Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

พาเปิดเบิ่ง ตัวอย่าง อาณาจักร “เทศกาลดนตรี” แดนอีสาน แหล่งกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นสร้างมูลค่ามหาศาล

ท่ามกลางความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ส่งผลให้หลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบและถดถอย แต่ยังมีอีกหนึ่งอุตสาหกรรมเป็น hidden gem ที่กำลังเติบโต นั่นก็คือ “อุตสาหกรรมเพลง”   ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเพลงไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการที่ศิลปินไทยจำนวนมากมีโอกาสไปเปิดตลาดใหม่ที่ต่างประเทศ ขณะเดียวกันแฟนคลับต่างชาติก็หลั่งไหลเข้ามาสนับสนุนศิลปินไทยกันมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยก้าวสู่ TOP 5 ของประเทศที่มีรายได้จากอุตสาหกรรมเพลงมากที่สุดในเอเชีย และเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่เรียบร้อย   จากความสำเร็จนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนึ่งในแรงผลักดันสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง คือ “เทศกาลดนตรี” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเทศกาลดนตรีขนาดใหญ่ ที่มีความหลากหลายด้านแนวเพลงและศิลปิน ทำให้ศิลปินจากทั่วประเทศมีโอกาสแสดงความสามารถให้คนจำนวนมากเห็น จนเกิดเป็นการบอกต่อ และเกิดการจ้างงานตามมาอย่างต่อเนื่อง   “เศรษฐกิจเทศกาล” หรือ “Festival Economy” ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ผ่านงานเทศกาลหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นงานเทศกาลดนตรี งานเทศกาลอาหาร งานเทศกาลวัฒนธรรม และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งมีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทั้งนี้ นอกเหนือจากความสนุกสนาน และความประทับใจที่ผู้เข้าร่วมงานได้รับ ความสำเร็จของงานเทศกาลยังสามารถวัดได้จากมูลค่าทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้ และรายได้จำนวนมากที่กระจายไปยังผู้ประกอบการในท้องถิ่น   อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กลยุทฺธ์ Festival Economy เพื่อผลักดันให้ประเทศเป็นจุดหมายปลายทางในการจัดงานและเทศกาลนานาชาติ จำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพของเมือง โครงสร้างพื้นฐานและบุคลากร   ตัวอย่างการจัดงานเทศกาลดนตรีทั่วประเทศไทย และเทศกาลประเพณีไทยต่าง ๆ มากมาย อย่างเช่นในภาคอีสาน อย่าง Big Mountain Music Festival, E-san Music Festival (อีสานเขียว), เฉียงเหนือเฟส และ ห้วยไร่อีหลีน่า เป็นต้น   ซึ่งถือว่าได้เปรียบในเรื่องของความคุ้มค่า ด้านค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้ามาร่วมงาน ที่พัก อาหาร เป็นต้น รวมทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม สิ่งเหล่านี้เป็นการยืนยันถึงความพร้อมในการเป็นเมืองเป้าหมายของกิจกรรมไมซ์หรือกิจกรรมที่มีความสำคัญในภูมิภาคและระดับนานาชาติต่อไป . ในขณะเดียวกัน ยังมีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่องในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการเป็นสถานที่จัดงานที่ครอบคลุมทุกประเภท ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างแรงขับเคลื่อนให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางของการจัดงานไมซ์ระดับโลก . . อ้างอิงจาก: – Thairath Money – MICE Intelligence Center, Thailand Convention and Exhibition Bureau (TCEB) – The Cloud – Marketing Oops! – ThaiPR.net – RegistarThailand   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน […]

พาเปิดเบิ่ง ตัวอย่าง อาณาจักร “เทศกาลดนตรี” แดนอีสาน แหล่งกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นสร้างมูลค่ามหาศาล อ่านเพิ่มเติม »

