Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

พาซอมเบิ่ง “อีสเทิร์นไรซ์มิลล์” อาณาจักรโรงสีข้าวรายใหญ่ในภาคอีสาน

บริษัทฯ ประกอบธุรกิจประเภทการผลิต โดยให้บริการด้านการสีข้าว รับซื้อข้าวเปลือก-ข้าวสาร หอมมะลิ ข้าวเปลือกนาปรัง ข้าวเปลือกเหนียว กข.6 กข.10 เป็นต้น โดยมียอดการผลิตข้าวสารทุกโรงสีในเครือของ บริษัท ธนสรรไรซ์ จำกัด จำนวน 8,000 ตันต่อวัน ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวหอมมะลิตราจัสมิน เป็นข้าวหอมมะลิเกรดพรีเมี่ยม ข้าวสารดีคุณภาพส่งออกอีกหนึ่งแบรนด์ ในเครือธนสรรไรซ์กรุ๊ป ได้รับรางวัลข้าวดีที่สุดในโลก จากการแข่งขันกับนานาประเทศ ภายใต้งาน “World rice Conference 2016” ที่จัดขึ้น ณ จังหวัดเชียงใหม่ ประเดิมทุนครั้งแรกด้วยจำนวน 200 ล้านบาท จากนั้นเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกในปี 2557 เพิ่มเป็น 300 ล้านบาท ปี 2556 มีรายได้รวม 833 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 844 ล้านบาท ปี 2557 มีรายได้รวม 1,552 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 1,860 ล้านบาท ปี 2558 มีรายได้รวม 2,571 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,478 ล้านบาท ปี 2559 มีรายได้รวม 3,187 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,154 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้รวม 3,187 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,219 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้รวม 3,184 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,355 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้รวม 2,620 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,770 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 3,461 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,226 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้รวม 1,080 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 3,079 ล้านบาท หากพิจารณาจากข้อมูลการเพิ่มทุนจดทะเบียน และตัวเลขรายได้รวมที่งบการเงินที่ปรากฏ จะพบว่า มีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะรายได้จากปีแรก (2556) หลักร้อยล้าน ปัจจุบันพุ่งไปสูงถึงหลักพันล้าน จุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจโรงสีข้าว คุณศุภชัย เป็นนักธุรกิจรุ่นเก๋าในวงการโรงสีของประเทศ เริ่มต้นทำธุรกิจโรงสีข้าวในจังหวัดชัยนาท เมื่อ10 ปีก่อน ก่อนจะขยายฐานโรงสีไปยังจังหวัดต่าง ๆ อาทิ พิจิตร …

พาซอมเบิ่ง “อีสเทิร์นไรซ์มิลล์” อาณาจักรโรงสีข้าวรายใหญ่ในภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง 8 อันดับบริษัทที่มีรายได้รวมมากที่สุดในภาคอีสาน เปลี่ยนไปส่ำใด๋ ในช่วง 3 ปี

อ้างอิงจาก: https://data.creden.co/ranking #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #บริษัทที่มีรายได้รวมมากที่สุด #อันดับบริษัทที่มีรายได้รวมมากที่สุด

ฮู้บ่ว่า?  ปลายปี 2565 จังหวัดใด๋ในอีสานที่มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หลายที่สุด  รวมถึงรถใหม่ป้ายแดงยี่ห้อใด๋ที่คนอีสานมัก!

ฮู้บ่ว่า?  ปลายปี 2565 จังหวัดใด๋ในอีสานที่มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หลายที่สุด  รวมถึงรถใหม่ป้ายแดงยี่ห้อใด๋ที่คนอีสานมัก!   อ้างอิงจาก:  กลุ่มสถิติการขนส่ง กองแผนงาน กรมการขนส่งทางบก #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #รถจดทะเบียน #รถใหม่   

