Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

มาตรการได้ผล! อ้อยเผาอีสานลดลง นักวิชาการแนะใช้กลไกตลาดเพิ่มมูลค่าและความยั่งยืน

เผาอ้อย สาเหตุจากต้นทุน กลายเป็นปัญหาเรื้อรัง  การเผาอ้อย เป็นกรรมวิธีที่ชาวไร่อ้อยทำในช่วงเก็บเกี่ยวอ้อยจนกลายเป็นวัฒนธรรม โดยเฉพาะในช่วงเปิดหีบอ้อยช่วงเดือนธันวาคม-ช่วงต้นปี ซึ่งสาเหตุหลักที่เกษตรกรชาวไร่อ้อยเลือกที่จะทำการเผา มาจากปัจจัยด้าน “ต้นทุน” เนื่องมาจากแรงงานตัดอ้อยสดหาได้ยากกว่า แรงงานไม่ชอบตัดอ้อยสด เพราะยุ่งยาก เสี่ยงที่โดนใบอ้อยบาดมือ และใช้เวลามากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้มีต้นทุนค่าแรงที่สูง เจ้าของไร่อ้อยหลายรายจึงมองว่าไม่คุ้มค่าที่จะจ้าง และเลือกที่จะใช้วิธีการเผาแล้วจึงเก็บเกี่ยว   ปัจจัยต่อมาคือการใช้รถตัดอ้อยเพื่อแก้ปัญหาแรงงานนั้นทำไม่ได้ทั่วถึงเนื่องจากในบางพื้นที่สภาพทางกายภาพไม่เหมาะสมกับรถตัด ได้แก่ พื้นที่ที่เป็นเนิน มีหินเยอะ มีต้นไม้เยอะ พื้นที่ลุ่มที่มีน้ำขังได้ง่าย นอกจากนั้นการใช้รถตัดอ้อยนั้นมีต้นทุนที่สูง จำนวนรถตัดมีไม่มาก และไร่อ้อยบางพื้นที่รถตัดเข้าไปได้ยาก และเสี่ยงที่จะไม่คุ้มค่า ลักษณะของแปลงของเกษตรกรไร่อ้อยในภาคอีสานเป็นแปลงขนาดเล็ก เกษตรกรมีจำนวนมากในบางโรงอาจมีเกษตรกรมากถึงเป็น 10,000 ราย ในการใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่เช่นรถตัดอ้อยเข้าไปในแปลงขนาดเล็กนั้นจะไม่คุ้มทุนเพราะต้องเสียหัวแปลงท้ายแปลงในการกลับรถเสี่ยงต่อการที่รถตัดอ้อยจะเหยียบอ้อย การที่แปลงไร่อ้อยกระจายอยู่ทั่วไปไม่รวมตัวกันทำให้การเคลื่อนย้ายรถตัดทำได้ลำบาก อาจมีต้นทุนที่สูงจึงทำให้หารถเข้าไปตัดได้ยาก  คุณภาพของการบริการรถตัดอ้อยก็ส่งผลต่อการตัดสินใจของเกษตรกรเช่นกันเพราะถ้าหากคนขับรถตัดไม่ชิดดินทำให้ตออ้อยถอนขึ้นหรือเหยียบตออ้อยจะทำให้อัตราการงอกในปีต่อไปค่อนข้างต่ำและเกิดการสูญเสียในปีต่อๆไป   นอกเหนือจากปัจจัยสำคัญในข้างต้นแล้ว ก็ยังมีอีกหลายปัจจัย เช่น ปัญหาไฟไหม้ธรรมชาติ หรือไฟที่เผาจากแปลงอื่นลุกลามมา นอกจากนั้นยังมีปัญหาเรื่องการแข่งขัน ที่เกษตรกรชาวไร่อ้อยต้องทำการรีบเร่งให้ผลผลิตของตนออกสู่ตลาดก่อนรายอื่น จึงต้องทำการเผาอ้อยเพื่อเร่งเก็บเกี่ยว ซึ่งอาจเกิดไฟไหม้ลามไปถึงแปลงอื่นๆได้   การแข่งขันระหว่างโรงงานอาจเป็นเหตุจูงใจให้มีการจุดไฟเผาไร่อ้อย เพื่อบังคับให้เกษตรกร เร่งการเก็บเกี่ยวหากไม่มีคิวหีบก็จะต้องขายอ้อยที่ไหนก็ได้แบบเร่งด่วนเพื่อไม่ให้น้ำหนักอ้อยไฟไหม้สูญเสียไปมากกว่าที่ควรเป็น ซึ่งอาจเกิดไฟไหม้ลามไปถึงแปลงอื่นๆได้   ภาคอีสาน เป็นภูมิภาคที่มีการปลูกอ้อยมากที่สุดในในประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงมีการเผาอ้อยมากที่สุดตามไปด้วย โดยปริมาณอ้อยไฟไหม้ที่เกษตรชาวไร่อ้อยอีสานได้นำมาขายให้โรงงานมีปริมาณทั้งสิ้น 14 ล้านตัน หรือเป็นสัดส่วนกว่า 34% ของปริมาณอ้อยเข้าหีบในภาคอีสาน การเผาอ้อยนั้นเป็นอีกหนึ่งต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาควัน เศษที่เถ้า ฝุ่น PM2.5 ผนวกกับช่วงต้นปีมีความกดอากาศต่ำอยู่แล้ว จึงส่งผลให้ปัญหามลภาวะหนักขึ้นไปอีกและกลายเป็นปัญหาที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทุกปี  เผาอ้อยเฮ็ดหยัง? ต้นตอฝุ่นควัน กับเหตุผลที่หลายคนยังไม่รู้ สัดส่วนอ้อยเผาเข้าหีบอีสานลดลง จากมาตรการที่เข้มงวดขึ้น ปีเก็บเกี่ยว 2567/68 นี้ บอร์ดคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล ได้เพิ่มความเข้มงวดในการเก็บเกี่ยวและซื้อขายอ้อยของชาวไร่และโรงงาน เพื่อลดปัญหาการเผาและฝุ่นควัน ผ่านการสนับสนุนให้เก็บเกี่ยวอ้อยสดเพิ่มขึ้น เพิ่มมูลค่าให้กับใบและยอดอ้อยผ่านการรับซื้อจากชาวไร่ มีการสนับสนุนและดูแลเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวอ้อยสด ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้ชาวไร่ประมาณ 120 บาทต่อตันอ้อย อีกทั้งในปีนี้มีมาตรการหักเงินชาวไร่ตามสัดส่วนของอ้อยเผาที่ส่งเข้าโรงงาน ตั้งแต่ 30-130 บาทต่อตัน นอกจากนั้นยังมีบทลงโทษแก่โรงงานน้ำตาลที่มีการรับซื้ออ้อยเผาเกินสัดส่วน ดังเช่นในกรณีของ บริษัท น้ำตาลไทย อุดรธานี ที่ได้ถูกสั่งปิดชั่วคราวหลังจากมีการรับซื้ออ้อยเผาเป็นปริมาณมาก   โดยจากมาตรการที่เข้มงวดขึ้นในปีเก็บเกี่ยวนี้ เมื่อเปรียบเทียบจากปริมาณอ้อยเข้าหีบหลังจากเปิดหีบ 45 วัน ของปีการผลิต 2566/2567 และ 2567/2568  พบว่าตัวเลขการรับซื้ออ้อยเผาของโรงงานน้ำตาลภาคอีสานลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยปีการผลิต 2566/2567 (เปิดหีบ 12 ธ.ค. 2566) มีปริมาณอ้อยเผาเข้าหีบ 7 ล้านตัน คิดเป็น 30% ของปริมาณอ้อยเข้าหีบรวม ขณะที่ปีการผลิต 2567/2568 (เปิดหีบ 6 ธ.ค. 2567) พบว่าปริมาณอ้อยเผาเข้าหีบลดลงเป็น 4.2 ล้านตัน และคิดเป็นเพียง 20% ของปริมาณอ้อยเข้าหีบรวมในปีนี้ สะท้อนผลในเชิงบวกของการใช้มาตรการ เป็นแนวทางการลดปัญหาการเผาอ้อยและมลภาวะต่อไป […]

