‘สงคราม ส่งด่วน’ ฉบับชีวิตจริง พามาฮู้จัก ‘คมสันต์ แซ่ลี’ จากเด็กดอยสู่บัลลังก์เจ้าพ่อโลจิสติกส์หมื่นล้าน

จากกระแสซีรีส์ “สงครามส่งด่วน Mad Unicorn (2025)” กำลังเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์บน Netflix เรื่องราวการต่อสู้ของสตาร์ทอัพขนส่งด่วนที่เริ่มต้นจากศูนย์ สู่การเป็นผู้นำตลาด ได้จุดประกายความอยากรู้ถึงบุคคลเบื้องหลังแรงบันดาลใจนั้น นั่นคือ “คมสันต์ แซ่ลี” หรือ “คมสันต์ ลี” ผู้ก่อตั้ง Flash Express ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ชีวิตจริงไม่แพ้ในซีรีส์ และกำลังถูกถ่ายทอดสู่สายตาผู้ชมโดยนักแสดงมากฝีมืออย่าง ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ ในบทบาท “สันติ แซ่ลี”

 

จากดอยวาวี สู่สมรภูมิธุรกิจ จุดเริ่มต้นของ ‘คมสันต์ แซ่ลี’

คมสันต์ ลี เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2534 บนดอยวาวี จังหวัดเชียงราย ลูกชายคนโตของครอบครัวนักธุรกิจและครูสอนภาษาจีน พื้นเพที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ได้หล่อหลอมให้เขามีความมุ่งมั่นและกล้าที่จะแตกต่าง เส้นทางชีวิตของเขาเริ่มต้นจากธุรกิจเล็กๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง สาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ด้วยการนำเข้าสินค้าจากจีนมาขายให้นักศึกษา พร้อมกับการทำงานพาร์ตไทม์เป็นทั้งพนักงานบริษัทจีนและครูสอนภาษาจีน ประสบการณ์เหล่านี้คือบทเรียนแรกที่ปูทางสู่โลกธุรกิจอันกว้างใหญ่

 

หลังเรียนจบ คมสันต์ไม่รอช้าที่จะกระโดดเข้าสู่โอกาสใหม่ เขาเริ่มต้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับชาวจีนที่เชียงใหม่ โดยทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์หรือนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต เพียงแค่ปีเศษ เขาสามารถสร้างกำไรได้สูงถึงกว่า 100 ล้านบาท นี่คือ “ต้นทุน” ก้อนโตที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่เม็ดเงิน แต่เป็น “ความกล้า” และ “วิสัยทัศน์” ที่ผลักดันให้เขาก้าวเข้าสู่แวดวงธุรกิจขนส่งอย่างเต็มตัว

 

4 T Express บทเรียนแรกในตลาดจีน สู่การมองเห็นโอกาสในไทย

ด้วยทุนตั้งต้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คมสันต์ได้ก่อตั้ง 4 T Express (โฟร์ ที เอ็กซ์เพรส) ในปี 2555 โดยเป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่เชี่ยวชาญการจัดส่งสินค้าจากทั่วโลกกระจายไปยังเมืองต่างๆ ในประเทศจีน ตลอดระยะเวลาประมาณ 3 ปีที่ดำเนินธุรกิจนี้ เขาไม่ได้เพียงแต่สั่งสมประสบการณ์ แต่ยังสร้างผลกำไรที่น่าทึ่งถึง 20-30 ล้านบาทต่อเดือนในรูปของเงินปันผลให้แก่หุ้นส่วน

 

ประสบการณ์ในตลาดจีนนี่เองที่ทำให้คมสันต์มองเห็น “ช่องว่าง” และ “โอกาส” มหาศาลในประเทศไทย ในราวปี 2560 เขาเริ่มศึกษาตลาดโลจิสติกส์ไทยอย่างจริงจัง และพบว่าแม้ประเทศไทยจะมีพื้นที่เล็กกว่าจีนหลายเท่า แต่ค่าขนส่งกลับแพงกว่าอย่างน่าตกใจ ยิ่งไปกว่านั้น ระบบบริการในไทยยังบังคับให้ผู้บริโภคต้องไปเข้าแถวรอส่งสินค้าที่จุดบริการ ในขณะที่จีนมีบริการรับสินค้าถึงหน้าบ้าน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าตลาดไทยยังขาดผู้เล่นที่นำเสนอบริการที่เข้าถึงง่าย สะดวก และราคาเข้าถึงได้ นี่คือวิกฤติที่คมสันต์มองเห็นเป็นโอกาสทอง

