พามาเบิ่ง ตัวอย่าง สุดยอดค้าปลีก-ส่งภูธรรายได้พันล้านในไทย

ร้านค้าปลีก-ค้าส่งภูธร: ยืนหยัดท่ามกลางทุนใหญ่ด้วยความสัมพันธ์และการปรับตัว

 

“ร้านโชห่วยหน้าปากซอย” อาจดูเล็กน้อยในสายตาหลายคน แต่สำหรับชุมชนแล้ว ที่นี่คือทั้งแหล่งซื้อของ ศูนย์กลางข่าวสาร และบางครั้งก็เป็นเสมือนเพื่อนบ้านที่พึ่งพาได้ แม้ห้างใหญ่และร้านสะดวกซื้อจะขยายตัวไม่หยุด ร้านค้าปลีกและค้าส่งภูธรกลับยังคงยืนหยัดอยู่ได้ เพราะพวกเขามีสิ่งหนึ่งที่ทุนใหญ่ไม่เคยมีนั่นคือ “ความผูกพันกับคนในพื้นที่”

แม้ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากทุนใหญ่และการเปลี่ยนแปลงของตลาด แต่ร้านค้าปลีกและค้าส่งภูธรยังคงสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ด้วยจุดแข็งเฉพาะตัวที่ยากจะลอกเลียนแบบ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชุมชน ความเข้าใจในท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง และความคล่องตัวในการปรับตัว ซึ่งทั้งหมดนี้คือหัวใจสำคัญที่ทำให้พวกเขายังเป็น “ผู้เล่นที่น่าจับตา” ในระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น

หัวใจของความแข็งแกร่งของร้านค้าภูธรคือความสัมพันธ์ส่วนบุคคล เจ้าของร้านและพนักงานมักเป็น “คนกันเอง” ในพื้นที่ ทำให้รู้จักและเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง บรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ห้างใหญ่ไม่สามารถสร้างได้ง่าย นอกจากนี้ ร้านค้าภูธรยังสามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะถิ่นได้ดี ไม่ว่าจะเป็นสินค้าทำบุญ เครื่องปรุงเฉพาะท้องถิ่น หรือสินค้าแบ่งขายในปริมาณเล็กน้อยเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของคนในชุมชน

อีกหนึ่งจุดแข็งที่ไม่อาจมองข้ามคือ “ระบบเครดิต” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ติดไว้ก่อน” ร้านค้าท้องถิ่นสามารถให้ลูกค้าประจำลงบัญชีไว้ก่อนได้ ซึ่งช่วยรองรับผู้มีรายได้ไม่แน่นอนและสร้างความผูกพันระยะยาว ความยืดหยุ่นเช่นนี้คือสิ่งที่โมเดิร์นเทรดไม่สามารถทำได้

นอกจากนั้น ร้านค้าภูธรยังมีความคล่องตัวสูง สามารถคิดเร็ว ทำเร็ว และตัดสินใจได้ทันที เช่น การเพิ่มสินค้าตามเทศกาล การสั่งสินค้าพิเศษตามความต้องการของลูกค้า หรือการปรับราคาอย่างฉับพลันโดยไม่ต้องรอการอนุมัติจากส่วนกลาง ความไม่ตายตัวของรูปแบบการดำเนินงานนี้เปรียบเสมือน “มวยวัด” ที่คาดเดายาก และบางครั้งกลายเป็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์เหนือห้างใหญ่

ในด้านกลยุทธ์ราคา ร้านค้าภูธรสามารถกดราคาลงได้ด้วยการตัดต้นทุนที่ไม่จำเป็น เช่น การตกแต่งหรูหราหรือบริการที่ฟุ่มเฟือย ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ก็มักสนับสนุนร้านภูธร เพื่อสร้างสมดุลอำนาจการต่อรองกับรายใหญ่ ส่งผลให้ร้านท้องถิ่นได้รับทั้งโปรโมชั่นและกิจกรรมการตลาดที่ช่วยดึงดูดลูกค้า

ข้อได้เปรียบอีกประการคือทำเลที่ตั้ง ร้านค้าภูธรจำนวนมากตั้งอยู่ใจกลางเมืองหรือใกล้ชุมชน ซึ่งสะดวกต่อการเข้าถึงของผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อต้องการซื้อสินค้าเล็กน้อยหรือของใช้ด่วน ทำให้ร้านท้องถิ่นยังคงเป็นคำตอบสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คน

อย่างไรก็ตาม ร้านค้าปลีกและค้าส่งภูธรก็เผชิญกับความท้าทายไม่น้อย การรุกคืบของทุนใหญ่ เช่น เซ็นทรัล ซี.พี. บิ๊กซี หรือเครือข่ายร้านค้าสมัยใหม่อย่าง “ถูกดี มีมาตรฐาน” และ “ร้านโดนใจ” ทำให้การแข่งขันทวีความรุนแรงขึ้น สงครามราคายิ่งกดดันร้านภูธรที่มีอำนาจการซื้อน้อยกว่า อีกทั้งเศรษฐกิจที่ซบเซา กำลังซื้อที่ลดลง และต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ล้วนบั่นทอนกำไรและความสามารถในการแข่งขัน

นอกจากนี้ ร้านค้าภูธรหลายแห่งยังคงใช้รูปแบบการบริหารแบบครอบครัว ขาดระบบมืออาชีพ และมีรูปแบบร้านที่ล้าสมัย ไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวกและทันสมัยมากกว่า ขณะเดียวกัน ปัญหาการสืบทอดกิจการก็เป็นอีกโจทย์ใหญ่ เนื่องจากทายาทบางรายไม่ประสงค์จะสานต่อธุรกิจครอบครัว

