Article

บทความ จากบทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสาน ทั้ง ISAN Outlook และข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยสู่สาธารณะ รวบรวมให้คุณรู้ทันทุกข้อมูล เศรษฐกิจ การเมือง สังคม อีสาน

ยโสธรเมืองพญาแถน แดนบั้งไฟ ผลักดันเทศกาลไทย ไปนานาชาติ

ยโสธร จังหวัดที่ถือได้ว่าได้กลายเป็น “ภาพจำแห่งวิถีชีวิตอีสาน” ในสายตาคนทั่วไป ซึ่งหากพูดถึงยโสธร หลายคนคงนึกถึงนากว้างใหญ่เขียวขจีและวัฒนธรรมอีสานดั้งเดิม ซึ่งได้ถูกสะท้อนออกมาจากภาพยนต์ไทยระดับตำนานอย่าง “แหยม ยโสธร” จนกลายเป็นภาพจำ โดยบทความนี้ อีสาน อินไซต์ สิพามาสำรวจถึง เศรษฐกิจ สังคม และประเด็นที่น่าสนใจว่า “บั้งไฟเมืองยโส” ถึงได้ดังไกลระดับนานาชาติจริงหรือ?   จังหวัดยโสธร เป็นจังหวัดเล็กๆอยู่ในอีสานตอนกลาง มีเนื้อที่ 4,161.664 ไร่ หรือ 2,601,040.0 ตารางกิโลเมตร ใหญ่เป็นอันดับ 17 ของภาค ประกอบด้วย 9 อำเภอ 78 ตำบล และ 885 หมู่บ้าน ซึ่งลักษณะพื้นที่ของจังหวัดจะมีลักษณะโดดเด่นคล้ายกับรูปพระจันทร์เสี้ยว โดยยโสธรมีอาณาเขตติดกับจังหวัดใกล้เคียงดังนี้ ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดร้อยเอ็ดและมุกดาหาร ทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดอำนาจเจริญและอุบลราชธานี ทิศใต้ ติดกับจังหวัดศรีสะเกษ ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดร้อยเอ็ด ที่มารูปภาพ:https://www2.yasothon.go.th/general-information/   ด้านประชากร ในปี 2566 จังหวัดยโสธรมีประชากรประมาณ 528,878 คน ซึ่งประชากรในจังหวัดมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องทุกๆปี และมีประชากรผู้สูงอายุ 20% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งปัญหาด้านการลดลงของประชากรและสังคมผู้สูงอายุเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับจังหวัดยโสธร ในด้านเศรษฐกิจ จังหวัดยโสธรมีมูลค่าผลิตมวลรวมจังหวัด (GPP) ปี 2565 เท่ากับ 32,468 ล้านบาท ซึ่งก็ถือว่ามีขนาดเศรษฐกิจที่ไม่ใหญ่มาก อยู่ที่อันดับ 16 ของภาค มีรายได้ต่อหัวของคนในจังหวัดเท่ากับ 72,523 บาท โดยมีมูลค่าและสัดส่วนภาคเศรษฐกิจหลักๆ ดังนี้ สาขาเกษตรกรรม 8,218 ล้านบาท (25%) สาขาการศึกษา 4,654 ล้านบาท (14%) สาขาการผลิตอุตสาหกรรม 4,381 ล้านบาท (13%) สาขาการขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์และจักรยานยนต์ 3,588 ล้านบาท (11%)   จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจจังหวัดยโสธรพึ่งพาการทำการเกษตรเป็นหลัก โดยมีพื้นที่ทำการเกษตรกว่า 1,824,765 ไร่ หรือประมาณ 70% ของพื้นที่จังหวัด โดยมีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ซึ่งมีพื้นที่นาข้าวเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของพื้นที่จังหวัด โดยปี 2566 มีผลผลิตข้าวนาปีและนาปรังรวมกันกว่า 622,232 ตัน พืชเศรษฐกิจอื่นๆ ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน เป็นต้น ในด้านการเลี้ยงปศุสัตว์ในพื้นที่ยโสธร มีการเลี้ยง โคเนื้อ กระบือ สุกร ไก่ เป็ดและแพะ เป็นต้น โดยในปี 2565 […]

ยโสธรเมืองพญาแถน แดนบั้งไฟ ผลักดันเทศกาลไทย ไปนานาชาติ อ่านเพิ่มเติม »

คนไทย🇹🇭 มีลูกน้อยลง นักประชากรศาสตร์ เผย คนไทยอาจเหลือเพียง 60 ล้านคนในอีก 20 ปีข้างหน้า และผู้สูงอายุเกิน 30%

