Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

พามาเบิ่ง อัตราค่าจ้างรายอาชีพในภาคอีสาน

สถิติค่าจ้างรายอาชีพของกรมจัดหางาน พบว่า ในปี 2566 ประเทศไทยมีสถิติค่าจ้างสูงสุดโดยแบ่งเป็น รายชั่วโมง 160 บาท รายวัน 850 บาท รายเดือน 300,000 บาท และต่ำสุดอยู่ที่ 8,550 บาทต่อเดือน ในส่วนของภาคอีสานนั้นในเป็นภาคที่มีรายได้สูงสุดต่ำที่สุดในประเทศอยู่ที่ 120,000 บาทต่อเดือน และหากมองเป็นรายได้เฉลี่ยต่อเดือนภาคอีสานก็ยังคงเป็นภาคที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับทุกภาคเช่นกันอยู่ที่ 12,510 บาทต่อเดือน   ถ้าเรามาดูในส่วนของรายได้เฉลี่ยตามหมวดอาชีพในภาคอีสาน 3 อันดับแรกที่มีรายได้เฉลี่ยสูงสุดในภาคอีสาน ได้แก่ ผู้จัดการ/เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส ≈ 16,601 บาทต่อเดือน ผู้ประกอบวิชาชีพด้านต่างๆ ≈ 14,767 บาทต่อเดือน ช่างเทคนิคและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง ≈ 12,294 บาทต่อเดือน จะเห็นได้ว่าแม้รายได้สูงสุดของกลุ่มอาชีพนี้จะสูงมากแค่ไหนในส่วนของรายได้เฉลี่ยของคนส่วนใหญ่ที่ได้นั้นก็ยังคงอยู่เพียงแค่หลักหมื่นต้นๆเท่านั้น มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นกลุ่มผู้มีประสบการณ์และความชำนาญสูงเท่านั้นที่จะได้ค่าจ้างสูงตามเพดานของอาชีพนั้นๆ   สำหรับอาชีพที่มีค่าจ้างเฉลี่ยต่อเดือนสูงที่สุดในประเทศ 5 อันดับแรก ได้แก่ นักวิเคราะห์การเงิน ≈ 47,225 บาทต่อเดือน ผู้บริหารระบบงานคอมพิวเตอร์ ≈ 37,588 บาทต่อเดือน นักวิเคราะห์และพัฒนาซอฟต์แวร์และโปรแกรมประยุกต์  ≈30,225 บาทต่อเดือน นักพัฒนาซอฟต์แวร์ ≈ 29,110 บาทต่อเดือน นักวิเคราะห์ด้านการบริหารและองค์การ ≈ 27,337 บาทต่อเดือน เมื่อเรามองดูกลุ่มอาชีพที่มีค่าจ้างเฉลี่ยต่อเดือนสูงนั้นจะพบว่า ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นอาชีพเฉพาะทางที่อาศัยประสบการณ์ในการทำงานสูง โดยอาชีพ 3 ใน 5 นั้นเป็นอาชีพที่อยู่ในความเชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นอาชีพที่มีกระแสมาแรงและความต้องการของทั่วโลกในบริษัทใหญ่ๆ มีสูงเช่นกัน   ในส่วนของอาชีพที่มีความต้องการมากที่สุดในประเทศไทย 5 อันดับแรกนั้น ได้แก่ พนักงานขายในศูย์บริการลูกค้า มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 13,975 บาท เสมียนทั่วไป มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 14,470 บาท ตัวแทนขายด้านการค้า มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 18,405 บาท ผู้ประกอบวิชาชีพด้านโฆษณาและการตลาด มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 18,929 บาท เสมียนด้านบัญชี มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 15,107 บาท จะเห็นได้ว่าอาชีพส่วนใหญ่ที่มีความต้องการสูงในตลาดแรงงานนั้น 3 ใน 5 จะเป็นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการบริการลูกค้าและการตลาด จะไม่ใช่อาชีพที่อาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเหมือนกลุ่มอาชีพที่ค่าจ้างสูง แต่เป็นอาชีพที่มีความต้องการของตลอดแรงงานสูง ขณะที่รายได้นั้นอยู่ในเกณฑ์ทั่วไป จากรายงานพบว่าภาคอีสานเป็นภาคที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำที่สุดในประเทศ แม้ว่าจะมีจำนวนแรงงานมากเป็นอันดับสองของประเทศก็ตาม อย่างไรก็ตาม แรงงานส่วนใหญ่ในภาคอีสานทำงานอยู่ในภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นภาคการผลิตที่มีรายได้ไม่สูง เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายและรายได้ของกลุ่มคนในภาคเกษตรกรรม จะเห็นได้ว่ารายได้จากการทำเกษตรกรรมไม่สูงนัก เนื่องจากต้องรอผลผลิตตามฤดูกาล ในระหว่างนั้น แรงงานเกษตรต้องหารายได้เสริมจากอาชีพอื่นเพื่อเลี้ยงชีพ นอกจากนี้ เมื่อมีรายได้จากการขายผลผลิตเกษตร ส่วนใหญ่จะต้องนำไปชำระหนี้สินที่เกิดจากต้นทุนการผลิต ซึ่งยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน ด้วยเหตุนี้ รายได้เฉลี่ยของภาคอีสานจึงไม่สูงนัก หากพิจารณาด้านความหลากหลายของอาชีพที่เป็นงานประจำ จะพบว่าไม่เพียงแต่ภาคอีสานเท่านั้น แต่ภาคอื่นๆ นอกเหนือจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑลก็มีความหลากหลายทางอาชีพน้อยเช่นกัน เมื่อดูจากเว็บไซต์หางานต่างๆ ในพื้นที่ต่างจังหวัด …

พามาเบิ่ง อัตราค่าจ้างรายอาชีพในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ส่องเบิ่ง 10 ปราสาทหิน ที่เที่ยวอีสาน อยู่หม่องใด๋แหน่ ?

