Infographic

สรุปเรื่อง น่ารู้ แดนอีสาน ทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม

พามาเบิ่งการค้าระหว่างไทย–กัมพูชาพึ่งพาการค้าผ่านชายแดน กระทบเพียงใดหลังเหตุปะทะ

สรุปผลกระทบเศรษฐกิจข้อพิพาทชายแดน🇹🇭ไทย-🇰🇭กัมพูชา การชายแดนไทยทรุดตัวลงอย่างรุนแรงถึง 23% หรือกว่า 3 พันล้าน 🧐การค้าระหว่างไทย–กัมพูชาพึ่งพาการค้าผ่านชายแดนด่านบกมูลค่ากว่า 46.8% จากการค้า ไทย-กัมพูชาของด่านทั้งหมด (บก-น้ำ-อากาศ) ⚔️ทำให้ข้อพิพาทชายแดนที่ปะทุปลายเดือนพฤษภาคม ตลอดจนเหตุปะทะรุนแรงในเดือนกรกฎาคม เสี่ยงฉุดการค้ารวมให้ชะลอตัวอย่างหนัก เนื่องจากการปิดทำการของด่านชายแดน และความต้องการสินค้าจากไทยในตลาดกัมพูชาที่อาจหดตัวลงจากกระแสการแบนสินค้าไทย ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาส่งผลให้มูลค่าการค้าชายแดนทรุดตัวลงอย่างรุนแรงถึง 23% จากการจำกัดการทำการ ของด่านการค้าชายแดนกัมพูชาที่สำคัญหลายจุดในช่วงเดือนมิถุนายน ส่งผลให้มูลค่าการค้าที่มีอัตราการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง หดตัวลงอย่างรุนแรง ซึ่งอาจมีการทรุดตัวหนักขึ้นเนื่องจากเหตุปะทะชายแดนที่รุนแรงในเดือนกรกฎาคม   🚛เส้นทางโลจิสติกส์เชื่อมไทย-เวียดนามผ่านกัมพูชา: โอกาสและความท้าทายบนระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้🇻🇳🇹🇭 การค้าทางบกระหว่างไทยและเวียดนาม โดยมีกัมพูชาเป็นประเทศทางผ่าน นับเป็นเส้นทางโลจิสติกส์ที่สำคัญภายใต้กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) โดยเฉพาะอย่างยิ่งบน ระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างสามประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เส้นทางคมนาคมหลัก เส้นทางการค้าทางบกที่สำคัญซึ่งเชื่อมโยงไทย-กัมพูชา-เวียดนาม ประกอบด้วย 2 เส้นทางหลัก ดังนี้: 🛣️เส้นทาง R1 (Central Sub-Corridor): เป็นเส้นทางสายหลักที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการขนส่งสินค้า มีระยะทางประมาณ 900 กิโลเมตร เริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร ผ่านจังหวัดสระแก้ว เข้าสู่ประเทศกัมพูชาที่ด่านคลองลึก-ปอยเปต ผ่านกรุงพนมเปญ และสิ้นสุดที่นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เส้นทางนี้มีข้อได้เปรียบในด้านระยะทางที่สั้นกว่าและโครงสร้างพื้นฐานที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ทำให้สามารถลดระยะเวลาการขนส่งสินค้าจากไทยไปเวียดนามตอนใต้เหลือเพียง 23-31 ชั่วโมง 🛣️เส้นทาง R10 (Southern Coastal Sub-Corridor): เป็นเส้นทางเลียบชายฝั่งทะเล เริ่มต้นจากจังหวัดตราดของไทย ผ่านเข้าสู่จังหวัดเกาะกงของกัมพูชา และเชื่อมต่อไปยังจังหวัดฮาเตียนของเวียดนาม แม้จะยังมีการใช้งานน้อยกว่าเส้นทาง R1 แต่ก็มีศักยภาพในการเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าเกษตรและสินค้าจากนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกของไทยไปยังเวียดนามตอนใต้ 🚧ด่านการค้าและพิธีการศุลกากร การขนส่งสินค้าผ่านแดนจะต้องผ่านพิธีการศุลกากรที่ด่านชายแดนของแต่ละประเทศ โดยมี ด่านอรัญประเทศ-ปอยเปต เป็นด่านที่มีความสำคัญและมีมูลค่าการค้าสูงสุด ปัจจุบันมีการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่านระบบ ASEAN Single Window ซึ่งช่วยให้การยื่นเอกสารศุลกากรเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น สินค้าหลักและโอกาสทางการค้า สินค้าที่ขนส่งผ่านเส้นทางนี้มีความหลากหลาย โดยสินค้าส่งออกจากไทยส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องจักรกล และชิ้นส่วนยานยนต์ ขณะที่สินค้าจากเวียดนามที่ส่งมายังไทยมักเป็นสินค้าเกษตรและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ การพัฒนาเส้นทางคมนาคมที่สะดวกและรวดเร็วขึ้นนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายตลาดไปยังเวียดนามตอนใต้ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูงได้ง่ายขึ้น 🤝ข้อตกลงทางการค้าที่เกี่ยวข้อง แม้จะยังไม่มีข้อตกลงทางการค้าสามฝ่ายโดยตรง แต่การค้าบนเส้นทางนี้ได้รับอานิสงส์จากข้อตกลงทวิภาคีระหว่างประเทศต่างๆ เช่น ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) และข้อตกลงทวิภาคีเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างเวียดนามและกัมพูชา ซึ่งช่วยลดอุปสรรคทางภาษีและอำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ ดังนั้น การค้าทางบกไทย-เวียดนามผ่านกัมพูชาเป็นเส้นทางที่มีศักยภาพสูงในการขยายตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสามประเทศ และมีแนวโน้มที่จะทวีความสำคัญยิ่งขึ้นในอนาคต หากมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการค้าและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เหตุการปะทะ ไทย-กัมพูชา จึงไม่ได้กระทบเพียง การค้าแค่ 2 ประเทศ แต่ยังกระทบคู่ค้าสำคัญของไทยที่บริโภคสินค้าไทยอย่าง เวียดนาม ด้วยนั่นเอง . #การค้าชายแดน #เศรษฐกิจชายแดน #ไทยกัมพูชา #ISANInsightAndOutlook พาเปิดเบิ่งสถิติ แรงงานต่างด้าวในอีสานพุ่งไม่หยุด‼️ “ลาว-เมียนมา-กัมพูชา” ใครยึดพื้นที่จังหวัดไหนบ้าง⁉️

