SHARP ADMIN

งานวิจัยพบ คนรุ่นใหม่🤑เล่นพนันออนไลน์ในปี 2566 เกือบ 1 ใน 3 หรือกว่า 2.9 ล้านคน💸โดย แซงหน้า พนันออฟไลน์เป็นที่เรียบร้อย

ในปี 2566 มีคนรุ่นใหม่เล่นพนันออนไลน์เกือบ 3 ล้านคนแซงหน้าการเล่นพนันออฟไลน์ ไปแล้วและกว่า 1 ล้านคนระบุว่าตนเองได้รับผลกระทบจากการเล่นพนัน เมื่อพิจารณาจากประเภทการเล่นพนันพบว่าเพศชายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากการพนันสูงกว่าเพศหญิงเพราะนิยมเล่นการพนันที่มีวงจรการเล่นพนันที่สั้นกระตุ้นให้เล่นซ้ำๆต่อเนื่องเสี่ยงต่อการสร้างพฤติกรรมเสพติดพนัน    ทุกๆปีมีเด็กและเยาวชนไทยก้าวเข้าสู่การพนันในฐานะนักพนันหน้าใหม่ ตั้งต้นจากภาพฉูดฉาดว่าการพนันเป็นดั่งสวนสนุกมีเครื่องเล่นตื่นเต้นสรวญเสเฮฮากับเพื่อนๆ หากแต่เวลาแห่งความสุขไม่ได้คงอยู่นานรู้ตัวอีกทีอาจตกอยู่ในเขาวงกตไร้ทางออก ยิ่งในปัจจุบันโลกออนไลน์ตามติดชีวิตคนรุ่นใหม่ไปทุกที่การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทำให้เข้าถึงการพนันออนไลน์ได้ง่ายมากขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง รอต้อนรับนักพนันหน้าใหม่ทุกครั้งที่หยิบมือถือขึ้นมา  ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันจัดให้มีการศึกษาพฤติกรรมการเล่นพนันออนไลน์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) โดยได้ทำการสำรวจความเห็นประสบการณ์สถานการณ์พฤติกรรมและผลกระทบในแง่มุมมองต่างๆจากการเล่นพนันออนไลน์ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาในกลุ่มประชากรที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 15-25 ปีจาก 19 จังหวัดทั่วประเทศด้วยการสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้าลงระดับครัวเรือนประยุกต์ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้นและกำหนดลักษณะตัวอย่างให้สอดคล้องกับประชากรเป้าหมายจริงรวม 5,010 ตัวอย่างเก็บข้อมูลระหว่าง 20 มกราคมถึง 24 กุมภาพันธ์ 2561     “พนันออนไลน์กำลังสร้างความเสียหายให้กับคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องธุรกิจพนันกระจายตัวแทรกซึมโรคออนไลน์และมีแนวโน้มจะเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้เร็วมากขึ้นเม็ดเงินมหาศาลที่หมุนเวียนเข้าสู่อุตสาหกรรมการพนันกำลังวนกลับออกมาใช้ขยายพื้นที่การพนันในสังคมไทย” โฆษณาพนันออนไลน์เข้าถึงคนรุ่นใหม่ชวนเล่นชวนแชร์  โดยสนิทติเปิดเผยว่าคนที่เคยเห็นโฆษณาพนันออนไลน์จำนวนหนึ่งเคยแชร์หรือแนะนำให้ผู้อื่นเข้าไปเล่นพนันออนไลน์ด้วยกว่าร้อยละ 7.4 โดยช่องทางหลักคือ Line และ Facebook ที่ร้อยละ 51.2 และ 46.0 ตามลำดับ โดยคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ตระหนักถึงอันตรายของพนันออนไลน์ที่มีมากกว่าพนันแบบออฟไลน์โดยมองว่าพนันออนไลน์ทำให้คนติดง่ายขึ้นกว่าร้อยละ 75.9  ถ้าลองเล่นแล้วมีโอกาสติดง่ายกว่าร้อยละ 73.2 อีกทั้งยังมีโอกาสเสียเงินในจำนวนที่สูงกว่าการเล่นแบบออฟไลน์กว่าร้อยละ 69.1 จึงไม่น่าแปลกใจที่ส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้มีกฎหมายควบคุมการเล่นพนันออนไลน์ที่รัดกุมขึ้นอย่างไรก็ดีเมื่อถามความเห็นต่อความคิดที่ว่าโฆษณาพนันออนไลน์เป็นเรื่องปกติไม่จำเป็นต้องบล็อกหรือแจ้งหน่วยงานใดแม้คำตอบจะไม่ไปในทิศทางเดียวกันแต่ก็มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 35.3 สะท้อนว่าบางส่วนไม่ต้องการให้มีการจำกัดเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารและเชื่อว่าตนจะสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีให้ใครมาคัดกรองให้    “การพนันออนไลน์ใกล้แค่เอื้อมคนรุ่นใหม่จึงเคยเอื้อมมือไปสัมผัส”   หลายคนเคยเอื้อมมือไปสัมผัสการพนันออนไลน์มาแล้วโดยคนรุ่นใหม่กว่าร้อยละ 51.4 ระบุว่ามีประสบการณ์เคยเล่นพนัน คนรุ่นใหม่เริ่มเล่นพนันออนไลน์ครั้งแรกที่อายุเฉลี่ย 19.5 ปีอายุต่ำสุดที่เริ่มเล่นครั้งแรกคือ 12 ปี โดยกลุ่มเด็กเริ่มเล่นที่อายุเฉลี่ย 16.4 ปี และกลุ่มเยาวชน เริ่มเล่นที่อายุเฉลี่ย 20.1 ปี การพนันออนไลน์กำลังเข้าถึงคนรุ่นใหม่เร็วขึ้นเรื่อยๆโดยมากจะเริ่มเล่นครั้งแรกจาก Slot Machine กว่าร้อยละ 26.8 ตามมาด้วยหวยใต้ดินร้อยละ 21.9 สลากกินแบ่งรัฐบาลร้อยละ 17.3 และพนันไพ่ร้อยละ 14.4  โดยสิ่งที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้เข้าไปสัมผัสคือความสะดวกง่ายเล่นได้ทุกที่ทุกเวลาสามารถฝากถอนเงินจากระบบได้อย่างรวดเร็วและจำนวนไม่น้อยเริ่มเล่นเพราะเพื่อนชวนนอกจากนี้ความน่าเชื่อถือในบริการของธุรกิจพนันออนไลน์ก็ทำให้คนเริ่มตัดสินใจเริ่มเล่นรวมไปถึงการตลาดเว็บพนันออนไลน์ก็เป็นอีกเหตุผลที่ชักจูงให้เริ่มเล่นด้วยโปรโมชั่นที่น่าสนใจและรางวัลที่สูงกว่าโต๊ะพนันทั่วไป    “คนรุ่นใหม่เกือบ 3 ล้านคนเล่นการพนันออนไลน์ในรอบปี 2566 วงเงินหมุนเวียนต่อปีเกือบ 6 หมื่นล้านบาท” ผลการสำรวจการเล่นพนันในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาของกลุ่มตัวอย่างพบว่าคนรุ่นใหม่ร้อยละ 32.3 หรือคิดเป็นจำนวน 2.996 ล้านคนเล่นการพนันออนไลน์ในรอบปี 2566 ในจำนวนนี้ประมาณ 0.739 ล้านคนเป็นนักพนันออนไลน์หน้าใหม่ที่เพิ่งเล่นครั้งแรกในรอบปีที่ผ่านมา ในขณะที่กลุ่มที่เล่นพนันออฟไลน์มีอยู่ร้อยละ 30.2 หรือประมาณ 2.798 ล้านคน  เมื่อจำแนกในรายละเอียดคนรุ่นใหม่นิยมเล่นทั้งออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไปกว่าร้อยละ 20.4 ของตัวอย่างทั้งหมดหรือประมาณ 1.894 ล้านคน  ในบรรดาคนรุ่นใหม่ที่เล่นพนันออนไลน์แบ่งเป็นเด็กอายุ 15-18 ประมาณ 0.466 ล้านคนเป็นเยาวชนอายุ 19-25 ปีอีกประมาณ 2.530 ล้านคนโดยคนรุ่นใหม่เพศชายเล่นการพนันออนไลน์มากกว่าเพศหญิงอยู่พอสมควรที่ 1.765 ล้านคนและ 1.231 ล้านคนตามลำดับ  เมื่อจำแนกตามภูมิภาคพบว่าสัดส่วนคนรุ่นใหม่ที่เล่นพนันออนไลน์เมื่อเทียบกับคนรุ่นใหม่ในภาคอื่นๆมีมากที่สุดคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือรองลงมาคือภาคใต้และภาคเหนือในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันตามมาด้วยกรุงเทพฯและปริมณฑลและภาคกลาง  […]