ส่องเบิ่ง 10 ปราสาทหิน ที่เที่ยวอีสาน อยู่หม่องใด๋แหน่ ? . . ปราสาทหินพนมรุ้ง บุรีรัมย์ ปราสาทพนมรุ้ง หรือ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง แห่งนี้ เป็นโบราณสถานที่เก่าแก่ของ บุรีรัมย์ ที่มาจากอิทธิพลของอารยธรรมเขมรโบราณ ซึ่งถือได้ว่ามีความสำคัญกับประเทศไทยอย่างมาก ศาสนสถานแห่งนี้สร้างขึ้นมาก็เพื่อถวายแด่พระศิวะ เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดู ซึ่งก่อสร้างมาในช่วงหลายยุคหลายสมัยด้วยกัน ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15-18 . จึงทำให้มีความงดงามในด้านของสถาปัตยกรรม และความมหัศจรรย์ของปราสาทพนมรุ้ง นั่นก็คือ มีการเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกที่แสงอาทิตย์สาดส่องทะลุ 15 ช่องประตูของปราสาทพนมรุ้งในทุกๆ ปี ปีละ 4 ครั้ง จนเกิดเป็นงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้งที่จัดขึ้นทุกๆ ปี . ที่อยู่ : อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ พิกัด : https://goo.gl/maps/izNnHiBAHjXZJesL7   เปิดให้เข้าชม : 07.00-18.00 น. ค่าเข้าชม : ชาวไทย 20 บาท / ชาวต่างชาติ 100 บาท / สำหรับรถยนต์ 50 บาท โทร : 0-4466-6251 เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/Ensemble.of.Phanom.Rung  . ปราสาทหินเมืองต่ำ บุรีรัมย์ ปราสาทหินเมืองต่ำ หรือ ปราสาทเมืองต่ำ โดยเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู มีสถาปัตยกรรมแบบศิลปะขอมโบราณ สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 16-17 ภายในมีภาพจำหลักหินบนหน้าบัน และทับหลังที่สวยงามเหมาะแก่การศึกษาด้านประวัติศาสตร์และศิลปะสมัยขอมโบราณเป็นอย่างมาก อีกทั้งส่วนของลักษณะสถาปัตยกรรมด้านในของปราสาทเมืองต่ำนั้น ก่อสร้างด้วยฝีมือช่างในระดับช่างหลวง เรียกได้ว่าเป็นโบราณสถานที่สวยงามแห่งหนึ่ง . ที่อยู่ : บ้านโคกเมือง ตำบลจรเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ พิกัด : https://goo.gl/maps/CqGqzk3PQQumvXCM8    เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น. โทร : 0-4466-6251 เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/muangtamtemple/ . ปราสาทหินพิมาย นครราชสีมา ปราสาทหินพิมาย ตั้งอยู่ภายใน อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ภายในจะเป็นโบราณสถานสมัยขอมทั้งหมด ตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ ไปจนถึงชิ้นใหญ่โต โดยสร้างขึ้นตามความเชื่อเกี่ยวกับสวรรค์และโลกมนุษย์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 เพื่อใช้เป็นเทวสถานของศาสนาพราหมณ์ และปราสาทหินพิมายยังเป็น ปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย . ที่อยู่ : ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา พิกัด : https://goo.gl/maps/224momsF3rCv6ewf9  เปิดให้เข้าชม : 07.00-18.00 น. …

ส่องเบิ่ง 10 ปราสาทหิน ที่เที่ยวอีสาน อยู่หม่องใด๋แหน่ ? อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง สัดส่วน ศาสนิกชนของคนในอีสานบ้านเฮาและเพื่อนบ้าน GMS 