มาตรการได้ผล! อ้อยเผาอีสานลดลง นักวิชาการแนะใช้กลไกตลาดเพิ่มมูลค่าและความยั่งยืน อ่านเพิ่มเติม »

แบงก์ไทย🇹🇭อนุมัติยากนัก 🇨🇳 สินเชื่อจีนเตรียมบุก หวังดันยอดรถ EV🚘อนุมัติง่าย ดอกเบี้ยต่ำ

ยอดรถจดทะเบียนภาคอีสานยังซบเซาตลอดปี 67 จากบทความที่ยกมาข้างต้น จะพบว่ายอดจดทะเบียนภาคอีสานยังซบเซา รวมถึงสถานการณ์ทั้งประเทศก็ไม่ต่างกันมากนัก โดยเฉพาะตลาดรถกระบะที่ซบเซามากที่สุดในรอบ 5 ปี อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น และหนี้เสีย(NPL) รวมทั้งหนี้ที่ต้องเฝ้าระวังหรือชำระล่าช้าเพิ่มมากขึ้น ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และอนุมัติวงเงิน สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ยากมากยิ่งขึ้น โดยตัวเลขประมาณการณ์การอนุมัติไม่ผ่านของสินเชื่อปรับตัวสูงขึ้นถึง 20-30% โดยเฉพาะในกลุ่มอาชีพค้าขาย และอาชีพอิสระ ที่อาจมีการปฏิเสธสินเชื่อสูงมากขึ้นด้วย ปัญหาเหล่านี้ส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวม ดังต่อไปนี้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมาย: แม้จะมีการสนับสนุนจากรัฐบาลและแผนที่ชัดเจนสำหรับการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ แต่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในไทยในปี 2566 ก็ต่ำกว่าเป้าหมายอย่างมาก สาเหตุหลักมาจากความยากลำบากในการขอสินเชื่อจากธนาคารสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แม้ความต้องการรถไฟฟ้าของผู้บริโภคมีแนวโน้มให้ความสนใจมากขึ้น และต้องการใช้สิทธิ์ในการสนับสนุนการซื้อจากภาครัฐ ธนาคารไม่ยอมให้กู้ยืมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า: อัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สูงในตลาดยานยนต์ไทยทำให้ธนาคารระมัดระวังในการให้กู้ยืมสำหรับรถยนต์ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่มีงานไม่เป็นทางการ เช่น ฟรีแลนซ์, ค้าขาย โอกาสและช่องว่างทางธุรกิจของธุรกิจการเงินจากจีน สถาบันการเงินจีนเข้ามาแทนที่: เพื่อเติมเต็มช่องว่างนี้ สถาบันการเงินจีนได้เข้าสู่ตลาดไทยด้วยเงื่อนไขสินเชื่อที่ยืดหยุ่นกว่า อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า และขั้นตอนการอนุมัติที่ง่ายกว่า ทั้งยังเพื่อช่วยส่งเสริมการรุกตลาดของรถยนต์ EV ในไทย และเพื่อทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรถ EV สามารถเร่งทำยอดขายก่อนที่โควต้าการนำเข้าต่อการผลิตรถภายในไทยที่บังคับไว้จะเพิ่มขึ้นในปีถัดไป ผู้ให้กู้ยืมชาวจีนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี: สถาบันเหล่านี้ใช้ AI และข้อมูลขนาดใหญ่ในการประเมินความน่าเชื่อถือเหนือกว่าคะแนนเครดิตแบบดั้งเดิม ทำให้บุคคลที่มีแหล่งรายได้ไม่เป็นทางการสามารถมีคุณสมบัติสำหรับสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่จะทำในรูปแบบ FinTech(แอพกระเป๋าเงินดิจิตอล) หรือ รูปแบบ Virtual Bank (ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา) เพื่อลดต้นทุนในการดำเนินการทางการเงิน รวมถึง นำเทคโนโลยีจากจีนที่เชี่ยวชาญในการทำ SuperApp ที่รวมทุกบริการไว้ในแอปเดียว และให้บริการ Fintech อย่างที่แบรนด์จีนเข้ามาทำตลาดในไทยก่อนหน้านี้ อย่างเช่น ShopeePayLater, LazadaPayLater, หรืออย่าง Grab PayLater ที่ใช้เทคโนโลยีตรวจเช็คพฤติกรรมการใช้จ่าย การจ่ายที่ตรงเวลา และอื่นๆ เพื่อนำมาคำนวณเครดิตในการปล่อยสินเชื่อ นั่นเอง ตัวเลือกในตลาดที่มากขึ้นและเพิ่มการแข่งขันด้วยดอกเบี้ยที่ต่ำ ซึ่งหากสถานบันการเงินจากต่างชาติเข้ามาเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าย่อมทำให้เกิดการแข่งขัน และดึงดูดด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้ต้องรอดูสถานการณ์และดูแนวโน้มต่อไป เพราะ แม้จะมีแนวโน้มว่าสินเชื่อรถยนต์ EV จีนจะปล่อยแบบลดต้น-ลดดอก แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน เพียงแต่หากเกิดขึ้นจริง ย่อมทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนตลาด ลิซซิ่งสินเชื่อรถยนต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ที่อาจจะตามาในอนาคต ความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลทางการเงินของจีน: การเพิ่มขึ้นของสถาบันการเงินจีนในตลาดยานยนต์ไทยก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันที่อาจเกิดขึ้นและผลกระทบระยะยาวต่อระบบการเงินไทย ที่จะไม่เฉพาะในวงการของรถยนต์ รวมถึงความกังวลจากการเข้าถึงสินเชื่อที่ง่ายขึ้น เนื่องจากหนี้รถยนต์เป็นภาระที่ค่อนข้างก้อนใหญ่ซึ่งจะส่งผลให้สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยเพิ่มขึ้น ความท้าทายที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความยากลำบากในการขอสินเชื่อจากธนาคารสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า นำเสนอการเกิดขึ้นของสถาบันการเงินจีนเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ ซึ่งนำเสนอตัวเลือกสินเชื่อที่ยืดหยุ่นและเข้าถึงได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของอิทธิพลทางการเงินของจีนในตลาดไทย รวมทั้งยังต้องมีการผ่านข้อบังคับ และข้อกฎหมายในประเทศไทยตามการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ดังนั้น จำเป็นต้องติดตามการอัพเดตกันต่อไปว่า สินเชื่อจากจีนนี้จะมาเมื่อไหร่ในรูปแบบใด และจะเข้ามามีบทบาทในตลาดการเงินของไทยมากน้อยเพียงใด   โค้วยู่ฮะ อีซูซุ กับความท้าทาย ในตลาดรถกระบะ ปี 2567