งานวิจัยพบ คนรุ่นใหม่🤑เล่นพนันออนไลน์ในปี 2566 เกือบ 1 ใน 3 หรือกว่า 2.9 ล้านคน💸โดย แซงหน้า พนันออฟไลน์เป็นที่เรียบร้อย อ่านเพิ่มเติม »

🔎พามาเบิ่ง “โรงไฟฟ้าในอีสาน” กระจายอยู่ที่ไหนบ้าง

พามาเบิ่ง “โรงไฟฟ้าในอีสาน” กระจายอยู่ที่ไหนบ้าง . ประเทศไทยมีโรงไฟฟ้ามากถึง 100 แห่ง แล้วเคยรู้หรือไม่ว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมากแค่ไหน? ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวล, โรงไฟฟ้าพลังน้ำ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม . . . 📍ชัยภูมิ – โรงไฟฟ้า บริษัท ภูเขียว ไบโอ-เอ็นเนอร์ยี จำกัด มีกำลังการผลิต 12 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย  – โรงไฟฟ้าเขื่อนจุฬาภรณ์ มีกำลังการผลิต 40 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ พลังน้ำ . 📍นครราชสีมา – โรงไฟฟ้าเขื่อนลำตะคอง มีกำลังการผลิต 500 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ พลังน้ำ – โรงไฟฟ้า บริษัท อุตสาหกรรมโคราช จำกัด มีกำลังการผลิต 15 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย – โรงไฟฟ้า บริษัท บัวใหญ่ ไบโอ เพาเวอร์ จำกัด มีกำลังการผลิต 7.3 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ แกลบ – โรงไฟฟ้า บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด มีกำลังการผลิต 26 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย – โรงไฟฟ้า บริษัท น้ำตาลราชสีมา จำกัด มีกำลังการผลิต 34 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย . 📍บุรีรัมย์ – โรงไฟฟ้า บริษัท สตึก ไบโอแมส จำกัด มีกำลังการผลิต 7.5 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ แกลบ, เปลือกไม้ – โรงไฟฟ้า บริษัท แอ๊ดวานซ์ไบโอพาวเวอร์ จำกัด มีกำลังการผลิต 9.8 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ แกลบ, เปลือกไม้ – โรงไฟฟ้า บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด มีกำลังการผลิต 14.8 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย

🔎พามาเบิ่ง “โรงไฟฟ้าในอีสาน” กระจายอยู่ที่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

“สินภูฮ่อม” พบก๊าซธรรมชาติเพิ่ม 30 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน 🔎ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “แหล่งปิโตรเลียม” อยู่ที่ไหนบ้าง⛽️💡⚡️