พามาเบิ่ง สัดส่วน ศาสนิกชนของคนในอีสานบ้านเฮาและเพื่อนบ้าน GMS  . ในภูมิภาคอีสานของไทย เฮาพบว่าศาสนาพุทธยังคงเป็นศาสนาหลักเด้อ นำหน้าด้วย 98.10% ของประชากรที่เฮ็ดบุญกัน นอกจากนั่นยังมีผู้บ่ถือศาสนาประมาณ 1% แล้วกะคริสต์อีก 0.40% ต่อมาด้วย  ลาวบ้านเฮือนข้างบ้านกะบ่แตกต่างกัน ศาสนาพุทธยังเป็นหลัก 95% ในขณะเดียวกันกะมีความเชื่อท้องถิ่นอยู่ที่ 5% ส่วนกัมพูชากะเฮ็ดบุญหลาย พุทธ 97% ส่วนมุสลิมมี 2% แล้วกะคริสต์มีอยู่ 1%  พม่า พุทธยังคงเป็นหลักอยู่ 87.9% แต่คริสต์กะมาหนักแน่นอยู่ 6.2% และมุสลิมอีก 4.3%  เวียดนามเป็นประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่บ่ได้ถือศาสนาเลยถึง 86.32% แต่ยังมีคนพุทธอยู่ 4.79% และคริสต์อีก 6.1%  จีน ที่คนบ่ถือศาสนาอยู่ที่ 31.8% นอกจากนั่นกะยังมีความเชื่อจีนโบราณอยู่ถึง 30.8% และพุทธอยู่ 16.6%  การเปรียบเทียบสัดส่วนศาสนิกชนในประเทศไทย ลาว พม่า เวียดนาม และจีน เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภูมิหลังทางสังคมที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อทางศาสนาของประชาชนในแต่ละประเทศ . ไทย ศาสนาพุทธนิกายเถรวาท: เป็นศาสนาประจำชาติ มีผู้คนนับถือมากที่สุด ศาสนาอิสลาม: ส่วนใหญ่เป็นมุสลิมสุนหนี่ กระจุกตัวอยู่ในภาคใต้ ศาสนาคริสต์: ส่วนใหญ่เป็นคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ ศาสนาอื่น ๆ: เช่น พราหมณ์-ฮินดู ซิกข์ . ลาว ศาสนาพุทธนิกายเถรวาท: เป็นศาสนาประจำชาติ มีผู้คนนับถือมากที่สุด ศาสนาผี: ความเชื่อผสมผสานกับพุทธศาสนา ศาสนาคริสต์: มีจำนวนน้อย ศาสนาอิสลาม: มีจำนวนน้อย . พม่า ศาสนาพุทธนิกายเถรวาท: เป็นศาสนาประจำชาติ มีผู้คนนับถือมากที่สุด ศาสนาคริสต์: มีจำนวนน้อย ศาสนาอิสลาม: ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ . เวียดนาม ศาสนาพุทธนิกายมหายาน: เป็นศาสนาหลัก ศาสนาพื้นเมือง: ความเชื่อผสมผสานกับพุทธศาสนาและขงจื๊อ ศาสนาคริสต์คาทอลิก: มีผู้คนนับถือจำนวนมากในบางพื้นที่ ศาสนาคริสต์โปรเตสแตนต์: มีผู้คนนับถือน้อย . จีน ศาสนาไร้神论 (Wu Shen Lun): หรือลัทธิไร้พระเจ้า เป็นอุดมการณ์หลักของรัฐบาลจีน ศาสนาพุทธนิกายมหายาน: มีผู้คนนับถือจำนวนมาก ศาสนาเต๋า: มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมจีน ศาสนาคริสต์: ส่วนใหญ่เป็นคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ ศาสนาอิสลาม: ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในมณฑลซินเจียง . หมายเหตุ: สัดส่วนศาสนิกชนอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและนโยบายของรัฐบาลในแต่ละประเทศ . ปัจจัยที่ส่งผลต่อความหลากหลายทางศาสนา #ประวัติศาสตร์: การติดต่อสัมพันธ์กับต่างชาติ การรุกราน และการค้าขาย ส่งผลต่อการเผยแผ่ศาสนา #วัฒนธรรม: ความเชื่อ …

พามาเบิ่ง สัดส่วน ศาสนิกชนของคนในอีสานบ้านเฮาและเพื่อนบ้าน GMS  อ่านเพิ่มเติม »

ข่าวดี! “เนื้อสุรินทร์กิว”🐂 กำลังจะได้จดทะเบียน GI (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) โคขุนพันธุ์ลูกผสมวากิว จ.สุรินทร์ 

