IPO พลิกชีวิต? สำรวจ 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ภาคอีสานหลังเข้าตลาดหุ้น
ในวันนี้จะพามาดู 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ในภาคอีสานที่เข้าตลาดหุ้นว่านับตั้งแต่วันที่เข้าตลาดวันแรกจนถึงปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด เป็นที่ทราบกันดีว่าบริษัทขนาดใหญ่เมื่อทำกิจการมาซักระยะหนึ่งก็จะมีความต้องการในการขยายกิจการไปยังพื้นที่ต่างๆ หรือการขยายสาขาเพื่อการเติบโตทางธุรกิจ โดยแน่นอนอยู่แล้วว่าการขยายกิจการไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตามสิ่งที่ตามมาด้วยเป็นเงาตามตัวนั่นคือ “เงิน” ที่จำเป็นต้องใช้ในการขยายกิจการ ซึ่งแหล่งที่มาของเงินทุนนั้นมีหลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินของกิจการเดิมของตัวเองมาขยายกิจการใหม่เพิ่ม การเข้าไปขอกู้เงินกับทางธนาคาร และการเข้าตลาดหุ้นเพื่อระดมทุน โดยในแต่ละวิธีนั้นไม่มีคำจำกัดความว่าบริษัทไหนต้องใช้รูปแบบไหนขึ้นอยู่กับความเห็นของตัวผู้บริหาร หรือบอร์ดบริหาร ณ ช่วงเวลานั้นว่ามองเห็นอะไรที่เป็นจุดที่น่าสนใจในแต่ละวิธี โดยการนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหุ้นนั้นถือว่าเป็นการหาแหล่งระดมเงินทุนในระยะยาวก็สามารถพูดได้ว่าเป็นเช่นนั้น โดยข้อดีของการระดมทุนในตลาดหุ้นคือการปราศจากดอกเบี้ยและภาระการชำระคืนเงินต้น ซึ่งต่างจากการไปกู้ธนาคารที่จะมีดอกเบี้ยในอัตราที่สูง อีกทั้งส่วนหนึ่งยังเป็นสิ่งที่เพิ่มความน่าเชื่อถือของตัวบริษัทด้วย แต่หากมิงดูดีๆแล้วจะพบว่าโกลบอลเฮ้าส์นั้นเป็นบริษัทเจ้าเดียวที่ไม่มีสาขาในกรุงเทพมหานครเลยแม้แต่สาขาเดียว ขณะที่บริเวณปริมณฑลนั้นมีสาขาอยู่ล้อมรอบซึ่งอาจจะสามารถมองได้ว่าเป็นกลยุทธหรือวิธีการทางธุรกิจบางอย่างที่บริษัทพิจารณามาแล้วว่าจะไม่ทำตลาดในกรุงเทพมหานครเลย สำหรับบริษัทแรกเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับคนไทยไม่ใช่เพียงแค่คนอีสานเท่านั้น บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (Global House) ก่อตั้งโดย คุณวิทูร สุริยวนากุล โกลบอลเฮ้าส์เริ่มแรกที่จังหวัดร้อยเอ็ด ในวันที่ 14 พ.ย. 2540 ปัจจุบันผ่านมาแล้วเกือบ 27 ปี โกลบอลเฮ้าส์ได้มีการขยายสาขาถึงเกือบ 80 สาขา โดยในปี 2566 ที่ผ่านมาโกลบอลเฮ้าส์มีรายได้รวมจากการประกอบกิจการอยู่ที่ 33,013.75 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 2,671.43 ล้านบาท แม้ว่าตัวเลขจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่ในด้านของรายได้รวมและกำไรสุทธิของปี 2566 นั้นกลับต่ำกว่าปี 2564 และ 2565 ที่ผ่านมาผลจากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ แต่ว่าหากมองในฝั่งของตลาดหุ้นนั้นจะพบว่าโกลบอลเฮ้าส์ได้เข้าตลาดหุ้นตั้งแต่ 19 ส.ค. 2552 ปัจจุบันผ่านมาแล้ว 15 ปีจากเดิมที่ IPO ในราคาต่อหุ้นที่ 2.55 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 15.80 บาท เพิ่มขึ้น 519.61% แสดงถึงความน่าเชื่อถือและความไว้ใจจากหลายฝ่ายที่ทำให้หุ้นโตมาได้ถึงขนาดนี้ หากมองย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกที่มีการเข้าตลาดหุ้นมานั้นถือว่ากระแสตอบรับของโกลบอลเฮ้าส์เป็นไปในทิศทางที่ดี นับว่าเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากหลังจากมีการเข้าตลาดหุ้นมา สำหรับบริษัทในลำดับถัดมายังคงอยู่ในหมวดค้าวัสดุก่อสร้างที่รู้จักกันทั่วประเทศนั่นคือ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) (DoHome) ก่อตั้งโดย คุณอดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา และคุณนาตยา ตั้งมิตรประชา เดิมทีในตอนตั้งบริษัทตอนแรกนั้นไม่ได้มีชื่อว่าดูโฮมแต่เป็น “ศ. อุบลวัสดุ” ในปี 2526 โดยได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น “ดูโฮม” ในปี 2539 หรือหลังจากนั้น 13 ปี โดยในปัจจุบันดูโฮมมีสาขาทั้งสิ้น 25 สาขา และ 1 ศูนย์กระจายสินค้า ในปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 31,615.25 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 526.40 ล้านบาท หากดูในด้านของตัวเลขรายได้รวมนั้นไม่มีความแตกต่างจากโกลบอลเฮ้าส์มากซักเท่าไหร่ แต่ในด้านของกำไรนั้นกลับพบว่ามีการปรับลดลงในช่วงสองปีที่ผ่านมาสวนทางกับรายได้ที่มีการเพิ่มขึ้นในแต่ละปี อาจสรุปได้ว่ามีเหตุผลที่คล้ายกับทางโกลบอลเฮ้าส์ที่ภาวะความผันผวนของภาคอสังหาในด้านราคาส่งผลกระทบต่อความต้องการในการสร้างและซื้อบ้าน ขณะที่ในด้านของราคาหุ้นนั้นจะพบว่า ณ วันที่ 6 ส.ค. 2562 ซึ่งเป็นวัน IPO เปิดราคาหุ้นที่ 7.80 บาท …
IPO พลิกชีวิต? สำรวจ 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ภาคอีสานหลังเข้าตลาดหุ้น อ่านเพิ่มเติม »