“สินภูฮ่อม” พบก๊าซธรรมชาติเพิ่ม 30 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน  ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “แหล่งปิโตรเลียม” อยู่ที่ไหนบ้าง . . หากพูดถึงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ซึ่งเป็น “ต้นน้ำ” ของ อุตสาหกรรมพลังงาน นั้น ยุคบุกเบิก ปิโตรเลียม ในไทยปี 2514 รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติปิโตรเลียม เพื่อให้เอกชนทำการสำรวจแหล่งปิโตรเลียมอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น หลังจากนั้นได้ก้าวเข้าสู่ยุคโชติช่วงของการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม  . โดยเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในปี 2524 จากแหล่งก๊าซเอราวัณในอ่าวไทย และเริ่มผลิตน้ำมันดิบได้ในปี 2526 จากแหล่งสิริกิติ์ จังหวัดกำแพงเพชร ทำให้ประเทศไทยสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบในเชิงพาณิชย์ได้นับแต่นั้นมา . ประเทศไทยมีแหล่งปิโตรเลียมที่เป็นน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งแหล่งในทะเลอ่าวไทย และแหล่งบนบก โดยก๊าซธรรมชาติมีแหล่งผลิตในทะเล เช่น แหล่งเอราวัณ แหล่งบงกช แหล่งอาทิตย์ เป็นต้น และมีแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติบนบก เช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติสินภูฮ่อม จังหวัดอุดรธานี และแหล่งก๊าซธรรมชาติน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ในภาคอีสานบ้านเรานั่นเอง . . แหล่งก๊าซสินภูฮ่อม ตั้งอยู่บนแปลงสัมปทาน EU1 และ E5N ขนาดพื้นที่ 232.2 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและขอนแก่น . เริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2549 ชนิดของปิโตรเลียมที่ได้ คือ ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว โดยมีอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติ คิดเป็นสัดส่วน 3% ของปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติทั้งประเทศ โดยมีอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติเฉลี่ย 95 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และก๊าซธรรมชาติเหลว (Condensate) เฉลี่ย 200 บาร์เรลต่อวัน (ข้อมูลเดือนพฤษภาคม 2567) . ในช่วง 3 ปี 2560 – 2563 มีการจัดเก็บค่าภาคหลวงจากแหล่งก๊าซธรรมชาติสินภูฮ่อมรวม 2,425.2 ล้านบาท แบ่งเป็นการจัดสรรรายได้แผ่นดิน 970.1 ล้านบาท และจัดสรรรายได้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 1,455.1 ล้านบาท . เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ได้ขุดเจาะพบก๊าซธรรมชาติ โดยมีการประเมินอัตราการไหลของก๊าซธรรมชาติได้ที่ประมาณ 30 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งส่งผลดีต่อประเทศที่มีแหล่งพลังงานเพิ่ม สามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงานได้ท่ามกลางสภาวะความไม่แน่นอนของสถานการณ์พลังงานโลกในปัจจุบัน . . แหล่งก๊าซน้ำพอง ก่อตั้งขึ้นในปี 2522 และในปี 2533 เริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติเป็นครั้งแรก โดยมีพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมจำนวน 34.4 ตารางกิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อำเภอน้ำพอง และอำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น​ ก๊าซธรรมชาติที่ผลิตจากแหล่งดังกล่าวประมาณวันละ 15 ล้านลูกบาศก์ฟุต และถูกส่งไปเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้ประชาชนกว่าล้านครัวเรือนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ยังสร้างรายได้ให้แก่รัฐ รวมทั้งสิ้นประมาณ

“สินภูฮ่อม” พบก๊าซธรรมชาติเพิ่ม 30 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน 🔎ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “แหล่งปิโตรเลียม” อยู่ที่ไหนบ้าง⛽️💡⚡️ อ่านเพิ่มเติม »

เพราะเหตุใด? การลงทุนของจีน🇨🇳ในไทย🇹🇭 หรือการเข้ามาทำธุรกิจของจีนในไทย ถึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลกว่าชาติอื่นๆ🇮🇳🇺🇲🇯🇵🇰🇷