แจ้งข่าวดี เนื้อสุรินทร์กิว กำลังจะได้จด GI ( สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ) วันที่ 18 ตุลาคม 2567 มีการประชุมคณะทำงานจัดทำคำขอขึ้นทะเบียน GI ที่สำนักงาน ปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ โดยมี นาย อภิชัย นาคีสังข์ ปศุสัตว์จังหวัด เป็นหัวหน้าคณะ ท่านพาณิชย์จังหวัด นายวีรศักดิ์ พิษณุวงษ์ ประธานหอการค้าจังหวัด อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชมงคล วิทยาเขตอีสาน มหาวิทยาลัยราชภัฏ สุรินทร์ และกลุ่มผู้เลี้ยง วัววากิว ร่วมหารืออย่างพร้อมเพียงกัน โดยมีรายละเอียด คราวๆ ดังนี้ ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ทั้งอายุ น้ำหนัก การเลี้ยง แหล่งอาหารที่เด่น พื้นที่การเลี้ยง สัญญาลักษณ์ GI และเอกสาร มากมาย ให้ช่วยกันพิจารณา เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วน ในการขอจดทะเบียน ซึ่งได้รับแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หลายมิติมาก ซึ่งทุกความคิดเห็น จะได้รับการปรับแก้ไขและ สรุป ออกมานำเสนอ ให้กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อยื่นขอจดสิทธิบัตรในนามจังหวัดสุรินทร์ของเราต่อไป ซึ่งปัจจุบันคณะทำงารเราทำถึงขั้นตอนที่ 6 จาก 9 ขั้นตอน และอาจใช้เวลา อีก 120 วันเพื่อพิจารณาคำขอ 90 วันเพื่อประกาศใช้เผื่อมผู้คัดค้าน ( กรมสินทรัพย์สินทางปัญญาจะเป็นผู้พิจารณา ) และจะเปิดโอกาสให้ ผู้เลี้ยงได้ทำเรื่องของใช้ตราสัญลักษณ์ต่อไป เป็นการแสดงให้เห็นว่า ถ้าสุรินทร์เราร่วมมือกัน ร่วมใจทุกภาคส่วน เราก็สามารถบรรลุเป้าหมายที่ประสงค์ได้ และก็เป็นอีกภารกิจที่ หอการค้าแห่งประเทศไทย หอการค้าจังหวัดสุรินทร์ร่วมขับเคลื่อนเรื่อง วากิว มาตลอดกว่า 10 ปี และเร็วนี้กำลังจะมีงานใหญ่ เนื้อสุรินทร์กิว เฟสติวัล ครั้งที่ 2 ในช่วงเดือน 17-19 มกราคม ต่อไปอีกด้วย ข้อมูลจากหอการค้าจังหวัดสุรินทร์   การขายโคลูกผสมวากิว เป็นตลาดแบบซื้อขายล่วงหน้า เมื่อในพื้นที่เริ่มมีการเลี้ยงโคลูกผสมวากิวมากขึ้น จึงเป็นผลให้ในเรื่องของตลาดก็ตามเข้ามาภายในพื้นที่ด้วย โดยร้านอาหารญี่ปุ่นได้ขอเข้ามาทำสัญญาซื้อขาย ตั้งแต่เริ่มขุนไปจนถึงโคที่เลี้ยงได้ขนาดไซซ์ที่ใหญ่ตามที่ต้องการ ซึ่งโคที่มีเลือดผสมวากิวอยู่ที่ 75 เปอร์เซ็นต์ จะมีไขมันแทรกดีกว่าโคที่มีเลือดผสมวากิวอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทั้งอายุการเลี้ยงตั้งแต่เกิดจนสามารถส่งจำหน่ายได้ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 28 เดือน เมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่ใช้เวลาเลี้ยงถึง 30 เดือน คุณภาพเนื้อที่มีไขมันแทรก “ในเรื่องของสายเลือดว่ากี่เปอร์เซ็นต์ดีที่สุด ตอนนี้ที่เราเลี้ยงกันมา สายเลือดวากิวอยู่ที่ 75 เปอร์เซ็นต์ โคค่อนข้างมีโครงสร้างและไขมันแทรกที่ดี ซึ่งในเรื่องนี้เราก็ยังไม่หยุดพัฒนา ยังหาวิธีการพัฒนาดูกันไปเรื่อยๆ โดยการขายเราจะขายแบบเป็นซาก เอาตัวโคเข้าโรงเชือดที่ได้มาตรฐาน เอาเครื่องใน เขา ข้อเท้า และหาง ออกให้หมด เหลือแต่เนื้อที่ติดกับกระดูกแขวนบ่มไว้ 7 …

ข่าวดี! “เนื้อสุรินทร์กิว”🐂 กำลังจะได้จดทะเบียน GI (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) โคขุนพันธุ์ลูกผสมวากิว จ.สุรินทร์  อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🧐อัพเดทรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนภาคอีสาน ปี 2566 เป็นยังไงบ้าง💰💱

พามาเบิ่ง🧐อัพเดทรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนภาคอีสาน ปี 2566 เป็นยังไงบ้าง💰💱 . อัพเดทรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนในภาคอีสาน จังหวัดไหนได้มากสุดน้อยสุด เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างในปี 2566 . จากการเก็บข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เรื่องรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนในปี 2566 พบว่าภาคอีสานเป็นภาคที่มีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรื่อนต่ำที่สุดในประเทศที่เดือนละ 22,524 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 21,587 บาท เพิ่มขึ้น 4.3% . 💼ในปี 2566 ครัวเรือนอีสานส่วนใหญ่จะมีรายได้จากการทำงานอยู่ที่ 12,724 บาท แบ่งเป็น ค่าจ้างและเงินเดือน 6,972 บาท กำไรสุทธิจากการทำธุรกิจ 3,288 บาทและกำไรสุทธิจากการทำการเกษตร 2,464 บาท รายได้ประจำที่ไม่เป็นตัวเงิน จากสินค้าและบริการ การอุปโภคบริโภค และค่าเช่าบ้าน (รวมบ้านตนเอง) 4,221 บาท และส่วนสุดท้ายรายได้ที่ไม่ได้มากจากการทำงาน เช่น ทุนการศึกษา มรดก หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น เป็นไง 395 บาท . หากพิจารณารายได้ของครัวเรือนในภาคอีสานตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจะพบว่า ร้อยละการเติบโตโดยเฉลี่ยของภาคอีสานนั้นอยู่ที่ 3.7% ซึ่งอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศที่ 3.9% และภาคอีสานเป็นภาคที่มีการเติบโตโดยเฉลี่ยน้อยเกือบจะที่สุดเป็นรองเพียงภาคใต้ที่โตเฉลี่ยเพียง 0.8% โดยค่าเฉลี่ยของภาคอีสานตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเป็นดังนี้ . 🪙ปี 2556 อยู่ที่ 19,181 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 5.3% จากปีก่อนหน้า 🪙ปี 2558 อยู่ที่ 21,094 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า 🪙ปี 2560 อยู่ที่ 20,271 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน ลดลง -3.9% จากปีก่อนหน้า 🪙ปี 2562 อยู่ที่ 20,600 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 1.6% จากปีก่อนหน้า 🪙ปี 2564 อยู่ที่ 21,587 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 4.8% จากปีก่อนหน้า 🪙ปี 2566 อยู่ที่ 22,524 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 4.3% จากปีก่อนหน้า . จะเห็นได้ว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมารายได้ของภาคครัวเรือนภาคอีสานมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 19,181 บาท ในปี 2556 สู่ 22,524 บาทในปี 2566 จากปัจจัยต่างๆทั้งการช่วยเหลือ …