พาสำรวจเบิ่ง ใน 1 เดือนที่ผ่านมา คนอีสาน สูด PM2.5 เท่ากับบุหรี่กี่มวน

จากงานของ Richard A. Muller นักวิจัยชาวอเมริกันจากสถาบันวิจัยสภาพอากาศ Berkeley Earth แห่ง University of California, Berkeley ซึ่งคำนวณเปรียบเทียบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ หรือ PM2.5 กับปริมาณการสูบบุหรี่ พบว่า ค่าฝุ่น PM2.5 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เทียบได้กับการสูบบุหรี่ 1 มวน ซึ่งหากนำค่าฝุ่นแบบค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงในแต่ละวันของ 1 เดือนที่ผ่านมา (26 ธ.ค. 67 – 25 ม.ค. 68) มาคำนวณเปรียบเทียบตามเกณฑ์ของ Richard A. Muller จะพบว่า   ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา คนอีสานสูดดมฝุ่นพิษ PM2.5 เทียบเท่าการสูบบุหรี่ทั้งหมด 60-61 มวน หรือคิดเป็น 3 ซองเลยทีเดียว   หลายวันนี้ ระดับ PM2.5 เป็นสีแดงในหลายจังหวัดทั่วภาคอีสาน คนอีสานทุกคน ทั้งที่สูบและไม่สูบบุหรี่ต้องสูด PM2.5 จากฝุ่นพิษในอากาศทั้งเดือน    อย่างไรก็ตาม ควันบุหรี่มีสารที่ก่อมะเร็งที่มีเฉพาะในใบยาสูบ (Tobacco specific carcinogen) และนิโคติน ที่มลพิษในอากาศไม่มี   ส่วนบุหรี่ไฟฟ้าที่เห็นเป็นไอเหมือนหมอกทึบนั้น มีฝุ่นที่ขนาดเล็กกว่า PM2.5 ลงไปถึงขนาด PM1.0 จำนวนมาก ที่เข้าถึงส่วนลึกที่สุดของปอด ก่อนที่จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดพาไหลเวียนไปทั่วร่างกาย   คนไทยที่สูบบุหรี่ เฉลี่ยสูบวันละ 9 – 10 มวน ซึ่งคนเหล่านี้จึงได้รับอันตรายจากฝุ่น PM2.5 สองเด้ง คือจากมลพิษในอากาศและจากการสูบบุหรี่นั่นเอง   มลพิษทางอากาศย่อมส่งผลกระทบทางตรงต่อระบบสาธารณสุขภาพรวม สิ่งแวดล้อม และในที่สุดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือมักส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และ PM2.5 ยิ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากด้วยอนุภาคที่เล็กมากของ PM2.5 จึงสามารถเดินทางผ่านกระแสเลือด ปอด รวมไปถึงหัวใจได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสการเกิดโรคทางเดินหายใจและโรคหัวใจและหลอดเลือดของประชากรในประเทศอีกด้วย   ในขณะนี้เองประเทศไทยก็กำลังเจอปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก จากข้อมูล 3 ปีที่ผ่านมา พบมีแหล่งกำเนิดฝุ่นมาจากไฟป่า การเผาในพื้นที่เกษตร หมอกควันข้ามแดน การจราจร ขนส่ง และโรงงาน ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาช่วงต้นปีที่ความกดอากาศสูง แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้อากาศปิด ลมสงบ ฝุ่นละอองไม่ฟุ้งกระจาย และสะสมในพื้นที่ จนเกินมาตรฐาน    การเผาในประเทศที่เป็นหนึ่งสาเหตุหลักของปัญหา PM 2.5 ในไทยเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ส่งผลให้เกิด

พาสำรวจเบิ่ง ใน 1 เดือนที่ผ่านมา คนอีสาน สูด PM2.5 เท่ากับบุหรี่กี่มวน อ่านเพิ่มเติม »

สกลนคร-บึงกาฬ จังหวัดต้นแบบหน่วยงานรัฐโปร่งใส

ความโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องอยู่คู่กับหน่วยงานและองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ได้ดำเนินการจัดทำการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) เพื่อให้หน่วยงานและประชาชนรับรู้ถึงความโปร่งใสขององค์กรต่าง ๆ และนำข้อมูลไปปรับปรุงพัฒนา รูปแบบการประเมินตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา สำนักงาน ป.ป.ช. จะเป็นผู้ดำเนินการประเมินเอง โดยมีคะแนนประเมินตั้งแต่ 0-100 คะแนน และเกณฑ์ผ่านการประเมินที่ 85.00 คะแนนขึ้นไป ผลการประเมิน ITA ในปีงบประมาณ 2567 จากการสรุปผลการประเมินหน่วยงานภาครัฐในแต่ละจังหวัด พบว่าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) มีเพียง 2 จังหวัดที่หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยผ่านเกณฑ์การประเมิน ได้แก่: จังหวัดสกลนคร จำนวนหน่วยงานที่ผ่านเกณฑ์: 142 หน่วยงาน คะแนนเฉลี่ย: 97.32 คะแนน หน่วยงานที่มีคะแนนสูงสุด: เทศบาลตำบลตองโขบ อำเภอโคกศรีสุพรรณ ซึ่งได้คะแนน 99.89 จังหวัดบึงกาฬ จำนวนหน่วยงานที่ผ่านเกณฑ์: 59 หน่วยงาน คะแนนเฉลี่ย: 96.90 คะแนน หน่วยงานที่มีคะแนนสูงสุด: เทศบาลตำบลท่าสะอาด อำเภอเซกา ซึ่งได้คะแนน 99.91 ทั้งสองจังหวัดนี้ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของหน่วยงานรัฐในด้านการดำเนินงานด้วยคุณธรรมและความโปร่งใส ภาพรวมในภาคอีสาน สำหรับภาพรวมในภาคอีสาน มีหน่วยงานที่ผ่านเกณฑ์ทั้งสิ้น 2,629 หน่วยงาน จากทั้งหมด 2,985 หน่วยงาน คิดเป็นสัดส่วน 88% โดยมีข้อมูลสัดส่วนหน่วยงานที่ผ่านเกณฑ์ในจังหวัดที่โดดเด่นและจังหวัดที่ต้องัฒนาต่อไป ดังนี้   จังหวัดที่มีสัดส่วนหน่วยงานผ่านเกณฑ์สูง (รองจากสกลนครและบึงกาฬ) อำนาจเจริญ สัดส่วนที่ผ่าน: 98.46% (64 จาก 65 หน่วยงาน) คะแนนเฉลี่ย: 94.57 หนองคาย สัดส่วนที่ผ่าน: 97.10% (67 จาก 69 หน่วยงาน) คะแนนเฉลี่ย: 94.10 ขอนแก่น สัดส่วนที่ผ่าน: 96.90% (219 จาก 226 หน่วยงาน) คะแนนเฉลี่ย: 94.78   จังหวัดที่มีสัดส่วนหน่วยงานผ่านเกณฑ์ต่ำ มหาสารคาม สัดส่วนที่ผ่าน: 75.69% (109 จาก 144 หน่วยงาน) คะแนนเฉลี่ย: 88.07 ศรีสะเกษ สัดส่วนที่ผ่าน: 68.81% (150 จาก 218 หน่วยงาน) คะแนนเฉลี่ย: 86.82 หนองบัวลำภู สัดส่วนที่ผ่าน: 68.12% (47 จาก 69