การที่ธุรกิจจีนได้รับการจับตามองและก่อให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้ประกอบการไทยนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากปัจจัยหลายประการที่ซับซ้อนและเกี่ยวเนื่องกัน แม้ว่าการลงทุนในประเทศไทยทั้งค่าจ้างแรงงาน ค่าเช่า ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าประเทศอื่น แต่นักลงทุนยังคงสนใจเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากศักยภาพด้านแรงงานไทยที่มีคุณภาพ และในภูมิภาคนี้ไทยคือคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของจีน จึงทำให้นักลงทุนจีนเข้ามาเปิดตลาดที่ใหญ่กว่า และเชื่อว่าคุ้มกับการลงทุน คลิกอ่านบทความก่อนหน้า มหาอำนาจ จีนกำลังลงทุนอะไรในอีสาน? จากบทสัมภาษณ์ตัวอย่างผู้ประกอบในอีสานของ ISAN Insight and Outlook พอจะสรุปสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยกังวลต่อการเข้ามาแข่งขันของธุรกิจ และการเข้ามาลงทุนของจีนในประเทศไทย และภาคอีสาน ดังนี้ การแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง: ธุรกิจจีนมักเข้ามาพร้อมกับทรัพยากรที่แข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของเงินทุน เทคโนโลยี และประสบการณ์ ทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาด ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายย่อยและรายกลางในประเทศ ราคาถูกต้นทุนต่ำ: จากข้อได้เปรียบจาก Economy of Scale การทุ่มตลาดด้วยราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน ด้วยสายป่านที่ยาวจะทำให้สงครามราคาจีนได้รับชัยชนะ ก่อนกินส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่ และควบคุมราคาขึ้น-ลง ได้ในภายหลังเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างที่ขาดทุนก่อนหน้า การนำระบบและซัพพลายเออร์จากจีนมาด้วย: การไม่พึ่งพา ห่วงโซ่อุปทาน(supply chain)ของประเทศที่เข้าไปลงทุน เช่น รถยนต์ญี่ปุ่นตั้งโรงงานประกอบในไทย อะไหล่ กระจก พลาสติก ล้วนพึ่งพาซัพพลายเออร์ในไทย รวมถึงสร้างงานและการจ้างงานให้คนในประเทศ แต่ธุรกิจจีนพึ่งพาตัวเองสูง และลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ในประเทศคู่ลงทุน เช่น เครื่องดื่ม นำเข้าวัตถุดิบจากจีน เครื่องจักรจากจีน และอาจมีการจากงานแรงงานต่างด้าวเป็นหลัก ทำให้เกิดความกังวลในการใช้ทรัพยากรของประเทศไทยแต่ผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจไม่คุ้มค่า และทำให้ SME และซัพพลายเออร์ในไทยได้รับผลกระทบ การเข้าซื้อกิจการและการควบรวมกิจการ: การที่ธุรกิจจีนเข้ามาซื้อกิจการของบริษัทไทยในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการผูกขาดตลาด การสูญเสียทรัพย์สินทางปัญญา และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจ ผลกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจ: การลงทุนของธุรกิจจีนในปริมาณมากอาจส่งผลให้โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำมาซึ่งทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและการทำงาน: ความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการทำธุรกิจและการบริหารจัดการองค์กร อาจเป็นอุปสรรคในการปรับตัวและทำงานร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการไทยและจีน แต่ที่น่ากลัวกว่าทุนจีนอย่างถูกกฎหมาย คือ การระบาดของทุนจีนเทา ที่เกิดจากการปราบปรามในจีนแผ่นดินใหญ่ จนทำให้เกิดการหลบหนี และย้ายถิ่นการตั้งสำนักงานมาในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะไทยที่มีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานและครบครัน ตัวอย่างกลุ่มอาณาจักร มาดูธุรกิจทุนจีน 10 อันดับ ได้แก่ 1. ทัวร์ศูนย์เหรียญ พามาเที่ยว มากิน มาซื้อจากร้านจีนด้วยกันเอง 2.สถานบันเทิงจีน 3. พนันออนไลน์จีน 4. อสังหาทุนจีน หมู่บ้านจีน 5. เงินกู้นอกระบบ 6. ขอทานจีนก็มา..ได้เดือนละหลายหมื่น 7. วีซ่าผิดกฎหมาย ล่าสุดเห็นพี่จีนขายสัญชาติกันแล้ว 8. ผลิตสินค้าปลอม อันนี้ถนัดเรียกว่าปลอมแท้จริง 9. ขนส่งศูนย์เหรียญที่ทำให้ขนส่งไทยจอดนอนตายรอไฟแนนซ์มายึด 10. คอลเซ็นเตอร์จีน อย่างไรก็ตาม การมองธุรกิจจีนในแง่ลบเพียงอย่างเดียวอาจไม่ครอบคลุมภาพรวมทั้งหมด การเข้ามาของธุรกิจจีนก็ได้นำมาซึ่งโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การถ่ายทอดเทคโนโลยี การสร้างงาน และการขยายตลาดส่งออก เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของตนเอง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจที่เหมาะสม นอกจากนี้ รัฐบาลควรมีนโยบายที่ส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนาธุรกิจของคนไทยควบคู่ไปกับการเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ

เพราะเหตุใด? การลงทุนของจีน🇨🇳ในไทย🇹🇭 หรือการเข้ามาทำธุรกิจของจีนในไทย ถึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลกว่าชาติอื่นๆ🇮🇳🇺🇲🇯🇵🇰🇷 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🥇🥈🥉ความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ 🇹🇭 สุดยอดนักกีฬาผู้พิชิตเหรียญ โอลิมปิก 2024 และ สรุปผลการแข่งขัน #โอลิมปิก2024

พามาเบิ่ง🥇🥈🥉ความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ 🇹🇭สุดยอดนักกีฬาผู้พิชิตเหรียญ โอลิมปิก 2024 . สรุปผลการแข่งขัน #โอลิมปิก2024 ขอขอบคุณนักกีฬาไทย ผู้ฝึกสอน และผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน ที่สร้างผลงานและชื่อเสียงให้ประเทศไทยในมหกรรมโอลิมปิก 2024 ทุกคนเก่งมาก 👏👏 🥇1 เหรียญทอง 🥈3 เหรียญเงิน 🥉2 เหรียญทองแดง ยินดีกับนักกีฬาทุกคนที่คว้าเหรียญรางวัล 🥇🥈🥉และส่งกำลังใจให้นักกีฬาที่ไม่ได้เหรียญรางวัล คุณเก่งมากๆ เดินหน้าพัฒนาต่อไป เพื่อคนที่คุณรักและแฟนกีฬาทุกคน . 🥋เทควันโด 🥇พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ // เหรียญทอง 👏บัลลังก์ ทับทิมแดง // ตกรอบ 16 คนสุดท้าย 👏ศศิกานต์ ทองจันทร์ // ตกรอบชิงเหรียญทองแดง รอบแรก _____________________________________________________________________ 🥊มวยสากล 🥉จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง (66 กก.หญิง) // เหรียญทองแดง 👏ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด (51 กก.ชาย) // ตกรอบ 16 คนสุดท้าย 👏บรรจง สินศิริ (63 กก.ชาย) // ตกรอบ 8 คนสุดท้าย 👏วีระพล จงจอหอ (80 กก.ชาย) // ตกรอบ 32 คนสุดท้าย 👏จุฑามาศ รักสัตย์ (50 กก.หญิง) // ตกรอบ 8 คนสุดท้าย 👏จุุฑามาศ จิตรพงศ์ (54 กก.หญิง) // ตกรอบ 16 คนสุดท้าย 👏ธนัญญา สมนึก (60 กก.หญิง) // ตกรอบ 32 คนสุดท้าย 👏ใบสน มณีก้อน (75 กก.หญิง) // ตกรอบ 16 คนสุดท้าย _____________________________________________________________________ 🏋️‍♂️ยกน้ำหนัก 🥈ธีรพงศ์ ศิลาชัย (61 กก.ชาย) // เหรียญเงิน 🥈วีรพล วิชุมา (73 กก.ชาย) // เหรียญเงิน 🥉สุรจนา คำเบ้า (49 กก.หญิง) // เหรียญทองแดง 👏ดวงอักษร ใจดี (+81 กก.หญิง)

