Infographic

ชวนมาเบิ่ง ภาคอีสานใช้ไฟฟ้ากว่า 23,241 ล้านกิโลวัตต์ กระจายอยู่ไหนบ้าง

ในปี 2565 ประเทศไทยมีพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายและใช้จำนวน 141,001 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง แล้วรู้หรือไม่ว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายและใช้อยู่จำนวนเท่าไหร่?   ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายและใช้อยู่จำนวน 23,241 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง หรือคิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 16.5% ของพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายและใช้ทั้งหมดในประเทศ ถือว่ามากเป็นอับดับที่ 2 ของประเทศเลยทีเดียว โดยเป็นรองเพียงภาคกลางเท่านั้นที่ มีพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายและใช้อยู่ที่ 84,028 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง    เมื่อลงลึกไปดูการใช้ไฟฟ้าเป็นประเภทในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็พบว่า การใช้ไฟฟ้าในบ้านอยู่อาศัยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 90.8% รองลงมา คือ ใช้ในธุรกิจ 7.2% และใช้ไฟฟ้าสูบน้ำเพื่อการเกษตร 0.04%    แต่เมื่อไปดูการใช้ไฟฟ้าสูบน้ำเพื่อการเกษตร พบว่า ภาคอีสานใช้ไฟฟ้าสูบน้ำเพื่อการเกษตรมากกว่า 45.5% ของการใช้ไฟฟ้าสูบน้ำเพื่อการเกษตรทั้งหมดในประเทศ ซึ่งสาเหตุนั่นก็คือภาคอีสานเป็นแหล่งภาคการเกษตรที่สำคัญของประเทศนั่นเอง     5 อันดับจังหวัดที่มีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุด   อันดับที่ 1 นครราชสีมา 6,263 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง อันดับที่ 2 ขอนแก่น 2,579 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง อันดับที่ 3 อุบลราชธานี 1,712 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง อันดับที่ 4 อุดรธานี 1,622 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง อันดับที่ 5 บุรีรัมย์ 1,313 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง   จะเห็นได้ว่า นครราชสีมามีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุด เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่และยังเป็นแหล่งศูนย์กลางความเจริญของภาคอีสาน อีกทั้งยังมีนิคมอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมากมายในช่วง 10 ปีหลัง และนครราชสีมายังเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศ โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และวังน้ำเขียว จึงทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับการบริการเกิดขึ้นใหม่มากมาย ส่งผลให้การใช้ไฟฟ้าจึงมากกว่าทุกจังหวัด    อีกทั้งการใช้ไฟฟ้าที่มากทั้ง 5 จังหวัด ซึ่งอาจสะท้อนว่ามีครัวเรือนรายได้สูงอาศัยอยู่มากเนื่องจากความเจริญทางเศรษฐกิจและความสะดวกในการคมนาคม   ข้อมูลการใช้ไฟฟ้าสามารถใช้เป็นตัวแทนที่บ่งบอกการกระจายตัวของรายได้ครัวเรือนได้ ดังนั้น ความเหลื่อมล้ำในการใช้ไฟฟ้าจึงสามารถใช้เป็นตัวแทนเพื่อบ่งบอกความเหลื่อมล้ำของรายได้ครัวเรือนได้เช่นกัน ความเหลื่อมล้ำมีการเคลื่อนไหวตามฤดูกาล    โดยความเหลื่อมล้ำจะสูงที่สุดในฤดูร้อน และต่ำที่สุดในฤดูหนาว ซึ่งความมีฤดูกาล (seasonality) ของความเหลื่อมล้ำนี้เอง สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนถึงความเหลื่อมล้ำในการถือครองเครื่องใช้ไฟฟ้าของครัวเรือน เพราะครัวเรือนรายได้สูงมักถือครองเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบฟุ่มเฟือย เช่น เครื่องปรับอากาศ มากกว่า และจะมีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้สูงขึ้นในฤดูร้อน จึงทำให้ระดับการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนรายได้สูงแตกต่างจากครัวเรือนรายได้ต่ำอย่างชัดเจนในฤดูร้อนของทุกปี นอกจากความเหลื่อมล้ำในการใช้ไฟฟ้าจะแสดงความเป็นฤดูกาลภายในแต่ละปีแล้ว ยังมีแนวโน้มระยะยาวที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งบ่งชี้ถึงความเหลื่อมล้ำของรายได้ที่สูงขึ้นตามไปด้วย     อ้างอิงจาก:  – สำนักงานสถิติแห่งชาติ – การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค – สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ – Drdancando   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook …

ชวนมาเบิ่ง ภาคอีสานใช้ไฟฟ้ากว่า 23,241 ล้านกิโลวัตต์ กระจายอยู่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

ความท้าทายของการวิจัยและพัฒนาในกลุ่มประเทศ GMS: ไทยจะสามารถก้าวทันหรือจะถูกทิ้งห่าง?