แบงก์ไทย🇹🇭อนุมัติยากนัก 🇨🇳 สินเชื่อจีนเตรียมบุก หวังดันยอดรถ EV🚘อนุมัติง่าย ดอกเบี้ยต่ำ อ่านเพิ่มเติม »

NARIT! เผย “สาเหตุหลัก” ที่ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 อาจไม่ใช่แค่ “การเผา-การใช้รถ”

พาสำรวจเบิ่ง จุดเผาใน GMS หนึ่งในสาเหตุ PM 2.5   ในทุกฤดูหนาวอากาศที่เย็นตัว พร้อมกับความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลง ผนวกกับลมประจำฤดูที่พัดลมหนาวจากตะวันออกเฉียงหนือ จาก Infographic ที่แสดงจุดเผาในประเทศเพื่อนบ้านจะพบว่า มลพิษทางอากาศทั้งในประเทศและต่างประเทศก็เป็นอีก 1 สาเหตุของมลภาวะทางอากาศ ไม่ว่ากิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ทั้ง โรงงานอุตสาหกรรม, การใช้รถที่เผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล และที่กำลังเป็นประเด็นสังคม คือ การเผาในทางการเกษตร ทั้ง นาข้าว อ้อย และข้าวโพด ล่าสุดสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NARIT เสนอให้มีการตรวจสอบและศึกษาวิจัยสาเหตุของฝุ่น PM2.5 อย่างจริงจัง เพื่อหาต้นตอที่แท้จริงโดยนำวิเคราะห์ฝุ่นด้วยเทคนิคดาราศาสตร์มาใช้ ศึกษาฝุ่นด้วยเทคนิคดาราศาสตร์ “การเผา-การใช้รถ” อาจไม่ใช่ “สาเหตุหลัก” ฝุ่น PM2.5 รองผู้อำนวยการ NARIT เผย ต้นตอหลักของการเกิดฝุ่น PM2.5 มาจากการเผาและการใช้รถไม่ถึงครึ่ง แต่เกิดจากสิ่งที่เรียกว่า “ละอองลอยทุติยภูมิ” ในงาน NARIT The Next Big Leap เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 68 ของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) หรือ NARIT ได้มีการกล่าวถึงการนำองค์ความรู้ด้านดาราศาสตร์มาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาสังคม ซึ่งรวมถึงปัญหาใหญ่ใกล้ตัวอย่าง “วิกฤตฝุ่น PM2.5” ด้วย ดร. วิภู รุโจปการ รองผู้อำนวยการ NARIT บอกว่า นักวิทยาศาสตร์สามารถใช้เทคนิค “Mass Spectrometry” (แมสสเปกโทรเมทรี) ในการศึกษาองค์ประกอบฝุ่นเพื่อหาว่าต้นตอจริง ๆ ของฝุ่น PM2.5 มาจากการเผาตามที่มีการเข้าใจกันเป็นวงกว้างจริงหรือไม่ Mass Spectrometry คือการจำแนกโครงสร้างของโมเลกุลสารต่าง ๆ ออกมาในรูปแบบของสเปกตรัม ซึ่งทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า สารนั้น ๆ มีองค์ประกอบที่แตกต่างกันเป็นอะไรบ้าง เช่น นักดาราศาสตร์จะใช้ตรวจวัดสเปกตรัมรังสีคอสมิกในบรรยากาศดวงจันทร์ ในที่นี้ ก็สามารถนำมาใช้ศึกษาฝุ่นได้และสิ่งนี้กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทยในปีนี้ด้วย ดร.วิภูบอกว่า ก่อนหน้านี้ในปี 2016 งานวิจัยต่างประเทศเคยมีการทดลองใช้ ACSM ใกล้กับกรุงมิลาน ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองอุตสาหกรรมของอิตาลี และมีประชากรมาก มีหลายองค์ประกอบที่คล้ายกรุงเทพและเชียงใหม่ การศึกษาครั้งนั้นออกมาว่า ในระยะเวลา 1 ปี องค์ประกอบโดยเฉลี่ยของฝุ่น PM2.5 ประกอบด้วย สารประกอบอินทรีย์ถึง 58% รองลงมาคือไนเตรท (NO3) 21% ตามด้วยซัลเฟต (SO4) 12% และแอมโมเนีย (NH4) 8% งานวิจัย Variations in the chemical composition of