พามาเบิ่งการค้าระหว่างไทย–กัมพูชาพึ่งพาการค้าผ่านชายแดน กระทบเพียงใดหลังเหตุปะทะ อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดเบิ่งพิกัด “เทือกเขาอีสาน” ที่ซ่อน “มรดกโลก” และ “ประวัติศาสตร์ชาติ” ไว้

เทือกเขาในภาคอีสาน มรดกธรรมชาติและโอกาสเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ภาคอีสานไม่ได้มีเพียงวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ยังซ่อนความงดงามทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะเทือกเขาต่างๆ ที่ถือเป็น “ขุนเขาแห่งอีสาน” และเป็นพื้นที่ที่ถูกบันทึกไว้ในมรดกโลก รวมถึงประวัติศาสตร์ชาติ และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพเชิงเศรษฐกิจที่สามารถขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในระดับสากลได้ 5 เทือกเขาในภาคอีสานมีอะไรบ้าง⁉️ เทือกเขาเพชรบูรณ์ จุดสูงสุดแห่งอีสาน ภูหินร่องกล้าและภูเขาสูงตระหง่าน อย่างเช่น ภูหินขาว มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,820 เมตร ทำให้เทือกเขาเพชรบูรณ์กลายเป็นพื้นที่ชมวิวที่โดดเด่นของภาคอีสาน การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชิงผจญภัย อย่างเช่น การปีนเขา เดินป่า และแคมป์ปิ้ง ก็สามารถเชื่อมโยงกับกระแสสุขภาพและธรรมชาติบำบัดได้เป็นอย่างดี ซึ่งในขณะนี้กำลังได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มครอบครัวที่แสวงหาความเงียบสงบ ขณะเดียวกันยังเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การลงทุนธุรกิจโฮมสเตย์เชิงนิเวศและรีสอร์ตที่เน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อีกด้วย เทือกเขาภูพญาเย็น-สันกำแพง มรดกโลกที่ใหญ่กว่ากรุงเทพฯ 4 เท่า มีขนาดพื้นที่กว่า 6,155 ตารางกิโลเมตรของกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านธรรมชาติ ซึ่งสะท้อนถึงคุณค่าความหลากหลายทางชีวภาพ ธุรกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่นี้สามารถต่อยอดในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนากิจกรรมดูนก การจัดทริปศึกษาธรรมชาติ ไปจนถึงการท่องเที่ยวเชิงการเรียนรู้สำหรับเยาวชน การได้รับเป็นมรดกโลกนั่น ยังเพิ่มมูลค่าให้กับการแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมองว่าเป็นจุดหมายที่ต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต เทือกเขาพนมดงรัก รอยต่อประวัติศาสตร์ไทย-กัมพูชา พนมดงรักไม่เพียงเป็นเทือกเขาที่เต็มไปด้วยโบราณสถานสำคัญ อย่างเช่น ปราสาทเขาพระวิหาร และปราสาทหินพนมรุ้ง แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวระหว่างไทยและกัมพูชา การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์-วัฒนธรรมที่ผสานเข้ากับเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สนใจประวัติศาสตร์อารยธรรมขอมโบราณ ขณะเดียวกันยังส่งเสริมธุรกิจชุมชน เช่น งานหัตถกรรมและอาหารพื้นถิ่น ที่สามารถเป็นสินค้าที่ระลึกและเพิ่มรายได้ให้แก่คนท้องถิ่นนั่นเอง เทือกเขาภูพาน แหล่งอาหารป่าและพืชสมุนไพรของอีสาน ภูพานไม่ใช่เพียงเทือกเขาของอีสาน แต่คือพื้นที่ที่รวมคุณค่าหลายมิติ ทั้งรอยเท้าไดโนเสาร์และฟอสซิลที่ภูกุ้มข้าว-ภูแฝก ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว อาหารป่าและพืชสมุนไพรที่ทำให้ภูพานถูกขนานนามว่า “ตู้กับข้าวธรรมชาติ”ฃ สามารถต่อยอดสู่การท่องเที่ยวเชิงอาหารและสุขภาพ ขณะเดียวกันยังมีประวัติศาสตร์การเมืองในฐานะอดีตที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่สามารถพัฒนาเป็นเส้นทางเรียนรู้ทางสังคมและวัฒนธรรมได้อย่างแตกต่าง หากมีการบูรณาการเชิงกลยุทธ์ ภูพานจะกลายเป็น “จุดหมายปลายทางแห่งหลายประสบการณ์” ที่ช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและรายได้ให้แก่ชุมชนรอบข้างได้อย่างยั่งยืน เทือกเขาในภาคอีสานจึงไม่ใช่เพียง “ขุนเขา” ที่เงียบสงบ แต่คือ “ทุนทางธรรมชาติและวัฒนธรรม” ที่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้อย่างมหาศาล การบูรณาการเส้นทางท่องเที่ยวหลายมิติ (ธรรมชาติ-วัฒนธรรม-อาหาร) และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ เทือกเขาอีสานจะไม่เพียงเป็น “ภูเขาแห่งความงาม” แต่ยังเป็น “ภูเขาแห่งโอกาส” ที่ยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่นได้ในระยะยาวนั่นเอง   อ้างอิงจาก: – กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช – กรมทรัพยากรธรณี – องค์การบริหารส่วนตำบลภูลานจัง – แผนที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย – ศูนย์ข้อมูลการวิจัย สกว. – สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #เทือกเขาในภาคอีสาน #เทือกเขา #มรดกโลก #ประวัติศาสตร์ #มรดกธรรมชาติ #การท่องเที่ยว