“เวียดนาม มีจำนวนสิทธิบัตรสะสม มากกว่า ไทย แล้ว” งานวิจัยและพัฒนาถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างนวัตกรรมและเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขัน สิ่งที่จีนสามารถทำได้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมอย่างรวดเร็วเป็นผลมาจากการนำแนวคิดการพัฒนาแบบไล่กวด (catch-up development) มาใช้ โดยจีนอาศัยการใช้ตลาดในประเทศขนาดใหญ่เป็นเครื่องมือในการต่อรองกับบริษัทยักษ์ใหญ่จากตะวันตกเพื่อให้เกิดการถ่ายโอนเทคโนโลยีในหลายสาขาการผลิต นอกจากนี้ จีนยังสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้มาและเทคโนโลยีเหล่านี้ไปต่อยอดอย่างมีประสิทธิภาพ จนสามารถพัฒนาให้ทันหรือแม้กระทั่งล้ำหน้าตะวันตกในหลายด้าน อย่างไรก็ตาม แนวทางการพัฒนานี้ไม่ใช่สิ่งใหม่ เพราะประเทศในเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เคยใช้วิธีการคล้ายกันมาแล้ว เพียงแต่การพัฒนาเศรษฐกิจของจีนมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างออกไปตรงที่จีนได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มข้นจากภาครัฐ ทั้งในด้านนโยบายและทรัพยากร ซึ่งทำให้จีนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมของโลกได้อย่างรวดเร็ว ในภูมิภาค GMS (Greater Mekong Subregion) ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจมากที่สุดถ้าไม่นับจีน โดยส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยเฉพาะจากญี่ปุ่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ความไม่เสถียรทางการเมืองและการขาดความต่อเนื่องของนโยบายได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย ทำให้ประเทศยังคงติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลาง (middle-income trap) เนื่องจากการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ยังไม่เพียงพอ ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น เวียดนาม เวียดนามกลายเป็นจุดหมายสำคัญของการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งคล้ายกับสถานการณ์ของไทยในอดีต ปัจจุบัน เวียดนามมีแรงงานที่มีจำนวนและคุณภาพสูงกว่าไทย ซึ่งส่งผลให้ประเทศมีอำนาจในการบริโภคที่เพิ่มขึ้น และเป็นแรงจูงใจให้บริษัทต่างชาติเลือกที่จะลงทุนในเวียดนามเพื่อผลิตสินค้าและบริการในประเทศมากขึ้น นี่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เวียดนามมีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นขึ้นในภูมิภาค GMS. เวียดนามมีข้อได้เปรียบเชิงเศรษฐกิจที่สำคัญเพิ่มเติมนอกเหนือจากจำนวนและคุณภาพของแรงงานที่สูงกว่าไทย โดยเฉพาะในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในจุดเด่นคือการมีท่าเรือน้ำลึกที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการค้าระหว่างประเทศและการเชื่อมต่อทางโลจิสติกส์ โดยท่าเรือน้ำลึกเหล่านี้ช่วยลดต้นทุนในการขนส่งและเวลาในการขนส่งสินค้า ทำให้เวียดนามเป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการส่งออกที่มีต้นทุนต่ำและรวดเร็ว นอกจากนี้ เวียดนามยังได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาคุณภาพของการศึกษา โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) ซึ่งทำให้มีแรงงานที่มีทักษะสูงที่สามารถสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การมีแรงงานที่มีการศึกษาที่มีคุณภาพสูงทำให้เวียดนามสามารถดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมได้มากขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจในระยะยาว ด้วยการพัฒนาทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษา เวียดนามไม่เพียงแค่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค GMS แต่ยังมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้อำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้นในเวทีโลก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาตลาดที่มีศักยภาพสูงในระยะยาว. ภาคอีสานของไทยยังคงเผชิญกับปัญหาและความท้าทายที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ หนึ่งในปัญหาหลักคือการกระจายตัวของสถานศึกษาที่มีคุณภาพยังไม่ทั่วถึง ส่งผลให้การพัฒนาทักษะและคุณภาพของแรงงานในภาคอีสานยังคงต่ำกว่ามาตรฐานที่ต้องการ การขาดแคลนสถานศึกษาที่มีคุณภาพทำให้ภูมิภาคนี้ไม่สามารถผลิตบุคลากรที่มีทักษะสูงที่พร้อมจะสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมที่ใช้ความรู้และนวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การทำธุรกิจในภาคอีสานยังคงเผชิญกับอุปสรรคในการทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐ เนื่องจากการที่ระบบราชการและโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจยังมีความเข้มข้นอยู่เฉพาะในกรุงเทพฯ และภาคตะวันออก ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการในอีสานต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเข้าถึงบริการและการสนับสนุนจากภาครัฐ นี่เป็นปัจจัยที่ทำให้ภาคอีสานไม่สามารถพัฒนาศักยภาพในการผลิตงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีคุณภาพและปริมาณได้เต็มที่ ในเชิงเศรษฐศาสตร์ การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคอีสานสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การกระจายตัวของสถานศึกษาที่มีคุณภาพและการพัฒนาคุณภาพของแรงงานในภูมิภาคนี้จะช่วยเพิ่มผลิตภาพทางเศรษฐกิจ (economic productivity) ของภูมิภาค และลดความเหลื่อมล้ำในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค ในระยะยาว ภาคอีสานมีศักยภาพที่จะกลายเป็นแหล่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของไทย เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีประชากรมากที่สุดและมีพื้นที่กว้างขวาง หากสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการสนับสนุนจากภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาคอีสานจะสามารถดึงดูดการลงทุนและสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในอนาคต. ที่: WIPO, อุทยานวิทยาศาสตร์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จังหวัดขอนแก่น), กรมทรัพย์สินทางปัญญา