NARIT! เผย “สาเหตุหลัก” ที่ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 อาจไม่ใช่แค่ “การเผา-การใช้รถ” อ่านเพิ่มเติม »

อะไรๆ ก็หม่าล่า พามาเบิ่ง หม่าล่าในอีสาน ยังฮอตฮิต หรือแค่กระแส(ที่เริ่มแผ่ว)

ถ้าพูดถึงอาหารยอดฮิตยอดนิยมตตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้น “หม่าล่า” อาหารรสชาติเผ็ดชาที่เป็นเอกลักษณ์สไตล์จีน ที่ตอนนี้เป็นที่นิยมในหมู่เด็กวัยรุ่นนักเรียนนักศึกษาไปจนถึงวัยทำงาน ซึ่งตอนนี้ก็มีธุรกิจร้านอาหารหม่าล่าผุดขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารแนวสตรีทฟู้ด (ร้านอาหารข้างทาง) ร้านอาหารปิ้งย่างชาบูบุฟเฟต์อลาคาส ที่มีคนยืนต่อคิวเข้าร้านมากกว่าร้อยคิวต่อหนึ่งวัน ฮู้บ่ว่าจริงๆ “หม่าล่า” ที่คนไทยพูดติดปากกันเป็นชื่ออาหาร แต่จริงๆแล้วคำว่า “หม่าล่า” นั้นแปลว่า อาการเผ็ดหรือเผ็ดจนลิ้นชา ซึ่งความเผ็ดนั้นมาจากเครื่องเทศ “ฮวาเจียว” ซึ่งเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งจากพริกไทยเสฉวน หรือ Sichuan Pepper  ความชื่นชอบรสชาติเผ็ดชาที่เป็นของแปลกใหม่ และถูกใจคนไทยจนถึงปัจจุบัน ทำให้ร้านหม่าล่าผุดขึ้นมามากมาย จำนวนร้านหม่าล่าเปิดเยอะกว่าก็อาจเป็นเพราะด้วยจำนวนประชากรที่มากกว่าเชียงใหม่ รวมไปถึงจำนวนพื้นที่และพลังสื่อโซเชียลที่ช่วยกระจายร้านอร่อย ร้านเด็ด ร้านดังแชร์ให้คนตามมากินกันได้ง่ายกว่า แม้ว่าร้านหม่าล่าเป็นกระแสมาสักพักใหญ่ๆแล้ว ร้านดังที่เป็นกระแสก็ยังเป็นที่นิยมมักเป็นร้านที่สร้างความแตกต่างจากที่อื่นได้ก่อน ยกตัวอย่างเช่น ร้านสุกกี้จินดา ที่ผสมความเป็นหม่าล่ากับหม้อชาบูเข้าด้วยกัน และยังเพิ่มจุดขายคือ สุกี้เสียบไม้ ซึ่งเป็นการใช้ความสะดวกสบายที่ใช้สายพานในการเสริฟอาหาร และด้วยความเป็นไม้ทำให้ลูกค้าสามารถกำหนดงบประมาณของตัวเองได้ และในช่วงที่เป็นกระแสในโลกออนไลน์ ก็ได้ไอเดียมาจากช่วงโรคระบาดโควิด-19 ที่ต้องใส่ใจความสะอาด และสุขอนามัยกลายมาเป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังเพิ่มมากขึ้น ไอเดียหม้อแยกจึงสร้างความไว้วางใจ และช่วยประกอบการตัดสินใจได้ ยิ่งไปกว่านั้น สไตล์การกินแบบหม้อแยกยังเจาะกลุ่มเป้าหมายคนที่อยากกินคนเดียว ปัจจุบันขยายสาขาไปแล้วกว่า 40 สาขา แบ่งเป็นเจ้าของแบรนด์บริหารเอง 7 สาขา สาขาแฟรนไชส์ 33 สาขา   . ย้อนกลับไปช่วงปี 2566 ร้านหม่าล่าในไทยมีจำนวน 16,000 ร้าน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 7.3% ผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่อย่าง LINE MAN ได้เผยสถิติที่สุดแห่งปี 2566 ด้านอาหาร พบว่าเมนูยอดฮิตจากผู้ใช้บริการกว่า 10 ล้านคน จากร้านอาหารกว่า 1 ล้านร้านใน 77 จังหวัด คือ หมาล่าเสียบไม้และสุกี้ชาบูหมาล่า เมนูดาวรุ่งสุดร้อนแรง มีผู้ใช้บริการ LINE MAN สั่งมากกว่า 1 ล้านออเดอร์ เพิ่มขึ้นถึง 45% เมื่อเทียบกับปี 2565 มีการพูดถึง หม่าล่า ถึง 3,697 ข้อความ Engagement 315,561 ครั้ง . ประเภทอาหารหม่าล่าที่คนบนโลกออนไลน์สนใจมากที่สุด ชาบูหม่าล่า 46% สุกี้หม่าล่า 37% ปิ้งย่างหม่าล่า 17% . ถ้าลองวิเคราะห์สถานการณ์ของกิจการ . จุดแข็งของกิจการ มีเมนูอาหารที่หลากหลาย วัตถุดิบมีคุณภาพ ราคาถือว่าไม่สูงมากเมื่อเทียบกับ คุณภาพของอาหาร ปรุงด้วยสตรเฉพาะของทางร้าน  สถานที่ตั้งร้านอยู่ในแหล่งชุมชนและมีบริการจัดส่งในชุมชน มีการแนะนาเมนูอาหารใหม่ๆ และโปรโมชั่นใหม่ๆ ผ่านช่องทางต่างๆ เช่นเว็บ เพจ ทางเฟสบุ๊ค ไลน์  มีอุปกรณ์อานวยความสะดวกในร้าน โดยมีเครื่องปรับอากาศที่เปิดตลอดเวลา และมีบริการ Free WIFI ให้แก่ลูกค้าเล่นระหว่างนั่งรออาหาร

อะไรๆ ก็หม่าล่า พามาเบิ่ง หม่าล่าในอีสาน ยังฮอตฮิต หรือแค่กระแส(ที่เริ่มแผ่ว) อ่านเพิ่มเติม »

