Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

อำนาจเจริญ ความท้าทายที่ต้องก้าวข้าม จังหวัดที่มูลค่าเศรษฐกิจน้อยที่สุดในอีสาน

อำนาจเจริญ อีกหนึ่งจังหวัดที่มีความท้าทายที่ต้องก้าวผ่านนั่นคือ ความเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนมากที่สุดในภาคอีสาน .   ถ้าเราพูดถึงเศรษฐกิจ ย่อมมีทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ดี และไม่ดีแตกต่างกันไปในแต่พื้นที่ ที่ผ่านมาเพจ อีสาน อินไซต์ ของเพวกเราได้นำเสนอข้อมูลด้านเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัดซึ่งมีสัดส่วนตั้งแต่ดีมากไปจนถึงแย่ที่สุดและนี่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนที่สูงมากเลยทีเดียว .   วันนี้อีสาน อินไซต์ สิพามาเบิ่ง สถานการณ์เศรษฐกิจและข้อมูลต่างๆของจังหวัด อำนาจเจริญ .   1.ข้อมูลพื้นฐาน จังหวัดอำนาจเจริญ มีขนาดพื้นที่ ประมาณ 3,161 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร 374,372 คน ถือว่ามีประชากรน้อยสุดลำดับที่ 19 ในภาคอีสาน มีประชากรมากกว่ามุกดาหารเท่านั้น โดยในปี 2564 จังหวัดอำนาจเจริญมีขนาดเศรษฐกิจของจังหวัด อยู่ที่ 21,693 ล้านบาท และรายได้ต่อหัวของจังหวัดอยู่ที่ 77,048 บาท .   .   2.สถานที่ท่องเที่ยว ในจังหวัดอำนาจเจริญจะมีการผสมผสานระหว่างธรรมชาติกับธรรมะที่การสมผสานกันอย่างลงตัว อย่างพระมงคลมิ่งเมืองและพุทธอุทยานนั้น จะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์พระหน้าตักกว้าง 11 เมตร ความสูงจากระดับพื้นดินถึงยอดเปลวรัศมีกว่า 20 เมตร โดยเป็น พระมงคลมิ่งเมือง จะเป็นพระพุทธรูปที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบอินเดีย ที่เข้ามายังภาคอีสาน เมื่อพันปีก่อนนั่นเอง และบรรจุพระสารีริกธาตุ ที่ได้รับมาจากประเทศอินเดียไว้ที่องค์พระด้วย ใครที่ได้มากราบไหว้ขอพรนั้น ก็เลยเหมือนได้ไปกราบไหว้พระสารีริกธาตุที่ประเทศอินเดียนั่นเอง และอีกที่นึง นั่นคือน้ำตกตาดใหญ่ เป็นสถานที่ทางธรรมชาติอีกจุดของจังหวัดอำนาจเจริญตั้งอยู่ใน ตำบลโคกก่ง อำเภอชานุมาน โดยสายน้ำแห่งนี้เกิดขึ้นมาจากลำห้วยทม ไหลผ่านพลาญหินทรายลงไป มีขนาดกว้างกว่า 30 เมตร และสูงเกือบ 2-3 เมตรเลยทีเดียว ที่สำคัญยังมีน้ำไหลกันตลอดทั้งปีอีกด้วย แต่น้ำจะเยอะมากในหน้าฝน และสวยที่สุดช่วงปลายฝนต้นหนาว   .   3.โครงสร้างเศรษฐกิจและธุรกิจ SME ในปี 2565 จังหวัดอำนาจเจริญมีขนาดเศรษฐกิจของจังหวัด  (GPP) อยู่ที่ 21,693 ล้านบาท ด้วยตัวเลขนี้ทำให้อำนาจเจริญอยู่อันดับสุดท้ายของภูมิภาค แต่มีรายได้ต่อหัว (GPP Per Capita) อยู่ที่ 81,556 บาท อยู่ในลำดับที่ 13 ของภูมิภาค โดยจังหวัดอำนาจเจริญมีโครงสร้างเศรษฐกิจดังนี้   ภาคการบริการ คิดเป็น 49% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร อยู่ที่ 1,240 ราย ภาคการเกษตร คิดเป็น 28% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การเลี้ยงโคนมและโคเนื้อ อยู่ที่ 259 ราย ภาคการผลิต […]

อำนาจเจริญ ความท้าทายที่ต้องก้าวข้าม จังหวัดที่มูลค่าเศรษฐกิจน้อยที่สุดในอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