พาเปิดเบิ่งพิกัด “เทือกเขาอีสาน” ที่ซ่อน “มรดกโลก” และ “ประวัติศาสตร์ชาติ” ไว้ อ่านเพิ่มเติม »

พาเปิดเบิ่ง งบประมาณอีสานปี 69 เปิดตัวเลขที่คนในพื้นที่ต้องรู้ เทศบาลไหน “รวยงบสุด” ในปีนี้⁉️

งบประมาณจากภาครัฐถือเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาของเทศบาลนคร เม็ดเงินเหล่านี้ถูกจัดสรรเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในหลากหลายมิติ ตั้งแต่การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน การให้บริการสาธารณะ การพัฒนาคุณภาพชีวิต ไปจนถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น การได้รับงบประมาณที่เพียงพอและสอดคล้องกับขนาดและความต้องการของเทศบาลนครแต่ละแห่ง ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนให้กับเมือง เทศบาลนครที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการงบประมาณนั้น ก็สามารถแปลงเม็ดเงินที่ได้รับมาเป็นโครงการและกิจกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อประชาชนและเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างชัดเจน แต่ในทางตรงกันข้ามเทศบาลที่ประสบปัญหาในการบริหารจัดการ อาจเผชิญกับข้อจำกัดในการพัฒนาและไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างเต็มที่ จากข้อมูลงบประมาณเทศบาลในภาคอีสานปี 2569 แสดงให้เห็นถึงภาพเศรษฐกิจเมืองอีสานที่กำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคการพัฒนาเชิงโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ เมืองใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการค้า การศึกษา การแพทย์ และโลจิสติกส์ ได้รับงบประมาณจำนวนมากเพื่อรองรับการเติบโตของประชากรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อีกทั้งตามตัวเลขงบประมาณจึงไม่เพียงบอกว่าเมืองใดรวยงบที่สุด แต่ยังสะท้อนบทบาทของเมืองในฐานะเครื่องยนต์เศรษฐกิจภูมิภาคอีกด้วย 5 จังหวัดที่ได้รับงบมากที่สุด เทศบาลนครนครราชสีมา 952 ล้านบาท เทศบาลนครขอนแก่น 942 ล้านบาท เทศบาลนครอุดรธานี 854 ล้านบาท เทศบาลนครอุบลราชธานี 499 ล้านบาท เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด 477 ล้านบาท จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า ทั้งหมดล้วนเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงและมีบทบาทเชื่อมโยงกับภูมิภาคใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นนครราชสีมาที่เป็นฐานอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์, ขอนแก่นซึ่งโดดเด่นด้านการแพทย์และมหาวิทยาลัย ส่วนอุดรธานีที่ทำหน้าที่เป็นประตูการค้าสู่ลาวและเวียดนาม, อุบลราชธานีที่เชื่อมเศรษฐกิจกับกัมพูชา รวมถึงร้อยเอ็ดที่แม้ไม่ใช่เมืองชายแดนแต่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วจากบทบาทด้านบริการและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมนั่นเอง เหตุผลที่กลุ่มจังหวัดเหล่านี้ได้งบจำนวนมาก มาจากทั้งขนาดเศรษฐกิจและความซับซ้อนของเทศบาล เมืองใหญ่ต้องลงทุนมากกว่าเมืองเล็ก ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน อย่างเช่น ถนน ระบบระบายน้ำ การจัดการขยะ และขนส่งสาธารณะ ตลอดจนการสร้างพื้นที่สาธารณะเพื่อรองรับประชากรและนักท่องเที่ยว อีกทั้งเทศบาลเหล่านี้ยังมีฐานรายได้ท้องถิ่นสูง จากภาษีที่ดิน ภาษีป้าย และค่าธรรมเนียม จึงได้รับการจัดสรรจากส่วนกลางมากขึ้นตามสัดส่วนกิจกรรมทางเศรษฐกิจนั่นเอง อีกหนึ่งมุมมองน่าสนใจ คือ “งบต่อหัว” เมืองที่ไม่ได้อยู่ใน 5 อันดับแรกด้านงบรวมกลับโดดเด่น เช่น ร้อยเอ็ดที่มีงบต่อหัวสูงถึงราว 14,909 บาท/คน, เลยประมาณ 12,015 บาท/คน, และนครพนมกว่า 10,621 บาท/คน ทั้งนี้เพราะจำนวนประชากรตามทะเบียนบ้านไม่มาก แต่เทศบาลต้องดูแลผู้มาใช้บริการจริงจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นแรงงาน นักศึกษา หรือผู้ป่วยจากต่างจังหวัด การมีงบต่อหัวสูงจึงสะท้อนการลงทุนในบริการที่มีคุณภาพและเจาะลึก อย่างเช่น การแพทย์ การท่องเที่ยว หรือโครงการพัฒนาเมืองเชิงวัฒนธรรมอีกด้วย งบประมาณอีสานปี 2569 สะท้อนความจริงที่ว่าเมืองใหญ่อย่างนครราชสีมา ขอนแก่น และอุดรธานียังคงเป็นหัวรถจักรหลักของเศรษฐกิจภาคอีสาน ขณะที่อุบลราชธานีและร้อยเอ็ดกำลังเสริมบทบาทในฐานะศูนย์บริการและเมืองคุณภาพสูง เมืองที่สามารถแปลงงบประมาณให้เป็นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ อย่างเช่น การแก้น้ำท่วม ขนส่งสาธารณะ และโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางใหม่ของเศรษฐกิจอีสานในอนาคตนั่นเอง     อ้างอิงจาก: – สำนักงบประมาณ – สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ # #เศรษฐกิจอีสาน #เทศบาลนคร #เทศบาลนครในอีสาน  #เทศบาลนคร #เทศบาลเมือง  