พามาเบิ่ง🥇🥈🥉ความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ 🇹🇭 สุดยอดนักกีฬาผู้พิชิตเหรียญ โอลิมปิก 2024 และ สรุปผลการแข่งขัน #โอลิมปิก2024 อ่านเพิ่มเติม »

มหาอำนาจ จีนกำลังลงทุนอะไรในอีสาน?

จับตา “ทุนจีน”รุกหนัก สร้างนอมินีถือหุ้นลงทุนและเดินเกมทุ่มตลาด หากไทยยังไม่ตื่นตัวจะไม่ทันการณ์ นักวิชาการแนะเร่งพัฒนาทักษะแรงงานสู้ ผลิตสินค้าที่จีนยังไม่มีและทำไม่ได้ ผศ.ประเสริฐ วิจิตรนพรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวางแผน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น การเข้ามาลงทุนในไทยของ 2 ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา และจีนนั้น ผศ.ประเสริฐ วิจิตรนพรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวางแผน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มองว่า ส่วนใหญ่การเข้ามาลงทุนของทั้ง 2 ประเทศจะอยู่ในพื้นที่การท่องเที่ยว พื้นที่อุตสาหกรรม โดยเฉพาะจีน เลือกลงทุนในพื้นที่ท่องเที่ยวเป็นหลัก เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ในรูปแบบของร้านอาหาร ทัวร์และที่พัก เป็นต้น ขณะที่สหรัฐอเมริกาเข้ามาลงทุนในด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก “ภาคอีสานจะต่างออกไป ตลาดการท่องเที่ยวที่ยังไม่โดดเด่น พื้นที่การลงทุนที่เข้ามาเป็นปกติมีแต่เดิมอยู่แล้ว เพิ่มเติมจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการค้าการลงทุน คือ จังหวัดขนาดใหญ่ จังหวัดติดชายแดน และจังหวัดที่มีรถไฟเชื่อมต่อไปยังประเทศอื่น ๆ การเข้ามาลงทุนในภาคอีสานจึงมาในรูปแบบภาคการผลิต เช่น โรงงานน้ำตาล การขนส่ง บรรจุภัณฑ์ ที่มีความเชื่อมโยงการโครงสร้างของเศรษฐกิจอีสาน การลงทุนของอเมริกาและจีนจะลงทุนต่างกัน อเมริกาเน้นการลงทุนด้านเทคโนโลยี แต่มูลค่าการลงทุน ก็ยังไม่มากเมื่อเทียบกับภูมิภาคหรือประเทศอื่น ผศ.ประเสริฐ ยังบอกอีกว่า กระแสการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาตินั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจจะทำให้ผู้ประกอบการไทยได้รับผลกระทบ บางส่วนอาจยุติปิดกิจการ ผู้ประกอบการไทยหายไป ถือเป็นปรากฎการณ์กลไกด้านการแข่งขัน แต่สิ่งสำคัญคือ ผู้ประกอบการไทยต้องมีการปรับตัวทั้งด้านสินค้า บริการ และต้องหาวิธีเพิ่มมูลค่าสินค้า ไม่เน้นการแข่งเรื่องราคา พัฒนาสินค้าให้มีความเฉพาะ มีความพิเศษ การรักษามาตรฐานสินค้า การบริการหลังการขาย เป็นต้น เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในสินค้าเกิดการใช้ต่อ ใช้ซ้ำ และรักษาคุณภาพสินค้า ส่วนในระยะยาวผู้ประกอบการต้องมีการวางแผนทั้งการคิดค้นวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มีความชัดเจนเชิงยุทธศาสตร์แต่ละจังหวัด “นอกจากผู้ประกอบการไทยแล้ว หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ควรมีมาตรการรองรับช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยในระยะสั้นควรเข้ามาดูแลความเหมาะสมของการเข้ามาลงทุนว่ามีความเป็นธรรมหรือไม่ ออกแบบการลงทุนในระหว่างที่มีการเตรียมตัว ในระยะยาวหากปล่อยให้ผู้ประกอบการไทยจัดการกันเอง จะทำให้โดดเดี่ยว สู้ไม่ไหว และล้มหายออกจากระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวม ควรผลักดันผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในธุรกิจ” แม้ว่าการลงทุนในประเทศไทยทั้งค่าจ้างแรงงาน ค่าเช่า ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าประเทศอื่น แต่นักลงทุนยังคงสนใจเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากศักยภาพด้านแรงงานไทยที่มีคุณภาพ และในภูมิภาคนี้ไทยคือคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของจีน จึงทำให้นักลงทุนจีนเข้ามาเปิดตลาดที่ใหญ่กว่า และเชื่อว่าคุ้มกับการลงทุน ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในปี 2566 ประเทศไทยมีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนรวมกว่า 916,475 ล้านบาท แล้วรู้หรือไหมว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนมากแค่ไหน?.โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเรามีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนกว่า 6,551 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.7% ของมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนทั้งหมดในประเทศ.   5 อันดับจังหวัดที่มีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนมากที่สุด – นครราชสีมา มีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนกว่า 2,271 ล้านบาท– กาฬสินธุ์ มีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนกว่า 828 ล้านบาท– อุบลราชธานี มีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนกว่า 793 ล้านบาท– อุดรธานี มีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนกว่า 534 ล้านบาท– เลย มีมูลค่าการร่วมลงทุนกับนักลงทุนจีนกว่า 525 ล้านบาท