อ.ศรีเมืองใหม่ เอกลักษณ์ผังเมืองแปดทิศอันโดดเด่นแห่งเมืองอุบล

การวางผังเมืองถือเป็นหัวใจสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเมืองและชุมชนให้สมดุล ยั่งยืน และตอบสนองความต้องการของประชากรในระยะยาว โดยในภาคอีสาน มีอำเภอหนึ่งที่นับเป็น “Unseen of Isan” ด้วยผังเมืองที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ลักษณะของผังเมืองแห่งนี้เป็นรูปแปดเหลี่ยมแปดทิศ ซึ่งเปรียบเสมือนใยแมงมุมที่สะท้อนถึงความเป็นระเบียบและความงดงามอย่างลงตัว อำเภอแห่งนี้คือ อำเภอศรีเมืองใหม่ ตั้งอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี ความเป็นมาและความโดดเด่นของผังเมืองแปดทิศ อำเภอศรีเมืองใหม่ เดิมมีชื่อว่า “เมืองโขงเจียม” เป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ติดแม่น้ำโขง ความโดดเด่นของผังเมืองอำเภอนี้คือการออกแบบให้มีลักษณะเป็นแปดเหลี่ยม โดยมีสวนสาธารณะศรีเมืองใหม่ตั้งอยู่ตรงกลาง พร้อมถนนแปดสายที่แยกออกจากสวนสาธารณะ ทำให้ภาพรวมของผังเมืองดูคล้ายใยแมงมุม ข้อดีของผังเมืองรูปแบบนี้คือความเป็นระเบียบ สวยงาม และเอื้อต่อการพัฒนาในอนาคต ไม่เพียงแต่ตอบสนองการใช้งานในปัจจุบัน แต่ยังสร้างความสมดุลระหว่างพื้นที่สาธารณะและพื้นที่อยู่อาศัยอย่างลงตัว การวางผังเมืองของอำเภอศรีเมืองใหม่เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2500 ขณะนั้นยังเป็น “บ้านศรีเมืองใหม่” ในอำเภอโขงเจียม ต่อมาในปี พ.ศ. 2514 ได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอศรีเมืองใหม่ คำว่า “ศรีเมืองใหม่” หมายถึง “ที่อยู่อาศัยใหม่ที่เพียบพร้อมด้วยความสุข ความเจริญ และความสง่างาม” ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจในการพัฒนาพื้นที่นี้ให้เป็นต้นแบบของความเจริญในภูมิภาค รูปภาพจาก: กลุ่ม facebook ศรีเมืองใหม่…….บ้านเฮา   ผังเมืองแปดทิศ ความพิเศษที่พบได้ยาก ผังเมืองรูปแบบแปดทิศนี้พบได้ยากในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ในประเทศจีน มีเมืองหนึ่งที่มีผังเมืองลักษณะคล้ายกันคือ เมืองเท๋อเค่อสือ ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เมืองนี้ถูกออกแบบตามแนวคิด “ปากั้ว” ซึ่งเป็นศาสตร์ฮวงจุ้ยเกี่ยวกับพลังงานในทิศต่างๆ อีกทั้งยังเป็นเมืองเดียวในจีนที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร   ธรรมชาติอันงดงามของศรีเมืองใหม่ นอกจากความโดดเด่นของผังเมืองแล้ว อำเภอศรีเมืองใหม่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงาม อย่าง วนอุทยานน้ำตกผาหลวง ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลนาเลิน ห่างจากตัวเมืองอุบลราชธานีเพียงชั่วโมงเศษ น้ำตกผาหลวงมีจุดเด่นในเรื่องความหลากหลายของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก ป่าไม้ หินผา และทิวทัศน์อันสวยงาม กิจกรรมที่สามารถทำได้ที่นี่มีหลากหลาย เช่น เดินป่า ตั้งแคมป์ ชมดาวในยามค่ำคืน หรือพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศธรรมชาติ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: วนอุทยานน้ำตกผาหลวง อำเภอศรีเมืองใหม่คืออัญมณีแห่งภาคอีสานที่ไม่ควรพลาด ด้วยผังเมืองที่มีเอกลักษณ์ มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอย่างลงตัว รูปภาพจาก: Facebook วนอุทยานน้ำตกผาหลวง ที่มา: เว็บไซต์เทศบาลตำบลศรีเมืองใหม่ Ubon Outdoor การท่องเที่ยวจีน – CNTO Bangkok 4 จังหวัด คูเมืองโบราณในอีสาน วิทยาการการจัดการน้ำในเมืองโบราณของคนในอดีต  

อ.ศรีเมืองใหม่ เอกลักษณ์ผังเมืองแปดทิศอันโดดเด่นแห่งเมืองอุบล อ่านเพิ่มเติม »

เติบโตด้วยตนเอง..‘อุดรธานี’ ถูกผลักดันจากภาครัฐน้อยกว่า ‘ขอนแก่น’ จริงหรือ?

  ความรุ่งเรืองของ ‘อุดร’ จากอดีต กระทั่ง ปัจจุบัน อุดรธานี จังหวัดใหญ่แห่งอีสานที่เจริญเติบโตมาตั้งแต่อดีต โดยเฉพาะในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และช่วงสงครามเย็น โดยในยุคสงครามเย็น ช่วงปี พ.ศ. 2497-2505 มีสหรัฐฯ เข้ามาช่วยพัฒนาโครงสร้างในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น ถนนมิตรภาพ วางรากฐานสาธารณูปโภคพื้นฐาน รวมไปถึงสนามบิน ส่งผลให้ในยุคนั้น อุดรธานีเป็นที่ถึงดูดของคนต่างท้องที่ ต่างเชื้อชาติ ตั้งรกราก ไม่ว่าจะเป็น ทหารอเมริกัน คนเวียดนามที่ลี้ภัยสงคราม คนจีนที่เข้ามาค้าขาย  ส่งผลให้เม็ดเงินมหาศาลเข้ามายังอุดรธานี ซึ่งความเจริญของอุดรในยุคนั้นสะท้อนได้จากการที่มีร้านอาหาร ผับ บาร์ สถานบันเทิง อยู่เต็มเมือง มีความทันสมัยทางด้านวัฒนธรรม อาหาร แฟชั่น แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ ในอีสาน   รูปภาพจาก: Yothin Samrandee    เรื่องราวในอดีตยังคงมีผลมาจวบจนปัจจุบัน โดยสภาพสังคมของเมืองอุดร หลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม มีชุมชนคนจีนและเวียดนามอาศัยอยู่มาก มีฝรั่งเดินอยู่ทั่วไป มีคนลาวเข้ามาช้อปปิ้งทุกวัน โดยยอดผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติของอุดรฯ ในช่วง ม.ค.- พ.ย. 2567 มีจำนวน 9.5 แสนคน อันดับ 2 ในอีสานรองจากเมืองติดริมโขงอย่างหนองคาย แต่พบว่าอุดรธานีมีรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติ 12,508 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าหนองคายที่เท่ากับ  8,183 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าคนลาวในเวียงจันทน์ซึ่งมีกำลังซื้อสูง เดินทางผ่านเข้ามายังด่านหนองคายเพื่อเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในเมืองอุดรนั่นเอง นอกจากนั้นตลอด 15 ปีที่ผ่านมา  สนามบินอุดรธานี ยังมีสถิติเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารสูงที่สุดอันดับ 1 ในอีสานทุกปี  โดยในปี 2566 และ 2567 มีจำนวนผู้โดยสารรวมกว่า 3.6 ล้านคน โดยอันดับ 2 คือ สนามบินขอนแก่น มีจำนวน 3.1 ล้านคน รูปภาพจาก: กรมท่าอากาศยาน Agoda เผย อุดรธานีคว้าอันดับ 1 จุดหมายท่องเที่ยวสุดคุ้ม    จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าอุดรธานีเป็นเมืองค้าขายและหมุดหมายการท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้งคนไทยและต่างชาติ อย่างไรก็ตาม มีหลายๆเสียงที่บอกว่า อุดรธานีนั้นป็นจังหวัดใหญ่ในอีสานที่ถูกภาครัฐให้ความสำคัญน้อยกว่าจังหวัดอื่นอย่างขอนแก่น? เรื่องนี้ จริงเท็จแค่ไหน Isan insight & Outlook สิพามาเบิ่ง   ‘อุดร’ ถูกลดความสำคัญ ‘ขอนแก่น’ กลายเป็นตัวเลือกแรกของรัฐ ประเด็นนี้ต้องมองย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2500 เป็นช่วงที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้เข้ามามีอำนาจทางการเมือง ได้ให้กำเนิดนโยบาย “น้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก” เป็นนโยบายที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่างๆของไทย โดยใช้ ‘แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่หนึ่ง’