พาเปิดเบิ่ง งบประมาณอีสานปี 69 เปิดตัวเลขที่คนในพื้นที่ต้องรู้ เทศบาลไหน “รวยงบสุด” ในปีนี้⁉️ อ่านเพิ่มเติม »

ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา! “ประตูสู่แดนอีสาน” บานไหนคึกคักสุด? พาส่องเบิ่ง “เพื่อนบ้าน GMS” แห่ข้ามแดนด่านไหนมากสุด

ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา สถิติการเดินทางข้ามแดนในอีสาน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของด่านชายแดนไทยกับกลุ่มประเทศ GMS ซึ่งไม่เพียงแต่ในเชิงการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศอีกด้วย โดยเฉพาะตัวเลขจาก ด่านสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย ซึ่งมีจำนวนผู้ข้ามแดนสูงถึงกว่า 703,160 คน ซึ่งมากที่สุดในอีสาน แสดงให้เห็นว่าหนองคายยังคงเป็น “ศูนย์กลางการเชื่อมโยงเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง” ที่ทรงพลังที่สุดนั่นเอง จะเห็นได้ว่าสัดส่วนของผู้ข้ามแดนจาก ประเทศลาวกว่า 91.5% ในด่านสะพานมิตรภาพไทย–ลาวแห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย แสดงให้เห็นถึงการพึ่งพิงซึ่งกันและกันระหว่างไทย-ลาว ในการค้าชายแดนและการท่องเที่ยว แต่สิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามคือการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนและเวียดนาม แม้จะยังมีสัดส่วนไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ถือเป็นสัญญาณของการขยายตัวทางเศรษฐกิจเชิงลึกที่สะท้อนให้เห็นว่าชายแดนไทย-ลาวกำลังกลายเป็นประตูรองรับนักลงทุนและผู้ประกอบการจากจีนที่เล็งเห็นความได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ของอีสานในการเข้าถึงตลาดอาเซียนนั่นเอง อีกด่าน คือ ด่านช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีผู้ข้ามแดนกว่า 169,583 คน กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทย-ลาวตอนใต้ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการค้าการลงทุน โดยเฉพาะด้านพลังงานและเกษตรอุตสาหกรรม เนื่องจากพื้นที่นี้เชื่อมโยงโดยตรงกับแขวงจำปาสักและเส้นทางเศรษฐกิจไปสู่เวียดนามตอนกลาง การเติบโตของด่านนี้จึงควรได้รับการจับตามองในฐานะฮับเศรษฐกิจชายแดนตอนใต้ที่พร้อมจะดึงดูดการลงทุนด้านโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมแปรรูปนั่นเอง นอกจากนี้ ด่านสะพานมิตรภาพไทย–ลาวแห่งที่ 3 จังหวัดนครพนม แม้มีจำนวนผู้ข้ามแดนราว 63,816 คน แต่เมื่อพิจารณาเชิงโครงสร้างจะพบว่า ด่านนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญต่อการเชื่อมโยง East-West Economic Corridor (EWEC) ที่เชื่อมไทย-ลาว-เวียดนาม จึงไม่ใช่แค่ปริมาณคน แต่คือคุณภาพของเส้นทางการค้าที่จะกำหนดศักยภาพการลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะโลจิสติกส์และธุรกิจส่งออก แต่หากมองในภาพรวม จะเห็นได้ว่า ภาคอีสานกำลังกลายเป็น “หนึ่งในประสู่เศรษฐกิจ” ของไทย ที่รับแรงหนุนจากทั้งการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนข้ามพรมแดน จุดเด่นของอีสานไม่เพียงอยู่ที่จำนวนคนและแรงงานเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่สามารถเป็นสะพานเชื่อมจีน-ลาว-เวียดนามเข้าสู่ประเทศไทยได้อีกด้วย และต่อไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งหากภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันพัฒนาระบบโลจิสติกส์ การอำนวยความสะดวกทางการค้า และการยกระดับเมืองชายแดนให้เป็นเมืองเศรษฐกิจพิเศษ ก็จะทำให้อีสานไม่ใช่เพียงประตูผ่าน แต่กลายเป็น “จุดหมายปลายทางทางเศรษฐกิจ” อย่างแท้จริง     อ้างอิงจาก: – TRAVEL LINK   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #ด่านชายแดน #การค้าาชายแดน #การค้าชายแดนอีสาน #ด่านในอีสาน #เศรษฐกิจชายแดน

ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา! “ประตูสู่แดนอีสาน” บานไหนคึกคักสุด? พาส่องเบิ่ง “เพื่อนบ้าน GMS” แห่ข้ามแดนด่านไหนมากสุด อ่านเพิ่มเติม »

มัดรวมให้อ่าน 25 เรื่องน่าฮู้ “กัมพูชา” จากบทความ และ Infographic จาก ISAN Insight