มหาอำนาจ จีนกำลังลงทุนอะไรในอีสาน? อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง “สุราท้องถิ่นแดนอีสาน” มีมากแค่ไหนในแต่ละจังหวัด

“สุรา” ก้าว(หน้า)ไปทางไหน ? . “สุราก้าวหน้า” เป็นโยบายที่หวังสร้างรายได้ขยายการเติบโตของ SME รายย่อยของไทย โดยการแก้ พ.ร.บ.สรรพสามิต เปิดทางให้การผลิตเหล้าเบียร์ทำได้อย่างเปิดกว้างมากขึ้น ลดการผูกขาดของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อย สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ และสามารลดการผูกขาดธุรกิจสุราในกลุ่มนายทุนใหญ่เพียงไม่กี่กลุ่ม . . สุรากลั่นท้องถิ่นในภาคอีสาน . รายได้และการจำหน่ายสุรากลั่นท้องถิ่นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับการท่องเที่ยว เนื่องจากรูปแบบการจัดจำหน่ายที่ยังถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ผู้ผลิตเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายหน้าร้านโดยตรง การจำหน่ายในลักษณะนี้จำกัดโอกาสในการเข้าถึงตลาดกว้างขวาง อีกทั้งการผลิตสุรากลั่นท้องถิ่นยังคงไม่สามารถผลิตในปริมาณมากและมีราคาที่ถูกกว่าสุรากลั่นจากแบรนด์ใหญ่ในตลาดได้ ส่งผลให้ตลาดสุรากลั่นท้องถิ่นยังไม่สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงได้ในเร็ว ๆ นี้ รายได้ของสุรากลั่นท้องถิ่นจึงยังคงขึ้นอยู่กับกระแสการบริโภคของนักดื่มเป็นหลัก นอกจากนี้ ความจำเป็นในการพัฒนารสชาติและการตลาดอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเพื่อรักษาความน่าสนใจในตลาด แตกต่างจากแบรนด์ใหญ่ที่มีโอกาสติดตลาดได้ง่ายกว่าและสามารถจัดจำหน่ายได้อย่างทั่วถึง ซึ่งส่งผลให้แบรนด์ใหญ่มีรายได้ที่มั่นคงและสามารถคาดการณ์ได้มากกว่าสุรากลั่นท้องถิ่น . โดยสินค้าเกษตรที่นิยมนำไปใช้ผลิตสุรากลั่นในภาคอีสาน ได้แก่ ข้าวเหนียว และ อ้อย ซึ่งเป็นผลผลิตที่นิยมปลูกเป็นอย่างมากในภาคอีสาน ถ้าหากนำผลผลิตทางการเกษตรที่ไม่ได้ก่อให้เกิดมูลค่าส่งให้แก่โรงกลั่นเพื่อผลิตสุรากลั่นท้องถิ่นจะเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร . และธุรกิจสุรากลั่นท้องถิ่นจะส่งผลในทางบวกต่อ supply chian ทั้งต้นน้ำอย่างเกษตรกร และปลายน้ำอย่างร้านอาหารที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นหลัก . . ในปัจจุบันอุตสาหกรรมเบียร์ในบ้านเราเกือบทั้งหมดถูกครอบครองโดยผู้ผลิตรายใหญ่เพียง 2 รายเท่านั้น คือ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันราว 95% ของปริมาณจำหน่ายเบียร์ทั้งหมดในประเทศ  . ในขณะที่อุตสาหกรรมสุรา มีการแข่งขันที่น้อยกว่าเบียร์มาก เนื่องจากมีข้อจำกัดของกฎหมายที่ส่งผลให้ผู้ผลิตรายใหม่เข้าสู่ธุรกิจได้ยาก และถึงแม้จะเข้ามาได้ก็ไม่สามารถที่จะแข่งขันได้ ตลาดจึงถูกผูกขาดโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 80% ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีผลิตภัณฑ์สุราสำหรับตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกระดับกว่า 30 แบรนด์ . ปัจจุบัน ทิศทางของนโยบายสุราก้าวหน้ายังไม่แน่ชัดว่า ท้ายที่สุดจะไปทางไหน แต่ข้อกังวลและความท้าทายที่ละเลยไม่ได้ คือ การควบคุมการบริโภค โดยเฉพาะในเยาวชน รวมทั้งการติดตามและเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงของการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทย โดยเฉพาะการดื่มในระดับอันตราย การดื่มแล้วขับขี่ยานพาหนะ และผลกระทบทางสุขภาพระยะยาวที่อาจจะเป็นผลเกิดขึ้นตามมา จากการเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบทางสุขภาพกาย สุขภาพจิตและภาวะทางอารมณ์ รวมไปถึงสุขภาพสังคมด้วยเช่นกัน . . ในปัจจุบันสุราท้องถิ่นแดนอีสานมีการกระจายอยู่ทั่วภาคอีสาน ดังนี้ 📍กาฬสินธุ์ – พัวร์ (PUR) – สุราตรางูทอง 📍ขอนแก่น – คูน (Koon) 📍ชัยภูมิ – The Spirit of Chaiyaphum  – ไร่ฟ้าเปลี่ยนสี เหล้าเตยหอม  – Spirit of Laen kha 📍นครพนม – เหล้าอุเรณูนคร 📍นครราชสีมา – Red jungle  📍บุรีรัมย์

พามาเบิ่ง “สุราท้องถิ่นแดนอีสาน” มีมากแค่ไหนในแต่ละจังหวัด อ่านเพิ่มเติม »