อำนาจเจริญ ความท้าทายที่ต้องก้าวข้าม จังหวัดที่มูลค่าเศรษฐกิจน้อยที่สุดในอีสาน

อำนาจเจริญ อีกหนึ่งจังหวัดที่มีความท้าทายที่ต้องก้าวผ่านนั่นคือ ความเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนมากที่สุดในภาคอีสาน .   ถ้าเราพูดถึงเศรษฐกิจ ย่อมมีทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ดี และไม่ดีแตกต่างกันไปในแต่พื้นที่ ที่ผ่านมาเพจ อีสาน อินไซต์ ของเพวกเราได้นำเสนอข้อมูลด้านเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัดซึ่งมีสัดส่วนตั้งแต่ดีมากไปจนถึงแย่ที่สุดและนี่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนที่สูงมากเลยทีเดียว .   วันนี้อีสาน อินไซต์ สิพามาเบิ่ง สถานการณ์เศรษฐกิจและข้อมูลต่างๆของจังหวัด อำนาจเจริญ .   1.ข้อมูลพื้นฐาน จังหวัดอำนาจเจริญ มีขนาดพื้นที่ ประมาณ 3,161 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร 374,372 คน ถือว่ามีประชากรน้อยสุดลำดับที่ 19 ในภาคอีสาน มีประชากรมากกว่ามุกดาหารเท่านั้น โดยในปี 2564 จังหวัดอำนาจเจริญมีขนาดเศรษฐกิจของจังหวัด อยู่ที่ 21,693 ล้านบาท และรายได้ต่อหัวของจังหวัดอยู่ที่ 77,048 บาท .   .   2.สถานที่ท่องเที่ยว ในจังหวัดอำนาจเจริญจะมีการผสมผสานระหว่างธรรมชาติกับธรรมะที่การสมผสานกันอย่างลงตัว อย่างพระมงคลมิ่งเมืองและพุทธอุทยานนั้น จะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์พระหน้าตักกว้าง 11 เมตร ความสูงจากระดับพื้นดินถึงยอดเปลวรัศมีกว่า 20 เมตร โดยเป็น พระมงคลมิ่งเมือง จะเป็นพระพุทธรูปที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบอินเดีย ที่เข้ามายังภาคอีสาน เมื่อพันปีก่อนนั่นเอง และบรรจุพระสารีริกธาตุ ที่ได้รับมาจากประเทศอินเดียไว้ที่องค์พระด้วย ใครที่ได้มากราบไหว้ขอพรนั้น ก็เลยเหมือนได้ไปกราบไหว้พระสารีริกธาตุที่ประเทศอินเดียนั่นเอง และอีกที่นึง นั่นคือน้ำตกตาดใหญ่ เป็นสถานที่ทางธรรมชาติอีกจุดของจังหวัดอำนาจเจริญตั้งอยู่ใน ตำบลโคกก่ง อำเภอชานุมาน โดยสายน้ำแห่งนี้เกิดขึ้นมาจากลำห้วยทม ไหลผ่านพลาญหินทรายลงไป มีขนาดกว้างกว่า 30 เมตร และสูงเกือบ 2-3 เมตรเลยทีเดียว ที่สำคัญยังมีน้ำไหลกันตลอดทั้งปีอีกด้วย แต่น้ำจะเยอะมากในหน้าฝน และสวยที่สุดช่วงปลายฝนต้นหนาว   .   3.โครงสร้างเศรษฐกิจและธุรกิจ SME ในปี 2565 จังหวัดอำนาจเจริญมีขนาดเศรษฐกิจของจังหวัด  (GPP) อยู่ที่ 21,693 ล้านบาท ด้วยตัวเลขนี้ทำให้อำนาจเจริญอยู่อันดับสุดท้ายของภูมิภาค แต่มีรายได้ต่อหัว (GPP Per Capita) อยู่ที่ 81,556 บาท อยู่ในลำดับที่ 13 ของภูมิภาค โดยจังหวัดอำนาจเจริญมีโครงสร้างเศรษฐกิจดังนี้   ภาคการบริการ คิดเป็น 49% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร อยู่ที่ 1,240 ราย ภาคการเกษตร คิดเป็น 28% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การเลี้ยงโคนมและโคเนื้อ อยู่ที่ 259 ราย ภาคการผลิต

อำนาจเจริญ ความท้าทายที่ต้องก้าวข้าม จังหวัดที่มูลค่าเศรษฐกิจน้อยที่สุดในอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