เติบโตด้วยตนเอง..‘อุดรธานี’ ถูกผลักดันจากภาครัฐน้อยกว่า ‘ขอนแก่น’ จริงหรือ? อ่านเพิ่มเติม »

เผย Fan-Art 3D น้องปูกลอง ต่อยอดจาก Mascot 2D จังหวัดมหาสารคาม

เผยภาพเรนเดอร์ 3 มิติ “น้องปูกลอง” งานแฟนอาร์ตจาก Thitiphat Thepwiriviriyaphong หนุ่มร้อยเอ็ด ได้เผยแพร่การสานต่อผลงาน Mascot ที่จะชนะการประกวดของจังหวัดมหาสารคาม ในกลุ่ม Blender Community Thailand จนได้รับคำชื่นชมในผลงานกันอย่างล้นหลาม . หลังจากมีกระแสในโซเชียลมีเดียในหลากหลายความเห็น ล่าสุด ทางหน่วยงานได้ออกแถลงการณ์ จังหวัดมหาสารคาม ออกแถลงการณ์ชี้แจงประเด็น ผลการประกวดมาสคอตประจำจังหวัดฯ ยืนยันตัดสินด้วยความโปร่งใสและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของจังหวัดมหาสารคามเป็นสำคัญ ตามที่จังหวัดมหาสารคาม มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมหาสารคาม ดำเนินโครงการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ จังหวัดมหาสารคาม กิจกรรม การประกวดและจัดทำมาสคอต (Mascot) จังหวัดมหาสารคาม เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดมหาสารคาม ในการกระตุ้นการท่องเที่ยว และส่งเสริมการตลาด เผยแพร่ภาพลักษณ์ชื่อเสียงของจังหวัด รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวจังหวัดมหาสารคามให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัด โดยมีการประกาศผลการประกวดฯ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา นั้น จากกระแสความคิดเห็นของประชาชนที่แสดงความกังวลและตั้งคำถามเกี่ยวกับ ผลการประกวดมาสคอต ประจำจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งจังหวัดมหาสารคามขอขอบคุณสำหรับความสนใจและข้อเสนอแนะ ที่มีต่อกิจกรรมครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง จังหวัดมหาสารคามขอเรียนชี้แจงในส่วนของเกณฑ์การตัดสินมี 5 ด้าน ซึ่งได้แจ้งประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมหาสารคาม ประกอบด้วย 1. แนวความคิดในการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ 2. การสื่อความหมายเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของจังหวัด เพื่อใช้เป็นตัวแทนในการประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวของจังหวัดมหาสารคาม 3. ความสวยงามและความครบถ้วนสมบูรณ์ขององค์ประกอบ 4. ความโดดเด่น จดจำง่าย และความเด่นชัด 5. ความเหมาะสมและการใช้งานได้จริงในการประชาสัมพันธ์ กระบวนการตัดสินผลงานมี 2 รอบ ดังนี้ รอบที่ 1: จังหวัดมหาสารคามได้จัดให้มีการโหวตมาสคอตที่ส่งมาประกวดทุกผลงานผ่านทาง Google Form ในระหว่างวันที่ 12 – 22 ธันวาคม 2567 โดยผลงานที่มียอดโหวตอันดับที่ 1 – 5 จะผ่านเข้ารอบตัดสินในรอบที่ 2 รอบที่ 2: จังหวัดมหาสารคามได้เชิญผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคมต่าง ๆ ภายในจังหวัดมหาสารคาม จำนวน 205 ท่าน เพื่อร่วมพิจารณาตัดสินผลงาน โดยเจ้าของผลงานที่ผ่านเข้ารอบจะต้องมานำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการเพื่อประกอบการตัดสินใจ โดยผลงานที่ชนะการประกวดในครั้งนี้ ได้แก่ “น้องปูกลอง” เจ้าของผลงาน : นางสาวอิสราภรณ์ ลามี จังหวัดมหาสารคามขอเรียนว่า การตัดสินในครั้งนี้ดำเนินไปด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของจังหวัดมหาสารคามเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทุกท่านจะถูกนำไปปรับปรุงและพัฒนากิจกรรมในอนาคต เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและสะท้อนเสียงของประชาชนให้มากยิ่งขึ้น และขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและร่วมกันพัฒนาจังหวัดมหาสารคามของเรา

