June 2022

เกษตรกรเตรียมรับราคาปุ๋ยแพง หลังกระทรวงพาณิชย์ไฟเขียวขึ้นราคา

เกษตรกรเตรียมรับราคาปุ๋ยแพง หลังกระทรวงพาณิชย์ไฟเขียวขึ้นราคา   การนำเข้าปุ๋ยเคมีของไทย มีประมาณ ปีละ 5 ล้านตัน เป็นการนำเข้าจาก จีน ซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย-เบลารุส แคนาดา เยอรมนี เบลารุส รัสเซีย ตะวันออกกลาง ยูเออี เป็นต้น  ราคาปุ๋ยในตลาดโลกปรับสูงขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว จนถึงต้นปี 2565 ที่รัสเซียประกาศยึดยูเครนและค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง ยิ่งทำให้ราคาปุ๋ยปรับเพิ่มสูงขึ้นอีกเท่าตัว    ซึ่งประเทศไทยพึ่งพาการนำเข้าปุ๋ยจากต่างประเทศเกือบ 100%  โดยในช่วงที่ผ่านมาผู้ค้าปุ๋ยเคมีบางราย มีการชะลอนำเข้าเนื่องจากประสบปัญหาการขาดทุนเนื่องจากไม่สามารถปรับราคาได้เพราะปุ๋ยเป็นสินค้าควบคุม ทางผู้ค้าปุ๋ยได้มีการยื่นเรื่องของปรับราคาปุ๋ยมาเป็นระยะๆแล้ว สุดท้ายกรมการค้าภายในก็ไฟเขียวให้ปรับราคาปุ๋ยหน้าโรงงานหลายสูตรตามที่ผู้ผลิต ผู้นำเข้าเสนอมา   ทั้งนี้ก่อนหน้าเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านทางกลุ่มผู้ค้าและผู้ผลิตปุ๋ยไทย ระบุว่า  กรมการค้าภายในได้อนุญาตให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายปุ๋ยเคมี ทยอยปรับขึ้นราคาหน้าโรงงานแล้ว ตามต้นทุนแม่ปุ๋ย และค่าขนส่งปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี  ซึ่งจะทำให้ราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมีในฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ ที่กำลังมาถึงนี้มีราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20-30% จากต้นปี   จากข้อมูลเว็ปไซต์สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รายงานราคาปุ๋ยเคมีสูตรสำคัญ ตั้งแต่ ม.ค.-พ.ค. พบว่า  ราคาปุ๋ยเคมีสูตรสำคัญมีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาขายปลีกท้องถิ่นของเดือนพ.ค.  ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 ราคา  27,200  บาทต่อตัน แม่ปุ๋ยสูตร 18-46-0 ราคา 25,204 บาทต่อตัน ปุ๋ยสูตร  16-20-0 ราคา 20,313 บาทต่อตัน   ส่งผลให้เกษตรกรต้องมีต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้ต้องปรับราคาของผลผลิตที่ได้สูงขึ้น ผู้บริโภคคนไทยต้องเตรียมรับมือสินค้าเกษตรแพงและการขาดแคลนตลาดอีกด้วย     อ้างอิงจาก : สำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร https://www.bangkokbiznews.com/business/1012009  https://www.bangkokbiznews.com/news/1006058  https://www.thansettakij.com/economy/519298    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #น้ำตาล #ปุ๋ยแพง #ราคาปุ๋ย #ปุ๋ยเคมี