สถิติโลกเผย ประเทศไทยติด TOP3 อัตราการเกิดต่ำลงสุดในโลก ลดลงมากถึง 81% ในรอบ 74 ปีที่ผ่านมา แซงหน้าประเทศญี่ปุ่นเรียบร้อย ปัญหาการลดลงของประชากร เป็นปัญหาที่ทั่วโลกต้องเจอ เนื่องด้วยเศรษฐกิจ มลภาวะ สภาพแวดล้อมต่างๆ ไม่เอื้อให้คนอยากมีลูก ล่าสุด Global Statistics ได้ออกมาเปิดสถิติการเกิดของประเทศต่างๆในโลก โดยพบว่า ประเทศไทย มีอัตราการเกิดต่ำอยู่ในอันดับ 3 จาก 80 ประเทศทั่วโลก ลดลงมากถึง 81% Global Statistics ทำการดึงข้อมูลมาจาก United Nations Population Division (UNPD) และรวบรวมตั้งแต่ปี 1950-2024 ซึ่งประเทศไทยอัตราการเกิดลดลงถึง 81% ในช่วง 74 ปีที่ผ่านมา โดย 5 อันดับแรก คือ ประเทศ เกาหลีใต้ (88%), จีน (83%), ไทย (81%), ญี่ปุ่น (80%), และ อิหร่าน (75%) ทำให้ชาวเน็ตส่วนหนึ่งวิเคราะห์อันดับการเกิดที่ลงจากประเทศที่ติดอันดับ TOP5 พบว่าหลายประเทศมีความชายเป็นใหญ่ มีกรอบกดทับเพศหญิงเยอะ หรือบางประเทศก็มีปัญหาเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ ประกอบกับหลายคนให้ความเห็นว่าอาจจะเกี่ยวเนื่องกับปัญหาสุขภาพของคนรุ่นใหม่ ที่ใช้ชีวิตอยู่กับมลภาวะและอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ส่งผลต่อร่างกาย 1 ใน 5 ของคนไทยเป็นคนโสด นอกจากคนโสดจะมีมากขึ้น แต่แนวโน้มของครอบครัวก็มีขนาดลดลง และเป็นครอบครัวที่ไม่มีบุตรมากขึ้น ทั้งด้วยภาวะเศรษฐกิจ สังคม การเมือง หรือปัจจัยอื่นๆ ซึ่งสามารถอ่านต่อได้ที่บทความที่แนบด้านล่างนี้ คนไทยอาจเหลือเพียง 60 ล้านคนในอีก 20 ปีข้างหน้า และผู้สูงอายุเกิน 30% #โลกในขณะที่ประชากรโลกกำลังเพิ่มช้าลง จำนวนและสัดส่วนของประชากรสูงอายุกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปี พ.ศ.2565 ทั่วทั้งโลกมีประชากรสูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มากถึง 1,109 ล้านคนคิดเป็นร้อยละ 14 ของประชากรโลก 8,000 ล้านคน . #อาเซียน ในปี พ.ศ.2565 มี 7 ใน 10 ของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” ที่มีสัดส่วนของประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกินกว่าร้อยละ 10 เหลือเพียง 3 ประเทศได้แก่ลาวกัมพูชาและฟิลิปปินส์เท่านั้นที่ยังไม่เป็นสังคมผู้สูงอายุ . #ประเทศไทย  ปี 2564 เป็นครั้งแรกที่อัตราการเกิดของเด็กไทยต่ำกว่าอัตราการตาย และอัตราการเกิดมีเเนวโน้มลดลงในทุกๆ ปีเเละคาดการณ์ว่าจะลดลงโดยไม่มีทีท่าจะเพิ่มขึ้น ผนวกกับอัตราการตายที่ลดลง ทำให้อัตราการเปลี่ยนเเปลงของประชากรตามธรรมชาติมีเเนวโน้มลดลงตามไปด้วย ซึ่งการที่อัตราการเปลี่ยนเเปลงของประชากรตามธรรมชาตินี้ลดลง ทำให้ประชากรในอนาคตจะมีอายุเฉลี่ยที่มากขึ้นเรื่อยๆ . จากวิถีชีวิตของหนุ่มสาวที่เปลี่ยนไป

คนไทย🇹🇭 มีลูกน้อยลง นักประชากรศาสตร์ เผย คนไทยอาจเหลือเพียง 60 ล้านคนในอีก 20 ปีข้างหน้า และผู้สูงอายุเกิน 30% อ่านเพิ่มเติม »

กาฬสินธุ์ ถิ่นน้ำดำจากจังหวัดที่ยากจน สู่จังหวัดที่เติบโตด้านการท่องเที่ยว✈️ และลงทุนจากจีนอันดับ 2 ของภาคอีสาน

กาฬสินธุ์ถิ่นน้ำดำ แดนไดโนเสาร์  . .     จังหวัดกาฬสินธุ์อีกหนึ่งจังหวัดในภาคอีสานที่มีธรรมชาติ ศิลปะ และ วัฒนธรรมที่สวยงาม และ เป็นจังหวัดที่มีการค้นพบ ฟอลซิลสัตว์ดึกดำบรรพ์อย่าง ไดโนเสาร์ เป็นที่แรกของประเทศไทย อีกด้วยที่มีการค้นพบและปัจจุบันก็ยังมีการค้นพบอยู่ และอีกอย่างที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือความสวยงามของจังหวัดกาฬสินธุ์ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ท่องเที่ยว หรือ ธรรมชาติที่สวยงามของกาฬสินธุ์ และ ปัจจุบันได้มีการลงทุนจากภายนอกอีกด้วย  . แล้วทำไมจังหวัดกาฬสินธุ์ของเราถึงเป็นอีกหนึ่งในที่ลงทุนจากภายนอกล่ะแล้วมันมีโอกาสการเติบโตมากแค่ไหน อีสานอินไซต์จะพามาเบิ่ง . 1.โครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัด กาฬสินธุ์              จังหวัดกาฬสินธุ์มีขนาดพื้นที่ 6,947 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร 968,465 คน และในปี 2564 จังหวัดกาฬสินธุ์ขนาดเศรษฐกิจของจังหวัด อยู่ที่ 60,997 ล้านบาท และรายได้ต่อหัวของจังหวัดอยู่ที่ 77,397 บาท . มีโครงสร้างเศรษฐกิจและธุรกิจ SME ดังนี้ -ภาคบริการ คิดเป็น 43% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหารมีผู้ประกอบการอยู่ 3,051 ราย -ภาคการเกษตร คิดเป็น 26% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การเลี้ยงโคนมและโคเนื้อ มีผู้ประกอบการอยู่ 364 ราย -ภาคการผลิต คิดเป็น 20% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การทอผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ   มีผู้ประกอบการอยู่ 4,791ราย  -ภาคการค้า คิดเป็น 12% โดยธุรกิจ SME ที่มากที่สุด คือ การขายปลีกสินค้าในร้านค้าทั่วไป มีผู้ประกอบการอยู่ 4,687 ราย  สินค้า GI ของจังหวัด ได้แก่ ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ ข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ และพุทรานมบ้านโพน . . จากโครงสร้างเศรษฐกิจพบว่า GPP ของจังหวัดกาฬสินธุ์นั้น มีความคงที่ ไม่ได้มีการเติบโตขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่อันดับ 12  ของภูมิภาค มาตลอด แม้กระทั่งในปี 2565 ที่ผ่านมาเช่นกัน ซึ่งส่งผลให้รายได้ต่อหัว (GPP Per capita) มีอันดับที่คงที่เช่นกัน อยู่ในอันดับที่12 ของภูมิภาค  และถ้าเราลองวิเคราะห์ต่อไปยัง รายได้ครัวเรือนอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี แล้วยังมีค่าครองชีพที่ต่ำที่สุดในกลุ่มจังหวัด “ร้อยแก่นสารสินธุ์” . แต่ยังมีข้อสังเกต คือ กาฬสินธุ์ยังมีความเจริญที่กระจุกตัวในตัวอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ โดยหากดูเฉพาะข้อมูลของจำนวนเงินฝากในธนาคารทั้งจังหวัดเราจะพบว่าอำเภอเมืองกาฬสินธุ์มีจำนวนเงินฝากกว่า 1.6 หมื่นล้าน หรือคิดเป็น 89.2%