เผย Fan-Art 3D น้องปูกลอง ต่อยอดจาก Mascot 2D จังหวัดมหาสารคาม อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🇻🇳ทำไมเวียดนามถึงน่าลงทุนในมุมมองของต่างชาติ

ISAN Insight สิพามาเบิ่ง ทำไมเวียดนามถึงน่าลงทุนในมุมมองของต่างชาติ   . ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในเวียดนามมากขึ้นมีหลายข้อด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการที่สภาพสังคมและเศรษฐกิจที่ดี เสถียรภาพทางการเมือง การลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ข้อได้เปรียบด้านต้นทุนของกำลังแรงงาน จำนวน FTA ที่มี 16 ฉบับครอบคลุมมากถึง 56 ประเทศ อีกทั้งช่องว่างของโอกาสทางธุรกิจที่ผ่านการวางรากฐานที่ดีและพร้อมที่จะเติบโตในอนาคต ส่งผลให้นักลงทุนจากต่างชาติมองเห็นโอกาสที่เวียดนามจะสามารถเติบโตขึ้นได้อีก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนสนับสนุนให้เวียดนามสามารถดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศได้มาก   ประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงอย่างเวียดนาม นับว่าเริ่มมีบทบาทโดดเด่นขึ้นมากจากอดีต จากการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในปีค.ศ. 1986 ที่เปลี่ยนผันจากประเทศที่มีการพึ่งพารายได้จากภาคการเกษตร กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่สูง อีกทั้งการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และปัจจัยสนับสนุนอื่นๆอีกมากมาย ยังช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเวียดนาม มีอัตราการเติบโตที่สูงเฉกเช่นเดียวกันกับประเทศไทยช่วงก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง  รูปภาพ 1 : แสดงถึงอัตราการเติบโตของ GDP ในเวียดนามรายไตรมาส ที่มา : Trading Economics . ภาพรวมเศรษฐกิจเวียดนาม อัตราการเติบโตของ GDP เวียดนามในไตรมาส 3 ของปีปัจจุบัน มีอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในรอบ 2 ปี โดยอยู่ที่ 7.4% โดยมีปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก ซึ่ง GDP ของเวียดนามในอดีตเคยน้อยกว่าไทยถึง 3 เท่า แต่ในปัจจุบัน GDP ของเวียดนามเพิ่มขึ้นจนกระทั่งเทียบเท่ากับ 85% ของ GDP ไทย บ่งบอกถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ที่เริ่มไล่ตามหลังไทยมาอย่างต่อเนื่อง  รูปภาพ 2 : แสดงถึงมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศ ที่มา : Food and Agriculture Organization of the United Nation   . การลงทุนจากต่างประเทศในเวียดนาม เมื่อมองในภาพรวมจะเห็นว่ามูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศของเวียดนามมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเวียดนามในการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ อีกทั้งข้อได้เปรียบในด้าน FTA ของเวียดนามที่มีจำนวนมากและผ่านการวางรากฐานการพัฒนามาอย่างดี ยิ่งช่วยส่งเสริมให้การลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาในเวียดนามมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีทั้งการลงทุนและร่วมทุนในเวียดนาม โดยมีบริษัทมากถึง 116 บริษัทไทยที่ได้เข้าไปลงทุน อีกทั้งภายในปีหน้าเวียดนามก็มีโอกาสที่จะได้เข้า FTSE ซึ่งสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น   . การผลักดันเศรษฐกิจเวียดนามจากภาคอุตสาหกรรม ภายหลังจากการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของเวียดนามที่ออกจากกรอบการพึ่งพารายได้จากภาคเกษตรกรรมที่สูง โดยสนับสนุนให้ประเทศมีการขยายตัวและมีรายได้จากภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็ช่วยดึงดูดนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ลงทุนในภาคอุตสาหกรรมของเวียดนามมากขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว อีกทั้งต้นทุนที่ถูกและแรงงานที่มีประสิทธิภาพ ยังช่วยผลักดันให้ต่างชาติสนใจลงทุนในเวียดนามมากขึ้นอีกด้วย   . การลงทุนจากไทยประเทศไทย ข้อมูลในปี 2561 พบว่ามีบริษัทในประเทศไทยมากถึง 116 บริษัทที่มีการลงทุนและร่วมทุนในประเทศเวียดนาม โดยมีกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต 59 บริษัท  กลุ่มการเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตรประมง 18 บริษัท และกลุ่มธุรกิจบริการ 39 บริษัท โดยมีบริษัทใหญ่ๆอย่าง SCG PTT และ CPall

พามาเบิ่ง🇻🇳ทำไมเวียดนามถึงน่าลงทุนในมุมมองของต่างชาติ อ่านเพิ่มเติม »

“ซิ่ง แซบ ม่วน” เที่ยวปีใหม่ ปลอดภัย ไม่ต้องเจอด่าน🚨👮 กลับมาอีกครั้ง🚌ททท.ขอนแก่น x บัสซิ่ง🚍 เปิดวิ่งรถบัส ฟรี!