สกลนคร-บึงกาฬ จังหวัดต้นแบบหน่วยงานรัฐโปร่งใส อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่งหนี้สาธารณะแต่ละประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง GMS

. ​​จากข้อมูลปี 2566  ไทยเป็นประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงสุดในอาเซียน โดยมียอดหนี้กว่า 11,131 พันล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการบริหารเศรษฐกิจ ในขณะที่กัมพูชา มียอดหนี้ต่ำสุดในกลุ่มนี้เพียง 374 พันล้านบาท ทำให้ประเทศกัมพูชาดูเหมือนจะมีเสถียรภาพทางการเงินที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน   ตารางเปรียบเทีบหนี้สินสาธารณะของแต่ละประเทศ(บาท,ดอลลาร์) ประเทศ พันล้านบาท พันล้านดอลลาร์ เป็นเปอร์เซ็นของ​GDP มูลค่าgdpของแต่ละประเทศ(พันล้านดอลล่าร์) เวียดนาม 5,530 158 37% 429.7 กัมพูชา 374.54 11.24 37.2% 31.77 ลาว 460.51 13.83 108% 15.84 ไทย 11,131.63 318.05 62.14% 514.9   สาเหตุในการก่อหนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: ประเทศต่างๆ มักก่อหนี้เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน รถไฟ สนามบิน เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศ การช่วยเหลือภาคเอกชน: ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลอาจต้องกู้เงินเพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ การขาดดุลงบประมาณ: หากรายได้ของรัฐบาลน้อยกว่ารายจ่าย รัฐบาลก็จำเป็นต้องกู้เงินมาชดเชย ปัจจัยทางการเมือง: การตัดสินใจก่อหนี้บางครั้งอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางการเมือง เช่น การหาเสียงเลือกตั้ง หรือการสร้างผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรม ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ภาระดอกเบี้ย: หนี้สาธารณะที่สูงจะส่งผลให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยจำนวนมาก ซึ่งอาจกระทบต่องบประมาณที่ควรจะนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆ เช่น การศึกษา สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน ความน่าเชื่อถือทางการเงิน: หนี้สาธารณะที่สูงเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือทางการเงินของประเทศ ทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่มั่นใจและอาจถอนเงินลงทุนออกไป อัตราแลกเปลี่ยน: หนี้สาธารณะที่สูงอาจทำให้สกุลเงินของประเทศอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าสินค้าและบริการ และอาจทำให้ราคาสินค้าภายในประเทศสูงขึ้น การเติบโตทางเศรษฐกิจ: หนี้สาธารณะที่สูงอาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว เพราะรัฐบาลอาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมากในการชำระหนี้แทนที่จะนำไปลงทุนในกิจกรรมที่สร้างการเติบโต ผลกระทบต่อประชาชน การลดลงของบริการสาธารณะ: เมื่อรัฐบาลต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยจำนวนมาก อาจต้องลดการลงทุนในบริการสาธารณะ เช่น การศึกษา สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ภาษีที่สูงขึ้น: เพื่อนำเงินมาชำระหนี้สาธารณะ รัฐบาลอาจต้องเพิ่มอัตราภาษี ซึ่งเป็นภาระแก่ประชาชน ความไม่เสมอภาค: หนี้สาธารณะที่สูงอาจทำให้เกิดความไม่เสมอภาคทางเศรษฐกิจ เพราะประชาชนบางกลุ่มอาจได้รับผลกระทบจากหนี้สาธารณะมากกว่ากลุ่มอื่นๆ หมายเหตุ: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงภาพรวมเบื้องต้น การวิเคราะห์ที่ละเอียดจะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เช่น สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ นโยบายทางการเงินและการคลัง และปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อหนี้สาธารณะ   ที่มา เว็ปไซต์ :NBT-connext ,moneybuffalo ,khmertimeskh ,vir ,tradingeconomics ,worldeconomics พามาเบิ่ง GDP ย้อนหลัง 35 ปี ของอีสานบ้านเฮาและเพื่อนบ้าน GMS  