พาส่องเบิ่ง เส้นทาง “ที่นอนดาร์ลิ่ง ขอนแก่น” ผู้ผลิตที่นอนชั้นนำของไทย

สร้างธุรกิจให้ได้รับการยอมรับกับตลาดในประเทศก็ยากระดับหนึ่ง แต่การที่จะทำให้ธุรกิจนั้นมีความยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับจากคู่ค้าทั่วโลกนั้นยากกว่า และยากที่สุดคือทำอย่างไรให้ธุรกิจนั้นก้าวผ่านกาลเวลาสู่ปี 60 ปี 70 หรือก้าวสู่ปีที่ 100 ให้ได้ภายใต้การแข่งขันที่นับวันจะทวีความรุนแรง คุณเพ็ญศรี แช่มปรีดา ทายาทรุ่นที่สองของผู้สร้างที่นอนไทย ถ่ายทอดประสบการณ์ 56 ปี ธุรกิจที่นอนไทยที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าและคู่ค้าทั่วโลก เริ่มต้นจาก คุณพ่อของคุณเพ็ญศรี คือ คุณประเสริฐ ประเสริฐวณิช ประธานบริษัท ก็ทำธุรกิจขายที่นอนแล้ว โดยเปิดร้านขายที่นอนร้านแรกที่ถนนเพชรบุรี ซึ่งสมัยนั้นที่นอนที่มีจำหน่ายในร้านทั่วไปจะเป็นที่นอนนุ่นแบบเย็บมือ แต่คุณพ่อของคุณเพ็ญศรีเป็นคนทันสมัย ท่านจึงติดต่อคู่ค้าจากต่างประเทศ นำเข้าที่นอนมาจำหน่าย ที่ร้านและกลายเป็นร้านขายที่นอนที่ทันสมัยที่สุดในเมืองไทย ต่อมาเมื่อธุรกิจขยายตัวจึงมีการสร้างโรงงานแห่งแรกและขยายเป็นโรงงานแห่งที่สองในเวลาต่อมา โดยนำนวัตกรรมที่นอนจากต่างประเทศมาผลิตเอง และเป็นที่มาของที่นอนแบรนด์ “ดาร์ลิ่ง เดอร์ลุกซ์” ในที่สุด การที่ได้เติบโตในครอบครัวที่ทำธุรกิจที่นอน ก็เหมือนเราทำธุรกิจนั้นไปในตัว พอโตขึ้นมาเป้าหมายก็คือการมารับช่วงธุรกิจต่อร่วมกับพี่ ๆ ในฐานะทายาทรุ่นที่สองคนหนึ่ง จึงเน้นเรื่องงานนวัตกรรม การตลาด การขาย การพัฒนาสินค้าใหม่ และการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก ให้ตลาดโลกรู้ว่าคนไทยนั่นมีศักยภาพและสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับที่นอนและเครื่องนอน รวมถึงการตอบโจทย์ความต้องการของคู่ค้า ซึ่งมักจะมีโจทย์ที่ยากหรือโจทย์แปลก ๆ เกิดขึ้นเสมอ ในที่สุดบริษัท ที่นอนดาร์ลิ่ง จำกัด ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องสถานที่ และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ เนื่องจากจะมีคำสั่งซื้อที่นอนและเครื่องนอนแบบต่าง ๆ ที่ผลิตและเป็นที่นิยมอยู่แล้วเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปี 2539 บริษัท ที่นอนดาร์ลิ่ง ขอนแก่น จำกัด จึงเกิดขึ้นโดยใช้งบประมาณลงทุนสร้างโรงงานประมาณ 200 ล้านบาท พร้อมขบวนการผลิตที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย บนพื้นที่ 48 ไร่เศษ ณ จังหวัดขอนแก่น เพื่อตอบโจทย์ตามคำสั่งซื้อของลูกค้าจากทั่วโลก ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้ยังเป็นฐานสำคัญของธุรกิจที่นอนในกลุ่ม CLMV ด้วย นิยามและความสำเร็จของ “ที่นอนดาร์ลิ่ง ขอนแก่น” ความสามารถในการผลิตที่นอนและเครื่องนอนตามโจทย์ที่ลูกค้าต้องการตามความเชี่ยวชาญของเรา โดยปราศจากข้อจำกัด ด้วยแนวทางในการดำเนินธุรกิจชัดเจนที่จะก้าวสู่ความเป็นผู้นำนวัตกรรมที่นอนและเครื่องนอนของไทย ซึ่งเน้นการผลิตด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสนองตอบตามความต้องการการใช้ที่นอนและเครื่องนอนของคนรุ่นใหม่ ทำให้ที่นอนและเครื่องนอนมีความหมายมากกว่าเพื่อการนอนเพียงอย่างเดียว แนวทางที่ชัดเจนนี้ทำให้เป็นบริษัทฯ ผลิตที่นอนไทยรายแรกและรายเดียว ที่ได้รับรางวัลแบรนด์ไทยดีเด่นเพื่อการส่งออกปี 2017 หรือ PM AWARD BEST THAI BRAND อ้างอิงจาก: https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0105539128345 https://www.thaihotelbusiness.com/peopl…/darling-mattress/ https://www.darling.co.th/about/ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ที่นอนดาร์ลิ่งขอนแก่น #ผู้ผลิตที่นอนชั้นนำของไทย #ขอนแก่น #ที่นอนดาร์ลิ่ง