อ.ศรีเมืองใหม่ เอกลักษณ์ผังเมืองแปดทิศอันโดดเด่นแห่งเมืองอุบล

การวางผังเมืองถือเป็นหัวใจสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเมืองและชุมชนให้สมดุล ยั่งยืน และตอบสนองความต้องการของประชากรในระยะยาว โดยในภาคอีสาน มีอำเภอหนึ่งที่นับเป็น “Unseen of Isan” ด้วยผังเมืองที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ลักษณะของผังเมืองแห่งนี้เป็นรูปแปดเหลี่ยมแปดทิศ ซึ่งเปรียบเสมือนใยแมงมุมที่สะท้อนถึงความเป็นระเบียบและความงดงามอย่างลงตัว อำเภอแห่งนี้คือ อำเภอศรีเมืองใหม่ ตั้งอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี ความเป็นมาและความโดดเด่นของผังเมืองแปดทิศ อำเภอศรีเมืองใหม่ เดิมมีชื่อว่า “เมืองโขงเจียม” เป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ติดแม่น้ำโขง ความโดดเด่นของผังเมืองอำเภอนี้คือการออกแบบให้มีลักษณะเป็นแปดเหลี่ยม โดยมีสวนสาธารณะศรีเมืองใหม่ตั้งอยู่ตรงกลาง พร้อมถนนแปดสายที่แยกออกจากสวนสาธารณะ ทำให้ภาพรวมของผังเมืองดูคล้ายใยแมงมุม ข้อดีของผังเมืองรูปแบบนี้คือความเป็นระเบียบ สวยงาม และเอื้อต่อการพัฒนาในอนาคต ไม่เพียงแต่ตอบสนองการใช้งานในปัจจุบัน แต่ยังสร้างความสมดุลระหว่างพื้นที่สาธารณะและพื้นที่อยู่อาศัยอย่างลงตัว การวางผังเมืองของอำเภอศรีเมืองใหม่เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2500 ขณะนั้นยังเป็น “บ้านศรีเมืองใหม่” ในอำเภอโขงเจียม ต่อมาในปี พ.ศ. 2514 ได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอศรีเมืองใหม่ คำว่า “ศรีเมืองใหม่” หมายถึง “ที่อยู่อาศัยใหม่ที่เพียบพร้อมด้วยความสุข ความเจริญ และความสง่างาม” ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจในการพัฒนาพื้นที่นี้ให้เป็นต้นแบบของความเจริญในภูมิภาค รูปภาพจาก: กลุ่ม facebook ศรีเมืองใหม่…….บ้านเฮา   ผังเมืองแปดทิศ ความพิเศษที่พบได้ยาก ผังเมืองรูปแบบแปดทิศนี้พบได้ยากในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ในประเทศจีน มีเมืองหนึ่งที่มีผังเมืองลักษณะคล้ายกันคือ เมืองเท๋อเค่อสือ ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เมืองนี้ถูกออกแบบตามแนวคิด “ปากั้ว” ซึ่งเป็นศาสตร์ฮวงจุ้ยเกี่ยวกับพลังงานในทิศต่างๆ อีกทั้งยังเป็นเมืองเดียวในจีนที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร   ธรรมชาติอันงดงามของศรีเมืองใหม่ นอกจากความโดดเด่นของผังเมืองแล้ว อำเภอศรีเมืองใหม่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงาม อย่าง วนอุทยานน้ำตกผาหลวง ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลนาเลิน ห่างจากตัวเมืองอุบลราชธานีเพียงชั่วโมงเศษ น้ำตกผาหลวงมีจุดเด่นในเรื่องความหลากหลายของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก ป่าไม้ หินผา และทิวทัศน์อันสวยงาม กิจกรรมที่สามารถทำได้ที่นี่มีหลากหลาย เช่น เดินป่า ตั้งแคมป์ ชมดาวในยามค่ำคืน หรือพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศธรรมชาติ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: วนอุทยานน้ำตกผาหลวง อำเภอศรีเมืองใหม่คืออัญมณีแห่งภาคอีสานที่ไม่ควรพลาด ด้วยผังเมืองที่มีเอกลักษณ์ มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอย่างลงตัว รูปภาพจาก: Facebook วนอุทยานน้ำตกผาหลวง ที่มา: เว็บไซต์เทศบาลตำบลศรีเมืองใหม่ Ubon Outdoor การท่องเที่ยวจีน – CNTO Bangkok 4 จังหวัด คูเมืองโบราณในอีสาน วิทยาการการจัดการน้ำในเมืองโบราณของคนในอดีต  

อ.ศรีเมืองใหม่ เอกลักษณ์ผังเมืองแปดทิศอันโดดเด่นแห่งเมืองอุบล อ่านเพิ่มเติม »

เติบโตด้วยตนเอง..‘อุดรธานี’ ถูกผลักดันจากภาครัฐน้อยกว่า ‘ขอนแก่น’ จริงหรือ?

  ความรุ่งเรืองของ ‘อุดร’ จากอดีต กระทั่ง ปัจจุบัน อุดรธานี จังหวัดใหญ่แห่งอีสานที่เจริญเติบโตมาตั้งแต่อดีต โดยเฉพาะในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และช่วงสงครามเย็น โดยในยุคสงครามเย็น ช่วงปี พ.ศ. 2497-2505 มีสหรัฐฯ เข้ามาช่วยพัฒนาโครงสร้างในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น ถนนมิตรภาพ วางรากฐานสาธารณูปโภคพื้นฐาน รวมไปถึงสนามบิน ส่งผลให้ในยุคนั้น อุดรธานีเป็นที่ถึงดูดของคนต่างท้องที่ ต่างเชื้อชาติ ตั้งรกราก ไม่ว่าจะเป็น ทหารอเมริกัน คนเวียดนามที่ลี้ภัยสงคราม คนจีนที่เข้ามาค้าขาย  ส่งผลให้เม็ดเงินมหาศาลเข้ามายังอุดรธานี ซึ่งความเจริญของอุดรในยุคนั้นสะท้อนได้จากการที่มีร้านอาหาร ผับ บาร์ สถานบันเทิง อยู่เต็มเมือง มีความทันสมัยทางด้านวัฒนธรรม อาหาร แฟชั่น แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ ในอีสาน   รูปภาพจาก: Yothin Samrandee    เรื่องราวในอดีตยังคงมีผลมาจวบจนปัจจุบัน โดยสภาพสังคมของเมืองอุดร หลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม มีชุมชนคนจีนและเวียดนามอาศัยอยู่มาก มีฝรั่งเดินอยู่ทั่วไป มีคนลาวเข้ามาช้อปปิ้งทุกวัน โดยยอดผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติของอุดรฯ ในช่วง ม.ค.- พ.ย. 2567 มีจำนวน 9.5 แสนคน อันดับ 2 ในอีสานรองจากเมืองติดริมโขงอย่างหนองคาย แต่พบว่าอุดรธานีมีรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติ 12,508 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าหนองคายที่เท่ากับ  8,183 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าคนลาวในเวียงจันทน์ซึ่งมีกำลังซื้อสูง เดินทางผ่านเข้ามายังด่านหนองคายเพื่อเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในเมืองอุดรนั่นเอง นอกจากนั้นตลอด 15 ปีที่ผ่านมา  สนามบินอุดรธานี ยังมีสถิติเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารสูงที่สุดอันดับ 1 ในอีสานทุกปี  โดยในปี 2566 และ 2567 มีจำนวนผู้โดยสารรวมกว่า 3.6 ล้านคน โดยอันดับ 2 คือ สนามบินขอนแก่น มีจำนวน 3.1 ล้านคน รูปภาพจาก: กรมท่าอากาศยาน Agoda เผย อุดรธานีคว้าอันดับ 1 จุดหมายท่องเที่ยวสุดคุ้ม    จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าอุดรธานีเป็นเมืองค้าขายและหมุดหมายการท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้งคนไทยและต่างชาติ อย่างไรก็ตาม มีหลายๆเสียงที่บอกว่า อุดรธานีนั้นป็นจังหวัดใหญ่ในอีสานที่ถูกภาครัฐให้ความสำคัญน้อยกว่าจังหวัดอื่นอย่างขอนแก่น? เรื่องนี้ จริงเท็จแค่ไหน Isan insight & Outlook สิพามาเบิ่ง   ‘อุดร’ ถูกลดความสำคัญ ‘ขอนแก่น’ กลายเป็นตัวเลือกแรกของรัฐ ประเด็นนี้ต้องมองย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2500 เป็นช่วงที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้เข้ามามีอำนาจทางการเมือง ได้ให้กำเนิดนโยบาย “น้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก” เป็นนโยบายที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่างๆของไทย โดยใช้ ‘แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่หนึ่ง’