พามาเบิ่งหนี้สาธารณะแต่ละประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง GMS อ่านเพิ่มเติม »

พาสำรวจเบิ่ง จุดเผาใน GMS หนึ่งในสาเหตุ PM 2.5

🔥จุดความร้อน หรือ Hot Spot คืออะไร?   จุดความร้อน พูดง่ายๆก็คือ จุดที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลก ซึ่งส่วนมากก็คือความร้อนจากไฟ แสดงในรูปแบบแผนที่เพื่อนำเสนอตำแหน่งที่เกิดไฟในแต่ละพื้นที่แบบคร่าวๆ การได้มาซึ่งข้อมูลจุดความร้อนอาศัยหลักการที่ว่า ดาวเทียมสามารถตรวจวัดคลื่นรังสีอินฟาเรดหรือรังสีความร้อนที่เกิดจากไฟ (อุณหภูมิสูงกว่า 800 องศาเซลเซียส) บนพื้นผิวโลก จากนั้นก็ประมวลผลแสดงในรูปแบบจุด ซึ่งปัจจุบันทุกคนสามารถตรวจสอบจุดความร้อนเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองจากเว็บไซต์เหล่านี้ (http://bit.ly/2OalZnU)   ในช่วงนี้บ้านเมืองเราในหลายพื้นที่ยังคงเกิดไฟป่าอย่างต่อเนื่อง กลุ่มควันปกคลุมเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด โดยแผนภาพที่นำเสนอจุดแดง📛คือ จุดความร้อนที่กระจายอยู่ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา   จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าการเผามีการกระจายตัวทั้งประเทศ แต่ภาคอีสานจะมีการการเผาที่กระจายตัวหนาแน่นทั่วอีสาน ซึ่งสาเหตุการเผานั้นก็มาจากการเผาตอซังและฟางข้าวของชาวนา หรือเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเกิดขึ้นค่อนข้างมาก โดยต้นทุนในการที่จะจ้างรถไถกลบก็จะใช้เงินจำนวนมาก การเผาจะประหยัดกว่าการจ้างรถไถมาไถกลบหรือทำการไถกลบเอง เมื่อเกิดมลพิษทางอากาศย่อมส่งผลกระทบทางตรงต่อระบบสาธารณสุขภาพรวม สิ่งแวดล้อม และในที่สุดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือมักส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และ PM 2.5 ยิ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากด้วยอนุภาคที่เล็กมากของ PM 2.5 จึงสามารถเดินทางผ่านกระแสเลือด ปอด รวมไปถึงหัวใจได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสการเกิดโรคทางเดินหายใจและโรคหัวใจและหลอดเลือดของประชากรใน ประเทศ   ในขณะนี้เองประเทศไทยก็กำลังเจอปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก จากข้อมูล 3 ปีที่ผ่านมา พบมีแหล่งกำเนิดฝุ่นมาจากไฟป่า การเผาในพื้นที่เกษตร หมอกควันข้ามแดน การจราจร ขนส่ง และโรงงาน ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาช่วงต้นปีที่ความกดอากาศสูง แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้อากาศปิด ลมสงบ ฝุ่นละอองไม่ฟุ้งกระจาย และสะสมในพื้นที่ จนเกินมาตรฐาน    การเผาในประเทศที่เป็นหนึ่งสาเหตุหลักของปัญหา PM 2.5 ในไทยเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ส่งผลให้เกิด PM 2.5 ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ความหนาแน่นของประชากร หรือการจราจร นอกจากนี้ การเผาจากประเทศเพื่อนบ้านยังมีผลกระทบต่อ PM2.5 ด้วยเช่นกัน   ปริมาณการเกิดไฟไหม้สูงพบเห็นได้ที่ชายแดนติดกับกัมพูชา จากรูปแสดงให้เห็นความถี่การเกิดการเผาไหม้ซึ่งมักมีจุดเกิดการเผาไหม้ในประเทศเพื่อนบ้านบริเวณใกล้กับชายแดนประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้ภาคอีสานของประเทศไทยได้รับผลกระทบมากที่สุด นอกจากนั้นยังมีลมมรสุมประจำปี และร่องความกดอากาศต่ำในช่วง พ.ย.-ม.ค. ในช่วงหน้าหนาวทำให้ฝุ่นควันถูกพัดตามกระแสลมเข้าสู่ภูมิภาคต่างๆ ในประเทศไทยมากขึ้น ข้อมูลระบบคลังข้อมูลสุขภาพ Health Data Center (HDC) รายงานผ่านระบบเดือน ม.ค. 2568 ที่ยังไม่เป็นข้อมูลปัจจุบัน โดยรวมกว่า 1.44 แสนราย เป็นกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบมากที่สุด รองลงมา กลุ่มโรคตาอักเสบ กลุ่มโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหืด และโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ซึ่งสถิติเผยว่า อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา มีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งปอดจำนวนสูงสุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสอดคล้องกับพื้นที่หลักที่มีการเพาะปลูกอ้อย หรือมีการเผาที่มีความถี่มากกว่าพื้นที่อื่นๆ ในภูมิภาคนั้นเอง พามาเบิ่งจำนวนสะสมผู้ป่วยมะเร็งปอดแต่จังหวัดภาคอีสาน ปี 2566     ที่มา:  – กรุงเทพธุรกิจ – Thai

