที่รัฐบาลดำเนินการเอง แม้ความเป็นจริง การซื้อเพื่อหวังจะได้รางวัลแต่มีโอกาสเสียเงินไปเปล่า ๆ ก็คือการพนันรูปแบบหนึ่ง . ส่วนการพนันที่คนนิยมเล่นมากอันดับ 3 เป็นพนันไพ่ 4.พนันทายผลฟุตบอล 5.ไฮโล/โปปั่น/น้ำเต้าหู้ปูปลา 6.วัวชน/ไก่ชน 7.มวยหรือมวยตู้ 8.หวยหุ้น 9.พนันบิงโก และ 10.จับยี่กี/หวยปิงปอง . . คนภาคไหนเล่นการพนันมากที่สุด? . หากลองมาเทียบสัดส่วนคนเล่นการพนันกับประชากรในภูมิภาค พบว่า ภาคอีสาน มีสัดส่วนคนเล่นเทียบกับประชากรในภาคสูงที่สุดคือ ร้อยละ 58.90 หรือคิดเป็นประชากรจำนวน 10.91 ล้านคน รองลงมาคือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ร้อยละ 58.30, ภาคใต้ ร้อยละ 54.40, ภาคเหนือ ร้อยละ …