ชวนเบิ่ง “ธงมา คอนซูเมอร์ โปรดักส์” อาณาจักรผลิตเครื่องเทศและเครื่องแกงสำเร็จรูป

บริษัท ธงมา คอนซูเมอร์ โปรดักส์ จำกัด เป็นบริษัทจำหน่ายและศูนย์กระจายสินค้าอุปโภค บริโภค ภายในประเทศ เน้นลูกค้ากลุ่ม Traditional Trade (TT) ร้านค้าส่ง,ร้านค้าปลีกและร้านค้าโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ มีคลังสินค้าที่มีคุณภาพ รองรับการกระจายสินค้าทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ มากกว่า 35 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ ทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นผู้นำในด้านการให้บริการ ผู้นำในด้านการบริการด้านการจัดจำหน่าย และกระจายสินค้าที่มีศักยภาพ และบริการหลังการขาย บริษัทมีการสำรวจข้อมูลการตลาดของสินค้าที่จะมาเป็นคู่ค้ากับทางบริษัทเสมอ อีกทั้งมีพนักงานส่งเสริมการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย และมีพนักงานบริการหลังการขายเพื่อดูแลสินค้าให้อยู่ในสภาพที่พร้อมขายเสมอและส่งผลให้สินค้าของคู่ค้ากระจายสู่ตลาดอย่างยั่งยืน โดยช่องทาง การจัดจำหน่ายของบริษัทมีทั้งค้าส่งขนาดใหญ่แต่ละจังหวัง ค้าส่งขนาดกลางแต่ละอำเภอ รวมไปถึงร้านขายของชำ มินิมาร์ทและร้านโชว์ห่วยในแต่ละตำบล และหมู่บ้านกว่า 80,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ธงมา คอนซูเมอร์ โปรดักส์ รองรับการกระจายสินค้าทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ มากกว่า 35 สาขา ซึ่งครอบคุมพื้นที่ทั่วประเทศ อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากผู้ค้าซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ทางบริษัททำการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าในด้านความสามารถนำสินค้าสู่ตลาดได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมายและครอบคลุมตลาดทุกกลุ่ม บริษัทยังใส่ใจคู่ค้าเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันที่พร้อมก้าวไปด้วยกันอย่างมั่งคง โดย ธงมา คอนซูเมอร์ โปรดักส์ เป็นผู้นำในด้านการบริการด้านการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า และบริการหลังการขายซึ่งมีการเจริญเติบโตรวดเร็ว มีการนำเทคโนโนยีต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการการบริหารงานของทั้งบริษัท (SAP) ใช้ระบบการขายโดย Van sales (หน่วยรถเงินสด) ทั้งรถยนต์มากกว่า 100 คัน และรถจักรยานยนต์มากกว่า 100 คัน ใช้ระบบติดตามประเมินการขายโดย GPS ในรถยนต์ทุกคันมีโปรแกรมตรวจสอบยอดขายของสินค้าของคู่ค้าโดยใช้ B2B (Business to Business) และตรวจสอบความปลอดภัยของสินค้าแต่ละสาขาด้วยกล้อง CCTV อ้างอิงจาก: https://thongma-con.com/ https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0345557000426 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธงมาคอนซูเมอร์โปรดักส์ #จำหน่ายและศูนย์กระจายสินค้าอุปโภคบริโภค #อุบลราชธานี #ผลิตเครื่องเทศและเครื่องแกงสำเร็จรูป