“ซิ่ง แซบ ม่วน” เที่ยวปีใหม่ ปลอดภัย ไม่ต้องเจอด่าน🚨👮 กลับมาอีกครั้ง🚌ททท.ขอนแก่น x บัสซิ่ง🚍 เปิดวิ่งรถบัส ฟรี! FREE BUS กลับมาแล้วพี่น้อง! นั่งบัสซิ่งไปม่วนงานปลาร้าหมอลำ พร้อมเที่ยวงานปีใหม่ขอนแก่นกันเด้อ . ปลาร้า หมอรำ Isan To The World จัดเต็มความซิ่ง แซบ ม่วน ครบจบในงานเดียว พร้อมกิจกรรมพิเศษ ขอนแก่นซิตี้บัส ร่วมกับ ททท.สำนักงานขอนแก่น TAT Khonkaen Fanpage จัดรถบัสฟรี พร้อมแสดงหมอลำ On The Bus จากศิลปินอีสาน และยังมีกิจกรรมเชิญชวนทุกคนให้มาร่วมสนุกลุ้นของรางวัลกันอีกด้วย . FREE BUS ให้บริการตั้งแต่ 26 ธ.ค. 67 – 1 ม.ค. 68 เวลา 16:30 – 22:30 น. ( พิเศษ คืนวันเคาท์ดาวน์ มีรถให้บริการถึง 02:00 น.) . ปักหมุดเส้นทางเดินรถไว้เลย ⎯ บขส. 1 (Park & Go) ⎯ เฮือนโบราณ ⎯ ถนนกลางเมือง ⎯ บขส. 2 (ปรับอากาศ) (Park & Go) ⎯ พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ (Park & Go) ⎯ ขอนแก่น อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ ⎯ ศาลหลักเมือง ⎯ Pullman Khon Kaen ⎯ สถานีรถไฟ (Park & Go) ⎯ ตลาดต้นตาล (Park & Go) ⎯ เซ็นทรัล ขอนแก่น (Park & Go) . ม่วนกับหมอลำ On The Bus แล้วถ่ายภาพหรือวิดีโอโพสต์ลง Social Media พร้อมติดแฮชแท็ก #PlaraMorlam24 #ISANToTheWorld #ประเพณีสีอีสาน #ประเพณีสีอีสานวิถีแห่งศรัทธา ใครที่ได้ยอดไลค์ ยอดแชร์สูงสุด ลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษจาก ททท.ขอนแก่น

“ซิ่ง แซบ ม่วน” เที่ยวปีใหม่ ปลอดภัย ไม่ต้องเจอด่าน🚨👮 กลับมาอีกครั้ง🚌ททท.ขอนแก่น x บัสซิ่ง🚍 เปิดวิ่งรถบัส ฟรี! อ่านเพิ่มเติม »

การเลือกเอเจนซี่การตลาดในประเทศไทย เลือกเอเจนซี่ใหญ่หรือเล็กดี

  การเลือกเอเจนซี่การตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณเป็นเรื่องสำคัญ เพราะบางเอเจนซี่จะเหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่บางแห่งจะเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดของเอเจนซี่ก็มีผลต่อการทำงาน เช่น ทรัพยากรที่ใช้ ทีมงาน และขั้นตอนการทำงาน ไม่ว่าคุณกำลังมาหา เอเจนซี่รับทำ SEO ยิงแอดเฟสบุค หรือเอเจนซี่ด้านไหนก็ตาม การเลือกเอเจนซี่ที่เหมาะสมจะช่วยให้การทำงานร่วมกันราบรื่นและทำให้ธุรกิจเติบโตได้ดีขึ้น ในบทความนี้เราจะพูดถึงข้อดีและข้อเสียของเอเจนซี่ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เพื่อให้คุณเลือกเอเจนซี่ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด เอเจนซี่ขนาดใหญ่ เอเจนซี่ขนาดใหญ่มักจะมีทีมงานที่หลากหลายและมีความเชี่ยวชาญในหลายด้านของการตลาด ตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์ การทำโฆษณาออนไลน์ การวิเคราะห์ข้อมูล จนถึงการจัดการแคมเปญที่ซับซ้อน พวกเขามักจะทำงานกับลูกค้าใหญ่ๆ หรือแบรนด์ที่มีงบประมาณสูง และมักมีเครื่องมือหรือซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยในการทำงาน ข้อดีของเอเจนซี่ขนาดใหญ่: มีทีมงานหลากหลายและทรัพยากรที่ครบครัน เอเจนซี่ใหญ่มีทีมงานที่เชี่ยวชาญในหลายๆ ด้าน และมีเครื่องมือทันสมัยที่ช่วยให้การทำการตลาดเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค การจัดการแคมเปญที่มีหลายช่องทางเป็นต้น ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการกลยุทธ์การตลาดที่ซับซ้อนและครบวงจร ประสบการณ์ในการดูแลแบรนด์ใหญ่ เอเจนซี่ใหญ่มีประสบการณ์ในการทำงานกับแบรนด์ขนาดใหญ่ ซึ่งมักจะต้องการกลยุทธ์ที่มีความซับซ้อนและเป็นระเบียบ เช่น การวางแผนการตลาดในระยะยาว หรือการทำแคมเปญโฆษณาที่ครอบคลุมหลายช่องทาง มีมาตรฐานการทำงานที่ชัดเจน การทำงานในเอเจนซี่ขนาดใหญ่มีมาตรฐานและกระบวนการทำงานที่ชัดเจน ทำให้การดำเนินการทุกขั้นตอนมีความเป็นระเบียบและไม่เสียเวลา ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความชัดเจนและคาดการณ์ได้ ข้อเสียของเอเจนซี่ขนาดใหญ่: ค่าใช้จ่ายสูง เอเจนซี่ขนาดใหญ่มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีทรัพยากรและเครื่องมือที่ทันสมัย ซึ่งอาจไม่เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจที่มีงบประมาณจำกัด อาจขาดความยืดหยุ่น บางครั้งการทำงานกับเอเจนซี่ขนาดใหญ่จะมีขั้นตอนที่เป็นระเบียบและตายตัว ซึ่งอาจทำให้การปรับเปลี่ยนแคมเปญหรือกลยุทธ์ใหม่ๆ ทำได้ช้ากว่าเอเจนซี่ขนาดเล็ก บริการที่อาจไม่เน้นที่ลูกค้าแต่ละราย เอเจนซี่ใหญ่ที่มีลูกค้าหลายรายอาจไม่สามารถให้บริการที่เฉพาะเจาะจงกับธุรกิจขนาดเล็กได้เท่ากับเอเจนซี่ขนาดเล็ก เพราะพวกเขามักจะมีทีมงานที่ต้องดูแลลูกค้าหลายรายในเวลาเดียวกัน     เอเจนซี่ขนาดเล็ก เอเจนซี่ขนาดเล็กมักจะมีทีมงานที่ไม่ใหญ่ แต่เน้นให้บริการที่ใกล้ชิดและตอบสนองได้เร็วกว่า พวกเขามักจะมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวได้ดีตามความต้องการของลูกค้า ข้อดีของเอเจนซี่ขนาดเล็ก: บริการที่ใกล้ชิดและเป็นส่วนตัว หนึ่งในข้อดีที่สำคัญของเอเจนซี่ขนาดเล็กคือการให้บริการที่เป็นส่วนตัวและใกล้ชิด พวกเขาสามารถเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เร็วกว่า เพราะมีทีมงานที่ไม่มากและเน้นดูแลลูกค้าแต่ละรายอย่างใกล้ชิด ความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์ เอเจนซี่ขนาดเล็กสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์หรือตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความยืดหยุ่นหรือการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการเอเจนซี่ขนาดเล็กมักจะต่ำกว่า เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่สูงเหมือนเอเจนซี่ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจที่มีงบประมาณจำกัด ข้อเสียของเอเจนซี่ขนาดเล็ก: ทรัพยากรจำกัด เอเจนซี่ขนาดเล็กอาจขาดทรัพยากรหรือเครื่องมือที่ทันสมัยในการทำการตลาด ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถทำแคมเปญที่มีความซับซ้อนได้ดีเท่าเอเจนซี่ขนาดใหญ่ ขาดประสบการณ์ในบางด้าน การทำงานกับเอเจนซี่ขนาดเล็กอาจไม่สามารถให้คำปรึกษาได้ครอบคลุมทุกด้านของการตลาด เนื่องจากพวกเขามีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญที่จำกัดในบางด้าน   เอเจนซี่ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ การเลือกเอเจนซี่การตลาดที่เหมาะสมควรพิจารณาจากขนาดของธุรกิจและวัตถุประสงค์ทางการตลาดของคุณ ธุรกิจขนาดใหญ่: หากคุณเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการกลยุทธ์การตลาดที่ซับซ้อนและมีหลายมิติ เอเจนซี่ขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรและเครื่องมือครบครันจะเหมาะสม เพราะพวกเขาสามารถจัดการแคมเปญที่มีความซับซ้อนได้ ธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลาง: หากคุณเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลางที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์ และค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงเกินไป เอเจนซี่ขนาดเล็กอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะพวกเขาสามารถให้บริการที่ใกล้ชิดและตอบสนองได้เร็ว ท้ายที่สุด การเลือกเอเจนซี่การตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณจะช่วยให้คุณสามารถดำเนินกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลักดันธุรกิจของคุณไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงในตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการติดต่อปรึกษากับเอเจนซี่ที่คุณสนใจ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเชี่ยวชาญของพวกเขาในด้านที่คุณต้องการ และเพื่อดูว่ากระบวนการทำงานของเอเจนซี่นั้นเป็นอย่างไร ซึ่งจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าแนวทางการทำงานและบริการของพวกเขาตรงกับความต้องการและเป้าหมายของธุรกิจคุณหรือไม่ หากคุณกำลังมองหาเอเจนซี่การตลาดที่น่าไว้วางใจในประเทศไทย และมีประสบการณ์ในการทำการตลาดออนไลน์ให้กับธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กอย่างประสบความสำเร็จ ขอแนะนำให้ลองปรึกษากับ IBEX เอเจนซี่ที่ให้บริการด้าน SEO ในกรุงเทพ ที่นี่เป็นเอเจนซี่ขนาดกลางๆที่มีความสามารถในการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดและทั่วถึง ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะขนาดไหน ทีมงานที่ IBEX พร้อมให้คำปรึกษาและพัฒนากลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างตรงจุด ปรึกษาได้ที่ https://www.ibex.co.th/