“ เงินบาทอ่อนค่า ” ที่ 35.45 บาท/ดอลลาร์ ทำสถิติครั้งใหม่รอบ 5 ปีครึ่ง

“ เงินบาทอ่อนค่า ”  ที่ 35.45 บาท/ดอลลาร์ ทำสถิติครั้งใหม่รอบ 5 ปีครึ่ง    ค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มอ่อนค่า หลังทำสถิติครั้งใหม่รอบ 5 ปีครึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามแรงเทขายหุ้นและพันธบัตรของนักลงทุนต่างชาติ   นายพูน พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาด ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดที่ระดับ 35.45 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 35.49 บาทต่อดอลลาร์    อีกทั้งยังมองว่ากรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.20-35.65 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทของวันที่ 27 มิ.ย. 2565  คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.35-35.55 บาทต่อดอลลาร์ โดยเฉพาะในกรณีที่ กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายนักลงทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่องในจังหวะที่ตลาดพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยง   ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า  เงินบาทอ่อนค่า ลงเกือบตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้เงินดอลลาร์ฯ จะเผชิญแรงขายจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันต่อรัฐสภาสหรัฐว่า เฟดมุ่งมั่นที่จะจัดการกับปัญหาเงินเฟ้ออย่างไม่มีเงื่อนไขเพื่อให้เงินเฟ้อสหรัฐฯ กลับเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% แต่ก็ยอมรับว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะถดถอย   ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทอาจถูกชะลอด้วยแรงขายของผู้ส่งออกที่ต่างรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่า  นอกจากนี้ หากราคาทองคำมีการดีดราคาขึ้นมา ก็อาจมีกระแสในการทำกำไรทองคำ ซึ่งจะช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้เช่นกัน ส่วนความกังวลแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องรุนแรง ยังมองว่า เงินบาทจะยังไม่อ่อนค่าทะลุระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ง่าย หากตลาดไม่กังวลการเริ่มใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้งในบางพื้นที่ของจีน จนหันมาเทขายสินทรัพย์ฝั่ง EM Asia ทั้งหุ้นและพันธบัตรอย่างรุนแรง   อีกทั้ง ธนาคารกสิกรไทย ประเมิน จากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีความจำเป็นในการขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากหากปล่อยไว้ จะยิ่งทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า และ ยิ่งเร่งเงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่า ธปท. ได้เข้าไปแทรกแซงค่าเงินเฉลี่ยสัปดาห์ละ 3,000-5,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 106,000-177,500 ล้านบาท) เพื่อช่วยพยุงไม่ให้เงินบาทอ่อนค่า หรือ ผันผวนเกินไป โดยรวม ๆ มีการใช้เงินเข้าไปดูแลแล้วราว 1 แสนล้านดอลลาร์ ในช่วงที่เงินบาทผันผวน เพราะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น คาดว่าในปีนี้จะปรับขึ้น 2 ครั้ง (ในเดือนสิงหาคม และพฤศจิกายน)      อ้างอิงจาก: https://www.bangkokbiznews.com/business/1012154  https://www.prachachat.net/finance/news-963294  https://www.tnnthailand.com/news/wealth/117557/    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #เงินบาทอ่อนค่า

ชวนเบิ่ง จังหวัดใด๋มีการจดนิติบุคคลที่จัดตั้งใหม่ ในปี 2564 หลายกว่าหมู่

ชวนเบิ่ง จังหวัดใด๋มีการจดนิติบุคคลที่จัดตั้งใหม่ ในปี 2564 หลายกว่าหมู่   ก่อนอื่น ISAN Insight & Outlook จะพามาดูธุรกิจ “แบบนิติบุคคล” ว่าคืออะไร   การจดนิติบุคคล คือ การจดทะเบียนการดำเนินกิจการรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงจากการดำเนินกิจการในลักษณะบุคคลธรรมดา กลายมาเป็นการดำเนินการในรูปแบบที่มีการจดทะเบียน ซึ่งสามารถจดทะเบียนนิติบุคคลได้ทั้งห้างหุ้นส่วนหรือจะเป็นบริษัทจำกัด โดยการจดนิติบุคคลในรูปแบบบริษัทจำกัดเป็นรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก   การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจของภาคอีสานในปี 2564 มีจำนวน 11,857 ราย เพิ่มขึ้น 50.80% จากปี 2563 เนื่องจากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน รวมทั้งการระดม ฉีดวัคซีนให้กับประชาชน และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการ มีความเชื่อมั่นในการดําเนินธุรกิจมากขึ้น    โดยภาคอีสานยังเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ และธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่อันแรก คือ ก่อสร้างอาคารทั่วไป รองลงมา คือ ขนส่งและขนถ่ายสินค้า(รวมถึงคนโดยสาร) และการปลูกข้าว  5 อันดับจังหวัดที่มีนิติบุคคลที่จัดตั้งใหม่สูงสุด อันดับที่ 1 นครราชสีมา 1,814 ราย อันดับที่ 2 ขอนแก่น 1,698 ราย อันดับที่ 3 อุบลราชธานี 982 ราย อันดับที่ 4 อุดรธานี 908 ราย อันดับที่ 5 บุรีรัมย์ 680 ราย   นครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีการจัดตั้งนิติบุคคลสูงสุด เนื่องจากเป็นจังหวัดสำคัญในการขับเคลื่อน เศรษฐกิจ โดยเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทั้งด้านเทคโนโลยี เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว และการคมนาคม ส่งผลให้ภาพรวมของผลประกอบมีแนวโน้มเติบโตและมีทิศทางที่ดี   และอีกหนึ่งสาเหตุ คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ประกอบการทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของจังหวัด และสร้างความคึกคักให้แก่เมืองโคราช ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญที่จะทำให้เมืองโคราชสามารถเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความแข็งแกร่ง    ทั้งนี้ผู้ประกอบการหลายธุรกิจได้ปรับตัวให้เข้ากับการดําเนินชีวิตวิถีใหม่ (New normal) และการทํางานจากที่บ้าน (Work from home) มีธุรกิจบางประเภทที่ได้รับประโยชน์ จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้จำนวนการจดทะเบียนในปี 2564 เพิ่มขึ้น   อย่างไรก็ตามในช่วงปลายปี 2564 สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและของโลกยังคง ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สายพันธุ์โอมิครอนที่ส่งผลต่อการจํากัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ และการค้าระหว่างประเทศ    แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2565  สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้คาดการณ์การขยายตัว ทางเศรษฐกิจของไทยไว้ที่ 3.5 – 4.5 % โดยคาดว่าการบริโภคภายในประเทศจะเป็นตัวสนับสนุนที่สําคัญ ในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จากมาตรการการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล ในขณะที่ภาคบริการจะได้รับแรงสนับสนุนที่สําาคัญจากการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่นวต่างชาติ ประมาณ …