พามาเบิ่ง🧐อัพเดทรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนภาคอีสาน ปี 2566 เป็นยังไงบ้าง💰💱 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🕺💃ดารา-เซเลบ ในธุรกิจขายตรง EP.1

พามาเบิ่ง🕺💃ดารา-เซเลบ ในธุรกิจขายตรง EP.1 . จากข้อมูลของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (OCPB) มีการรายงานว่าบริษัทขายตรงในประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 641 บริษัท และมีจำนวนผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงทั้งสิ้น 892 บริษัท โดยใน 641 บริษัทนั้นมีบริษัทที่เข้าร่วมเป็น สมาคมขายตรงไทย (TDSA) ทั้งสิ้นเพียง 29 บริษัทเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทที่อยู่ในสมาคมขายตรงจะเป็นบริษัที่ชื่อคุ้นหู คุ้นหาคุ้นตากันอยู่แล้ว เช่น Amway, Herbalife, และ Nu Skin ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยมูลของตลาดขายตรงในปี 2566 อยู่ 75,200 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มสมาคมขายตรงไทย 39,282 ล้านบาท และรายจากจากบริษัทที่ไม่อยู่ในกลุ่มอีก 35,918 ล้านบาท จะเห็นได้ว่ารายได้ส่วนใหญ่นั้นมาจากกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่เพียง 29 บริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมขายตรง มากกว่ารายได้จากบริษัทที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มขายตรงอีกหลายร้อยบริษัท . นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระแสความนิยมของธุรกิจขายตรงได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทต่างๆ ได้ดึงดูดดาราและคนดังในวงการบันเทิงมาเป็นพรีเซนเตอร์หรือร่วมเป็นสมาชิก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มความนิยมในผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น ดาราที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมาย ทำให้การนำเสนอผลิตภัณฑ์ขายตรงผ่านบุคคลเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัท ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในตัวสินค้าและบริการมากขึ้น โดยตัวอย่าง 4 บริษัท ดังนี้ บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด (Unicity) สถานะ ยังดำเนินกิจการ งบการเงินปี 2566 รายได้รวม 624,275,140 บาท (การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีก่อน -13.77%) กำไรสุทธิ 7,308,013 บาท (การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีก่อน +226.72%) ปีที่เริ่มดำเนินกิจการ พ.ศ. 2545 🌟ตัวอย่างดารา – ภัทรพล ศิลปาจารย์ (พอล) ตำแหน่ง นักธุรกิจระดับ PRESIDENTIAL DIAMOND บริษัท บีฮิบ (ไทยแลนด์) จำกัด (Bhip)  สถานะ ยังดำเนินกิจการ งบการเงินปี 2566 รายได้รวม 63,340,198 บาท (การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีก่อน -57.87%) กำไรสุทธิ -17,006,491 บาท (การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีก่อน -272.14%) ปีที่เริ่มดำเนินกิจการ พ.ศ. 2554 🌟ตัวอย่างดารา – เกริกพล มัสยวาณิช (ฟลุ๊ค) ตำแหน่ง ประธานกรรมการผู้บริหาร   บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (Amway) สถานะ ยังดำเนินกิจการ งบการเงินปี …

พามาเบิ่ง🕺💃ดารา-เซเลบ ในธุรกิจขายตรง EP.1 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ที่อยู่ในภาคอีสานมีมากเท่าไหร่ ทำงานอะไรบ้าง?