การเลือกเอเจนซี่การตลาดในประเทศไทย เลือกเอเจนซี่ใหญ่หรือเล็กดี อ่านเพิ่มเติม »

“จังหวัดสนุก” เสน่ห์สีสันแห่งศรัทธา งามอลังการงานแห่ดาว

ตื่นตางานแห่ดาว “จังหวัดสนุก” เสน่ห์สีสันแห่งศรัทธา💗 ประเพณีสีสนุก สีสันเทศกาลแห่ดาว✨️Magical of Songkhon ททท.ชวนชมความสวยงามตระการตาของเทศกาลแห่ดาวอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนชาวคริสต์ใน 3 จังหวัดสนุก คือ สกลนคร มุกดาหาร และนครพนม ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ระหว่างวันที่ 20-27 ธ.ค.67 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) สำนักงานนครพนม ชวนเที่ยวงานเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาสกลุ่มจังหวัดสนุก (สกลนคร มุกดาหาร นครพนม) ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 20 – 27 ธันวาคม 2567 โดยกำหนดจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลที่เต็มไปด้วยความรื่นเริงและความสุข เพื่อเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้า ระลึกถึงและแสดงถึงความเชื่อความศรัทธา ของการส่งมอบความสุข ความรื่นเริง ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนในช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยพื้นที่กลุ่มจังหวัดสนุกเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ ศาสนาและความเชื่อ อยู่หลอมรวมกันอย่างกลมกลืนกลายเป็นเส้นทางแห่งศรัทธา 2 ศาสนา ที่ลงตัว สวยงาม เปี่ยมไปด้วยศรัทธา ทั้งการแห่ดาวบนบก และการแห่ดาวในดาวน้ำ ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สกลนคร -งานเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาสจังหวัดสกลนคร ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 20 – 26 ธันวาคม 2567  พบกับกิจกรรมภายในงานดังนี้ • วันที่ 20 ธันวาคม 2567 : ชม ชิม ช้อป แชะ สินค้าและอาหาร ชมโบราณสถาน ของหมู่บ้านคริสต์ ที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี ชมดนตรีวาไรตี้ ณ ถนนคนเดินชมดาวรอบอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลท่า หมู่บ้านท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร • วันที่ 21 ธันวาคม 2567 : ท่าแร่แล่นเด้อ Night Color Run 2024 ณ หมู่บ้านท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร • วันที่ 22 ธันวาคม 2567 : สีสันแห่งหนองหาร” การแห่ดาวทางน้ำ การแสดงแสง สี เสียง การแสดงละครประวัติบ้านท่าแร่ ณ สวนสาธารณะดอนเกิน หมู่บ้านท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร งานแห่ดาว ชุมชนท่าแร่ จ.สกลรคร • Highlight วันที่ 23 ธันวาคม 2567 : เวลา 18.00 น. มหัศจรรย์แห่งดวงดาว สุกสกาวความสุข”