เพื่อความอยู่รอดในระยะยาว ร้านค้าภูธรจำเป็นต้องเร่งปรับตัวในหลายด้าน ประการแรกคือการสร้างจุดยืนที่ชัดเจน เน้นความแตกต่างที่รายใหญ่ไม่สามารถแข่งขันได้ เช่น การขายสินค้าท้องถิ่นคุณภาพสูง หรือการเน้นบริการที่เป็นมิตรและใกล้ชิด ประการต่อมาคือการปรับปรุงร้านให้ทันสมัย จัดร้านให้สะอาด สว่าง และเป็นระเบียบ พร้อมเติมเต็มฟังก์ชันใหม่ๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านแฟชั่น หรือพื้นที่เอนเตอร์เทนเมนต์ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีก็กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ ร้านค้าภูธรควรนำระบบจัดการหน้าร้าน (POS) เข้ามาใช้ รับชำระเงินดิจิทัล และทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงลูกค้ารุ่นใหม่ การสร้างเครือข่ายและการรวมกลุ่มกับร้านอื่นๆ ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์ และลดต้นทุนได้มากขึ้น

สุดท้าย การผลักดันให้คนรุ่นใหม่หรือผู้บริหารมืออาชีพเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนกิจการ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่สำคัญ เพราะพวกเขาสามารถนำความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนาให้ร้านค้าภูธรมีชีวิตชีวาและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน

โดยสรุปแล้ว จุดแข็งของร้านค้าปลีกและค้าส่งภูธรไม่ได้อยู่ที่เงินทุน แต่คือความเข้าใจในท้องถิ่น ความสัมพันธ์กับชุมชน และความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็ว หากสามารถผสานจุดแข็งเหล่านี้เข้ากับการพัฒนาเทคโนโลยี การบริหารจัดการ และการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง ร้านค้าภูธรก็จะยังคงเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทยต่อไป แม้จะต้องแข่งขันกับทุนใหญ่ที่กำลังรุกคืบทุกพื้นที่ก็ตาม

 

 

 

ภาคอีสาน

 

บริษัท ทวีกิจพลาซ่าบุรีรัมย์ จำกัด
จังหวัด: บุรีรัมย์
รายได้รวม: 2,862 ล้านบาท
กำไรสุทธิ: 23 ล้านบาท
ปีที่ก่อตั้ง: 2517 พ.ศ.
จำนวนสาขา: 167 แห่ง

 

บริษัท ตั้งงี่สุนซูเปอร์สโตร์ จำกัด
จังหวัด: อุดรธานี
รายได้รวม: 2,179 ล้านบาท
กำไรสุทธิ: 34 ล้านบาท
ปีที่ก่อตั้ง: 2543 พ.ศ.
จำนวนสาขา: 2 แห่ง

 

บริษัท ยงสงวนกรุ๊ป จำกัด
จังหวัด: อุบลราชธานี
รายได้รวม: 2,653 ล้านบาท
กำไรสุทธิ: 77 ล้านบาท
ปีที่ก่อตั้ง: 2498 พ.ศ.
จำนวนสาขา: 22 แห่ง

 

บริษัท ฮกกี่ซุปเปอร์มาร์ท จำกัด
จังหวัด: นครราชสีมา
รายได้รวม: 2,447 ล้านบาท
กำไรสุทธิ: 5.1 ล้านบาท
ปีที่ก่อตั้ง: 2544 พ.ศ.
จำนวนสาขา: 17 แห่ง

 

ภาคเหนือ

 

บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน)
จังหวัด: เชียงราย
รายได้รวม: 2,804 ล้านบาท
กำไรสุทธิ: 178 ล้านบาท
ปีที่ก่อตั้ง: 2508 พ.ศ.
จำนวนสาขา: 50 แห่ง

 

บริษัท แจ่มฟ้า เซฟมาร์ท จำกัด
จังหวัด: ลำพูน
รายได้รวม: 2,182 ล้านบาท
กำไรสุทธิ: 53 ล้านบาท
ปีที่ก่อตั้ง: 2525 พ.ศ.
จำนวนสาขา: 21 แห่ง

 

ภาคใต้

 

บริษัท ซุปเปอร์ชีป จำกัด
จังหวัด: ภูเก็ต
รายได้รวม: 15,255 ล้านบาท
กำไรสุทธิ: 82 ล้านบาท
ปีที่ก่อตั้ง: 2538 พ.ศ.
จำนวนสาขา: 101 แห่ง

 

บริษัท มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)
จังหวัด: กระบี่
รายได้รวม: 1,324 ล้านบาท
กำไรสุทธิ: 23 ล้านบาท
ปีที่ก่อตั้ง: 2534 พ.ศ.
จำนวนสาขา: 20 แห่ง

 

ภาคกลาง

 

บริษัท เอกภาพซุปเปอร์ซัพพลาย จำกัด
จังหวัด: สระบุรี
รายได้รวม: 2,137 ล้านบาท
กำไรสุทธิ: 11 ล้านบาท
ปีที่ก่อตั้ง: 2542 พ.ศ.
จำนวนสาขา: 43 แห่ง

 

บริษัท ศรีงาม สรรพสินค้า จำกัด
จังหวัด: สมุทรสาคร
รายได้รวม: 1,946 ล้านบาท
กำไรสุทธิ: 27 ล้านบาท
ปีที่ก่อตั้ง: 2499 พ.ศ.
จำนวนสาขา: 1 แห่ง

 

อ้างอิง

  • ประชาชาติธุรกิจ, กรุงเทพธุรกิจ, Brand Age Online, SME Thailand Club

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top