เทียบโครงสร้างประชากรไทย ในอีก 20 ปีข้างหน้า ในวันที่คนไทยเหลือ 60 ล้านคน

ฮู้บ่ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเหลือประชากรเพียง 60 ล้านคนเท่านั้น . #โลกในขณะที่ประชากรโลกกำลังเพิ่มช้าลง จำนวนและสัดส่วนของประชากรสูงอายุกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปี พ.ศ.2565 ทั่วทั้งโลกมีประชากรสูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มากถึง 1,109 ล้านคนคิดเป็นร้อยละ 14 ของประชากรโลก 8,000 ล้านคน . #อาเซียน ในปี พ.ศ.2565 มี 7 ใน 10 ของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” ที่มีสัดส่วนของประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกินกว่าร้อยละ 10 เหลือเพียง 3 ประเทศได้แก่ลาวกัมพูชาและฟิลิปปินส์เท่านั้นที่ยังไม่เป็นสังคมผู้สูงอายุ . #ประเทศไทย ปี 2564 เป็นครั้งแรกที่อัตราการเกิดของเด็กไทยต่ำกว่าอัตราการตาย และอัตราการเกิดมีเเนวโน้มลดลงในทุกๆ ปีเเละคาดการณ์ว่าจะลดลงโดยไม่มีทีท่าจะเพิ่มขึ้น ผนวกกับอัตราการตายที่ลดลง ทำให้อัตราการเปลี่ยนเเปลงของประชากรตามธรรมชาติมีเเนวโน้มลดลงตามไปด้วย ซึ่งการที่อัตราการเปลี่ยนเเปลงของประชากรตามธรรมชาตินี้ลดลง ทำให้ประชากรในอนาคตจะมีอายุเฉลี่ยที่มากขึ้นเรื่อยๆ . จากวิถีชีวิตของหนุ่มสาวที่เปลี่ยนไป สถานะภาพทางสังคม และการศึกษาที่สูงขึ้น ผู้หญิงอยู่เป็นโสดมากขึ้น ทำงานนอกบ้านมากขึ้น แต่งงานช้าลง ความต้องการมีบุตรลดลง และผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์มีจำนวนน้อยลง ทำให้อัตราการเกิดลดต่ำลง และก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ #สังคมคนโสด โดยสัดส่วนคนโสดของประชากรวัยเจริญพันธุ์(อายุ 15-49 ปี) เป็นโสดกว่า 40.5% และหากเจาะจงเฉพาะ ช่วงอายุ 15-25 ปี เป็นโสดมากถึง 50.9% . ปัจจุบันสัดส่วนผู้สูงอายุของภาคกลาง และภาคเหนือ อยู่ในระดับสูง บางจังหวัดอยู่ในภาวะสังคมผู้สูงอายุ เกิน 25% ของประชากร . #อีสาน 𝗜𝗦𝗔𝗡 𝗣𝗼𝗽𝘂𝗹𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสานมีประชากรมากถึง 21.7 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ โดยภาคอีสานมีสัดส่วนเฉลี่ยรวมผู้สูงอายุกว่า 17.80% ของประชากรทั้งหมด และหากมองเทียบในระดับภูมิภาค ภาคอีสานมีสัดส่วนผู้สูงอายุน้อยเป็นรองเพียงภาคใต้เท่านั้น . ประเทศที่มีประชากรลดลง และเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เผชิญกับ ผลกระทบ ดังนี้ ด้านเศรษฐกิจ แรงงานลดลง: ส่งผลต่อภาคการผลิต ภาคบริการ เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว ขาดแคลนแรงงานทักษะสูง: ส่งผลต่อการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น: เงินบำนาญ สวัสดิการผู้สูงอายุ การบริโภคภายในประเทศลดลง: กำลังซื้อลดลง การออมและการลงทุนลดลง: กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ . ด้านสังคม ปัญหาครอบครัว: ผู้สูงอายุอยู่คนเดียว ภาระดูแลผู้สูงอายุตกอยู่กับคนรุ่นหลัง ปัญหาสุขภาพ: โรคเรื้อรัง อุบัติเหตุ ปัญหาช่องว่างระหว่างวัย: ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ ปัญหาอาชญากรรม:

เทียบโครงสร้างประชากรไทย ในอีก 20 ปีข้างหน้า ในวันที่คนไทยเหลือ 60 ล้านคน อ่านเพิ่มเติม »

เปิดประวัติ “เวฟ” วีรพล วิชุมา หนุ่มพลังช้างจาก สุรินทร์ เหรียญเงินที่ 3 ของไทย จากยกน้ำหนักชาย รุ่น 73 กก.

