Infographic

พามาเบิ่ง🥼จำนวนแพทย์และพยาบาลแต่ละประเทศในกลุ่ม GMS 👩‍⚕

พามาเบิ่ง🧐จำนวนแพทย์และพยาบาลแต่ละประเทศในกลุ่ม GMS 🥼👩‍⚕ จำนวนแพทย์ต่อประชากรเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสถานการณ์ด้านสุขภาพของประเทศหนึ่งๆ โดยสามารถบ่งบอกถึงปัจจัยต่างๆ ได้ดังนี้ 🥼การเข้าถึงบริการทางการแพทย์: จำนวนแพทย์ที่มากขึ้นจะส่งผลให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น ลดระยะเวลาในการรอคิว และเพิ่มโอกาสในการได้รับการรักษาพยาบาลที่ทันท่วงที 🥼คุณภาพของการดูแลสุขภาพ: การมีแพทย์เพียงพอจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ละเอียดรอบคอบมากขึ้น แพทย์จะมีเวลาให้คำปรึกษาและตรวจรักษาผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ การกระจายตัวของทรัพยากรบุคคล: การเปรียบเทียบจำนวนแพทย์ในแต่ละพื้นที่ จะช่วยให้เห็นภาพการกระจายตัวของทรัพยากรบุคคลทางการแพทย์ ว่ามีความสม่ำเสมอหรือไม่ และพื้นที่ใดบ้างที่ขาดแคลนแพทย์ 🥼ประสิทธิภาพของระบบสุขภาพ: จำนวนแพทย์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ระบบสุขภาพทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระงานของแพทย์ และป้องกันไม่ให้เกิดการทำงานหนักเกินไป การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม: ประเทศที่มีจำนวนแพทย์ต่อประชากรสูง มักจะมีสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่ดีกว่า เนื่องจากประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีอายุขัยที่ยาวนานขึ้น . ปัจจัยที่ส่งผลต่อจำนวนแพทย์ต่อประชากร: 🥼นโยบายด้านสาธารณสุข: รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการผลิตแพทย์และการกระจายแพทย์ไปยังพื้นที่ห่างไกลหรือไม่ 🥼งบประมาณด้านสาธารณสุข: การลงทุนด้านสาธารณสุขที่เพียงพอจะช่วยเพิ่มจำนวนแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ 🥼สภาพการทำงานของแพทย์: สภาพการทำงานที่น่าพอใจ เช่น เงินเดือนที่ดี สวัสดิการที่ดี จะดึงดูดให้แพทย์เข้ามาทำงานในระบบสาธารณสุขมากขึ้น 🥼การขาดแคลนแพทย์เฉพาะทาง: บางสาขาแพทย์อาจขาดแคลนบุคลากร ซึ่งส่งผลต่อการเข้าถึงบริการทางการแพทย์เฉพาะทาง . มาตรฐานจำนวนแพทย์ต่อประชากร: 🥼องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดมาตรฐานจำนวนแพทย์ต่อประชากรไว้ที่แพทย์ 1 คนต่อประชากร 1,000 คน แต่ค่ามาตรฐานนี้เป็นเพียงตัวเลขที่ใช้เป็นแนวทางเท่านั้น เนื่องจากความต้องการแพทย์จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น โรคระบาด อายุเฉลี่ยของประชากร และสภาพทางภูมิศาสตร์ . สถานการณ์จำนวนแพทย์ต่อประชากรในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (GMS): ภาพรวมสถานการณ์ระบบการดูแลสูขภาพของจีน แพทย์ 25.18 ต่อ ประชากร 10,000 คน พยาบาล 35.20 ต่อ ประชากร 10,000 คน ระบบการรักษาพยาบาลแห่งชาติของประเทศจีนเป็นระบบหลายระดับ โดยมีประกันสุขภาพพื้นฐาน (BMI) เป็นส่วนสำคัญ และมีความช่วยเหลือทางการแพทย์เป็นระบบสำรอง รวมถึงมีประกันสุขภาพเชิงพาณิชย์ การบริจาคการกุศล และกิจกรรมช่วยเหลือทางการแพทย์ร่วมเป็นบริการเสริม ระบบ BMI ครอบคลุมสองกลุ่มหลักคือพนักงานที่ลงทะเบียนในโปรแกรมประกันสุขภาพพื้นฐานของพนักงาน (EBMI) และประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนในโปรแกรมประกันสุขภาพพื้นฐานของประชาชน (RBMI) โดยในเดือนกันยายน 2020 มีประชาชนมากกว่า 1.35 พันล้านคน หรือกว่า 95% ของประชากรทั้งหมดได้รับการคุ้มครองจากโปรแกรม BMI ซึ่งนับเป็นเครือข่ายความปลอดภัยทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีจำนวน 337 ล้านคนที่ได้รับการคุ้มครองจาก EBMI และ 1.014 พันล้านคนได้รับการคุ้มครองจาก RBMI ระบบประกันสุขภาพพื้นฐานมีความยั่งยืนและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2019 มีรายได้จากกองทุนประกันสุขภาพพื้นฐานแห่งชาติ (รวมประกันการคลอด) มูลค่า 2.44 ล้านล้านหยวน และมีค่าใช้จ่ายมูลค่า 2.09 ล้านล้านหยวน นอกจากนี้ ระบบความช่วยเหลือทางการแพทย์ยังมีบทบาทสำคัญในการประกันความมั่นคงทางการแพทย์ให้กับประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย ด้วยการสนับสนุนให้ประชาชนกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์พื้นฐานได้ตั้งแต่ปี 2018 ความช่วยเหลือทางการแพทย์นี้ได้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อยประมาณ 480 ล้านคน รวมมูลค่าประมาณ 330 พันล้านหยวน และได้ดำเนินมาตรการลดความยากจนโดยเฉพาะสำหรับผู้คนที่เจ็บป่วยร้ายแรงกว่า …

พามาเบิ่ง🥼จำนวนแพทย์และพยาบาลแต่ละประเทศในกลุ่ม GMS 👩‍⚕ อ่านเพิ่มเติม »