ชวนเบิ่ง จังหวัดใด๋มีการจดนิติบุคคลที่จัดตั้งใหม่ ในปี 2564 หลายกว่าหมู่ อ่านเพิ่มเติม »

จังหวัดที่มีรายได้ จากการผลิตน้ำตาลบริสุทธิ์ มากที่สุดในอีสาน (ข้อมูลปี 2563)

จังหวัดที่มีรายได้ จากการผลิตน้ำตาลบริสุทธิ์  มากที่สุดในอีสาน (ข้อมูลปี 2563)  หมายเหตุ: เป็นรายได้รวมของนิติบุคคลที่ส่งงบการเงิน ปี 2563   น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (Refined Sugar) คือ น้ำตาลทรายที่ถูกนำมาผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ และกระบวนการต่างๆ เช่นเดียวกับน้ำตาลทรายขาว แต่ใช้น้ำเชื่อมบริสุทธิ์ขั้นต้น ในการเคี่ยวตกผลึก จึงทำให้ผลึกมีสีขาวใส เหมาะกับการนำไปใช้ในอุตสาหกรรม ที่ต้องการวัตถุดิบที่มีความบริสุทธิ์เป็นพิเศษ เช่น อุตสาหกรรมเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต้องเก็บไว้เป็นระยะเวลานาน   ภาคอีสานเป็นภาคที่มีพื้นที่ในการปลูกอ้อยมากที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังมีปริมาณอ้อยที่ส่งให้โรงงานมากที่สุดอีกด้วย โดยจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกอ้อยมากที่สุด 3 จังหวัดแรก ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี นครราชสีมา และขอนแก่น ตามลําดับ อีกทั้งยังสามารถผลิตน้ำตาลทรายได้มากที่สุดในประเทศ จึงส่งผลให้มีการก่อตั้งโรงงานน้ำตาลในภาคอีสานเป็นจำนวนมาก ทำให้มีรายได้จากการผลิตอ้อย และน้ำตาลเป็นอย่างมาก   ในปัจจุบันอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวไปได้อีกไกล เนื่องจาก มีการขอตั้ง และขยายโรงงานนํ้าตาลทรายเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นจํานวนมาก และสืบเนื่องจากรัฐบาลผลักดันนโยบายบริหารพื้นที่เกษตรกรรมของพืช (Zoning) โดยเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวที่อยูในพื้นที่ไม่เหมาะสมไปสู่การปลูกอ้อยโรงงาน มันสําปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ส่งผลให้พื้นที่ปลูกอ้อยของประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เป็นผลให้การผลิตอ้อยและนํ้าตาลทรายของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง   อ้างอิงจาก :  กรมพัฒนาธุรกิจการค้า  สํานักงานคณะกรรมการออยและน้ําตาลทราย  http://www.ocsb.go.th/upload/journal/fileupload/923-1854.pdf    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #น้ำตาล #โคราช #หนองบัวลำภู #บุรีรัมย์ #มุกดาหาร #กาฬสินธุ์ 