พาสำรวจเบิ่ง จุดเผาใน GMS หนึ่งในสาเหตุ PM 2.5 อ่านเพิ่มเติม »

พาสำรวจเบิ่ง อีสานผลิตข้าวนาปรัง กว่า 1.1 ล้านตัน กระจายอยู่ไหนบ้าง

“ข้าวนาปรัง” คือ ข้าวที่ถูกเพาะปลูกในฤดูแล้งซึ่งต้องอาศัยน้ำจากระบบชลประทาน โดยเพาะปลูกช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายนของปีถัดไป ส่วนใหญ่นิยมปลูกในภาคกลางและภาคเหนือ   ในปีเพาะปลูก 2566 ประเทศไทยมีผลผลิตข้าวนาปรัง อยู่ที่ 6,917,771 ตัน และมีผลผลิตต่อไร่อยู่ 654 กิโลกรัม/ไร่ แล้วเคยรู้หรือไหมว่าภาคอีสานมีผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ของข้าวนาปรังมากแค่ไหน?   โดยในภาคอีสานของเรามีผลผลิตข้าวนาปรังอยู่ 1,094,978 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 15.8% ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมดในประเทศ และมีผลผลิตต่อพื้นที่เก็บเกี่ยวอยู่ 576 กิโลกรัม/ไร่   จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า ผลผลิตข้าวนาปรังส่วนใหญ่มาจากจังหวัดในอีสานตอนกลาง อย่างจังหวัดกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และขอนแก่น ซึ่งเพียง 4 จังหวัดนี้ก็มีผลผลิตข้าวนาปรังมากกว่า 523,485 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 47.8%   ทำไมถึงกระจุกตัวอยู่จังหวัดในอีสานตอนล่าง?   ข้าวนาปรังจะปลูกในฤดูแล้งซึ่งต้องอาศัยน้ำจากระบบชลประทาน โดยอีสานตอนกลางก็มีแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่งในเขตรับผิดชอบด้วยกัน คือ เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนอุบลรัตน์ และเขื่อนลำปาว อีกทั้งยังมีแหล่งน้ำต่างๆ ที่กระจายอยู่ในพื้นที่ประมาณ 60 กว่าแห่งใน 4 จังหวัดนี้อีกด้วย ทำให้ประชากรในบริเวณอีสานกลางนิยมปลูกข้าวนาปรังกันมาก เนื่องจากมีปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าว อีกทั้งข้าวได้รับน้ำและแร่ธาตุที่เพียงพอเป็นผลทำให้มีผลผลิตต่อไร่ที่มากเช่นกัน   “ถึงแม้ภาคอีสานจะมีผลผลิตข้าวนาปรังที่น้อยกว่าภูมิภาคอื่นๆ แต่ภาคอีสานมีผลผลิตข้าวนาปรังมากเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ ซึ่งมากกว่า 13 ล้านตันเลยทีเดียว”   สาเหตุที่ภาคอีสานปลูกข้าวนาปรังน้อยเนื่องจากมีระบบชลประทานที่ไม่ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และด้วยสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ทำให้การปลูกข้าวของคนในภาคอีสานส่วนใหญ่กว่า 95% ของพื้นที่เพาะปลูก เป็นการปลูกข้าวแบบนาปีที่สามารถทำได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น    อีกทั้งพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในที่ราบสูง และมีความแห้งแล้ง ทำให้การปลูกข้าวจึงต้องพึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก เนื่องจากระบบชลประทานยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีปัญหาดินเค็มในบางพื้นที่ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอีกด้วย     อ้างอิงจาก:  – สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร – วิจัยกรุงศรี – กรมวิชาการเกษตร   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightandOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #ข้าวนาปรัง #อุตสาหกรรมข้าว #อุตสาหกรรมข้าวในอีสาน #ข้าวนาปรังในอีสาน #ข้าว