พาส่อง 4 ชุดประจำชาติจากแดนอีสาน 4 ใน 10 ชุดประจำชาติยอดเยี่ยม MUT 2024

“มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024” ในรอบ “ชุดประจำชาติ” หัวข้อ “งามล้ำหัตถศิลป์-ศิลปาชีพ” สัมผัสกับความวิจิตรงดงามของงานหัตถศิลป์และศิลปะชุดไทย โดยกองประกวดคาดหวังชุดที่ให้คุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมไทย ส่งเสริมสุนทรียะ ความงามของสตรี และให้ความสำคัญกับการสวมใส่ได้จริง สะท้อนคุณค่าความสำคัญของงานเบื้องหลังให้ปรากฏบนเวทีการประกวด ชุดประจำชาติในการประกวดปีนี้ ไม่จัดอยู่ในประเภท แฟนตาซี คาร์นิวัล พาเหรด.โดยมี 10 ชุดที่ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัล “10 Best National Costume Presented by The Mall Group” และจะได้ไปจัดแสดงโชว์ในงาน The Mall Lifestore Women Inspired Textile in Bloom ในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ซึ่งมีถึง 4 ชุดที่มาจากแดนอีสานกันเลยทีเดียว จากจังหวัดอะไรกันบ้าง มาดูกันเลยค่ะ. มหาสารคาม ศรีษะเกษ MUT 16 อังคณา ศรีสุวรรณชื่อชุด กินรีรดน้ำ เมื่อรดน้ำยาให้หลุดออกจึงพลันปรากฏลวดลายกินรีสีทองอร่าม เยื่องย่างออกกรีดกรายโผผินบินเริงระบำอ่อนช้อยงดงาม ดั่งปรากฏในจิตรกรรมไทย ชุดนี้ได้แรงบันดาลใจจากงานประณีตศิลป์ชั้นสูง ลายรดน้ำรูปกินรีอมนุษย์ครึ่งบนเป็นคนครึ่งล่างนก ผสมผสานเข้ากับแฟชั่นตามยุคสมัย ถือเป็นการยกระดับงานประณีตศิลป์ชั้นสูงในอีกมิตินึง ผ่านชุดแต่งกายประจำชาติไทย สืบทอดเป็นมรดกและเอกลักษณ์ด้านศิลปกรรมไทยอย่างแท้จริงออกแบบและตัดเย็บโดยธีรภัทรคชพันธ์. ศรีษะเกษ MUT 16 อังคณา ศรีสุวรรณชื่อชุด จักรีศิลป์กลิ่นลำดวน แรงบันดาลใจจากดอกลำดวนและชุดไทยจักรี ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยงานจักสาน ภูมิปัญญาหัตถศิลป์ของไทยอันงดงาม สะท้อนวัฒนธรรมไทยที่เป็นเอกลักษณ์ ผ่านลวดลายที่ประณีตและวัสดุธรรมชาติ ที่แสดงถึงความอ่อนช้อยของศิลปะแบบไทยผลิตโดยภาณุวัฒน์จันทร์ศิริห้องเสื้อ Haus of Whatanup เฮาส์ ออฟ วาทะนับ. อุบลราชธานี MUT 08 กานต์ฤทัย ทัศบุตรชื่อชุด ศาสตร์ศิลป์ (สาด-สิน) Ubon candle fest ofthailand ขบวนเทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานี ถือได้ว่าเป็นงานหัตถศิลป์ที่วิจิตรงดงามตระการตา โดยใช้ทั้งศาสตร์ความรู้ความชำนาญและศิลปะ เข้ามาผสมผสานกันเพื่อให้เกิดเป็นผลงานต้นเทียนในแต่ละคุ้มวัด โดยฝีมือสกุลช่างเทียนที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ขบวนเทียนส่วนมากจะเล่าเรื่องราวทางพระพุธศาสนาพุทธชาดกและมีสัตว์ป่าหิมพานต์ต่างๆ มากมาย จะถูกนำมาอยู่ในขบวนเทียนออกแบบโดยนายกรกฤตโกยกิจเจริญและนายกีรติทองสุขตัดเย็บโดย KORRATI (กอ-ระ-ติ). สกลนคร MUT 33 มาลินดา พุกทองชื่อชุด “รจนารีศรีคราม” สกลนครนครแห่งหัตถศิลป์ สีครามธรรมชาติสมบัติล่ำค่า แห่งวัฒนธรรมระดับโลก นำเสนอความงดงามผ่านอาภรณ์ของ “นางรจณา” และมาลัยครามเสี่ยงคู่ นางละครแห่งวรรณกรรมสยามประเทศ ที่ชาวโลกจะถูกสะกดตะลึงและประทับใจมิรู้ลืมออกแบบและตัดเย็บ โดยทีมนะกะวี ด่านลาพล และครูคหกรรม SNRU.อ้างอิงจาก : ผู้จัดการออนไลน์, dailynews..ติดตาม ISAN Insight & Outlook ได้ที่https://linktr.ee/isan.insight.#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #MUT2024 #MissUniverseThailand2024