ชวนเบิ่ง ราคาสินค้าเกษตรสำคัญที่ปรับสูงขึ้น ในเดือนพฤษภาคม

ชวนเบิ่ง ราคาสินค้าเกษตรสำคัญที่ปรับสูงขึ้น ในเดือนพฤษภาคม    สินค้าเกษตรมีการปรับราคาสูงขึ้น เนื่องจากภาวะความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน และมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลทำให้ราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น   โดยสินค้าเกษตรที่มีราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ 1.ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ ราคาที่เกษตรกรขายได้ 12,832 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 9%  เนื่องจากมีความต้องการข้าวจากภูมิภาคตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น (อิรัก อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย) โดยเฉพาะประเทศอิรักซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของประเทศไทยได้กลับมาซื้อข้าวไทยมากขึ้น หลังจากหยุดนำเข้าข้าวจากไทยหลายปี   2. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาที่เกษตรกรขายได้ 10.3 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 6.2% เนื่องจากความต้องการใช้เพื่อผลิตอาหารสัตว์ยังคงเพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ชนิดอื่นมีราคาสูง แม้ว่าจะอยู่ในช่วงที่ปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนําออกสู่ตลาดในเดือนเมษายน- พฤษภาคมและอนุญาตให้นําเข้า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายใต้กรอบข้อตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ   3. มันสำปะหลัง ราคาที่เกษตรกรขายได้ 2.5 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน  4.6% เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ในขณะที่ความต้องการใช้มันสำปะหลังในประเทศและส่งออกยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้สินค้าธัญพืชขาดแคลน ทำให้มีความต้องการ ใช้มันสำปะหลังเพื่อเป็นสินค้าทดแทนเพิ่มขึ้น   4. ปาล์มน้ำมัน ราคาที่เกษตรกรขายได้ 10.1 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.8% เนื่องจากปริมาณการส่งออกน้ำมันปาล์มของโลกลดลง และความต้องการน้ำมันปาล์มของประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่น้ำเข้าน้ำมันพืชรายใหญ่ที่สุดของโลกเพิ่มขึ้น   5. สุกร ราคาที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่ 97.3 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7.4% เนื่องจาก ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทําให้เกิดภาวะขาดแคลนวัตถุดิบอาหารสัตว์ในตลาดโลก และต้นทุน ป้องกันโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร เกษตรกรผู้เลียงสุกรต้องลงทุน ในการพัฒนาระบบป้องกันโรคระบาดในฟาร์มอย่างเข้มงวด ทำให้ต้นทุนในการเลี้ยงสูงขึ้น   6. โคเนื้อ ราคาที่เกษตรกรขายได้ เท่ากับ 35,089 บาท/ตัว เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.4% เนื่องจาก ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร ทยอยกลับมาเปิดให้บริการ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร และธุรกิจเกี่ยวเนื่องสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์รวมทั้งเนื้อโคเพิ่มขึ้น     แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรหลังจากนี้ ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. เผย “ราคาสินค้าเกษตร” หลังจากนี้ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากมาตรการเปิดประเทศ เปิดสถานบันเทิง และค่าเงินบาทอ่อนค่าลงส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำตาลทรายดิบ ปาล์มน้ำมัน สุกร โคเนื้อ และกุ้งขาว แวนนาไม ยกเว้นมันสำปะหลัง และยางพาราดิบที่มีแนวโน้มราคาปรับลดลง     …

ชวนเบิ่ง ราคาสินค้าเกษตรสำคัญที่ปรับสูงขึ้น ในเดือนพฤษภาคม อ่านเพิ่มเติม »