🔎พามาเบิ่ง “โรงไฟฟ้าในอีสาน” กระจายอยู่ที่ไหนบ้าง

พามาเบิ่ง “โรงไฟฟ้าในอีสาน” กระจายอยู่ที่ไหนบ้าง . ประเทศไทยมีโรงไฟฟ้ามากถึง 100 แห่ง แล้วเคยรู้หรือไม่ว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมากแค่ไหน? ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวล, โรงไฟฟ้าพลังน้ำ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม . . . 📍ชัยภูมิ – โรงไฟฟ้า บริษัท ภูเขียว ไบโอ-เอ็นเนอร์ยี จำกัด มีกำลังการผลิต 12 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย  – โรงไฟฟ้าเขื่อนจุฬาภรณ์ มีกำลังการผลิต 40 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ พลังน้ำ . 📍นครราชสีมา – โรงไฟฟ้าเขื่อนลำตะคอง มีกำลังการผลิต 500 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ พลังน้ำ – โรงไฟฟ้า บริษัท อุตสาหกรรมโคราช จำกัด มีกำลังการผลิต 15 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย – โรงไฟฟ้า บริษัท บัวใหญ่ ไบโอ เพาเวอร์ จำกัด มีกำลังการผลิต 7.3 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ แกลบ – โรงไฟฟ้า บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด มีกำลังการผลิต 26 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย – โรงไฟฟ้า บริษัท น้ำตาลราชสีมา จำกัด มีกำลังการผลิต 34 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย . 📍บุรีรัมย์ – โรงไฟฟ้า บริษัท สตึก ไบโอแมส จำกัด มีกำลังการผลิต 7.5 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ แกลบ, เปลือกไม้ – โรงไฟฟ้า บริษัท แอ๊ดวานซ์ไบโอพาวเวอร์ จำกัด มีกำลังการผลิต 9.8 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ แกลบ, เปลือกไม้ – โรงไฟฟ้า บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด มีกำลังการผลิต 14.8 MW และเชื้อเพลิงหลัก คือ ชานอ้อย …

🔎พามาเบิ่ง “โรงไฟฟ้าในอีสาน” กระจายอยู่ที่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติม »

“สินภูฮ่อม” พบก๊าซธรรมชาติเพิ่ม 30 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน 🔎ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “แหล่งปิโตรเลียม” อยู่ที่ไหนบ้าง⛽️💡⚡️

“สินภูฮ่อม” พบก๊าซธรรมชาติเพิ่ม 30 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน  ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “แหล่งปิโตรเลียม” อยู่ที่ไหนบ้าง . . หากพูดถึงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ซึ่งเป็น “ต้นน้ำ” ของ อุตสาหกรรมพลังงาน นั้น ยุคบุกเบิก ปิโตรเลียม ในไทยปี 2514 รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติปิโตรเลียม เพื่อให้เอกชนทำการสำรวจแหล่งปิโตรเลียมอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น หลังจากนั้นได้ก้าวเข้าสู่ยุคโชติช่วงของการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม  . โดยเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในปี 2524 จากแหล่งก๊าซเอราวัณในอ่าวไทย และเริ่มผลิตน้ำมันดิบได้ในปี 2526 จากแหล่งสิริกิติ์ จังหวัดกำแพงเพชร ทำให้ประเทศไทยสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบในเชิงพาณิชย์ได้นับแต่นั้นมา . ประเทศไทยมีแหล่งปิโตรเลียมที่เป็นน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งแหล่งในทะเลอ่าวไทย และแหล่งบนบก โดยก๊าซธรรมชาติมีแหล่งผลิตในทะเล เช่น แหล่งเอราวัณ แหล่งบงกช แหล่งอาทิตย์ เป็นต้น และมีแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติบนบก เช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติสินภูฮ่อม จังหวัดอุดรธานี และแหล่งก๊าซธรรมชาติน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ในภาคอีสานบ้านเรานั่นเอง . . แหล่งก๊าซสินภูฮ่อม ตั้งอยู่บนแปลงสัมปทาน EU1 และ E5N ขนาดพื้นที่ 232.2 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและขอนแก่น . เริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2549 ชนิดของปิโตรเลียมที่ได้ คือ ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว โดยมีอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติ คิดเป็นสัดส่วน 3% ของปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติทั้งประเทศ โดยมีอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติเฉลี่ย 95 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และก๊าซธรรมชาติเหลว (Condensate) เฉลี่ย 200 บาร์เรลต่อวัน (ข้อมูลเดือนพฤษภาคม 2567) . ในช่วง 3 ปี 2560 – 2563 มีการจัดเก็บค่าภาคหลวงจากแหล่งก๊าซธรรมชาติสินภูฮ่อมรวม 2,425.2 ล้านบาท แบ่งเป็นการจัดสรรรายได้แผ่นดิน 970.1 ล้านบาท และจัดสรรรายได้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 1,455.1 ล้านบาท . เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ได้ขุดเจาะพบก๊าซธรรมชาติ โดยมีการประเมินอัตราการไหลของก๊าซธรรมชาติได้ที่ประมาณ 30 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งส่งผลดีต่อประเทศที่มีแหล่งพลังงานเพิ่ม สามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงานได้ท่ามกลางสภาวะความไม่แน่นอนของสถานการณ์พลังงานโลกในปัจจุบัน . . แหล่งก๊าซน้ำพอง ก่อตั้งขึ้นในปี 2522 และในปี 2533 เริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติเป็นครั้งแรก โดยมีพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมจำนวน 34.4 ตารางกิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อำเภอน้ำพอง และอำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น​ ก๊าซธรรมชาติที่ผลิตจากแหล่งดังกล่าวประมาณวันละ 15 ล้านลูกบาศก์ฟุต และถูกส่งไปเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้ประชาชนกว่าล้านครัวเรือนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ยังสร้างรายได้ให้แก่รัฐ รวมทั้งสิ้นประมาณ …