🔎พามาเบิ่ง ข้าว GI แดนอีสาน กระจายอยู่ไหนบ้าง👨🏻‍🌾🌾🍚

🔎พามาเบิ่ง ข้าว GI แดนอีสาน กระจายอยู่ไหนบ้าง👨🏻‍🌾🌾🍚 . . 👨🏻‍🌾🌾ทำความรู้จัก “ข้าวอีสาน” หลากหลายสายพันธุ์ ที่เพาะปลูกในภาคอีสาน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น เกิดเป็น “ของดี” สะท้อนวิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาในพื้นที่ สู่การได้รับเครื่องหมาย “สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” หรือ “GI” ที่มาจากแหล่งผลิตเฉพาะเจาะจง ซึ่งไม่เพียงสร้างความภาคภูมิใจและสร้างรายได้ให้เกษตรกรและชุมชน แต่ยัง “ผงาด” เป็นสินค้าข้าวที่สามารถสร้างชื่อไกลในระดับโลก . 🌾🍚ข้าวฮางหอมทองสกลทวาปี ปลูกในพื้นที่อำเภอวาริชภูมิ อำเภอพังโคน และอำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร โดยนำมาผ่านกรรมวิธีเฉพาะตามหลักประเพณีการทำข้าวฮางที่สืบต่อกันมาในพื้นที่ดังกล่าว ข้าวกล้อง มีสีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลคล้ำ (เหลืองทอง) เมล็ด หอม เรียว แกร่ง ใส . 🌾🍚ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ปลูกในฤดูนาปี ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด คือ ร้อยเอ็ด ยโสธร สุรินทร์ มหาสารคาม และศรีสะเกษ เมล็ดข้าวยาว เรียว มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ ข้าวสารมีเมล็ดใสและแกร่ง ข้าวสุกมีความหอมและนุ่ม ด้วยความที่พื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ส่งผลให้ข้าวเกิดความเครียดจึงหลั่งสารหอม ทำให้มีความหอมมากกว่าข้าวหอมมะลิในพื้นที่อื่น . 🌾🍚ข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ ปลูกได้เฉพาะฤดูนาปี ในเขตพื้นที่อำเภอเขาวง อำเภอกุฉินารายณ์ (เฉพาะตำบลนาโก และตำบลหนองห้าง) และกิ่งอำเภอนาคู (เฉพาะตำบลนาดูและตำบลบ่อแก้ว) จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อนึ่งสุกจะหอมและนุ่มไม่แฉ ติดมือ และข้าวที่นึ่งแล้วเมื่อเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดหลายชั่วโมงจนข้าวเย็น ยังคงรักษาความอ่อนนุ่มไว้ได้ . 🌾🍚ข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี ปลูกในเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ในฤดูนาปีข้าวมีเมล็ดเรียวยาว ถ้าเป็นข้าวขาวจะมีสีขาวใส เป็นเงา มันวาว มีท้องไข่น้อยกว่า 6% เมื่อนำมาหุงสุกจะมีกลิ่นหอมและมีความเหนียวนุ่ม . 🌾🍚ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ ปลูกในจังหวัดสุรินทร์ในฤดูนาปี และมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ เมล็ดข้าวขาว เรียวยาวขาวใส เป็นเงา เลื่อมมัน เมื่อหุงสุกมีลักษณะอ่อนนุ่ม ชุ่มลิ้น กินอร่อย จนได้คำขนานนามว่า “ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ หอม ยาว ขาว นุ่ม” . 🌾🍚ข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ ปลูกในฤดูนาปี บนพื้นที่ทุ่งสัมฤทธิที่มีชั้นหินเกลือรองรับอยู่ด้านล่างของพื้นที่ ครอบคลุมพื้นที่ 14 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา ทำให้ข้าวมีเมล็ดเรียวยาว มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ . 🌾🍚ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ ปลูกในฤดูนาปี บนพื้นที่ที่มีแร่ธาตุจากดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ ทำให้เมล็ดข้าวเรียวยาวเลื่อมมัน มีท้องไข่น้อย เมื่อหุงสุกจะเหนียวนุ่มไม่แข็งกระด้าง ครอบคลุมพื้นที่ 7 อำเภอ ของจังหวัดบุรีรัมย์ได้แก่ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ อำเภอละหานทราย อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอห้วยราช อำเภอประโคนชัย อำเภอปะคำ และอำเภอนางรอง …

🔎พามาเบิ่ง ข้าว GI แดนอีสาน กระจายอยู่ไหนบ้าง👨🏻‍🌾🌾🍚 อ่านเพิ่มเติม »

ปริมาณการผลิตและสายพันธ์ุหมูท้องถิ่นในกลุ่มประเทศ GMS

กัมพูชามีปริมาณการผลิตหมูต่อปีที่ 101,251.76 ตัน  อุตสาหกรรมการผลิตเนื้อหมูในกัมพูชาปัจจุบันมีการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เนื่องจากการเลี้ยงหมูในกัมพูชาเองยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคที่มีประชากรใกล้เคียงกัน การขยายการเลี้ยงหมูของ CP Cambodia เป็นหนึ่งในตัวอย่างของการลงทุนดังกล่าว มุ่งเน้นการปรับปรุงเทคนิคการเลี้ยงและการจัดการฟาร์มเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดการนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศ พันธ์ุหมูท้องถิ่นในกัมพูชา มีดังนี้ พันธุ์หมูเขมรแดง (Khmer Rouge): พันธุ์หมูเขมรแดงเป็นพันธุ์หมูที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกัมพูชา เนื่องจากมีความทนทานและต้านทานโรคได้ดี อย่างไรก็ตาม พันธุ์นี้มีนิสัยก้าวร้าวมาก จึงไม่เหมาะกับการเลี้ยงในที่แคบกับคนหรือสัตว์อื่น ๆ พันธุ์หมูกัมพูชาขาว (Cambodian White): พันธุ์หมูกัมพูชาขาวเป็นอีกพันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมในกัมพูชา มีความก้าวร้าวน้อยกว่าหมูเขมรแดง แต่มีโครงสร้างร่างกายที่แข็งแรงและต้านทานโรคได้ดี พันธุ์หมูแม่น้ำโขงแดง (Mekong Red): พันธุ์หมูแม่น้ำโขงแดงเป็นหมูขนาดเล็กจากเวียดนาม แม้ว่าจะไม่ต้านทานโรคได้ดีเท่ากับสองพันธุ์ที่กล่าวถึงข้างต้น แต่ก็มีนิสัยสงบและง่ายต่อการเลี้ยง   จีนมีปริมาณการผลิตหมูต่อปีที่ 56,321,097.32 ตัน  ประเทศจีน เป็นประเทศที่ผลิตและบริโภคเนื้อหมูมากที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา การผลิตเนื้อหมูสเกลขนาดใหญ่ได้เข้ามาแทนที่ระบบการผลิตเนื้อหมูที่เคยทำโดยครอบครัว การใช้เทคโนโลยีการผสมพันธุ์ การให้อาหาร การฉีดวัคซีน และการจัดการแบบสมัยใหม่มีการใช้อย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยยังคงมีสัดส่วนมากในอุตสาหกรรมนี้ การผลิตเนื้อหมูในจีนมีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเข้มข้นในการใช้เทคโนโลยีอีกในอนาคต จากการเข้ามาของระบบปฎิบัตการ AI ในการช่วยบริหารและควบคุมคุณภาพ แต่การผลิตเนื้อหมูในจีนปัจจุบันยังมีความท้าทายในมิติการผลิตอย่างไรให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืน พันธ์ุหมูท้องถิ่นในจีน มีดังนี้ หมูไท่หู (TAIHU): หมูไท่หูมาจากหุบเขาไท่หู ใกล้กับเซี่ยงไฮ้ ในพื้นที่การเกษตรที่มีชื่อเสียง มีสภาพอากาศกึ่งเขตร้อนชื้น ฝนตกเหมาะสม และผลผลิตพืชสูง หมูไท่หูแบ่งออกได้หลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เหม่ยซาน เฟิงจิง เจียซิงดำ และเอ่อหัวเหลียน หมูไท่หูมีหัวใหญ่ หน้าผากกว้าง ผิวหนาและเหี่ยวย่น หูและปากใหญ่ตกลง มีขนสีดำบนตัวที่หนาและเป็นกลุ่ม หมูเหม่ยซานมีขนาดตัวใหญ่ที่สุดและมีความสามารถในการสืบพันธุ์สูง หมูจินหัว (JINHUA): หมูจินหัวมาจากภาคกลางของจีนในเขตที่มีอากาศชื้นและอบอุ่น เป็นพันธุ์ขนาดกลาง มีลำตัวสีขาว หัวและสะโพกสีดำ จึงถูกเรียกว่า “สองปลายดำ” หมูจินหัวเจริญเติบโตเร็วและมีความอุดมสมบูรณ์สูง สามารถปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ใช้ในการผลิตเนื้อสัตว์ ทำน้ำซุป และผลิตแฮม หมูจินหัวมีไขมันสะสมมาก ทำให้เนื้อมีรสชาติหวาน แฮมจินหัวเป็นที่รู้จักทั่วโลกในเรื่องรสชาติและสีชมพูอ่อน   ลาวมีปริมาณการผลิตหมูต่อปีที่ 101,253 ตัน  ในประเทศลาว เนื้อหมูเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญอันดับสองรองจากปลา และความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี การผลิตหมูในเขตเมืองเวียงจันทน์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ตั้งแต่ระบบการผลิตขนาดใหญ่เข้ามาแทนที่การผลิตแบบครัวเรือน ในปี 2020 ลาวมีจำนวนหมูประมาณ 4.3 ล้านตัว โดย 91% เป็นหมูพื้นเมือง และ 54% ของหมูทั้งหมดถูกเลี้ยงในเวียงจันทน์ ราคาเนื้อหมูเฉลี่ยในปี 2020 อยู่ที่ 46,000 กีบ/กก. เพิ่มขึ้น 22% จากปี 2019 และ 11% จากปี …