มัดรวมให้อ่าน 25 เรื่องน่าฮู้ “กัมพูชา” จากบทความ และ Infographic จาก ISAN Insight . 1⃣พามาย้อนเบิ่ง เหตุการข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนไทย – กัมพูชา เป็นมาจังได๋ https://www.facebook.com/photo/?fbid=876793844623243&set=a.648085124160784   2⃣สมรภูมิเดือด! เขตแดนทับซ้อน เปิดตำนาน “ช่องบก” หรือ สามเหลี่ยมมรกต จุดชนวนไทย-กัมพูชา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=997128919256401&set=pb.100068779069701.-2207520000&type=3   3⃣ส่องซอด🧐ไฟใต้เถ้าแห่งพรมแดน กรณีปะทะไทย–กัมพูชา “ช่องบก” พาย้อนรอยร้าวประวัติศาสตร์ข้อพิพาทชายแดน https://www.facebook.com/photo/?fbid=997868795849080&set=pb.100068779069701.-2207520000   4⃣‘สามเหลี่ยมมรกต อุบลราชธานี’ ชายแดนสามเส้า ไทย – ลาว – กัมพูชา กับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่บรรลุผล https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1001537368815556&set=pb.100068779069701.-2207520000&type=3   5⃣พื้นที่ 4 จุดเดือด กลุ่ม ปราสาท ชายแดนไทย-กัมพูชา https://www.facebook.com/photo/?fbid=1002855708683722&set=pb.100068779069701.-2207520000   6⃣พามาเบิ่ง🧐การค้าชายแดนไทย – กัมพูชาเสี่ยงชะลอตัว หากต้องปิดด่านระยะยาว https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1006653441637282&set=pb.100068779069701.-2207520000&type=3   7⃣🇰🇭Cambodia อาจเป็น (S)cambodia เมื่ออุตสาหกรรม Scam มีรายได้กว่า 40% ของ GDP กัมพูชา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1008027091499917&set=pb.100068779069701.-2207520000&type=3   8⃣”ทัพไทย” เบอร์ 14 โลก🏆 พาส่องเบิ่ง “กองกำลังรบ” เพื่อนบ้านในลุ่มน้ำโขง และบทบาทสำคัญของกองกำลังสุรนารี🪖🎖️ https://www.facebook.com/photo/?fbid=1011724614463498&set=pb.100068779069701.-2207520000   9⃣พามาเบิ่ง🧐กัมพูชากับความมั่นคงด้านพลังงาน “เส้นบางๆ ของการพึ่งพา”🇰🇭 https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1013995680903058&set=pb.100068779069701.-2207520000&type=3   🔟พาเจาะลึกเบิ่ง “ปราสาทตาเมือนธม” 1 ใน 4 ปราสาทที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์ในถิ่นไทย https://www.facebook.com/photo/?fbid=1029069072729052&set=pb.100068779069701.-2207520000   1⃣1⃣พามาเบิ่ง ไทยต้องแบก “ค่ารักษาต่างด้าว” กว่า 2.3 พันล้าน ภาระนี้ ชายแดนไทย-กัมพูชา อ่วมหนัก 277 ล้าน https://www.facebook.com/photo/?fbid=1031831969119429&set=pb.100068779069701.-2207520000   1⃣2⃣จับตา ‘ชายแดนเดือด’ ไทย-กัมพูชา พาเปิดเบิ่ง “กองกำลังรบ” และ “ยุทโธปกรณ์”💂‍♂️🪖ใครมีอะไรในมือ… พร้อมรับสถานการณ์ล่าสุด!🎖️ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1034282618874364&set=pb.100068779069701.-2207520000&type=3   1⃣3⃣อาชญากรรมสงคราม🇰🇭ทำไมห้ามโจมตีโรงพยาบาลและพลเรือน? พามาฮู้จัก “อนุสัญญาเจนีวา” ที่โลกจับตา ในวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชานี้ https://www.facebook.com/photo/?fbid=1034958075473485&set=pb.100068779069701.-2207520000   1⃣4⃣พาสรุป ไทม์ไลน์เหตุการณ์ปะทะกันระหว่าง ไทย-กัมพูชา 24-25 ก.ค.2568 https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1037967198505906&set=pb.100068779069701.-2207520000&type=3  

มัดรวมให้อ่าน 25 เรื่องน่าฮู้ “กัมพูชา” จากบทความ และ Infographic จาก ISAN Insight อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🧐เจ้าเวหาแห่งน่านฟ้า✈️เบอร์หนึ่งสายการบินแห่งชาติในอาเซียน

การบินไทย หนึ่งในห้าสายการบินผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายพันธมิตรการบิน Star Alliance ในปี ค.ศ. 1997 ซึ่งปัจจุบันเป็นเครือข่ายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสมาชิกกว่า 25 สายการบิน เชื่อมต่อเส้นทางบินครอบคลุมกว่า 186 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบัน การบินไทยมีอายุราว 65 ปี อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานในฐานะสายการบินแห่งชาติที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย แม้ในปี พ.ศ. 2563 จะเกิดการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ธุรกิจการบินทั่วโลกหยุดชะงัก หลายสายการบินต้องปลดพนักงานจำนวนมาก บางแห่งจำเป็นต้องขายเครื่องบินออกเพราะค่าบำรุงรักษาสูงจากการจอดนิ่งและขาดผู้โดยสาร การบินไทยก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน จนต้องยื่นคำร้องฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 นับเป็นหนึ่งในธุรกิจแห่งชาติรายใหญ่ที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ โดยในขณะนั้นยังมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ภายใต้โครงสร้างผู้ถือหุ้นเดิม ได้แก่ กระทรวงการคลัง 53.16% และผู้ถือหุ้นรายย่อย 46.84% หลังจากผ่านมากว่า 4 ปี นับตั้งแต่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ในวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ภายหลังบริษัทฯ ยื่นคำร้องขอยกเลิกเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 การกลับมาครั้งนี้เปรียบเสมือนการพิสูจน์ว่าการบินไทย แม้เผชิญวิกฤติหนักเพียงใด ก็สามารถฟันฝ่าและก้าวข้ามได้ แม้ต้องใช้เวลายาวนานในการฟื้นตัว นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการและอดีตประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ เปิดเผยว่า “ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการสำคัญตามแผนฟื้นฟูจนบรรลุผลในหลายด้าน อาทิ การปรับโครงสร้างและขนาดองค์กรให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความคล่องตัว การขยายเครือข่ายเส้นทางบินครอบคลุมภูมิภาคต่าง ๆ การปรับปรุงฝูงบินและห้องโดยสาร การพัฒนาระบบดิจิทัล และยกระดับมาตรฐานการให้บริการในทุกจุด ทั้งนี้เพื่อยกระดับการบินไทยสู่การเป็นสายการบินชั้นนำในภูมิภาค โดยมีกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลาง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทั้งในด้านการสร้างรายได้ การควบคุมต้นทุน และการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและการแข่งขันได้รวดเร็วและคล่องตัวยิ่งขึ้น” การกลับมาครั้งนี้ของการบินไทย แตกต่างจากอดีตที่เคยเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้นมากกว่า 50% ปัจจุบัน แม้กระทรวงการคลังยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยจำนวน 11 พันล้านหุ้น แต่คิดเป็นสัดส่วนเพียง 38.9% ขณะที่ผู้ถือหุ้นรองลงมาคือกลุ่มสถาบันการเงินต่างๆ การที่การบินไทยไม่ได้มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ นักลงทุน หลังจากหุ้นการบินไทย (THAI) ถูกระงับการซื้อขายยาวนานตั้งแต่เริ่มกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ก็ได้กลับมาเปิดซื้อขายอีกครั้งในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ที่ราคาเปิด 10.50 บาทต่อหุ้น และปรับขึ้นจนราคาปิด ณ วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568 อยู่ที่ 17.80 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้การบินไทยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ราว 5 แสนล้านบาท ติดอันดับหุ้นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประเทศ การกลับมาของการบินไทยในสถานะที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ เปรียบเสมือนการปลดพันธนาการจาก พ.ร.บ. แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ซึ่งเดิมทำให้การดำเนินการต่างๆ เต็มไปด้วยความล่าช้า เงื่อนไขทางกฎหมาย