 

“แฟลช เอ็กซ์เพรส” การปฏิวัติวงการขนส่งไทย

Flash Express ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 ภายใต้โมเดลธุรกิจที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยไม่รับทั้ง “Out Source” และไม่ใช้ระบบ “แฟรนไชส์” เพื่อควบคุมคุณภาพการบริการอย่างเบ็ดเสร็จ และที่สำคัญคือการลงทุนมหาศาลกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบ “หลังบ้าน” โดยทีมไอทีของตัวเอง และวางจุดขายที่แข็งแกร่งด้วยค่าจัดส่งเริ่มต้นเพียง 19 บาท ซึ่งถือว่าถูกที่สุดในตลาด ณ เวลานั้น การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการสร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการขนส่ง และเป็นการเริ่มต้น “สงครามส่งด่วน” ในชีวิตจริง

 

สมรภูมิราคาและการพลิกฟื้น

ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา Flash Express และธุรกิจขนส่งด่วนในประเทศไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงที่สุดในประวัติการณ์ โดยผู้ให้บริการรายใหญ่และรายใหม่ต่างทุ่มงบประมาณมหาศาลในสงครามราคา เพื่อช่วงชิงปริมาณการจัดส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจากตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงวิกฤตโควิด-19 ยิ่งไปกว่านั้น แพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Shopee, Lazada และ JD Central ยังหันมาพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์ของตนเองด้วยการจัดตั้งบริษัทลูกหรือเสริมสร้างระบบขนส่งภายในองค์กร ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันในการแข่งขัน

 

ผลจากสมรภูมิราคาดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งจำนวนมากต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึง Flash Express เอง แม้จะมีรายได้แตะระดับหมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2566 (รายได้รวม 14,805 ล้านบาทในปี 2565 และ 20,093 ล้านบาทในปี 2566) แต่ก็ยังคงขาดทุนในระดับหลายร้อยถึงพันล้านบาท (ขาดทุนสุทธิ 2,186 ล้านบาทในปี 2565 และ 559 ล้านบาทในปี 2566) ซึ่งเป็นภาระต้นทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและแรงกดดันจากราคาขนส่งที่ลดต่ำลง

 

แต่ในปี 2567 Flash Express กลับสร้างผลงานโดดเด่นอีกครั้ง ด้วยการพลิกจากภาวะขาดทุนต่อเนื่อง กลับมาทำกำไรได้สูงถึง 941 ล้านบาท (จากรายได้รวม 24,729 ล้านบาท) นับเป็นครั้งที่สองที่บริษัทสามารถสร้างผลกำไรได้ หลังจากทำได้ครั้งแรกในปี 2564 การพลิกกลับมามีกำไรนี้แสดงให้เห็นถึง “พลังการฟื้นตัว” และ “การปรับตัว” ของธุรกิจในตลาดที่ยังแข่งขันอย่างเข้มข้น สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ท่ามกลางความท้าทาย

 

“คมสันต์ แซ่ลี” อาณาจักรแห่งความหลากหลาย

ชื่อของ “คมสันต์ แซ่ลี” ไม่ได้ปรากฏอยู่เพียงแค่ Flash Express เท่านั้น แต่นี่ยังเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของอาณาจักรธุรกิจที่เขาก่อร่างสร้างขึ้น คมสันต์ยังมีชื่ออยู่ในธุรกิจอีก 8 แห่ง ที่มีความหลากหลายอย่างน่าทึ่ง สะท้อนวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและไม่ยึดติดกับธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งโดยเฉพาะ ตั้งแต่ที่ปรึกษาการลงทุน (บจก.แฟลช อินคอร์ปอเรชั่น), สินเชื่อ (บจก.แฟลช พิโก), โฮลดิ้ง (บจก.แฟลช โฮลดิ้ง), ขนส่งและติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ (บจก.บัลค์ บัลค์), ขนส่งอาหารแช่แข็ง (บจก.ฟิ้วซ์ โพสต์), อสังหาริมทรัพย์ (บจก.เค พร็อพเพอร์ตี้) และให้คำปรึกษาด้านซอฟต์แวร์เกี่ยวกับระบบบริหารนิติบุคคลในที่พักอาศัย (บจก.เดอะ ลีฟวิ่ง โอเอส คอร์ปอเรชั่น)