พาสำรวจเบิ่ง อีสานผลิตข้าวนาปรัง กว่า 1.1 ล้านตัน กระจายอยู่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง 8 ปีผ่านไป ไทยขาดดุลจีนมากแค่ไหน

ฮู้บ่ว่า ไทยมีแนวโน้มที่จะขาดดุลทางการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการขาดดุลทางการค้ากับจีนในปีที่ผ่านมา( มกราคม – พฤศจิกายน) มากถึง 1.47 ล้านล้านบาท   . จีนนับว่าเป็นประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักกับไทยมาอย่างยาวนานและเป็นประเทศที่ไทยมีมูลค่าการนำเข้าสินค้าเข้ามามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ในขณะเดียวกันไทยก็ขาดดุลทางการค้ากับจีนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเริ่มสร้างความกังวลให้กับผู้ผลิตในประเทศไทย ที่มีโอกาสได้รับผลกระทบจากสินค้านำเข้าจากจีนที่มากเกินไปกระทั่งเรียกได้ว่าเป็นสินค้าทะลักจากจีน   . ในช่วงก่อนสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ในปี 2561 ขณะนั้นไทยเองก็มีการนำเข้าสินค้าจากจีนมากกว่าส่งออกไปจีนมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่งผลให้พอเกิดสงครามการค้าขึ้นที่จีนได้รับผลกระทบจากนโยบายทางภาษีศุลกากรจากสหรัฐอเมริกาและทำให้สินค้าจีนที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกามีต้นทุนที่สูงขึ้นและได้เริ่มมองหาตลาดใหม่ๆเพื่อรองรับสินค้า ซึ่งเป้าหมายในการเป็นตลาดรองรับสินค้าจากจีนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมไทยของเราด้วยนั่นเอง   . หากเปรียบเทียบระหว่างช่วงก่อนสงครามการค้าและในปัจจุบัน จะพบว่า ไทยมีสัดส่วนการนำเข้าจากจีนต่อการนำเข้าทั้งหมดในช่วงก่อนสงครามการค้าที่ 20% แต่ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 26% ซึ่งบ่งบอกถึงการพึ่งพาสินค้านำเข้าจากจีนที่มากขึ้น โดยมีสินค้าที่โดดเด่นหลักๆคือสินค้าประเภท อุปกรณ์ไฟฟ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร ผลิตภัณฑ์จากเหล็กกล้า ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงที่สุดที่ไทยได้นำเข้าจากจีนในปีที่ผ่านมา ในด้านการส่งออกของไทย จะมีสินค้าหลักเป็นสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์จากสินค้าเกษตร ได้แก่ ผลไม้และลูกนัต ยางและผลิตภัณฑ์จากยางเป็นต้น    . การนำเข้าสินค้าจากจีนที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ย่อมส่งผลกระทบกับประเทศไทยเองในหลายๆด้าน ซึ่งก็มีปัญหาที่หลายๆฝ่ายกังวลอย่างเช่น ผู้ประกอบการที่อยู่ในประเทศนั้นจะไม่สามารถแข่งกับสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการในภาคการผลิต ที่ผลิตสินค้าใกล้เคียงกันกับสินค้าที่ไทยนำเข้ามาจากจีน ในส่วนของผู้ประกอบการภาคการค้า มีบางส่วนที่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน แต่ก็มีผู้ประกอบการที่ได้รับอานิสงส์จากการนำเข้าสินค้าจากจีน จากต้นทุนด้านราคาที่ถูกลง    . เนื่องจากปัญหาของการนำเข้าจากจีนที่มากขึ้น สามารถสร้างผลกระทบให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและกระจายไปยังเศรษฐกิจในวงกว้าง ส่งผลให้ปัญหาดังกล่าวควรมีการเร่งปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนได้เสีย และหาทางออกหรือแนวทางการป้องกันที่ครอบคลุมมากเพียงพอที่จะป้องกันภาคธุรกิจภายในประเทศ หรืออย่างน้อยก็สามารถทำให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวเพื่อสู้กับปัญหาสินค้าทะลักจากต่างประเทศได้ ลาวถูกแซงหน้า จากสินค้าจีนล้นด่านชายแดนอีสาน : เปรียบเทียบการนำเข้าก่อน-หลังสงครามการค้า สินค้า🇨🇳จีนทะลักครองสัดส่วนการนำเข้าสินค้าผ่านแดนอีสานสูงถึง 83% เปิด เส้นทางขนส่งสินค้า ออนไลน์ ทำไมต้องผ่าน “มุกดาหาร” 2 วัน ส่งไว จีน-ไทย ไม่เกินจริง

พามาเบิ่ง 8 ปีผ่านไป ไทยขาดดุลจีนมากแค่ไหน อ่านเพิ่มเติม »