ปริมาณการผลิตและสายพันธ์ุหมูท้องถิ่นในกลุ่มประเทศ GMS อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง หมูในอีสาน กว่า 44 ล้านตัว กระจายอยู่ที่ไหนบ้าง

  หมูเป็นสัตว์เลี้ยงที่ให้เนื้อสำหรับมนุษย์ใช้บริโภคที่สำคัญมากประเภทหนึ่งและมีการเลี้ยงกันอยู่ทั่วไป ทั้งนี้เพราะหมูเป็นสัตว์ที่เลี้ยงดูง่ายเนื่องจากกินอาหารได้สารพัดอย่างขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว มีหลายประเทศทางแถบยุโรปและอเมริกาที่เลี้ยงหมูมากจนเป็นอุตสาหกรรมสามารถส่งเนื้อหมูเป็นสินค้าออกจำหน่ายต่างประเทศทำรายได้ให้ประเทศเหล่านั้นเป็นจำนวนมาก เนื้อหมูที่ส่งออกจำหน่ายมีทั้งที่เป็นเนื้อสดโดยแช่ไว้ในห้องแช่แข็งและเนื้อที่แปรรูปแล้ว.สำหรับประเทศไทย เนื้อหมูนับว่าเป็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะประชาชนส่วนใหญ่นิยมบริโภคเนื้อหมูมากกว่าเนื้อสัตว์อื่น ๆ อาหารแทบทุกมื้อมักจะมีเนื้อหมูเป็นส่วนประกอบอยู่เสมอ.ในประเทศไทยมีหมูทั้งหมดกว่า 12 ล้านตัว แล้วรู้หรือไม่ว่าหมูในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมากแค่ไหน?.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีหมูมากกว่า 2.7 ล้านตัว หรือคิดเป็นสัดส่วน 22.1% ของจำนวนหมูทั้งหมดในประเทศ และมีเกษตรกรที่เลี้ยงหมูอยู่ทั้งหมด 68,617 คน หรือคิดเป็น 45.7% ของจำนวนเกษตรกรที่เลี้ยงหมูในประเทศ.5 อันดับจังหวัดที่หมูมากที่สุดในภาคอีสานอันดับที่ 1 จังหวัดนครราชสีมา มีจำนวน 466,088 ตัวอันดับที่ 2 จังหวัดบุรีรัมย์ มีจำนวน 241,951 ตัวอันดับที่ 3 จังหวัดอุดรธานี มีจำนวน 227,451 ตัวอันดับที่ 4 จังหวัดชัยภูมิ มีจำนวน 186,673 ตัวอันดับที่ 5 จังหวัดอุบลราชธานี มีจำนวน 158,899 ตัว.หากดูข้อมูล 5 อันดับจังหวัดที่หมูมากที่สุด จะเห็นได้ว่ากระจุกตัวอยู่จังหวัดหลักในอีสาน อย่างนครราชสีมา บุรีรัมย์ อุดรธานี และอุบลราชธานี โดยทั้ง 4 จังหวัดนี้มีจำนวนหมูรวมกันได้มากกว่า 1.1 ล้านตัว หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 38.9% ทีเดียว.แต่ที่น่าสังเกตุที่สุดก็คือ จังหวัดชัยภูมิ มีจำนวนหมูมากเป็นอันดับ 4 ของภาคอีสาน อะไรที่ทำให้จังหวัดขนาดกลางในแง่เศรษฐกิจอย่างชัยภูมิมีจำนวนหมูมากขนาดนี้?.โดยในจังหวัดชัยภูมิก็มีบริษัทใหญ่อย่าง บริษัท นวฮะภูมิ 999 จำกัด ที่มีรายได้รวมในปี 2566 อยู่ 309 ล้านบาท และจากการดูข้อมูลฟาร์มเลี้ยงหมูในกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็พบว่า จังหวัดชัยภูมิ มีฟาร์มเลี้ยงหมูมากเป็นอันดับที่ 3 ของภาคอีสาน ซึ่งเป็นรองเพียงจังหวัดนนครราชสีมาและขอนแก่นเท่านั้น.ในจังหวัดชัยภูมิมีเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรกลับเข้ามาสู่ในอาชีพใหม่เป็นจำนวนมากหลังจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของ ที่ระบาดอย่างหนักในช่วงปี 2564 ถึง 2565..เมื่อดูการขับเคลื่อนของภาคส่วนต่างๆ ในส่วนของภาครัฐโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้วางแนวทางส่งเสริมและฟื้นฟูการเลี้ยงสุกรของเกษตรกรรายเล็กและเกษตรกรรายย่อย ด้วยการกำหนดพื้นที่นำร่อง Pig Sandbox หรือพื้นที่ควบคุมพิเศษ พร้อมอบรมให้ความรู้ด้านการเลี้ยงที่ได้มาตรฐาน ควบคู่กับการอุดหนุนปัจจัยจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นอาหารสัตว์ และลูกสุกรขุนราคาถูก ตลอดจนสนับสนุนช่วยเหลือด้านการเลี้ยง การตลาดและแหล่งทุน ขณะที่ภาคผู้เลี้ยง สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคต่างๆ ได้มุ่งเน้นให้ความรู้กับผู้เลี้ยงรายย่อยมาอย่างต่อเนื่อง.หากภาคการเลี้ยง โดยเฉพาะผู้เลี้ยงรายย่อยได้ปรับเปลี่ยนระบบให้มีการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐาน ผนวกกับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ภาครัฐจะจัดสรรให้ มั่นใจเหลือเกินว่า จะช่วยให้มีสุกรที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยกลับเข้าสู่ระบบ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนนี้ นับเป็นการเติมเต็มความพร้อม ซึ่งจะช่วยยกระดับให้ฟาร์มเล็กฟาร์มน้อยต่างๆ มีระบบป้องกันโรค และการเลี้ยงสัตว์ที่มีความเหมาะสม หากดำเนินการอย่างรัดกุม..อ้างอิงจาก:– กรมปศุสัตว์– CPF FEED– Thailand Plus Onlineติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่https://linktr.ee/isan.insightISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อี#สานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #หมู #หมูในอีสาน #เลี้ยงหมู #สุกร 