“จังหวัดสนุก” เสน่ห์สีสันแห่งศรัทธา งามอลังการงานแห่ดาว อ่านเพิ่มเติม »

หาได้ไม่พอจ่าย เเถมเสี่ยงส่งต่อหนี้เป็นมรดก เผยเหตุปัจจัยฉุดกําลังซื้อคนอีสานตํ่าสุดในประเทศ

ภาคอีสานถือเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีประชากรมากที่สุดและมีการพึ่งพาเศรษฐกิจฐานรากเป็นหลัก ทั้งด้านการเกษตร การบริโภคภายในประเทศ ข้อมูลจากธนาคารเเห่งประเทศไทย เผยดัชนีการบริโภคภาคเอกชน (Private Consumption Index : PCI) ของประเทศไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและอยู่เหนือระดับก่อนโควิด-19 แล้ว ขณะที่ การบริโภคภาคเอกชนของภูมิภาคค่อย ๆ ฟื้นตัวและยังอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนโควิด-19 โดยภาคอีสานฟื้นตัวช้ากว่าทุกภูมิภาค โดยการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 3 ในปี 2567 มีแนวโน้มหดตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า จากการใช้จ่ายสินค้า ประเภทกึ่งคงทนและคงทนที่มีแนวโน้มลดลง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคเอกชน มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง    การบริโภคภาคเอกชนมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอีสาน เป็นตัวชี้ทิศทางการอุปโภคบริโภคหรือการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ภาคธุรกิจ และรวมถึงการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งแสดงถึงกำลังซื้อโดยรวมของภาคเอกชน  หากการบริโภคลดลงย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนก็เป็นอีกภาพสะท้อนหนึ่งที่เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าคนในพื้นที่นั้นมีเงินสําหรับการจับจ่ายใช้สอยมากเเค่ไหน ดังเช่นนั้นหากจะสํารวจหรือกล่าวถึงเหตุปัจจัยที่มีผลต่อกำลังซื้อคนอีสานในช่วงที่ผ่านมาและสร้างแรงกดดันต่อการบริโภคของคนอีสาน มีความสําคัญเเละจําเป็นที่ต้องคํานึงเเละพิจารณาถึงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของภาคอีสาน    รายได้   ทราบหรือไม่ว่ากว่า  58%  ของครัวเรือนในภาคอีสานนั้นอยู่ในภาคการเกษตร เเละมีโครงสร้างของกําลังเเรงงานเเละเศรษฐกิจที่ไม่สอดคล้อง โดยมีเเรงงานอยู่ในภาคเกษตรเกินครึ่งเเต่กลับสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้เพียงเเค่  1 ใน 5 ของมูลค่าเศรษฐกิจในภูมิภาค  เเละทราบหรือไม่ว่าอาชีพเกษตกรกลับเป็นกลุ่มอาชีพที่มีคนอยากจนมากที่สุดหากใช้เส้นความยากจนเป็นเกณฆ์โดย 10.62% ของเกษตกรเป็นคนยากจน ซึ่งสูงกว่า สัดส่วนเฉลี่ยของประเทศที่ 4.54% เป็นเท่าตัว   ปัญหาความยากจนดังกล่าวมีสาเหตุมาจากรายได้การเกษตรที่ต่ำ โดยเกษตกรมีรายได้เฉลี่ยจากการเกษตรเพียง 233.61 บาท/วัน ซึ่งตํ่ากว่าค่าเเรงขั้นตํ่าของจังหวัดที่มีค่าเเรงขั้นตํ่าที่สุด ซึ่งอยู่ที่ 332  บาท/วัน นอกจากรายได้น้อยการผลิตยังมีประสิทธิภาพต่ำ จากข้อมูลขององค์การเเรงงานระหว่างประเทศ ประสิทธิภาพการผลิตของเเรงงานภาคเกษตร(รายวัน) เกษตรกรไทยผลิตได้เพียง 8.74 ดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเเละเเปซิฟิกเป็นเท่าตัว เท่ากับว่าลงเเรงมากเเต่ได้ผลน้อย    โดยระดับรายได้ของเกษตกรที่น้อยเช่นนี้มิได้เกิดจากความขี้เกียจ หรือไร้สมรรถนะของเกษตรกรไปซะทีเดียว เเต่ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก ราคาผลผลิตตํ่าเเละผันผวน เกษตกรกําหนดเองไม่ได้   เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรเน่าเสียได้ง่าย และเกษตรกรมีอำนาจต่อรองน้อยกว่าพ่อค้าคนกลาง เกษตรกรจึงมักถูกบีบให้ขายผลผลิตในราคาต่ำ เกษตรกรต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนในการทำเกษตรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น  โดยเฉพาะในครัวเรือนที่ปลูกข้าวและมันสำปะหลัง ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นน้อยกว่าต้นทุน การทําการเกษตรมีต้นทุนเเละความเสี่ยงสูง เช่น ด้านความเสี่ยงจากสภาพอากาศ โดยในภาคอีสานมีพื้นที่ชลประทานเพียงร้อยละ 7.8 ของพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด  จึงต้องพึ่งพิงน้ำฝนเป็นหลักเมื่อสภาพภูมิอากาศแปรปรวนย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิตและรายได้เกษตรกรที่จะนำไปใช้เพื่อการบริโภค  รายได้หลักที่มาจากเกษตรกรรมจึงมีความผันผวน ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศพึ่งพาฟ้าฝนเป็นหลัก ในช่วงก่อนโควิด-19 ขนาดเศรษฐกิจ (GRP) และรายได้ต่อหัวเฉลี่ย (GRP per capita) ของอีสานมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 3 และร้อยละ 4 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่รายได้ครัวเรือนเติบโตเพียงร้อยละ 1 ต่อปีเท่านั้น แสดงให้เห็นว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอีสานส่งผ่านมาที่รายได้ครัวเรือนอีสานเพียงเล็กน้อย ทำให้ครัวเรือนอีสานในปัจจุบันมีรายได้สำหรับนำไปใช้จ่ายอย่างจำกัด สะท้อนจากรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยของอีสานที่ต่ำที่สุดในประเทศเพียง 181,231 บาทต่อครัวเรือนต่อปี อีกทั้งสัดส่วนครัวเรือนที่มีรายได้ตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยในปี 2566 ในภาคอีสานที่อยู่ที่ 67 %เเทบจะไม่เปลี่ยนเเปลงไปจากอดีตเมื่อ 10 ปีก่อน  และจำนวนคนฐานะยากจนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนมากที่สุด ที่อีสานมีมากถึง 277,875 คน หรือร้อยละ