“สินภูฮ่อม” พบก๊าซธรรมชาติเพิ่ม 30 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน 🔎ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “แหล่งปิโตรเลียม” อยู่ที่ไหนบ้าง⛽️💡⚡️ อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง “แรมซาร์ไซต์”  พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศในภาคอีสาน🏔️🌳🍃

“พื้นที่ชุ่มน้ำ” ว่าคืออะไร? มื้อนี้ ISAN Insight & Outlook สิมาเว้าสู่ฟัง …    แรมซาร์ไซต์หรือพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศนี้ ถือเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นตัวแทนหายากหรือมีลักษณะพิเศษเฉพาะ ซึ่งพบในเขตชีวภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม มีความสำคัญระหว่างประเทศสำหรับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับชนิดพันธุ์และชุมชนประชากรทางนิเวศของนกน้ำและปลา ภายใต้อนุสัญญาแรมซาร์ (Ramsar Convention) หรืออนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งเป็นอนุสัญญาที่จัดขึ้นที่เมืองแรมซาร์ ประเทศอิหร่านในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2514    อนุสัญญาฯ นับเป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาลเพื่อกำหนดกรอบการทำงานสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อปี 2518 และเพื่อให้เกิดความตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำ มีการกำหนดให้ทุกวันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก (World Wetlands Day)   ในประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำกว่า 15 พื้นที่ที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar Sites) โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอยู่ทั้งหมด 3 แห่งด้วยกัน ได้แก่   พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง📍จังหวัดบึงกาฬ ขึ้นทะเบียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2544 ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นลำดับที่ 1,098 ของโลก เป็นบึงน้ำจืดธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่มีขนาดพื้นที่รวมกว่า 13,837.5 ไร่ ตั้งแต่ตำบลบ้านต้อง, ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา และ ตำบลบึงโขงหลง, ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง มีลักษณะแคบยาวเกิดจากลำห้วยหลายสายไหลมารวมกันน้ำมีความยาวประมาณ 13 กิโลเมตร ความกว้าง 2 กิโลเมตร ในบึงมีความลึกโดยเฉลี่ยประมาณ 0.5 – 1 เมตร โดยส่วนที่ลึกสุดประมาณ 6 เมตร บึงโขงหลงเป็นส่วนที่ราบน้ำท่วมถึงของแม่น้ำสงคราม น้ำจากบึงไหลลงสู่แม่น้ำสงครามก่อนออกแม่น้ำโขง   ปัจจุบันพื้นที่การเกษตรโดยรอบมีการเปลี่ยนแปลงเป็นสวนยางพารา ไร่ยาสูบ และสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 3.12 ล้านบาท/ปี โดยจำแนกเป็นมูลค่าจากการประมง 1.73 ล้านบาท/ปี การท่องเที่ยว 0.19 ล้านบาท/ปี และการบริการ 1.20 บาท/ปี     พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง📍จังหวัดบึงกาฬ ขึ้นทะเบียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2552 ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นลำดับที่ 1,926 ของโลก ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง ที่มีขนาดพื้นที่รวม 13,750 ไร่ เป็นแหล่งธรรมชาติที่มีความสำคัญมีคุณค่าการใช้ประโยชน์ด้านเป็นแหล่งประกอบอาชีพและการท่องเที่ยว ได้แก่ ด้านการประมง จัดเป็นแหล่งประมงปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของชาวบึงกาฬ สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนปีละจำนวนมาก ด้านการปศุสัตว์ เนื่องจากเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ของพืชอาหารและน้ำเหมาะสำหรับการเลี้ยงโคและกระบือด้วยวิธีธรรมชาติ ด้านการเกษตร พื้นที่เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดต่างๆ ปัจจุบันพื้นที่โดยรอบบางส่วนมีการทำสวนยางพารามากขึ้น และด้านการท่องเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณโดยรอบ ได้แก่ หลวงพ่อใหญ่ วัดโพธาราม ศาลเจ้าแม่สองนาง หาดทรายตามริมน้ำโขง หนองกุดทิง และหนองบึงกาฬ …

พามาเบิ่ง “แรมซาร์ไซต์”  พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศในภาคอีสาน🏔️🌳🍃 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🥇🥈🥉ความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ 🇹🇭 สุดยอดนักกีฬาผู้พิชิตเหรียญ โอลิมปิก 2024 และ สรุปผลการแข่งขัน #โอลิมปิก2024