กาฬสินธุ์ ถิ่นน้ำดำจากจังหวัดที่ยากจน สู่จังหวัดที่เติบโตด้านการท่องเที่ยว✈️ และลงทุนจากจีนอันดับ 2 ของภาคอีสาน อ่านเพิ่มเติม »

รถถูกยึดขายออกไม่ทัน เต็มลานประมูล สะท้อนภาพเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์

ตลาดรถยนต์ปิดยอดขายเดือนกันยายน 2567 ประมาณ 39,000 คัน ซึ่งเป็นยอดต่อเดือนที่ต่ำที่สุดในรอบ 51 เดือน หลังจากวิกฤตโควิด19 ขณะที่ตลาดรวม 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ร่วง 25% โตโยต้า คาดตัวเลขรวมทั้งปีอาจไม่ถึง 6 แสนคัน ตลาดรถยนต์เมืองไทยเดือนกันยายน 2567 ทำยอดขายได้ประมาณ 39,000 คัน ถือเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่า 4 หมื่นคันครั้งแรกในรอบ 51 เดือน หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เดือนเมษายน 2563 มีตัวเลขแค่ 30,109 คัน   จากยอดขาย 39,000 คัน ถือว่าลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน นับตั้งแต่มิถุนายน 2567 ทั้งยังส่งผลให้ตลาดรวม 3 ไตรมาส ปิดตัวเลข 4.38 แสนคัน ลดลง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มา: กรมการขนส่งทางบก   ปัจจัยต่อมากน้อยจากตัวแบรนด์หรือผู้จัดจำหน่ายแล้วนั้นยังคงมีปัจจัยอื่นๆอีกได้แก่ สถาบันการเงินมีความเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากความกังวลของทางธนาคารต่อผู้กู้ในด้านของความสามารถในการชำระหนี้ จากช่วงก่อนหน้านี้ที่มีประเด็นเรื่องหนี้ครัวเรืองสูง และเป็นหนี้เสียเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหนี้บ้าน หนี้รถ และหนี้บัตรเครดิต กำลังซื้อของประชาชนยังคงอ่อนแอ หากมองในด้านของการซื้อรถกระบะไปใช้งานโดยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นกลุ่มผู้ที่อยู่ในภาคเกษตรกรรม และการขนส่ง เหตุผลส่วนหนึ่งสอดคล้องกับข้อก่อนหน้าในด้านของหนี้สิน และอีกส่วนหนึ่งเป็นปัจจัยในด้านของราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ผันผวน ส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกร   จากปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้นไม่ได้ส่งผลต่อรถกระบะเท่านั้น แต่ส่งผลต่อรถจดทะเบียนใหม่ในภาพรวมทั่วประเทศไม่ใช่เฉพาะภาคอีสานเท่านั้น จากกราฟที่ 2 แสดงให้เห็นว่าภาพรวมของรถจดทะเบียนใหม่ในภาพอีสานเริ่มมียอดจดทะเบียนใหม่ต่ำลงตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2565 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจดทะเบียนใหม่รถกระบะนั้นลดลงหนักกว่ารถประเภทอื่น และฟื้นตัวช้ากว่ารถประเภทอื่นเช่นกัน โดยคาดว่าจะคงเป็นแบบนี้ไปจนถึงช่วงปีหน้า แต่ทั้งนี้ก็เริ่มมีสัญญาณที่ดีทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา 0.25% และคาดว่าในช่วงต้นปีหน้าจะมีการปรับลดอีครั้งหนึ่ง จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve System: FED) มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ 0.25% หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนกันยามีการปรับลดรอบแรก 0.5% และปัจจัยอีกส่วนหนึ่งคือการที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อนโยบายของไทยจะอยู่ในกรอบเป้าหมาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม ที่มา: กรมการขนส่งทางบก   ลานประมูลรถมือสองคึกคัก สยามอินเตอร์การประมูลโคราช เปิดให้ชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียง เข้าประมูลรถยึดขายทอดตลาด คัดเฉพาะคันสวย สภาพดี ประมูลรถยนต์/มอเตอร์ไซค์ : วันที่ 11-12 ธ.ค. 67 รถยนต์ 11 ธ.ค. 67 มอเตอร์ไซค์ 12 ธ.ค. 67 เริ่มเวลา 11.11น ฟรีบริการอาหารและเครื่องดื่ม สามารถเข้าชมบรรยากาศงานประมูลได้ฟรี สนใจลงทะเบียนประมูลและสอบถามเพิ่มเติม https://lin.ee/2oVYYCO สยามอินเตอร์การประมูล ถนนเลี่ยงเมือง ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ใกล้ สารสาสน์วิเทศโคราช โลเคชั่น https://bit.ly/3woD4DR