ย้อนเบิ่ง สัดส่วนคนจน (ด้านรายจ่าย) ในภาคอีสานปี 64 

ย้อนเบิ่ง สัดส่วนคนจน (ด้านรายจ่าย) ในภาคอีสานปี 64    ก่อนอื่นต้องรู้ว่า ‘ความยากจน’ หรือ Poverty สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ ความยากจนด้านตัวเงิน (Monetary Poverty) และที่ไม่ใช่ตัวเงิน (Non-monetary poverty)  เครื่องมือวัดความยากจนด้านตัวเงิน คือ เส้นความยากจน (Poverty line) ดังนั้น ผู้ที่มีรายได้หรือค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคต่ำกว่าเส้นความยากจนจะถูกจัดให้เป็นคนจน จังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนสูงสุดในอีสาน ได้แก่ กาฬสินธุ์ 25.2% นครราชสีมา  21.01% หนองบัวลำภู 18.12%  จังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนต่ำสุดในอีสาน ได้แก่ มหาสารคาม   2.24%  เลย   0.97%  ขอนแก่น   0.58%   อ้างอิงจาก: ข้อมูลจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงานสถิติแห่งชาติ #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ความยากจน #MonetaryPoverty  

พาส่องเบิ่ง “อุดรกระจกรถยนต์” ผู้นำตลาดกระจกรถยนต์อันดับหนึ่งของภาคอีสาน มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี

ย้อนเล่าถึงอดีตสมัยเริ่มเปิดร้านเมื่อ 10 กว่าปีก่อน คุณศมน กล่าวว่า “เมื่อก่อนตอนตั้งร้านใหม่ๆ รถยนต์เข้ามาติดตั้งกระจกแค่ 3 คันต่อวันก็ดีใจแล้ว” ซึ่งตรงข้ามกับภาพความสำเร็จในปัจจุบัน บริษัท อุดรกระจกรถยนต์ จำกัด มีตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมกว่า 17 จังหวัดทั่วภาคอีสาน ขึ้นแท่นผู้นำตลาดกระจกรถยนต์อันดับหนึ่งของภาคอีสาน มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี คุณศมนเริ่มต้นธุรกิจจากการค้าส่ง-ปลีกกระจกทุกยี่ห้อ โดยไม่มีการผลิตเอง เป็นเพียงแค่ซื้อมาขายไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำยาก แต่คุณศมนมีความคิดว่า “ถ้ารู้ลึก รู้จริงในงานของตัวเอง แม้จะไม่มีโรงงานผลิต ก็สามารถที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้” จึงมุ่งมั่นขวนขวายหาความรู้ด้วยการเข้าร่วมอบรมและสัมมนาอยู่เสมอ โดยมีโอกาสเข้าอบรมหลักสูตรกลยุทธ์การบริหารการตลาดยุคใหม่และหลักสูตรการตลาดเชิงกลยุทธ์เสริมพลังทัพธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการ คพอ. ซึ่งเปรียบเสมือนการส่องกระจกให้มองเห็นตัวเองชัดเจนขึ้น เริ่มตั้งแต่เรื่องการทำบัญชี ระบบหลังบ้านซึ่งทำผิดมาตลอด รวมถึงการให้บริการลูกค้าที่ยังไม่ได้มาตรฐาน การบริหารบุคลากรและการขนส่สินค้าก็ยังไม่เป็นระบบ เมื่อปรับปรุงแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้สำเร็จ อุดรกระจกรถยนต์ก็สามารถปรับโฉมภาพลักษณ์พร้อมขยายกลุ่มเป้าหมาย ด้วยศักยภาพการให้บริการที่ได้มาตรฐานระดับมืออาชีพเป็นที่มาของการเปลี่ยนสถานภาพจาก “ร้านค้า” กลายเป็น “ศูนย์กระจกรถยนต์” คุณศมนได้มองเห็นข้อผิดพลาดที่ไม่เคยรู้มาก่อน อย่างเรื่องการทำบัญชี ระบบหลังบ้านซึ่งสำคัญมาก แต่ปรากฏว่าทำผิดมาตลอดต้องใช้เวลาหลายปี เซ็ตระบบกันใหม่ หรือเมื่อก่อนไม่เคยมีการอบรมพนักงานว่าต้องให้บริการลูกค้าอย่างไร อาจารย์ที่ปรึกษาได้เข้ามาช่วยสร้างมาตรฐานขึ้นจนปัจจุบันได้จัดทำเป็นคู่มือพนักงานด้านขนส่งสินค้า แต่เดิมขนส่งไปจังหวัดต่าง ๆ เพียงอาทิตย์ละ 1 รอบ อาจารย์ก็ช่วยวางแผนให้มีระบบขนส่งที่กระจายสินค้าได้มากขึ้นถึงอาทิตย์ละ 3 รอบ ทุกวันนี้คุณศมนยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มพูนความรู้ ด้วยการเข้าอบรมโครงการอื่น ๆ ของกรมฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคุณศมนเปรียบว่าเป็นเหมือนการค่อย ๆ ปรับแต่งพลิกโฉมบ้าน แก้ไขจุดบกพร่อง ขยายพื้นที่ จนบ้านหลังนี้กลายเป็นบ้านหลังใหม่ที่มั่นคง มั่งคั่งและยิ่งใหญ่กว่าเดิม อ้างอิงจาก: https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0415540000567 https://www.prachachat.net/local-economy/news-551279 https://www.dip.go.th/…/2019-04-26…/2019-04-29-15-26-18 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อุดรกระจกรถยนต์ #ผู้นำตลาดกระจกรถยนต์ #อุดรธานี #ธุรกิจการค้ากระจก