หาได้ไม่พอจ่าย เเถมเสี่ยงส่งต่อหนี้เป็นมรดก เผยเหตุปัจจัยฉุดกําลังซื้อคนอีสานตํ่าสุดในประเทศ อ่านเพิ่มเติม »

ภาษีมูลค่าเพิ่มกับประเทศไทย ของแสลงคนไทย รายได้หลักรัฐบาล

“บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดแน่นอนนอกจากความตายและภาษี” – Benjamin Franklin, 1789 – จากส่วนหนึ่งของประโยค “Our new Constitution is now established, everything seems to promise it will be durable; but, in this world, nothing is certain except death and taxes.” ประโยคดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของจดหมายที่เบนจามิน แฟรงคลิน (Benjamin Franklin) เขียนถึงฌอง-บัปติสต์ เลอรัว (Jean-Baptiste Le Roy) ในปี ค.ศ. 1789 สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองเชิงปรัชญาเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของชีวิตและข้อเท็จจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในโลก ซึ่งก็คือ “ความตาย” และ “ภาษี” และยังคงสะท้อนถึงความจริงที่ยังคงเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน   แต่สำหรับกรณีประเทศไทยนั้นภาษีนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นของแสลงต่อกัน ที่หลายคนมีความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีอย่างสุดความสามารถ ขณะที่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ทำตามระบบอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดและโดนเรียกภาษีย้อนหลังซึ่งถือเป็นฝันร้ายสำหรับใครหลายๆ คน   จากกรณีในช่วงต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมาที่มีการรายงานข่าวว่ารัฐบาลกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศไทยเป็น 15% จากปัจจุบันที่มีการบังคับใช้อยู่ที่ 7% จึงทำให้เกิดข้อโต้แย้งและการตั้งคำถามว่าการที่คิดจะปรับภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นเท่าตัวนั้นเหมาะสมแล้วจริงๆหรือ? หากดูจากสถานการณ์ปัจจุบันของไทยนั้นควรจะทำหรือไม่? ซึ่งในทุกครั้งที่ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตามมีการพูดถึงการปรับขึ้น หรือการไม่ต่อพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม จะเกิดการตั้งคำถามทุกครั้งว่าเหมาะสมแล้วหรือยัง?   ทำไมภาษีจึงสำคัญ? แท้จริงแล้วไม่ใช่เพียงภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้นที่สำคัญ แต่ภาษีทุกตัวล้วนมีความสำคัญต่อประเทศทั้งหมด เพราะเงินภาษีที่ได้มากจากประชาชนนั้นจะเป็นแหล่งงบประมาณของรัฐบาลในปีงบประมาณต่อไป ซึ่งหากเงินภาษีที่เก็บมาได้นั้นไม่เพียงพอต่องบประมาณจะทำให้รัฐบาลต้องไปกู้เงินจากแหล่งต่างๆ เพื่อนำมาเป็นงบประมาณของรัฐบาลในปีนั้นๆ หากดูสัดส่วนรายได้จากภาษีของไทยจะพบว่ารายได้หลักของรัฐบาลที่มีสัดส่วนมากที่สุด 5 อันดับแรก ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2535 จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งมีสัดส่วนเฉลี่ย 25% ของรายได้ทั้งหมดต่อปี ภาษีเงินได้นิติบุคคล 20.8% ต่อปี ภาษีสรรพสามิต 18.6% ต่อปี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 11.3% ต่อปี และภาษีศุลกากร 7.5% ต่อปี ขณะที่รายได้จากแหล่งอื่น ๆ รวมกันคิดเป็น 16.7% ของรายได้ทั้งหมด จะเห็นได้ว่าภาษีมูลค่าเพิ่มถือเป็นรายได้ที่สำคัญที่สุดของรัฐบาล โดยมีสัดส่วนสูงสุดต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มได้ถึง 947,320 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้ที่สามารถจัดเก็บได้ อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มคาดว่าจะยังคงอยู่ที่ประมาณ 30% ของรายได้ทั้งหมด รูปที่ 1: สัดส่วนการจัดเก็บรายได้รัฐบาล ปีงบประมาณ 2533 – 2567 ที่มา: ส่วนนโยบายรายได้

ภาษีมูลค่าเพิ่มกับประเทศไทย ของแสลงคนไทย รายได้หลักรัฐบาล อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top