Go Wholesale รุกอีสาน เปิดสาขาอุดร ขอนแก่น

ชื่อบริษัท: บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ปีที่จดทะเบียน: 24 พ.ย. 2565 ทุนจดทะเบียน: 1,800 รายได้ปี 2566: 479 ล้านบาท กำไรปี 2566: -342 ล้านบาท ผู้บริหาร: คุณสุชาดา อิทธิจารุกุล สาขาอุดรธานี ลำดับสาขา: 11 วันที่เปิด: 17 ม.ค. 2568 ที่ตั้ง: 217 ถ.เลี่ยงเมืองหนองคาย ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000 ขนาดพื้นที่: ตั้งอยู่บนพื้นที่ 37 ไร่ พื้นที่ขายกว่า 9,100 ตร.ม. ภาพจาก Inside Udon   สาขาขอนแก่น ลำดับสาขา: 12 วันที่เปิด: 22 ม.ค. 2568 ที่ตั้ง: 1/51 ถ.ประชาสโมสร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000 ขนาดพื้นที่: ตั้งอยู่บนพื้นที่ 27 ไร่ พื้นที่ขายประมาณ 9,000 ตร.ม. ภาพจาก Khon Kaen Update   สาขาทั่วประเทศ  กรุงเทพมหานคร 3 สาขา ชลบุรี 2 สาขา ปทุมธานี 1 สาขา เชียงใหม่ 1 สาขา สมุทรปราการ 1 สาขา ภูเก็ต 2 สาขา อุดรธานี 1 สาขา ขอนแก่น 1 สาขา Go Wholesale ศูนย์ค้าส่งน้องใหม่ในประเทศไทยจากเครือเซ็นทรัลที่พึ่งเกิดใหม่ในปี 2565 และเปิดสาขาแรกในปี 2566 มีสินค้าให้เลือกมากมายกว่า 20,000 รายการ การเข้ามาของ Go Wholesale แน่นอนว่าเข้ามาเพื่อเป็นคู่แข่งกับ Makro ของเครือซีพีโดยตรง โดยทาง Go Wholesale ได้คุณสุชาดา อิทธิจารุกุล มานำทัพในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ ในธุรกิจเครือ CRC เป็นที่ทราบกันดีว่าคุณสุชาดา อิทธิจารุกุล เป็นผู้คร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจค้าส่งมานานเกือบ 3

Go Wholesale รุกอีสาน เปิดสาขาอุดร ขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง โฉนดที่ดินของเเต่ละจังหวัดในอีสาน เปลี่ยนเเปลงเพิ่มขึ้นไปมากเท่าใด ในช่วงเกือบทศวรรษที่ผ่านมา

. โฉนดที่ดิน ถือเป็นเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินประเภทหนึ่ง ที่ผู้เป็นเจ้าของที่ดินจะใช้เอกสารดังกล่าว ในการแสดงความเป็นเจ้าของ และใช้ในการประกอบธุรกรรมด้านต่างๆ เช่น ซื้อ ขาย จำนอง เป็นต้น  . ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานจากข้อมูลของกรมที่ดินพบว่า จังหวัดนครราชสีมาเเละขอนเเก่นเป็นจังหวัดที่มีโฉนดที่ดินมากที่สุดในประเทศเป็นอันดับที่ 2  เเละ  3 เป็นรองเพียงกรุงเทพมหานคร โดยมีปริมาณเอกสารสิทธิประเภทโฉนดที่ดินอยู่ที่1,566,201 เเปลงเเละ 1,166,513  เเปลง ตามลําดับ ส่วนกรุงเทพมหานครมากสุดในประเทศอยู่ที่ 2,182,095 เเปลง จากทั้งหมด 37,272,607 เเปลงทั่วประเทศ  . ในช่วงเกือบทศวรรษที่ผ่านมา(พ.ศ.2559- 2567) เมื่อมองถึงร้อยละการเปลี่ยนเเปลงที่เพิ่มขึ้นจะพบว่าจังหวัดที่มีโฉนดที่ดินเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือบึงกาฬ ที่ร้อยละ 22.73 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนเเปลงของทั้งภูมิภาคที่อยู่ที่ร้อยละ 15.67 ส่วนจังหวัดนครราชสีมาที่มีโฉนดที่ดินมากที่สุดกลับเปลี่ยนเเปลงเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 14.04 . โดยโฉนดที่ดินของทั้งภูมิภาคในปัจจุบันอยู่ที่ 12,343,003 เเปลง ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงในด้านการถือครองและการจัดการโฉนดที่ดินในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยได้เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการพัฒนาของโครงสร้างพื้นฐาน การขยายตัวของเขตเมือง และการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชุมชน ความเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม การสิ่งเเวดล้อม การสํารวจดูการเปลี่ยนเเปลงเอกสารสิทธ์ในที่ดิน โดยเฉพาะโฉนดที่ดินจึงมีประโยชน์เเก่ผู้ที่สนใจเเละสามารถนําข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการวิเคราะห์วางเเผนด้านต่างๆ . พาสำรวจเบิ่ง “ราคาที่ดินต่ำสุด-สูงสุด” แต่จังหวัดในภาคอีสาน ที่มา : กรมที่ดิน . ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #ที่ดิน #โฉนด #โฉนดที่ดิน