รถถูกยึดขายออกไม่ทัน เต็มลานประมูล สะท้อนภาพเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์ อ่านเพิ่มเติม »

ทศวรรษแห่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจขอนแแก่นและการทิ้งห่างของเศรษฐกิจโคราช

ทศวรรษแห่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจขอนแก่นและการทิ้งห่างของเศรษฐกิจโคราช   หากพูดถึงจังหวัดใหญ่ๆ ในภาคอีสาน แน่นอนว่าทุกคนต้องนึกถึง ‘นครราชสีมา’ และ ‘ขอนแก่น’ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งอีสาน ที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด(GPP) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เศรษฐกิจของทั้ง 2 จังหวัดเรียกได้ว่าตีคู่กันมาตลอด 30 ปี ซึ่งด้วยความที่นครราชสีมาเป็นจังหวัดอุตสาหกรรม มีประชากรและพื้นที่มากกว่าขอนแก่น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นครราชสีมาจะมีขนาดเศรษฐกิจที่มากกว่าขอนแก่นอยู่ระดับหนึ่ง โดยปี 2565 นครราชสีมามี GPP เท่ากับ 335,472 ล้านบาท และฝั่งขอนแก่น เท่ากับ 216,367 ล้านบาท เมื่อมามองที่ค่าผลต่างระหว่างมูลค่าของ GPP ทั้ง 2 จังหวัด (GPP นครราชสีมา ลบ GPP ขอนแก่น) ตั้งแต่ปี 2538 จนถึง ปี 2565 ที่แสดงในกราฟที่ 1 จะพบจุดสังเกตุสำคัญคือมูลค่าความต่างของGPP นครราชสีมาที่มากกว่าขอนแก่น เริ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะตั้งแต่ช่วงปี 2556 เป็นต้นมา  และหากนำ GPP ของทั้ง 2 จังหวัดตลอด 27 ปีนี้มาเปรียบเทียบดูเทรนด์โดยใช้กราฟเส้น จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 เส้นมีลักษณะ ‘บาน’ ออกจากกันมากในช่วงประมาณ 10 ปีหลัง และหากมองอย่างเจาะจงมากกว่านั้น จะเห็นว่า GPP ของนครราชสีมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปกติ แต่ที่ทำให้เส้น GPP ทั้งสองมีลักษณะ ‘บาน’ ออกจากกันหรือทิ้งห่างกันมากขึ้น คือ GPP ของขอนแก่น ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง  นอกเหนือจากนั้น หากมาดูที่ค่าเฉลี่ยการเติบโตของ GPP 4 จังหวัด Big 4 อีสานตลอด 20 ปี โดยแบ่งช่วงเป็น 10 ปีแรก 2546 – 2555 และ 10 ปีหลัง 2556 – 2565 จะพบว่า ช่วง 10 ปีแรก GPP ขอนแก่นเติบโตเฉลี่ย 10% นครราชสีมา อุดรธานี และอุบลราชธานี เติบโตเฉลี่ยประมาณ 9% ซึ่งในช่วง 10 ปีหลัง ทั้ง 4 จังหวัดมีการเติบโตเฉลี่ยที่ลดลง ผลจากการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของทั้งประเทศหดตัว แต่หากเปรียบเทียบระหว่าง 4 จังหวัดกลับพบว่า ขอนแก่น มีการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยที่ต่ำกว่าอีก 3 จังหวัด

ทศวรรษแห่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจขอนแแก่นและการทิ้งห่างของเศรษฐกิจโคราช อ่านเพิ่มเติม »

กาฬสินธุ์ ถิ่นน้ำดำ แดนไดโนเสาร์🦕 ก้าวข้ามจังหวัดที่ยากจนที่สุดในอีสาน ได้อย่างไร?