พามาเบิ่ง🧐เจ้าเวหาแห่งน่านฟ้า✈️เบอร์หนึ่งสายการบินแห่งชาติในอาเซียน อ่านเพิ่มเติม »

เมื่อด่านอีสานใต้ปิดเพราะความขัดแย้งชายแดน พาเปิดเบิ่งตัวเลข คนกัมพูชาหันข้ามผ่านฝั่งไทย–ลาว

ความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาที่ปะทุขึ้นในช่วงกลางปี 2568 ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจชายแดนอีสานอย่างไม่อาจมองข้ามได้ จำนวนผู้โดยสารผ่านด่านฝั่งไทย-กัมพูชาที่เคยสูงถึง 125,771 คนในเดือนเมษายน 2568 นั้น กลับร่วงลงเหลือเพียง 4,409 คนในเดือนกรกฎาคม หลังจากด่านฝั่งอีสานใต้ถูกปิดชั่วคราว การหดตัวนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการหยุดชะงักของการเดินทางเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำถึงการหยุดชะงักของเม็ดเงินหมุนเวียนในเมืองชายแดนที่เคยพึ่งพาผู้มาเยือนจากกัมพูชา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าด่านไทย-กัมพูชาจะปิดชั่วคราว แต่คนกัมพูชาก็ยังคงหาทางเข้ามายังประเทศไทยกัน โดยเลือกเส้นทางใหม่ผ่านฝั่งไทย-ลาว   การเปลี่ยนเส้นทาง จากจุดชายแดนอีสานใต้สู่อีสานตอนบน ก่อนปิดด่าน ด่านหลักของฝั่งไทย-กัมพูชาที่มีผู้ใช้มากที่สุดคือ ด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ และด่านคลองลึก จ.สระแก้ว ที่มีผู้สัญจรหลักหมื่นถึงหลายหมื่นต่อเดือน แต่หลังปิดด่าน ตัวเลขผู้ใช้ด่านฝั่งกัมพูชาลดลงเหลือเพียงเศษเสี้ยว ขณะที่ด่านฝั่งลาว ไม่ว่าจะเป็น สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 2 จ.มุกดาหาร และ ด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี กลับเห็นจำนวนผู้เดินทางจากกัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยแสดงให้เห็นว่า คนกัมพูชาบางส่วนยอมเพิ่มระยะทางและต้นทุนการเดินทางเพื่อเข้ามาทำธุรกิจ จับจ่ายสินค้า หรือแม้กระทั่งทำงานในไทย ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของตลาดไทยต่อความต้องการสินค้าและบริการของกัมพูชานั่นเอง   แล้วสถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่ออีสานอย่างไร⁉️ เมืองชายแดนฝั่งลาว อย่างเช่น มุกดาหาร หนองคาย และอุบลราชธานี เริ่มได้รับอานิสงส์จากการค้าชายแดนเพิ่มขึ้น ร้านค้าปลีก ตลาดการค้า และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในพื้นที่เหล่านี้มีโอกาสฟื้นตัวและขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่ากลุ่มลูกค้าหลักจะไม่ใช่ชาวลาวเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงชาวกัมพูชาที่ข้ามเข้ามาด้วย อีกทั้งเส้นทางจากกัมพูชาสู่ลาวและเข้าสู่ไทย อาจต้องผ่านหลายด่านและหลายรูปแบบการขนส่ง ทำให้ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ในอีสานตอนบนมีโอกาสให้บริการเส้นทางใหม่ ทั้งการขนสินค้าข้ามแดน การจัดการเอกสารศุลกากร และบริการคลังสินค้าอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม จังหวัดชายแดนฝั่งกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นสุรินทร์ บุรีรัมย์ และสระแก้ว อาจสูญเสียเม็ดเงินจากการเดินทาง การค้าขาย และการท่องเที่ยวชายแดนในสัดส่วนสูง โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร และตลาดนัดชายแดนที่เคยรองรับนักท่องเที่ยวและนักช้อปจากกัมพูชานั่นเอง   แม้สถานการณ์ความขัดแย้งจะสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจชายแดนฝั่งไทย-กัมพูชา แต่การปรับตัวของผู้คนและภาคธุรกิจถือเป็นการสร้างเส้นทางเศรษฐกิจใหม่ผ่านฝั่งไทย-ลาว ซึ่งไม่เพียงเป็นทางออกชั่วคราวเท่านั้น แต่ยังอาจกลายเป็นโอกาสสำหรับอีสานตอนบน หากมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การอำนวยความสะดวกด้านการค้า และการพัฒนาตลาดชายแดนให้รองรับความต้องการของทั้งชาวลาวและกัมพูชา     อ้างอิงจาก: – Travel Link   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปิดด่านชายแดนกัมพูชา #แรงงานกัมพูชา