พามาเบิ่ง โฉนดที่ดินของเเต่ละจังหวัดในอีสาน เปลี่ยนเเปลงเพิ่มขึ้นไปมากเท่าใด ในช่วงเกือบทศวรรษที่ผ่านมา อ่านเพิ่มเติม »

พาสำรวจเบิ่ง 4 ยักษ์ใหญ่แห่งแดนภูธรที่ครองสิทธิบริหาร 7-Eleven

การเข้ามาของร้าน “เซเว่น-อีเลฟเว่น” มากกว่า 35 ปีที่ นอกจากพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล “ซีพี ออลล์” ต้องการบุกตลาดต่างจังหวัดควบคู่ไปด้วย “กลุ่มซีพี” จึงให้ “Sub-Area License” กับ 4 กลุ่มทุนรายใหญ่ใน 4 พื้นที่ ได้แก่ กลุ่มตันตราภัณฑ์ กลุ่มงานทวี กลุ่มยิ่งยง และกลุ่มศรีสมัย   การเติบโตของ “4 กลุ่มทุนเก่าแก่” มีต้นกำเนิดจากร้านโชห่วย-ขายของชำ ก่อนแตกไลน์ธุรกิจไปยังเซกเมนต์อื่นๆ โดยกลุ่มตันตราภัณฑ์โด่งดังจาก “ห้างตันตราภัณฑ์” กลุ่มยิ่งยงโตจาก “ยิ่งยงสรรพสินค้า” กลุ่มศรีสมัยมีรากฐานจาก “ศรีสมัยค้าส่ง” ส่วนกลุ่มงานทวีมีธุรกิจหลากหลาย จากร้านของชำพลิกไปทำเหมืองแร่-สวนยางพารา   ทั้ง “4 กลุ่มทุน” มีรายได้จากการถือ “Sub-Area License” หลักพันล้านบาททุกปี     ภาคเหนือ – กลุ่มตันตราภัณฑ์ กลุ่มตันตราภัณฑ์ของตระกูล “ตันตรานนท์” มีต้นตระกูลเป็นชาวจีนชื่อว่า “เถ้าแก่ง่วนชุน” เริ่มต้นจากการเปิดร้านขายของชำเรือนไม้ 2 ชั้น ริมถนนวิชยานนท์ ใกล้กับตลาดต้นลำไยและตลาดวโรรสหรือที่คนในพื้นที่เรียกว่า “กาดหลวง” เมื่อธุรกิจร้านโชห่วยเติบโตมากขึ้น ลูกชายอย่าง “ธวัช ตันตรานนท์” จึงคิดหาลู่ทางขยายกิจการ-ขยับสู่การทำห้างสรรพสินค้า “ตันตราภัณฑ์”   จุดเปลี่ยนสำคัญของ “กลุ่มตันตราภัณฑ์” เกิดขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 2530 “กลุ่มเซ็นทรัล” และบรรดา “ดิสเคาต์สโตร์” เริ่มขยายตลาดมายังภูมิภาคอื่นๆ มากขึ้น เมื่อดำเนินกิจการไปสักระยะก็พบว่า ศูนย์การค้าไม่ใช่เกมที่ตนถนัดประกอบกับห้างตันตราภัณฑ์เริ่มถูก “ดิสรัปต์” จากค้าปลีกเซ็นทรัลมากขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจขายศูนย์การค้า “แอร์พอร์ตพลาซ่า” ให้กับกลุ่มเซ็นทรัล เหลือไว้เพียง “ริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต” ที่เป็นจุดแข็งมาจนถึงปัจจุบัน   นอกจากธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้ว “กลุ่มตันตราภัณฑ์” ยังมีรายได้หลักจาก “บริษัท ชอยส์ มินิ สโตร์ จำกัด” บริษัทที่ประกอบกิจการร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น-อีเลฟเว่น” ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคเหนือได้แก่ จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน และ จ.แม่ฮ่องสอน ผลประกอบการย้อนหลังตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2565 พบว่า บริษัทฯ มีรายได้หลัก “พันล้านบาท” ทุกปี และ ในปี 2566 ทำรายได้ “หลักหมื่นล้าน” เลยทีเดียว และยังเป็นกิจการที่สร้างเม็ดเงินให้กับ “กลุ่มตันตราภัณฑ์” สูงที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ในเครือด้วย     ภาคอีสาน – กลุ่มยิ่งยง ย้อนกลับไป 30

พาสำรวจเบิ่ง 4 ยักษ์ใหญ่แห่งแดนภูธรที่ครองสิทธิบริหาร 7-Eleven อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top