“การแก้ปัญหาความยากจน” ถือเป็นประเด็นความสำคัญที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่13 (256 – 2570) ได้กำหนดเป้าหมายไว้ใน “หมุดหมายที่ 9”ที่มุ่งแก้ไขปัญหา “ความยากจนข้ามรุ่น” ในสังคมไทย เพื่อให้คนไทยมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ และเหมาะสม ทั้งนี้ข้อมูลจากระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า ปี 2565 พบว่า ครัวเรือนที่มีแนวโน้มจะตกอยู่ในความยากจนข้ามรุ่น หรือเรียกโดยย่อว่า ‘ครัวเรือนยากจนข้ามรุ่น’ มีจำนวนประมาณ 597,248 ครัวเรือน หรือคิดเป็นประมาณ 15% ของครัวเรือนที่มีเด็กและเยาวชนเป็นสมาชิก ปัจจุบันมี 20 จังหวัดเป้าหมายซึ่งสามารถสอบทาน กำหนดกลุ่มคนจนเป้าหมายที่ถูกต้องและแม่นยำ สามารถส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเยี่ยวยาแก้ไขปัญหา และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำในระดับครัวเรือน บพท.ได้ขับเคลื่อนแพลตฟอร์มขจัดความ ยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำระดับจังหวัด ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1) การสร้างกลไกความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนระดับจังหวัด ด้วยข้อมูลจากกระบวนการวิจัย 2) ระบบข้อมูลครัวเรือนยากจนชี้เป้า ระดับพื้นที่ที่ครอบคลุม ปัญหาและฐานทุนรายครัวเรือนแบบเรียลไทม์ เป็นระบบข้อมูลที่ใช้กระบวนทาง สังคมแบบมีส่วนร่วมในการค้นหาและสอบทาน 3) ระบบส่งต่อความช่วยเหลือครัวเรือนยากจนและติดตามผล สร้างกลกความร่วมมือการส่งต่อความช่วยเหลือ กับองค์กรและหน่วยงานระดับพื้นที่แบบตรงเป้า ซึ่งช่วยลดความซ้ำซ้อนการทำงาน และสามารถยกระดับ คุณภาพชีวิตและฐานะทางสังคมของครัวเรือนยากจนเป้าหมาย 4)สร้างโมเดลแก้จนมิติอาชีพเพื่อยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจ โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ และสร้างห่วงโซ่คุณค่าจากธุรกิจที่มีความสอดคล้องกับบริบทพื้นที่และศักยภาพครัวเรือนยากจน รับรู้บริบทของ จังหวัดกาฬสินธุ์ กับอดีตเมืองที่เคยติดอันดับ Top3 ของจังหวัดที่จนที่สุดในประเทศ ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดกาฬสินธุ์ หลายคนมักจะนึกถึงจังหวัดที่เป็นเมืองรองในภาคอีสาน ที่เผชิญ ปัญหาความยากจน เรื้อรังติดต่อกันมากกว่า 5 ปี โดยมีข้อมูลระบุว่า ปี 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ มีประชากรที่อยู่ใต้เส้นความยากจนเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ โดยข้อมูลสำคัญของ จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ทุกคนควรรู้ก่อนจะไปเรียนรู้กระบวนการแก้ปัญหาความยากจนในระดับจังหวัดของที่นี่ คือ กาฬสินธุ์ตั้งอยู่ในภาคอีสานตอนกลางเชื่อมต่อกับสกลนคร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และขอนแก่น มีเนื้อที่ประมาณ 6,946.75 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 4 ล้าน 3 แสนไร่ แบ่งออกเป็น 18 อำเภอ 135 ตำบล 1,584 หมู่บ้าน มีประชากร 983,418 คน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 อยู่ในวัยแรงงานช่วงอายุ 25 – 59 ปี ร้อยละ 27.7 ประชากรวัยเด็กร้อยละ 23.28  และประชากรวัยสูงอายุ ร้อยละ 22.15 แต่อย่างไรก็ดี กาฬสินธุ์ ก็ได้ชื่อว่าเป็นเมืองเกษตรกรรมแห่งอีสานบ้านเรา เพราะจากข้อมูลโครงสร้างเศรษฐกิจจังหวัดกาฬสินธุ์ ปี 2562 มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด หรือ GPP 58,517 ล้านบาท เป็นการผลิตภาคเกษตร 13,552 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ

กาฬสินธุ์ ถิ่นน้ำดำ แดนไดโนเสาร์🦕 ก้าวข้ามจังหวัดที่ยากจนที่สุดในอีสาน ได้อย่างไร? อ่านเพิ่มเติม »

หนาวนี้ อีสานตอนบนหนาวกว่าที่ผ่านมา คาดการณ์ อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 6 – 8 ํC