เมื่อด่านอีสานใต้ปิดเพราะความขัดแย้งชายแดน พาเปิดเบิ่งตัวเลข คนกัมพูชาหันข้ามผ่านฝั่งไทย–ลาว อ่านเพิ่มเติม »

พามองเบิ่ง GMS ผ่านดาวเทียมยามค่ำคืน “ใครสว่าง ใครมืด” บางเมืองไม่เคยหลับ บางเมืองไม่เคยได้เปิดไฟ

ภาพถ่ายดาวเทียมในยามค่ำคืนของกลุ่มประเทศกลุ่ม GMS ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังสามารถสะท้อนถึงโครงสร้างเศรษฐกิจ การกระจายตัวของประชากร และระดับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศอย่างชัดเจน   ไทย โดดเด่นด้วยความสว่างหนาแน่น โดยเฉพาะบริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑลซึ่งกระจุกตัวของแสงไฟอย่างชัดเจน แสดงถึงความหนาแน่นของประชากรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคกลาง ขณะเดียวกัน เมืองใหญ่ในแต่ละภูมิภาค อย่างเช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี และนครราชสีมา ก็ปรากฏเป็นจุดสว่างกระจายทั่วประเทศ ซึ่งบ่งชี้ถึงโครงสร้างเมืองที่กระจายตัวและมีเครือข่ายคมนาคมเชื่อมต่อกันอย่างดี   เวียดนาม แสงไฟกระจุกตัวหนาแน่นบริเวณโฮจิมินห์และสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง แสดงให้เห็นความหนาแน่นของกิจกรรมเศรษฐกิจ การผลิต และการค้า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการส่งออก เวียดนามตอนใต้ยังคงสว่างไสวมากกว่าตอนเหนือของประเทศ    กัมพูชา สะท้อนภาพการพัฒนาแบบกระจุกตัวสูงในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจและการปกครอง แต่พื้นที่ชนบทส่วนใหญ่ยังคงมืดมิด แสดงถึงช่องว่างของโครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้าและการพัฒนาในชนบทที่ยังล่าช้าอีกด้วย   ลาว มีแสงไฟกระจายตัวบางเบา บ่งบอกถึงความหนาแน่นประชากรต่ำและโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าที่จำกัด แม้เมืองหลวงเวียงจันทน์และเมืองสำคัญอย่างปากเซจะปรากฏเป็นจุดสว่าง แต่พื้นที่ชนบทส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาแสงธรรมชาติและระบบไฟฟ้าแบบจำกัด ซึ่งสอดคล้องกับเศรษฐกิจที่พึ่งพาเกษตรกรรมและพลังงานน้ำเป็นหลัก   เมียนมา มีแสงไฟกระจุกในเมืองย่างกุ้งและเนปิดอว์ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงมืดสนิท ซึ่งเป็นผลจากโครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้าที่อาจจะไม่ทั่วถึงและสถานการณ์การเมืองที่ส่งผลต่อการลงทุนด้านพลังงานและการพัฒนาเมืองนั่นเอง   จีนตอนใต้ โดยเฉพาะมณฑลกวางตุ้งที่มีแสงไฟปรากฏหนาแน่นรอบเมือง สะท้อนความเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาค และเป็นเมืองชายฝั่งทะเลที่ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียงประตูที่เชื่อมต่อการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านใน GMS     อ้างอิงจาก: – worldview.earthdata.nasa   ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/isan.insight   #ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #ความสว่าง #GMS 

พามองเบิ่ง GMS ผ่านดาวเทียมยามค่ำคืน “ใครสว่าง ใครมืด” บางเมืองไม่เคยหลับ บางเมืองไม่เคยได้เปิดไฟ อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง โคราชโกยกำไร เปิด 10 บริษัททำเงินกระจายแดนย่าโม

พามาเบิ่ง TOP 10 อันดับ บริษัทในโคราชที่ทำกำไรสูงสุด   ชื่อบริษัท วัตถุประสงค์ กำไร (ล้านบาท) %YoY รายได้ (ล้านบาท) %YoY สัญชาติ บริษัท แอสเตโม โคราช เบรก ซิสเตมส์ จำกัด ผลิตชุดเบรคยานยนต์ 1,139.5 28.8 7,810.3 0.7 ญี่ปุ่น บริษัท พี.ซี.เอส. แมชีน กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์สำหรับยานยนต์ 674.9 63.3 3,285.1 -19.3 ไทย บริษัท ชิน-เอ ไฮ เทค จำกัด ผลิตผลิตภัณฑ์โลหะอลูมิเนียม และอิเล็คทรอนิคส์ 621.1 11.2 4,690.6 11.1 ญี่ปุ่น บริษัท เอ็มเอ็มไอ พรีซิชั่น แอสเซมบลิ (ไทยแลนด์) จำกัด ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 598.9 29.7 4,390.7 0.3 สิงคโปร์ บริษัท แอสเตโม โคราช จำกัด ผลิตและจำหน่ายโช้คอัพ และเบรครถยนต์ 538.8 8.1 4,354.4 2.9 ญี่ปุ่น บริษัท นิชิกาว่า เตชาพลาเลิศ คูปเปอร์ จำกัด ผลิตยางขอบกระจกรถยนต์ และผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ 480.6 -10.4 2,242.2 -11.6 ญี่ปุ่น บริษัท อีตัน อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตที่จับด้ามไม้กอล์ฟทำด้วยยาง 478.2 5.2 1,872.0 -12.6 สวิซ บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพ ราชสีมา จำกัด โรงพยาบาล 307.0 -9.0 2,685.9 6.9 ไทย บริษัท สงวนวงษ์สตาร์ช จำกัด ผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปร 301.3 70.8 4,965.7 -3.3 ไทย บริษัท คาสิโอ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งออกนาฬิกาอิเล็คทรอนิคส์สำเร็จรูป 291.5 1.5 8,171.7 2.3 ญี่ปุ่น หมวดธุรกิจที่มีกำไรสูงในภาคอีสาน การผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์สำหรับยานยนต์ การผลิตส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์