ชวนเบิ่ง คนอีสานมัก “สูบบุหรี่” มากแค่ไหน

ชวนเบิ่งคนอีสานมัก “สูบบุหรี่” มากแค่ไหน..อัตราการสูบบุหรี่ในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดต่ำสุด ในปี 2552 แต่หลังจากนั้นใน 2554 และ 2557 มีอัตราการสูบบุหรี่ที่สูงขึ้นทุกภาค ยกเว้นภาคอีสาน.สำหรับในปี 2564 ภาคใต้ยังมีอัตราการสูบบุหรี่สูงที่สุด 22.4% รองลงมาเป็นภาคอีสาน 18.0% ภาคกลาง 16.4% กรุงเทพมหานคร 16.1% และภาคเหนือ 15.6%.อัตราการลดลงของทุกภาคแสดงว่ามาตรการในการควบคุมยาสูบได้ผลดีในทุกภาคโดยภาคกลางและภาคเหนือ ดีกว่าภาคใต้และภาคอีสาน เป็นที่น่าสังเกตว่าแม้การสูบบุหรี่ในกรุงเทพมหานครจะ ต่ำสุดมาโดยตลอด แต่กลับมีอัตราสูบเพิ่มขึ้นในปี 2560 มาปี 2564 ทั้งนี้เป็นไปได้ว่ามีการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในช่วงหลังนี้..เมื่อไปดูเจาะเฉพาะภาคอีสานก็พบว่า มีสัดส่วนผู้สูบบุหรี่มากถึง 18.0% ซึ่งมีสัดส่วนมากเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ รองจากภาคใต้.โดยจังหวัดที่มีผู้สูบบุหรี่มากที่สุดในภาคอีสาน คือ จังหวัดมุกดาหาร มีสัดส่วนผู้สูบบุหรี่มากเป็นอับดับที่ 10 ของประเทศ โดยมีสัดส่วนมากถึง 22.6% (มีประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปอยู่จำนวน 100 คน จะผู้สูบบุหรี่ไปแล้ว 22-23 คน).ส่วนจังหวัดที่มีผู้สูบบุหรี่น้อยที่สุดในภาคอีสาน คือ จังหวัดศรีสะเกษ มีสัดส่วนเพียง 14.4% (มีประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปอยู่จำนวน 100 คน จะมีผู้สูบบุหรี่ 14-15 คน). ในอีกทางหนึ่ง ภาษียาสูบ ก็ถือเป็นรายได้อีกทางหนึ่งขาก รัฐ ซึ่งสามารถติดตามได้ที่บทความ .อ้างอิงจาก:– ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบมหาวิทยาลัยมหิดลติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่https://linktr.ee/isan.insight#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #สูบบุหรี่ #บุหรี่ #วันงดสูบบุหรี่โลก