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน คาดการณ์ว่าฤดูหนาวจะเข้ามายังภาคอีสานประมาณปลายสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคม 2567 และจะสิ้นสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยพื้นที่ภาคอีสานตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นมากกว่าปีที่ผ่านๆมา โดยมีอีสานตอนบนจะมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยประมาณ 20 – 21 องศาเซลเซียส และจะมีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 6 – 8 องศาเซลเซียส ช่วงที่จะมีอุณหภูมิต่ำที่สุดจะอยู่ในช่วงประมาณต้นเดือนธันวาคม 2567 ถึงเดือนมกราคม 2568 โดยมีลำดับเวลาฤดูหนาวของอีสานตอนบนดังนี้ ประมาณปลายสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน  หลายๆคนคงได้สัมผัสกับหนาวแรกของช่วงท้ายปีกันไปแล้ว โดยเฉพาะบริเวณอีสานตอนบน ซึ่งมีอากาศเย็นไปถึงหนาวในบางพื้นที่ และมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคอีสาน  ช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม เป็นช่วงที่พื้นที่ภาคอีสานจะมีอากาศหนาวเย็นมากขึ้น โดยเฉพาะอีสานตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นเกือบทั่วไปและหนาวจัดบริเวณตอนบนของภาค และมีหมอกหนาในหลายๆพื้นที่ โดยบริดวณยอดภูรวมทั้งเทือกเขาจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและเกิดน้ำค้างแข็ง เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากจีนแผ่มายังประเทศไทย รวมไปถึงมรสุมที่ยังพัดปกคลุมประเทศไทย ช่วงระยะต้นและกลางเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงท้ายของฤดูหนาวของประเทศไทย อีสานตอนบนจะยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า อากาศโดยรวมเริ่มอุ่นขึ้น และเริ่มมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในตอนกลางวัน กับหมอกหนาในหลายๆพื้นที่  . . ฤดูหนาว เป็นฤดูโปรดของใครหลายๆคน มีบรรยากาศเย็นสบาย หลายๆคนคงจะวางแผนไปท่องเที่ยวและพักผ่อน แต่ก็ยังมีปัญหาที่ตามมาอีกหลายอย่าง โดยอ้างอิงจากเคสในฤดูหนาวปีที่ผ่านมา ซึ่งคนอีสานควรเตรียมพร้อมเรื่องใดบ้าง Isan insight & Outlook สิพามาเบิ่ง….   1. ไฟป่า ภัยที่เป็นดั่งเงาของหน้าแล้ง ไฟป่า ดูเหมือนจะเป็นภัยที่เกิดมากในช่วงฤดูหนาว เพราะเป็นช่วงที่ป่ามีการผลัดใบและแห้งแล้ง ซึ่งภาคอีสานมีพื้นที่ป่าอยู่มาก ความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าย่อมมากตาม โดยสถานการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ของภาคอีสานที่ผ่านมาเมื่อต้นปี 2567 ในเดือน ก.พ. ได้แก่ เหตุไฟไหม้บนเทือกเขาภูแลนกา จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นเหตุกาณ์ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปีของจังหวัด ดังนั้นการป้องกันภัยป่าจึงเป็นสิ่งที่ควรระวังเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว   2. ฝุ่นละออง ของฝากที่ไม่ต้องการจากหน้าหนาว เมื่อเข้าฤดูหนาว สิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากในชีวิตประจำวันนั่นคือปัญหาเรื่องฝุ่นละออง PM 2.5 เนื่องจา่กมีแนวโน้มความกดอากาศที่สูงขึ้น ส่งผลทำให้อากาศไม่ถ่ายเท ผนวกพื้นดินแห้งและมักจะมีการเผาไร่นา ส่งผลทำให้มีฝุ่นละอองสะสม ตัวอย่างปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในภาคอีสาน คือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่หลายจังหวัดในภาคมีระดับค่าความเข้มข้นของฝุ่น PM 2.5 ในระดับสีแดง ไปจนถึงแดงเข้ม ซึ่งแสดงถึงความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งในปีนี้ก็คงหนีไม่พ้นการเผชิญกับปัญหาฝุ่นละออง ดั้งนั้นสิ่งที่เราทำได้คือการป้องกันตนเอง เช่น ลดการทำกิจกรรมการแจ้ง สวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น    3. ความหนาวเย็น ไม่ได้เป็นแค่ความโรแมนติก ภาคอีสานเป็นภาคที่ฤดูหนาวหนาวมากอยู่แล้ว และปีนี้ก็คาดว่าจะหนาวเย็นมากว่าปีที่ผ่านๆมา ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่อาจจะยากลำบากขึ้น ความหนาวเย็นสุดขั้วสามารถส่งผลแก่ร่างกายจนอาจถึงแก่ชีวิต ในปีที่แล้วหลายๆจังหวัดได้เผชิญกับภัยหนาว เช่น บุรีรัมย์ สกลนคร กาฬสินธุ์ เป็นต้น ซึ่งหน้าหนาวปีนี้จะเริ่มหนักในช่วงเดือนธันวาคมและมกราคม ผู้คนที่อาศัยบริเวณภูเขาควรเตรียมตัวเป็นพิเศษ เนื่องจากมีโอกาสที่บริเวณยอดภูเขาจะเกิดน้ำค้างแข็ง และจะมีหมอกหนาในหลายๆพื้นที่ ดังนั้นควรระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุในการใช้รถใช้ถนนให้ดี นอกจากนั้นยังมีโรคติดต่อที่มากับหน้าหนาว เช่น ไข้หวัดใหญ่

หนาวนี้ อีสานตอนบนหนาวกว่าที่ผ่านมา คาดการณ์ อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 6 – 8 ํC อ่านเพิ่มเติม »