เติบโตด้วยตนเอง..‘อุดรธานี’ ถูกผลักดันจากภาครัฐน้อยกว่า ‘ขอนแก่น’ จริงหรือ? อ่านเพิ่มเติม »

เผย Fan-Art 3D น้องปูกลอง ต่อยอดจาก Mascot 2D จังหวัดมหาสารคาม

เผยภาพเรนเดอร์ 3 มิติ “น้องปูกลอง” งานแฟนอาร์ตจาก Thitiphat Thepwiriviriyaphong หนุ่มร้อยเอ็ด ได้เผยแพร่การสานต่อผลงาน Mascot ที่จะชนะการประกวดของจังหวัดมหาสารคาม ในกลุ่ม Blender Community Thailand จนได้รับคำชื่นชมในผลงานกันอย่างล้นหลาม . หลังจากมีกระแสในโซเชียลมีเดียในหลากหลายความเห็น ล่าสุด ทางหน่วยงานได้ออกแถลงการณ์ จังหวัดมหาสารคาม ออกแถลงการณ์ชี้แจงประเด็น ผลการประกวดมาสคอตประจำจังหวัดฯ ยืนยันตัดสินด้วยความโปร่งใสและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของจังหวัดมหาสารคามเป็นสำคัญ ตามที่จังหวัดมหาสารคาม มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมหาสารคาม ดำเนินโครงการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ จังหวัดมหาสารคาม กิจกรรม การประกวดและจัดทำมาสคอต (Mascot) จังหวัดมหาสารคาม เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดมหาสารคาม ในการกระตุ้นการท่องเที่ยว และส่งเสริมการตลาด เผยแพร่ภาพลักษณ์ชื่อเสียงของจังหวัด รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวจังหวัดมหาสารคามให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัด โดยมีการประกาศผลการประกวดฯ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา นั้น จากกระแสความคิดเห็นของประชาชนที่แสดงความกังวลและตั้งคำถามเกี่ยวกับ ผลการประกวดมาสคอต ประจำจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งจังหวัดมหาสารคามขอขอบคุณสำหรับความสนใจและข้อเสนอแนะ ที่มีต่อกิจกรรมครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง จังหวัดมหาสารคามขอเรียนชี้แจงในส่วนของเกณฑ์การตัดสินมี 5 ด้าน ซึ่งได้แจ้งประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมหาสารคาม ประกอบด้วย 1. แนวความคิดในการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ 2. การสื่อความหมายเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของจังหวัด เพื่อใช้เป็นตัวแทนในการประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวของจังหวัดมหาสารคาม 3. ความสวยงามและความครบถ้วนสมบูรณ์ขององค์ประกอบ 4. ความโดดเด่น จดจำง่าย และความเด่นชัด 5. ความเหมาะสมและการใช้งานได้จริงในการประชาสัมพันธ์ กระบวนการตัดสินผลงานมี 2 รอบ ดังนี้ รอบที่ 1: จังหวัดมหาสารคามได้จัดให้มีการโหวตมาสคอตที่ส่งมาประกวดทุกผลงานผ่านทาง Google Form ในระหว่างวันที่ 12 – 22 ธันวาคม 2567 โดยผลงานที่มียอดโหวตอันดับที่ 1 – 5 จะผ่านเข้ารอบตัดสินในรอบที่ 2 รอบที่ 2: จังหวัดมหาสารคามได้เชิญผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคมต่าง ๆ ภายในจังหวัดมหาสารคาม จำนวน 205 ท่าน เพื่อร่วมพิจารณาตัดสินผลงาน โดยเจ้าของผลงานที่ผ่านเข้ารอบจะต้องมานำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการเพื่อประกอบการตัดสินใจ โดยผลงานที่ชนะการประกวดในครั้งนี้ ได้แก่ “น้องปูกลอง” เจ้าของผลงาน : นางสาวอิสราภรณ์ ลามี จังหวัดมหาสารคามขอเรียนว่า การตัดสินในครั้งนี้ดำเนินไปด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของจังหวัดมหาสารคามเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทุกท่านจะถูกนำไปปรับปรุงและพัฒนากิจกรรมในอนาคต เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและสะท้อนเสียงของประชาชนให้มากยิ่งขึ้น และขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและร่วมกันพัฒนาจังหวัดมหาสารคามของเรา

เผย Fan-Art 3D น้องปูกลอง ต่อยอดจาก Mascot 2D จังหวัดมหาสารคาม อ่านเพิ่มเติม »