พามาเบิ่ง ลายผ้าพื้นเมือง อัตลักษณ์ประจำจังหวัด 

พามาเบิ่ง ลายผ้าพื้นเมือง อัตลักษณ์ประจำจังหวัด ..กาฬสินธุ์ : ผ้าไหมแพรวาลายนาค ๑๒ แขน เป็นลายที่มีชื่อสัตว์ที่เป็นมงคลตามความเชื่อของคนอีสานลุ่มน้ำโขง และ 12 หมายความตามฮีค 12 ของคนอีสาน.ขอนแก่น : ผ้าลายแคนแก่นคูณแคน (KAN) King of Music สัญลักษณ์แทนความเจริญและสนุกสนาน เมืองแห่งหมอแคนแก่น (KAEN) King of Esan หมายถึงมหานครขอนแก่นคูน (Koon) King of Tree and Flower สัญลักษณ์ดอกไม้ประจำจังหวัดขอนแก่น ดอกคูน.ชัยภูมิ : ผ้าลายหมี่คั่นขอนารี เดิมเป็น ลายขอนารี จากนั้นชาวบ้านเขว้านำลายคั่นมาเสริมเพิ่มเข้าไปจึงได้ชื่อว่า ลายหมี่คั่นขอนารี.นครพนม : ผ้ามุก ผ้าทอลายยกมุก มาจากคนในพื้นที่คล้ายนำเอาหอยมุกมาเจียรนัยเข้าไปในเนื้อผ้า เป็นเอกลักษณ์จนถึงปัจจุบัน.นครราชสีมา : ผ้าหางกระรอกสีแสด “เส้นหางกระรอก” ใช้อุปกรณ์ในการตี คือ ไนและโบก และ “สีแสด”เป็นสีของธงประจำกองเสือป่านครราชสีมา ซึ่ง ร.6 พระราชทานให้แก่จังหวัดนครราชสีมา.บึงกาฬ : ผ้าลายหมากเบ็ง (เบญจลักษณ์แห่งบึงกาฬ) สีม่วง-ขาว คือ สีของจังหวัดบึงกาฬ ประกอบไปด้วยแม่น้ำโขง พญานาค ขันหมากเบ็ง ดอกสิรินธรวัลลี และหินสามวาฬ.บุรีรัมย์ : ผ้าหางกระรอกคู่ เป็นลายผ้าลายริ้วที่เกิดจากการสร้างลวดลายด้วยเส้นไหมต่างสี หรือเส้นไหมพิเศษทางเส้นพุ่งควบ 2 เส้น ในเนื้อผ้าดูคล้ายจะมีปุยขนอ่อนขึ้นมาเหมือนกับเส้นขนของหางกระรอก.มหาสารคาม : ผ้าลายสร้อยดอกหมาก มาจากสิ่งใกล้ตัว ดอกหมากหรือพวงของดอกหมาก โดยลายผ้าเกิดจากการมัดหมี่ นำลายโคมเก้าและโคมห้ามามัดซ้อนกัน.มุกดาหาร : ผ้าไหมลายแก้วมุกดา มีลักษณะเป็นดอกสีขาวหรือเรียกว่าลายตุ้ม แก้วมุกดาซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู๋เมืองของชาวมุกดาหาร.ยโสธร : ผ้าลายยศสุนทร (ลายลูกหวาย) เป็นสีฟ้า สีประจำ จ. ยโสธร และลูกหวาย คือต้นหวายที่มีลำต้นอ่อนโยน เหนียว ไม่หักง่าย เป็นตัวแทนของความหนักแน่น มั่นคง สามัคคี.ร้อยเอ็ด : ผ้าไหมลายสาเกต มีสีดอกอินทนิลบก (สีชมพูอมม่วง) เริ่มต้นจากลายโคมเจ็ด นาคน้อย คองเอี้ย ค้ำเพ้า และหมากจับ.เลย : ผ้าลายดอกฝ้ายเมืองเลย ดอกฝ้ายสะท้อนถึงภาพในอดีตของ จ.เลย ที่เคยเป็นแหล่งปลูกฝ้ายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเป็นลวดลายของต้นดอกฝ้ายทั้งดอกตูม ดอกเล็ก และกวักฝ้าย.ศรีสะเกษ : ผ้าเหยียบลายลูกแก้ว มาจากลวดลายของหวายป่า ลักษณะคล้ายผลระกำหรือสละ มีรูปร่างเป็นช่อคล้ายลูกแก้วในปัจจุบัน.สกลนคร : ผ้าลายนครธรรม ประกอบด้วย 5 ลวดลายที่มาเชื่อมโยงกัน ลายดอกไม้ป่า (ดอกมณีเทวา) อยู่ที่อุทยานแห่งชาติภูพาน, นครธรรม สื่อถึงความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนา, ลายหัวใจ …

พามาเบิ่ง ลายผ้าพื้นเมือง อัตลักษณ์ประจำจังหวัด  อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง ผ้า GI จาก 8 จังหวัดในอีสาน