พามาเบิ่ง🥇🥈🥉ความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ 🇹🇭สุดยอดนักกีฬาผู้พิชิตเหรียญ โอลิมปิก 2024 . สรุปผลการแข่งขัน #โอลิมปิก2024 ขอขอบคุณนักกีฬาไทย ผู้ฝึกสอน และผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน ที่สร้างผลงานและชื่อเสียงให้ประเทศไทยในมหกรรมโอลิมปิก 2024 ทุกคนเก่งมาก 👏👏 🥇1 เหรียญทอง 🥈3 เหรียญเงิน 🥉2 เหรียญทองแดง ยินดีกับนักกีฬาทุกคนที่คว้าเหรียญรางวัล 🥇🥈🥉และส่งกำลังใจให้นักกีฬาที่ไม่ได้เหรียญรางวัล คุณเก่งมากๆ เดินหน้าพัฒนาต่อไป เพื่อคนที่คุณรักและแฟนกีฬาทุกคน . 🥋เทควันโด 🥇พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ // เหรียญทอง 👏บัลลังก์ ทับทิมแดง // ตกรอบ 16 คนสุดท้าย 👏ศศิกานต์ ทองจันทร์ // ตกรอบชิงเหรียญทองแดง รอบแรก _____________________________________________________________________ 🥊มวยสากล 🥉จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง (66 กก.หญิง) // เหรียญทองแดง 👏ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด (51 กก.ชาย) // ตกรอบ 16 คนสุดท้าย 👏บรรจง สินศิริ (63 กก.ชาย) // ตกรอบ 8 คนสุดท้าย 👏วีระพล จงจอหอ (80 กก.ชาย) // ตกรอบ 32 คนสุดท้าย 👏จุฑามาศ รักสัตย์ (50 กก.หญิง) // ตกรอบ 8 คนสุดท้าย 👏จุุฑามาศ จิตรพงศ์ (54 กก.หญิง) // ตกรอบ 16 คนสุดท้าย 👏ธนัญญา สมนึก (60 กก.หญิง) // ตกรอบ 32 คนสุดท้าย 👏ใบสน มณีก้อน (75 กก.หญิง) // ตกรอบ 16 คนสุดท้าย _____________________________________________________________________ 🏋️‍♂️ยกน้ำหนัก 🥈ธีรพงศ์ ศิลาชัย (61 กก.ชาย) // เหรียญเงิน 🥈วีรพล วิชุมา (73 กก.ชาย) // เหรียญเงิน 🥉สุรจนา คำเบ้า (49 กก.หญิง) // เหรียญทองแดง 👏ดวงอักษร ใจดี (+81 กก.หญิง) …

พามาเบิ่ง🥇🥈🥉ความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ 🇹🇭 สุดยอดนักกีฬาผู้พิชิตเหรียญ โอลิมปิก 2024 และ สรุปผลการแข่งขัน #โอลิมปิก2024 อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง “สุราท้องถิ่นแดนอีสาน” มีมากแค่ไหนในแต่ละจังหวัด

“สุรา” ก้าว(หน้า)ไปทางไหน ? . “สุราก้าวหน้า” เป็นโยบายที่หวังสร้างรายได้ขยายการเติบโตของ SME รายย่อยของไทย โดยการแก้ พ.ร.บ.สรรพสามิต เปิดทางให้การผลิตเหล้าเบียร์ทำได้อย่างเปิดกว้างมากขึ้น ลดการผูกขาดของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อย สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ และสามารลดการผูกขาดธุรกิจสุราในกลุ่มนายทุนใหญ่เพียงไม่กี่กลุ่ม . . สุรากลั่นท้องถิ่นในภาคอีสาน . รายได้และการจำหน่ายสุรากลั่นท้องถิ่นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับการท่องเที่ยว เนื่องจากรูปแบบการจัดจำหน่ายที่ยังถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ผู้ผลิตเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายหน้าร้านโดยตรง การจำหน่ายในลักษณะนี้จำกัดโอกาสในการเข้าถึงตลาดกว้างขวาง อีกทั้งการผลิตสุรากลั่นท้องถิ่นยังคงไม่สามารถผลิตในปริมาณมากและมีราคาที่ถูกกว่าสุรากลั่นจากแบรนด์ใหญ่ในตลาดได้ ส่งผลให้ตลาดสุรากลั่นท้องถิ่นยังไม่สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงได้ในเร็ว ๆ นี้ รายได้ของสุรากลั่นท้องถิ่นจึงยังคงขึ้นอยู่กับกระแสการบริโภคของนักดื่มเป็นหลัก นอกจากนี้ ความจำเป็นในการพัฒนารสชาติและการตลาดอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเพื่อรักษาความน่าสนใจในตลาด แตกต่างจากแบรนด์ใหญ่ที่มีโอกาสติดตลาดได้ง่ายกว่าและสามารถจัดจำหน่ายได้อย่างทั่วถึง ซึ่งส่งผลให้แบรนด์ใหญ่มีรายได้ที่มั่นคงและสามารถคาดการณ์ได้มากกว่าสุรากลั่นท้องถิ่น . โดยสินค้าเกษตรที่นิยมนำไปใช้ผลิตสุรากลั่นในภาคอีสาน ได้แก่ ข้าวเหนียว และ อ้อย ซึ่งเป็นผลผลิตที่นิยมปลูกเป็นอย่างมากในภาคอีสาน ถ้าหากนำผลผลิตทางการเกษตรที่ไม่ได้ก่อให้เกิดมูลค่าส่งให้แก่โรงกลั่นเพื่อผลิตสุรากลั่นท้องถิ่นจะเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร . และธุรกิจสุรากลั่นท้องถิ่นจะส่งผลในทางบวกต่อ supply chian ทั้งต้นน้ำอย่างเกษตรกร และปลายน้ำอย่างร้านอาหารที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นหลัก . . ในปัจจุบันอุตสาหกรรมเบียร์ในบ้านเราเกือบทั้งหมดถูกครอบครองโดยผู้ผลิตรายใหญ่เพียง 2 รายเท่านั้น คือ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันราว 95% ของปริมาณจำหน่ายเบียร์ทั้งหมดในประเทศ  . ในขณะที่อุตสาหกรรมสุรา มีการแข่งขันที่น้อยกว่าเบียร์มาก เนื่องจากมีข้อจำกัดของกฎหมายที่ส่งผลให้ผู้ผลิตรายใหม่เข้าสู่ธุรกิจได้ยาก และถึงแม้จะเข้ามาได้ก็ไม่สามารถที่จะแข่งขันได้ ตลาดจึงถูกผูกขาดโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 80% ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีผลิตภัณฑ์สุราสำหรับตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกระดับกว่า 30 แบรนด์ . ปัจจุบัน ทิศทางของนโยบายสุราก้าวหน้ายังไม่แน่ชัดว่า ท้ายที่สุดจะไปทางไหน แต่ข้อกังวลและความท้าทายที่ละเลยไม่ได้ คือ การควบคุมการบริโภค โดยเฉพาะในเยาวชน รวมทั้งการติดตามและเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงของการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทย โดยเฉพาะการดื่มในระดับอันตราย การดื่มแล้วขับขี่ยานพาหนะ และผลกระทบทางสุขภาพระยะยาวที่อาจจะเป็นผลเกิดขึ้นตามมา จากการเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบทางสุขภาพกาย สุขภาพจิตและภาวะทางอารมณ์ รวมไปถึงสุขภาพสังคมด้วยเช่นกัน . . ในปัจจุบันสุราท้องถิ่นแดนอีสานมีการกระจายอยู่ทั่วภาคอีสาน ดังนี้ 📍กาฬสินธุ์ – พัวร์ (PUR) – สุราตรางูทอง 📍ขอนแก่น – คูน (Koon) 📍ชัยภูมิ – The Spirit of Chaiyaphum  – ไร่ฟ้าเปลี่ยนสี เหล้าเตยหอม  – Spirit of Laen kha 📍นครพนม – เหล้าอุเรณูนคร 📍นครราชสีมา – Red jungle  📍บุรีรัมย์ …