พามาเบิ่ง🇻🇳ทำไมเวียดนามถึงน่าลงทุนในมุมมองของต่างชาติ

ISAN Insight สิพามาเบิ่ง ทำไมเวียดนามถึงน่าลงทุนในมุมมองของต่างชาติ   . ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในเวียดนามมากขึ้นมีหลายข้อด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการที่สภาพสังคมและเศรษฐกิจที่ดี เสถียรภาพทางการเมือง การลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ข้อได้เปรียบด้านต้นทุนของกำลังแรงงาน จำนวน FTA ที่มี 16 ฉบับครอบคลุมมากถึง 56 ประเทศ อีกทั้งช่องว่างของโอกาสทางธุรกิจที่ผ่านการวางรากฐานที่ดีและพร้อมที่จะเติบโตในอนาคต ส่งผลให้นักลงทุนจากต่างชาติมองเห็นโอกาสที่เวียดนามจะสามารถเติบโตขึ้นได้อีก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนสนับสนุนให้เวียดนามสามารถดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศได้มาก   ประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงอย่างเวียดนาม นับว่าเริ่มมีบทบาทโดดเด่นขึ้นมากจากอดีต จากการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในปีค.ศ. 1986 ที่เปลี่ยนผันจากประเทศที่มีการพึ่งพารายได้จากภาคการเกษตร กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่สูง อีกทั้งการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และปัจจัยสนับสนุนอื่นๆอีกมากมาย ยังช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเวียดนาม มีอัตราการเติบโตที่สูงเฉกเช่นเดียวกันกับประเทศไทยช่วงก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง  รูปภาพ 1 : แสดงถึงอัตราการเติบโตของ GDP ในเวียดนามรายไตรมาส ที่มา : Trading Economics . ภาพรวมเศรษฐกิจเวียดนาม อัตราการเติบโตของ GDP เวียดนามในไตรมาส 3 ของปีปัจจุบัน มีอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในรอบ 2 ปี โดยอยู่ที่ 7.4% โดยมีปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก ซึ่ง GDP ของเวียดนามในอดีตเคยน้อยกว่าไทยถึง 3 เท่า แต่ในปัจจุบัน GDP ของเวียดนามเพิ่มขึ้นจนกระทั่งเทียบเท่ากับ 85% ของ GDP ไทย บ่งบอกถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ที่เริ่มไล่ตามหลังไทยมาอย่างต่อเนื่อง  รูปภาพ 2 : แสดงถึงมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศ ที่มา : Food and Agriculture Organization of the United Nation   . การลงทุนจากต่างประเทศในเวียดนาม เมื่อมองในภาพรวมจะเห็นว่ามูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศของเวียดนามมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเวียดนามในการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ อีกทั้งข้อได้เปรียบในด้าน FTA ของเวียดนามที่มีจำนวนมากและผ่านการวางรากฐานการพัฒนามาอย่างดี ยิ่งช่วยส่งเสริมให้การลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาในเวียดนามมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีทั้งการลงทุนและร่วมทุนในเวียดนาม โดยมีบริษัทมากถึง 116 บริษัทไทยที่ได้เข้าไปลงทุน อีกทั้งภายในปีหน้าเวียดนามก็มีโอกาสที่จะได้เข้า FTSE ซึ่งสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น   . การผลักดันเศรษฐกิจเวียดนามจากภาคอุตสาหกรรม ภายหลังจากการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของเวียดนามที่ออกจากกรอบการพึ่งพารายได้จากภาคเกษตรกรรมที่สูง โดยสนับสนุนให้ประเทศมีการขยายตัวและมีรายได้จากภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็ช่วยดึงดูดนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ลงทุนในภาคอุตสาหกรรมของเวียดนามมากขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว อีกทั้งต้นทุนที่ถูกและแรงงานที่มีประสิทธิภาพ ยังช่วยผลักดันให้ต่างชาติสนใจลงทุนในเวียดนามมากขึ้นอีกด้วย   . การลงทุนจากไทยประเทศไทย ข้อมูลในปี 2561 พบว่ามีบริษัทในประเทศไทยมากถึง 116 บริษัทที่มีการลงทุนและร่วมทุนในประเทศเวียดนาม โดยมีกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต 59 บริษัท  กลุ่มการเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตรประมง 18 บริษัท และกลุ่มธุรกิจบริการ 39 บริษัท โดยมีบริษัทใหญ่ๆอย่าง SCG PTT และ CPall

พามาเบิ่ง🇻🇳ทำไมเวียดนามถึงน่าลงทุนในมุมมองของต่างชาติ อ่านเพิ่มเติม »

“ซิ่ง แซบ ม่วน” เที่ยวปีใหม่ ปลอดภัย ไม่ต้องเจอด่าน🚨👮 กลับมาอีกครั้ง🚌ททท.ขอนแก่น x บัสซิ่ง🚍 เปิดวิ่งรถบัส ฟรี!

“ซิ่ง แซบ ม่วน” เที่ยวปีใหม่ ปลอดภัย ไม่ต้องเจอด่าน🚨👮 กลับมาอีกครั้ง🚌ททท.ขอนแก่น x บัสซิ่ง🚍 เปิดวิ่งรถบัส ฟรี! FREE BUS กลับมาแล้วพี่น้อง! นั่งบัสซิ่งไปม่วนงานปลาร้าหมอลำ พร้อมเที่ยวงานปีใหม่ขอนแก่นกันเด้อ . ปลาร้า หมอรำ Isan To The World จัดเต็มความซิ่ง แซบ ม่วน ครบจบในงานเดียว พร้อมกิจกรรมพิเศษ ขอนแก่นซิตี้บัส ร่วมกับ ททท.สำนักงานขอนแก่น TAT Khonkaen Fanpage จัดรถบัสฟรี พร้อมแสดงหมอลำ On The Bus จากศิลปินอีสาน และยังมีกิจกรรมเชิญชวนทุกคนให้มาร่วมสนุกลุ้นของรางวัลกันอีกด้วย . FREE BUS ให้บริการตั้งแต่ 26 ธ.ค. 67 – 1 ม.ค. 68 เวลา 16:30 – 22:30 น. ( พิเศษ คืนวันเคาท์ดาวน์ มีรถให้บริการถึง 02:00 น.) . ปักหมุดเส้นทางเดินรถไว้เลย ⎯ บขส. 1 (Park & Go) ⎯ เฮือนโบราณ ⎯ ถนนกลางเมือง ⎯ บขส. 2 (ปรับอากาศ) (Park & Go) ⎯ พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ (Park & Go) ⎯ ขอนแก่น อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ ⎯ ศาลหลักเมือง ⎯ Pullman Khon Kaen ⎯ สถานีรถไฟ (Park & Go) ⎯ ตลาดต้นตาล (Park & Go) ⎯ เซ็นทรัล ขอนแก่น (Park & Go) . ม่วนกับหมอลำ On The Bus แล้วถ่ายภาพหรือวิดีโอโพสต์ลง Social Media พร้อมติดแฮชแท็ก #PlaraMorlam24 #ISANToTheWorld #ประเพณีสีอีสาน #ประเพณีสีอีสานวิถีแห่งศรัทธา ใครที่ได้ยอดไลค์ ยอดแชร์สูงสุด ลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษจาก ททท.ขอนแก่น

“ซิ่ง แซบ ม่วน” เที่ยวปีใหม่ ปลอดภัย ไม่ต้องเจอด่าน🚨👮 กลับมาอีกครั้ง🚌ททท.ขอนแก่น x บัสซิ่ง🚍 เปิดวิ่งรถบัส ฟรี! อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top