พามาเบิ่ง ผ้า GI จาก 8 จังหวัดในอีสาน . . ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ จดทะเบียนขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2550 เป็นผ้าทอที่ประดิษฐ์ลายด้วยการขิด และ การจก ใช้เส้นไหมตีเกลียวเป็นทั้งเส้นยืนและเส้นพุ่ง รวมทั้งเส้นไหมเพิ่มพิเศษ ทำให้เกิดลวดลายตามกรรมวิธีของชาวผู้ไทยจังหวัดกาฬสินธุ์ . ผ้าไหมมัดหมี่ชนบท จดทะเบียนขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2552 สร้างลวดลายและสีสันด้วยการค้นลำหมี่และมัดย้อมอย่างประณีตตามกรรมวิธีที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น เอกลักษณ์ของผ้าไหมมัดหมี่ชนบท เป็นผ้าไหมมัดหมี่ที่สร้างลวดลายและสีสันโดยการมัดและย้อมเส้นไหมที่แบ่งเป็นปอยเล็กๆ เนื้อผ้าแน่นนุ่ม เป็นมันวาว มีปุ่มปมลวดลายละเอียดชัดเจน มีการกำหนดขนาดของผ้าและขั้นตอนในการทอที่มีระเบียบวิธี มีทั้งผ้าหน้านาง ผ้าชุด ผ้าถุง หรือผ้าซิ่น ผ้าสไบ ผ้าพันคอ และผ้าคลุมไหล่ . ผ้าไหมมัดหมี่ซิ่นตีนแดงบุรีรัมย์ จดทะเบียนขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2563 ทอลวดลายให้เด่นบนผืนผ้าด้วยการมัดหมี่และทอเรียงเส้นตามลักษณะลายต่อเนื่องกัน การทอผ้าไหมมัดหมี่ซิ่นตีนแดงถือเป็นการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากคนรุ่นเก่าไปสู่คนรุ่นใหม่ นิยมสวมใส่เฉพาะงานพิธีกรรมทางศาสนา งานบุญประเพณี พิธีการสำคัญ ซึ่งหลอมรวมความเชื่อ และความผูกพันของคนในชุมชนเข้าไว้ด้วยกัน . ผ้าหมักโคลนหนองสูง จดทะเบียนขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2559 เนื้อผ้านุ่ม สีไม่ตก มีกลิ่นหอมละมุนของดิน ชาวผู้ไทมีภูมิปัญญาในการปั่นใยฝ้ายเป็นเส้นเพื่อนำมาทอผ้า และสกัดสีจากพืชตามธรรมชาติเพื่อนำมาย้อมผ้า เมื่อพบว่าโคลนในพื้นที่อ.หนองสูง ปละพื้นที่ใกล้เคียงเป็นโคลนที่มีเนื้อละเอียด ชาวผู้ไทจึงได้ทดลองนำเส้นใยผ้าที่ผ่านการย้อมสีจากพืชธรรมชาตินำไปหมักในโคลนก่อนนำไปทอ ทำให้เกิดเป็นผ้าที่มีโทนสีนุ่มนวลสดใส ให้สัมผัสนิ่มนวลและซับเหงื่อได้เป็นอย่างดี . ผ้าไหมเก็บบ้านเมืองหลวง จดทะเบียนขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2557 ผ้าไหมทอมือด้วยทอ ผ้าแบบพื้นบ้านให้เกิดลวดลายจากผ้า เรียกว่าลายลูกแก้ว ย้อมสีดำด้วยผลมะเกลือ อบด้วยสมุนไพรทำให้ ผ้าไหมมีกลิ่นหอม และมีการปักลวดลายด้วยเส้นไหมสีสันต่างๆ หรือการปักแซวให้มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ . ผ้าครามธรรมชาติสกลนคร จดทะเบียนขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2549 มีสีน้ำเงินเข้มเป็นมันวาว ไม่ตกสี มีกลิ่นเฉพาะตัว สร้างชื่อเสียงให้กับตัวจังหวัดเป็นเวลานาน ด้วยคุณภาพและการผลิตที่พิถีพิถันมีจุดเด่นจาก 2 ส่วน คือ สีคราม แม้จะย้อมให้เข้มหรือจางก็ให้สีสดใสเป็นเงางาม ติดเนื้อผ้า ทนทาน และความเด่นของเส้นใยฝ้ายที่มีคุณสมบัติระบายอากาศและซึมซับน้ำได้ดี . ผ้าไหมสาเกต จดทะเบียนขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2559 ประดิษฐ์ขึ้นด้วยลายผ้ามัดหมี่โบราณพื้นบ้าน 5 ลาย มาทอต่อกันในผ้าผืนเดียวกัน โดยมีลายโคมเจ็ด ลายนาคน้อย ลายคองเอี้ย ลายค้ำเพ้า และลายหมากจับ โดยมีเอกลักษณ์สำคัญคือลายนาคน้อย 12 ตัว อยู่ตรงกลางและลายหมากจับ 3 ลำ . ผ้าไหมคึมมะอุบัวลาย จดทะเบียนขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2549 ผ้าไหมทอมือชนิด 2 …

พามาเบิ่ง ผ้า GI จาก 8 จังหวัดในอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง อีสานจังหวัดไหน ใช้สินค้าไอทีมากที่สุด?

พามาเบิ่งอีสานจังหวัดไหนใช้สินค้าไอทีมากสุด.ในปัจจุบันเรียกได้ว่า ไม่มีบ้านหลังไหน หรือ ครัวเรือนไหนไม่มี อุปกรณ์ดิจิทัลประเภทคอมพิวเตอร์ เพราะ คอมพิวเตอร์ ถือเป็นอุปกรณ์ด้านไอทีที่มีความสำคัญในการสร้างงาน สร้างความบันเทิง เช่น เกม ภาพยนตร์ ตลอดจนเข้าถึงข้อมูล ค้นหาข้อมูลต่างๆ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต.สรุป ประเด็นน่าสนใจ ครัวเรือนอีสานมีคอมพิวเตอร์ เพียง 14% แต่กว่า 95% ของคนอีสานมีโทรศัพท์ โดยที่ผู้สูงอายุ(อายุ 60 ปีขึ้นไป)ในอีสานกว่า 67% ไม่รู้วิธีใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัล.สัดส่วนครัวเรือนที่ถือครอง คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์เทียบเท่าคอมพิวเตอร์ในไทยจะพบว่า อีสาน มีสัดส่วนอุปกรณ์คอมฯ เมื่อเทียบกับจำนวนครัวเรือนในรายภูมิภาคต่ำที่สุด โดยแจกแจงได้ ดังนี้กรุงเทพมหานคร 39%ภาคกลาง 23%ภาคเหนือ 20%ภาคใต้ 19%ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14%.และหากเรียงลำดับสัดส่วนครัวเรือนที่ถือครองคอมพิวเตอร์มากไปน้อย จะได้ดังนี้มหาสารคาม 26.5%นครราชสีมา 19.6%ขอนแก่น 19.5%ชัยภูมิ 17.1%อุบลราชธานี 16.1%ศรีสะเกษ 14.7%หนองคาย 13.6%นครพนม 13.5%สุรินทร์ 12.9%หนองบัวลำภู 12.7%มุกดาหาร 11.8%อำนาจเจริญ 11.6%เลย 10.0%บุรีรัมย์ 9.7%อุดรธานี 9.4%บึงกาฬ 8.8%สกลนคร 8.45%ร้อยเอ็ด 7.97%กาฬสินธุ์ 7.22%ยโสธร 5.10%แต่หากเรียงลำดับสัดส่วนครัวเรือนที่ถือครองโทรศัพท์มือถือมากไปน้อย จะได้ดังนี้ขอนแก่น 98.6%อุบลราชธานี 98.1%อุดรธานี 97.4%บึงกาฬ 97.2%หนองบัวลำภู 96.8%หนองคาย 96.8%มหาสารคาม 96.7%กาฬสินธุ์ 96.3%ร้อยเอ็ด 96.2%ชัยภูมิ 95.6%นครราชสีมา 95.3%ศรีสะเกษ 95.3%สกลนคร 95.0%บุรีรัมย์ 94.8%ยโสธร 94.7%นครพนม 94.3%อำนาจเจริญ 93.5%มุกดาหาร 93.1%เลย 92.8%สุรินทร์ 90.7% ซึ่งการที่ประชากรอีสานมีอุปกรณ์ดิจิตัลมากขึ้น ก็ย่อมส่งผลต่อการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต มากตามขึ้นไปด้วยนั่นเอง โดยสัดส่วนประชากรอีสานตั้งแต่อายุ 6 ขวบขึ้นไปที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตนั้นสามารถอ่านต่อได้ที่ลิงก์ https://isaninsight.kku.ac.th/3q9c..หน่วย: สัดส่วนต่อครัวเรือนที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ.ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่https://linktr.ee/isan.insight.#ISANInsightandOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #คอมพิวเตอร์ #มือถือ