พามาเบิ่ง แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ที่อยู่ในภาคอีสานมีมากเท่าไหร่ ทำงานอะไรบ้าง? . แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย มีความสำคัญกับเศรษฐกิจภายในประเทศไทยมากกว่าที่เราคิด เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย และปัญหาการขาดแคลนแรงงานสำหรับงานฐานราก ไม่ว่าจะเป็น การผลิต การก่อสร้าง งานบริการ และอื่นๆอีกมากมาย ทำให้การมีแรงงานต่างด้าวเข้ามาช่วยในจุดนี้ก็สามารถผลักดันให้ธุรกิจภายในประเทศสามารถดำเนินต่อไปได้   . ซึ่งแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยมากที่สุดก็คือ แรงงานจากประเทศเมียนมาร์ เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ ค่าแรงขั้นต่ำที่น้อย และ ค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ประชากรชาวเมียนมาร์บางส่วนเลือกที่จะออกมาทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือประเทศไทยของเรานี้เอง    . ในประโยชน์จากการนำเข้าแรงงานต่างด้าวที่ทำให้งานฐานรากในประเทศดำเนินต่อไปได้ ก็นำมาสู่ปัญหาได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการทะลักเข้ามาของแรงงานต่างด้าวนอกระบบ ที่จากสถิติพบว่า จำนวนแรงงานเมียนมาร์ที่เข้ามาอย่างถูกกฏหมายมีอยู่ 2 ล้านคน แต่จากการคาดการณ์พบว่าแรงงานเมียนมาร์ที่ทำงานในประเทศไทยอาจมีมากถึง 7 ล้านคน ซึ่งนำมาสู่ปัญหาอื่นๆ เช่น การมีแรงงานต่างด้าวบางส่วนเริ่มตั้งธุรกิจเป็นของตัวเอง การรวมตัวเพื่อเรียกร้องสิทธิที่มากขึ้น ปัญหาแรงงานต่างด้าวนอกระบบที่ไม่ได้รับสวัสดิการ ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐาน การรักษาพยาบาล รวมไปถึงการศึกษา ซึ่งสามารถนำไปสู่ปัญหาทางสังคมได้ในอนาคต   . แม้ว่าในภาคอีสานจะมีจำนวนแรงงานต่างด้าวจากประเทศเมียนมาร์ที่น้อยกว่าในภาคอื่นๆ แต่ด้วยโครงสร้างด้านประชากรของอีสานที่มีอัตราการเกิดที่เริ่มลดลง และขยับเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว เราจึงควรคำนึงถึงอนาคตที่แรงงานต่างด้าวจะเริ่มเข้ามามีบทบาทในด้านแรงงานของภาคอีสานมากยิ่งขึ้น   . โดยในวันนี้ ISAN Insight สิพามาเบิ่ง ว่าแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ในภาคอีสาน ว่าแต่ละจังหวัดมีจำนวนเท่าไหร่และทำงานอะไรกันบ้าง   จังหวัดที่มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์มากที่สุดคือ จังหวัดนครราชสีมา ที่มีแรงงานเมียนมาร์ 14,070 คน คิดเป็นสัดส่วน 51% จากแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ตามมาด้วยจังหวัด ขอนแก่นและชัยภูมิ ที่มีจำนวนแรงงานเมียนมาร์ 4,350 คน และ 1,597 คน ซึ่งมีจำนวนที่แตกต่างจาก อันดับที่ 1(นครราชสีมา) ค่อนข้างมากเนื่องจากงานอันดับ 1 ที่มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ทำงานมากที่สุดอยู่ในภาคการผลิตซึ่งมีอยู่มากในจังหวัดนครราชสีมา   และจังหวัดที่มีสัดส่วนแรงงานเมียนมาร์น้อยที่สุดคือจังหวัดหนองคาย ที่มีจำนวนแรงงานชาวเมียนมาร์ 250 คน คิดเป็นสัดส่วน 11% เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศลาว ทำให้มีแรงงานต่างด้าวชาวลาวคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 86% ของแรงงานต่างด้าวทั้งหมด