พามาเบิ่ง โคราชโกยกำไร เปิด 10 บริษัททำเงินกระจายแดนย่าโม อ่านเพิ่มเติม »

พาส่องเบิ่ง ภาษีทรัมป์ ของประเทศในอาเซียน ไทยได้ลดจาก 36% เหลือ 19%

นโยบายปรับลดภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา หรือ “ภาษีทรัมป์” กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ที่ต่างเร่งปรับตัวเพื่อให้สินค้าส่งออกของตนสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ภายใต้เงื่อนไขภาษีใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยเองได้ประกาศลดอัตราภาษีจาก 36% เหลือ 19% เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของการค้าโลก ท่ามกลางความคาดหวังว่าจะสามารถรักษาศักยภาพของตนในฐานะฐานการผลิตระดับภูมิภาคไว้ได้อย่างมั่นคงนั่นเอง อย่างไรก็ตาม การลดภาษีดังกล่าว ก็เป็นผลมาจากแรงกดดันด้านการแข่งขันในภูมิภาคและความจำเป็นในการรักษาส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ เมื่อพิจารณาอัตราภาษีใหม่ของประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน จะพบว่าหลายประเทศต่างได้อัตราภาษีลดลงเหลือระดับใกล้เคียงกัน เช่น เวียดนามจาก 46% เหลือ 20%, ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียลดลงเหลือ 19% เช่นเดียวกับไทย ขณะที่ประเทศอย่างสิงคโปร์ซึ่งมีบทบาทสำคัญด้านโลจิสติกส์และการค้าไม่ใช่ข้อได้เปรียบเฉียบขาด หากแต่เป็นการ “จำเป็นต้องลด” เพื่อไม่ให้ไทยเสียเปรียบเชิงโครงสร้างในเวทีการค้าโลกนั่นเอง ผลกระทบของภาษีทรัมป์ต่อระบบเศรษฐกิจไทยจึงไม่อาจมองเพียงมิติของผู้ส่งออกเท่านั้น แม้ผู้ประกอบการรายใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ หรือเกษตรแปรรูปอาจได้รับประโยชน์จากต้นทุนภาษีที่ลดลง แต่ในอีกด้านหนึ่ง ผู้ผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากสินค้านำเข้าราคาถูกซึ่งหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดไทย ภาษีที่ลดลงกลายเป็นช่องทางให้ผู้เล่นรายใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดเดิมของผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งยังขาดความพร้อมในด้านเทคโนโลยี แบรนด์ และทุนหมุนเวียน อาจส่งผลให้เกิดการปิดกิจการหรือการปรับโครงสร้างอย่างเร่งด่วนในหลายภาคส่วนของอุตสาหกรรม   ไทยแลกอะไร…เพื่อได้ “ภาษีทรัมป์” 19%? การที่ไทยสามารถเจรจาลดอัตราภาษีจากสหรัฐฯ จาก 36% เหลือ 19% ถือเป็นก้าวสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจและการทูต โดยมีการแลกเปลี่ยนเงื่อนไขสำคัญถึง 10 ข้อ ครอบคลุมทั้งด้านการค้า การลงทุน และความมั่นคง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสหรัฐฯ และรักษาเสถียรภาพการส่งออกของไทยในตลาดโลกที่มีการแข่งขันรุนแรงขึ้นนั่นเอง เปิดตลาดสินค้าสหรัฐฯ มากกว่า 90% ไทยตกลงเปิดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ กว่า 10,000 รายการในอัตรา 0% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ไทยเปิดตลาดให้กับประเทศอื่นผ่าน FTA อยู่แล้ว เช่น ออสเตรเลียหรือจีน รายการเหล่านี้ส่วนมากเป็นสินค้าที่ไทยผลิตไม่พอใช้ เช่น ผลไม้เมืองหนาว ข้าวโพด อะไหล่รถยนต์ และเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น โดยเฉพาะ “เนื้อหมู” ที่ถือว่าอ่อนไหว ไทยยินดีเปิดตลาดในสัดส่วนเพียงเล็กน้อยประมาณ 1% เท่านั้น พร้อมยืนยันว่า “เครื่องในหมู” จะไม่เปิดตลาดโดยเด็ดขาด ลดอุปสรรคทางเทคนิคในการค้า (NTBs) ไทยให้คำมั่นจะลดขั้นตอนราชการและกฎระเบียบที่ซับซ้อน เช่น การศุลกากร ด้วยการนำระบบ “ตรวจสอบภายหลัง” (Post-clearance audit) มาใช้มากขึ้น เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์และเร่งความเร็วการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ไทยยังมีแผนจัดตั้ง One Stop Service และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยลดความยุ่งยากอย่างเป็นรูปธรรม เปิดช่องลงทุนให้สหรัฐฯ ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย รัฐบาลไทยเสนอ Fast-track และสิทธิประโยชน์จาก BOI ให้กับบริษัทอเมริกันใน 3 สาขาหลัก ได้แก่ พลังงานสะอาด เซมิคอนดักเตอร์/ICT และโลจิสติกส์ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากสหรัฐฯ สู่ภูมิภาคอาเซียน สั่งซื้อ LNG และเครื่องบิน Boeing เพื่อช่วยลดดุลการค้าที่ไทยเกินดุลกับสหรัฐฯ

พาส่องเบิ่ง ภาษีทรัมป์ ของประเทศในอาเซียน ไทยได้ลดจาก 36% เหลือ 19% อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top