ธุรกิจรถมือสองรายใหญ่ของภาคอีสาน ตีตลาดออนไลน์ ยอดขายพุ่ง 15% 

ธุรกิจรถมือสองรายใหญ่ของภาคอีสาน ตีตลาดออนไลน์ ยอดขายพุ่ง 15%    จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้บางธุรกิจปิดตัวลง แต่ก็มีหลายธุรกิจที่ยังสามารถดำเนินการต่อได้ เนื่องจากมีการปรับตัวตามสถานการ์เศรษฐกิจ และมีการปรับกลยุทธ์ต่างๆ    เต็นท์รถรายใหญ่ในภาคอีสานก็เช่นกัน มีการปรับเปลี่ยนวิธีการต่างๆ จนทำให้มียอดขายพุ่ง โดยธุรกิจรถมือสองรายใหญ่ภาคอีสาน คือ ประเสริฐผลยูสคาร์ ได้ทำการตลาดออนไลน์ 14 จังหวัด ทำให้มียอดขายเติบโต 15%    “ประเสริฐผลยูสคาร์” มีโชว์รูมของบริษัททั้งหมด 14 สาขาที่กระจายตัวอยู่ในภาคอีสาน ประกอบด้วยจังหวัดเลย หนองบัวลำภู ขอนแก่น ยโสธร ร้อยเอ็ด มุกดาหาร บึงกาฬ อุดรธานี และนครพนม มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะการทำตลาดออนไลน์ตั้งแต่ช่วงเกิดโควิด-19 ที่ผ่านมาถึงปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าออนไลน์ 60% และเดินเข้ามาดูรถที่โชว์รูมด้วยตัวเองอีก 40% ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาดูรถเหล่านี้ส่วนใหญ่ดูผ่านออนไลน์มาแล้ว   ทั้งนี้ ปี 2564 บริษัทมีอัตราการเติบโตประมาณ 30% มียอดขายรถเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 1,900 คัน ในปี 2563 เพิ่มเป็น 2,500 คัน    ตั้งเป้าปี 2565 จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 30% คาดว่ายอดขายเฉลี่ยจะเพิ่มจาก 2,500 คัน ในปีก่อน เป็น 3,000 คัน ในปีนี้ โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า หรือคนที่หารถคันแรก ประเภทรถที่ขายดีเป็นรถอีโคคาร์หรือรถเก๋งเล็ก และรถกระบะ ราคาอยู่ระหว่าง 250,000-400,000 บาท/คัน   จะเห็นได้ว่า ธุรกิจรถมือสอง ทำการตลาดออนไลน์มียอดขายพุ่งขึ้นมาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระลอกแรกที่คนไม่ออกจากบ้าน เนื่องจากพฤติกรรมคนเปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะน้อยลง และหันมาใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งการเลือกรถมือสอง เหมาะกับการผลิตรถใหม่ทำได้ไม่ตามเป้า ยอดขายรถมือสองจึงเติบโตขึ้น   ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ว่า แนวโน้มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสองในระบบธนาคารพาณิชย์ ปี 2565 มีโอกาสขยายตัวเป็นบวกต่อจากปีก่อน ยอดขายในตลาดรถยนต์มือสองปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ในช่วง 3-5% หรือคิดเป็นปริมาณการซื้อขายรถยนต์มือสองราว 6-7 แสนคัน ทำให้ยอดคงค้างสินเชื่อรถยนต์มือสองมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ ประมาณ 5-7%   อ้างอิงจาก: https://www.prachachat.net/local-economy/news-957863 https://data.creden.co/company/general/0485548000108 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธุรกิจรถมือสอง

ท่องเที่ยวอีสานรูปแบบใหม่ “UNSEEN New Series” 5 ที่เที่ยวสุดปังไม่ธรรมดา

ท่องเที่ยวอีสานรูปแบบใหม่  “UNSEEN New Series”  5 ที่เที่ยวสุดปังไม่ธรรมดา ใกล้หยุดยาวในเดือนกรกฏาคมแล้ว เตรียมวางแผนในการเที่ยวสถานที่ใหม่ๆของภาคอีสาน จาก ททท. กันเลย  ก่อนหน้านี้ ISAN Insight & Outlook ได้นำเสนอข้อมูลรายได้จากการท่องเที่ยวในภาคอีสานจะเห็นได้ว่าการท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รายได้ของแต่ละจังหวัดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งโครงการ 25 Unseen New Series ของททท. เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดตัวแหล่งท่องเที่ยว โครงการ 25 Unseen New Series คัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ จำนวน 25 แหล่งจากทั่วประเทศ นำมาเป็นจุดขายใหม่เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มมากขึ้นและสามารถสร้างเม็ดเงินกระตุ้นภาคธุรกิจการท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จัก  ซึ่งภาคอีสาน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ ประกอบไปด้วย 5 แหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จังหวัดนครราชสีมา , พญานาค 3 พิภพ จังหวัดมุกดาหาร , ภูพระ จังหวัดเลย , หอโหวด จังหวัดร้อยเอ็ด และโลกของช้าง จังหวัดสุรินทร์ โดยทิศทางการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสำหรับปี 2565 นี้ ททท.จะคงความสำคัญของการท่องเที่ยวต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยเร่งให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวเร็วและเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง และเป็นสิ่งสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยและก้าวสู่การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ และมีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จ.นครราชสีมา โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนาเป็นที่ตั้งของ “เมืองลอยฟ้า” ที่เป็นอ่างพักน้ำบนเขายายเที่ยง มีเสน่ห์ตรงที่มีทุ่งกังหันลมถึง 14 ตัว เรียงรายสุดสายตา เป็นจุดชมวิวมุมสูงที่มองเห็นเขื่อนลำตะคอง และถนนมอเตอร์เวย์สายใหม่ที่คู่ขนานไปกับรถไฟรางคู่ ซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย รวมถึงเป็นที่ตั้งของ “เมืองใต้พิภพ” ที่อยู่ลึกไปใต้ผิวดินกว่า 350 เมตร เป็นอุโมงค์โรงไฟฟ้าใต้ดิน ใช้เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า โดยการสูบน้ำจากเขื่อนลำตะคองไปเก็บไว้ที่อ่างพักน้ำบนเขายายเที่ยง จากนั้นจะปล่อยน้ำลงมาเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า นับเป็นจุดเช็คอินที่ไม่เหมือนใคร นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ชมวิวทิวทัศน์ของทุ่งกังหันลมบริเวณเขาเควสต้าหรือเขาอีโต้ และชมวิวมุมสูงของถนนมอเตอร์เวย์ที่สวยงาม สามารถปั่นจักรยานรอบอ่างเก็บน้ำเขายายเที่ยง และมีศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ลำตะคอง ที่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ด้านพลังงานสะอาด พิกัด : https://goo.gl/maps/6NrGPf5nQTniABPP6  พญานาค 3 พิภพ จ.มุกดาหาร ชาวมุกดาหารมีความเชื่อและนับถือศรัทธาองค์พญานาค ความมหัศจรรย์ของพญานาค 3 องค์ ที่บังเอิญตั้งอยู่บนแนวเส้นลองจิจูดเดียวกันที่ตำแหน่ง 104 องศา 43 ลิปดา เป็นตัวแทนแห่งพญานาค 3 พิภพ ซึ่งปกปักคุ้มครองเมืองมุกดาหารให้สงบร่มเย็น ได้แก่  องค์แรก พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช เป็นพญานาคดิน ตั้งอยู่ที่แก่งกะเบา กับคติความเชื่อ “อุดมสมบูรณ์ มั่นคง มั่งคั่ง ร่ำรวย” องค์ที่ 2 พญาอนันตนาคราช …

ท่องเที่ยวอีสานรูปแบบใหม่ “UNSEEN New Series” 5 ที่เที่ยวสุดปังไม่ธรรมดา อ่านเพิ่มเติม »

ศึกธุรกิจวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ ในภาคอีสาน

ศึกธุรกิจวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ ในภาคอีสาน   หลายคนอาจจะเริ่มเห็นร้านขายวัสดุก่อสร้างและของแต่งบ้านเปิดใหม่ขึ้นมากมาย และมีการแข่งขันอย่างดุเดือดของธุรกิจนี้ โดยที่มีเจ้าใหญ่ไม่ว่าจะเป็นไทวัสดุ โกลบอลเฮ้าส์ โฮมโปร และดูโฮม ธุรกิจไทยหลายบริษัทที่มีมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท มักมีจุดเริ่มต้นจากกรุงเทพฯ แล้วขยายออกสู่ต่างจังหวัด แต่ไม่ใช่ “โกลบอลเฮ้าส์” และ “ดูโฮม” บริษัททั้ง 2 มีผู้ก่อตั้งธุรกิจที่เป็นคนภาคอีสาน โดยประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าโดยเน้นวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง เครื่องมือ อุปกรณ์ ที่ใช้ในงานก่อสร้าง ต่อเติม ตกแต่ง บ้านและสวน เป็นต้น   เส้นทางของอาณาจักรค้าวัสดุก่อสร้างแต่ละรายนี้ เป็นมาอย่างไร?  จุดเริ่มต้นของ “โกลบอลเฮ้าส์” มาจากคุณวิทูร สุริยวนากุล ผู้ก่อตั้งบริษัท ที่เกิดและเติบโตในจังหวัดร้อยเอ็ด หลังจากจบปริญญาตรีวิศวกรรมโยธาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น คุณวิทูร ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ไม่นานก็ขยับขยายมาเปิดร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ชื่อว่า ร้อยเอ็ดฟาร์มโดยได้นำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ มีการทำระบบบาร์โคด คุมสต็อกสินค้าด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งถือว่าทันสมัยมาก    หลังจากร้อยเอ็ดฟาร์มเติบโตมาเกือบ 10 ปี ก็กลายมาเป็น “โกลบอลเฮ้าส์” ในปี พ.ศ. 2540 โกลบอลเฮ้าส์ตั้งสาขาแรกที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีรูปแบบเป็น Warehouse Store ที่มีพื้นที่คลังสินค้าขนาดใหญ่ ที่รวบรวมสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านครบวงจร    อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของโกลบอลเฮ้าส์ คือ มีสินค้ามากกว่า 130,000 รายการ และมีพื้นที่แต่ละสาขากว้างถึง 18,000-32,000 ตารางเมตร มีศูนย์กระจายสินค้าที่ใช้ระบบหุ่นยนต์หยิบและเก็บของภายในคลังสินค้าสูง 11 ชั้น เพื่อให้การควบคุมศูนย์กระจายสินค้ามีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ในแต่ละสาขายังมีบริการ Drive-Thru ให้ลูกค้าสามารถขับรถมารับสินค้าจากหลังร้านได้ทันทีที่ซื้อ   ในขณะที่ “ดูโฮม” เริ่มต้นจากการเป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้างเล็ก ๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี จนตอนนี้ได้ก้าวมาเป็นแนวหน้าของผู้ค้าวัสดุก่อสร้างในไทยและมีมูลค่าบริษัทมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยคุณอดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา และคุณนาตยา ตั้งมิตรประชา ได้ก่อตั้งร้านขายปลีกวัสดุก่อสร้าง จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด “ศ. อุบลวัสดุ” ในจังหวัดอุบลราชธานี  โดยมีการปรับรูปแบบร้านค้าให้เป็นโกดังขายสินค้าขนาดใหญ่ และมีการนำเทคโนโลยีจัดการคลังสินค้าและจัดการการขาย ในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนเป็น “ดูโฮม” ภายใต้ชื่อว่า บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ที่ ดูโฮม ผลักดันเพื่อให้อัตราการทำกำไรของบริษัทสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ การเพิ่มยอดขายสินค้าที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง (House Brands) คือบริษัทไปสั่งผลิตจากผู้ผลิตที่มีคุณภาพน่าเชื่อถือ ทำให้บริษัทได้อัตรากำไรที่ดีกว่าการรับสินค้าของแบรนด์อื่นมาขาย    จุดเริ่มต้นของโกลบอลเฮ้าส์และดูโฮม ให้แง่คิดหลายอย่างในการทำธุรกิจ ทำให้รู้ว่า การทำธุรกิจแต่ในต่างจังหวัดก็สร้างรายได้มหาศาลได้ ถ้ามีการจัดการอย่างเป็นระบบ เหมือนกับทั้ง 2 บริษัทก็สามารถยิ่งใหญ่ได้ โดยที่ไม่ต้องมีจุดเริ่มต้นจากกรุงเทพ  นอกจากนี้ การทำธุรกิจต้องมีการจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสม ซึ่งต้องทําการศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการลงทุน โดยพิจารณาพื้นที่ที่มีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจที่เหมาะสมและสอดคล้องกับธุรกิจ พร้อมสํารวจพฤติกรรมและความต้องการสินค้าของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดนั้น …

ศึกธุรกิจวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ ในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

เงินเฟ้อลาว “ พุ่ง ” เงินกีบลาว “ อ่อนค่า ” เที่ยวลาว คิดเงินเรทนักท่องเที่ยว บาท-ดอลลาร์