 

ปัจจัยสู่ความสำเร็จและแรงบันดาลใจจากมหาอาณาจักรคมสันต์ แซ่ลี

เส้นทางชีวิตและธุรกิจของคมสันต์ แซ่ลี คือกรณีศึกษาที่น่าสนใจอย่างยิ่งในแวดวงสตาร์ทอัพที่ต้องเผชิญกับความท้าทายมหาศาล ซึ่งก็มีปัจจัยสำคัญหลายอย่างที่ทำให้เขาก้าวมาถึงจุดนี้ได้

 

ไม่ว่าจะเป็น การมองเห็น “Pain Point” ในตลาดอย่างเฉียบคม จุดเริ่มต้นของ Flash Express ไม่ใช่เพียงแค่ความต้องการทำธุรกิจ แต่มาจากการที่เขามองเห็นปัญหาและความไม่สะดวกสบายของผู้บริโภคในตลาดขนส่งไทยอย่างชัดเจน บริการที่เข้าถึงง่ายและราคาประหยัดซึ่งแก้ไข Pain Point เหล่านี้ได้ จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วและสามารถสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีได้อย่างรวดเร็ว

 

หรือแม้กระทั่ง ความกล้าในการ “Disrupt” โมเดลธุรกิจแบบเดิมๆ การตัดสินใจที่จะไม่ใช้ระบบ Outsource และแฟรนไชส์ ถือเป็นการลงทุนที่ต้องใช้ทุนมหาศาลและมีความซับซ้อนในการควบคุม แต่การเลือกเส้นทางนี้ทำให้ Flash Express มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและสามารถควบคุมคุณภาพการบริการได้ดีกว่าคู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ การลงทุนอย่างหนักในทีมไอทีของตัวเองเพื่อพัฒนาระบบ “หลังบ้าน” ทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความสำคัญของเทคโนโลยีในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน

 

และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ ความอดทนและ “พลังการฟื้นตัว” ใน “สงครามราคา” ภาวะขาดทุนต่อเนื่องหลายปีในตลาดขนส่งที่แข่งขันดุเดือด แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่มหาศาล และการเดิมพันที่สูง แต่การพลิกกลับมามีกำไรได้สูงถึง 941 ล้านบาทในปี 2567 ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงความสามารถในการปรับกลยุทธ์ การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และการจัดการต้นทุนภายใต้แรงกดดันที่ไม่ธรรมดา สิ่งนี้สะท้อนถึง “ความยืดหยุ่น” และ “ความแข็งแกร่ง” ขององค์กรที่ผ่านสมรภูมิหนักมาได้

 

 

ชีวิตของ “คมสันต์ แซ่ลี” จึงเป็นยิ่งกว่าเรื่องราวความสำเร็จของนักธุรกิจ แต่เป็นแรงบันดาลใจที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ความกล้าหาญ การมองเห็นโอกาสในวิกฤติ และความสามารถในการปรับตัวในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เขาคือหนึ่งในผู้สร้าง “สงครามส่งด่วน” ในชีวิตจริง และเป็นผู้พิสูจน์ให้เห็นว่า “เด็กดอย” ก็สามารถก้าวขึ้นสู่บัลลังก์เจ้าพ่อโลจิสติกส์หมื่นล้านได้อย่างภาคภูมิ ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและหัวใจที่ไม่ยอมแพ้นั่นเอง

 

 

อ้างอิงจาก:

– เว็บไซต์ของบริษัท

– กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

– กรมสรรพากร

– Agenda

– Matichon

– PPTVHD36

– workpointTODAY

 

ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่

https://linktr.ee/isan.insight

 

#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #สงครามส่งด่วน # FlashExpress #แฟลชเอ็กซ์เพรส #คมสันต์แซ่ลี

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top