พามาเบิ่ง “สุราท้องถิ่นแดนอีสาน” มีมากแค่ไหนในแต่ละจังหวัด อ่านเพิ่มเติม »

เทียบโครงสร้างประชากรไทย ในอีก 20 ปีข้างหน้า ในวันที่คนไทยเหลือ 60 ล้านคน

ฮู้บ่ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเหลือประชากรเพียง 60 ล้านคนเท่านั้น . #โลกในขณะที่ประชากรโลกกำลังเพิ่มช้าลง จำนวนและสัดส่วนของประชากรสูงอายุกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปี พ.ศ.2565 ทั่วทั้งโลกมีประชากรสูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มากถึง 1,109 ล้านคนคิดเป็นร้อยละ 14 ของประชากรโลก 8,000 ล้านคน . #อาเซียน ในปี พ.ศ.2565 มี 7 ใน 10 ของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” ที่มีสัดส่วนของประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกินกว่าร้อยละ 10 เหลือเพียง 3 ประเทศได้แก่ลาวกัมพูชาและฟิลิปปินส์เท่านั้นที่ยังไม่เป็นสังคมผู้สูงอายุ . #ประเทศไทย ปี 2564 เป็นครั้งแรกที่อัตราการเกิดของเด็กไทยต่ำกว่าอัตราการตาย และอัตราการเกิดมีเเนวโน้มลดลงในทุกๆ ปีเเละคาดการณ์ว่าจะลดลงโดยไม่มีทีท่าจะเพิ่มขึ้น ผนวกกับอัตราการตายที่ลดลง ทำให้อัตราการเปลี่ยนเเปลงของประชากรตามธรรมชาติมีเเนวโน้มลดลงตามไปด้วย ซึ่งการที่อัตราการเปลี่ยนเเปลงของประชากรตามธรรมชาตินี้ลดลง ทำให้ประชากรในอนาคตจะมีอายุเฉลี่ยที่มากขึ้นเรื่อยๆ . จากวิถีชีวิตของหนุ่มสาวที่เปลี่ยนไป สถานะภาพทางสังคม และการศึกษาที่สูงขึ้น ผู้หญิงอยู่เป็นโสดมากขึ้น ทำงานนอกบ้านมากขึ้น แต่งงานช้าลง ความต้องการมีบุตรลดลง และผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์มีจำนวนน้อยลง ทำให้อัตราการเกิดลดต่ำลง และก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ #สังคมคนโสด โดยสัดส่วนคนโสดของประชากรวัยเจริญพันธุ์(อายุ 15-49 ปี) เป็นโสดกว่า 40.5% และหากเจาะจงเฉพาะ ช่วงอายุ 15-25 ปี เป็นโสดมากถึง 50.9% . ปัจจุบันสัดส่วนผู้สูงอายุของภาคกลาง และภาคเหนือ อยู่ในระดับสูง บางจังหวัดอยู่ในภาวะสังคมผู้สูงอายุ เกิน 25% ของประชากร . #อีสาน 𝗜𝗦𝗔𝗡 𝗣𝗼𝗽𝘂𝗹𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสานมีประชากรมากถึง 21.7 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ โดยภาคอีสานมีสัดส่วนเฉลี่ยรวมผู้สูงอายุกว่า 17.80% ของประชากรทั้งหมด และหากมองเทียบในระดับภูมิภาค ภาคอีสานมีสัดส่วนผู้สูงอายุน้อยเป็นรองเพียงภาคใต้เท่านั้น . ประเทศที่มีประชากรลดลง และเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เผชิญกับ ผลกระทบ ดังนี้ ด้านเศรษฐกิจ แรงงานลดลง: ส่งผลต่อภาคการผลิต ภาคบริการ เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว ขาดแคลนแรงงานทักษะสูง: ส่งผลต่อการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น: เงินบำนาญ สวัสดิการผู้สูงอายุ การบริโภคภายในประเทศลดลง: กำลังซื้อลดลง การออมและการลงทุนลดลง: กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ . ด้านสังคม ปัญหาครอบครัว: ผู้สูงอายุอยู่คนเดียว ภาระดูแลผู้สูงอายุตกอยู่กับคนรุ่นหลัง ปัญหาสุขภาพ: โรคเรื้อรัง อุบัติเหตุ ปัญหาช่องว่างระหว่างวัย: ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ ปัญหาอาชญากรรม: …