พามาเบิ่ง “4 ภูเขาไฟ” ยอดฮิต บุรีรัมย์-สุรินทร์ 

พามาเบิ่ง “4 ภูเขาไฟ” ยอดฮิต บุรีรัมย์-สุรินทร์    เมืองไทยมีวิวภูเขาสวยๆ หลายแห่ง แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าประเทศของเราก็มี “ภูเขาไฟ” ด้วยเช่นเดียวกัน แต่เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว โดยมีมากนับสิบแห่งและพบในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ อีกทั้งบางแห่งในปัจจุบันยังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เราสามารถไปเยี่ยมชมได้ ดังเช่นที่ “จังหวัดบุรีรัมย์-สุรินทร์” ในแถบอีสานใต้ ที่มีภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วหลายแห่ง   โดยทาง ISAN Insight & Outlook พามาเบิ่ง “4 ภูเขาไฟ” ยอดฮิต บุรีรัมย์-สุรินทร์    ภูเขาไฟพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ขอบปล่องทางทิศใต้เป็นที่ตั้งปราสาทหินพนมรุ้ง เทวสถานที่เดิมสร้างขึ้นในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15-18 สำหรับตัวอาคารปราสาทประธานก่อสร้างด้วยหินทรายสีชมพูอันงดงามสมส่วน ตามจุดต่างๆจะมีภาพสลักหินฝีมือวิจิตรประณีต นำโดย “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” และภาพ “ศิวนาฏราช” รวมไปถึงภาพจำหลักหินเป็นเรื่องราวต่างๆ ที่งดงามและค่อนข้างสมบูรณ์ นอกจากความงดงามอลังการแล้ว ทุกๆ ปีปราสาทหินพนมรุ้งยังมีสิ่งอันน่ามหัศจรรย์เกิดขึ้น กับปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก ลอดช่องผ่านบานประตูทั้ง 15 ช่องเป็นแนวเดียวกันได้อย่างพอดี โดยปีหนึ่งจะมีเพียง 4 ครั้งเท่านั้น คือ ขึ้น 2 ครั้ง ในช่วงเดือน เม.ย.และ ก.ย. ตก 2 ครั้ง ในช่วงเดือน มี.ค.และ ต.ค. นับเป็นความมหัศจรรย์และแสดงถึงความสามารถของผู้ออกแบบและสร้างปราสาทพนมรุ้งได้เป็นอย่างดี   ภูเขาไฟอังคาร จังหวัดบุรีรัมย์ เขาพระอังคารนี้เป็นเนินเขาฐานกว้าง เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟในยุคควอเทอร์นารีเมื่อประมาณ 700,000 ปีมาแล้ว หากมองจากที่สูงจะมองเห็นเป็นรูปพญาครุฑที่กำลังกระพือปีกหรือคว่ำหน้าหันหัวไปทางทิศใต้ โดยมีปากปล่องใหญ่อยู่ที่เขากระดูกซึ่งเป็นจุดสูงสุด เกิดจากหินหลอมละลายปะทุออกมาแล้วเย็นตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีการสร้างวัด มีหลักฐานว่าที่นี่เคยเป็นพุทธสถานมาแต่โบราณ โดยได้พบโบราณวัตถุคือใบเสมาหินบะซอลต์สมัยทวารวดีซึ่งพบเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยตั้งอยู่รอบอุโบสถ ใบเสมาเหล่านี้มีภาพสลักรูปบุคคล สถูป ดอกบัว และธรรมจักร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 อายุประมาณ 1,300 ปี   ภูเขาไฟกระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินบนสะพานแขวนเพื่อชมทัศนียภาพของปากปล่องภูเขาไฟที่มีลักษณะเป็นหลุมลึกได้ หรือหากอยากชมอย่างใกล้ชิดก็สามารถลงไปเดินบนทางเดินเท้าก่อด้วยหิน สามารถมองเห็นหินฟองน้ำ หรือหินลอยน้ำ กระจายอยู่โดยรอบ บนยอดเขากระโดงยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระสุภัทรบพิตร” พระพุทธรูปองค์ใหญ่คู่เมืองบุรีรัมย์ เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 12 ม. ฐานยาว 14 ม. หันหน้าไปทางด้านทิศเหนือ ในพระเศียรพระสุภัทรบพิตรยังมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้ อีกทั้งใกล้กับองค์พระยังเป็นที่ตั้งของ “มณฑปรอยพระพุทธบาทจำลอง” ที่มีรอยพระพุทธบาทจำลองสร้างประดิษฐานไว้ในปราสาทเขากระโดง   ภูเขาพนมสวาย จังหวัดสุรินทร์ นักท่องเที่ยวที่มายังเขาพนมสวายจะมาแวะกราบสักการะรูปเหมือนและอัฐิของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล เกจิแห่งเมืองสุรินทร์ที่เจดีย์หลวงปู่ดุลย์เพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนที่จะขึ้นไปยังเขาทั้ง 3 ยอด ยอดเขาที่อยู่ใกล้เจดีย์หลวงปู่ดุลย์คือ “เขาคอก” บนยอดเขาคอกเป็นศาลาอัฐมุขที่ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และใกล้ๆ กันนั้นมีศาลาเจ้าแม่กวนอิมให้สักการะกันด้วย จากนั้นขับรถต่อไปที่ “เขาชาย” …

พามาเบิ่ง “4 ภูเขาไฟ” ยอดฮิต บุรีรัมย์-สุรินทร์  อ่านเพิ่มเติม »

ชวนเบิ่ง เส้นทาง “ทาเคชิ โกลด์ (Takeshi Gold)” อาณาจักรอาหารญี่ปุ่นรายใหญ่ในภาคอีสาน