พามาเบิ่ง  “EVEANDBOY” อาณาจักรเครื่องสำอางเจ้าดังระดับประเทศ

พามาเบิ่ง “EVEANDBOY” อาณาจักรเครื่องสำอางเจ้าดังระดับประเทศ..จุดเริ่มกำเนิดของต้นของ EVEANDBOY.EVEANDBOY เริ่มจากร้านซูเปอร์มาร์เก็ต ชื่อ “สารคามซูเปอร์มาร์เก็ต” ในจังหวัดมหาสารคาม โดยทำธุรกิจมานานหลายสิบปีตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ พอความความเจริญเข้าไปต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดห้างร้านโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ เริ่มผุดกันเป็นดอกเห็ด ทำให้ธุรกิจต้องถึงเวลาปรับตัวแบบ 360 องศา ไม่อย่างนั้นก็จะสู้กับห้างไม่ได้.คุณ หิรัญ ตันมิตร เป็นหนึ่งในทายาทของสารคามซูเปอร์มาร์เก็ต ได้มีความคิดว่าถ้าขายสินค้าเครื่องสำอางน่ามีโอกาสไปรอดมากกว่า เพราะขายเครื่องสำอางมีกำไรส่วนต่างสูง จึงร่วมกับพี่สาวซึ่งได้เปิดและตั้งชื่อ EVEANDBOY ชื่อร้านมากจากชื่อเล่นของทั้งสองคน โดยร้านขายเครื่องสำอางเริ่มแรกปี พ.ศ.2548 เป็นจำหน่ายคอสเมติกหลากหลายยี่ห้อที่ได้นำแนวคิดจากต่างประเทศนำมาใช้.โดยมองว่าเป็นเทรนด์ของผู้หญิงยุคใหม่ชอบซื้อสินค้าจากร้านแบบนี้มากกว่าคอนเซาส์กับบีเอตามเคาน์เตอร์แบรนด์ห้างสรรพสินค้า เพราะลูกค้าสามารถเดินเลือกดูได้ตามความชอบ และจากการชักชวนปากต่อบากของลูกค้าทำให้ EVEANDBOY ขยายสาขาไปสู่กรุงเทพ และจังหวัดต่างๆในภาคอีสาน จำนวน 11 สาขา และมีแผนขยายเพิ่มอีกในเวลาอันใกล้.รูปแบบธุรกิจ.การทำธุรกิจของ EVEANDBOY คือ การขายพร้อมขยายตลาดเชิงรุก โดยมีการขยายตลาดจากต่างจังหวัดเข้าสู่กรุงเทพฯ หรือ “ป่าล้อมเมือง” เลือกทำเลที่มีคนเป็นแหล่งผู้คนพลุกพล่าน เช่น สยาม รังสิต เมกาบางนา สยามสแควร์วัน เป็นต้น เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่และมีโอกาสเติบโตค่อนข้างมาก.ปัจจุบันร้านมีเครื่องสำอางมากกว่า 900 แบรนด์ มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 5 หมื่นรายการ ทำให้ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี และที่สำคัญคือเป็นเครื่องสำอางของแท้ที่ราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดกว่าปกติประมาณ 30% สินค้าทุกชิ้นนำเข้าโดยดิสทริบิวเตอร์ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าทุกชิ้นเป็นสินค้าที่มีคุณภาพแน่นอน..อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเครื่องสำอางของ EVEANDBOY ได้ทำให้เราได้เห็นว่า การเข้าใจลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในตลาดและมีคู่แข่งใหญ่อย่าง Watsons Boots แต่ EVEANDBOYสามารถขึ้นมาเป็นคู่แข่งได้ เพราะมีความแตกต่างที่จุดขาย โฟกัสกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน ราคา โปรโมชั่น คุณภาพและการโฆษณา EVEANDBOY การสร้างความแตกต่างทางการตลาดทั้ง โดยฉีกกฎเดิม ๆ ไม่ว่าจะชนิดของสินค้าที่มีเฉพาะ ราคาที่จับต้องได้ การโฆษณาที่เข้าถึงได้ง่าย และโปรโมชั่นที่โดนใจ. ข้อมูลพื้นฐานบริษัท ชื่อธุรกิจ    บริษัท อีฟ แอนด์ บอย จำกัด CEO คุณ หิรัญ ตันมิตร ปีก่อตั้ง 2548  สาขาทั้งหมด 24 สาขา สาขาในภาคอีสาน 3 สาขา เริ่มก่อตั้ง จังหวัด มหาสารคาม มูลค่าบริษัท 1,223 ล้านบาท จุดเริ่มต้น EVEANDBOY เริ่มจากร้านซูเปอร์มาร์เก็ต ชื่อ “สารคามซูเปอร์มาร์เก็ต” ในจังหวัดมหาสารคาม โดยทำธุรกิจมานานหลายสิบปีตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ พอความความเจริญเข้าไปต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดห้างร้านโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ เริ่มผุดกันเป็นดอกเห็ด ทำให้ธุรกิจต้องถึงเวลาปรับตัว คุณหิรัญได้มีความคิดว่าถ้าขายสินค้าเครื่องสำอางน่ามีโอกาสไปรอดมากกว่า จึงร่วมกับพี่สาวซึ่งได้เปิดและตั้งชื่อ EVEANDBOY ชื่อร้านมากจากชื่อเล่นของทั้งสองคน    งบการเงิน ปี 2560 รายได้รวม 1,636 ล้านบาท                                                                                                                                                                                                                                         …

พามาเบิ่ง  “EVEANDBOY” อาณาจักรเครื่องสำอางเจ้าดังระดับประเทศ อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top