เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา เสียงปะทะจากชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณ “ช่องบก” จังหวัดอุบลราชธานี ได้ปลุกความกังวลขึ้นอีกครั้ง เสียงที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 05.30 น. จากรายงานของหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ที่ระบุถึงการวางกำลังของทหารกัมพูชาในพื้นที่อ้างสิทธิ์ และการใช้อาวุธก่อน ทำให้ฝ่ายไทยต้องตอบโต้ นับเป็นเหตุการณ์ที่ตอกย้ำว่า “ช่องบก” ไม่ได้เป็นเพียงชื่อสถานที่ แต่เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และยุทธศาสตร์อันซับซ้อนที่ยังคงส่งผลสะเทือนมาถึงปัจจุบัน
ช่องบก ในอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับการขนานนามว่า “สามเหลี่ยมมรกต” (Emerald Triangle) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่เชื่อมต่อชายแดนสามประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว และกัมพูชา การบรรจบกันของสามดินแดนนี้ ทำให้ช่องบกกลายเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างยิ่งยวด
ย้อนกลับไปในอดีต ช่องบกเคยเป็น “สมรภูมิช่องบก” อันดุเดือดในช่วงปี พ.ศ. 2528-2530 ซึ่งเป็นการปะทะโดยตรงระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพเวียดนามที่เข้ายึดครองกัมพูชาในขณะนั้น การต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติไทยครั้งนั้น ต้องแลกมาด้วยความสูญเสียชีวิตของทหารหาญไทยกว่า 109 ชีวิต ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจถึงราคาของเอกราชและบูรณภาพแห่งดินแดน
พื้นที่ “สามเหลี่ยมมรกต” ครอบคลุมประมาณ 12 ตารางกิโลเมตร โดยจุดหลักของช่องบกอยู่ในอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี และเชื่อมโยงไปยังจังหวัดศรีสะเกษของไทย แขวงจำปาศักดิ์และแขวงสาละวันของลาว รวมถึงจังหวัดพระวิหาร จังหวัดอุดรมีชัย และจังหวัดสตึงเตร็งของกัมพูชา
แม้เวลาจะผ่านมาหลายสิบปี แต่ช่องบกยังคงเป็น “พื้นที่ชายแดนที่มีข้อพิพาทและพื้นที่ทับซ้อน” ในเรื่องการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเป็นชนวนสำคัญที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียดหรือการปะทะกันได้เป็นครั้งคราว
ปัจจัยหลักที่ยังคงคุกคามสันติภาพในพื้นที่นี้ประกอบด้วย
- พื้นที่พิพาทที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนที่ชัดเจน ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิในพื้นที่และเป็นที่มาของความขัดแย้ง
- การเคลื่อนไหวทางทหาร เนื่องจากทั้งสองประเทศยังคงมีการตรึงกำลังทหารเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันอธิปไตยของตนเอง
- ความเข้าใจผิดหรือการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ระหว่างเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุการณ์ปะทะโดยไม่ตั้งใจได้
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเหตุการณ์ปะทะเกิดขึ้น แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานแห่งชาติภูจองนายอยและพื้นที่ใกล้เคียงที่ไม่ได้อยู่ในแนวชายแดนพิพาทโดยตรง “ถือว่าปลอดภัย” และยังคงสามารถท่องเที่ยวได้ตามปกติ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปต้อง “ห้ามเข้า” พื้นที่ที่ประกาศว่าเป็นเขตหวงห้ามหรือเขตอันตรายโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจมีการวางทุ่นระเบิดเก่าที่หลงเหลือจากอดีต หรือเป็นพื้นที่ปฏิบัติการของทหารที่ยังคงมีการเคลื่อนไหว
ในการตอบสนองต่อสถานการณ์ล่าสุด ผู้บัญชาการทหารบกไทยได้เข้าหารือกับ พล.อ. เมา โซะพัน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ณ จุดประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม การหารือครั้งนี้มุ่งเน้นการเจรจาด้วยสันติวิธี เนื่องจากทหารทั้งสองฝ่ายยังคงวางกำลังในลักษณะเผชิญหน้ากัน เบื้องต้นได้ข้อตกลง 3 ข้อ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ความตึงเครียด ได้แก่
- การเร่งรัดการแก้ปัญหาเขตแดนในรูปแบบคณะกรรมการปักปันเขตแดน (JBC) ซึ่งจะดำเนินการภายใน 2 สัปดาห์
- การให้กำลังพลถอยออกจากจุดปะทะ 200 เมตร เพื่อลดโอกาสการเผชิญหน้า
- การสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้บังคับหน่วยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะซ้ำในพื้นที่อีก
ผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจและเศรษฐกิจจากเหตุการณ์การปะทะกันในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นคลื่นใต้น้ำที่น่ากังวล
แม้ข้อตกลงเบื้องต้นจะดูเป็นสัญญาณที่ดี แต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบกนี้ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจและเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในระดับภูมิภาคอีสาน และจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นประตูด่านหน้า
ไม่ว่าจะเป็น การค้าชายแดนที่ต้องหยุดชะงักและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ช่องบกและพื้นที่เชื่อมโยงเป็นเส้นเลือดหลักของการค้าขายกับลาวและกัมพูชา เมื่อเกิดความตึงเครียดขึ้น ย่อมสร้างความไม่มั่นใจให้กับผู้ประกอบการและนักลงทุน การขนส่งสินค้าอาจต้องหยุดชะงัก หรือประสบความล่าช้าจากการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นบริเวณด่านชายแดน สิ่งเหล่านี้ล้วนเพิ่มต้นทุนการดำเนินงานให้กับธุรกิจนำเข้าและส่งออก และอาจทำให้มูลค่าการค้าลดลง
หรือแม้กระทั่งภาคการท่องเที่ยวที่เปราะบางกว่าที่คิด แม้ทางการจะยืนยันว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ปลอดภัย แต่ข่าวการปะทะเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างความกังวลให้กับนักท่องเที่ยวได้มาก โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่วางแผนจะเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติหรือวัฒนธรรมในพื้นที่ชายแดน อย่างเช่น อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย หรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในอุบลราชธานีและศรีสะเกษ ความไม่มั่นใจนี้อาจทำให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนจุดหมายปลายทาง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และผู้ประกอบการในท้องถิ่นที่พึ่งพิงรายได้จากการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ผลกระทบต่อธุรกิจและเศรษฐกิจแล้ว ยังมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตและเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่ชายแดนโดยตรง ประชาชนที่ทำกินในพื้นที่ใกล้แนวปักปันเขตแดนอาจไม่กล้าเข้าไปดูแลพืชผล หรือการหาของป่าที่เคยเป็นรายได้เสริมก็ทำได้ยากขึ้น รายได้ของครัวเรือนจึงได้รับผลกระทบโดยตรงอีกด้วย
อ้างอิงจาก:
– PPTV HD 36
– DAILYNEWS ONLINE
– ไทยพีบีเอส (Thai PBS)
ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่
https://linktr.ee/isan.insight
#ISANInsightAndOutlook #อีสานอินไซต์ #เศรษฐกิจอีสาน #ช่องบก #ไทยกัมพูชา #สามเหลี่ยมมรกต #พื้นที่ชายแดน #พื้นที่ทับซ้อน #ชายแดนไทย #อุบลราชธานี