ร้านอาหารญี่ปุ่น “ทาเคชิโกลด์” เป็นความตั้งใจที่จะเข้าภาคอีสานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะคุณชัยวัฒน์เป็นคนนครราชสีมา แต่ได้ไปเริ่มที่ขอนแก่นก่อนเป็นสาขาแรกเมื่อปี 2561 แล้วก็ไปเปิดสาขาที่ ยูดีทาวน์ จ.อุดรธานี ปี 2562 และสาขานครราชสีมาปี 2563 ส่วนสาขา 4 จะเปิดที่อุบลราชธานี ปี 2564 ครอบครัวของคุณชัยวัฒน์ ทำธุรกิจขายวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้วที่กรุงเทพฯ ซึ่งทำมานาน 34 ปี ซึ่งส่งให้ร้านอาหารญี่ปุ่นหลักๆทั่วประเทศ จึงอยากแตกไลน์ธุรกิจของที่บ้าน และอยากสร้างแบรนด์ของตัวเอง จากนั้นได้มาบริหารที่ บริษัทเบียร์ไฮเนเก้น เป็นผู้จัดการ 9 ปีอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากนั่นก็ลาออกมาช่วยที่บ้าน และก็คิดว่าอยากแตกไลน์ออกมา เพราะมีวัตถุดิบอยู่แล้ว ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบ “ทาเคชิ” มาจากชื่อคนญี่ปุ่นไม่ได้มีความหมายอะไร แต่อยากตั้งชื่อให้คนเข้าถึงง่าย พูดถึงนึกถึงแล้วคนรู้จักเลย จึงได้ใช้ชื่อนี้ “ทาเคชิ” ที่ขอนแก่นถือว่าประสบความสำเร็จในเวลาแค่ 3 เดือน จากนั้นจึงได้ขยายสาขามีทุนไปต่อที่อุดร แล้วก็มาที่นครราชสีมา โดยสำหรับจุดเด่นของอาหารญี่ปุ่น คือ เป็นซอส 5 ตัวที่ร้านตีเอง เป็นสูตรเฉพาะของร้านเอง ส่วนเมนูอาหารมี 116 เมนู ซิกเนเจอร์ของร้าน คือ ทาเคชินิเคดิ, นิเคดิหน้าเยิ้ม, คันชี่โรล, และหัวปลาต้มซีอิ๊ว ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะ ราคาบุฟเฟต์แซลมอลสด 399 บาท ไม่รวมเครื่องดื่ม ซึ่งไม่จำกัดเวลา อ้างอิงจาก: https://www.koratstartup.com/235678/ https://datawarehouse.dbd.go.th/…/profile/5/0305563006767 #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ทาเคชิ #อาหารญี่ปุ่น #ขอนแก่น #อุดรธานี #นครราชสีมา #Takeshi

พามาเบิ่ง เส้นทาง “โอชิเน” ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเจ้าดังประดับประเทศ