โค้วยู่ฮะ อีซูซุ กับความท้าทาย ในตลาดรถกระบะ ปี 2567

รถกระบะเป็นยานพาหนะสำคัญสำหรับภาคธุรกิจและอาชีพต่างๆในประเทศไทย เนื่องจากเป็นรถที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายมีตัวเลือกที่หลากหลายในแต่ละกลุ่มราคา รูปแบบเหมาะสำหรับการนำมาขนของหรือนำไปต่อเติมเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น สำหรับในภาคอีสานนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าภาคอีสานเป็นภาคที่มีเกษตรกรมากที่สุดในประเทศ อีกทั้งด้านการขนส่งนั้นก็มีความสำคัญในภาคอีสานมากเช่นกัน สามารถพูดได้ว่าการมีรถกระบะนั้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ทำมาหากินที่สำคัญ สามารถช่วยสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนมากกว่ารถประเภทอื่นก็คงจะไม่ผิดอะไร โดยหากไม่นับกรุงเทพมหานครที่มีประชากรทำธุรกิจอยู่เยอะ ภาคอีสานนับเป็นภาคที่มีการจดทะเบียนรถกระบะใหม่สูงกว่าภาคอื่น ผลจากในด้านของประชากรที่มีมากกว่าภาคอื่น และการประกอบอาชีพที่จพเป็นต้องใช้รถกระบะมากกว่าภาคอื่น   บริษัท โค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด บริษัทขายรถยนต์อีซูซุรายใหญ่ในภาคอีสานที่มีสาขาในภาคอีสานมากถึง 20 สาขา และในกรุงเทพมหานครอีก 8 สาขา โดยโค้วยู่ฮะนั้นอยู่คู่ภาคอีสานมายาวนานนับ 60 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 จากจุดเริ่มต้นของ ดร.วิญญู คุวานันท์ และภรรยาคู่ชีวิตคนสำคัญ คุณมาลิน คุวานันท์ ผู้ที่เป็นกำลังสำคัญ ให้คำปรึกษาและเป็นแรงผลักดันในการ ดำเนินธุรกิจแก่ ดร.วิญญู โดยในปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดในด้านของรายได้รวมในภาคอีสานอยู่ที่ 4.83% หากมองในด้านของผลประกอบการจะพบว่ารายได้รวมในปัจจุบันของบริษัทนั้นมีปริมาณที่ลดลงเป็นอย่างมากจากปีก่อนหน้า โดยตารางที่ 1 แสดงให้เห็นถึงรายได้รวมในช่วงปี พ.ศ. 2558 – 2566 จะเห็นได้ว่าในปี พ.ศ. 2566 รายได้รวมของทางบริษัทลดลงเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2565 ลดลงประมาณ 33.55% และยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่งต่อบริษัท เพราะหากรายได้ของบริษัทลดลงย่อมส่งผลต่อกำไรของทางบริษัทที่ย่อมลดลงตามไปด้วยเช่นกัน   ตารางที่ 1 รายได้รวม และกำไรสุทธิ บริษัท โค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด ปี 2558 – 2566 2558 2559 2560 2561 2562 2563 2564 2565 2566 รายได้รวม 7,382.16 7,024.63 6,850.06 7,142.50 7,493.45 8,781.53 8,507.64 8,022.49 5,330.83 กำไรสุทธิ 111 170.3 143.71 176.58 146.9 160.75 193.32 211.31 122.65 หน่วย: ล้านบาท ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์   ปัจจัยส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อบริษัทคือความหลากหลายของสินค้าที่มีจำหน่ายของทางโค้วยู่ฮะเอง เนื่องจากความหลากหลายของสินค้านั้นมีไม่มากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง หากเรามองไปที่คู่แข่งอย่างโตโยต้าจะมีสินค้าตั้งแต่รถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ MPV และ SUV ซึ่งมีความหลากหลายมากกว่าโค้วยู่ฮะที่มีเพียงรถกระบะ SUV และรถบรรทุกขนาดใหญ่ เท่านั้น อีกทั้งในด้านศูนย์บริการที่ทางโตโยต้าได้เปรียบมากกว่า ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการตัดสินใจซื้อ และหากเรามาดูสินค้าในตลาดของทั้งสองเจ้าโดยอ้างอิงจากสินค้าที่ทางโค้วยู่ฮะมีเป็นหลักเราจะพบว่าในกลุ่มของรถกระบะนั้นทางอีซูซุยังคงครองส่วนแบ่งในสัดส่วนที่มากกว่าหากมองในด้านของความหลากหลายของตัวรถกระบะที่มีให้เลือกนั้นจะมีคล้ายกันอยู่มาก แต่จุดเด่นหนึ่งของทางโตโยต้าที่ได้เปรียบอีซูซุในตอนนี้คือการเข้ามาของ Toyota Champ ซึ่งเจาะกลุ่มตลาดของเกษตรกร ค้าขายที่จำเป็นต้องขนของได้เป็นอย่างดี ในราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่ารุ่นอื่นในตลาด อีกทั้งยังมีตัวเลือกในการแต่งเติมเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานมาให้เลยจากโรงงาน

โค้วยู่ฮะ อีซูซุ กับความท้าทาย ในตลาดรถกระบะ ปี 2567 อ่านเพิ่มเติม »

“คนเยอะ พื้นที่ใหญ่” เปิดศักยภาพ “3 จังหวัดอีสานใต้” ดันเศรษฐกิจสู้ Big 4

  อีสานใต้ ประกอบด้วย 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งเพียง 4 จังหวัดนี้มีขนาดเศรษฐกิจรวมกันเป็น 43% ของมูลค่าเศรษฐกิจของทั้งภาคอีสาน โดยหากไม่นับรวมจังหวัด นครราชสีมา และ อุบลราชธานี ที่เป็นจังหวัดกลุ่ม Big 4 แห่งอีสานที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยังพบว่า อีก 3 จังหวัดที่เหลือก็มีขนาดเศรษฐกิจที่ไม่ธรรมดา โดยมี มีมูลค่าเศรษฐกิจจังหวัด(GPP) ดังต่อไปนี้    บุรีรัมย์ 104,961 ล้านบาท (อันดับที่ 5 ของภาค) สุรินทร์ 88,660 ล้านบาท (อันดับที่ 6 ของภาค) ศรีสะเกษ 80,437 ล้านบาท (อันดับที่ 8 ของภาค)   จะเห็นได้ว่ามูลค่าเศรษฐกิจของทั้ง 3 จังหวัดอีสานใต้นี้ตามหลังกลุ่ม Big 4 มาแบบติดๆ อย่างมีนัยยะสำคัญ โดยบทความนี้ ISAN Insight and Outlook สิพามาแกะเหตุผลที่ส่งผลให้จังหวัดในโซนนี้มีเศรษฐกิจที่ใหญ่และมาแรงกว่าโซนอื่นในภาคอีสาน   รากฐานสำคัญของเศรษฐกิจโซนอีสานใต้ คือ “ภูมิศาสตร์ที่ดี” ปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ถือได้ว่าเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ ขนาดและพิกัดพื้นที่แต่ละจังหวัดสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ของพื้นที่นั้นๆที่ส่งผลมายังปัจจุบัน ซึ่งกลุ่มจังหวัดอีสานใต้ก็ถือได้ว่ามีภูมิศาสตร์ที่ดีซึ่งส่งผลการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีต ดังนี้ ขนาดพื้นที่ที่ใหญ่ จังหวัดกลุ่ม Big 4 มีพื้นที่จังหวัดเฉลี่ย 14,713.72 ตารางกิโลเมตร และขนาดพื้นที่ในจังหวัดในภาคอีสานเมื่อไม่รวม Big 4 มีขนาดเฉลี่ยประมาณ  6,875.01 ตารางกิโลเมตร ซึ่งจังหวัดในอีสานใต้มีขนาดพื้นที่ที่จัดได้ว่ามีกว้างขวางและเกินกว่าขนาดพื้นที่เฉลี่ยของจังหวัดในภาคเมื่อไม่รวม Big 4 โดย 3 จังหวัดอีสานอีสานใต้มีขนาดพื้นที่รวม  27,286.917 ตารางกิโลเมตร ดังนี้   บุรีรัมย์ 10,322.885 ตารางกิโลเมตร (อันดับที่ 17 ของประเทศ) ศรีสะเกษ 8,839.976 ตารางกิโลเมตร (อันดับที่ 21 ของประเทศ) สุรินทร์ 8,124.056  ตารางกิโลเมตร (อันดับที่ 24 ของประเทศ) ซึ่งการมีขนาดพื้นที่ใหญ่จะเป็นข้อได้เปรียบด้านการมีพื้นที่ใช้สอยและทรัพยากรที่มาก ทั้งเพื่อการเกษตรและนอกภาคเกษตร เช่น ธุรกิจหรือโรงงาน โดยจะเห็นได้ว่าจังหวัดกลุ่ม Big 4 แห่งอีสานก็มีขนาดพื้นที่ของแต่ละจังหวัดที่ใหญ่เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นทั้ง 3 จังหวัดอีสานใต้ยังมีพื้นที่ชายแดนติดกับกัมพูชา ซึ่งเป็นผลดีในด้านค้าและอุปสงค์จากชาวต่างชาติ   จำนวนประชากรมาก ปัจจัยด้านจำนวนประชากรก็เป็นสิ่งสำคัญต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากจำนวนประชากรเป็นทั้งอุปสงค์และอุปทานในระบบเศรษฐกิจ โดยจะพบได้ว่าค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างจำนวนประชากรและมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม

“คนเยอะ พื้นที่ใหญ่” เปิดศักยภาพ “3 จังหวัดอีสานใต้” ดันเศรษฐกิจสู้ Big 4 อ่านเพิ่มเติม »

“เฉียงเหนือเฟส 3” กับ 3 เวทียิ่งใหญ่ บขส.ขอนแก่น ชวนมาซิ่งกันมั๊ยหล้าให้ม่วนสมการรอคอย

ศิลปินที่มาปีนี้ครั้งแรกสิในงานนี้ ต่อให้อุกกาบาตชน ไดโน่ต้องได้ดู GMM SHOW ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ “เฉียงเหนือเฟส 3” ชวนมาซิ่งกันมั๊ยหล้าให้ม่วนสมการรอคอย กับเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ! เตรียมรับมือกับความสนุกทุกตารางเมตร พร้อมไปมันไปม่วนให้ทะลุขีดสุดทุกโมเมนต์ กับเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดและม่วนที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ Chang Music Connection Presents “เฉียงเหนือเฟส 3” งานที่เป็นความภูมิใจของชาวอีสาน ปีนี้ยกระดับความม่วนจัดเป็นครั้งที่ 3 พร้อมเดินหน้าเป็น “MUSIC DESTINATION OF E-SAN” ที่จะพาทุกคนเข้าสู่จุดหมายปลายทางทางดนตรีของภาคอีสานที่ทุกคนต้องมาม่วนกันที่งานนี้ การันตีคุณภาพจากทีมผู้จัดโดยผู้จัดทีม ALL AREA ภายใต้หน่วยงาน GMM SHOW ทีมที่มากประสบการณ์จัดงานมิวสิคเฟสติวัลใหญ่ของทุกภาค ปีนี้รวมตัววัยรุ่นสุดซิ่งครั้งใหญ่ ชวนเพื่อนเก่าไปม่วนซิ่งไป และเฮจอยกับเพื่อนใหม่ 1 วัน 26 ศิลปิน 3 เวที จัดเต็มยกทัพศิลปินเบอร์ท็อป และศิลปินสายเลือดอีสานที่การันตีความฮิต มาครบจากทุกแนวดนตรีมาไว้ในที่เดียว นำโดย TAITOSMITH / THREE MAN DOWN / PALMY / BODYSLAM / BIG ASS/ JEFF SATUR / POTATO / JOEY PHUWASIT / THE TOYS / ONLY MONDAY / POLYCAT / MANUTSAWEE / SAFEPLANET / VIOLETTE WAUTIER / 4EVE / LOMOSONIC / THE PARKINSON / RÉJIZZ / ALEC ORACHI / PUN / MIRRR / YENTED / FELLOW FELLOW / PURPEECH / TELEVISION OFF และปีนี้เพิ่มเติมความสนุกชวนมาร่วมสัมผัสประสบการณ์รีมิกซ์อีสานสมัยใหม่ ที่โคตรมัน กับ EDM หรือ “E-SAN DANCE MUSIC” จาก DJ.FARMER ROCKET ดีเจสไตล์รำซิ่งขนานแท้ ที่จะมากระตุกทุก DNA ความม่วนให้สุด ในงานพบกับ3เวทีที่ห้ามพลาด!เวทีเหนือ เวทีซิกเนเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดของงาน โดยในปีนี้จะมาในรูปโฉมใหม่ที่อลังการขึ้น ให้สมกับเวทีที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดเต็มด้วยสเปเชี่ยลเอฟเฟคที่จัดหนัก จัดเต็มกว่าปีก่อนๆ เวทีมิตรภาพ

“เฉียงเหนือเฟส 3” กับ 3 เวทียิ่งใหญ่ บขส.ขอนแก่น ชวนมาซิ่งกันมั๊ยหล้าให้ม่วนสมการรอคอย อ่านเพิ่มเติม »

Scroll to Top