พามาเบิ่ง🧐ผ่านมาแล้ว 9 เดือนท่องเที่ยวภาคอีสานครึกครื้นแค่ไหน✈

พามาเบิ่ง🧐ผ่านมาแล้ว 9 เดือนท่องเที่ยวภาคอีสานครึกครื้นแค่ไหน✈ . ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาการท่องเที่ยวในประเทศไทยมีความครึกครื้นมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยว และเมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อเทียบกับปี 2562 ช่วงก่อนเกิดโรคระบาด Covid-19 จะพบว่าจำนวนผู้เยี่ยมเยือนในปี 2567 นั้นสูงกว่าปี 2562 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าในด้านของรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนนั้นยังคงต่ำกว่าในปี 2562 อยู่ สำหรับในภาคอีสานซึ่งถือเป็นภาคที่การท่องเที่ยวนั้นมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนน้อยเกือบที่สุดในประเทศ เป็นรองเพียงภาคเหนือ หากมองกลับมาในภาคอีสานด้านแหล่งท่องเที่ยวอาจจะนั้นไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากเมื่อเทียบกับภาคอื่นที่มีภูเขา หรือทะเล แต่ภาคอีสานนั้นจะเน้นไปในด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมประเพณี และธรรมชาติเป็นหลัก โดยผู้เยี่ยมเยือนจากต่างชาติที่มาในภาคอีสานนั้นส่วนใหญ่จะเป็นชาวลาวที่ขับรถข้ามมาจากด่านเพื่อมาท่องเที่ยวในประเทศไทย . 🇹🇭สำหรับผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนสะสมอยู่ที่ 33,207,031 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปี 2562 อยู่ที่ 8.6% โดย 5 จังหวัดแรกในภาคอีสานที่ผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยนิยมไปมากที่สุด ได้แก่   🛄นครราชสีมา 6,011,804 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 11,429.93 ล้านบาท 🛄ขอนแก่น 3,444,439 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 10,252.33 ล้านบาท 🛄อุบลราชธานี 2,927,061 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 7,535.37 ล้านบาท 🛄อุดรธานี 2,831,819 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 7,413.40 ล้านบาท 🛄บุรีรัมย์ 2,791,601 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 6,110.28 ล้านบาท . . ✈สำหรับผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนสะสมอยู่ที่ 2,346,536 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปี 2562 อยู่ที่ 76.2% โดย 5 จังหวัดที่ผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาตินิยมไปมากที่สุด ได้แก่   🚶หนองคาย 833,934 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 1,973.82 ล้านบาท 🚶อุดรธานี 757,369 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 2,663.42 ล้านบาท 🚶นครราชสีมา 196,930 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 666.45 ล้านบาท 🚶นครพนม 135,678 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 318.29 ล้านบาท 🚶มุกดาหาร 103,050 คน สร้างเม็ดเงินจากการเยี่ยมเยือน 230.4 ล้านบาท . . หากมองในด้านของภาพรวมผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยที่มาในภาคอีสานนั้นถือว่าฟื้นตัวและเติบโตมากกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนที่จะเกิด Covid-19 แต่หากมองไปเป็นรายจังหวัดนั้นจะพบว่าในจังหวัดท่องเที่ยวใหญ่ๆนั้นยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ 100% โดยคาดว่าจะฟื้นตัวเต็มที่ในปี 2568 และจะเห็นได้ว่าผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยนั้นนิยมท่องเที่ยวจังหวัดหลักในภาคอีสานซึ่งเป็นจังหวัดที่ผู้เยี่ยมเยือนนิยมไปพักผ่อนหย่อนใจกันเป็นประจำอยู่แล้ว ขณะที่หากมองในภาพรวมของผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติจะพบว่าผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาตินั้นฟื้นตัวมีนักท่องเที่ยวสูงกว่าปี 2562 ตั้งแต่ปี 2566 …

พามาเบิ่ง🧐ผ่านมาแล้ว 9 เดือนท่องเที่ยวภาคอีสานครึกครื้นแค่ไหน✈ อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🚨 8 เดือนที่ผ่านมา ภาคอีสานเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไปแล้วเท่าไหร่🚑🚓

พามาเบิ่ง🚨 8 เดือนที่ผ่านมา ภาคอีสานเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไปแล้วเท่าไหร่🚑🚓 . . ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาสถิติการตายและบาดเจ็บจากจักรยานยนต์ในประเทศไทยไม่เคยลดลงเลย จากการสำรวจขององการอนามัยโลกในปี 2561 ประเทศไทยมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และได้มีความพยายามในการลดอุบัติเหตุด้วยมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ในปี 2567 ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนผู้ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิต และทุพพลภาพรวมกันทั้งสิ้น 569,756 รายทั้งประเทศ . ทั้งนี้ภาคอีสานเป็นภาคที่มีสถิติผู้ประสบอุบัติเหตุสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศที่ 122,487 ราย รองจากกรุงเทพและปริมณฑลที่ 144,164 ราย โดย 3 จังหวัดในภาคอีสานที่มีจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บสูงที่สุด ได้แก่ 🚨นครราชสีมา 21,482 ราย เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมากสุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศในปีนี้ 🚨อุบลราชธานี 12,529 ราย เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมากสุดเป็นอันดับ 8 ของประเทศในปีนี้ 🚨ขอนแก่น 9,327 ราย เพิ่มขึ้น 0.4% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา . นอกจากอุบัติเหตุทางถนนจะทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังคงมีผู้ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเช่นกัน โดย 3 จังหวัดในภาคอีสานที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงที่สุด ได้แก่ 🚨นครราชสีมา 311 ราย ลดลง -13% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 🚨อุดรธานี 215 ราย เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 🚨บุรีรัมย์ 195 ราย เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา . สำหรับจังหวัดในภาคอีสานที่มีจำนวนผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนนลดลงมากที่สุดทั้งในด้านของผู้🤕บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ได้แก่ จังหวัดบึงกาฬ มีจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บลงลด -16% และจำนวนผู้เสียชีวิตลดลง -31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา . 🤯ในส่วนของประเภทยานพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุสูงที่สุดยังคงเป็นรถจักรยายนต์ที่ 78.27% ส่วนรถยนต์นั้นอยู่ที่ 7.86% หากมองกลับมาก็จะพบว่าสาเหตุของยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดเป็นรถจักนยานยนต์เนื่องจากจำนวนรถจักรยานยนต์บนท้องถนนนั้นมีมากถึง 57% เลยทีเดียว หรือประมาณ 5 ล้านคัน ทั้งนี้เนื่องจากราคาของรถจักรยานยนต์ที่ถูกกว่ารถยนต์ และการเข้าถึงการใช้งานที่สะดวกกว่า เหมาะกับสภาพถนนในเมืองไทยที่ต้องอาศัยความคล่องตัวสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเร่งด่วน ในขณะที่รถยนต์ส่วนบุคคลนั้นมีสัดส่วนอยู่ที่ี 19% หรือประมาณ 1.7 ล้านคันในภาคอีสานปัจจัยส่วนหนึ่งเนื่องจากราคารถยนต์ที่สูงกว่ารถจักรยานยนต์ ส่งผลให้ผู้ขับขี่ความกังวลและระมัดระวังมากกว่ารถจักรยานยนต์นั่นเอง . จากรายงานการวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2565 คาดว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุโดยอ้างอิงจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการขับรถเร็วเกินกำหนด การเกิดการตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด และเมาแล้วขับ อีกทั้งอุบัติเหตุบนถนนส่วนใหญ่มักจะเกิดช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ เป็นต้น . *หมายเหตุ: …