“เชฟหนุ่ม-กิตติศักดิ์ ลีล้อม” เขาเป็นคนอุบลฯ แท้ ๆ เกิดและเติบโตที่บ้านหนองเม็ก ตำบลหนองช้างใหญ่ อำเภอม่วงสามสิบ หลังจากเรียนจบมัธยมต้น ด้วยความที่บ้านมีฐานะค่อนข้างยากจน เขาตัดสินใจไม่เรียนต่อ แต่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปทำงานตามคำชักชวนของพี่ที่รู้จัก จุดหมายปลายทางคือร้านอาหารญี่ปุ่นเล็ก ๆ ย่านสุขุมวิท ณ เวลานั้น เด็กชายหนุ่มอายุ 17 ปี ตั้งเป้าหมายชีวิตเพียงว่าอยากมีหน้าที่การงานมั่นคง ส่งเสียตัวเองและครอบครัวได้ แต่หารู้ไม่ว่า อีกสิบกว่าปีต่อมา เขาจะกลายเป็นผู้บริหารร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีสาขาทั่วประเทศ ทำรายได้เฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และเป็นหัวหอกสำคัญในการสร้างงานสร้างรายได้ให้พี่น้องชาวอุบลฯ ตลอดจนคนหนุ่มสาวในภาคอีสาน รวมแล้วเฉียดพันชีวิต วันนี้ ISAN Insight & Outlook จะพามาดูจุดเริ่มต้นของ “โอชิเน” ว่าเป็นอย่างไร? หลังเรียนจบมัธยมต้น เชฟหนุ่มตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ มาทำงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ถนัดเรื่องการเรียนเท่าไหร่ อยากลองทำงานหาเงินแล้ว จึงตัดสินใจไปทำ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นในซอยสุขุมวิท 11 มีเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนญี่ปุ่น พอไปถึงเขาก็สอนทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่างการล้างผัก การเตรียมวัตถุดิบ การเก็บรักษาวัตถุดิบ ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่ผมได้ฝึกกับเชฟคนญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้ได้ซึมซับความเป็นระบบระเบียบมา อย่างที่ทราบว่าคนญี่ปุ่นเขาค่อนข้างเข้มงวด ทุกอย่างต้องเป๊ะตามมาตรฐานที่เขากำหนดไว้ เมื่อทำได้ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้น เชฟหนุ่มจึงเกิดความคิดว่า ถ้าเราเปลี่ยนร้านไปเรื่อย ๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากที่ใหม่ ๆ ก็น่าจะพัฒนาฝีมือตัวเองได้ พูดง่าย ๆ คือได้ทั้งประสบการณ์ ทั้งฝีมือ ทั้งเงินเดือน เชฟหนุ่มเลยตัดสินใจย้ายไปอีกที่หนึ่ง เป็นร้านที่ 2 ร้านนี้โดดเด่นเรื่องเส้นโซบะสด ทำจากแป้ง Buckweed ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น นอกจากนี้ก็มีวัตถุดิบพรีเมี่ยมจากญี่ปุ่น เช่น ปลาฮามาจิ ปลาหายากหลายชนิด ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่เราไม่เคยเห็นที่ร้านเก่า ทำให้ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มอีกมากมาย หลังจากนั้นเชฟหนุ่มย้ายร้านอีกประมาณ 2 – 3 ที่ ทั้งร้านอิซากายะ ร้านเทปปันยากิ ร้านที่เน้นเสิร์ฟเซ็ตเบนโตะ เรียกว่าได้ทำครบเกือบทุกประเภทของอาหารญี่ปุ่น จนมีโอกาสได้ไปทำที่ร้าน Tensui ทำอยู่ประมาณ 2 ปีก็ย้ายไปอยู่ร้าน Honmono Sushi ของเชฟบุญธรรม ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ช่วงที่ทำอยู่กับเชฟบุญธรรและเชฟบรรณฑูร ทั้งสองคนเป็นทั้งหัวหน้างานและอาจารย์ที่เชฟหนุ่มเคารพ สิ่งที่เชฟทั้งสองสอนนอกเหนือไปจากเรื่องการทำอาหาร คือเรื่องความสม่ำเสมอ หมั่นฝึกฝน พูดง่าย ๆ ว่าเมนูเดิม ทำ 10 ครั้งต้องเหมือนเดิมทั้ง 10 ครั้ง ถ้าทำได้แบบนั้นถือว่าโอเค ซึ่งต้องเริ่มจากการรู้ทฤษฎีก่อน ต้องมีความรู้ก่อน เมื่อทฤษฎีแม่น ก็ลองปฏิบัติ ฝึกฝนจนชำนาญเพื่อลดการสูญเสียหรือผิดพลาดให้น้อยที่สุด พอทำที่ Honmono Sushi ได้ประมาณ 1 ปี มีงานที่ต่างประเทศติดต่อเข้ามา ให้เชฟหนุ่มไปเป็นเชฟประจำร้านอาหารที่อเมริกา …

พามาเบิ่ง เส้นทาง “โอชิเน” ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเจ้าดังประดับประเทศ อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top