ภาพจาก AFP/Miguel MEDINA“เวฟ” วีรพล วิชุมา จอมพลังไทย ยกผ่านแบบไร้ปัญหา   โดยผลงาน  “เวฟ” วีรพล ในระดับประเทศในปี 2020  คว้า 3 เหรียทอง ทั้งในการแข่งขัน EGAT ยุวชนชิงแชมป์แห่งประเทศไทย และในรายการ EGAT เยาวชนชิงแชมป์แห่งประเทศไทย ส่วนในปี 2021 คว้า 3 เหรียญทองในการแข่งขัน EGAT เยาวชนชิงแชมป์แห่งประเทศไทย ส่วนในระดับนานาชาติ ปี 2021 คว้า  3 เหรียญทอง ในศึกยกน้ำหนักยุวชนชิงแชมป์โลก ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในปี 2022 คว้า 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงินในศึกยกน้ำหนักเยาวชนชิงแชมป์โลก รวมถึง 3 เหรียญทอง ในศึกยกน้ำหนักยุวชนชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ที่ประเทศอุซเบกิสถาน และอีก 3 เหรียญทองแดง ในศึกชิงแชมป์โลก ที่ประเทศโคลอมเบีย จากนั้นในปี 2023 คว้า 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงิน ในศึกชิงแชมป์เอเชีย ที่เมืองจินจู  ประเทศเกาหลีใต้ และคว้า 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ในศึกชิงแชมป์โลกแห่งโลก ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย และล่าสุด เหรียญเงิน ในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน   ภาพจาก การกีฬาแห่งประเทศไทยวีรพล วิชุมา ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการมาโอลิมปิก 2024 ที่ฝรั่งเศส   โดยในโอลิมปิกครั้งแรก “เวฟ” วีรพล ก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการคว้าเหรียญเงิน ในรุ่น 73 กก.ชาย จากผลงานท่าสแนตช์ 148 กิโลกรัม คลีนแอนด์เจิร์ก 198 กิโลกรัม (ทำลายสถิติเยาวชนโลก) น้ำหนักรวม 346 กิโลกรัม “เวฟ” วีรพล จะมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 10 ส.ค.2567 เป็นจอมพลังจาก จ.สุรินทร์ ก่อนจะคว้าเหรียญในโอลิมปิกหนนี้ได้สำเร็จ เขาเคยทำผลงานที่ยอดเยี่ยมมาแล้ว ด้วยการคว้า 2 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงิน จากยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ปี 2566 ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย “วีรพล” ยังเป็น เจ้าของเหรียญเงิน

เปิดประวัติ “เวฟ” วีรพล วิชุมา หนุ่มพลังช้างจาก สุรินทร์ เหรียญเงินที่ 3 ของไทย จากยกน้ำหนักชาย รุ่น 73 กก. อ่านเพิ่มเติม »

บึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ของประเทศไทยที่ไม่ธรรมดา

บึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ของประเทศไทยที่ไม่ธรรมดา  เมืองส่งออกยางพารา สู่ดินแดนการท่องเที่ยวสายมู . . บึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ของประเทศไทย ที่ทุกคนรู้กันว่าเป็นจังหวัดที่ 77 ของประเทศ โดยบึงกาฬก่อตั้งในปี 2554 ซึ่งถือว่าก่อตั้งมา 13 ปีแล้ว .  แต่รู้หรือไม่ว่าจังหวัดน้องใหม่จังหวัดนี้มีรายได้ต่อหัวสูงเป็นอันดับ 7 ของภาคอีสาน ซึ่งมากกว่าจังหวัดใหญ่ๆบางจังหวัดเสียอีก ถึงแม้มูลค่าทางเศรษฐกิจของจังหวัดบึงกาฬจะเป็นอันดับที่ 17 ของภาคอีสาน . ทำไมจังหวัดที่มีมูลค่าเศรษฐกิจอันดับที่ 17 ของภูมิภาค ถึงกลายเป็นจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวมากเป็นอันดับ 7 ในภาคอีสาน ? . อีสานอินไซต์จะพาไปเบิ่ง . . บึงกาฬ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนสุดของไทย ซึ่งก่อตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติให้เป็นจังหวัดบึงกาฬ เมื่อปี พ.ศ. 2554 เป็นพื้นที่ที่แยกออกมาจาก อำเภอบึงกาฬ อำเภอเซกา อำเภอโซ่พิสัย อำเภอบุ่งคล้า อำเภอบึงโขงหลง อำเภอปากคาด อำเภอพรเจริญ และ อำเภอศรีวิไล จากการปกครองของจังหวัดหนองคาย ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย .  โดยบึงกาฬมีพื้นที่ 4,305 ตารางกิโลเมตร ใหญ่เป็นอันดับที่ 17 ของภาคอีสาน และมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 400,000 คน โดยจัดเป็นอันดับที่ 18 ของภูมิภาค . ถึงแม้จะเป็นจังหวัดที่มีประชากรเพียงไม่กี่แสนคน และมีมูลค่าเศรษฐกิจในอันดับที่ 17ของภาคอีสาน . แต่ถ้าหากลองมาดู รายได้ต่อหัวในปี 2565 จะพบว่า บึงกาฬ มีรายได้ต่อหัว 89,033 บาท เป็นรองเพียงแค่นครราชสีมา ขอนแก่น เลย หนองคาย อุดรธานี และนครพนม ซึ่งมากกว่าหลายๆจังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าบึงกาฬ  . ปัจจัยที่ทำให้ บึงกาฬ มีรายได้ต่อหัวอยู่ในลำดับต้นๆของภูมิภาค มีตั้งแต่ – เป็นแหล่งเพาะปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันที่สำคัญของภาคอีสาน – มีแหล่งท่องเที่ยวเกี่ยวกับความเชื่อและสายมูที่มีชื่อเสียง – มีชายแดนที่ติดกับประเทศลาว . . แหล่งเพาะปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันที่สำคัญของภาคอีสาน เมื่อพูดถึงแหล่งเพาะปลูกยางพาราที่สำคัญของประเทศ ภาคอีสานของเราถือว่าเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญภาคหนึ่ง จากการที่สามารถเพาะปลูกยางพาราได้ผลผลิตกว่า 1.3 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วน 27.7% ของผลผลิตยางพาราทั้งหมดในประเทศ โดยเป็นรองเพียงแค่ภาคใต้เท่านั้น . ซึ่งในปี 2565 จังหวัดบึงกาฬ ถือเป็นจังหวัดที่มีผลผลิตการเพาะปลูกยางพารามากทึ่สุดในภาคอีสาน อยู่ที่ 208,035 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 15.6% อีกทั้งมีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่สูงที่สุดในภาคอีสาน และสูงที่สุดของประเทศด้วย โดยมีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่อยู่ที่ 248 กิโลกรัม/ไร่ . และเมื่อดูสัดส่วนมูลค่าทางเศรษฐกิจ ภาคเกษตรกรรมมีมูลค่ามากที่สุด

บึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ของประเทศไทยที่ไม่ธรรมดา อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top