เงินเฟ้อลาว “ พุ่ง ”  เงินกีบลาว “ อ่อนค่า ”  เที่ยวลาว คิดเงินเรทนักท่องเที่ยว บาท-ดอลลาร์   เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเงินกีบลาวอ่อนค่าลงอย่างหนัก จากระดับ 100 บาทแลกได้ 30,000 กีบ ปัจจุบันอ่อนค่าลงเป็น 50,000 กว่ากีบหรืออ่อนค่าลงกว่า 70% ทำให้คนแห่เก็บเงินบาทจนกระทั่งหาแลกเงินบาทไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านแลกเปลี่ยนเงินหรือเคาน์เตอร์ธนาคารพาณิชย์   ขณะที่เงินกีบที่อ่อนค่าทำให้ดูเหมือนว่า ราคาสินค้าและบริการในสปป.ลาวแม้จะเท่าเดิมในราคาเงินกีบ แต่จะถูกลงสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวไทย ที่มีพรมแดนติดต่อกับสปป.ลาว มีด่านถาวรและสะพานมิตรภาพข้ามนํ้าโขงเชื่อมโยงกันหลายแห่ง สามารถข้ามไปเที่ยวเพื่อเดินทาง กิน ดื่ม ในราคาถูกลงมากกว่าครึ่ง   นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย รองประธานหอการค้าไทย (ภาคอีสาน) และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หอการค้าไทย หอการค้าจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวของไทย ที่ต้องการเดินทางโดยรถไฟไปภาคเหนือของลาว ต้องคิดทบทวนการใช้จ่ายประจำวัน ค่าที่พัก ค่าอาหาร สำหรับนักท่องเที่ยว ในประเทศลาวเนื่องจากผู้ประกอบการจะกำหนดราคาเป็นเงินดอลลาร์   ต้องตรวจสอบว่า ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในลาว กำหนดราคาเป็นสกุลเงินใด เพราะผู้ประกอบการลาวหลายแห่งกำหนดค่าสินค้าและบริการเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วจึงคำนวณกลับเป็นราคาเงินบาท หากต้องการจ่ายเป็นเงินบาทไทย หรือเงินกีบลาว ทำให้ราคาสินค้าชิ้นนั้น ๆ ผันแปรไปตามค่าเงินแต่ละวัน เช่น ก๋วยเตี๋ยวเคยจ่ายชามละประมาณ 70 บาทไทย วันนี้ราคาอาจปรับขึ้นเป็นชามละ 120 บาท ราคาที่พักรีสอร์ทคืนละ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์มาเป็นเงินบาทไทย ในเวลานั้น เช่น 1 ดอลลาร์ ต่อ 33 บาทเศษ เป็นต้น   อ้างอิงจาก : https://www.thansettakij.com/economy/528878 https://www.thansettakij.com/economy/529180    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #ค่าเงินลาว #เงินเฟ้อ #เที่ยวลาว

บริษัทใหญ่ ภาคอีสาน ที่สามารถเข้าตลาดหุ้นได้ มีอิหยังแหน่ ?

บริษัทใหญ่ ภาคอีสาน ที่สามารถเข้าสู่ตลาดหุ้นได้ มีอิหยังแหน่?   10 บริษัทภาคอีสานในตลาดหลักทรัพย์ อ้างอิงจากจังหวัดที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทนั้นๆ IPO (Initial Public Offering) คือ การนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น เป็นการนำหุ้นของบริษัทเสนอขายในตลาดหลักทรัพย์ให้กับคนทั่วไปเป็นครั้งแรก โดยมีจุดประสงค์ระดมเงินทุนเพิ่มเติม การที่จะเข้าในตลาดหุ้นได้คุณสมบัติ คือ บริษัทจะต้องเป็น บริษัทมหาชน จำกัด จากนั้นบริษัทต้องมีผลประกอบการตามเกณฑ์ที่กำหนด    สำหรับ SET บริษัทจะต้องมีกำไร 2-3 ปีล่าสุดรวมกันแล้วมากกว่า 50 ล้านบาท ในปีล่าสุดต้องมีกำไรสุทธิมากกว่า 30 ล้านบาท มีกำไรสุทธิในงวดสะสมล่าสุดเป็นบวก และทุนชำระแล้วหลัง IPO ต้องมากกว่า 300 ล้านบาท   สำหรับ MAI เป็นตลาดหุ้นขนาดรองของประเทศไทย กำหนดว่าบริษัทต้องมีกำไรสุทธิในปีล่าสุดมากกว่า 10 ล้านบาท มีกำไรสุทธิในงวดสะสมล่าสุดเป็นบวก และทุนชำระแล้วหลัง IPO ต้องมากกว่า 50 ล้านบาท   อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในข้อกำหนดของการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น ยังมีเงื่อนไขอีกจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น งบการเงิน การบริหารงานที่เป็นระบบ การกำกับดูแลกิจการ และการควบคุมภายใน   จะเห็นได้ว่าคนภาคอีสานนั้นก็มีความสามารถอย่างมากที่พาธุรกิจของตนเองเข้าสู่ตลาดใหญ่ได้ และเมื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แล้วยังต้องมีการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในธุรกิจและเพิ่มมูลค่าให้บริษัทมากขึ้น   อ้างอิงจาก : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย https://www2.set.or.th/th/regulations/simplified_regulations/common_shares_p1.html    #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #หุ้น #หุ้นอีสาน #หุ้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

Scroll to Top