เทียบโครงสร้างประชากรไทย ในอีก 20 ปีข้างหน้า ในวันที่คนไทยเหลือ 60 ล้านคน อ่านเพิ่มเติม »

ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “ของฝากสุดแซ่บขึ้นชื่อ” แต่ละจังหวัดในภาคอีสาน และ ตลาดของฝากไทย Gift Industry

ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “ของฝากสุดแซ่บขึ้นชื่อ” แต่ละจังหวัดในภาคอีสาน . . ของฝากเด็ดจากดินแดนอีสาน แซ่บถึงใจ! ภาคอีสานของเรานั้นขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปแบบของสินค้าหัตถกรรมและอาหารพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวภาคอีสานแล้วล่ะก็ ไม่ควรพลาดที่จะนำของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านไปฝากคนที่คุณรักกันนะคะ . วันนี้ ISAN Insight and Outlook จะพาไปตะลุยของฝากเด็ดจากแต่ละจังหวัดในภาคอีสานกัน กาฬสินธุ์ หมูทุบ, หมูสวรรค์ ขอนแก่น หม่ำเมืองพล, ไก่ย่างเขาสวนกวาง ชัยภูมิ หม่ำตำนานรัก นครพนม กะละแม, เหล้าอุเรณูนคร นครราชสีมา ผัดหมี่โคราช, ข้าวตัง บึงกาฬ ขนมเบื้องกรอบ บุรีรัมย์ กุ้งจ่อม, กุนเชียง มหาสารคาม โหน่งปลาร้าบอง มุกดาหาร ปอเปี๊ยะสด ยโสธร ถั่วคั่วทราย, ไข่มดแดงกระป๋อง ร้อยเอ็ด กุนเชียง, แหนม เลย มะพร้าวแก้วเชียงคาน, มะขามหวาน ศรีสะเกษ ทุเรียนภูเขาไฟ สกลนคร โคขุนโพนยางคำ, น้ำหมากเม่า สุรินทร์ กุนเชียง, กะละแมสุรินทร์ หนองคาย แหนมเนือง, หมูยอ หนองบัวลำภู ปลาส้ม อำนาจเจริญ ปลาทูหอมสมุนไพร, หมู-เนื้อแผ่น อุดรธานี แหนมเนือง, ไส้กรอกอีสาน อุบลราชธานี หมูยออุบล, ก๋วยจั๊บอุบล . นี่เป็นเพียงตัวอย่างของของฝากจากภาคอีสานเท่านั้น ยังมีอีกมากมายให้คุณได้เลือกกัน หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกของฝากจากภาคอีสานนะคะ . นอกจากของฝากแดนอีสานแล้ว อีสาน อินไซต์ จะพามาเบิ่ง วัฒนธรรมการให้และรับของขวัญ (Gift Giving) ถือเป็นธรรมเนียมเก่าแก่ที่เกิดมาควบคู่กับมนุษยชาติ และมีวิวัฒนาการไปตามแต่ละยุคสมัย เป็นขนบนิยมสากลทั่วโลกเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน เพราะนัยสำคัญคือการแสดงมิตรไมตรีจิตและการขอบคุณตอบแทนกลับ จะแตกต่างกันก็เพียงรูปแบบและวิธีการ ซึ่งยึดโยงกับประเพณีในพื้นถิ่นนั้น ๆ   แม้ว่าการให้ของขวัญจะไม่จำเป็นต้องตอบแทนกลับในรูปแบบ “สิ่งของ” เสมอไป แต่ตามธรรมเนียมปฏิบัติในหลายประเทศทั่วโลกนั้น การให้และได้รับคืนกลับ คือหลักที่พึงปฏิบัติเสมอ ไม่ว่าจะเป็นในรูปของธรรมเนียมตามปกติ หรือเป็นประเพณีตามเทศกาลโอกาสพิเศษต่าง ๆ และได้กลายเป็นระบบ “เศรษฐกิจของขวัญ” (Gift Economy) ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปแล้วทั่วโลก ในขณะที่ตลาดอุตสาหกรรมของขวัญของไทย (ล้านบาท) ของที่ระลึกขายนักท่องเที่ยว 28,000 ล้านบาท คิดเป็น 43.8% ส่งออกต่างประเทศ 24,000 ล้านบาท คิดเป็น 37.5% ของชำร่วยส่งเสริมการขาย 10,000 ล้านบาท คิดเป็น 15.6% ของขวัญ 2,000 ล้านบาท คิดเป็น …