พามาเบิ่ง🚨 8 เดือนที่ผ่านมา ภาคอีสานเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไปแล้วเท่าไหร่🚑🚓 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ข้อมูลน่าฮู้ของอีสาน กับ เมียนมาร์

พามาเบิ่ง ข้อมูลน่าฮู้ของอีสาน กับ เมียนมาร์ . ด้านภูมิศาสตร์ #ภาคอีสาน: ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของไทย มีพื้นที่ประมาณ 168,854 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 20 จังหวัด ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง มีเทือกเขาภูพานและภูหลวงเป็นแนวแบ่งเขตทางทิศตะวันตก แม่น้ำสายสำคัญได้แก่ แม่น้ำโขง แม่น้ำชี และแม่น้ำมูล # เมียนมาร์: ตั้งอยู่ตามแนวอ่าวเบงกอลและทะเลอันดามัน มีชายฝั่งทะเลยาวถึง 2,000 ไมล์ และมีหาดที่สวยงามเก่าแก่บริสุทธิ์อยู่หลายแห่ง ส่วนภูมิประเทศทาง ตอนกลางเป็นพื้นที่ราบล้อมรอบด้วยพื้นที่สูงชัน พื้นที่สูงขรุขระ มีจุดสูงสุดอยู่ที่ 5,881 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง . ด้านประชากร #ภาคอีสาน: มีประชากรประมาณ 21.7 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยลาว พูดภาษาไทยอีสาน #เมียนมาร์: มีประชากรประมาณ 54.2 ล้านคน ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 85 ใช้ภาษาพม่าเป็นหลัก ส่วนที่เหลือพูดภาษากระเหรี่ยง มอญ และจีนกลาง . ด้านวัฒนธรรม #ภาคอีสาน: ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย ขอม และมีบางวัฒนธรรมร่วมกับลาว ประเพณีสำคัญคือบุญบั้งไฟ ประเพณีแห่เทียนพรรษา #เมียนมาร์: มีวัฒนธรรมที่คล้ายกันกับภาคอีสานคือการนับถือศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะเป็น ขนบธรรมเนียมประเพณี และศิลปะ นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ได้รับอิทธิพลมากจาก อินเดีย จีน และประเทศใกล้เคียง . ด้านเศรษฐกิจ #ภาคอีสาน: เศรษฐกิจภาคเกษตรกรรมมีรายได้จากการปลูกข้าว ข้าวโพด อ้อย และยางพารา มี GRP อยู่ที่ 1.76 ล้านล้านบาท โดยที่มีค่าแรงขั้นต่ำโดยเฉลี่ยในปี พ.ศ. 2567 อยู่ที่ 343 บาทต่อวันและมีรายได้เฉลี่ยต่อประชากรอยู่ที่ 95,948 บาทต่อปี นอกจากนี้อิสานยังมีประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักคือ ลาว, จีน และเวียดนาม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่อยู่ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งสัมพันธ์กับวิสัยทัศน์ของภาคอิสานที่ต้องการจะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศในแถบ GMS นี้ #เมียนมาร์: มีเศรษฐกิจภาคเกษตรกรรมที่มีรายได้จากการปลูกถั่ว ข้าว ข้าวโพด และยางพารา ซึ่งค่อนข้างใกล้เคียงกับภาคอีสาน มี GDP อยู่ที่ 2.27 ล้านล้านบาท ค่าแรงขั้นต่ำพึ่งถูกให้ปรับสูงขึ้นเป็น 108 บาทต่อวันเมื่อเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2567 และมีรายได้เฉลี่ยต่อประชากรอยู่ที่ 41,566 บาทต่อปี เศรษฐกิจในภาพรวมส่งสัญญาณที่จะฟื้นตัวขึ้น แต่ยังต้องเจอกับปัญหาเงินเฟ้อที่สูง และสถานการณ์ความไม่สงบภายในที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ยังคงมีภาคการผลิตสินค้าและแรงงานในต่างประเทศที่ยังคงผลักดันให้เศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ ส่วนภาคการท่องเที่ยว เมียนมาร์ยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงโควิดที่ไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวในปี พ.ศ.2565 เหลือเพียง 2.3 แสนคนลดลง 95เปอร์เซ็น จากปี พ.ศ.2562 …

พามาเบิ่ง ข้อมูลน่าฮู้ของอีสาน กับ เมียนมาร์ อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top