ชวนมาเบิ่ง ตัวอย่าง “ของฝากสุดแซ่บขึ้นชื่อ” แต่ละจังหวัดในภาคอีสาน และ ตลาดของฝากไทย Gift Industry อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง การเข้าถึงและค่าใช้จ่ายของอาหารเพื่อสุขภาพ ของประเทศในกลุ่ม GMS

พามาเบิ่ง การเข้าถึงและค่าใช้จ่ายของอาหารเพื่อสุขภาพ ของประเทศในกลุ่ม GMS . ภูมิภาคเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง Greater Mekong Subregion (GMS) นั้นขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายทางวัฒนธรรมและอาหารการกิน ซึ่งอาหารแต่ละประเทศก็มีเอกลักษณ์และวัตถุดิบเฉพาะตัวที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและภูมิประเทศ แต่ถึงแม้จะมีความแตกต่าง อาหารอาเซียนส่วนใหญ่ก็มีส่วนประกอบที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือ วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น ผัก ผลไม้ สมุนไพร และข้าว ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งสิ้น   อาหารในภูมิภาคนี้ที่ควรลอง: ข้าว: เป็นอาหารหลักของหลายประเทศในอาเซียน มีทั้งข้าวกล้อง ข้าวเหนียว และข้าวหอมมะลิ ซึ่งให้คาร์โบไฮเดรตที่เป็นพลังงานหลักแก่ร่างกาย ผัก: ผักใบเขียว ผักสีส้ม และผักหลากสีสัน อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น ผักบุ้ง ผักกาดขาว ผักกาดเขียว กะหล่ำปลี แตงกวา มะเขือเทศ ผลไม้: ผลไม้ตามฤดูกาล เช่น มะม่วง มังคุด ทุเรียน ลองกอง ส้ม กล้วย ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินและใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย โปรตีน: ได้จากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ถั่ว และไข่ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ในร่างกาย สมุนไพร: ขมิ้นชัน กระเทียม พริกไทยดำ มีสรรพคุณทางยา ช่วยต้านอนุมูลอิสระและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อาหารในกลุ่มประเทศ GMS นั้นไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อยและหลากหลาย แต่ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่จำเป็นต่อร่างกาย การเลือกทานอาหารอาเซียนที่ปรุงอย่างถูกสุขลักษณะและมีส่วนผสมที่หลากหลาย จะช่วยให้คุณได้รับสารอาหารครบถ้วนและมีสุขภาพที่ดี ตัวอย่างอาหารสุขภาพจากประเทศต่างๆ กลุ่มประเทศ GMS: ไทย: แกงเขียวหวานไก่, ต้มยำกุ้ง, ส้มตำ, ผัดไทย เวียดนาม: ก๋วยจั๊บญวน, ผัดซีอิ้ว, ส้มตำ, ปอเปี๊ยะสด ลาว: ลาบ, ส้มตำ, แหนมเนือง, ไส้อั่ว กัมพูชา: อามก, สัมลอร์ค็อก, น้ำพริก, ขนมจีน จีน: เต้าหู้, ซุปเห็ด, ผัดผักรวมมิตร, ปลาอบซีอิ๊ว วิเคราะห์ข้อมูลการเข้าถึงและค่าใช้จ่ายของอาหารเพื่อสุขภาพในกลุ่มประเทศ GMS จากการรวบรวมข้อมูลของ ISAN Insight ที่แสดงให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพ และสัดส่วนประชากรที่เข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาพในแต่ละประเทศสมาชิกกลุ่มประเทศ GMS (Greater Mekong Subregion) นั้น สามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้ ภาพรวม ค่าใช้จ่ายแตกต่างกัน: ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยประเทศจีนแผ่นดินใหญ่มีค่าใช้จ่ายต่ำสุด ขณะที่ประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายสูงสุด การเข้าถึงแตกต่างกัน: สัดส่วนประชากรที่เข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาพในแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยประเทศลาวมีสัดส่วนประชากรที่เข้าถึงสูงสุด ขณะที่ประเทศเวียดนามมีสัดส่วนประชากรที่เข้าถึงต่ำสุด การวิเคราะห์รายประเทศ กัมพูชา: มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันค่อนข้างสูง แต่ข้อมูลเกี่ยวกับสัดส่วนประชากรที่เข้าถึงยังไม่มีการเก็บรวบรวมหรือเผยแพร่อย่างชัดเจน โดยอาหาร และสินค้าโภคภัณฑ์หลายอย่างมีการนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อวันสูง ในขณะที่ค่าเงินอ่อน จีนแผ่นดินใหญ่: …

พามาเบิ่ง การเข้าถึงและค่าใช้จ่ายของอาหารเพื่อสุขภาพ ของประเทศในกลุ่ม GMS อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top